Tuesday, March 31, 2009

แม้นไม่ได้ประชาธิปไตย..ถึงตายไม่มีวันเลิกรา

เอาซะแล้ว มวยจิ๋วแต่แจ๋ว ที่หาญกล้าไปท้าชกข้ามรุ่น แต่แค่ยกสอง ก็ฟาดเอาตัวใหญ่ลงไปชักตาตั้ง หามลงจากเวทีแทบไม่ทัน กับคิวบู๊ล้างผลาญของ พตท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นักชกมุมแดง ค่ายประชาธิปไตยยิม ที่ปกติก็เป็นมวยโฉ่งฉ่าง เข้าแลกหมัดเข่าเท้าศอกเป็นว่าเล่น แต่พักหลังดันมาเปลี๊ยนไป๋

ตั้งแต่โดนหมัดแขกลงไปนอนนับแปด เลยกลับกลายเป็นมวยคนละแนว หันมาเอาดีทางเต้นยึกยัก จนแฟนมวยแทบจะถอดใจไปตามๆกัน

จึงเป็นที่ซี๊ดซ้าดถูกใจประชาชนไปตามๆกัน เมื่อมวยสร้างในสังกัด ออกมาดับเครื่องชน จนหงายเก๋งกันไปเป็นแถบ อานุภาพร้ายแรงเหลือรับ ขนาดฝูงตะกวดยังแตกกระเจิง เผ่นหนีตายไปคนละทิศคนละทาง จนแล้วจนรอด ป่านนี้ยังจูนกันไม่ติด คนนั้นบอกว่าไป คนนี้บอกว่าเปล่า ไม่ตกลงกันซะให้ดี ว่างานนี้จะดิ้นแถกเหงือกกันไปทางไหน จะได้พาเหรดแถยกฝูง ไปในแนวเดียวกัน

แต่ที่แน่ๆ งานนี้ยิ่งดิ้นยิ่งไปกันใหญ่ แทนที่ชาวบ้านจะรู้น้อย เลยกลายเป็นรู้มาก ที่รู้มากอยู่แล้ว ยิ่งมองทะลุไปถึงกึ๋น เห็นทีว่างวดนี้ ถ้าไม่ฆ่าตัดตอน มีสิทธิตายยกก๊วน ยิ่งมีพัลลภมาเป็นประจักษ์พยานด้วยแล้ว งานนี้เลยง่ายขึ้นเยอะ ก็พัลลภคนเดียวกันนี้ ที่ตอนด่าทักษิณ พวกอำมาตย์เคยการันตีให้ ว่าน่าเชื่อถือซะไม่มี หอกทมิฬเลยแทงทมิฬ จนชักดิ้นชักงอไปตามๆกัน

น่าสงสารคนเฒ่าคนแก่แถวบ้านหลายเสา ที่หลังแอบฟังโฟนอินจบถึงกับหงายหลังตึง กว่าจะยื้อชีวิตกลับมาได้ ก็เสียยาดมไปหลายหลอด แม้กระนั้น ดอกพิกุลกลีบแรกที่ร่วงออกจากปาก ยังคงไม่ให้ความสำคัญกับโฟนอินทักษิณ แต่ลับหลังกลับกัดฟันกรอดๆ ว่าเที่ยวนี้มันเล่นแรง เห็นทีว่าต่อไปนี้ มันจะร่วมแผ่นดินกันไม่ได้ซะแล้ว

เป็นเหตุให้บรรดาลูกกระเป๋งของผู้เฒ่าป๋า ต้องออกมาโก่งคอปรามกันเสียงขรม ว่ากองทับไม่สบายใจ แต่ข่าวไม่ได้บอก ว่ากองทับไหน ที่ว่าไม่สบายใจ

เป็นไปตามฟอร์ม เนิบๆนิ่มๆเอาธรรมะเข้าขย่ม เฒ่ายุทธ ณ.เขายายเที่ยง เวอร์ชั่นก๊อปปี้ของนักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังให้การภาคเสธ โดยยอมรับว่าร่วมก๊วนไปบ้านหัวเถิกจริง แต่ไม่ได้คุยเรื่องการเมือง เอ้า..ถ้างั้นก็นัดกันไปเปียแชร์

ไม่น่าเชื่อ ว่าคนที่เละตุ้มเป๊ะที่สุด กลับกลายเป็นไอ้หัวเถิกของลุงหมัก ทั้งๆที่ไม่มีใครพูดพาดพิงอย่างเป็นงานเป็นการซักหน่อย แค่บอกว่าบ้านสุขุมวิท แค่นั้นก็เลื้อยออกจากรูมาเถียงฉอดๆ เล่นเอาป๋าถึงกับลมใส่ ว่าไอ้นี่ท่าจะบ้าไปแล้ว ตกลงนี่มันจะออกมาแก้ตัว หรือจงใจออกมาสารภาพกันแน่

แต่วงการเขาสงสัย ว่าจะออกมาพูดตอนที่กำลังเมาไวน์ เลยเล่นซะเป๋ไปเป๋มา ตอนแรกก็ว่าที่เชิญมา เพราะปราโมทย์กำลังดังเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ ส่วนพัลลภก็กำลังเปรี้ยงปร้างเรื่องคาร์บอมบ์ พอสร่างเมาถึงได้มานั่งกุมหัวเถิก ว่าฉิบหายแล้ว เรื่องที่ว่ามันเกิดทีหลังทั้งนั้น คนเลยรู้กันหมด ว่าที่นัดมาประชุมก็เพื่อแบ่งงาน ให้ปราโมทย์ไปเขียนปฏิญญาฟินแลนด์ แล้วให้พัลลภไปทำคาร์บอมบ์

เป็นอันว่า ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดี จากหัวเถิกจอมเมาไวน์ ชาวบ้านเลยปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ครบถ้วนกระบวนความ โดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น นอกจากว่า หัวเถิกมาเกี่ยวอะไรด้วย แล้วคนที่มาก็เป้งๆทั้งนั้น ทำไมต้องเชื่อฟังนายหัวเถิก ถึงขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งเลยเถิดไปกันใหญ่ บางคนก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่ยังพูดไม่ได้ เพราะว่าไม่ฉะบาย...

