Thursday, December 25, 2008

นายกฯกาลกิณี ไปถึงไหน ซวยถึงนั่น

กลายเป็นตัวกาลกิณีไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับท่านนายกฯอภิสัทธิ์.. ไม่ใช่สิ บารมีท่านซะขนาดนั้น คงต้องเรียกว่า พณฯ อภิมหาสัทธิ์ มันถึงจะถูก ก็บอลเขาแข่งกันดีๆ ผ่านเข้ารอบชิงมาฉลุย ไม่มีปัญหาแท้ๆ จู่ๆลูกเขยยายเนียน ดันฉวยโอกาสมาหาเสียง เข้าไปช่วยลุ้นในสนามราชมังคลา นัดแรกก็พาซวยกันไม่เลิก เจ๊งชัยกันระเนระนาด

ไม่ เชื่อก็ต้องเชื่อ ตั้งแต่ปล้นตำแหน่งนายกฯมาได้ ลางร้ายก็เริ่มปรากฎให้เห็นจะๆกะตา อย่างวันแรกที่เข้าทำเนียบ ยังไปทำซวยตอนไหว้ศาลพระภูมิ งานนั้นเล่นเอาช้างของพระภูมิท่าน ตกแตกชิบหายหมด

นี่ขนาดว่า ก่อนแข่งฝ่ายไทยฟอร์มดีกว่าเวียตนามเยอะ เรียกว่าเป็นต่ออยู่หลายขุม ถ้าเป็นมวยก็ชนะกันแบเบอร์ เชื่อโอเลี้ยงกินได้ เดี๋ยวมีคนมาตามจ่าย แต่ที่ไหนได้ ไม่รู้มันไปเชียร์ท่าไหน แค่ครึ่งแรกฝ่ายไทย ก็รับประทานไข่ไป 2 ฟอง เล่นเอาพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปตามๆกัน

จะไม่เอาก็ไม่ได้ เพราะมันเล่นเลี้ยงเดี่ยว เข้ามายิงยัดใส่แสกหน้ากันดื้อๆ ชนิดที่วงการทหารเขาเรียกว่า เป็นภารกิจที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถึงแม้ครึ่งหลัง ฝ่ายโน้นเขาจะคืนกำไรมาให้ 1 ลูก แต่สรุปแล้วก็ยังแพ้หมดรูปอยู่ดี งานนี้เล่นเอาท่านต่อถึงกับวงแตก ต้องชักดาบค่าโอเลี้ยงกันหน้าด้านๆ ก็คนมันไม่มีจ่ายน่ะ จะให้ทำยังไงได้

แต่ ช้าก่อน ถ้าเวียตนามคิดว่าจะคว้าชัยออกไปง่ายๆ แสดงว่ายังรู้จักพี่ไทยน้อยไป งานนี้มีแววว่าจะต้องลุ้นกันถึงฎีกา เพราะจากภาพถ่ายในสนาม แสดงให้เห็นกันตำตา ว่าตอนที่ยิงประตู นักเตะตระกูลเหงียน ดันหันก้นให้คนดู

อะไรไม่ว่า วงการโคตรเซียนกระซิบกระซาบกันให้แซด ว่างานนี้เราเจอไส้ศึกเข้าไปเต็มเปา เพราะรู้ทั้งรู้ว่าทำซวยมาหลายงาน ยังอุตส่าห์เข้าไปนั่งดู นี่แสดงว่าตั้งใจ ยิ่งเมื่อสืบสายสาแหรกไปถึงต้นตระกูล ก็ยิ่งชัดใหญ่ เพราะนายกฯของเราดันสืบเชื้อสาย มาจากตระกูลเหงียนซะได้ มิน่าล่ะ ที่ผ่านมาถึงได้เหงี่ยนน่าดู

ดูบอลไทยแข่งกับเวียตนามแม็ทช์นี้ ทำให้อดนึกย้อนไปถึงคู่กัด ระหว่างประชาธิปัติย์กับไทยรักไทยในอดีตไม่ได้ เพราะว่าเหตุการณ์ตอนนั้นมันก็เหมือนกับตอนนี้ ที่ประชาธิปัติย์เป็นต่อชนิดสุดกู่ เรียกว่าวงการต่อรองไม่ให้ราคากันเลยทีเดียว แต่หลังจากผลการแข่งขันปรากฎออกมา กลับกลายเป็นว่า พรรคแมลงสาบเอง ที่กู่ไม่กลับจนถึงทุกวันนี้

ขนาดว่า ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ จัดทั้งม็อบปอบเหลือง ประสานพลังกับพวกกุ๊ยเขียว ขนทั้งระเบิดทั้งปืนออกมาช่วยกันแล้ว ยังเอาไม่อยู่ โดนฝ่ายประชาชนยันเอาหงายเก๋งไปหลายยก ดีที่ว่าเป็นมวยอึดหน้าทน เลยตามตื๊อตามป่วนไม่เลิก จนสุดท้ายมาได้ตาชั่งจับมัดมือชก ถึงได้นั่งเก้าอี้นายกฯ สมกับที่เงี่ยมมานานแสนนาน

เอาเถอะ ไหนๆบอลก็แพ้ไปแล้ว แต่ตัวซวยก็ยังอยู่ดีมีสุข ถ้าจะถือโอกาสนี้ จำไว้เป็นบทเรียนก็คงดีไม่น้อย ในเมื่อบุพการีไม่ได้สอนมา ก็ต้องมาเรียนรู้เอาเอง กีฬามีแพ้มีชนะ พลิกคว่ำพลิกหงายกันได้เป็นธรรมดา แต่ถึงยังไงก็ต้องอยู่ในกติกา ไม่ใช่ถือกติกูมันยันเต

เป็นนักกีฬา มันต้องมีสปิริต ยามชนะก็อย่าออกอาการลิงโลดให้มากนัก ประเภทดีใจจนต้องส่งเอสเอ็มเอส ไปโพนทะนาให้ชาวบ้านรู้ว่า ข้าได้เป็นนายกฯแล้ว มันก็เกินไป ยิ่งยามแพ้นี่ยิ่งสำคัญใหญ่ นักกีฬาที่ดี มันต้องแพ้ให้เป็น ไม่ใช่แพ้แล้วพาลพาโลโฉเก เผาบ้านเผาเมืองจนวอดวาย วินาศสันตะโรไปหมด

ที่สำคัญอีกอย่าง ต้องเรียนรู้ที่จะหักห้ามความอิจฉา อย่าให้โจ่งแจ้งออกมานอกหน้าจนเกินงาม จะฝืนใจยังไง ก็ต้องแสดงความยินดีกับผู้ชนะให้ได้ ไม่ใช่ยืนหน้ามุ่ย ปล่อยให้ผู้อาวุโสกว่า ต้องเดินมาหาเพื่อขอจับมือ..นี่ถือว่าสอนให้ฟรีๆ ไม่คิดค่ายกครูเหมือนอีตาจรัญนั่น ก็เพราะไม่อยากให้เป็นนายกฯเถื่อนๆไปอย่างนี้ ถือซะว่า...

ทำหน้าที่แทนพ่อแม่นายกฯซักครั้ง มันก็เก๋ไปอีกแบบ

วโรทาห์: 25 ธ.ค. 51

Monday, December 22, 2008

ระวังให้ดี..รัฐบาลนอมินีอำมาตย์ จะพาถอยหลังเข้าคลอง

"ยาวเลยลูกเพ่..ยาวเลย..ยาว..ยาว..ยาว" เสียงไอ้จ้อนเด็กท้ายรถ 2 แถว ตะโกนโหวกเหวก พร้อมกับโบกไม้โบกมือ ส่งสัญญาณให้ลูกพี่ ที่กำลังถอยรถเข้าซอย เป็นอารมณ์เดียวกับไอ้มาร์ค ที่กำลังส่งสัญญาณให้ลูกพี่อำมาตย์ ซิ่งเรือประชาธิปไตย ถอยหลังยาวเข้าคลอง ชนิดกู่ไม่กลับ กว่าจะออกมาได้อีกที ยังไม่รู้ว่า จะต้องล้มตายกันอีกเท่าไหร่

เสร็จสมอารมณ์หมายกันซะที หลังจากที่ตุลาการยาสั่ง พากันตากหน้าออกมาตามล้างตามเช็ด ไล่บี้จนรัฐบาลนอมินีประชาชน แตกกระสานซ่านเซ็น ปริร้าวไปหมด เป็นการเปิดประตูอ้า่ซ่า ให้ผีห่าซาตานเข้าแทรกแซง จนในที่สุดก็สามารถยัดเยียด รัฐบาลนอมินีอำมาตย์ เข้ามาเสียบแทนที่จนได้

ดังนั้น ถ้าจะเรียกว่ารัฐบาลผีจับยัด ก็ไม่น่าจะเกินเลยไปซักเท่าไหร่

ในรอบร้อยปีหรืออาจจะนานกว่านั้น จะหานายกฯที่ทำให้ชาวบ้าน กระอักกระอ่วนใจได้มากถึงเพียงนี้ คงไม่ง่ายแล้ว ถ้าลองไล่เรียงดูกันให้ดี สิ่งที่ทำให้ประชาชน เกลียดรัฐบาลนี้จนเข้าไส้ ก็คือคนหน้าด้านอย่างนายอภิสิทธิ์นั่นเอง นี่ถ้าอำมาตย์รู้จักคิดซักหน่อย ไปเอาหมาเอาแมวมาเป็นนายกฯซะ ให้รู้แล้วรู้รอด ชาวบ้านยังจะทำใจได้ง่ายกว่านี้เยอะ

กลายเป็นรัฐบาลสารพัดฉายา ที่ชาวบ้านต่างพร้อมใจกันตั้งให้ จนไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี แต่ที่เหมาะสมที่สุด น่าจะเป็นรัฐบาลสัตว์นรก ตามที่พันธมิตรนำทางไว้ให้ ติดแต่ว่ามันยังไม่ถนัดปาก เพราะว่าฝ่ายเรายังถ่อยไม่พอ ทั้งๆที่คำๆนี้ ดูจะถ่อยน้อยไปด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับพฤติกรรมโจรห้าร้อย ที่ระดมสารพัดสัตว์มาไว้ในที่เดียวกัน

เสือสิงห์กระทิงแรดยังต้องชิดซ้าย เมื่อต้องมาเจอกับสิงสาราสัตว์ หลากชนิดหลายพันธุ์ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ ยันไปถึง สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ที่สั่งตรงมาจากนรกอเวจี และที่ขาดไม่ได้ไปซะแล้ว สำหรับพรรคถ่อยพรรคนี้ ก็คืองูเห่ายอดอกตัญญู และสัตว์เลื้อยคลานยอดฮิต ที่มีขนาดใหญ่กว่าจิ้งจก แต่เล็กกว่าจระเข้

สื่อต่างประเทศซึ่งไม่ค่อยเข้าใจ ประชาธิปไตยแบบไทยๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่างพร้อมใจกันวิพากษ์วิจารณ์ อย่างสาดเสียเทเสีย ว่าเป็นรัฐบาลที่ไม่ได้ฉันทานุมัติจากประชาชนไปโน่น นี่ถ้าไม่เกรงใจกัน ก็คงเรียกว่ารัฐบาลโจรไปแล้ว โดยหารู้ไม่ว่า ในประเทศอันอุดมคุณธรรมแห่งนี้ ฉันทานุมัติจากประชาชน หรือจะมาสู้เอกสิทธิ์ของอำมาตย์

ถ้าไม่รู้ ก็น่าจะดูสื่อในประเทศเป็นตัวอย่าง เพราะเข้าใจดี จึงพากันอมสากหน้าตาเฉย ท่าทีดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ครม.ชุดนี้ ก็หน้าตาเดิมๆ ที่พวกมันเคยร้องยี้ จะเป็นจะตายกันให้ได้ ตอนที่อยู่กับพปช. แต่ไหงพอทรยศหักหลังประชาชน แปรพักตร์มาสมสู่กับปชป. จู่ๆทำไมถึงได้หายยี้เป็นปลิดทิ้งไปได้ ก็ไม่รู้

ไม่น่าเชื่อว่ามะม่วงจำบ่ม จะสามารถเจริญรอยตามซือแป๋มัน ได้ทุกกระเบียดนิ้ว แม้กระทั่งงูเห่าพันคอ ที่ต่อไปนี้จะเป็นโลโก้ประจำตัว มีให้เห็นกันจนชินตา ในการ์ตูนเซียของไทยรัฐ ผู้ที่วาดงูเห่าพันคอเฒ่าชวนมาหลายปีดีดัก ่เพิ่งจะปลดออกเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง

หลังจากอดอยากปากแห้งมากว่า 8 ปี เมื่อมีตำแหน่งรัฐมนตรีมาประเคนให้ถึงรัง มีหรือที่พรรคกาลีจะไม่โซ้ยกันเอง อย่างเป็นงานเป็นการ ขนาดที่ว่า ลุงหยัดถึงกับเจ็บตากระทันหัน จนไม่อาจเข้าร่วมประชุมแบ่งเค๊กได้ เพราะถึงประชุมไปก็อดแด๊กซ์อยู่ดี เลยพาลให้ลูกกะโล่ในก๊วนทศวรรษของลุงแก ออกอาการเจ็บตากันโดยพร้อมเพรียง

เพียงแค่วันแรกก็เข้าตากรรมการ จนตาปูดตาบวมไปตามๆกัน เมื่อนายกฯสดๆซิงๆ ที่ถนัดทำแต่เรื่องบ้าๆบอๆ ส่งเอสเอ็มเอสไปเข้าเครื่องชาวบ้านให้ทั่ว เพื่อกู่ร้องให้ก้องโลก เป็นการประกาศศักดาว่า "ในที่สุดมาร์คก็ได้เป็นนายกฯแล้ว ๆ ๆ ๆ" ผลปรากฎว่า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยการด่าเช็ดไปถึงโคตรเหง้าศักราช

เมื่อถูกร้องเรียนว่า มันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ข่มขืนใจกันชัดๆ คณะกรรมกรคุ้มครองผู้บริโภค จึงได้โอกาสโชว์กึ๋น อธิบายว่า คนถูกข่มขืนนั้น บางคนก็พอใจ บางคนก็ไม่พอใจ คนที่พอใจก็ไม่ถือว่าข่มขืน ส่วนผู้ที่ไม่พอใจ ก็มีสิทธิร้องเรียนได้..คำตอบนี้ เล่นเอาเหวอกันไปทั้งบาง เรียกว่้า ไม่รู้จะเถียงมันยังไงจริงๆ

นับว่าเป็นโชคดีของคนที่ชมชอบลิเก เพราะว่าสมัยนี้ไม่ต้องไปหาดูที่ไหน ให้เมื่อยตุ้ม นายกฯของไทย มาเปิดวิกแสดงให้ดูเอง ประเดิมด้วยเรื่อง "แหวนหมั้นแทนใจจากยายเนียน" ที่เล่นเอาน้ำตาเล็ด น้ำตาร่วงกันไปทั้งบาง ส่งให้ยายเนียนขึ้นชั้นนางเอกยอดนิยม ในพริบตา ด้วยวัยที่ใกล้จะลงโลง

ถัดมาไม่กี่วัน ก็ต่อทันทีด้วย นิยายยอดฮิต "บ้านทรายทอง" จับตอนคุณชายเข้าบ้านใหม่ๆ สารพัดที่จะโดนกลั่นแกล้ง จนแทบไม่เป็นผู้เป็นคน เพียงแค่วันแรกก็ถูกใช้ให้กวาดบ้านซะแล้ว ทำให้ต้องถือไม้กวาดงกๆเงิ่นๆ อย่างน่าเวทนา เหตุเพราะว่า คนที่เคยกวาดให้เป็นประจำ ก็ดันโขมยบัตรเอทีเอ็ม เผ่นหนีไปซะฉิบ

เพียงแค่แซมเปิ้ล 2 เรื่องแรก ก็ทำเอาชาวบ้านคอลิเก ประทับใจจนอ้วกแตกอ้วกแตนไปตามๆกัน นี่ก็ใจจดใจจ่อรอดูเรื่องต่อไปอยู่ ซึ่งคาดกันว่า น่าจะเป็นเรื่อง...

"ฝากรักด้วยขี้..ที่อุบลราชธานี"

วโราทาห์: 22 ธ.ค. 51

Thursday, December 18, 2008

เรื่องของยายเนียน ที่ชักจะไม่ค่อยเนียนซะแล้ว

เช้าวันนี้ ยายเนียนประสบความสำเร็จอย่างสูง ในการลืมตาขึ้นดูโลกอีกครั้งหนึ่ง เพียงแค่ยังหายใจอยู่ได้ ก็เท่ากับบวกกำไรให้ชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีก 1 วัน ด้วยวัย 84 ปี ถึงแม้จะยังดูเด็กมากเมื่อเทียบกับปู่เย็น แต่ถ้าว่ากันตามมาตรฐานทั่วไปแล้ว ต้องถือว่าเป็นวัยแรกแย้มฝาโลง ที่เข้าใกล้ความตาย จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพญายม

ขณะที่กำลังนั่งมึน อยู่ที่ชานเรือน ยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับชีวิตต่อไปยังไงดี สายตาที่เหม่อมองไปบนถนนลูกรัง ที่ทอดผ่านหน้าบ้าน ก็ล็อคเป้าเข้าจังเบอร์ที่ลูกหมาตัวน้อยๆ ซึ่งกำลังจะเดินผ่านหน้ายายเฒ่า ไปอย่างเซ็งๆ คาดไม่ถึงว่า ภาพนั้นกลับปลุกอารมณ์คนแก่ให้คึกขึ้นมา อย่าน่าอัศจรรย์

เท้าไวเท่าความคิด ยายเนียนโดดผลุงลงจากชานเรือนอย่างรวดเร็ว ดักหน้าดักหลังเจ้าตูบน้อย ที่เกิดอาการแตกตื่นในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะคว้าคอมับ อุ้มมาเข้าอ้อมอก แล้วลูบหลังลูบไหล่ด้วยความเอ็นดู ถือเป็นลาภลอยแท้ๆ ที่จู่ๆก็มีหมามาสู่ โดยไม่ต้องออกไปตะลอนหา เช่นทุกวันที่ผ่านมา

ยา่ยเฒ่าอุ้มหมาน้อย ขึ้นเรือนไปอย่างลิงโลด แล้วลากกล่องสังกะสีมาเปิด สายตาแสดงอาการลิงโลดอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่จ้องมองไปที่แหวนทองเหลืองจำนวนมาก ที่สุมกองอยู่ระเกะระกะ ค่อยๆเลือกสรร จนกระทั่งได้อันที่เหมาะเหม็งกับข้อเท้าของเจ้าตูบ

แต่แล้ว จู่ๆไม่มีปี่มีขลุ่ย แกก็พรวดพราดลุกขึ้นอย่างแตกตื่น รีบอุ้มเจ้าตูบเข้าไปซุกอยู่หลังฝ้าบ้าน แล้วค่อยๆชะโงกหัวโผล่ออกไปสอดส่องที่ถนนหน้าบ้าน

เสียงรถบุโรทั่ง แล่นโครมคราม ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงบีบแตรปู๊นๆ เป็นสัญญาณว่า รถรับซื้อหมามาแล้ว เจ้าของคือทิดมากที่นั่งยิ้มเผล่ เก๊กหล่ออยู่ในที่นั่งคนขับ คนผู้นี้ จัดว่าเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่หัวโบราณ ที่คนในหมู่บ้านเกลียดยิ่งกว่าขี้

รถนั้นแล่นผ่านหน้า่บ้านไป ไม่ช้าไม่เร็ว มองเห็นตราพระแม่ธรณีบีบมวยผม หราอยู่ข้างรถอย่างชัดเจน นัยว่ามันไปถอดแบบมาจาก การประปานครหลวงที่เมืองกรุง คนขับนั่งดุ๊กดิ๊กๆอยู่ไม่สุข ตลอดเวลา เป็นบุคคลิกส่วนตัว ที่ไม่มีใครยอมเลียนแบบ พร้อมกันนั้นยังส่งยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย กะเรี่ยกะราดไปทั่ว ทำราวกับว่า ตัวมันนั้นหล่อซะเต็มประดา

" ฝากบ้านไว้ด้วยคร๊าบ..ฝากบ้านไว้ด้วยคร๊าบ.." เป็นเสียงตะโกนซ้ำๆซากๆของไอ้จ้อน เด็กเหลือขอท้ายบ้าน ที่ไม่รู้ว่ามันนึกเพี้ยนยังไง มาวิ่งตามดมฝุ่นที่ฟุ้งอยู่ท้ายรถ อย่างไม่ยอมลดละ

"ไปฝากไว้กับก๋งมึงนั่น..กูไม่ใช่ยาม" ทิดมากชะโงกหัวออกมาด่าเช็ด อย่างเหลืออด ด้วยความรำคาญ ที่มีเด็กกะโปโลมาวิ่งตามแหกปากไม่เลิก

วันนี้ไอ้จ้อนมันเป็นบ้าอะไรของมันวะ ยายเนียนรำพึงกับตัวเอง ท่ามกลางฝุ่นสีแดงที่ฟุ้งเข้ามาเต็มบ้าน ขณะที่รถรับซื้อสุนัขควบปุเลงๆผ่านไป อย่างไม่ใยดี ต้องรออยู่ครู่ใหญ่ กว่าฝุ่นนั้นจะค่อยจางลง จึงหันมาบรรจงสวมแหวนทองเหลืองเข้าที่ข้อเท้าเจ้าตูบ ถือเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของคนวัยดึก ที่ได้สวมแหวนหมั้นให้กับสุนัขข้างถนน

" ขอวงหนึ่งซิยาย" เสียงทักดังลั่นขึ้นมาทำลายความเงียบ พร้อมกับใบหน้าอูมๆสีดำปี๋โผล่มาที่ประตู เมื่อผสมกับนัยน์ตาที่เบิกโพลง จนถลนออกมานอกเบ้า มองแว๊บก็รู้ว่าผีเน่าอืดลอยมา เป็นใครไม่ตกใจ สงสัยว่าไม่บ้าก็เมา

ยิ่งยายเนียนขัวญอ่อนด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แกกระโดดตัวลอยจนเกือบทะลุหลังคา ก่อนที่จะตกปุ๊ลงมาเพราะถูกกระชากอย่างจัง จากแรงโน้มถ่วงของโลก บ้านทั้งหลังสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว ในขณะที่ปากซึ่งเป็นระบบกึ่งอัตโนมัติอยู่แล้ว ก็เริ่มด่ากราดอย่างสาดเสียเทเสีย เล่นไปซะหลายชุด จึงค่อยสงบลงได้ กว่าจะเริ่มเอ่ยปากทักทายกัน ตามประสาคนคุ้นเคย

"ไอ้เมือก ไอ้ชิบหาย.." แค่ทักกันพอท้วมๆ ยังไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็ถูกขัดจังหวะจากไอ้จ้อน ที่วิ่งกระหืดกระหอบ เข้ามาหาเฒ่าเมือก

"ข้าตะโกนให้แล้ว เอาเงินมาซะดีๆ" ไอ้เด็กเวรมันทำท่าทำทาง อย่างกับนักเลงรับจ้างมาทวงหนี้ อาการอย่างนี้ทำให้เฒ่าเมือกไม่อาจปฏิเสธได้ ต้องล้วงควักไปทั่วตัว จนได้แบ๊งค์ยี่สิบติดหนึบออกมา 1 ใบ ยื่นส่งให้ไอ้จ้อน อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

"20 เองเหรอตา อย่าลูกเล่นดีกว่า ไหนตกลงกันว่า 50 ไง" ไอ้จ้อนโวยลั่น ทำท่าว่างานนี้มันเอาเรื่องแน่

"ก็เองเล่นไม่เนียนเอง ไปโดนทิดมากมันด่ากลับ หักไป 30 จะเอาไม่เอา" เฒ่าเมือกก็ไม่เบา ยื่นคำขาดที่ไม่อาจปฏิเสธ กลับไปเหมือนกัน

"อ้าวเวร.." ไอ้จ้อนสบถออกมา ด้วยสุ้มเสียงที่แผ่วเบา ขณะที่ยื่นมือไปรับแบ๊งค์ 20 อย่างจำยอม เพราะรู้ดีว่า ถ้าไม่คว้าไว้ก่อน อาจจะโดนโกงไปมากกว่านี้

หลังจากนั้นเฒ่าเมือกจึงหันมาเจรจาธุรกิจ กับยายเนียนอย่างมือโปร ก่อนที่จะจบลงด้วยการจูงมือสาวเหลือน้อย ไปที่งานปั้นข้าวเหนียวที่ไร่มันสำปะหลัง

@@@@@@@@@@@@@@@

"... ไม่ลืมวัน ที่ปั้นข้าวเหนียวที่ไร่มันสำปะหลัง และอดที่จะเอ่ยถึงไม่ได้ คือ คุณยายเนียน ที่ได้มอบแหวนวงนี้ ให้ผม และได้หมั้นผมกับคนอีสานไว้" ทิดมากชูแหวนที่สวมนิ้วไว้ตลอดเวลา ขณะที่ส่งเสียงออดอ้อนอยู่ในจอทีวี เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง นายกสมาคมคนซื้อสุนัขแห่งประเทศไทย จากผลงานการกว้านซื้อสุนัขจากบุรีรัมย์ มาได้อื้อ

"โถ..พ่อคุณ นึกว่าลืมคู่หมั้นคนนี้ไปซะแล้ว.." ยายเนียนที่ใจจดใจจ่ออยู่หน้าจอทีวี ประทับใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แกร่ำไห้ออกมาอย่างเหลืออด ขณะที่กอดสุนัขตัวน้อยไว้แนบอก

พร้อมกับยกขาหน้าข้างซ้ายของมัน ที่มีแหวนหมั้นทองเหลืองสวมอยู่ตลอดเวลา ขึ้นมาแนบกับแก้มเหิ่ยวๆ ด้วยความซาบซึ้ง...เหนือคำบรรยาย