แปลกแต่จริง เห็นเขาว่า งานนี้บักป๋าโสตาย ทั้งๆที่มีรูปถ่ายหัวขาวโพลน เห็นกันทนโท่ ยังทำคอเอียงเถียงคอเป็นเอ็นว่า ป๋าเปล่าทำ ได้ยินไม๊ว่า ป๋าเปล่าทำ...

ก็ไหนบอกว่า ที่ไล่ฆ่าทักษิณ จนต้องทำชั่ว ถึงขั้นรัฐประหาร ลามปามมาถึงตั้งรัฐบาลเด็กเวร เป็นการทำเพื่อชาติทั้งนั้น แต่ไหงพอมีคนมาช่วยประกาศรายชื่อ สดุดีวีรกรรมเวรของนักกู้ชาติให้ฟรีๆ ถึงได้โดดหนีกันเหย็งๆ อย่างกับลิงเจอมดแดง ยังไม่ปาน

งงชิบเป๋ง..ตกลงว่าที่ทำกัน จนประเทศชาติฉิบหายมาถึงทุกวันนี้นั้น มันเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่...

ถึงว่า สีแดงถึงได้แดงได้แดงดี เที่ยวนี้เห็นว่า มากันเป็นแสน ดูจากรูปถ่ายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เปรียบเทียบกับ 14 ตุลาแล้ว ก็ไม่น่าจะหนีกันเท่าไหร่ จริงไม่จริงก็ขนาดว่า สื่อชั่วที่เคยรายงานยอดเสื้อแดง 3 พัน 5 พันเป็นอย่างสูง ทั้งๆที่ของจริงมากันหลายหมื่น เที่ยวนี้ยังต้องตัดใจ กล้าๆให้ไปเลย 3 หมื่น ก็คิดดูเอาเองแล้วกัน ว่าของจริงมันน่าจะซักกี่แสน

แต่ว่าก็ว่า จำนวนคนเท่าไหร่ ยังไม่น่าสนใจเท่ากับความหลากหลาย เรียกได้ว่า เที่ยวนี้มีตัวแทนมาจากทุกภาคส่วนเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หมูชักเริ่มไม่กลัวน้ำร้อนกันแล้ว ขนาดตำรวจในราชการแท้ๆ ออกเวรยังถอดเครื่องแบบมาขึ้นเวทีหน้าทำเนียบเฉย ก็แสดงว่าต้องเหลืออดกันจริงๆแล้ว ไม่งั้นใครจะไปกล้าทำ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ว่าตอนนี้ใครใหญ่

ไม่เหมือนม็อบเสื้อเหลือง ที่ว่ากันว่า เส้นใหญ่บ๊ะละฮึ่ม ขนาดทหารในราชการยังไปขึ้นเวทีพันธมิตรได้เฉย ก็เส้นใหญ่ซะขนาดนั้น ใครจะไปกล้าทำอะไร ใครไปขึ้นเวทีนอกจากไม่โดนลงโทษแล้ว ยังมีโปรโมช้่นพิเศษให้อีกต่างหาก เพียงแต่ว่า ที่ส่วนใหญ่เขาไม่ไป ก็เพราะหัวใจมันแดงเถือกจนสุดห้ามใจ

จึงไม่แปลก ที่เพียงแค่เทพเมือกโยนหินถามทาง ด้วยการให้ตำรวจนครบาลออกมาข่มขู่ว่าจะสลายม็อบ เสื้อแดงก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง ในเมื่อถามทางก็ได้ทาง ไม่รู้ที่ไหนต่อที่ไหน แดงพรึ่บพรั่บกันไปทั้งแผ่นดิน เตรียมยึดศาลากลางจังหวัด เอาไว้เล่นปั่นแปะ เล่นเอานายตาโปน ถึงกับหางจุกตูด หลบฉากไปเลียแผล นอนครางหงิงๆ

ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าอำมาตย์ยังจะปลอบใจตัวเองอยู่ว่า ชาวเสื้อแดงทั้งแผ่นดิน บากบั่นมาเยี่ยมเยียน เพราะทักษิณจ้างมาก็ตามใจ ซึ่งถ้าแหกตาดูให้ดี จะเห็นข้อความว่า "ไม่ได้จ้าง กูมาเอง" เต็มพรึ่ดไปหมด เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่กรรมใครกรรมมัน แต่ที่แน่ซะยิ่งกว่าแน่คือ ทุกวันนี้ สีแดงไม่มีใครยอมถอยแล้ว ไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆทั้งสิ้น ประชาธิปไตยเท่านั้นที่ข้าต้องการ...

แม้นไม่ได้ประชาธิปไตย..ถึงตายไม่มีวันเลิกรา

วโรทาห์: 31 มี.ค. 52

Tuesday, March 24, 2009

ดาวยั่วคาร์บอมบ์..อล่างฉ่างในงานแดงทั้งแผ่นดินที่เชียงใหม่

อุฮู้ว..อะฮ้า..อื่อฮื้อ..เป็นเสียงสูดปากซี๊ดซ้าด ที่พรั่งพรูออกมาจาก ริมฝีปากหลายหมื่นคู่ ที่แออัดยัดทะนานเข้าไปออกัน อยู่ในสนามกีฬา 700 ปี ที่เชียงใหม่ ทันทีที่ทักษิณโฟนอินมาปล่อยตัว นางโชว์ทั้ง 4 เจ้าของฉายาดาวยั่วคาร์บอมบ์ ให้แก้ผ้าออกมาร่ายรำโชว์โฉมอล่างฉ่าง กระชากใจเสือป่าแมวเซา จนแทบจะหัวใจวายไปตามๆกัน

นี่แค่หนังตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ ที่ฉายให้ดูไปเมื่อคืนวันที่ 22 ที่ ผ่านมา ขนาดว่าสาวงอมทั้งสี่ เป็นแค่นางโชว์ปลายแถว ที่ยังไม่เคยแจ้งเกิดที่ไหนมาก่อนด้วยซ้ำ ยังเรียกเสียงฮือฮา จนชามอ่างยักษ์แทบระเบิดเป็นจุณ

ก็ แต่ละนางนั้นซิงๆเอ๊าะๆ ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะซะขนาดนั้น ยกเว้นแม่นางไจรัญคนเดียว ที่ทำตัวเป็นดอกกิมฮวย มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนใครเขารู้กันทั่ว เอะอะก็แก้ผ้ามันยันเต จนหมดราคา ทุกวันนี้ไม่มีใครมาอ๊อฟ ให้มันเมื่อยตุ้มกันแล้ว เสียงเชียร์ลึ่มๆ จึงเทไปยังอีก 3 ดอกที่เหลือ เล่นเอารับเละกัน จนไม่หวาดไม่ไหว

ทำเป็นเล่นไป เห็นหงิมๆติ๋มๆออกอย่างนั้น พอแก้ผ้าออกมา แหม..มันบ๊ะจ่างไม่ใช่เล่น

พอ เปิดตัวกันมาจะๆอย่างนี้ นางโชว์รุ่นพี่ที่ผันตัวเอง ไปเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง จึงอดรนทนไม่ได้ ต้องหนาวสั่นสะท้าน จนกินไม่ได้นอนไม่หลับไปตามๆกัน ค่าที่ว่า แต่ละนางนั้นจวนจะเข้าโลงอยู่รอมร่อ ขืนแก้ผ้าออกมาเป็นได้ดูไม่จืดกันแน่ๆ

นานๆครั้งจะมีอะไรมันๆ มาปั๊มหัวใจให้สูบฉีดปรู๊ดปร๊าดกันซะที จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดากองเชียร์ขาโจ๋ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ทำให้อดไม่ได้ที่จะปล่อยแก่ ตีมือกระทืบเท้า เป่าปากกันเฟี้ยวฟ้าว ด้วยความมันส์ในอารมณ์ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มันต้องอย่างนี้ ถึงจะสมราคาจ้าวเวหา พญาอินทรีผู้มีโลกเป็นรังนอน มีวงโคจรอยู่เหนือชั้นบรรยากาศ มหาบุรุษทักษิณโฟนอินทั้งที มันต้องมีทีเด็ดทีขาด ไม่ใช่เอาแต่จงรักภักดีอยู่นั่นแหละ รู้ทั้งรู้ว่า มีคนมันคอยจ้องจะยัดข้อหาหมิ่นอยู่ ต่อให้พูดดียังไง ถ้าหมั่นพูดเข้าไป เดี๋ยวมันก็ตีความให้เป็นเรื่องเอาจนได้แหละ

“เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่” เป็นคำพังเพยโบราณ แต่งัดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ยังใหม่เอี่ยมเมื่อนั้น เสียดาย ..แต่ละคนเคยฉาบหน้าซะเรียบแปล้ อย่างกับปูนตราเสือ ยังไม่ปาน แต่ไหงพอกะเทาะเปลือกออกมา กลายเป็นเสียคนเอาตอนแก่ไปซะได้

ลูกหลานหรือก็ช่างกระไร ไม่รู้จักเลี้ยงดูให้ดี ปล่อยให้อดๆอยากๆ จนต้องดาหน้าออกมาหาลำไพ่พิเศษ ด้วยการรับแสดงหนังโป๊สุดสยิว ที่แม้แต่เด็กสาวก๋ากั่น ใจกล้าหน้าด้านขนาดแรดเรียกแม่ ยังต้องขยาด ไม่กล้ารับแสดง

“โน นิวส์ อีส กู๊ด นิวส์” เรื่องอื้อฉาวซะขนาดนี้ แต่สำหรับแก๊งค์อำมาตย์แล้ว การไม่มีข่าว ถือเป็นข่าวที่วิเศษสุดๆ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่สื่อแท้ทั้งหลาย จะถูกดุ้นฟืนยัดปาก จนได้แต่แบ๊ะๆ ทำให้ข่าวใหญ่กลายเป็นข่าวรอง เทียบไม่ได้แม้แต่ข่าวชาวบ้านประเภท “บุกถล่มงานวิวาห์อดีตเมีย” ที่พาดหัวตัวเป้ง อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ที่มียอดจำหน่ายน้อยที่สุดในประเทศ