วโรทาห์: 18 ธ.ค. 51

Wednesday, December 17, 2008

ชัยชนะของพรรคประชาวิบัติ บนความพ่ายแพ้ของประชาชน

ออกอาการเซ็งไปตามๆกัน เมื่ออุตส่าห์ต่อสู้มาแทบตาย แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดอยู่ดี ต้องจำนนต่อรัฐบาลยัดเยียดแห่งชาติ ที่ได้รับการอนุเคราะห์เป็นอย่างเลว จากระบอบอำมาตย์ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการทุกหมู่เหล่า องค์กรโคตรอิสระทั้งหลาย นักวิชาการชั่ว สื่อเลว และใครๆต่อใครอีกเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ จาระไนไม่หมด

และที่ประชาชน จะลืมไม่ได้เป็นอันขาดคือ "นักรบศรีธนญชัย" ที่อยู่ในคราบตาชั่งภิวัฒน์

บันทึก หน้าใหม่ในกินเนสส์บุ๊ค ต้องจารึกไว้ว่า รัฐบาลที่สุดของที่สุดแห่งโลก ได้เกิดขึ้นแล้วเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ไมใช่นายกฯที่หนุ่มที่สุด แต่เป็นนายกฯที่หน้าด้านที่สุด เท่าที่โลกเคยมีมา อีกทั้งสุดยอดแห่งวิชามาร เรื่องชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย และสัตว์ประหลาดทุกสายพันธุ์ บรรดามี ได้มาสุมหัวรวมกันเรียบร้อย ในรัฐบาลนี้รัฐบาลเดียว

ความด้านอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ทุภาษิตบทนี้ ยังใช้ได้ดีเสมอสำหรับคนหน้าด้าน คำพูดที่ว่า คนหน้าด้านเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากที่สุด จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริง ในกระบวนยอดฝีมือทั้งหลาย ไม่ว่าจะเก่งกล้าสามารถเพียงใด ไม่มีใครไม่กลัวคนหน้าด้าน เหตุเพราะมันทำได้ทุกอย่าง ที่ไม่มีใครคาดคิดว่า มันจะกล้าทำ

เป็นครั้งแรก ที่เราได้เห็นคนอย่างนายม.7 ออกอาการเหนียมๆ เมื่อทราบผลว่าได้แอ้มเก้าอี้นายกฯแน่นอนแล้ว คล้ายๆกับว่ายังพอมียางอายอยู่บ้าง ไหนๆก็ถึงฝั่งแล้ว ก็ควรจะให้หนังหน้าได้พักซักหน่อย ไม่งั้นอาจจะด้านจนเกินเยียวยา เห็นพูดผ่านทีวีว่ารู้สึกไม่คุ้น ที่มีคนเรียกว่าท่านนายกฯ เลยโดนสวนทันควันจากหน้าจอตู้ว่า กูยิ่งไม่คุ้นใหญ่ ที่จะเรียกคนหน้าด้านว่าไอ้นายกฯ

ท่านอำมาตย์นี่ก็ช่างกระไร ไหนๆก็ด้านได้ถึงเพียงนี้แล้ว จะด้านเพิ่มอีกซักหน่อยจะเป็นไรไป ไหนๆก็ไหนๆน่าจะให้เฒ่าหน้าแหลม เขียนลงไปในรัฐธรรมนวยซะ ให้รู้แล้วรู้รอดว่า พรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ ต้องเป็นพรรคที่ก่อตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 60 ปี แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องมาลากยาว ให้ฉิบหายวายป่วงกัน อย่างเช่นทุกวันนี้ เพราะถึงยังไง ท้ายที่สุดก็ต้องให้พรรค 60 ปี ตั้งรัฐบาลอยู่ดี

ต่อไปนี้ก็ถึงเวลาอยู่ดีกินอร่อย ภายใต้รัฐบาลกองทัพงูเห่า ที่มีโลโก้ติดตลาดไปซะแล้ว เป็นรูปไอ้ห้อยกับไอ้โหนกอดกันกลม ราวกับพี่น้องแฝดคนละฝา ที่หลงรูหากันไม่เจอมาหลายสิบปี เมื่อได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงต่างโผเข้าจูจุ๊บกันอย่างดูดดื่ม เล่นเอาชาวบ้านแตกตื่นกันทั้งบางนึกว่า "หั้นกอดเกีย"..แต่เดี๋ยวก็เฮี่ยกัดกัน

เมื่อ"หั้นมาเจอเกีย" มันก็แน่นอนอยู่แล้วว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเป็นเบี้ยล่าง ไม่งั้นจะผสมพันธุ์กันยังไง ซึ่งงานนี้ ใครๆก็มองออกว่า "ฮาร์คเมี่ย" ต้องเป็นเบี้ยล่างของ "หิ้นเนเวีย" แต่ถึงขนาดนั้น ยังไม่วายปากหมา หยอดลูกเล่นว่า ผมเป็นเบี้ยล่างของประชาชนเท่านั้น

เป็นอันว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าประชาชนจะมีกิน หรือไม่มียัดก็ตาม แต่สาบานได้ว่า จะมีคำพูดสวยหรูประเภทนี้ ให้ได้ฟังกันจนเอียน

เจอ ลูกเข็มขัดสั้นเข้าไปอย่างนี้ ฝ่ายประชาธิปไตยถึงกับทำใจลำบาก เมื่อเจอไอ้ห้อยเตะลูกเข้าประตูตัวเองเฉย เลยหันมาโวยวายกันใหญ่ แต่ไม่รู้ทำไม ไหงมาโวยกันเองซะฉิบ เสียสปิริตชาวเสื้อแดงหมด บ้างก็ว่า ฝ่ายตรงข้ามมันแอบเนียนมาทำโวย เพื่อให้ผิดใจกัน แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ก็ขอให้ใจเย็นไว้ก่อน บอกแล้วว่าศึกครั้งนี้ มันเป็นมหากาพย์ ต้องออมแรงไว้ซดกันยาวๆ

เกมส์ฟุตบอลตัดสินกันใน 90 นาที แต่เกมส์ประชาธิปไตยไม่มีวันจบ ต้องสู้กันไปข้ามภพข้ามชาติ จนกว่าประชาชนจะเป็นฝ่ายชนะนั่นแหละ ถึงจะเลิกรา และในตำนานของมนุษยชาติ ประชาชนไม่เคยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เพียงแต่ว่าจะชนะเมื่อไหร่ ก็ต้องว่ากันไปอีกเรื่อง เรื่องล้มลุกคลุกคลานนั้นมีแน่ แต่ถ้าตื้อกันไปให้ถึงที่สุด ยังไง๊ยังไง ประชาชนก็ต้องได้รับการชูมือทุกที

แพ้ ชนะในระหว่างรบ มันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ตราบใดที่ยังต่อสู้ ก็ยังมีวันพลิกกลับมาชนะได้เสมอ ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยแพ้ซะเมื่อไหร่ จะว่าไปแล้ว เราแพ้มาตั้งแต่เกิดด้วยซ้ำไป พอลืมตาดูโลก ก็อยู่ภายใต้อุ้งเท้าอำมาตย์ซะงั้น เพียงแต่ว่าเมื่อไม่รู้ตัว เลยไม่รู้สึกอึดอัด เพิ่งมาตาสว่างโร่ ก็เมื่อไม่นานนี้เอง การสงครามจึงเป็นเพียงแค่เริ่มต้น จะรีบเอาชนะคะคานกันไปถึงไหน

เกมส์ ของใคร ก็ออกแบบมาให้ตัวเองได้เปรียบอยู่แล้วเป็นธรรมดา เราอย่าไปเล่นเกมส์เขามันก็หมดเรื่อง ต่อไปนี้ก็ประสานนอกใน บนดิน ใต้ดิน ใครถนัดทางไหน ก็เล่นทางนั้น อย่ารวมกันเป็นกลุ่มก้อน ให้มันกำจัดได้ง่ายๆ ยุทธวิธีอย่างนี้นี่แหละ อำมาตย์กลัวนัก แค่โดนเข้าไปไม่กี่น้ำ ก็ขี้คร้านจะรีบวิ่งโร่มาปูผ้ากราบ หรือออกนโยบาย 66/51 มาเกี้ยเซี้ย

กำแพง ยักษ์ยังอาจพังทลายลงได้ ถ้าถูกเซาะเอาอิฐออกไปทีละก้อน ระบอบประชาธิปไตย อาศัยแค่เสียงข้างมากก็เพียงพอ แต่เผด็จการต้องได้เสียงท่วมท้น ถึงจะพออาศัย จึงไม่แปลก ที่พวกนั้นจะต้องคอยร้องแรกแหกกระเชอ ให้รู้รักสามัคคี มาเป็นขี้ข้าให้อำมาตย์ใช้สอยซะดีๆ ถ้าขืนเอาไว้ไม่อยู่ มีคนคัดค้านเพียงแค่ 10-20 เปอร์เซ็นต์ หายนะก็มีหวังมาเยือนเอาง่ายๆ เพราะ...

อิฐที่เซาะออกมา 1 ก้อนจะไปเซาะอิฐข้างๆอีกหลายก้อน จนกระทั่งลามปาม ถึงจุดพังทลายในที่สุด

วโรทาห์: 17 ธ.ค. 51

Tuesday, December 16, 2008

@@@ อ า ย ทุ ย @@@

๏ เย็นย่ำสุริยา ขอบปลายฟ้าฉาบสีแดง
ย่างเดินยามค่ำแลง จูงเจ้าทุยกลับเถียงนา

๏ ค่ำคืนบ่ใคร่นอน เบิ่งแสงเพ็ญผ่องนภา
น้อยใจโชคชะตา บ่เหมือนคนอื่นเขาเป็น

๏ ชาวนาเป็นชาวดิน แค่หากินยังยากเย็น
ตรากตรำใช้กรรมเวร เหมือนเกิดมาเป็นส่วนเกิน

๏ ผู้แทนเคยไหว้เรา พอได้เป็นเขาก็เมิน
ขายตัวแลกเศษเงิน เกาะหากินตามเขาไป

๏ เจ้าทุยยังเหนือคน ที่ทำตนเป็นจังไล
ทุยเอยอย่าน้อยใจ ถึงเกิดมาบ่ใช่คน

๏ แต่ทุยเหนือผู้แทน ที่ขายตัวสู่ซ่องโจร
ทรยศต่อนายตน เป็นทาสเงินของนายเวร

วโรทาห์: 16 ธ.ค. 51

Sunday, December 14, 2008

ปิดกั้นแทบตาย สุดท้ายก็ยังล้นทะลักอยู่ดี

ผ่านไปอีกครั้งกับวันแดงเดือดศุภชลาศัย 13 ธันวาคม 2551 ท่ามกลางแสงนวลจันทร์อันสว่างไสว ในคืนเดือนเพ็ญที่แสนจะโรแมนติค แต่น่าเสียดาย ที่ท่านอำมาตย์กลับต้องนอนเหงื่อแตก คอยเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหว อย่างใจจดใจจ่อ หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ แฉ..ไม่แฉ แฉ..ไม่แฉ แค่นั้นจริงๆ

ลองนับนิ้วไล่เรียงดู จำนวนคนไทยหัวใจสีแดงที่มารวมพลังกัน ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ก็ไม่มากไม่มายเท่าไหร่ แค่เต็มแล้วเต็มอีก จนล้นทะลักลามปามไปทั่วอาณาบริเวณใกล้เคียง บอกแล้วไม่เชื่อ ว่าขาดเนวินแล้วจะรู้สึก เห็นไม๊ล่ะ! คนมากัน แค่ไม่กี่พันเอง

แปลกแต่จริง งานใหญ่ระดับบิ๊กขนาดนี้ แต่คนที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด แทนที่จะเป็นคณะกรรมการจัดงาน กลับกลายเป็นคณะกรรมการที่ไม่อยากให้จัดงาน ข่าวว่าลงทุนไปหลายอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ส่งคุณนายเป็ดหน้า่ยักษ์ ไปตรวจสัญญาหยุมๆหยิมๆ จุกจิกกวนใจให้จัดงานลำบากเล่นๆซะงั้น

นอกจากนั้น ยังลงทุนปิดกั้นการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับรู้ นอกเหนือจากที่สื่อชั่วในอาณัติอำมาตย์ ช่วยกันอมพะนำ ไม่กะโตกกะตาก ออกมาตีโง่เหมือนคราวที่แล้ว เพราะดันไปประโคมข่าว อัดก๊อปปี้เรื่องทักษิณโฟนอินฯ ว่าจะทำให้แตกแยก จนชาวบ้านแห่กันไปดูอย่างล้นหลาม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นจะๆกะตา ว่ามันจะแตกแยก ซักแค่ไหนกันเชียว

ยิ่งเมื่อถึงวันงาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นอกจากตำรวจที่มาดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว อำมาตย์ยังแสดงน้ำใจ ด้วยการส่งทหารที่กินเงินเดือนประชาชน ระดมกันมาถึง 17 กองร้อย เพื่อช่วยเทคแคร์ประชาชน ที่คาดกันว่า จะมากันเพียงไม่กี่พันคน ด้วยอาวุธประดามี ที่ขนกันมาเพียบ

และตามธรรมเนียมปฏิบัติอันเลวทราม ทหารสื่อสาร ภายใต้การสนับสนุนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูจาก CAT ยังตั้งหน้าตั้งตา ไล่บล็อคสัญญาณการถ่ายทอดสดทุกรูปแบบ เพราะความหวังดี ไม่อยากให้ประชาชน ได้ยินได้ฟังสิ่งที่ไม่ดี นอกเหนือจากเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ที่ศักดินาจัดให้เป็นประจำอยู่แล้ว

ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันไม่เลิก ว่าคนพวกนี้มันโง่เหมือนควาย หรือควายโง่เหมือนมันกันแน่ ถึงไม่เคยแสดงความฉลาดออกมาให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว อุตส่าห์คิดกันไปได้ ว่าถ้าถ่ายทอดสดไม่ได้แล้ว ชาวบ้านจะหมดโอกาสรับรู้

ถ้าเป็นเมื่อหลายสิบปีก่อนล่ะไม่เถียง แต่นี่มันพ.ศ.เท่าไหร่แล้ว เสียงตามสายมันไม่ได้หายไปกับสายลมซะเมื่อไหร่ ชาวบ้านชาวช่อง เขาอัดคลิปกันเป็นว่าเล่นแล้วหละลุง

เกิดเป็นคนไทยสมัยนี้มันก็ดีไปอย่าง นอกจากละครจักรๆวงศ์ๆ ที่มีให้ดูกันทุกค่ำคืนแล้ว เรื่องป่าเถื่อนโบร่ำโบราณ เรายังอนุรักษ์ไว้ได้ไม่มีตกหล่น เรียกว่าอะไรที่ชาวบ้านเขาไม่มี เรามีหมด แต่สิ่งที่ชาวบ้านเขามีกัน เราดันไม่มีซักอย่าง

สรุปว่างานนี้ อำมาตย์เสียวเก้อ หลงไล่บล็อคกันแทบตาย แต่สุดท้าย ทักษิณก็ไม่โฟนอิน ลุงวีระนะลุงวีระ ช่างทำไปได้ ไม่ออกหมัดก็ไม่บอกกันซักคำ ปล่อยให้ชกลมวืดวาด จนหน้าแหกเป็นริ้วปลาแห้งซะงั้น เหมือนหลอกคนแก่ ให้ออกมาแก้ผ้าให้ชาวบ้านดู โชว์โง่คราวนี้ มีแต่เสียกับเสีย

ถ้าว่ากันตามตรง คนส่วนใหญ่ที่ลงทุน ไปแออัดยัดเยียดกันในที่แคบๆ ก็หวังจะฟังทักษิณโฟนอินสดๆมา ให้ชื่นใจกันทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่ีปัญหา เพราะทุกคนต่างมาด้วยใจ เรียกว่า เพื่อประชาธิปไตยแล้ว ยังไงก็ต้องมาอยู่ดี

พูดง่ายๆว่า ถ้าโฟนอิน ก็ดีไปอย่าง แต่ถ้าไม่โฟนอิน ก็เก๋ไปอีกแบบ แต่ไม่ว่าจะกรณีไหน ก็สมควรแล้ว ที่ลุงวีระจะป่าวประกาศ ให้มันเอิกเกริกเข้าไว้ อะไรไม่อะไร อย่างน้อยได้หลอกให้อำมาตย์ ประสาทกินเล่นๆ ก็ยังดีกว่าอยู่เปล่าๆ แหม.เอะอะก็จะแฉ ใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว

พูดก็พูดเถอะ ทุกวันนี้ต่อให้ทักษิณไม่แฉ ชาวบ้านเขาก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่แล้ว ค่าที่จู่ๆพวกมันพอคุ้มดีคุ้มร้าย ก็โผล่หน้าออกมาแฉตัวเองเป็นระยะๆซะงั้น แต่ไม่รู้ทำไม พอใครบอกว่าจะแฉ ยังอดไม่ได้ ต้องตกใจแทบตาย ไปทุกทีเหมือนกัน

เอาหละ..อย่างน้อยถือว่างานนี้ สีแดงได้เติมแบตฯกันอีกครั้ง ว่าแล้วก็หันมา ก้มหน้าก้มตาโซ้ยกับมารร้ายต่อไป ในเมื่อจอมมารเล่นไม่เลิก ประชาชนก็สู้ไม่ถอยเหมือนกัน ระวังไว้เถอะ ขืนปิดกั้นกันมากๆ จนประชาชนไม่มีหนทางต่อสู้บนเวที ขั้นต่อไปอาจจะยิ่งดูไม่จืด ทำเป็นเล่นไป...

กระแสใต้ดิน ที่ไม่ใช่เลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว นับวันจะแรงขึ้นโดยลำดับ

วโรทาห์: 14 ธ.ค. 51

Tuesday, December 9, 2008

เพื่อแม่แพ้บ่ได้..สีเขียวดันปชป.เต็มสูบ

หลังจากที่ดิ้นรนขัดขืน เอาตัวรอดมาได้ตั้งหลายยก ตายแล้วฟื้นคืนชีพมาก็หลายหน แต่สุดท้าย ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ ก็ทำท่าว่าจะไม่รอดเงื้อมมือ อำมาตย์เสียงส่วนน้อยอยู่ดี เมื่อตุลาการกังฉินจัดการฆ่าล้างโคตร อย่างโหดเหิ้ยม เชือดยกครัวอย่างทารุณไป 3 พรรค ขึ้นชั้นจอมโจรร้อยศพไปในเวลาแค่ 1 ชั่วโมง

นับได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แถมยังเลือดเย็นอย่างสุดๆ โหดผิดมนุษย์มนา ถึงขนาดว่าพ่อบ้านแม่เรือน ยกมือไหว้ปะหลกๆ ร่ำไห้วิงวอนออดอ้อนขอชีวิต จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด ต่อมคุณธรรมจริยธรรม ยังไม่มีกระดิกกระเดี้ยแม้แต่น้อยนิด

หมดกัน..เมื่อบ้านแตกสาแหรกขาด ประชาชนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ก็มีสภาพไม่ต่างจากสมันน้อย ที่พลัดหลงเข้าไปในดงหมาป่า มีหวังถูกสมุนอมาตยาฯต้อนหน้่าต้อนหลัง จับขึงพืดให้พรรคจังไล มันย่ำยีจนปี้ป่น เห็นทีว่ามาร์คหน้าด้าน จะได้ขึ้นครูในตำแหน่งนายกฯกัน ก็คราวนี้

จากเด็กกะโปโลที่ไม่เคยแม้แต่แจวเรือจ้าง ยังริบังอาจมาอาสา ถือหางเสือเรือโยง สงสัยที่บ้านคงไม่มีกะโหลกกะลา ซักกะใบ หรือว่ามี แต่ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลก จะได้ชะโงกดูเงาหัวตัวเอง ว่ามันโหลยโท่ยซะขนาดไหน

ชาวประชาธิปไตย คงทำใจลำบากอยู่ซักหน่อย ที่เห็นหัวหน้าพรรคสมุนเผด็จการ แสดงความซ่านจนออกนอกหน้า มีอาการรักชาติจนน้ำลายไหล อยากจะกระซวกชาติจนหัวสั่นหัวคลอน แลบลิ้นปลิ้นตาราวกับว่า เห็นสาวน้อยมาแก้ผ้าอยู่ีตรงหน้ายังไม่ปาน อาการอย่างนี้ ถ้าไม่เรียกว่า..สำเร็จความใคร่เพื่อชาติ..แล้วจะให้เรียกว่าอะไร

ฝ่ายเฒ่าเทือกตาโปนนั้น ไม่ต้องพูดถึง แสดงอาการกระดี๊กระด๊า ตามประสาเฒ่าลามกไม่เคยเปลี่ยนแปลง ออกทีวีถี่ยิบ จนชาวบ้านแทบจะยกเท้าถีบให้หงายเก๋งไปทั้งทีวีทั้งคน ข้อใหญ่ใจความ ก็เพื่อจะเคาะกะลาให้หมาดีใจ ว่าครม.บุฟเฟ่ต์ยี่ห้อประชาธิเปรตแร้งทึ้ง เปิดกิจการได้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ถ้าใครขืนมาช้า เกิดตกขบวนรถไฟ จะมาหาว่าไอ้แก่ไม่เตือนไม่ได้นะ

สูตรเดิมๆแหละเฒ่าเอ๊ย ใช้มาจนพรุนแล้วพรุนอีก ใครๆเขาก็รู้ ว่าลักไก่แบบเด็กๆ

เพราะข่าวลึกเบื้องหลัง แจ้งมาว่า ช้าก่อนมันยังไม่สะเด็ดน้ำ ยังอยู่ในขั้นเตรียมการก่ออาชญากรรมแค่นั้นเอง งานนี้มีการทุ่มทุนสร้างอย่างสุดๆ เป้าหมายคือซื้องูเห่า 60 ตัว เคาะราคาไว้ที่ตัวละ 3-4 สิบล้านอย่างเหนาะๆ เบ็ดเสร็จใช้เงินจิ๊บๆแค่ 2 พันล้าน ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เพราะสปอนเซอร์เปย์ไม่อั้นอยู่แล้ว ดีกว่าเอาไปละลายแม่น้ำ กับม็อบแป๊ะเป็นไหนๆ

แต่ทำไปทำมา เรื่องมันทำท่าว่าจะไม่ง่ายซะแล้ว เมื่อประชาชนทนไม่ได้ เลยชวนกันมาออกโรงเอง ถ้าขืนส.ส.แหกคอกไป ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทั้งเป็น ชาวบ้านที่ไหน จะปล่อยมันไว้ทำพันธุ์ ด้วยเหตุฉะนี้ เฒ่าเทือกจึงต้องมุดถ้ำ เข้าไปสุมหัวกับทหารทราม เพราะในเมื่อเอาเงินฟาดหัวเพียวๆไม่ได้ มันก็ต้องเพิ่มฟังค์ชั่น ใช้บริการเสริมของพวกนักเลง

อีกอย่่าง งานนี้สีเขียวก็มีไฟต์บังคับ ต้องทุ่มสุดตัว เพื่อแม่แพ้บ่ได้..เหมียนกัน

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ทหารศักดินา จะออกมาขมีขมัน เดินเกมส์จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นการใหญ่ ยังไงก็ต้องดันก้นประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ให้จงได้ เพราะในเมื่อมันเสี่ยงเกินไป ที่จะปฏิวัติด้วยปลายกระบอกปืน จึงต้องหันมาพึ่งการปฏิวัติผ่านรัฐสภา ที่กินนิ่มกว่ากันเยอะ เหตุเพราะมีพรรคโสเภณี นอนแผ่อ้าซ่า คอยให้บริการครบสูตรอยู่แล้ว โดยสมัครใจ

ถ้างานนี้สำเร็จ นักวิชาเกินที่กำลังมุดหัวอมสากกะเบือ อยู่ใต้ชายกระโปรงตอนนี้ ก็คงโผล่หัวออกมาขานรับกันเซ็งแซ่ ว่าถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นของประชาธิปไตยแบบไทยๆ นับเป็นครั้งแรก ที่เราจะได้รัฐบาลทหารที่มาในคราบของพลเรือน หรือรัฐบาลพลเรือนที่เป็นนอมินีอำมาตย์ สุดแท้แต่จะยกยอปอปั้นกันไป เผื่อเข้าตากรรมการ จะได้มีเก้าอี้ตัวใหญ่ไว้รองก้น ให้บานเฉิ่มกันซะที

ระหว่างนี้ จึงเป็นหน้าที่ของทหารเลว ที่ออกเดินสาย ข่มขู่ส.ส.ในฝ่ายรัฐบาลให้ย้ายขั้ว ไม่งั้นจะส่งนักเลงสีเขียวไปพังร้าน เห็นว่าจะเอาให้เจ๊งคาตา ทำมาหากินไม่ได้กันเลยทีเดียว จึงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เห็นส.ส.หลายคนหันรีหันขวาง ไม่รู้จะเอายังไงดี มันถึงจะงามหยด ที่ทำท่าว่าจะแตกแถวค่อนข้างแน่ คือกลุ่มเพื่อนเนวินบางส่วน แต่ก็ต้องรอดูอีกที ว่ากลุ่มพ่อเนวินจะเอายังไงกัน

ทำไปทำมา ก็หนีไม่พ้นประชาชนอยู่ดี ที่ต้องยืนแลกหมัดกับอำนาจมืด ที่มีอำมาตย์เป็นทัพหน้า มีศักดินาคอยลุ้นอยู่เบื้องหลัง เรียกว่าตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ไม่มีใครยอมใครง่ายๆ ก็แล้วกัน

เหตุที่เรื่องมันลากยาวมาถึงขนาดนี้ ฝ่ายขี้ข้าอำมาตย์ ก็โทษว่าเพราะน้าแม้วแกเล่นไม่เลิก จนแล้วจนรอดยังไม่ยอมวางอาวุธซะที มันเลยบานไม่หุบซะงั้น เออเนาะ..ออกรูนี้ก็ได้เหมือนกัน ตามประสาคนพาล ก็ต้องคิดแบบพาลๆเป็นธรรมดา

ผิดกับฝ่ายประชาชน ที่ไม่ใช่คนพาล จึงคิดไปอีกแบบ บอกว่า ที่พวกเราเอามันไม่ลงซะที ก็เพราะน้าแม้วแกสู้ไม่เต็มสูบ ไม่รู้ว่าจะเกรงใจอะไรกันนักกันหนา ถึงไม่กล้าทุ่มทุนสร้าง ปล่อยให้ประชาชน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ

ทอดกฐินผ้าป่ากันไป ตามมีตามเกิด

วโรทาห์: 9 ธ.ค. 51

Thursday, December 4, 2008

อย่าเป็นพระราชาที่ประชาชนกลัว แต่จงเป็นพระราชาที่เกรงกลัวประชาชน

กำลัง มันหยดติ๋งๆ สำหรับภาพยนตร์เกาหลีเรื่องยาว "บันทึกรักคิมชูซอน สุภาพบุรุษมหาขัณฑี" ลากยาวมาถึงตอนที่พระราชาองค์ใหม่ กำลังบ้าอำนาจอย่างสุดๆ สั่งลงทัณฑ์ขุนนางที่ชอบขัดใจอยู่เรื่อย จนงอมพระรามไปตามๆกัน ในขณะที่ขุนพลอยพยักกลับได้ดิบได้ดี อ้างราชโองการออกไล่ยำขาวบ้าน จนกลัวหงอไปทั้งบ้านทั้งเมือง

แล้วก็ เป็นไปตามสูตร ประชาชนที่ไหนจะไปแยกแยะออกว่า ราชโองการอันไหนของจริง อันไหนของปลอมทำเหมือน เลยยกผลประโยชน์ให้จำเลย หันไปแอบด่าพระราชาซะเละตุ้มเป๊ะ

ทั้งหลายทั้งปวงจึงเป็นหน้าที่ของ คิมชูซอน ในฐานะเจ้ากรมมหาดเล็ก ที่ต้องรับหน้าเสื่อเอากระดิ่งไปผูกคอแมว เพื่อปกป้องพระราชาไม่ให้เสื่อมหนักยิ่งไปกว่านี้ ด้วยการออกปากตักเตือนพระราชา ให้ประพฤติตัวอยู่ในทศพิธราชธรรม จนเป็นที่มาของวลีอมตะ "อย่าเป็นพระราชาที่ประชาชนกลัว แต่จงเป็นพระราชาที่เกรงกลัวประชาชน"

แล้วก็ได้ผลตามคาด มหาขัณฑีเจอยำซะเละเทะ ชนิดที่หมอไม่รับเย็บ แถมด้วยอ๊อปชั่นพิเศษ จับโยนออกไปนอกวังอีกต่างหาก..สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกับพระราชา

นี่เป็นรายงานสรุปเหตุการณ์ล่าสุด ที่ออกฉายทางทีวีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เรื่องราวต่อไปจะมันเจ๋งเป้งขนาดไหน ต้องไปลุ้นระทึกเอาทุกวันเสาร์และอาทิตย์ตอนเย็นย่ำโพล้เพล้ แต่ข่าวล่ามาเร็วจากพรรคพวกที่ใจร้อน ซึ่งแอบดอดไปซื้อซีดีมาดู เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระซิบบอกมาว่า พระราชางานเข้า สุดท้ายก็โดนวางยาพิษ เรียบร้อยโรงเรียนเกาหลี ไปตามระเบียบ

หนังเรื่องนี้ ถ้าสร้างมาจากเรื่องจริง ก็ทำให้ได้รับรู้ว่า วัฒนธรรมเกาหลีนั้น เขามีการเกรงใจประชาชนมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว ชาติอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่สำหรับเกาหลีแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหน ถึงยิ่งใหญ่คับฟ้า ก็ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ทำเป็นมองข้ามหัวประชาชนไป ไม่นานก็จอดไม่ต้องแจว

สำหรับใครหลายคน คงออกมาโวยวายหาว่าขี้โม้ มีที่ไหน พระราชาต้องเกรงกลัวประชาชน มีแต่ประชาชนต้องกลัวพระราชาจนหงอหละไม่ว่า แต่ถ้าคิดให้ซึ้งก็จะพบว่า ทั้งหลายทั้งปวง มันเป็นสัจจธรรม พระเดชทำให้คนกลัวได้ แต่คงอยู่ไม่นาน ผิดกับพระคุณ ที่ทำให้คนรัก ถึงจะไม่เฉียบขาด แต่ก็ตีตั๋วยาว

ก็ลอง ว่าหน้าไหน ไม่ว่าพระราชาหรือสามัญชน ถ้าเกิดบ้าระห่ำลุกขึ้นมาไล่ฆ่าคนเป็นว่าเล่น ใครไม่กลัวก็บ้าแล้ว แต่จะอยู่ได้นานแค่ไหน ก็ว่ากันไปอีกเรื่อง ถึงไม่มีใครจัดการได้ แต่สุดท้ายก็เสร็จพญายมอยู่ดี ดูแต่จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นตัวอย่าง ตอนอยู่ใครๆก็กลัวหงอ แต่พอตายไป เป็นไงล่ะ โดนขุดฮวงซุ้ยซะเละตุ้มเป๊ะ

ถ้า เป็นไปได้ ก็อยากให้ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ไม่ว่าจะในรัฐธรรมนูญ หรือนอกรัฐธรรมนูญ ก็แล้วแต่ ได้หาโอกาสมานั่งดูหนังเรื่องนี้ แล้วฉุกคิดกันบ้าง เผื่อว่าอะไรๆอาจจะดีขึ้น อย่างน้อยที่สุด ก็จะได้สำเหนียกกันว่า แม้แต่พระราชา ยังใช่ว่าจะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ แล้วพวกท่านเป็นใคร ถึงจะเอาแต่ใจตัวเอง เป็นบรรทัดฐาน

เวรกรรมของคน กะเหรี่ยง ที่ดันเกิดมาในถิ่นกาขาว เลยต้องอาศัยดูหนังชาติอื่น เอามาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ เพราะถ้าขืนเปิดไปดูหนังกะเหรี่ยง นอกจากไม่สอนอะไรดีๆแล้ว ยังประสาทจะกินเอาอีกต่างหาก เมื่อเห็นตัวละครไล่ตบตีกัน ตั้งเปิดฉากไปจนยันเก็บฉากม้วนเสื่อ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่สังคมกะเหรี่ยง จะตัดสินปัญหาด้วยกำลังลูกเดียว

ทุกครั้งที่ดูหนังเรื่องนี้ ยังอดแปลกใจไม่ได้ ว่าทำไมเบื้องหลังชีวิต ของกงกงเกาหลีคนนี้ กับขัณฑีเกาเหลาคนนั้น มันถึงได้แป่เอี่ยเซมๆ อย่างกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน เพราะต่างก็อกหักรักคุดมาจากหญิงงาม เลยเสียใจถึงกับตอนตัวเองมาเป็นขัณฑี เพียงแต่ว่าชีวิตหลังจากนั้น ดันกลายเป็นหนังคนละม้วน

จะว่าไปแล้ว ระหว่างเกาเหลากัีบเกาหลี ก็มีดีเหมือนกันอยู่หลายอย่าง ในขณะที่ทางนั้นมี "คิมชูซอน" ทางนี้ก็เต็มไปด้วย "คนซ่อนชู้" และแม้แต่ทางนั้นมี "สุภาพบุรุษมหาขัณฑี" ทางนี้ก็มี...

"สุภาพสตรีมหาบุรุษ"

วโรทาห์: 4 ธ.ค. 51

Wednesday, December 3, 2008

๏ แดงรวี เปลวไฟ บรรลัยกัลป์ ๏

๏ มองดูแสง สุรีย์ ที่ฉายฉาน
ประหนึ่งปาน สีเลือด ที่เชือดไหล
ละเลงสี แดงสาด ระบาดไกล
ทั่วไผท จบดิน สิ้นปฐพี

๏ เมื่อถึงคราว เผ่าไท ละลายแหลก
จึงแบ่งแยก เลือดไทย เป็นหลายสี
เหลืองอุบาทว์ ชาติเชื้อ อสุรี
แดงรวี เปลวไฟ บรรลัยกัลป์

๏ วะวะเหวย เหวยฟ้า เคยปราศัย
แล้วไฉน ทิ้งข้า ให้อาสัญ
กุลีไพร่ ทั่วหล้า ต้องจาบัลย์
เพราะต่ำชั้น เกินไป ฤาใช่คน

๏ ทั่วแผ่นดิน ผืนฟ้า นภากาศ
ดารดาษ ฉาบแดง ทุกแห่งหน
ทุกแว่นแคว้น แดนดิน ถิ่นสกล
ประชาชน ย่อมใหญ่ กว่าใครปวง

๏ ต่อแต่นี้ ถึงครา ข้าลิขิต
จะรักษ์สิทธิ ศักดา ที่ข้าหวง
จะสร้างดาว เคียงกัน เป็นล้านดวง
เพื่อตามทวง ประชา ธิปไตย

๏ เมื่อแผ่นดิน ไร้ธรรม ที่พร่ำบอก
แค่เล่ห์หลอก ลวงเล่น ให้เป็นไพร่
เมื่อความแตก แยกชัด ถึงขัดใจ
จะเป็นตาย ไม่รู้ ต้องสู้กัน

วโรทาห์: 3 ธ.ค. 51

Friday, November 28, 2008

แป๊ะแย่แล้ว..ถอยก็แพ้ รุกคืบก็สงคราม เจรจาก็สายไป

เหิมเกริม ต้องเรียกว่าเหิมเกริมจนเกินพิกัด หลังจากที่วาทกรรมสู้เพื่อใคร ได้รับการคอนเฟิร์ม เลยฮึกเหิมกันใหญ่ ราวกับได้ดาบอาญาสิทธิ์ ยังไงยังงั้น นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเห็นหัวประชาชนกันแล้ว สุดท้ายเลยพาตัวเองมาจนตรอกจนได้ ถ้าถอยคราวนี้ก็แพ้ราบคาบ ขืนรุกคืบอีกก็เจอสงคราม ครั้นจะมาเปิดเจรจากันตอนนี้ก็สายเกินไป

อาจ จะเพราะว่าเวลามันมีจำกัด เมื่อนายใหญ่ประกาศิตมาว่า ต้องจบให้ได้ภายในวันที่ 4 คราวนี้เลยออกลูกมั่ว ประกาศว่าม้วนเดียวจบ แล้วเปิดคอกออกลุยเลย นึกไม่ถึงว่า จุดเปลี่ยนมาอยู่ที่ปู่ชัยจอมแสบ ขานี้ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า หลอกให้มาล้อมรัฐสภาแล้วย้ายหนีเปิดแน่บ คราวนี้เลยเละเทะ จากม้วนเดียวจบ กลายเป็นม้วนเดียวจอด เจอปู่ชัยพาทัวร์ออกทะเล กู่ไม่กลับมาจนถึงวันนี้

แทนที่ว่า พลาดแล้วพลาดเลย วันหน้าค่อยมาว่ากันใหม่ แต่เพราะรอไม่ได้อีกแล้ว จึงต้องป่วนต่อ เรียกว่าออกมาครั้งนี้ ยังไงก็ต้องมีเรื่องให้จงได้ แล้วก็สมใจอยากซะที เมื่อไปยึดสนามบินนานาชาติเข้า คราวนี้เลยเป็นเรื่อง ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ยกระดับขึ้นไปเป็น "พันธมิตรประชาชนเพื่อก่อการร้าย" เรียบร้อยโรงเรียนแป๊ะ

เจอประชาชนด่าจนหูตูบ แนวร่วมน้อยใหญ่ ถึงกับเบี่ยงตัวหลบกันวูบวาบ ไม่มีใครยอมร่วมหัวจมท้ายด้วยเลยงานนี้ เพราะคนที่ออกมาด่าไม่ใช่แค่ฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นประชาชนทั่วไปที่เป็นกลาง อย่างที่แป๊ะเรียกว่าชิงหมาเกิดนั่นแหละ หนำไม่ซ้ำ พวกชิงแป๊ะเกิดอย่างเหล่าพันธมิตร ยังบอกเลิกศาลากันเป็นพรวน ไม่ตายงานนี้แล้วจะไปซี้งานไหน

ความฉิบหายแผ่ขยาย ลามปามเป็นวงกว้าง สื่อนอกประโคมข่าวกันใหญ่โต แม้ว่าสื่อในจะทำมึน รายงานข่าวไปแกนๆ

สำเร็จแล้วแป๊ะ ได้ดังระเบิดเถิดเทิงกันก็คราวนี้ ในขณะที่บินลาดินเริ่มอับแสง บินลาแป๊ะก็เข้าเสียบแทนได้อย่างเหมาะเหม็ง ต่อไปนี้ไม่ว่าแป๊ะจะเดินทางไปประเทศไหน ใครต่อใครเป็นได้เผ่นกันกระเจิง ร้องแรกแหกกระเชอว่ามาแล้ว "ผู้ก่อการร้ายจากซัวเถา"

ทำเป็นเล่นไป เรื่องก่อการร้ายนี่ ชาวโลกเขาตื่นกันนัก นี่ถึงขนาดว่า ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยในเร็ววัน ยูเอ็นกะจะมาลุยเอง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้วเสร็จสรรพ คอมมานโดจากสหรัฐฯ จูงแขนอิสราเอล ตั้งท่ารอบุกเข้ามาชิงตัวประกัน ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมัน ป๋าอย่ามาแอบยิ้ม เพราะที่จะขนกันมานั้น มันหน่วยสวาท ไม่ใช่หน่วยสังวาส

ปล่อย ให้คนชั่ว ทำริยำตำบอนกับประเทศไทยถึงขนาดนี้ ผู้หลักบักใหญ่ยังอยู่สุขสบา่ยกันดี ไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จึงไม่แปลกที่ครั้งนี้ เป้าโจมตีของประชาชน จะอ้อมหลังแป๊ะไปยังผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย เสียงก่นประนาม ด่าพ่อล่อแม่ ว่าพอกันได้หรือยัง จะต้องให้วอดวายกันอีกเท่าไหร่ ถึงจะสาแก่ใจ

ขนาด เด็กม.7แถวบ้าน ที่บ้าๆบวมๆ เที่ยวนี้ยังมาแปลก แทนที่จะตามน้ำไปกับม็อบแป๊ะ เฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา มันเริ่มรู้จักคิดใหม่ทำใหม่ แล้วออกมาลอยแพแป๊ะเฉย แต่ยังไม่วายไว้ไมตรี มีหยิกข่วนเล็กน้อย แล้วแฉลบมาแว้งกัดรัฐบาล ตามสันดาลเดิม แสดงว่าปิดสุวรรณภูมิเที่ยวนี้ กองเชียร์แมลงสาบ ก็โดนดีไปเต็มเปา ถึงได้ออกมาดิ้นกันพอเป็นพิธี

สงสารก็แต่บักป๊อก ที่คอยนั่งตัวลีบไม่อยากเอามือซุกหิ่บ ยิ่งกลัวๆอยู่ ยังมาเจอจนได้ บอกแล้วว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ยังมาสั่งป๊อกให้ไปลุยถั่วเอาสนามบินคืน ใครเชื่อก็บ้าแล้ว คนพวกนั้น ป๊อกคุยกะมันรู้เรื่องซะเมื่อไหร่ แล้วถ้าเกิดหน้ามืดขึ้นมา ใช้กำลังเข้าปราบหละก้อ เป็นได้งานช้าง กลับบ้านไป เจอพันธมิตรบิดหู แล้วใครหน้าไหน จะมาช่วยได้

สรุปว่างานนี้ ป๊อกช่าป๊อกรับเละ เจอไปทั้งขาขึ้นขาล่อง เรียกว่าเหมาจ่าย 2 เด้งรอบวง หมดตูดกันพอดี ยิ่งมีทุนมาน้อยๆอยู่ สาเหตุก็ไม่ใช่อะไร เพราะไก่อ่อนแท้ๆ เลยตัดสินใจมั่วซั่ว โตจนหมาเลียก้นไม่ถึง ดันแยกแยะไม่ออก ระหว่างการเมืองกับการมุ้ง

กองทัพนั้นถือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล โดยหน้าที่แล้ว ถ้ารัฐบาลสั่งการโดยชอบก็ต้องทำ แต่นี่ดันมาเข้าเกียร์ว่าง ไม่รู้ว่าไปจำขี้ปากใครมา ว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แล้วในระบอบประชาธิปไตย มีรัฐบาลไหนที่ไม่ได้มาจากการเมือง ถ้างั้นก็ไม่ต้องฟังคำสั่งรัฐบาลละซีท่า คอยฟังท่านมหาอำมาตย์เอกก็พอหรือไง

แล้วทีไปเรียกใครต่อใครมาประชุม แล้วออกมาสั่งนายกฯให้ยุบสภาฯ ทำไมทำได้ หรือจะบอกว่าไม่รู้ ว่านั่นแหละการเมืองทั้งดุ้น ไม่ใช่กงการอะไรของแกซักหน่อย ทีอย่างนี้ ทำไมสาระแนนัก

นี่แหละบทเรียนราคาแพง คบกับใครไม่คบ ดันไปคบอธิการบ่ดีม.นกเขา คนที่วันๆไม่ทำอะไร ปลิ้นปล้อนแสวงหาอำนาจไปเรื่อย จนหมดเครดิตแล้ว ยังไปเชื่อมันอีก นี่ถ้าเป็นตัวของตัวเองซะหน่อย กล้าๆฟันธงไปเลย ว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ใครมาเป็นอันธพาลต้องข้ามศพป๊อกไปก่อน ป่านนี้ขี้คร้าน เสียงแซ่ซ้องรับไม่หวาดไม่ไหว

วันๆดันไปง่วนแต่จะหาทางลอยตัว แล้วพอมันลอยไม่ขึ้น เลยโดนซะหูตูบ สมน้ำหน้า โดนด่าฟรี ไม่มีใครเขาไปพุทโธด้วย หน็อยแน่..ดันมาเล่นง่าย

สลายม็อบไม่ได้ ปฏิวัติก็ไม่กล้า เลยหันมาไล่รัฐบาลซะเลย

วโรทาห์: 28 พ.ย. 51

Wednesday, November 26, 2008

ไหนๆก็ไหนๆ จะรอช้าอยู่ใย ปฏิวัติไปเลย

มามัวแทงกั๊กแทงแบนกันอยู่ อย่างนี้ มันไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น ยิ่งนานวันไป ก็ยิ่งฉิบหายบรรลัยวายป่วง พวกกวนเมืองก็ตั้งหน้าตั้งตาปล้นชาติ เผาบ้านเผาเมืองยั่วยุต่อไป ในขณะที่ทหารก็ตั้งหน้าตั้งตา รอเก็บจังหวะสอง ให้ประชาชนออกมาปะทะกัน แล้วอ้างความชอบธรรมในการปฏิวัติ งานนี้กะว่าจะกินรวบไม่ต้องแบ่งใคร สบายแฮไปคนเดียว

ส่วนประชาชนนั้น แน่นอน ความที่ไม่อยากให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีก เลยต้องหวานอมขมกลืน สงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ในที่ตั้ง ระหว่างนี้ รัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้ เจ๊ใหญ่ก็เอาแต่เย้วๆ สีเขียวเลยหันรีหันขวาง ไม่รู้จะเชื่อใครดี ตกลงบ้านนี้เมืองนี้ ใครใหญ่กันแน่วะ!

เวรกรรมที่ไม่ได้ก่อ เลยมาตกแก่ประชาชนโครมเบ้อเริ่ม ไหนจะต้องหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแล้ว ยังต้องส่งส่วยไปเลี้ยงดูพวกอำมาตย์ ที่วันๆกินอิ่มแล้วว่างจัด คอยคิดแต่ว่า จะวางแผนยังไง ถึงจะกดหัวประชาชนได้อยู่หมัด

ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เอาเลยก็ดีเหมือนกัน ปฏิวัติซะที จะได้ลุยกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพราะว่าถ้าไม่มีจุดเปลี่ยน ชนิดถอนรากถอนโคน ก็อย่าหวังเลยว่าจะสงบลงได้ ต่อให้นายกฯฟ้าประทาน หรือว่าการเมืองใหม่ 70/30 ก็ล้วนแล้วแต่โหลยโท่ย เข้ารกเข้าพงกันทั้งนั้น เพราะโครงสร้างมันถูกบ่อนทำลายจนเละเทะ เหลือกำลังลากแล้ว

พูดง่ายๆ ว่า เกียรติภูมิของชาติ จะกู้คืนมาได้ จำต้องพิสูจน์ให้นานาประเทศเห็นจนแน่ใจว่า ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง บ้านเมืองมีขื่อมีแป กลับเข้าสู่ทำนองคลองธรรม เรียบร้อยโรงเรียนประชาชน

นักการเมืองยึดมั่นในระบบรัฐสภา ไม่ใช่แค่ลมปากเหม็นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องล้างบางกระบวนการยุติธรรม ให้เป็นมาตรฐานสากล ไม่ใช่เป็นของคณะบุคคล ที่รักชาติจนน้ำลายไหล

พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ถ้าไม่ทำมันก็ยิ่งยากไปใหญ่ ในเมื่อโรคร้ายมันซึมลึกเข้าถึงกระดูกแล้ว ถ้าไม่ผ่าตัดก็ตายสถานเดียว ดังนั้น ถ้าไม่นองเลือดกันซักตั้ง ก็อย่าหวังเลยว่า โรคร้ายมันจะยอมรามือไปเองง่ายๆ จนกว่ามันจะกัดกินจนยืนตายซากแล้วนั่นแหละ ถึงอาจจะรู้ตัวกัน

ถ้า เลือกที่จะเจ็บน้อย ก็ต้องยอมเจ็บนานเป็นธรรมดา ถ้ายังไม่พร้อมที่จะผ่าตัดใหญ่ ก็ต้องกัดฟันทนกันไปเรื่อยๆ อาการของโรคอำมาตย์เข้ากระดูก มันก็ต้องมีเจ็บจี๊ดเป็นพักๆ เจ็บยุบเจ็บยับ เจ็บกวนโอ๊ยไม่รู้จักหยุดจักหย่อน สามวันดีสี่วันไข้ จะทำมาหากินอะไร มันเลยพาลติดๆขัดๆไำปหมด

ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ว่าจะมาพูดให้ใจเสีย ตรงกันข้าม อยากจะให้มีกำลังใจกัน ไม่ต้องไปกลัวการปฏิวัติให้มันเกินเหตุ มันจะพาลกินไม่ได้นอนไม่หลับไปซะเปล่าๆ ไม่งั้นทำไมโอบามา ไอ้บ้ามาร์ค จะออกโรงมาคัดค้าน ไม่ให้ทหารทำการปฏิวัติ ถ้าไม่ใช่ว่า เพราะกลัวทักษิณจะได้ประโยชน์ แทนที่จะเกรงว่า มันเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย

สรุปง่ายๆสั้นๆว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะออกหน้่าไหน ประชาชนก็รับกินทั้งนั้น ถ้าไม่ปฏิวัติก็ดีไปอย่าง แต่ถ้าปฏิวัติ ก็ยิ่งแจ๋วไปกันใหญ่ รัฐบาลพลัดถิ่นจะได้เริ่มงานซะที นอกในประสานกันเป็นหนึ่ง ตีตะลุยเข้าไป ไม่นานก็จอด ชัยชนะเป็นของประชาชนเห็นๆ หมดจดสดใสซะไม่มี ถ้าออกหน้านี้ก็ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ของตายแน่นอน

แต่ถ้ายังขืนลากยาว กันต่อไป มันก็เก๋ไปอีกแบบ แม้จะไม่งามหยดเหมือนปฏิวัติ แต่ก็ดีไปอย่างที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ใช้บริการเจ็บผ่อนส่ง ก็ต้องทนกัดฟันเอา รอให้ฝ่ายตรงข้ามมันทำลายตัวเองไปเรื่อยๆ ถึงที่สุดแล้ว ยังไงมันก็ตายหยังเขียด เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาหน่อย ร้องเพลงรอไปพลางๆ เผลอแผล็บเดียวก็เรียบทั้งร้อย

ที่เริ่มปรากฎชัดตอนนี้ ก็คืออาการหน้ามืดของม็อบแป๊ะ ที่เที่ยวพังร้านรวงชาวบ้านไปเรื่อยเปื่อย โดยคิดโง่ๆแบบเก่าๆ ตามประสาเต่าล้านปีว่า เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากเข้า จะหันมาต่อต้านรัฐบาล หารู้ไม่ว่า ในความเป็นจริง มันหนังคนละม้วน พอขัดสนขึ้นมาเขาหันไปด่าพวกม็อบ คนตกงานวันนี้ แทนที่จะเข้าร่วมม็อบ เขาจะรวมตัวไปกระทืบมัน

สำหรับระบอบอำมาตย์แล้ว เดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ในขณะที่ประชาธิปไตย ไม่มีวันตาย แต่ระบอบอำมาตย์นั้นตรงข้าม กำลังรอวันตาย และที่สำคัญ ระบอบอำมาตย์นั้นตายแล้วตายเลย...

หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น

วโรทาห์: 26 พ.ย. 51

Tuesday, November 25, 2008

แป๊ะครวญ..ทำไมกู้ชาติ ไม่หมูเหมือนกู้แบ๊งค์

หลังจากที่ปล่อยให้ม็อบแป๊ะ นั่งกินนอนกิน โดยไม่ได้มรรคได้ผลอะไรมานมนาน จะผ่านหลัก 200 วันอยู่รอมร่อ เงินทุนก็ร่อยหรอไปตามลำดับ จึงมีเสียงทุบโต๊ะโครมใหญ่มาว่า ต้องจบให้ได้ ก่อนถึงวันนั้น จะมามั่วนิ่มกินฟรีอยู่ฟรีไม่ได้อีกแล้ว ลุงลองจึงจำต้องเต้นก๋า ออกมารับมุกงกๆว่า จ้าๆ..ขอครั้งนี้ครั้งสุดท้ายจริงๆ รับรองว่า..ม้วนเดียวจบ

พลันที่เสียงกลองศึกดังระรัว นกแร้งก็เริงร่า พากันกระพือปีกด้วยความยินดีปรีดา ว่าลาภปากอีกแล้ว โจ๊กเนื้อบดละเอียดด้วยระเบิดปิงปอง ผิดกับบรรดานักวิชาการหัวขวด นักสิทธิมนุษยชน คนเสื้อขาว ชาวสานเสวนา ที่ต่างแตกกระสานซ่านเซ็น มุดหัวหายเงียบกันเกลี้ยงจ้อย

ไม่เห็นมีหน้าไหนกล้าออกมาต่อยหอยอีกว่า อย่าใช้ความรุนแรง..อย่าใช้ความรุนแรง

ม็อบบรรดาศักดิ์ซะอย่าง มันก็ดีไปแปดอย่้าง อย่างนี้นี่เอง อาศัยว่าเส้นปึ้กเป็นก๋วยจั๊บ จะหยิบจะจับอะไรมันเลยดูราบรื่นไปหมด อยากยึดอะไรก็ยึด อยากพังอะไรก็พัง รับรองได้ ไม่มีใครกล้าหือ ตาชั่งก็พวกเรา ตำรวจก็กลัวหงอ ทหารยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะพวกนั้นมันไม่ใช่..ทหารของประชาชน

ที่เห็นเย้วๆกันอยู่หน้าฉากนั้น ถือว่าเด็กๆ ของจริงนั้น มันบ๊ะละฮึ่ม เรียงแถวแน่นปึ้กอยู่หลังฉากเป็นกะตั๊ก เห็นแล้วจะหนาว ทั้งมือที่มองไม่เห็น นั่งยิ้มแป้นโบกพัดอยู่ไหวๆ ทั้งนักวิชาการสอพลอ และนักอะไรต่อมิอะไร อีรุงตุงนังไปหมด ทั้งสื่ิอมวลชั่วสุนัขรับใช้ ที่คอยทำหน้าที่ดาบสอง และที่ขาดไม่ได้คือกองทัพของใครก็ไม่รู้ ที่สแตนด์บายไว้ รอสัญญาณ ปฏิวัติลูกเดียว

และแล้วเมื่อถึงเวลาก็มาตามนัด เหล่าอสุรกายภายใต้การบังคับบัญชาของจอมอสูร เข้าปิดล้อมรัฐสภาเอาไว้ทั้งแปดด้าน กะว่างานนี้ยังไงก็ต้องมีตายโหง แต่นึกไม่ถึงว่า จะมาเสียรู้ให้ เซียนเหนือเซียนอย่างปู่ชัย ที่ก่อนนี้ ก็ลงทุนนั่งยันนอนยัน ตะแคงยัน จนแป๊ะแน่ใจ ว่าการประชุมรัฐสภาครั้งนี้ ยังไงก็ไม่ย้ายเด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามาร์คจอมบอยคอต ยังดอดออกมาช่วยสำทับเผื่อเหนียวให้อีกแรงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ ครั้งนี้ต้องประชุมให้ได้ ปู่ต้องเข้าใจ ว่ามาร์คอยากประชุม..มาร์คจาปาชุม

ที่ไหนได้ พอเอาเข้าจริง หมู่มารจัดการยกทัพหลวง มาประจัญหน้ากับทัพตำรวจ พล็อตเรื่องเหมือน 7 ตุลาเป๊ะ ผิดกันแต่ว่า ครั้งนี้ไม่มีมั่ว แป๊ะแอนด์ลอง วางหมากแก้เกมส์มาเจ๋งเป้ง รอเสียงปืนอย่างเดียว ก็เข้าล็อค จู่ๆปู่ชัยก็กลับลำเอาดื้อๆ จากที่เคยเสียงแข็งว่ายังไงก็ไม่ย้าย พลิกลิ้นแผล็บบอกว่า ถ้างั้นเลื่อนไปก็ได้วะ อ้าว..เล่นง่ายนะปู่

เหวอไปเลยแป๊ะ อย่างนี้เขาเรียกว่าชกวืด อุตส่าห์ลงทุนค่าม็อบไปบานตะไท สุดท้ายทำได้เพียงแค่จั่วลม ซวยกันหละคราวนี้ เงินทองก็เบิกจ่ายไปเรียบวุธแล้ว จะกลับไปรายงานต่อนายทุนยังไงดี

สรุปว่า เพราะปู่ชัยคนเดียว ทำให้เสียแผนหมด ตกลงวันที่ 24 ทั้งวัน โหลยโท่ยเละเทะ ได้แต่พาม็อบเดินทัวร์ทั่วไปหมด เที่ยวไปตัดน้ำตัดไฟที่โน่นที่นี่ ฆ่าเวลาให้หมดวันไปเฉยๆ กันไม่ให้โดนเฉ่งปี๋ ว่ารับเงินมาแล้วไม่ทำงาน งานนี้เล่นเอาแป๊ะเก๊กซิม จนอยากจะบ้าตาย ว่าทำไม๊ทำไม กู้ชาตินั้น มันถึงไม่หมูเหมือนกู้แบ๊งค์

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยังไงค่าแรงก็ต้องจ่ายอยู่ดี แป๊ะเลยพาม็อบออกโชว์พาวซะเลย แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นโชว์กร่างไปทั่วกรุง ยึดรถเมล์ ปิดสี่แยก รุมยำตำรวจ สารพัดถ่อยที่จะทำ จนชาวบ้านที่นั่งจ้อง มองเรื่องจริงผ่านจอ เอือมระอากันไปหมด ดูไปคันง่ามนิ้วมือนิ้วเท้าไปตามๆกัน

ที่หวังจะได้ เลยกลายเป็นเสียกับเสีย ลามปามไปถึงหัวหน้าม็อบที่อยู่เบื้องหลัง ที่ถึงวันนี้ มีใครไม่รู้..ว่าเขาคือใคร

ต้องขอแสดงความนับถือ สีแดงที่ยังอดใจไว้ได้ ไม่เต้นไปตามเกมส์ ที่สีเหลืองออกมากร่างกวนโอ๊ย ท้ารบไปทั่ว คงกะว่าจะทำทาง ให้เกิดสงครามกลางเมือง ทหารพวกมันจะได้เสล่อออกมาเป็นพระเอกขี่ม้าขาว สะด๊วบประเทศไปอีกกระทอก

ประชาชนตาดำๆ ในยุคกาขาวอย่างนี้ มันก็ต้องท่องคาถามหาอึด ให้คล่องเป็นธรรมดา ช่วยไม่ได้ ดันใส่เกือกมาเกิด ในประเทศที่ทหารยิ่งใหญ่กว่านายกฯ ยกเว้นนายกฯที่เป็นทหาร ในประเทศที่ฝ่ายค้าน ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้ในสภา

แต่ถ้าเป็นเกมส์ข้างถนนแล้ว..ถึงไหนถึงกัน

วโรทาห์: 25 พ.ย. 51

Friday, November 21, 2008

โสเภณีบรรดาศักดิ์ ที่สุขสบายอยู่ในซ่องอำมาตย์

สมัยก่อน ตอนที่ยังละอ่อนน่อย เลิกเรียนแล้ว เราก็ชวนกันไปเล่นบ้านเพื่อน ที่เยาวราช แล้วเรื่องมันก็เกิด ขณะที่นั่งกินข้าว อยู่ในตรอกเท็กซัสอันเลื่องชื่อ เหตุชวนระทึกขวัญ พาลให้เลือดลมพุ่งพล่าน มันเริ่มขึ้น เมื่อมีเสียงเอะอะโวยวาย ดังลั่นมาจากในซอยเล็กๆ ด้านขวาของร้านอาหารตึกแถว ที่เรานั่งอยู่นั่นเอง

ขณะที่มอง เลิ่กลั่กไปยังต้นเสียง ก็ปรากฎร่างของหญิงสาวตัวเล็กๆ วิ่งร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกันนั้น ปากที่อยู่ว่างๆ ก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร เบื้องหลังคือร่างบึกบึนของชายฉกรรจ์ 2 คน ที่วิ่งไล่กวดตามมาติดๆ ลักษณะท่าทาง ไม่ใช่ตามมาช่วยเหลือแน่นอน แต่มาทำให้หล่อนต้องร้องขอความช่วยเหลือหละไม่ว่า

ช่างบังเอิญเหลือ เกิน ที่มีรถตุ๊กๆคันหนึ่งแล่นมาส่งผู้โดยสารที่หน้าร้านพอดิบพอดี หญิงสาวคนนั้นเลยโดดคว้ารถเอาไว้อย่างเหมาะเหม็ง เวลาเดียวกัน ผู้โดยสารก็ถือโอกาสช่วงชุลมุน ทำเป็นตกใจ เผ่นหนีไปโดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร

ขณะที่หญิงสาวเหนี่ยวตัวขึ้นรถไป ได้หน่อย ชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามมาทัน ก็โดดคว้าเอวหล่อนไว้ แล้วกระชากลงมา อย่างไม่ปรานีปราศัย ดีว่าหล่อนยังไวทายาท คว้าเสารถเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด แล้วเหนี่ยงไว้จนมั่น เลยเกิดการชักกะเย่อกัน อย่างเอาเป็นเอาตาย เย่อกันไปเย่อกันมา จนรถทั้งคันโยกไป ก็โยกมา

หญิงสาวเคราะห์ร้ายร้องไปเย่อไป ไม่ยอมลงให้มันง่ายๆ แทบไม่น่าเชื่อ ว่ามือเล็กๆของผู้หญิงตัวกระจิ๋ว จะเหนียวอะไรได้ถึงปานนั้น ขนาดว่าจิ้งจกยังแหย ตุ๊กแกยังอาย หนุ่มแน่นบักอึ้ด 2 นาย ยังเอาไม่อยู่ ยื้อๆยุดๆฉุดกระชากเท่าไหร่ ยังเอาหล่อนไม่ลง ยิ่งนานไป เสียงร้องของหล่อน ก็ยิ่งเพิ่มเหรตติ้ง เรียกคนดู ให้มามุงกันอื้อซ่า ทำไปทำมา เรื่องลับๆเลยกลายเป็นประเจิดประเจ้อซะไม่มี

ภาพนั้นมันสะเทือนใจชาย ชาตรีอย่างเราเหลือหลาย จนต้องขยับตัวลุกขึ้น กะว่างานนี้ขอเป็นพระเอกซักหน่อย ดีว่าเพื่อนที่เป็นเจ้าถิ่นมันรั้งเอาไว้ซะก่อน ไม่งั้นละดูไม่จืด เพราะเพื่อนมันบอกว่า อย่ายุ่งเป็นอันขาด พวกนั้นมันมาเฟีย เท่านั้นแหละ พระเอกอย่างเรา เสียววาบไปถึงสะดือจุ่น รีบทรุดตัวลงนั่งแต่โดยดี ไม่มีอาการฮึดฮัดแต่ประการใด

และแล้ว พระเอกตัวจริงเสียงจริงก็โผล่มาทันเวลาพอดี จะใครที่ไหนซะอีก ถ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ เจ้าเก่าของเรานั่นเอง มาถึงไม่ผลีผลาม ไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ แล้วตะโกนบอกให้ทุกคนถอยไป พร้อมกับสำทับว่า เดี๋ยวจะมีรายการ ยิงกันสนั่นจอ อ้าว..ชักสนุกซะแล้ว เล่นพูดอย่างนี้ ขืนถอยให้ก็เสียเชิงไทยมุงหมด เรื่องเจอลูกหลงนี่หละโปรดนัก

สรุปว่า บ่อมิไก๊ มวยล้มต้มคนดู ตำรวจเฮงซวย มันมาคอยควบคุมสถานการณ์ ปล่อยให้เย่อกันต่อ เล่นกันจนฝ่ายหญิงหมดแรงข้าวต้มไปเอง แล้วค่อยกระชากลากถู กลับเข้าไปในซอยตามเดิม...จบข่าว ผู้พิทักษฺสันติราษฎร์ของเรา ก็ล่าถอยกลับที่ตั้ง ไปตามระเบียบ

หลัง จากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว เพื่อนซี้เจ้าถิ่นถึงเฉลยให้ฟังว่า หญิงสาวคนนั้น คือออหรี่ที่หนีออกมาจากโรงน้ำชาในซอย พูดง่ายๆก็หนีออกมาจากซ่องนั่นแหละ คนแถวนี้เขาเห็นกันจนชินตาแล้ว..มิน่าหละ พวกในร้านมันถึงได้นั่งกินกันหน้าตาเฉย อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อ นึกภาพว่า หลังจากที่ถูกลากกลับไปแล้ว เจ้าหล่อนจะถูกซ้อมสะบักสะบอมขนาดไหน เลยพาให้กลืนข้าวไม่ลง เกิดอาการเซ็งเป็ดไปตามๆกัน ตั้งใจไว้เลยว่า โตขึ้นจะหน้าด้านเป็นนายกฯให้ได้ เพื่อกลับมาปราบพวกนี้ซะให้ราบ โดยเฉพาะตำรวจเลวๆพวกนั้น ต้องเอามันก่อน แต่จนแล้วจนรอด ถึงป่านนี้ยังกินแห้วเป็นอาหารหลัก ไม่ได้เป็นนายกฯ ซักกะที

ภาพใน วันนั้นยังติดตามาจนถึง 19 กันยา 2549 จึงถูกเกทับด้วยภาพ การไล่จับออหรี่ขนานใหญ่ระดับชาติ ทำให้เรื่องในวันนั้น กลายเป็นเด็กเล่นขายของไปซะฉิบ เพราะเที่ยวนี้ตำรวจไม่ต้อง อาบังมาเอง ขับรถถังพร้อมอาวุธสงครามเต็มพิกัด โดยมีป๋าซ้อนท้ายคอยให้กำลังใจ ออกปฏิบัติการไล่ล่า จับออหรี่ที่หนีอยู่ทั่วประเทศ นับไปนับมาได้ 19 ล้านนางเศษๆ ขาดเหลือไปคงไม่เท่าไหร่

ออหรี่พวกนี้ เกิดมาก็ถูกข่มขืนจนเคยตัว ถึงกับนึกว่าการถูกข่มขืนเป็นเรื่องธรรมชาติ จึงยินยอมพร้อมใจ อยู่กินกันมาอย่างปกติสุข จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อโกแม้วมาทำแสบ เล่นยุให้อยากแล้วค่อยจากไป บอกว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นออหรี่ พูดไม่พูดเปล่า ยังพาทำมาหากินสุจริต เลี้ยงชีพอย่างสุขสบาย ไม่ต้องอาศัยนาผืนน้อยอีกต่อไป เท่านั้นแหละ ออหรี่หนีจากซ่องอำมาตย์กันยกเล้า

ยังดีที่อาบังแกยึกยักจนเกมส์โอ เวอร์ นอกจากจับออหรี่กลับซ่องไม่ได้ซักนาง ยังมีกระโจนหนีตามออกมาอีกเป็นกะตั้ก เหลือไว้แต่พวกออหรี่สูงศักดิ์ ที่เขาสวมหัวโขนให้ พร้อมกับยกยออปอปั้น จนตัวลอย เลยยอมนอนแผ่หราให้อำมาตย์ โดยความสมัครใจ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น

เวร กรรมไม่รู้จักจบสิ้น หนีรอดจากอาบังยังมาเจอโกตั๊บ ในขณะที่โกแม้วก็ถูกหมายหัวไปด้วย โทษฐานที่อยู่ดีๆ มาปล่อยออหรี่หนีหายหัวหมด แต่ถึงยังไงมาม่าซังขันคนละที ก็ไม่มีทางปล่อยให้ออหรี่ หลุดมือไปได้แม้แต่นางเดียว ไม่เช่นนั้น อำมาตย์มีหวังต้องปิดซ่องถาวร ด้วยเหตุฉะนั้น จนป่านฉะนี้ จึงยังไม่อาจรู้ชะตากรรม ว่า...

ออหรี่ซ่องนี้ ยังต้องหนีไปอีกกี่ซอย

วโรทาห์: 21 พ.ย. 51

Thursday, November 20, 2008

ถ้าไม่ศาลเสวนา ก็อย่ามาสานสาระแน

กลายเป็นวิถีชีวิตคนเมืองไปแล้วก็ว่าได้ ที่ตื่นเช้าขึ้นมา เป็นต้องหาข่าวการเมืองร้อนๆ รองท้องก่อนออกจากบ้าน อย่างข่าวประเภทที่ว่า เมื่อคืนนี้มีตูมตามขึ้นมากี่ลูก มีหมาตายไปกี่ตัว แล้วบาดเจ็บครางเอ๋งๆอีกเท่าไหร่ จะได้รู้กันไปเลย ว่าวันนี้ทั้งวัน ควรจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี แล้วคืนนี้ยังจะมีอะไรให้ลุ้นกันมันๆอีก

ที่ว่ามานี่ ไม่ได้หมายรวมถึงผู้เฒ่าวัยเพชร ซึ่งหมายถึงคนแก่ชราโคตร ที่ล่วงเลยวัยทองไปตั้งหลายกิโลแม้ว เพราะคนวัยนี้ มันมีเรื่องส่วนตัว ให้ลุ้นกันไม่เลิกอยู่แล้ว ก็แก่เฒ่าจนปูนนั้น มันย่อมต้องมีเสียวทุกวันเป็นธรรมดา ขนาดก่อนนอนยังต้องบนบานศาลกล่าว ขอให้ผ่านคืนนี้ไปได้อย่างสะดวกโยธิน ถ้าเช้ามาลืมตาขึ้นได้ ก็เหมือนฟ้าให้กำไรเพิ่มมาอีกหนึ่งวัน

คนเรานี่มันก็แปลก ทุกข์ร้อยแปดพันเก้าก็ยังพอทน แต่ทุกข์ที่เกิดจากคน มันช่างเหลือทนจริงๆ ถ้าได้ระบายออกมาบ้าง ก็ยังพอบรรเทา คิดเสียว่าพวกนั้นมันหมาไม่ใช่คน ถ้ารู้จักคิดเหมือนคน มันก็ไม่ใช่หมา อย่างพวกสานเสวนานั่นปะไร คงว่างมากไปหน่อย เลยชวนกันออกมา หาเรื่องให้เขาด่า คงอยากจะเสียคน

สานบ้าสานบออะไรกัน ดันตั้งธงมาแต่ไกล ให้แป๊ะเลิกม็อบกับสมชายลาออก แล้วก็ไม่บอกว่ารับจ๊อบจากอำมาตย์มา พูดเอาแต่ได้ ยังไม่ทันไรก็หางโผล่ ทำเป็นซื่อบื้อ หรือไม่รู้จริงๆ ว่างานนี้ เป็นศึกเฮฟวี่เวท ระหว่างศักดินากับประชาชน เรื่องแป๊ะนั้นมันชิวๆ ไม่มีราคา ถ้าแน่จริงก็ไปลากมือที่มองไม่เห็น ออกมาเสวนากันซักหน่อย จะเป็นไรไป

เออ..ถ้าศาลเสวนาก็ว่าไปอย่าง แนวทางนี้ยังพอมีความหวัง เพราะต้องยอมรับกันอย่างไม่อายว่า ที่เรามีวันนี้ ก็เพราะตาชั่งมีส่วนอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดออกหน้าก๋ากั่น ทำราวกับเป็นเจ้าภาพซะเอง ตั้งแต่ต้นขบวนไปยันท้ายขบวน มันเด้งรับเด้งส่งกันอย่างเมามัน หลังจากรถถังภิวัฒน์่กระสุนด้าน ถูกชาวโลกเขาเอาปูนหมายหัว จนไม่กล้าขยับ ก็ได้ตุลาการภิวัฒน์นี่แหละ มารับไม้ต่อ

คิดกันอย่างโง่ๆ ว่าจะตบตาชาวโลกเขาได้ รัฐประหารโดยตุลาการ ไม่มีรถถังไม่ต้องใช้อาวุธ คงคิดว่าเนียนซะเต็มประดา

อย่างที่เฒ่าสังเวช บัดสีว่าไว้ไม่มีผิด ในเมื่อพวกโจรมันยังข่มขืนประชาชนอยู่ยิกๆ จะมาจับมือถือแขนให้เลิกแล้วต่อกันได้ยังไง ลองไล่เรียงกันดู ตั้งแต่คตส.ส่งไม้ต่อมาให้ปปช. ส่งผลให้กล้านรก ต้องวิ่งรอกจนเหงื่อหัวล้านแตกพลั่กๆ ไหนจะกกต. หรือแม้แต่ ส.ว.สรรห่า แล้วยังตาชั่งผีสิงอีกเป็นกะตั๊ก ล้วนแล้วแต่ขับร้องประสานเสียงหมาหมู่กันทั้งนั้น

ในเมื่อเล่นกันจนกระบวนการยุติธรรม พังพินาศฉิบหายหมด แล้วประเทศชาติจะอยู่ได้ยังไงกัน ดังนั้น ถ้าไม่กล้าจะศาลเสวนา ก็อย่ามาสานสาระแน ให้มันกินใจกันเปล่าๆ

จะบ้าตาย..ปล่อยให้ฝ่ายโน้นมันไล่ยำอยู่ได้ตั้งหลายปี พอหมดแรงข้าวต้ม ถึงคิวเขาจะเอาคืน ดันนึกขึ้นมาได้อย่างกระทันหันว่า ไม่น่าใช้ความรุนแรง จึงต้องถามกลับไปว่า แล้วก่อนนี้ไปตายห่าที่ไหนกันหมด

แล้วอีกอย่าง ที่พูดนี่คิดกันหรือเปล่า ใครเขาไปใช้ความรุนแรง นอกจากพวกแป๊ะ ถ้าอยากจะหยุดความรุนแรง แค่ไปบอกแป๊ะ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง จะมาสานเสินทำไมกัน ให้มันเมื่อยตุ้ม

เอ้า..สานไปสานมาจนได้เรื่อง น้าแม้วหย่าเมียไปเสร็จสรรพ เคลียร์ตัวเองเรียบร้อย ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จะได้โซ๊ยกับอำมาตย์ได้ถนัดถนี่ขึ้นมาอีกหน่อย ระหว่างนี้ก็หากิ๊กเอ๊ยหากิน รับจ๊อบเล็กๆน้อยๆไปก่อน เป็นที่ปรึกษาแก้ปัญหาให้ประเทศยากจน หาทุนหารอน มาแก้ปัญหาให้ประเทศอยากจน แถวเอเชียอาคเนย์

ต้องขอเตือนไปยังบรรดาฝาละมีทั้งหลาย ว่านี่เป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบเป็นอันขาด ไม่งั้นเดี๋ยวจะกระดี๊กระด๊า ถือโอกาสหย่าเมียกันยกใหญ่ อ้างว่าจะได้ไปใส่เสื้อแดง โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถ้าขืนทำอย่างนั้น อาจจะได้เด้งหน้าเด้งหลัง จนเลือดอาบแดงเถือกละไม่ว่า

ในเมื่อคนถูกการเมืองเล่น มันก็ต้องเล่นการเมือง เป็นธรรมดา จึงไม่เข้าใจว่า บรรดาอสุรกายในร่างคน จะกรีดร้องโหยหวนไปทำไมกัน ถ้าไม่กล้าสู้ก็หลบลงรูไปได้ ไม่มีใครเขาว่า แถมยังจะโมทนาสาธุด้วยซ้ำไป ทำไมจะต้องมากดดันให้ทักษิณเลิกเล่นการเมือง ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังต้องการเขาอยู่

ปิดท้ายด้วยข่าวสังคมเบาๆกันบ้าง..จู่ๆไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือแม้แต่แซ๊กโซโฟน ลุงจิ๋วจอมยึกยักก็ทิ้งเมียไปออกบวช หลังจากที่องอาจพี้ยาบ้า ออกเบียดไปแต่งเมียได้ไม่นาน ขานี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า ไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีนัยทางการเมือง ดังนั้นก่อนจาก จึงมีดีดลูกหลังใส่น้าสมชาย ไปโครมเบ้อเร่อ ว่าสำนึกผิดที่สั่งฆ่าสัตว์เมื่อ 7 ตุลา ในเมื่อจะเล่นอย่างนี้ ก็เห็นทีว่าต้องชักชวนกัน...