ส่อสันดอนสื่อ อย่างที่ลุงหมักเคยจวกเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน ทีข่าวที่พอจะดิสเครดิตฝ่ายประชาธิปไตยได้ ต่อให้หยุมหยิมยังไงก็ต้องพาดหัวตัวเป้ง บอกว่าข่าวต้องเป็นข่าว แต่พอข่าวใหญ่ที่เป็นผลร้ายต่อผู้มีอุปการคุณของมัน ข่าวก็ไม่เป็นข่าวขึ้นมาดื้อๆ ได้เหมือนกัน

ดี ที่ยังรู้จักตีโง่ ด้วยการช่วยกัน เปิดพื้นที่สื่อให้ฝ่ายอำมาตย์ได้แก้ตัว ทำให้ประชาชนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ เกิดอาการงงเต้กเพราะไม่รู้ที่มาที่ไป เลยต้องสืบสาวราวเรื่อง ผสมกับการปะติดปะต่อเอาตามอัธยาศัย ว่ามันไปโดนสากกะเบืออะไรมา ถึงได้ร้องเอ๋งๆงึดๆ กันถึงปานนั้น

ไม่ต้องถามว่าเชื่อได้แค่ไหน กับเรื่องที่น้าแม้วลากมาเปิดโปงในครั้งนี้ ในเมื่อภาพใหญ่มันอล่างฉ่างมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว นี่แค่น้าแม้วให้จิ๊กซอว์มาอีกหนึ่งชิ้น ที่มันลงร่องโป๊ะเช๊ะอย่างกับอะไรดี ถึงขั้นนี้ ถ้ายังไม่เชื่อก็บ้าแล้ว นอกจากเรื่องเดียว ที่ยังคาใจไม่เลิก ก็คือเรื่องสื่อเจ้าเก่า ไหนน้าแม้วแฉว่าสื่อทำตัวเป็นฝ่ายค้านซะเอง แต่พอมองไปรอบตัวในตอนนี้...

ไหงสื่อมันเป็นฝ่ายรัฐบาลซะ..สุดลิ่มทิ่มประตู

วโรทาห์: 24 มี.ค. 52

Saturday, March 21, 2009

ศึกอภิปรายเลือด สีข้างเหวอะหวะกันเป็นแถว

ผ่านไปแล้ว สำหรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลเทพประทานอย่างหนา ตราช้างยังเรียกพ่อ อาศัยว่าแบ๊คดีซะอย่าง เลยสบายไปสิบอย่าง ต่อให้ฝ่ายค้านชกเข้าเป้าจังๆยังไง ก็อย่าได้หวังว่าจะมียุบมีแตกให้เห็น โดยเฉพาะตัวหัวหน้ารัฐบาลนั้น ถ้าย้อนหลังไปดูปูมประวัติซือแป๋มัน จะเห็นเลยว่า ลื่นเหลือล้นทนเหลือหลาย อย่างไม่น่าเชื่อ

ไม่ต้องพูด ถึง แรงใจแรงเชียร์ จากบรรดาพ่อยกแม่เล้าแมลงสาบ ที่จนป่านนี้ยังลืมหูลืมตาไม่ขึ้น จึงเชียร์ได้เชียร์ดี เชียร์จนสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่ว่าเรื่องที่อภิปรายจะจริงเท็จแค่ไหน แค่ฝ่ายรัฐบาลยังไม่ทันขยับปากจะชี้แจง ก็เชื่อกันไปแล้วเต็มร้อย

โดย เฉพาะ สำหรับหัวหน้ารัฐบาลตัวจริงเสียงจริง คนที่อยู่เบื้องหลังด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง งานนี้เดิมพันมันสูงปรี๊ด เล่นกันถึงหมดอนาคตไปข้าง ดังนั้นจะดีจะชั่วยังไง จึงต้องทู่ซี้ลากถูลู่ถูกังกันไป จนกว่าจะถึงปลายทาง หรือไม่อีกที ก็ลงเหวไปด้วยกันทั้งก๊วนนั่นแหละ ถึงจะพอใจ

ด้วยอิทธิพลของสื่อชั่ว สำหรับคนทั่วไปแล้ว ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ว่ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ผิดกับตอนที่แมลงสาบเป็นฝ่ายค้าน สื่อจะช่วยกันโหมโรง ทิ้งระเบิดปูพรมให้ล่วงหน้าเป็นเดือน ชนิดที่ว่า ใครไม่รู้ว่ามีการอภิปรายก็บ้าแล้ว

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ประชาชนจะถูกปิดหูปิดตาอีกตามเคย เหลือแต่กองเชียร์พันธุ์แท้ของแต่ละฝ่าย ที่คอยตามลุ้นกันตัวโก่ง แต่สำหรับเสื้อแดงทั้งหลาย เรื่องที่อภิปรายก็รู้ๆกันมาก่อนแล้ว เพียงแต่อยากดูลีลาแมลงสาบแมน ว่าจะแถออกไปทางไหน ก็เท่านั้น

และพล พรรคแมงกะจั๊ว ก็ไม่ได้ทำให้เสื้อแดงต้องผิดหวังแม้แต่น้อย เมื่อโชว์ลีลาไปไหนมาสามวาแปดศอก เล่นเอางงเต้กกันไปเป็นแถว แถมยังหยอดลูกยียวนกวนบาทา จนปิดทีวีหนีกันแทบไม่ทัน ไม่งั้นทีวีคู่ยากที่เพิ่งไปรับตัวออกมาจากโรงจำนำหมาดๆ มีหวังลงไปนอนตีแปลง ด้วยแรงส่งอันทรงพลังจากส้นเท้า ที่ทั้งหนาเตอะและแตกด้าน

เข้าตำราที่ว่า บ้านนี้เมืองนี้ ขอให้แหลเก่งซะอย่าง รับรองได้ ไม่มีวันอดตาย

ใน ขณะที่ฝ่ายค้าน ส่งดาวสภามาแจ้งเกิดหลายราย โดยเฉพาะสุภาพสตรี ที่นัดกันมาเป็นเซ็ท เล่นเอาป้าแก่ๆฝั่งแมลงสาบ แทบจะบ้าตายด้วยไฟริษยา แม้กระนั้น ยังเทียบกันไม่ได้ กับดาวแถฝ่ายรัฐบาล ที่พาเหรดกันมาแจ้งตาย อย่างกับดอกเห็ดบานยามหน้าฝน โดยเฉพาะตัวหัวหน้ารัฐบาลนั้น ถึงกับสีข้างถลอกปอกเปิก ดูไม่จืดจริงๆ

เปลก็ไกว ดาบก็แกว่ง แหยงไหมพี่ งานนี้ไม่รู้ว่าเพื่อไทย จะสื่ออะไรออกมาถึงใคร ถึงได้จัดกระบวนทัพอิสตรี เข้าตีกระหนาบโจรามนตรีกษิต อย่างถึงลูกถึงคน ทั้งลูกสั้น ลูกยาว ฮุคซ้าย ฮุคขวา ขึ้นเข่า เขย่าศอก จนกระทั่งตอกส้นใส่แสกหน้ากันจะๆ เล่นเอากษิตที่ว่าหน้าหนากว่าถนนคอนกรีต ยังมียุบให้เห็นๆ

อาจจะเพราะเห็นว่า พันธมิตรถนัดแอบหลังผู้หญิง เลยจัดให้เป็นพิเศษ หรือว่าจะสื่อสารเลยเถิดไปถึงบ้านหลายเสาก็เป็นได้ ว่าถึงผู้ชายจะถูกจับติดคุกไปจนเกลี้ยง เหลือไว้แต่ผู้หญิง หรือกึ่งหญิงกึ่งชาย ก็จะสู้จนหยดสุดท้าย อะไรทำนองนั้น

แต่ไม่ว่าจะ ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม งานนี้คนที่ซวยคือกษิต ที่ต้องมารับหน้าเสื่อ โดนสุภาพสตรียำใหญ่จนหูตูบหางตก ทำอะไรไม่ถูก ต้องยอมรับทุกข้อหาแต่โดยดี แต่ยังไม่วายมีให้การภาคเสธ คือแบ่งรับแบ่งสู้ กล้าๆกลัวๆ ว่างั้นเหอะ

ยัง รักษาความเลวได้อย่างคงเส้นคงวา คือสื่ออำมาตย์ทั้งหลายที่เปิดหน้าออกมาอุ้มแมลงสาบ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ขณะที่ในสภาก็อภิปรายกันไป ส่วนนอกสภาก็อุ้มกระเตงกันใหญ่ สื่อทีวีอย่างเจ้าแว่นซูเนโอะเป็นอาทิ เปิดพื้นที่ให้ฝ่ายรัฐบาลแถลงแก้ตัว อย่างขะมักเขม้น ก็เล่นกันอย่างนี้ ต่อให้อภิปรายเด็ดสะระตี่ยังไง ก็ไม่มีทางเอามันลง

ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์นั้นไม่ต้องไปพูดถึง นอกจากไม่ได้ให้น้ำหนักกับการอภิปรายแล้ว ยังแอบชกใต้เข็มขัดกันดื้อๆ ด้วยการเล่นเรื่องแจกกล้วยในสภา เป็นพาดหัวตัวไม้ กะดิสเครดิตสภากันเต็มๆ

แต่ เอาหละ ไหนๆก็แจกกล้วยกันไปแล้ว เลยอยากฝากไปถึงน้ารณว่า ถ้ามีเยอะนักก็ช่วยเผื่อแผ่ไปถึงพลพรรคโบราณซัก 2 หวี คงไม่น่ามีปัญหา หนึ่งหวีสำหรับหัวหน้าโดยเฉพาะ ที่เหลือไปแจกจ่ายกันในหมู่แมลงสาบให้ทั่วถึง

ไม่ต้องกลัวว่าหวี เดียวจะน้อยไป ของพรรณนี้ สำหรับคนพรรณนั้น เขาแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ได้ เพียงแต่ว่า ขอพิเศษหน่อยสำหรับป้าแก่ๆ รังสิหมาหน้าย่น ของชอบอย่างนี้ มันต้องว่ากันเป็นเครือถึงจะพอประทัง

ขณะที่ในสภาก็ว่ากันไป ส่วนนอกสภานั้น ผบ.ทบ.ก็กำลังปวดหัวล้านหนึบๆ เพราะทำยังไงก็เอาทักษิณไม่อยู่ซะที แถมหลังๆยังโฟนอินเป็นว่าเล่น จนต้องตะโกนออกมาดังๆ ให้คนเบื้องหลังวางมือซะที บอกว่าเพื่อประเทศชาติจะได้เดินหน้า แต่คนเบื้องหลังตัวจริงเสียงจริง ถึงกับสะดุ้งกันไปแปดตลบ นึกว่าอ้ายล้านนี่มันบ้าไปซะแล้ว