งดใส่บาตรเณรจิ๋ว ปล่อยให้ฉันไวไวซะให้เข็ด

วโรทาห์: 20 พ.ย. 51

Friday, November 14, 2008

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่..ดูแป๊ะเป็นตัวอย่าง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไม่คิดก็ต้องคิด ดังภาษิตที่ว่า ไม่เชื่ออย่่าท้า ไม่ศรัทธาอย่าลบหลู่ ของที่พิสูจน์ไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มี พลาดท่าพลาดทาง เจอดีเข้าไปถึงจะรู้สึก ดูอย่างแป๊ะเป็นแซมเปิ้ล ที่ไปทำบัดสีบัดเถลิงในทำเนียบ เล่นเอาเจ้าที่เจ้าทาง กริ้วจนควันออกหู

แล้วเป็นไงล่ะ ผ่านไปไม่กี่เดือน สภาพเละตุ้มเป๊ะดูไม่จืด แป๊ะในวันนี้ กับแป๊ะเมื่อวันนั้น มันห่างไกลกัน ราวหลังเท้ากับหน้ามือ

เมื่อนึกย้อนไปถึงวันที่แป๊ะ นำพหลพลพญามาร เข้ายึดกุมทำเนียบรัฐบาล เอาไว้ได้โดยละม่อม แหม่..จริงๆให้แป๊ะดิ้นตายซิเอ้า ไม่ใช่ว่าจะมาแกล้งกล่าวชม แต่โหงวเฮ้งแป๊ะวันนั้น มันดูดีมีสง่าอย่า่บอกใคร ท่วงท่าฮึกเหิมซะไม่มี เหมือนดาราทีวียังไงยังงั้น ขนาดแต๋วยังชำเลือง ประเทืองก็ยังเหล่ บอกว่ามาดเท่ห์หล่อดี ดูกี่ที..กี่ที ก็เหมือน..ฉีเส้าเฉียน

อนิจจา..ตั้งแต่วันนั้น ยันมาถึงวันนี้ ผ่านไปยังไม่ทันข้ามปี เจอกันอีกที ไหง..แป๊ะในวันนี้ กลายเป็น..ฉี่เฉียงเฉียง

ก็สถานที่อย่างนั้น เจ้าที่เจ้าทางเขาแรงจะตายชัก ไหนจะเทพยดาอารักษ์อีกตั้งเยอะแยะ ดันไปแหกปากด่าทอชาวบ้าน ทำราวกับตลาดสดสนามเป้า ด่าหยาบด่าคาย ด่าได้ด่าดี ด่าจนผียังส่ายหัว เช้ายันค่ำคืนยันรุ่ง สัปดาห์ละ 7 วัน ไม่เป็นอันหยุดพัก นี่ยังไม่นับรวมอาซิ้มอาซ้อ ที่ไปเที่ยวล่อเป้าให้พวกการ์ด จนซี๊ดซ๊าดเสียวซ่าน เห็นสวรรค์อยู่รำไรๆ

เรื่องของเรื่อง คนมันเก็บกดมานาน ตั้งแต่ใช้มัฆวานเป็นที่สิงสู่ เพราะสถานที่มันโล่งโจ้งประเจิดประเจ้อ ไม่เหมาะต่อการผสมพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง ครั้นจะอาศัยเต๊นท์น้อยๆ ของกองทับทำ มันก็ประดักประเดิดเกินไป เกรงว่าสมะณะจะใจแตก เกิดจูงสมะณีมาขอดู๋ดี๋ สวิงกิ้งแลกคู่ มันจะดูไม่จืด ยิ่งถ้าจับพลัดจับผลู เผลอไผลไปล่อสมะณีจนท้องสมะเณร เป็นได้ยุ่งไปกันใหญ่

ด้วยเหตุฉะนี้ เมื่อได้ที่เหมาะเหม็งในทำเนียบ จึงดี๊ด๊ายิ่งกว่าปลากระดี่ได้น้ำ แค่สุมทุมพุ่มไม้ใบบังก็เหลือแหล่ จับคู่จู๋จี๋ดู๋ดี๋กันมันหยด ทิ้งหลักฐานให้เห็นกันตำตา คือถุงยางอนามัย ที่ลอยฟ่อง เกลื่อนไปในห้วยหนองคลองบึง ดีที่ยังไม่มีคนออกมาแถว่า เป็นผลงานครม.ลุงหมัก ที่ทำเรี่ยราดไว้ ตั้งแต่ก่อนถูกยึด

เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า แค่ชาตินี้ก็ตามเฉ่งปี๋กันไฟแลบ สาวกพญามารบาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง นับนิ้วสะระตะ เท่าที่ได้รับรายงาน ก็ตายโหงไปห้า ตายห่าอีกหนึ่ง ส่วนบาดเจ็บนั้นไม่ต้องพูดถึง นับได้เป็นร้อยยังว่าน้อยเกินไป เพราะถึงชั่วโมงนี้ บัญชียังไม่ได้ปิด ยอดจึงไม่นิ่ง เวรกรรมยังตามรังควาน ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ

เรื่องซวยๆของผู้ชายซวยๆอย่างแป๊ะนั้น มีเยอะแยะจนจาระไนไม่หวาดไม่ไหว เดี๋ยวโน่นบึมนี่ตูม เล่นเอาอกสั่นขวัญหาย มีทั้งที่ทำเองกับมือ และอภินันทนาการจากมือที่มองไม่เห็น ล่อกันหนุบหนับๆ จนแม้แต่แป๊ะเองยังงงไปหมด อย่าว่าแต่ภายในกันเอง ที่เกิดบ้าขึ้นมา ก็ล่อกันเละตุ้มเป๊ะ

ขนาดคนแก่ใกล้ตาย ยังลุกขึ้นมาแลกหมัดกันไฟแลบ พอภูวดลโดนเฉ่ง เจอลองล้งเล้งฐานที่ขึ้นเวทีด่าจนของเสื่อม มันเลยซัดลุงลองลงไปกองนับแปด เดชะบุญ ที่ท่านมหายังเรียกสติกลับมาได้ทัน ลุกขึ้นได้เลยจัดการเคาะกะโหลก เอาคืนซะ 2 ที ผลปรากฎว่า สมองข้างขวาบวม อาการเป็นตายเท่ากัน บอกแล้วไม่เชื่อ เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะสมีลอง

หลังจากที่ทู่ซี้มานาน แต่ผลงานไม่เคยเข้าเป้า เอาแต่ประกาศชัยชนะหลอกถุงเงินไปวันๆ แต่เสียดายที่นายทุนไม่โง่แล้ว หลังๆมานี่ ท่อน้ำเลี้ยงเลยขัดลำกล้องไปดื้อๆ สุดท้ายต้องประกาศขอรับบริจาค อย่างกับขอทานข้างถนน พอได้มาทีก็แย่งกันหนุบหนับๆ ราวกับตายอดตายอยากเสียเต็มประดา

จากโกตั๊บกลายมาเป็นโกเต๊กซ์ เพราะการรบขั้นแตกหักที่รัฐสภา นอกจากจะไม่ได้อะไร ติดไม้ติดมือมาแม้แต่น้อย ยังสร้างความเสียหายให้ฝ่ายแป๊ะอย่างย่อยยับ ไพร่พลบาดเจ็บอื้อ แถมยังมีตายโหงอีกต่างหาก สาวกเลยเข็ดขยาดกันเป็นแถว พักหลังมานี้เป่านกหวีดจนคอโป่ง ยังไม่มีใครขยับ

เมื่อเข้าตาจน เลยต้องลงชนแทนวัว ตั้งแต่นั้นมาแป๊ะเลยปะฉะดะ พระเจ้าไม่มีเว้น เรียกอ้ายพยอมเฉย แม้แต่พวกเดียวกันยังกัดซะแผลเว่อ ขณะที่เย่อกับเครือมติชนไม่เสร็จ ยังมีแก่ใจหาเรื่องไปเรื่อยๆ แม้แต่คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ยังเจอซัดเข้าไปเต็มเหนี่ยว หาว่าเป็นพวกชิงแป๊ะเกิดซะงั้น

ทั้งหลายทั้งปวง มันเป็นอาการของคนที่รู้ตัวว่าแพ้แหงๆ เมื่อเลือดเข้าตาเลยออกอาการเพี้ยนหนัก อยู่ๆกุเรื่องทักษิณจ้างหมอผีเขมร มาทำคุณไสยที่พระรูป ร.5 แถมคุยว่ามันรู้ด้วยญานวิเศษ เลยเอาโกเต๊กซ์ใช้แล้วไปแก้เคล็ด เท่านั้นแหละ แตกตื่นกันไปทั้งบาง ไม่มีใครพูดถึงหมอผีเขมร แต่ด่าแป๊ะจนเสียคน ว่าอุบาทว์หนัก ถึงขั้นเอาของต่ำไปลบหลู่ของสูง

เห็นไม๊ล่ะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะสำคัญตัวเองผิดแท้ๆ ว่าบวชแค่ 1 เดือนก็บรรลุแล้ว เลยอาจหาญ ไปทำกร่างกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผลสุดท้ายเลยแพ้ภัยตัวเอง โดยที่ศัตรูไม่ต้องลงมือซักกะติ๊ด แค่ปล่อยให้ชกหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ ก็ไม่รอดแล้ว เล่นสู้สิบทิศแบบนี้ โอกาศชนะนั้นลืมไปได้เลย...

แพ้น่ะแพ้แน่ แต่จะสะบักสะบอมแค่ไหน อีกไม่นานหวยออก

วโรทาห์: 14 พ.ย. 51

Tuesday, November 11, 2008

มันจะอะไรกันนักกันหนา กะแค่วีซ่าทักษิณ

ทำราวกับว่า บ้านนี้เมืองนี้ จะเป็นจะตาย อยู่ที่ทักษิณคนเดียวซะงั้น มันจะไม่เป็นการให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือ กะแค่ชายชาวไทยคนหนึ่ง ที่แม้จะรวยล้นฟ้า แต่ก็ถูกอายัติทรัพย์จนเกลี้ยงจ้อย หนำไม่ซ้ำยังมาเจอตุลาการพิฆาต จนแทบว่าจะเอาตัวไม่รอด ต้องหอบลูกจูงเมีย หนีกระเซอะกระเซิง ไปอาศัยบ้านอื่นเมืองอื่น พอให้ได้คุ้มกะลาหัว

แต่เพราะเหตุไร กะแค่คนไม่มีแผ่นดินอยู่ หนึ่งเดียวคนนี้ พอพลิกตัวทีไร คนที่มีแผ่นดินอยู่ ก็แทบจะคลั่งตายซะให้ได้

สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆคิดนึก ตรึกตรองดูให้ดีๆ ว่าที่ร้อนรนกันอยู่นี้ พวกท่านกลัวกันไปเองหรือเปล่า หรือจะให้คิดว่า มันเป็นธรรมดาของคนที่ทำชั่วเป็นอาจิณ ถึงแม้จะสุขกาย แต่มันตายตาไม่หลับ พอเคลิ้มๆทีไรต้องเป็นอันสะดุ้งผวา ไม่อาจนอนให้เต็มตาได้ซักคืน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่สู้ส่งคนจากเขายายเที่ยง ไปกราบเท้าเขาซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ก็เพราะจิตใจคับแคบอย่างนี้ เอาแต่ใจตัวเองก็ปานนั้น มันถึงได้มีความคิดบ้าๆบวมๆ จนลากกันเข้ารกเข้าพง สุดท้ายไปโผล่เอาที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วดันมาตีหน้าเซ่อ ชวนกันหาทางออกให้วิกฤติ แหมฟังแล้วมันคันปาก อยากจะถามว่า เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกหาทางเข้าให้วิกฤติซะที

ในขณะที่ปากก็พล่ามไปเรื่อย ว่าคนไทยด้วยกันขอให้รู้รักสามัคคี แต่ก็ไม่พูดให้สุด ว่าโปรโมชั่นนี้ยกเว้นคนชื่อทักษิณคนเดียว เพราะขานั้นเขาไม่ถือว่าเป็นคนไทยอยู่แล้ว เพราะเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พอได้ข่าวว่าทักษิณถูกถอนวีซ่า พวกมันจะกระดี๊กระด๊ากันยกใหญ่

โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายแค้นนั้นยิ่งแล้ว แหมมันดีใจจนคุมสติไม่อยู่ เรียกว่าไม่นึกไม่ฝัน ลูกจะลอยมาเข้าทางตีนเอาดื้อๆจนได้ แล้วเรื่องอย่างนี้ มีหรือมาร์คจะบอยคอต ตรงกันข้าม กลับรีบเท็คตัวขึ้นโหม่ง ซะเต็มกบาล กะว่างานนี้ไม่ตายก็คางเหลือง นี่แหละ คือสันดอนของคนที่เคยผายลมทางปากว่า มาเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์..สาบานได้ว่าสร้างสรรค์

ก็ให้มันรู้กันไป ตราบใดที่คิดแต่จะเอาชนะคู่แข่งทางการเมือง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการต่ำทรามเพียงใด ก็กล้าทำ แต่ไม่เคยแม้แต่น้อย ที่จะคิดเอาชนะใจประชาชน มีแต่ซ้ำเติมให้เจ็บแค้นขึ้นทุกวัน แล้วอย่างนี้ ถ้ายังฝืนจะเป็นนายกฯให้ได้ ก็เชิญตามสบาย ถ้าไม่กลัวว่าจะนำพาภัยพิบัติ มาสู่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลของตัวเอง

จำใส่กะโหลกหนาๆไว้เลยว่า มาถึงวันนี้ หลังจากที่ถูกตีจนแกร่งกล้า ประชาชนได้ยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองแล้ว พวกเขาสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิของตัวเอง ที่จะไม่ให้ใครมาย่ำยีเหมือน 19 กันยาอีก ทักษิณนั้น แค่เอาประชาธิปไตยมาให้ชิม นอกเหนือกว่านี้ ก็ไม่ได้มีอิทธิพลใดๆ ต่อการต่อสู้ของประชาชน เพราะไม่ว่าทักษิณจะอยู่หรือไป พวกเขาก็ยังสู้อยู่ดี

การต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อนำความยุติธรรมกลับมาสู่สังคมไทย ดังนั้น แม้จะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อก็ต้องทำ ถ้าทักษิณจะได้ประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้ ก็ช่วยไม่ได้ ต่อให้คนที่ถูกย่ำยี เปลี่ยนเป็นเจ้ามาร์ค พวกเขาก็ยังจะสู้เช่นนี้อยู่ดี เพราะมันคือการต่อสู้เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

หากยอมให้ขื่อแปบ้านเมืองถูกทำลายไป ไม่ช้าก็เร็ว เภทภัยนั้นจะย้อนกลับมาหาทุกคนในสังคม เมื่อพวกมันทำกับทักษิณได้ แล้วมีหลักประกันอันใด ว่าจะไม่ทำกับคนอื่น

ต้องยอมรับกันว่า ที่เรื่องมันบานไม่รู้หุบอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะจนแล้วจนรอด อำมาตย์ยังไม่ยอมก้าวออกมา ยืนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงซะที พวกเขายังหลอกตัวเองไม่เลิก ว่ากำลังต่อสู้กับทักษิณ ทั้งๆที่เผชิญหน้ากับมวลมหาชนอยู่ทนโท่ ก็ยังกล้าหลอกตัวเองว่า คนเหล่านั้นถูกซื้อด้วยเงิน

ถ้าความคิดยังงมโข่งอยู่ในกะลากันอย่างนี้ ก็ขออวยพรให้จำเริญๆเถอะพ่อคุณ ไม่ต้องมาช่วยคิดหาทางออกให้สังคมหรอก

เอาแค่หาทางออกให้พวกตัวเองได้..ก็สาธุแล้ว

วโรทาห์: 11 พ.ย. 51

Sunday, November 9, 2008

บันทึกไว้ในแผ่นดิน..สำหรับความชั่วของ 7 อสุรกาย

เป็นเพราะโรคร้ายตัวดี มันโจมตีจุดอ่อน ล่อไปจนถึงตับ ถึงแม้หมอยาที่เมืองไทย จะไม่ปฏิเสธการรับรักษา แต่จะทำยังไงได้ เพราะมันจนปัญญาจริงๆ เรียกว่าบ่อเถ่าโหล่วไร้น้ำอิ๊ว จนคุณหญิงต้องหอบหิ้วลุงหมัก ที่ออกอาการบักโกรกสุดขีด ขี่พายุทะลุฟ้า ไปหาคุณหมอฝรั่งถึงเมืองฮุสตัน มลรัฐเท็กซัส โดยหารู้ไม่ว่าที่นั่นมีสัตว์ครึ่งคน หรือว่าคนครึ่งสัตว์อยู่ตั้งหลายตัว

ออกจากสุวรรณภูมิ ที่เป็นสุสานฝังระบอบทักษิณ เย็นย่ำของวันที่ 6 แต่ดันไปถึงจุดหมายปลายทาง เอาตอนเย็นของวันที่ 5 เรียกว่าลุงหมักย้อนเวลาหาอดีต ออกเดินทางวันนี้ ไปถึงที่นั่นเมื่อวาน อะไรไม่ว่า พอย่างกรายถึงเมืองคาวบอย ก็เกิดอาการคันเท้ายิบๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ลางร้ายเช่นนี้โบราณท่านว่า ระวังให้ดี จะมีผีมากวนตีน

แทงหวยไม่เห็นมันออกตรงเป๊ะอย่างนี้ พอประตูเครื่องบินเปิดออก คุณหญิงก็แทบจะหันหลังกลับ เมื่อสายตาไปจ๊ะเอ๋กับอมนุษย์ 7 ตน ที่มายืนขอส่วนบุญอยู่เหย็งๆ ทั้งๆที่แอบย่องมาเงียบๆ แต่ทำไมมันยังรู้ได้ ถ้าไม่ใช่เครือข่ายอสูรที่เมืองไทย มันส่งซิกมา สั่งให้โจมตี

ที่สำคัญอสุรกายพวกนั้น มันอัพเกรดโปรแกรมแล้ว สามารถเขียนป้ายผ้าภาษาคน มากางโชว์อ้าซ่า แผ่นหนึ่งเขียนว่า "เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้า" ส่วนอีกแผ่นเขียนว่า "พันธมิตร ฮุสตัน ไม่ต้อนรับ อ้ายคนขายชาติ " นั่นไง..ถ้าเรื่องชั่วๆมันต้องพันธมิตร

พอลุงหมักพยุงสังขารลงมาจากเครื่องได้ อสูรร้ายก็ต้อนหน้าต้อนหลัง อวัยวะที่ดูคล้ายๆปากคนนั้น พะเยิบพะยาบพ่นกลิ่นสาปสางออกมาว่า "คนขายชาติๆๆๆ" อยู่ตลอดเวลา ขึ้นลิฟต์ก็ตามเข้าไปด่าสบถ นั่งพักก็ป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ เข้าแถวชักรูปกันใหญ่ ไปยืนรอรถก็ตามแซว จนแม้กระทั่งขึ้นรถแล้ว ยังวิ่งตามด่า

ดูมันทำกับคนป่วยขั้นรุนแรง แถมยังมีตำแหน่งถึงอดีตนายกฯ ที่เพิ่งลงจากบัลลังค์หมาดๆ เพราะไปทำกับข้าวให้คนดู เรื่องชั่วๆเช่นนี้ ต่อให้มนุษย์โฉดชั่วแค่ไหนเขาก็ไม่ทำกัน แต่ไม่ใช่อมนุษย์พวกนี้ ที่มันทำได้เพราะมันไม่ใช่คน

ข่าวชั่วเช่นนี้เมื่อส่งตรงมาถึงทำเนียบ ไพร่พลมารร้ายก็ตบมือตีเท้า ดีใจกันยกใหญ่ สุขใดจะเสมอเหมือน ได้ร่วมกันสร้างวีรเวร ระดับที่นรกยังบัดสี อเวจียังสาปแช่ง โอกาสทำชั่วขั้นอุกฤษฏ์เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆ เหล่าอสุรกายน้อยใหญ่ จึงพากันโห่ร้องฉลองชัย อิ่มบาปกันถ้วนหน้า

เวลาเดียวกัน ภาพชั่วๆเหล่านั้นก็เผยแพร่ออกไป ราวกับไฟลามทุ่ง บรรดามนุษย์ที่เป็นสัตว์ประเสริฐ เห็นเข้าก็เลือดขึ้นหน้า ต่างสาปแช่งก่นด่าปีศาจร้าย ที่มันทำกับมนุษย์ บางคนถึงกับปวารณาตัว ตามล่าตามล้างเหล่าติรัจฉาน เผื่อแผ่ไปถึงบุพการี โคตรเหง้าสักหลาด ลองถ้ามันชั่วชาติกันได้ถึงขนาดนี้ ก็ไม่ต้องปราณีกันแล้่ว

เรื่องนี้คงไม่จบลงได้ง่ายๆ เพราะมันทำร้ายจิตใจมนุษย์จนเกินไป แม้แต่กองเชียร์อสูรด้วยกัน ถ้าความชั่วไม่ซึมลึกถึงกระดูก ยังอดรนทนไม่ได้ ต้องส่ายหัวๆไม่เล่นด้วย

แม้แต่อสูรมาร์ค ที่ถือปฏิบัติมาโดยสม่ำเสมอว่า ถ้าหมู่มารเปิดเกมส์เมื่อไหร่ อสูรไพร่เป็นต้องตามน้ำ แต่งานนี้ตรงข้าม ถึงอยากจะเหยียบซ้ำยังไง ก็ต้องจำใจเหยียบเบรคจนตัวโก่ง เพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งลงไป มันจะได้ไม่คุ้มเสีย จึงได้แต่อ้อมแอ้มว่า "ทำอย่างนี้ ผมไม่ชอบ"

ก็แน่หละ สำหรับอมนุษย์ที่เพิ่งผ่านฝันร้ายไปหมาดๆ ถ้าไม่ขยาดก็ไม่รู้จะว่ายังไง หลังจากที่รอดตายอย่างหวุดหวิด จากตีนตบของคุณป้า ที่ขอโทษที ไม่ใช่ตีนตบกร๋องแกร๋งแบบที่เราๆท่านๆ มีใช้กันอยู่ แต่ป้าแกเล่นของจริง แถมยังไม่ใช่ของใหม่แกะกล่อง หรือว่าเก่าเก็บ แต่ใช้แล้วใช้อีกจนเน่าได้ที่ ใครโดนเข้าไปมีหวังตายคาที่ เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

รอดตายคราวนั้น ยังมาโดนปาขี้ สดๆซิงๆเจอไปจะๆ เล่นเอาแหยงมาจนถึงทุกวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเสียงแปร่งๆ เล็ดรอดออกมาจากรูทวารที่ใช้เคี้ยวเอื้อง แต่อย่าได้หวังว่ามารจะประนามมาร ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องไม่สมควร เพียงแต่ว่าอย่ามาทำกับมาร์คนะ เพราะว่ามาร์คไม่ชอบ ลุงหมักแกชอบ ก็เชิญไปทำกับลุงหมักเหอะ

บอกตรงๆว่า สงสารลุงหมักก็สงสาร ที่แกถูกหมู่มารมันย่ำยีถึงขนาดนี้ ถ้าวันนั้นแกตัดสินใจหิ้่วเจ้าเก่งไปด้วย เรื่องคงจะกลายเป็นหนังคนละม้วน แต่ถึงยังไงก็ต้องบอกว่า ลุงหมักโดนไปคราวนี้ ไม่ได้เสียเปล่า เพราะเรื่องโฉดชั่วเช่นนี้ คนดีๆเขารับกันไม่ได้ คิดสะระตะแล้ว...

พันธมิตรเสียรังวัดไปหลายวา..ก็แล้วกัน

วโรทาห์: 9 พ.ย. 51

Thursday, November 6, 2008

สู้เขา..ซิมง ทักษิโณวาร์

ตามธรรมเนียม ปฏิบัติอันดีงามของอารยชน ถ้าแพ้แล้วไม่ยอมแสดงความยินดีต่อผู้ชนะ หาใช่คนไม่ เราจึงได้เห็นข่าวแม็คแคน โทรไปแสดงความยินดีต่อโอบามาตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งที่ยังมีโอกาสป่วนต่อได้อีกตั้งหลายเฮือก แทนที่จะรอให้แพ้จนหมอบราบคาบแก้ว แล้วยังต้องให้ผู้ชนะเดินมายกมือไหว้ ขอบคุณหลายที่งดป่วนได้ตั้งหลายนาที แบบที่ในบางประเทศเขานิยมปฏิบัติกัน

ใน ขณะที่บารัก โอบามา บรรจงเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ลุงแซม นับเป็นพลเมืองผิวสีคนแรก ที่ไต่เต้าถึงตำแหน่งประธานาธิบดี ทางประเทศสารขัณฑ์กลับมะงุมมะงาหลา พลาดโอกาสงามๆไปตั้งหลายครั้ง ไม่งั้นป่านนี้คงได้มี นายกรัฐมนตรีคนแรกที่จบการศึกษาแค่ม.7 แถมยังหน้าด้านเป็นประวัติการณ์ ขนาดว่าประชาชนไม่ต้อนรับ มันยังตื๊อเอาจนได้

พูดถึงบาชัง โอบ๋ายแป๊ะคนนี้ ยังนึกเสียดายแทนบุพการีมันไม่หาย อุตส่าห์ส่งไปร่ำเรียนถึงเมืองผู้ดี ต้นแบบประชาธิปไตยของโลกแท้ๆ จบมาได้ ดันมาโดนห่าลาก ทางดีไม่เดิน ไปกราบกรานเฒ่าช้วนเป็นซือแป๋ ตั้งแต่นั้นมาเลยอับปารีย์กินกบาล จากคนดีๆกลายเป็นผีบ้า มาจนถึงทุกวันนี้

เอาเถอะ..ไม่อยากจะวิจารณ์ให้มากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะมีคนชักตายไปเปล่าๆ เอาเป็นว่า วกมาเข้าเรื่องที่คุยแล้วสบายใจกันดีกว่า...