จนป่านนี้ ยังไม่สำเหนียกกันว่า เพราะบ้าเลือดไปเบรคเกมส์ทักษิณแท้ๆ จึงทำให้น้าแม้วกลายเป็นดาวค้างฟ้ามาถึงทุกวันนี้ อย่าว่าแต่จะสอยเอาลงมาขังคุกเลย แค่โฟนอินแต่ละครั้ง ยังสะดุ้งกันตาตั้ง อย่างอื่นจึงไม่ต้องพูดถึง นี่ถ้ามียางอายกันซักนิด อดทนสู้กันไปตามเกมส์อีกซักหน่อย ไม่แน่ว่า ป่านนี้อาจจะเป็นขาลงของทักษิณแล้ว ก็เป็นได้

ถ้าเป็นเช่นนั้น ในทางกลับกัน แน่นอนว่า มันก็ต้องเป็นขาขึ้นของนายมาก มักกะสัน อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเมื่อรักที่จะเล่นกันนอกเกมส์ ผลมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น ถ้าอดีตนายกฯกลับมาเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าเป็นเรื่อง กลับมาเที่ยวนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเดิม อีกหลายเท่า

ทุก วันนี้สำหรับฝ่ายอำมาตย์ อาจจะตีว่าทักษิณขาลง แต่เป็นขาลงที่ศีรษะเชิดขึ้น เรียกว่า ตาดูดาวเท้าติดดิน ทำนองนั้น ผิดกับด.ช.มากที่ขาขึ้นแต่หัวลง เป็นตาดูดาว เท้าก่ายหน้าผากไปซะฉิบ เดิมทีนึกว่าตำแหน่งนายกฯ จะดึงตัวเองให้สูงขึ้น กลับกลายเป็นว่า ตัวเองไปถ่วงตำแหน่งนายกฯให้ต่ำลง

ทำให้นึกถึงอมตะวาจาของท่านผู้เฒ่า สามเสาบวกหนึ่ง ที่ว่าประเทศไทยโชคดี ที่ได้อ้ายเบื๊อกนี่มาเป็นนายกฯ แต่โชคร้ายที่อ้ายแก่นั่นยังไม่ยอมตายซักที

สมัย ที่อาบังจอมไต่บันได ลากรถถังออกมาปล้นประเทศ จนเสร็จสมอารมณ์หมาย ก็ใครล่ะที่ชิงตัดหน้า มาออกแขกให้นายกฯโจรคนนั้น การันตีกันเสร็จสรรพว่า เป็นคนที่ไหว้ได้อย่างสนิทใจ แต่เอาเข้าจริง กลายเป็นตาเฒ่าขิงแก่ ที่ไปยกมือไหว้โจรใต้ ได้อย่างสนิทใจ ซะงั้น

เมื่อสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่ดันมีรัฐบุรุษมาคอยสร้างสถานการณ์ มันเลยป่วนกันไม่เลิก

งาน นี้ยังไงก็ต้องลากยาวกันไปอีกหลายยก เพียงแต่ว่าสมรภูมิรบ ได้ย้ายจากรัฐสภา หลบลงไปอยู่ใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย ด้วยยุทธศาสตร์แดงทั้งแผ่นดิน ที่มีปวงชนออกมาร่วมสนุกอย่างเต็มสูบ จึงการันตีเรื่องชัยชนะ อย่างไม่มีข้อสงสัย เมื่อประชาชนรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพซะเองอย่างนี้ บอกได้เลยว่า...

ยังไงเสื้อแดงก็แพ้ยาก

วโรทาห์: 21 มี.ค. 52

Thursday, March 12, 2009

ขอร้องนายกฯ ให้อยู่ต่ออีกซักหน่อย นะ..นะ

มหกรรมโดดตึก กีฬายอดฮิตของบุคคลล้มละลาย กำลังหวนกลับมาอีกครั้ง กำลังนี้คนไทยทุกภาคส่วน ได้แต่เฝ้าลุ้นระทึกจนนั่งไม่ติด ว่าใครจะจ่อคิวเป็นอันดับต้นๆ ที่จะได้รับเกียรติให้พุ่งหลาวดิ่งนรก โดดตึกตายซะให้รู้แล้วรู้รอด ให้มันสาสมใจ ที่สะเอือกเกิดมาเป็นคนไทยในยุคถิ่นกาขาว

แล้วเที่ยวนี้ก็ไม่หนีคู่ เวรคู่กรรมเจ้าเก่า ที่ผูกปีทำเจ๊งกันมาแต่ชาติปางก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่เกิดวิกฤติทีไร ต้องมีประชาธิปัติย์เป็นมือวางเพลิงทุกที ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้น ยังชอบอาสาพางูเห่ามาช่วยดับไฟ แล้วถือโอกาสขนทรัพย์สินหนีหายไปเกลี้ยงจ้อย หลังจากกบดานจนคดีขาดอายุความแล้ว ค่อยกลับมาลุยรอบใหม่

เวรกรรมของ คนไทยแท้ๆ ในขณะที่ทั่วโลกแค่เจอแฮมเบอร์เกอร์ไครสิสเข้าไป ก็แทบจะล้มประดาตาย แต่พี่ไทยกลับมีอ๊อปชั่นพิเศษ ล่อแมลงสาบไครสิสซ้ำเข้าไปอีกชุดใหญ่ กลายเป็นเจอ 2 เด้ง ไม่ตายวันนี้แล้วจะไปซี้วันไหน

เกิดมาเป็นคนไทยซะอย่าง อำมาตย์ท่านจัดอะไรมาให้ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น ในขณะที่ชาวโลกต่างระดมยอดฝีมือเข้าประจำการ เพื่อต่อกรกับสึนามิเศรษฐกิจอย่างถึงพริกถึงขิง แต่คนไทยตาดำๆ กลับต้องมาฝากอนาคตไว้ กับเด็กออทิสติค 2 คน ที่กำลังสาละวนอยู่กับการแก้แห โดยไม่ปล่อยให้ปากอยู่ว่าง คอยต่อยหอยโชว์โง่ไปเรื่อย จนชาวบ้านที่ได้ฟัง แทบจะประสาทกินตาย

ยิ่งแก้ยิ่งยุ่งไม่สมราคาคุย ผ่านไปแค่ 2 เดือน ดูเหมือนว่าจะยุ่งยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้แก้ซะอีก ทำไปทำมา รูปการณ์ทำท่าว่า หวยจะไปออกที่ช่างถักแห ว่าถักกันอีท่าไหน ถึงได้เล่นเอาลิงปวดหัว ในเมื่อรัฐบาลก่อนหน้าไม่สะสมเงินทองไว้ให้ถลุงแล้วรัฐบาลนี้จะไปทำอะไรได้ นอกจากออกตะลอนทัวร์ หากู้มันอยู่ร่ำไป จะได้สะสมหนี้ไว้ให้รัฐบาลหน้าใช้ต่อ

ขืนไปหน้าด้านแบมือขอพ่อ เหมือนตอนที่ยังไม่มีเมีย นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว ยังอาจเจอเทศนากัณฑ์ใหญ่ สอนให้รู้จักพอเพียง

คนจะซวยช่วยไม่ได้ จู่ๆเจ่เจ๊ก็ออกมาเผาเครื่องกันดื้อๆ ไม่รู้ว่าหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่ ถึงได้ออกมาการันตีว่าอาตี๋ยังไงก็ไม่โกง เพราะว่าถึงโกงไปได้ ก็บริหารเงินไม่เป็น ไม่ต้องอะไร ทุกวันนี้ยังต้องให้เมียจัดสรรงบประมาณให้ หลังจากที่รบกวนพ่อแม่มานาน จนหมะม๊าแทบจะลาโรง

ตายกันพอดี ยิ่งไม่มีใครเชื่อน้ำอิ๊วอยู่ด้วย ยังมาตอกย้ำให้เห็นภาพอีก มุขนี้จึงไม่เวิร์ค แทนที่ชาวบ้านจะยิ้มออก กลับกลายเป็นตกใจจนแทบบ้า ว่าเวรกรรมแท้ๆ บริหารเงินตัวเองยังไม่ได้ ยังไพล่มาอาสาบริหารประเทศ ถึงว่า..บัตรเอทีเอ็มใบเดียวแท้ๆ ยังปล่อยให้คนใช้ แฮฟเอาไปกินซะได้

เฒ่าชวนก็เจ๊าะแจ๊ะไม่เลิก ขานี้ไม่รู้แกติดใจอะไรนักหนากับอาชีพคุณโสฯ จึงได้มุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาโสเภณีอยู่ร่ำไป ยิ่งโสเภณีเด็กด้วยแล้ว แกยิ่งชอบแก้ใหญ่ ถึงกับสะกิดหนูมาร์ค ว่าอะไรไม่อะไร ต้องให้ความสำคัญกับปัญหาโสเภณีเป็นพิเศษ เพราะว่ามันเป็นหน้าตาของประเทศ แต่หลานรักดันไม่รับมุข บอกว่าลุงก็คิดมากไปได้ อาชีพโสเภณี..ประเทศไหนเขาก็มีกัน

หันไปหาหลานกรณ์ หวังฝากฝังให้ทุ่มเทแก้ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างเต็มที่ ไม่งั้นโสเภณีมีหวังงอกงามเป็นดอกเห็ด เดี๋ยวประชาธิปัติย์จะงามหน้ากันไม่เสร็จ เลยโดนตอกกลับมาอีกดอก ว่าโธ่..ลุง อาชีพโสเภณี..ที่ไหนเขาก็ทำกัน

ก่อนหน้านี้ยังนึกว่า นายกฯใครๆก็เป็นได้ พอได้เป็นถึงได้รู้ ว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เอาแค่ราศีมันไม่จับ ทำอะไรก็ดูโหลยโท่ยไปหมด อย่างตอนไปอินโดฯ เดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ป่านนี้ยังค่อนแคะกันไม่เสร็จ ว่าห่อไหล่เหมือนเดินหาเขียด ไปฉีกหน้าฉีกตาคนไทยเปล่าๆ สู้ให้เฒ่าชวนลงไปเดินโยก ยังจะดูเท่ห์กว่ากันเยอะ