หลังจากที่สารขัณฑ์ไล่จี้ ทวงคืนพาสปอร์ตแดงจากอดีตนายกฯ อย่างเอาเป็นเอาตาย บี้เอาๆจนทักษิณทนรำคาญไม่ไหว เลยส่งคืนมันดื้อๆ เล่นเอาชกวืดหัวทิ่มบ่อไปเป็นแถวๆ อะไรไม่ว่า ดันมีคนจริงจากบาฮามาส ส่งเสียงข้ามโลก เสนอตำแหน่งพลเมืองกิตติมศักดิ์ให้ เป็นการทดแทนซะอีก คราวนี้จะเอาพาสปอร์ตสีอะไรก็มี

หน้าแหกไปหมาดๆ มันเข็ดซะเมื่อไหร่ นี่เอาอีกแล้ว ตั้งแท่นจะริบคืนเครื่องราชฯกันดื้อๆ ทำราวกับว่า มันจะเป็นจะตายกันซะให้ได้ กับเรื่องแค่นี้ แต่จนแล้วจนรอด ทำได้ไม่ได้ยังไม่รู้ ดันมีนักเลงดียื่นมือเข้ามาสอดอีก คราวนี้มาไกลจากโบลิเวียร์ แหล่งน้ำมันใหญ่ที่ยังใสบริสุทธิ์ของอเมริกาใต้ มอบให้กันเห็นๆ อิสริยาภรณ์ชั้น ซิมง โบลิวาร์

เป็นเรื่องละซีคราวนี้ ในสารขัณฑ์น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะคิดไม่เป็นกัน อีกอย่างแป๊ะก็ยังไม่ได้โปรแกรมให้ แต่ชาวโลกเขารู้กันดี ว่านั่นมันตบหน้ากันชัดๆ เพราะซิมง โบลิวาร์ ผู้นี้ ชาวบ้านเขาขนานนามว่า เอล ลิเบอเรเตอร์ ซึ่งก็คือวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยดีๆนี่เอง แถมยังได้รับการยกย่อง ขึ้นชั้นเทพเจ้าของคนจน ขนาดว่าเอาชื่อคนมาตั้งเป็นชื่อประเทศ เจ๋งไม่เจ๋ง ลองตรองดูก็แล้วกัน

จากการไล่บี้ไล่อัดคนที่ไม่มีทางต่อสู้ หะแรก นึกว่าจะหมูตู้เหมือนคนก่อนๆ ที่ไหนได้ ทำไปทำมาเจอกระแสตีกลับ กลายเป็นสงครามระหว่างชนชั้นไปซะฉิบ ถ้ายังไม่เสียวไปถึงก้นกบ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เพราะประวัติศาสตร์ก็เห็นๆกันอยู่ ว่าทุกครั้งที่คนจนลุกขึ้นมาสู้ แล้วผลมันเป็นยังไง ใครเป็นฝ่ายชนะ แล้วใครเป็นฝ่ายย่อยยับราพณาสูร ไม่บอกก็น่าจะรู้ๆกันน่ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้คงเห็นกันแล้วว่า การที่อดีตนายกฯต้องไประเหเร่ร่อนอยู่ในต่างแดนนั้น ชาวโลกเขาไม่ได้รับมุข ว่าเป็นคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ ตรงกันข้าม นั่นคือการทำงานภาคสนาม ของนักต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ใครๆเขาก็เข้าใจกันว่า เป็นธรรมดาของนักสู้ผู้ปลดปล่อย ย่อมต้องออกไปปักหลักแลกหมัดในต่างประเทศ หรือไม่ก็ถูกขังคุกขี้ไก่ แบบอองซาน ซูคยี

อีกอย่าง ก็เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าทำไมชนชั้นกลางจึงไปรวมตัว อยู่ขั้วตรงข้ามกับชาวรากหญ้า ก็เพราะนี่มันเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาส่วนแบ่ง ของชนชั้นกลางและสูง ไม่ให้ไหลทะรูดทะราดลงไปสู่รากหญ้า จากการที่ทักษิณมือบอน มาเจาะทะลุทะลวงซะจนเป็นรูโหว่

แต่สารขัณฑ์ยังดีอยู่หน่อย ที่ชนชั้นกลางครึ่งหนึ่ง กับชั้นสูงอีกนิดหน่อย ยังมีใจเป็นธรรมอยู่บ้าง จึงแปรพักตร์มาสมทบกับชาวรากหญ้าผู้ต่ำต้อย สนธิกำลังกันได้ ทำให้มีจำนวนมหาศาล เลือกตั้งทีไรก็ชนะทุกที นอกจากนี้ยังทำให้มีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยง เย่อกับอำนาจมืดขนาดบ๊ะเริ่มเทิ่มได้ อย่างสมน้ำสมเนื้อ

พ่อแม่พี่น้องที่กำลังเครียดจัดเรื่องสื่อชั่ว ว่ามันเสี้ยมข่าวกันเหลือเกิน ก็จะได้เข้าใจซะทีว่า นั่นมันก็เรื่องธรรมดา ของการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีนักสู้คนไหนในประวัติศาสตร์ ที่ไม่โดนสื่อชั่วในประเทศตัวเองรังแกเอา ไม่ว่าจะเป็นเนลสัน แมนเดล่า หรือนักต่อสู้คนสำคัญคนไหนก็แล้วแต่ เจอมาแล้วทั้งนั้น ตราบเมื่อชนะแล้วนั่นแหละ สื่อทั้งหลายจะมาอยู่เคียงข้างคุณเอง

โปรดทำใจให้สบาย เพราะในประวัติศาสตร์การต่อสู้ สื่อไม่เคยตัดสินผลการแพ้ชนะของสงครามได้ และที่สำคัญก็คือ สื่อไม่เคยเข้าข้างคนถูก มันเชียร์ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นฉิบหายทุกที แต่โชคไม่ดี ที่พวกมันก็รอดได้ทุกครั้งเหมือนกัน

ภาพจากวันแดงเถือกที่ราชมังคลาฯ น่าจะเติมกำลังใจให้ทักษิณได้โขอยู่ เมื่อผนวกเข้ากับแรงหนุนจากนานาชาติ ที่กล้าแสดงออกกันโต้งๆ โดยไม่กลัวโดนขวิด งานนี้ ถ้าไม่สู้ตาย ก็คงจะเสียเชิงชายไม่ใช่น้อย..โปรดจำไว้เสมอว่า ถ้าคุณสู้เพื่อคนจน คนจนก็จะสู้เพื่อคุณ...

!!! ซิมง ทักษิโณวาร์ !!!

วโรทาห์: 6 พ.ย. 51

Wednesday, November 5, 2008

ระบอบอำมาตย์..ส่วนเกินที่ต้องกำจัด

ตั้งแต่อดีตกาลนานมา ระบอบศักดินากับอมาตยาธิปไตยนั้น เปรียบได้ดังน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ก็ว่าได้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เฮไหนเฮนั่น จนแยกจากกันลำบาก เพราะว่าศักดินาก็ต้องพึ่งพาอำมาตย์ คอยค้ำจุนระบอบ ในขณะที่อำมาตย์เอง ก็ต้องอาศัยบารมีคุ้มกบาล ให้มีเงินมีงาน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ อย่างอู้ฟู่

แต่ก็ใช่ว่าสองฝ่ายจะกลมเกลียวซี้ปึ้กกันก็หาไม่ ถ้าดูหนังเกาหลีก็จะเห็นเป็นตัวอย่าง ว่าศักดินากับมหาอำมาตย์ก็งัดข้อกันอยู่เป็นประจำ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อต่างก็จำเป็นต้องมีกันและกัน ก็ต้องทนๆกันไป ไม่งั้นจะอยู่ได้ยังไงกัน

เมื่อโลกพัฒนามาถึงยุคประชาธิปไตย ถ้ายังขืนมะงุมมะงาหลาใช้ระบอบเดิมอยู่ ชาวโลกที่ไหนเขาจะมาคบ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า เมื่อเปลี่ยนระบบใหม่แล้ว จะทำยังไงกับระบอบเก่า กล่าวฝ่ายศักดินานั้นคงพอไหว เพราะถึงยังไงก็เข้าได้กับประชาธิปไตย อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่อมาตยาธิปไตยนี่สิลำบาก กลายเป็นส่วนเกินของประชาธิปไตย ที่ประเทศไหนๆใครก็กำจัดทิ้ง

ดูเหมือนว่าอมาตยาธิปไตย ก็พอรู้ชะตากรรมตัวเอง ดังนั้น เพื่อต่อลมหายใจไปอีกหลายเฮือก จึงพยายามดิ้นรนจนสุดฤทธิ์ เป้าหมายคือเหนี่ยวรั้งศักดินาไว้ ไม่ให้ไปเข้าพวกกับฝ่ายประชาธิปไตย โดยเด็ดขาด จึงต้องจำลองระบอบประชาธิปไตยแบบสารขัณฑ์ๆขึ้นมา เพื่อตบตาชาวโลก ว่าสารขัณฑ์ก็เป็นประชาธิปไตยแล้วนะจ๊ะ ดูสิ! มีเลือกตั้งด้วย

ถึงว่า..หัวเถิกรัตนโกสินทร์ ต้องคอยออกมาเตือนสติว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เพียงแต่ว่าแค่ไหนแกไม่บอก ปล่อยให้ตีความกันเอาเอง จนยุ่งเป็นยุงตีกัน

ประชาธิปไตยแบบสารขัณฑ์ๆนั้น มีอำมาตย์เป็นตัวป่วน นายกฯเป็นได้ก็แค่จ๊อกกี้ จะมาทำหวือหวาซู่ซ่าไม่ได้เป็นอันขาด เพราะทุกอย่างอำมาตย์จัดการให้เสร็จสรรพแล้ว มีทั้งตัวชงตัวตบ คอยชี้นิ้วบงการ แอบเนียนควบคุมกลไกการบริหารประเทศอยู่เงียบๆ เรียบร้อยโรงเรียนอำมาตย์

ถ้าเปรียบสารขัณฑ์เป็นรถเมล์ ต้องเรียกว่ารถเมล์ผีสิงถึงจะเหมาะ เหตุเพราะว่ามีโชเฟอร์ที่มองไม่เห็น เป็นเจ้าประจำคอยขับซิ่งปรู๊ดปร๊าดอยู่แล้ว นายกฯถ้าอยากอยู่นานๆ ต้องทำตัวอย่างเฒ่าช้วนจอมแหล นั่นคือคอยรับรายงาน แล้วบีบแตรอย่างเดียว ห้ามยุ่งกับพวงมาลัยเป็นอันขาด ไม่งั้นจะมาหาว่าไม่เตือน ขืนมาทำซ่าเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดี๋ยวแม่ตบติดเน๊ต

เรื่องของเรื่อง ที่มันเป็นเรื่องจนได้ ก็เพราะน้าทักแกหักเหลี่ยมโหด ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม คว้าพวงมาลัยได้ก็ขับซิ่งยกล้อ ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเล้ย ว่าผู้โดยสารแต่ละตัว มันแก่งั่กกั้กน้องๆปู่เย็น ถึงได้พาทิ้งโค้งมุมแคบ เลี้ยวคว๊าบเข้าซอยเปลี่ยว เล่นเอาผู้เฒ่าผู้แก่ตกใจจนฉี่เล็ด ร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วกันให้ลั่น ก็สองข้างทางมันมีแต่สลัม กับฝุ่นเมืองขมุกขมัว น่ากลัวจะตายไป

เพราะเหตุนี้ เรื่องที่มันควรจะจบแบบหนังสั้น เลยกลายเป็นมหากาพย์เรื่องยาว จะเป็นจะตายยังไง อำมาตย์ก็ต้องกำจัดแม้วให้จงได้ ที่สำคัญศักดินาก็เห็นชอบซะด้วย เพราะถูกเป่าหูว่าเป็นศัตรูร่วมกัน เพียงแต่ว่าประชาชนเขาไม่คิดอย่างนั้น ยังไงก็จะเอาน้าแม้วกลับบ้านให้ได้ เหตุผลเพราะว่าแกซิ่งมันดี ฝีมือสุดยอดเข้าขั้นระดับโลก ถึงขนาดประเทศน้อยใหญ่ จองคิวซื้อตัวกันเป็นแถว

เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป คงต้องหายใจลึกๆ แล้วติดตามกันยาวๆ เพราะเรื่องมันชักจะเลยเถิด กลายเป็นการรบกัน ระหว่างประชาชนเจ้าของประเทศ ที่สิ้นไร้ไม้ตอก กับระบอบอำมาตย์ ที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ประกอบด้วย ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และตุลาการ นอกจากนั้นยังมีเหล่าบรรดาบัณฑิต ซึ่งก็คือนักวิชาการเฮงซวยทั้งหลายมาร่วมแจม โดยมีสื่อชั่วเป็นสุนัขรับใช้

โดยเนื้อแท้แล้ว คนสารขัณฑ์ส่วนใหญ่ ไม่ได้ปฏิเสธระบอบศักดินา แถมจะว่าไปแล้ว กลับเวลคัมด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่ามันมีระบอบอำมาตย์ ที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างศักดินากับประชาชน พวกเวรตะไลในระบอบนี้ ชอบผูกขาดความจงรักภักดี แล้วถืออาญาสิทธิ์มาราวีผู้คน ทำตัวเป็นโก๋หลังวัง คอยดักตีหัวชาวบ้านอยู่เป็นประจำ

จึงช่วยไม่ได้ที่เมื่อถูกตีกระหน่ำ ชาวบ้านตาดำๆจะมองไปยังศักดินาอย่างเคลือบแคลง ยิ่งไม่มีใครในระบอบออกมาชี้แจง มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้น เพื่อแสดงความจริงใจ ศักดินาจึงควรที่จะหันหลังให้กับระบอบอำมาตย์ แล้วหันหน้ามาหาปวงชน พูดกันตรงไปตรงมาก็คือ ต้องกำจัดระบอบอำมาตย์ทิ้งไป เพื่อลดความหวาดระแวง ระหว่างประชาชนกัีบศักดินา

จำไว้ว่า ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลก ที่เลี้ยงอำมาตย์ไว้เป็นหอกข้างแคร่ เพราะว่า เมื่อเป็นประชาธิปไตยแล้ว ศักดินาไม่จำเป็นต้องอาศัยอำมาตย์ คอยคุ้มครองอีกต่อไป...

ภายใต้อ้อมกอดของประชาชน ศักดินาจะปลอดภัย ไปตลอดกาล...

วโรทาห์: 5 พ.ย. 51

Monday, November 3, 2008

อุแม่เจ้า่..1 พฤศจิกา..แดง..เถือก..ทั้งราชมังคลาฯ

ผ่านไปแล้วอย่าง ยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยสถิติผู้เข้าร่วมงานนับแสนของจริง สีแดงพรั่งพรูสู่ราชมังคลากีฬาสถาน ในงานความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 2 ทำเอารายการความเท็จวันนั้นสัญจรครั้งที่ร้อยกว่า ณ.ทำเนียบผีสิง ถึงกับซึมจ๋อยเป็นป่าช้าร้าง

คนแล้วคนเล่าที่เติมลงไปในชามอ่างยักษ์ เต็มแล้วเต็มอีกจนล้นทะลักออกมานอกยกทรง ความคึกคักระดับนี้ ถ้าเทียบกับปักกิ่งเกมส์คงไม่หนีกันเท่าไหร่

ทุกทิศทั่วไทยต่างหลั่ง ไหลมายังจุดรวมศูนย์ ณ.สนามกีฬาขนาด 6 หมื่น 5 พันที่นั่ง ยังไม่รวมที่ยืน พอคืน 31 ตุลา พี่ป้าน้าอาชาวตจว. ก็คึกคักกันสุดขีด บ้านใครบ้านมันไปรวมกันที่จุดนัดพบ ขึ้นรถได้ก็เต็มออก..เต็มออก บ่ายหน้าสู่กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร มหานครแห่งความหลอกลวง

งานประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประเทศไทยทั้งที น้อยกว่านี้จะได้ยังไงกัน

ถ้า จะเรียกว่าวันแดงเถือกก็ไม่น่าจะผิด เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน อะไรๆก็แดงไปหมด ไม่แดงไม่มา ถ้ามาต้องแดง ขนาดตำรวจจราจร ที่คอยอำนวยความสะดวกตามรายทาง ชุดสีกากีแท้ๆ แต่หัวใจยังแดง ไม่ต้องพูดถึงเจ๊ดา ที่แม้แต่ผมยังย้อมซะแดง ทำให้ไม่อยากจะคิดเลยเถิด ว่าจะมีอะไรที่ยังไม่แดงอีก

รายงานอากาศบอกว่า กรุงเทพมหานครจะมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ฟังแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย อุตุฯว่ามาอย่างนี้ แสดงว่าหวยจะออกตรงข้าม แล้วก็เป็นไปตามคาด แดงแดดแผดเปรี้ยง จนแทบจะอกแตกตาย แต่แทนที่คุณยายสีแดงจะรับบทลมใส่ กลับกลายเป็นผู้เฒ่าบ้าดี บ้านเสา 4 ต้น ที่เรียกหายาลม ยาดม ยาหม่องกันให้วุ่น เพราะสีแดงแยงตา จนตาร้อนวาบๆ

สันติอหิงสาของแท้ รับรองคุณภาพโดยมหาตมะคานธี ยืนยันโดยพิราบขาวที่บินโฉบมาแท๊งค์กิ้วอยู่หลายรอบ ผิดกับทำเนียบเน่าที่แร้งบินกันให้ว่อน งานนี้งดเว้นอาวุธและอุปกรณ์กีฬาทุกชนิด แม้แต่ไม่จิ้มฟันยังต้องซุกเก็บไว้ที่บ้าน ไม่มีปืนผาหน้าไม้ หนังสติ๊ก คมแฝก หรือระเบิดปิงปอง ยกเว้นตีนตบอย่างเดียว ที่คุณแม่ขอร้อง ถ้ายังไม่ได้ใช้ตบใคร ก็ยังไม่ถือว่าเป็นอาวุธ

สวม หมวกแดง เสื้อแดง กางเกงหลากสี สะพายกะติ๊บข้าวเหนียว ถือตีนตบก้าวฉับๆเข้าไปในสนามอย่างมาดมั่น คนที่ไปไม่ได้ ยังอุตส่าห์ใส่เสื้อแดงอยู่บ้าน นอนรอเป็นก๊อกสอง แถมยังสั่งลูกน้อง ให้รีดเสื้อแดงแสตนบายด์ไว้ เผื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายให้ต้องเปิดก๊อกสาม

เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ พอเจ้าของอธิปไตยตัวจริงเสียงจริงออกมา ทหารปากกล้าทั้งหลาย ก็มุดหัวหายเงียบไปทั้งแถบ แพลนงานรัฐประหาร ถูกพับเก็บใส่กระเป๋า รถถังที่เติมน้ำมันไว้เต็มปรี่ ถูกลากไปซุกเก็บแทบไม่ทัน ก็ใครมันจะไปกล้า เจ้าของรถถังตัวจริงเขาแห่มา..มืดฟ้ามัวดิน

งานนี้จะเรียกว่าโชว์พาวชาวสีแดงก็ว่าได้ ถึงเวลาคนป่ามีปืน ใครอยากล้างตาก็เชิญเลยๆ ไม่ได้ท้าเพียงแค่พูดให้ฟัง ทหารประชาชน ถ้าลุกฮือขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าลุยไม่เลิก แค่ข้าวเหนียวซักกะติ๊บ ตีนตบซักอัน ก็โซ้ยกันได้ข้ามภพข้ามชาติ กลัวแต่ว่า ถึงเวลารบกันจริงๆ ขี้คร้านทหารไอ้เณร จะทิ้งรถถัง วิ่งมากอดแม่เอาดื้อๆ

ที่มีวันนี้ได้ ต้องแท๊งค์กิ้วหลายต่อระบอบอำมาตย์ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการส่งผู้เฒ่าผู้แก่ วัยรุ่นแรกแย้มฝาโลงออกมาดิ้นพราดๆ เรียกร้องความสนใจให้ล่วงหน้าตั้ง 5-6 วัน โดยเฉพาะพลพรรคแมลงสาบ ที่ร่วมแรงร่วมใจ นัดกันออกมาชักดิ้นชักงอ ทำอย่างกับเจอดีดีที บี้ใส่ซะตั้งหลายโหล

ที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด นอกจากคณะกรรมการจัดงานแล้ว ต้องไม่ลืมวอร์รูมอำมาตย์ ที่ช่วยกันป่วนช่วยกันบล็อคเว็ปไซต์ต่างๆ จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ขยันขันแข็งตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพื่อช่วยกันไล่ช่วยกันต้อน ให้ทุกคนไปร่วมตัวกันที่สนามกีฬา ห้ามนอนดูดนมฟังข่าวอยู่ที่บ้านเป็นอันขาด

และแล้วก็ถึงนาทีที่รอคอย ไฮไลท์ของงานที่ใครๆก็เฝ้าดู ถึงขนาดประธานศาลดีก๊า? ยังสั่งจับตาอย่างใกล้ชิด จะใครที่ไหนกันเล่า ถ้าไม่ใช่นายกฯคนเก่า ของชาวรากหญ้าคนนั้น โหงวเฮ้งยังดูดี ไม่มีราศีนักโทษจับซักกะติ๊ด เคลิ้มๆไปยังนึกว่ามาเยี่ยมนักโทษ ที่ถูกขังคุกขี้ไก่ อยู่ที่ทัณฑสถานใหญ่ไทยแลนด์ซะอีก

วันนี้มาในมาด ใหม่ แทนที่จะบี้ใส่อำมาตย์เต็มๆ อย่างที่กะเก็งกันไว้แต่เนิ่นๆ ที่ไหนได้ มาดใหม่ไฉไลกว่าเก่า ส่งลูกอ้อนข้ามน้ำข้ามทะเล มาถึงคนรู้ใจที่รออยู่ตั้งหลายล้านคน น้ำตาเจ้ากรรมที่เอ่อท้นรอคิวอยู่แล้ว เลยร่วงผล็อยๆออกมาอย่างกับเผาเต่า โถๆๆๆ..ไม่ต้องออดไม่ต้องอ้อน หัวใจแดงๆขอป้า ก็จะขาดรอนๆแล้วละพ่อ

ทำไปทำมางานวันแดงเถือก เลยกลายเป็นวันรวมพลคนรักทักษิณไป โดยไม่ได้นัดหมาย แต่ก็ดีไปอย่าง จะได้ล้างตากันไปเลย ว่าแค่คนรักทักษิณยังแค่นี้ ถ้ารวมกับคนรักประชาธิปไตย แต่ไม่รักทักษิณ แล้วจะแค่ไหน ซึ่งจะว่าไปแล้วคน 2 กลุ่มนี้ ไม่ใช่อื่นไกล ยังไงก็พี่น้องกัน

คนรักทักษิณ ถ้าไม่รักประชาธิปไตย ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกทักษิณ ประชาธิปไตยเลยกลายเป็นน้ำจิ้ม ที่คนรักทักษิณต้องกินคู่กันไป ส่วนคนรักประชาธิปไตย ถ้าไม่จับมือกับคนรักทักษิณ ก็คงจะสู้กับเผด็จการลำบาก สรุปแล้วน้ำยังต้องพึ่งเรือ เสือหรือจะไม่พึ่งป่า จับมือกันไว้ จะได้วินวินทั้งคู่

ในที่สุด ก็มาถึงฉากสุดท้ายที่ยากจะหลีกเลี่ยง ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา..พบกันเพื่อพราก จากกันเพื่อเจอ..วันนี้มีได้ วันหน้าก็ต้องมีอีก แต่ที่ไหนเวลาใด ไข่มุกดำแห่งอันดามัน จะกระจ็องง็องไปแจ้งข่่าว เว้่นแต่ว่าถ้าเกิดมีสุนัขบ้าออกมาเอ๊กเซอร์ไซส์ ก็ให้ถือว่างานเข้าโดยปริยาย สีแดงจะออกมาแดงเถือก เต็มบ้านเต็มเมือง ไม่เชื่อก็ลองเบิ่งแน...

ถ้าใครกล้าลากรถถังออกมา..เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

วโรทาห์: 3 พ.ย. 51

Thursday, October 30, 2008

อุ่นเครื่องกันแล้ว..ต้อนรับ 1 พฤศจิกา

ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี เมื่อเห็นเครือข่ายอำมาตย์ ดาหน้าออกมาประสานเสียง กรีดร้องโหยหวน วอนขอประชาชนให้รู้รักสามัคคี อย่้า่ใช้ความรุนแรงต่อกัน โดยเฉพาะคิวนี้ ถึงขนาดว่าตัวเป้งๆ อายุเยอะๆ ออกมาเต้นแร๊ปด้วยตัวเอง นี่ถ้าแ๊ป๊ะไม่เพลี่ยงพล้ำ มีหรือพวกมันจะออกลูกนี้

สายไปหรือเปล่าท่านอำมาตย์ ทำไมความรู้สึกช้าไปตั้ง 3-4 ปี ถ้ามีผัวได้ ป่านนี้ลูกก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว หน็อย..เล่นลูกโหดมาได้ตั้งนมตั้งนาน ไล่กระทืบเขาจะเอาเป็นเอาตาย พอหมดแรงข้าวต้มไปเอง ถึงคิวเขาจะเอาคืน มันมาขอพักยก กะว่าให้มีเวลา นอนพักเอาแรงให้สดชื่น แล้วกลับมากระทืบใหม่ ว่างั้นเ้หอะ

มาถึงวันนี้ คงมีใครฟังใครหรอกนะ ก็บอกแล้วว่า ถ้าไม่พอใจก็ทำรัฐประหารไปเลย..ไม่มีปัญหา เดี๋ยวประชาชนจัดให้ ไหนๆก็หมดอนาคตกันแล้ว ฆ่าก็ตายไม่ฆ่าก็ตาย งั้นก็มาตายด้วยกันซะเลยดีกว่า ถ้าจะยกยอดไปให้ลูกหลาน ต้องมานองเลือดกันวันหน้า ก็เอามันซะวันนี้เลย จะเป็นไรไป

ยิ่งใกล้ 1 พฤศจิกาเข้าไปเท่าไหร่ ฝ่ายอำมาตย์ก็ยิ่งร้อนรนจนแทบคลั่ง ตามสไตล์เขาหละ ต้องเร่งเกมส์เร็วให้สุกงอมก่อนวันแดงเดือด เดี๋ยวโน่นตูมนี่ตูม เพื่อโยนบาปให้รัฐบาล แล้วหาเหตุปฏิวัติรัฐประหาร ก็คิดกันได้แค่นี้ มันถึงวนเวียนอยู่ในอ่าง ร่ำๆว่าจะต้องนองเลือดกันซะให้ได้

หันมาทางมหาชนคนเสื้อแดง เห็นแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยังไม่เคยมีครั้งไหน ที่ประชาชนจะพร้อมใจกัน เวลคัมคณะปฏิวัติได้ถึงขนาดนี้ อยากขู่ก็ขู่ไป ในเมื่อหัวใจมันไปอยู่ที่ราชมังคลาซะแล้ว ใครขืนมาขัดใจ ทำปฏิรูปปฏิสังขรณ์เมื่อไหร่ เป็นได้เห็นดีกัน

นี่ข่าวว่า ทางพรรคพลังประชาชนก็ไฟเขียวมาแล้ว ให้ส.ส.ไปร่วมงานได้แบบตัวใครตัวมัน โดดรับลูกทันทีก็ส.ส.นัจมุดดิน อูมา ส่งซิกมาจากทางใต้ ว่าเจอกันแน่ๆ ชาวนราธิวาส 40-50 คันรถ จะยกพลมาในคืนวันที่ 31 ตุลา เพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่ออนาธิปไตย ให้มันรู้กันไป ว่าภาคไหนๆเขาก็ไม่เอามึง

อายไม๊ล่ะ พรรคประชาธิปัติย์ มัวแต่เคล้าแข้งเคล้าขาเผด็จการ ไม่เห็นหัวชาวบ้านว่าเขาจะคิดกันยังไง ตอนนี้แม้แต่ฐานเสียงทางใต้ ที่ว่าแข็งปึ้กปั้ก ก็ชักจะไม่แน่ พูดแล้วมันเชื่อกันซะเมื่อไหร่ ว่าเดี๋ยวนี้ภาคใต้..เขาปั๊ดตะนาเล้ว

ทำไปทำมา 1 พฤศจิกา ชักจะไม่ธรรมดา ชาวบ้านเตรียมพร้อมกันคึกคัก ยิ่งกว่างานตรุษสาร์ทเป็นไหนๆ ทั้งนอกกรุงในกรุง เหนือใต้ออกตก หรือแม้แต่ดินแดนที่ไกลปืนเที่ยง ไม่ว่าที่ไหนๆ ต่างหายใจเข้า หายใจออก เป็็นราชมังคลา ทำเอาพวกหมาๆในทำเนียบ ต้องหายใจติด หายใจขัด ก็เพราะราชมังคลา

ถึงวันนั้น ถ้าใครมีค็อปเตอร์ให้ยืมซักลำก็สวย จะได้ขนช่างภาพมือดีขึ้นไปเก็บภาพประวัติศาสตร์ สีแดงแรงฤทธิ์หลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทาง โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ราชมังคลา ผู้เฒ่าหมาๆมาเห็นเข้าจะได้อกแตกตาย หรือทนไม่ได้จนต้องปลิดชีพตัวเองเพื่อไปเกิดใหม่

สโลแกนวันนี้ จะถูกจะแพงขอแดงไว้ก่อน หมวกก็แดง เสื้อก็แดง แต่กางเกงไม่ต้องแดง เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า เอาแค่เบาะๆพอให้รู้ว่า หัวใจข้าสีแดงก็เหลือแหล่ สองมือล้วงกระเป๋า(ตัวเอง) สองเท้าก้าวเข้ามา ราชมังคลายินดีต้อนรับ

สงสารแต่อาซิ้มอาซ้อ อาตี๋อาหมวย อากงอาม่า ที่อุตส่าห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไปช่วยแป๊ะกู้ชาติ กู้ไปกู้มาเหลือแต่ชุดชั้นใน กับตัวเดียวอันเดียว ต่อไปนี้สีแดงไม่ใช่สีนำโชคซะแล้ว ตรุษจีนสาร์ทจีนคงต้องใส่ชุดดำ ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป

ในบรรยากาศอันเป็นมงคลเช่นนี้ ยังมีแป๊ะกังฉินมาร้องขายยา ข่าวว่า ชัยอนันต์ เสนอยาแรงแก้วิกฤติ ประหารนักการเมืองโคตรโกง 4-5 คน พร้อมห้ามสมาชิกพรรคถูกยุบลงเลือกตั้ง นับว่ามาถูกที่ถูกเวลา ในขณะที่พรรคพวกกำลังร้องหาสมานฉันท์ มีมันเห่าสวนอยู่ตัวเดียว

แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อกล้าเสนอก็กล้ารับ สภาประชาชนนัดด่วน ประชุมฉุกเฉินแล้วก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ฮ้อ...

ให้ประหารแก๊งค์ไอ้แก่ซัก 4-5 ตัว เผื่ออะไรๆจะดีขึ้นบ้าง

วโรทาห์: 30 ต.ค. 51

Wednesday, October 29, 2008

1 พฤศจิกา..หงายไพ่กันมาเลย

คนโง่แล้วขยันต้องเอาไปฆ่าทิ้ง เป็นคำพูดตั้งแต่สมัยสามก๊ก แต่ยังใช้ได้ดีจนถึงทุกวันนี้ เหตุผลก็ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน นั่นก็คือ นับตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกมา ยังไม่เคยมีคนโง่คนไหน ที่เสล่อไปทำเรื่องฉลาดๆซักคน นอกจากเรื่องเดียว คือฉลาดทำแต่เรื่องโง่ๆ แล้วถ้าได้ลูกขยันเข้ามาเสริมซักหน่อยละก้อ ฉิบหายกันมาแล้วนักต่อนัก

ภายใต้ิดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่คนโง่ไม่กล้าทำ แล้วเจ้ากรรม ประเทศนี้ก็เต็มไปด้วยทหารงี่เง่า ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาทหารง่าวๆเหล่านี้ ยังอุตส่าห์มีทหารที่โง่กว่า และก็ทหารพวกหลังนี่แหละ ที่เป็นกำลังหลักให้ระบอบอำมาตย์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ล่าสุดนี่ ก็กำลังขยันขันแข็ง ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต รับคำสั่งให้มาจัดการกับพวกหมิ่น

พูดถึงเรื่องหมิ่นๆ ความจริงแล้วก็ไม่อยากจะเฉี่ยวเข้าไปซักเท่าไหร่ เหตุเพราะว่า คุกตะรางไม่เข้าใครออกใคร เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง หลบได้ก็ควรจะหลบ ไอ้กลัวน่ะไม่เท่าไหร่ เพียงแต่ว่ามันก็อดเสียวไม่ได้ ยิ่งตาชั่งบ้านเรามันไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่ ผีเข้าผีออก ผิดว่าไปตามถูก ถูกว่าไปตามผิด เอาแน่เอานอนไม่ได้ สุดแท้แต่ว่า พวกใครก็พวกใคร

เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ตาชั่งโหลยโท่ย ตบได้สั่งได้ ปรู๊ดปร๊าดเอี๊ยดอ๊าด ลื่นเหลือล้น ทนเหลือหลาย ใครเดาทางออกต้องถือว่าโคตรเก่ง ขนาดปลาไหลใส่สเก๊ตช์ที่ว่าแน่ๆ ยังต้องชิดซ้ายลงคู มือเซียนอย่างปู่เติ้งยังต้องงงเต็ก ยอมรับว่าลื่นสู้มันไม่ได้จริงๆ แล้วนับประสาอะไร กับลูกเมียน้อยอย่างเรา ขึ้นชั่งเมื่อไหร่ ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า..ไม่รอลงอาญา

ที่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาซะยืดยาวนี่ ก็เพื่อจะส่งซิกไปยังพวกโง่ๆทั้งหลายว่า ศรัทธาของชาวบ้าน อย่าบังอาจเอามาล้อเล่น ของอย่างนี้มันมาเร็วไปเร็ว จุดติดพรึ่บพรั่บขึ้นมาเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นไฟลามทุ่ง ถึงเวลานั้นต่อให้ใครต่อใคร ก็เอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้น จะชวนคนรัก หรือจะห้ามคนเกลียด ก็ต้องชั่งใจให้ดีๆ

คิดได้แต่ห้ามพูด พูดได้แต่อย่าให้ได้ยิน เอากันถึงขนาดนั้นมันก็เกินไป ใจคนมันห้ามกันได้ซะเมื่อไหร่ จะรักใครชังใครก็อยู่ที่ใจใครใจมัน จำไว้ว่า จะชั่วดีถี่ห่างยังไง ก็ยังเป็นไทยเหมือนกัน ถึงเคียดแค้นชิงชังจนไม่เผาผี มันก็หนีกันไปไม่พ้น เหม็นหน้ากันแทบตาย ก็ยังต้องทนทู่ซี้อยู่กันต่อไป เข้าตำรา คับที่อยู่ได้ คับใจก็จะอยู่..ไม่งั้นจะหนีไปไหนล่ะ

นี่อะไร อยู่ๆไปปลุกผีคอมมูนิสต์ เอากฎหมายหมิ่นมาฟาดฟันชาวบ้าน หาเหตุทำรัฐประหารหน้าด้านๆกันอีกกระทอก จึงต้องขอบอกกันไว้ก่อนว่า อย่าริเล่นกับไฟเป็นอันขาด พลาดพลั้งลงไป มันจะได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าหวังดีก็หยุดซะ แต่ถ้าประสงค์ร้ายก็เชิญทำต่อไป ถ้าถึงคราวแผ่นดินลุกเป็นไฟ ก็ตัวใครตัวมัน

สาเหตุที่ไปๆมาๆ อำมาตย์ยังต้องหันกลับมาใช้บริการทหารโง่อีก ก็เพราะแป๊ะบ้านั่นแหละตัวดี ดันสะดุดหัวทิ่มบ่อ พาคนไปตายฟรี เมื่อวันที่ 7 ตุลา สาวกน้อยใหญ่ที่เคยเฮี้ยวจัดๆ ก็เลยเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ เป่านกหวีดแทบตาย ยังไม่มีใครกล้าโผล่หัว ก็เพราะมันรู้กันอยู่เต็มอก ว่าที่มือไม้กุด จั๊กกะแร้ฉีกนั้น ก็มาจากระเบิดปิงปองของพวกเดียวกันแท้ๆ

หลังจากที่ทำสงครามครั้งสุดท้ายมาหลายกระทอก มาคราวนี้ ก็ถึงทีต้องดิ้นเฮือกสุดท้ายกันแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมพักนี้แป๊ะถึงได้ปะฉะดะ ก็ถ้าสมานฉันท์กันเมื่อไหร่ แป๊ะก็กลายเป็นหมาเมื่อนั้น ไม่มีม็อบก็ไม่มีทีวีรูดาก สิ้นม็อบแป๊ะก็สิ้นชีพ พวกดาราน้อยใหญ่ที่ออกหน้ามาเย้วๆ ก็เตรียมตัวขุดรูเอาไว้อยู่กันได้เลย

ทุกครั้งที่สีเหลืองทำแต้มหล่นหาย มันจะกลายเป็นแต้มบวกให้สีแดงโดยไม่ต้องลงทุน และทุกครั้งที่ระบอบอำมาตย์ฟาดฟันทักษิณ คะแนนสงสารก็ไหลมาเทมาเป็นว่าเล่น อยู่ๆก็ไปเพิ่มพลังให้สีแดงแรงฤทธิ์โดยใช่เหตุ ยิ่ง 1 พฤศจิกานี้ นายกฯทักษิณจะโฟนอินเข้ามา จึงเป็นที่คาดกันว่า รัชมังคลาฯน่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ต้องขอบังอาจแนะนำท่านอำมาตย์ว่า ถ้ายังไม่ถึงกับจะตายวันตายพรุ่ง ก็น่าจะรอดูไปก่อนอีกซัก 2-3 วัน จะได้ล้างตากันไปเลย ว่าไพ่ประชาธิปไตยนั้น มันจะซักกี่แต้มกันเชียว ถึงเวลานั้น จะสู้หรือจะหมอบจะได้ตัดสินใจถูก ถ้าเห็นว่าพอสู้ไหว จะทำรัฐประหารกันตอนนั้น ก็ยังไม่สายเกินเพล...

ดู่ดู๊ดู..ดูมันทำ ระหว่างที่ศักดินากับประชาธิปไตย กำลังประจัญหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย มาร์คโมเดส ยังมีแก่ใจไปเล่นขี้ที่อุบลฯ เจอเข้้าไปเต็มๆ ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองถึงจะรู้กลิ่น ว่ามันเหม็นคาวฉาวโฉ่ขนาดไหน ลองดูแล้วต้องรู้จำ ว่านี่แหละภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนๆ..แนวรบด้านประชาชนเปิดอ้าซ่าแล้วเด้อ

เวลาเดียวกัน แนวรบด้านรัฐสภาก็กำลังเดือดพล่าน เมื่อเจ้าเก่งอดรนทนไม่ได้ ต้องออกโรงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนอาวุธจากถีบมาเป็นเตะ น่าเสียดาย ที่ยังแค่ขู่ๆ ไม่ทันเจอของจริง ก็วิ่งแจ้นไปฟ้องคุงคูซะแล้ว คงมีแต่ส.ว.สาวฮ็อต รดสะหนา 3 เสา คนเดียวโ่ด่เด่ ที่ยังก๋ากั่น รีบตะโกนมาว่า อะฮั้นไม่ติดใจเอาเรื่องฮ่า แต่ติดใจคำขู่ ที่เจ้าเก่งจัดมาให้เป็นการเฉพาะว่า...

ถ้าไม่เลิกดอแหล ระวังจะเจอ..เตะจูบ

วโรทาห์: 29 ต.ค. 51

Monday, October 27, 2008

1 พฤศจิกา หมดเวลาสำหรับคำว่าสมานฉันท์ คำพังเพย เอ่ยอ้างต่อๆกันมา ว่าผีเน่ากับโลงผุนั้น พบกันทีไร รับรองได้ว่าเหม็นโฉ่ เปรียบเหมือนสื่อชั่วกับอำมาตย์ท

คำพังเพย เอ่ยอ้างต่อๆกันมา ว่าผีเน่ากับโลงผุนั้น พบกันทีไร รับรองได้ว่าเหม็นโฉ่ เปรียบเหมือนสื่อชั่วกับอำมาตย์ทราม ที่แตะมือกันได้เมื่อไหร่ รับรองได้ว่าบรรลัยเมื่อนั้น นับประสาอะไร กับสารขัณฑ์แลนด์ ดินแดนแห่งกาขาวเหลาเหย่ ที่ปล่อยปละละเลย ให้สื่อเน่าๆ กับอำมาตย์แก่ๆ สมสู่กันข้ามภพข้ามชาติ จนลูกชั่วเต็มบ้าน จนหลานทรามเต็มเมือง

ไม่ ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีกี่ชาติก็ตาม แต่สื่ออำมาตย์็ยังรักษาความคงเส้นคงวาไม่เคยแปรผัน หน้าที่หลักคือยักย้ายส่ายสะโพก เด้งรับลูกเย่อจากอำมาตย์ อย่าให้ผิดพลาดได้แม้แต่เซ็นต์เดียว จิตใจจึงต้องแน่วแน่มั่นคงไม่วอกแว่ก ตั้งสติให้มั่น คุมสมาธิให้อยู่หมัด ไม่งั้นเกิดพลั้งเผลอผิดไป ปล่อยให้อำมาตย์พลาดท่าเสยลมเข้า หละเป็นเรื่อง เอวเคล็ดขึ้นมาเมื่อไหร่ ยังไงๆก็ดูไม่จืด

เหยียบย่ำศัตรูเชิดชูมิตร ลูกไม้ตื้นๆที่งัดออกมาใช้ซ้ำใช้ซาก จนแทบอยากจะอ้วก ใช้สื่อเน่าๆในมือโหมประโคมกันเข้าไป ตั้งฉายาให้มันเว่อร์เข้าไว้เดี๋ยวคนมันก็เชื่อเอง ราษฎรอาวุโสงี้ มีดโกนอาบน้ำผึ้งงี้ ฉายาหวานหยดทั้งนั้น ที่จัดไว้สำหรับยกยอกันเอง ส่วนฝ่ายตรงข้ามนั้นเอาไปเลยอย่างฮา เตี้ยห้าสั้น ปลาไหลใส่สเก๊ต หรือไม่ก็จิ๋วอัลไซเมอร์

ชาวประชาสารขัณฑ์หรือก็ดีแสนดี ไว้ใจสื่อยิ่งกว่าไว้ใจสุนัขซะอีก สื่อว่ายังไงก็พร้อมจะว่าตามกัน มันเลยฮึกเหิมลำพองใจกันใหญ่ แหกตาเจ้านายกันเป็นวรรคเป็นเวร พักหลังมานี่ถึงกับออกลูกหน้าด้าน ไม่ต้องลับ ลวง พราง กันแล้ว เปิดหน้า 5 ห่วง ใส่ไฟกันเห็นๆ

ลูกไม้เก่าที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม คือโหมประโคมใส่ ให้มันเป็นตัวตลก อย่างคาร์บอมบ์ที่ออกจะซีเรียส พอจวนตัวเข้าก็เป่าหูให้เป็นคาร์บ๊อง ล่าสุดนี้ ยังหันมาเล่นงาน รายการ 3 หนุ่ม 3 มุม ด้วยวิธีการดั้งเดิม คือตั้งฉายาให้ว่า 3 เกลอซะ กะว่าทำให้กลายเป็นตัวตลก พูดอะไรไป ชาวบ้านจะได้ไม่เชื่อถือ

ที่ ไหนได้ ผิดคาดไปถนัด มาวันนี้ชาวบ้านชักจะมีหือ ตามเห่อตามเชียร์ 3 เกลอกันยกใหญ่ ส่งผลให้เหรตติ้ง ซิ่งไม่รู้หยุด ด้วยมาดนิ่มๆแต่หนักแน่นไปด้วยเนื้อหา รายการความจริงวันนี้ เลยสอยเอาความเท็จวันนั้นเสียศูนย์ จนไปไม่เป็น ในที่สุด ก็ต้องกลับไปทางเก่า เอาด้านเ้ข้าว่า ออกมาข่มขู่ ตอดเล็กตอดน้อยกันหนุบหนับๆ

ทำไปทำมา ท่าจะไปกันใหญ่ เมื่อเรื่องมันชักจะไม่ตลก สมุนอำมาตย์จึงหันมาบีบไข่ให้ปิดรายการ แต่บีบหนักเข้ามันดันแตกดังโพล๊ะ ลุกลามไปใหญ่ กลายเป็นแดงเดือด ส่งผลให้ธันเดอร์โดม เมืองทองธานีถึงกับแคบไปถนัดตา 1 พฤศจิกานี้ จึงต้องว่ากันใหม่ ย้ายวิกมาเซิ้งกันให้ม่วนซื่นโฮแซว แถวๆหัวหมากรัชมังคลาฯ งานนี้ไม่ใครก็ใคร คงได้หนาวๆร้อนๆ ไปตามๆกัน

ยิ่งได้ข่าวว่า นายกฯทักษิณจะโฟนอินเข้ามา ศักดินาขาใหญ่ก็ดิ้นพราดๆ ราวกับปลาช่อนถูกทุบหัว เหมือนเอาน้ำร้อนสาดใส่ในรังหมา สมุนอำมาตย์แตกฮือออกมาดิ้นกันใหญ่ ดิ้นกันจนจะเป็นจะตาย โดยเฉพาะเจ้ามาร์คม.7นั้น ถึงกับลงไปนอนบิดตัวเร่าๆ ปวดแสบปวดร้อน ราวกับไส้เดือนถูกขี้เถ้า

เสื่อม..ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเสื่อม มองไปทางไหนก็เห็นแต่ของเสื่อมๆ ผู้เฒ่าผู้แก่แทนที่จะเป็นเสาหลัก กลับออกมาโก่งคอ หอนรับกันเซ็งแซ่ ประคองเกมส์ให้พวกชั่ว มันป่วนกันต่อไป ทำเป็นมาช่วยชาติ หาทางออกกันยกใหญ่ แต่หาทีไรก็วกกลับไปหาทางเข้าทุกที เลยต้องขอร้องพวกปู่ๆทั้งหลายว่า ถ้าหวังดีอยากจะช่วยชาติจริงๆ ก็ช่วยหุบปากเน่าๆ เอาไว้เห่าในบ้านก็พอนะปู่

พวกไดโนเสาร์ยุคสุดท้าย ดาหน้าออกมาทีไร มีแต่ยุ่งตายหะ เดชะบุญว่า พลังสีเขียวนั้นมันสิ้นมนต์ขลังไปแล้ว ไม่งั้นจะดูไม่จืดกว่านี้ อีกหลายกิโลขีด ตอนนี้ อย่าว่าแต่ออกมาทำรัฐประหารเลย แค่จะประคองตัวให้รอดไปวันๆ ก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ทางนั้นก็บี้ ทางนี้ก็ไล่ ไม่ตายวันนี้ก็ไม่ีรู้ว่าจะไปตายวันไหน

ท่ามกลางสถานการณ์อันร้อนแรง ทะลักจุดเดือดอย่างทุกวันนี้ ยังมีสาวฮ็อตอย่าง สว. เสียวเว้ย รสนา โง่ทั้งตระกูล ที่มีแก่ใจออกมาส่ายระบำจ้ำบ๊ะ ด้วยลีล่าเร่าร้อนเหลือกำลังลาก กระชากใจเสือป่าแมวเซา ให้โหยหากันแทบจะอ้วกแตก แต่ขนาดว่าสวยออกอย่างนั้น หวานออกอย่างนี้ ยังอุตส่าห์มีปากหอยปากปู ซุบซิบกันให้แซ่ดว่า มันมีผัวได้ยังไงวะ อ้าว..ปากหรือนั่น

ถ้าไม่รู้จริงๆ จะบอกให้เอาบุญก็ได้ว่า ผู้หญิงอะนะ ถึงหน้าตาจะอุบาทว์แค่ไหน ก็ต้องมีทีเด็ดทีขาดเป็นสมบัติส่วนตัว ถ้าไม่สะแด่วแห้วจริงๆ หน้าตาอย่างนี้ ทำไมมีผัวมากกว่าลูก ถ้ายังไม่เชื่ออีก ก็ขอท้ามาประชันเต้ากันได้เลย วัดกันตัวตัว สาวไทยหน้าไหนก็ได้ เรื่องความสวยความงามอาจจะกินกันไม่ขาด แต่เรื่องก๋ากั่นนั้นอย่ามาสู้ซะให้ยาก แน่ไม่แน่...

แก้ผ้าออกมา แป๊ะไม่กล้าโดดใ่ส่ก็แล้วกัน

วโรทาห์: 27 ต.ค. 51

Friday, October 24, 2008

และแล้ว..ก็ได้เวลาของรัฐบาลพลัดถิ่น

ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างอมาตยากับประชาธิปไตย หลังจากที่ถูลู่ถูกัง มึงมั่งกูมั่ง เวียนเทียนกันเข้ามา ข่มขืนนางสาวประชาธิปไตยซะเละตุ้มเป๊ะ ลากยาวมา 76 ปียังไม่หนำใจ ผลักไสเท่าไหร่มันยังจะเอาอีก แถมไม่ข่มขืนเปล่า ยังทำตัวเป็นแมงดา หากินบนหลังตัวเมียซะงั้น

เพราะเหตุนี้ เมื่อเจ้าสัวแม้วผ่านเข้ามาในชีวิต จึงเป็นไปไม่ได้ที่สาวเจ้าจะไม่ใจแตกดังโพล๊ะ ก็แกสมาร์ทซะขนาดนั้น แถมยังเทใจให้นางสาวประชาธิปไตยซะขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่ไหวหวั่น ก็คงดัดจริตเกินไปหน่อย กว่าอำมาตย์จะรู้ตัว ว่าสาวเจ้าเอาใจออกห่างเรียบร้อย ก็สายเกินเพล ถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่า กุมขมับที่กำลังปวดจี๊ดๆ

ในเมื่อประชาชนเขาประกาศิตออกมาว่าจะเอาคนนี้ แต่ศักดินาบ้าเลือด ยังดื้อด้านจะเอาตัวโน้น ความที่เอาแต่ใจตัวเองจนเสียนิสัย เลยลืมนึกไปว่า นางสาวประชาธิปไตยเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เวอร์ชั่นใหม่ ไฉไลกว่าเก่าเยอะ ลำหักลำโค่นพอฟัดพอเหวี่ยงกับชายอกสามศอก พร้อมที่จะแลกหมัด ซัดกันให้แหลกไปข้าง ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ไม่กูอยู่ ก็มึงไป

เมื่อต่างฝ่ายต่างถอยไม่เป็น ถ้างั้นมันก็ต้องมีลุ้น ฝ่ายอำมาตย์นั้นไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว บุพการีมันไม่เคยสอนสั่งให้ใช้เกียร์ถอย ถ้าจำเป็นจริงๆอย่างมากก็เดินหน้าไปให้ได้ 5 ก้าว แล้วค่อยถอยกลับมาครึ่งก้าวพอเป็นพิธี ด้วยเหตุนี้ จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น ที่เป็นฝ่ายถอยกรูดๆ ถอยแล้วถอยอีก ถอยจนหลังพิงฝา เมื่อถอยไปไม่ได้อีกแล้ว มันก็ต้องวัดดวงกันลูกเดียว

เอาซะมั่งก็ดี ไม่งั้นมันไม่สะเด็ดน้ำซ้ากที จะทำมาหากินยาไส้ก็ลำบาก ริดสีดวงทหารมันกำเริบเป็นระยะๆ เดี๋ยวตูม..เดี๋ยวเปรี้ยง ใจหายใจคว่ำ ตายกันพอดี ถ้าไม่บ่งหัวฝีออกซะให้เบ็ดเสร็จ ก็ต้องตากหน้า เดินขาถ่างกันอยู่อย่างนี้ ลูกค้าลูกขายหายหน้าเข้ากลีบเมฆไปกันหมด ใครเขาจะกล้ามาค้าขาย กับบ้านที่เต็มไปด้วยพวกโรคจิต

วัวเคยขา ม้าเคยขี่ ของเคยกินแล้วไม่ได้แอ้ม ศักดินาเลยออกอาการหงุดหงิด งุ่นง่านอย่างเห็นได้ชัด ลงทุนขู่แล้วขู่อีกว่า ถ้าไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย ขนาดแง้มไพ่ใบสุดท้ายให้เห็นขอบ ว่าแต้มใหญ่ แต่จนแล้วจนรอด นางสาวประชาธิปไตยยังไม่ออกอาการสปัสซั่มให้เห็น ช่วยไม่ได้ ดันมั่วกันเอง จนพระเสื่อมหมดเรียบร้อย ไล่ผียังไม่ไปเลย นับประสาอะไรจะมาไล่คน

แต่ไหนแต่ไรมา อาวุธที่น่ากลัวของเผด็จการคือความโง่ เรื่องที่วิญญูชนไม่ทำกัน โปรดอย่านึกว่าอำมาตย์จะไม่กล้าทำ ทุกวันนี้ยังย่ำอยู่บนหัวประชาชนหน้าตาเฉย เพราะฉะนั้น เรื่องที่จะไม่เสียเลือดเนื้อ ก็ลืมไปได้เลย คาถาสมานฉันท์ คงต้องเขียนใส่ยันตร์ แล้วเอาไปต้มกินกันเองให้พุงกาง

เอะอะก็จะออกลูกตุกติกตามถนัด หันรีหันขวางทีไร ไม่พ้นงัดของเก่าออกมาขายกิน หงายอยู่นั่นแหละ ไพ่ปฏิวัติใบเดิมที่หากินมาจนพรุน แต่โทษที หงายมาเที่ยวนี้ เจ้าตัวถึงกับช็อคตาเหลือก ซุกไพ่กลับเข้าสำรับแทบไม่ทัน เมื่อเห็นกันจะๆคาตา ว่าฝ่ายประชาธิปไตย เขาเตรียมไพ่รัฐบาลพลัดถิ่นไว้เก็บกินเฉย แหม..เล่นเป็นก็ไม่บอก

ถ้าใครยังคิดว่าขู่ก็ช่วยไม่ได้ แต่วงในเขาปิดกันให้แซ่ดแล้วว่า ครั้งนี้ทักษิณตั้งท่าว่าเอาแน่ หลังจากเที่ยวที่แล้ว 19 กันยา เกิดเหตุขัดข้องทางเท็คนิคเล็กน้อย เหตุการณ์ยังไม่สุกงอมพอ เลยต้องขอบายไปก่อน แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าหายห่วง เพราะระบอบอำมาตย์ ประเคนคดีใส่ซะเละตุ้มเป๊ะ ผิดถูกไม่สำคัญ เอามันเข้าว่า จึงเท่ากับช่วยบ่มแก๊สจนสุกงอม หอมหวานได้ที่ พอดีกิน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลพลัดถิ่นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทหารโสโครกบางตัว ที่แง่งๆอ้อนทีนอยู่แถวนั้น เอ้า..ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอบอกเลยว่า ให้กล้าๆหน่อย ออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น ลากรถถังออกมาทำรัฐประหารโลด แล้วประชาชนจะสมนาคุณให้สาแก่ใจ

ส่วนสื่อชั่วก็ต้องขอร้องว่าน้อยๆหน่อย ไม่ใช่อะไร แต่เห็นแล้วมันทุเรศ ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่รู้สำนึก ไม่ใช่เพราะสื่อชั่วทำงานโหลยโท่ยหรอกหรือ ทุรชน 7 ตุลาถึงได้ตายฟรี นี่ขนาดว่าเอาแพะมาสังเวยแล้ว ระเบิดกันเห็นๆ เชือดกันคาตา ยังดึงประชาชนมาเป็นพวกไม่ได้ สื่อไม่อายแต่คนอื่นต้องออกหน้ามาอายแทน

จะบอกให้เอาบุญก็ได้ ว่าครั้งนี้ประชาชนเขาอยู่ข้างตำรวจหมด ต่อให้ตำรวจยิงจริง ชาวบ้านก็ยังเห็นว่าสมควร ติ๊งต่างว่าตำรวจดวลปืนกับโจร ถ้าจะพลั้งมือวิสามัญฆาตกรรมไป ก็ไม่มีปัญหา ในเมื่อโจรแรงมา ตำรวจก็ต้องแรงไป ฉันใดก็ฉันเพล

ตบท้ายด้วยข่าวเบาๆอีกตามเคย..วันก่อนเจอเจ้าตู้ปากกระโถน ไปเตร็ดเตร่งุ่นง่าน อยู่แถวแท็กซี่เรดิโอ..ในฐานะที่เจ้าหมอนี่ มันก็ขี้ข้าเก่าเจ้าคุณปู่ จะไม่ทักมันเลยก็น่าเกลียด เลยแกล้งๆถามไถ่จนได้ความว่า เพราะปากพาจน ทำให้พักนี้มันว่างจัด ตกงานซะจนเซ็ง..

เลยออกมาหาอะไรเจ็บๆ กระแทกปากให้หายบ้าซะหน่อย

วโรทาห์: 24 ต.ค. 51

Wednesday, October 22, 2008

มาร์คไม่ได้เสี้ยนยา..แต่เสี้ยนเก้าอี้นายกฯ

ว่ากันว่า พวกขี้ยาที่เสพย์ติดจนเข้ากระดูกดำ เวลาอยากยาขึ้นมา มันจะเสี้ยนจัดถึงขนาดที่ว่า หน้าเหลืองหน้าเขียว ปากเบี้ยวตาโปน มือไม้หงิกงอสั่นระริก ดูแล้วน่ากลัวอย่าบอกใคร จึงไม่แปลกที่คนเขาจะเม้าท์กันสนั่นเมือง เมื่อเห็นเจ้ามาร์คมันปากบิดปากเบี้ยว หน้าเซียวตาขวาง ว่าดูยังไงก็ขี้ยา จนต้องแก้ตัวกันพัลวันว่า มาร์คไม่ได้เสี้ยนยา แต่เสี้ยนเก้าอี้นายกฯ

เออ..เป็นไปได้เนาะคนเรา ของไม่เคยได้แอ้ม แต่ทำเป็นมาเสพย์ติด ถึงกับออกอาการเสี้ยนหนัก จะลงแดงตายวันละหลายๆครั้ง ล่าสุดนี่ ถึงขนาดกระดี๊กระด๊าลุกขึ้นมาตามน้ำ ทันทีที่ตาชั่งผีสิงเขี่ยลูกเข้าทาง ตัดสินเอาผิดอดีตนายกฯตามธงเด๊ะๆ ไล่จี้ยิกๆ ให้ตามจับทักษิณมาลงโทษให้ได้ ภายใน 99 วัน มันต้องอย่างนี้ซีน่า ถึงจะสมฉายา..มาร์ค เดนคน

ผลพวงจากความเสี้ยนของมัน ยังวุ่นกันไม่เสร็จจนถึงทุกวันนี้ งาน 7 ตุลาวันหมาวิปโยคนั่น มันก็มีเอี่ยวอยู่เห็นๆ เรียกว่าถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ ก็จะป่วนไปไม่จบนั่นแหละ นี่ถึงขนาดปั๊มซีดีแจก กล่าวหารัฐบาลเข่นฆ่าประชาชนกันแล้ว เล่นกันโต้งๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรซักกะนิด นอกจากนางหมอหน้าผี ที่อุตริเอากระสุนแก๊สน้ำตามายิงเล่น แล้วฟันธงว่าแก๊สน้ำ้ตาทำให้ขาขาด

จึงช่วยไม่ได้ ที่ตอนนี้อาตี๋มังกร อีจะออกมาเต้นกันผางๆ บอกว่าพูดหมาๆอย่างนี้ การค้าอาวุธอั๊วก็เรือหายหมด เลยจะส่งทีมงานเข้ามาพิสูจน์ทราบ เจาะลึกกันให้ถึงกึ๋น ซวยหละมึงงานนี้ มันปากกันดีนัก คราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน ไปอธิบายกันเอาเองเด้อ

ไหนๆก็พูดถึงซีดีแล้ว นี่ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นการเปิดทาง ให้สีเหนียดมาติดบ้าน ยังอยากไปรับแจกมาเปิดดู จะได้รู้ได้เห็นกันจะๆตา ว่าตำรวจฆ่าพันธหมากันท่าไหน ถึงได้ตายโหงกันท่านั้น โดยเฉพาะช็อตเด็ด ที่อยากล้างตาให้ชัดๆ คือตอนที่ลูกกระสุนแก๊สน้ำตา พุ่งเข้าเสียบจั๊กกะแร้ตั้งแต่เช้า แต่ดันไม่ตาย ออกวิ่งปุเลงๆจากรัฐสภา ไประเบิดตายห่าที่ลานพระรูปเอาตอนพลบค่ำ

ส่วนจ๊าบคาร์บอมบ์นั่น มันชัดซะยิ่งกว่าชัด แค่อยากจะเห็น ว่ามันจะแถไปทางไหน สื่อเส็งเคร็ง มันก็ไม่โปรโมทซะด้วย คงเป็นเพราะว่าหลักฐานมันทนโท่ ขนระเบิดใส่รถไปเต็มเพียบ กะกดรีโมทใส่ขบวนรถนายกฯเต็มๆ แต่ผิดแผนไปหน่อย นัดแล้วนายกฯไม่มา งานนี้เลยไม่ได้ซักศพ

ร้อนถึงแป๊ะต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่า เอาละวะไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอซักศพก็ยังดี เลยกดรีโมทใส่ไอ้จ๊าบซะ ระเบิดเป็นจุณ ทำลายหลักฐานเสร็จ แล้วยังได้ศพมาประจานอีก

นี่คณะกรรมการสิทธิบั๊ฟฟาโล่ชน ก็ออกมาแถลงแท้ดๆๆแล้วว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ที่ถูกมันต้องเริ่มจากยกมือไหว้ก่อน แล้วค่อยตีมือตีขา ถ้ายังไม่ฟังกันจริงๆ ค่อยหันมาตีก้น นี่ว่ากันตามหลักสากลเด๊ะๆ เออ..จะเอายังงั้นก็ได้ แต่รอให้ลูกหลานพวกมึงมาเป็นตำรวจก่อนนะ

มันท่าจะบ้า บอกว่าให้เริ่มจากเบาไปหาหนัก ในขณะที่ฝ่ายกบฏเริ่มจากหนักไปหาเบา มาตรการอย่างนี้ มันใช้สำหรับม็อบมือเปล่าเท่านั้น รู้หรือเปล่าไอ้เฒ่า ลองถ้าขนอาวุธกันมาเพียบขนาดนี้ อเมริกาก็อเมริกาเหอะ ไม่เหลือไว้ทำพ่อทำแม่หรอก ถ้าไม่ถูกยิ้งทิ้งเป็นหมาข้างถนนจะยอมให้เหยียบ

ประเทศไหนๆ ใครเขาก็ปกป้องเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติตามกฎหมายทั้งนั้นแหละ มีแต่ประเทศอุบาทว์ ประเทศนี้ประเทศเดียว ที่ปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่่ ราวกับหมาข้างถนน

งานนี้ ตั๊บปูตินเล็งผลเลิศ กะตีตำรวจกระทบชิ่งไปถึงรัฐบาล ปรากฎว่าทำอะไรสมชายไม่ได้ แต่ได้ตำรวจทั้งประเทศมาเป็นศัตรู ยุ่งหละมึงคราวนี้ เมื่อตำรวจหันมาจับมือกับฝ่ายประชาธิปไตย ไล่ล่าถล่มแป๊ะ เห็นทีงานนี้จะดูไม่จืด ตำรวจต้องคลุกคลีกับประชาชนซะด้วย ไม่เหมือนทหารที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประชาชน แม่แต่น้อย

ฟังพล.อ.สล้างพูดแล้วก็ชัดเจน ม็อบพวกนี้มันก่อการร้าย กับกบฎชัดๆ เป็นเรื่องที่ควรจะฟ้องประชาชนมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายรัฐบาลไปมัวอมสากอะไรอยู่ ถึงได้เงียบกริบกันไปหมด หรือว่าถ้าพูดแล้วสื่อไม่ออกให้ ก็น่าจะใช้รายการสมชายพูดไปไหว้ไป มาฟ้องประชาชนก็ยังดี

มาถึงเรื่องตาชั่ง ที่ยังตบได้สั่งได้ ไม่มีปัญหา ทำเป็นนั่งอ่านใบชั่งอยู่จ๋อยๆ ผ่านไป 3-4 ชั่วโมง มีแต่เชื่อได้ว่า กับฟังไม่ขึ้น สรุปตบท้าย เป็นไปตามฟอร์ม ถึงแม้การซื้อขายจะไม่ผิด แต่คนเซ็นต์ยินยอมให้ซื้อ ก็ถือว่าทุจริตต่อหน้าที่ เอาไปเลย 2 ปี ไม่มีรอลงอาญา..จบข่าว

สุดยอดจริงๆ ไม่มีใครมาฟังก็ว่าไปฝ่ายเดียว นี่ยังดีนะที่เป็นตาชั่ง คนเขาเลยจำใจต้องให้เกียรติ ถ้าเป็นพวกโรคจิตมาเรียกร้องความสนใจ เขาเรียกว่าชักว่าวโชว์ สำเร็จความใคร่กลางอากาศ

จากหนักมาหาเบา วกเข้าเรื่องฮาๆ ตลกคณะชวนชื่น เจ๊งไม่เป็นท่า เมื่อมาเจอตลกน้องใหม่ไฟแรง ป๊อก ชวนก๊าก จัดฉากเลียนแบบปฏิวัติ ให้ผบ.หน้าเหมือน มานั่งเป็นพระอันดับ แค่มุขเด็ดมุขเดียว ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมจะลาออก ก็เล่นเอาฮาท้องคัดท้องแข็ง ยิ่งสมชายรับมุขว่า ไม่ตลกเลยป๊อก ยิ่งฮากันอุจจาระแตกอุจจาระแตน นี่พอเห็นว่าคนดูชอบ ผบ.ทั้งหลายเลยออกมารับมุขกันใหญ่

ถ้าแค่นั้น ยังฮาไม่พอ ก็ต้องนี่เลย ตลกอยุติธรรม ไจรัญ ชวนแถ นำโดยตลกรุ่นเดอะ จรัล ภักดีเงินตราทุกสกุล แค่มุขแถอย่างเดียวก็กินไม่หมด หลังจากหายหน้าไปหามุขมาเป็นเดือน กลับมาได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาไถดะ ไถแปร แถกันสุดๆ สรุปว่าตำแหน่งอาจารย์นั้นสูงส่งเกินกว่าที่จะเป็นลูกจ้าง มุขนี้เล่นเอาลูกจ้างอย่างเราถึงกับใจแป้ว ถึงว่า..มันตีค่าหัวพวกเราแค่ 30%

นานๆทีจะเห็นป๋าออกมาฟันธง ขนาดว่ากลายเป็นธงมะเขือเผาไปแล้ว ยังชักออกมาฟันโช๊ะเช๊ะ เสียงดังฟังชัดซะยิ่งกว่าชัดว่า..นองเลือด..ยังไงๆก็นองเลือดแน่นอน งานนี้ ป๋าเหนาะ..ฟันธง!

เอ้า..มีเบาะแสมาแล้วมาร์ค ว่านช.แม้ว ที่เพิ่งโดนตัดสินจำคุก 2 ปีไปแหม็บๆ ตามมาตรฐานของประเทศที่ทำกับข้าวยังมีความผิด..โดนถึงขนาดนี้ยังไม่สำนึก ล่าสุดมีคนพบลับๆล่อๆอยู่แถวลอนดอน

กำลังบรรยายเรื่องเตรียมรับวิกฤติการเงิน ให้นายกฯอังกฤษฟัง..แป่วววว

วโรทาห์: 22 ต.ค. 51

Monday, October 20, 2008

ทุกข์จ๋า..แวร์ อาร์ หยู? (พันธมิตรก็อ่านได้นะจ๊ะ)

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายยุคถิ่นกาขาว ใครจะไปนึกว่าเรื่องราวมันจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ เหมือนเข้าไปอยู่ในมิติพิศวงยังไงยังงั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำมั่วซั่วเลอะเทอะ ร่ำๆว่าถ้าไม่นองเลือดกันครั้งใหญ่ คงจะปลดล็อคได้ยาก อาณาประชาราษฎร์จึงได้แต่ตุ๊มๆต่อมๆ นั่งลุ้นกันตัวโก่ง อมทุกขเวทนาแสนสาหัส

ได้แต่มองหน้ากันปริบๆ ว่านี่จะทำยังไงกันหนอ จึงจะผ่านพ้นช่วงประวัติศาสตร์อันแสนยุ่งยากนี้ไปได้ โดยเสียหายให้น้อยที่สุด

"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" พุทธพจน์นี้ยังทันสมัยใหม่เสมอ หยิบฉวยขึ้นมาใช้ได้ทุกเวลา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะว่า ธรรมะนั้นเป็นอกาลิโก ไม่ขึ้นกับกาลเวลา ทุกข์มาเมื่อไหร่ มองหาธรรมะของพระพุทธองค์ไว้ก่อน รับรองว่าไม่มีผิดหวัง เมื่อทุกข์เกิดก็ต้องเลาะตะเข็บออกมาดูซะให้เห็นแจ้ง ว่าทุกข์นั้นมัน แวร์ อาร์ หยู? จะได้จัดการชำระซะให้สิ้นซาก

หมดเวลาแล้วสำหรับผีสางเทวดา ที่คอยหาเศษหาเลย กับการเป่าเสกเวทมนตร์ เห่กล่อมชาวบ้าน พอให้ได้เคลิ้มๆครึ้มๆ ลืมทุกข์ไปได้ แค่ผ่านไปวันๆ

เพียงแต่ว่า ต้องกล้าๆหน่อย ลงมีดกรีดเนื้อเถือหนังออกมาดู ก็จะได้รู้ได้เห็นเป็นอัศจรรย์ว่า โ๊อ๊ะโ้อ๋.. คนเรานั้นมันก็แค่นี้เอง หลักใหญ่ใจความอยู่ที่นามกับรูป รวมกันเป็นขันธ์ 5 ที่แยกออกมาเป็น 5 ขันธ์ นั่นแหละโยม

รูปขันธ์ คือขันธ์เดียวโ่ด่เด่ ที่จัดว่าเป็นรูปธรรม ว่าไปแล้วไม่ต่างจากฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ จับได้ต้องได้ แต่ไร้ชีวิตชีวา เรื่องโง่นั้นต้องยกให้ มันไม่รู้อะไรซักอย่าง ถ้าไม่มีซอฟท์แวร์ ซึ่งก็คืออีก 4 ขันธ์ ที่เป็นนามธรรมล้วนๆ ทำหน้าที่เป็นซอฟท์แวร์อันชาญฉลาด แต่บางอันมันก็โง่เหลือหลาย ขึ้นอยู่กับว่า กรรมใครก็กรรมมัน

เมื่อธาตุทั้ง 4 มีดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกันพร้อมหน้า ก่อเกิดขึ้นมาเป็นรูปขันธ์ มีตัวมีตนพร้อมเครื่องยนต์กลไก ไส้เล็กไส้ใหญ่ ตับ ปอด เซ่งจี๊ ครบอาการ 32 ส่วนที่มองเห็นสัมผัสได้จากภายนอก ก็มีลำตัว แขน ขา หู ตา จมูก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง กับปากบางๆ จะไว้ใจได้ก๊ะ?

ซื้อรถมา 4-5 สิบล้าน ถ้าไม่มีโชเฟอร์ขับมันก็แค่นั้นเอง รถทั้งคันมันก็ไม่ต่างจากดุ้นฟืน ฉันใดก็ฉันเพล มีแต่ตัวกับหัวใจสูบฉีดโลหิตปรี๊ดๆมันก็ไร้ค่า ถ้าไม่มีโชเฟอร์มาพาซิ่ง เย้ยฟ้าท้านรก ฝ่าอเวจี ควบจี๋เข้าเส้นชัยที่โลกันตร์

โชเฟอร์ของร่างกายก็คือดวงจิต จิตดวงเดียวแท้ๆ ที่พาคนให้ทำชั่วกลั้วดี เป็นได้ทั้งผีทั้งพระ ทูอินวัน และก็ในจิตดวงนี้นี่เอง เป็นที่ชุมนุมของนามขันธ์ทั้ง 4 ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ทำงานเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

วิญญาณขันธ์นั้นเป็นด่านหน้า คอยรับสัญญาณจากตัวเซ็นเซอร์ทั้ง 5 คือ ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส แล้วก็กายสัมผัส ทำให้รู้หนาวรู้ร้อน รู้อ่อนรู้แข็ง สูงต่ำดำขาว เสียงเบาเสียงดัง มันก็รู้ไปหมด

รู้ไม่รู้เปล่า แต่ส่งต่อปรู๊ดปร๊าดไปยังเวทนาขันธ์ เพื่อให้กฤษฎีกาตีความออกมาซะให้โป๊ะเช๊ะ ว่าพอใจ หรือว่าไม่แฮ๊ปปี้ หรือว่าโนคอมเม้นท์แค่เฉยๆ ถ้าเปรี้ยวหวานมันเค็มอร่อยลิ้นจะได้กินต่อ ตรงกันข้ามถ้าสุนัขไม่รับประทานจะได้เททิ้งไป

แล้วจดใส่บัญชีหนังหมา คือสัญญาขันธ์ ซึ่งมีหน้าที่เรียนรู้และจดจำ วันหลังจะได้ตัดสินใจถูก ว่าจะเอาดีหรือไม่เอาดี ถ้าดีมากจะได้เอาเบิ้ล

ทั้ง 3 ขันธ์ที่ว่ามานั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติ จัดมาให้สำหรับสัตว์โลกทั้งหลายเป็นการเฉพาะ จะได้รู้จักเอาชีวิตรอด ปลอดภัยไปจนแก่เฒ่า รู้อยู่รู้กิน สืบต่อเผ่าพันธุ์ให้มันบ๊ะละฮึ่ม ถ้าไม่มีกลไกพวกนี้ ส่ำสัตว์ทั้งหลาย คงสวาปามกันมั่วซั่ว กินซี้ซั้วจนหงายเก๋ง แล้วก็ตายแหงแก๋ หรือไม่ก็ไม่กินอะไรเลย จนยืนแห้งตายซากกันไป ไม่มีเหลือหลอ

มาถึงขันธ์ที่ 4 สุดท้ายท้ายสุด คือสังขารขันธ์ เจ้าขันธ์บ้าตัวนี้ นี่แหละตัวแสบ หน้าที่หลักคือคอยปรุงแต่งอารมณ์ ตีไข่ใส่สีล่อให้เละตุ้มเป๊ะ แค่อยากมีไม่ได้ อยากได้ไม่มี ก็ปวดหัวจี๊ดๆอยู่แล้ว มันมาปรุงแต่งให้กลายเป็นงานช้าง เลยทุกข์เป็นบ้าเป็นหลัง ทุกข์จนจะเป็นจะตาย เรียกว่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำเรื่องใหญ่ให้มันใหญ่โคตรๆ

กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน แค่กินพออิ่มมันยังไม่หนำ ใส่สีตีไข่เข้าไป กลายเป็นกินเอามัน กินยุบกินยับ กิินไม่รู้จักหยุดจักหย่อน อิฐ หิน ปูน ทราย มันละลายเรียบ เป็นที่มาของอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อยากได้ใคร่ดีไปกันยกใหญ่ ทั้งๆที่กลไกธรรมชาติล้วนๆ ก็อยู่ได้สบายไปทั้งชาติ ถ้าไม่เชื่อก็ให้ดูสัตว์โลกเพื่อนซี้ เป็นตัวอย่าง

เมื่อสีหราชเฒ่าเข้าสมสู่ ดู๋ดี๋กับนางสิงห์สาว ท่วงทีลีลานั้นจืดชืด พอๆกับน้ำล้างถุงกาแฟ ทำราวกับว่ากามกีฬามันแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ยักคิ้วยักเอวยักไหล่ เคี้ยวแห้วไปยังจะมันซะกว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องซี๊ดซ๊าดกรี๊ดกร๊าด หกหน้าลังกาหลังให้มันเสียวก้นกบ พลาดพลั้งลงไป บั้นท้ายเคล็ดเอวยอกขึ้นมา มันจะดูไม่จืด

แค่ท่าเบสิคธรรมดา ยักย้าย ซ้ายขวา โย้หน้าโย้หลัง ก็ขี้คร้านจะลูกเต็มบ้าน แถมด้วยหลานเต็มเมือง

เป็นอันว่า ทุกข์นั้นมันปรุงแต่งมาจากภายใน ทุกข์ใจแทบตาย ก็เำพราะใจมันทุกข์ ปัจจัยภายนอกมันก็แค่สภาวธรรม ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ฝนจะตก แดดจะออก คนจะแหล ไม่ว่าใครก็ไปห้ามมันไม่ได้ รับรู้ไว้ แต่ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ คนไหนน่าชังก็จำหน้าไว้ แล้วอย่าไปคบ จัดการทุกอย่างอย่างมีสติ อย่าให้อารมณ์มาครอบงำ สุดท้ายแล้ว ยังไงก็แฮ๊ปปี้เอนดิ้ง

แต่อย่างว่า คนเราไม่ใช่พระอิฐพระปูน คนมายืนด่าอยู่ฉอดๆ จะให้ยืนฟังพร้อมกับยิ้มแฉ่ง มันก็เกินไปหน่อย อย่ากระนั้นเลย เอาอริยสัจจ์ 4 เข้าจับ ทุกข์นั้นมันเกิดแต่เหตุ ดับซะที่เหตุ ทุกข์มันก็มอด เมื่อเหตุมันเกิดแต่ปากมาด่าแจ๊บๆ เอาไม้ตีพริกยัดเข้าไปที่เหตุ เสียงด่ามันก็ดับ คราวนี้หละแกเอ๊ย ไปล้งเล้งกันต่อที่โรงพัก ไม่รู้อะไรเป็นอะไร บานฉ่ำไม่รู้หุบ

รู้ทั้งรู้ แต่ก็ทำไม่ได้ ศึกษาธรรมแทบตายมันก็ยังร้อนรน เขาถึงว่า รู้จำโดยสัญญา ยังไม่นับว่ารู้ธรรม ต่อให้ท่องบ่นพระไตรปิฎกจนคล่องปรื๋อ ก็บรรลุอรหันต์ไม่ได้ ถ้าไม่ปฏิบัติธรรม ให้มันรู้แจ้ง ไม่เช่นนั้นบรรดามหา เปรียญ 9 ประโยค คงเป็นอรหันต์กันไปหมดแล้ว แต่ในความเป็นจริงพระอรหันต์ทั้งหลาย ก็ไม่เคยปรากฎว่า จบเปรียญธรรมซักประโยค

การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ว่าให้มานั่งปลง ทำเป็นหมดอาลัยตายอยาก ไม่เอาอะไรซักอย่าง หรือบ้างก็นั่งยิ้มแฉ่งทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันสุขใจอะไรกันนักกันหนา ที่บ้าหนักหน่อย ก็ฉีกยิ้มค้างจนเป็นร่องลึกบนใบหน้า ดูไปดูมาเหมือนรูปปั้น ลิงแถกเหงือก ยังไงยังงั้น

การปฏิบัติธรรมก็เพื่อให้เกิดความชำนิชำนาญในการควบคุมอารมณ์ ให้รู้เท่าทันตามความเป็นจริง มีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อม ไม่ใช่ว่าจะเอาดีเอาเด่น เป็นผู้วิเศษหรือก็เปล่า จิตที่ฝึกดีแล้ว จะทำการสิ่งใดก็สบายบรื๋อ ถ้าไม่รู้วิธี วันหลังจะกระซิบให้ ฝึกที่บ้านก็ได้ หรือไปเข้าวัดก็ดี แต่ที่สำคัญ ต้องเลือกดูพระให้เป็น ไม่งั้นมีหวังออกทะเลเอาได้ง่ายๆ

ในถิ่นกาขาวทุกวันนี้ อลัชชีที่อวดอ้างว่ารู้ธรรมนั้น มีมากจนแทบจะเหยียบกันตาย อะไรไม่ว่า ดันมาเที่ยวอบรมสั่งสอนชาวบ้าน ว่ากันเป็นตุเป็นตะ พาเข้ารกเข้าพง เป็นบ้าเป็นหลังกันไปใหญ่ จึงเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า อย่าเชื่อเพราะว่าเขาห่มผ้าเหลือง อย่าเชื่อเพราะว่าชาติตระกูลเขาสูงส่ง อย่าเชื่อเพราะว่าเขาเป็นอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ห้ามเป็นอันขาดคือ...

อย่าเชื่อเพราะว่าสื่อเชีัยร์...เจริญพร

วโรทาห์: 20 ต.ค. 51