สมัยน้าแม้วเป็น ดีเจรายการ "นายกฯพบประชาชน" เห็นเหรตติ้งพุ่งกระฉูด ก็ระริกระรี้อยากจะเอามั่ง พอได้สัมปทานมาจัดเองจริงๆ ไม่เห็นมันฮ็อตฮิตอย่างที่วาดหวังไว้ซักกะหน่อย ขนาดรายการ "พูดจาประสาลุงหมัก" อย่างไม่มีๆยังฟาดเหรตติ้งไป 89 เปอร์เซ็นต์กว่าๆ เทียบกับรายการ "ช่างแม่มันประเทศไทย" ได้มากระจุ๋มกระจิ๋ม 11 เปอร์เซ็นต์นิดๆ นี่ขนาดว่า ตั้งใจไปสำรวจในรังแมลงสาบนะนั่น

จะบ้าตาย..รายการธรรมะวันอาทิตย์ยังฮ็อตกว่าซะอีก

แล้ว นี่จะทำยังไงดี ดันดิ้นพล่านงอแงจะไปลอนดอน เลยเจอไฟต์บังคับ จัดคิวให้พูดเรื่องประชาธิปไตยซะงั้น รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นสมุนเผด็จการ ยังยัดเยียดให้พูดเรื่องประชาธิปไตย คงกะลากไปเชือดให้ดิ้นตายลงคาตา แต่จากรูปการณ์แล้ว สมุนอำมาตย์น่าจะแก้เกมส์ ให้ออกไปในแนว "ประชาธิปไตยแบบไทยๆ" ตามถนัด เทียบกับให้ตานฉ่วยไปพูดเรื่อง "ประชาธิปไตยแบบพม่าๆ" ก็น่าจะได้อารมณ์เดียวกัน

ถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่ต้องถามว่าประเทศให้อะไรท่าน ต้องถามว่ามาร์คให้อะไรกับประเทศจะเข้าท่ากว่า แต่อะไรไม่อะไร อย่างน้อยมาร์คก็ได้บทเรียนไปเป็นกระบุงโกย นี่ถ้าไม่ชิงสุกก่อนห่าม ค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าตายแล้วเกิดใหม่สัก 4-5 ชาติ มาร์คอาจจะตามก้นนายกฯในดวงใจทันก็ได้ ใครจะไปรู้

เอาเถอะ..ไหนๆก็ ไหนๆแล้ว โอกาสอย่างนี้ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ถ้ามาร์คยังอยากจะอยู่ยาว ก็คงไปห้ามกันไม่ได้ จึงขอร้องเสื้อแดงหรือแม้แต่เสื้อเหลืองที่กำลังฮึ่มฮั่มเข้าใส่ ว่าอย่าไปไล่มาร์คให้เสียเซ้ลฟ์กันเปล่าๆ อยู่ก็ตายไม่อยู่ก็ตาย ถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้ 10 น้าแม้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ อีกไม่นานเกินรอ เศรษฐกิจมีหวังพังพินาศราพณาสูร ถึงเวลานั้นบ้านเมืองต้องลุกเป็นไฟ ประชาชนที่โกรธแค้น...

จะได้กระทืบได้ถูกคน

วโรทาห์: 12 มี.ค. 52

Monday, March 9, 2009

เพราะเธอคนนั้น จึงมีประชาไทในวันนี้

ถ้า ไม่ใช่ทรราชย์ก็ใกล้ความจริงเข้าไปเต็มที สำหรับรัฐบาลเผด็จการพลเรือน ที่ซุกหัวอยู่ใต้ท็อปบู๊ทเผด็จการทหาร เป็นรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ แต่บงการโดยพรรคข้าราชการ ภายใต้การชี้นำโดยระบอบอมาตยาธิปไตย

เหมือนลมปากที่พ่นออกมาจากรู ทหวารหนัก กับสุนทรพจน์สวยหรู ที่เสกสรรปั้นแต่งในวันที่เข้าสวมรอย รับตำแหน่งนายกฯที่อำมาตย์ปล้นมาประเคนให้ กับคำพูดที่ผายลมออกมาทางปาก จะสร้างความปรองดองให้กับคนในชาติ แต่การกระทำกลับซ้ำเติมให้เลวร้าย ยิ่งไปกว่าเก่า

ดับไฟด้วยการสุมฟืน สร้างความสามัคคี ด้วยการไล่บี้อย่างเมามัน

หลัง จากที่ได้นั่งตำแหน่งนายกฯสมใจอยาก วันๆก็ไม่คิดจะทำอะไรให้มันเป็นโล้เป็นพาย นอกจากตะลอนๆ หากู้เงินเอาปรนเปรอกันแล้ว ก็เห็นมีแต่การตามล้างตามเช็ดกันล้วนๆ เดี๋ยวเด้งคนนั้นเดี๋ยวปลดคนนี้ เดี๋ยวขู่จะย้ายข้าราชการ เดี๋ยววางแผนกวาดล้างคนเสื้อแดง

แต่ส่วนเสื้อเหลือง ต้องยกเอาไว้บนหัว เพราะบุญคุณท่วมท้น ยิ่งกว่าบิดรมารดา ยังไม่ปาน

อะไร ที่เคยด่าเขาไว้ วันนี้มันทำหมด แถมยังทำได้เลวกว่าที่มันด่าซะอีก เคยด่าว่า่ท่านนายกฯทักษิณคุกคามสื่อ ในขณะที่สื่อยังอยู่ดีมีสุข แถมยังรวมหัวกันก่นด่าอดีตนายกฯอย่างเมามัน มาถึงวันนี้ ที่ว่ามีเสรีภาพ ก็เฉพาะเสรีภาพที่จะด่าทักษิณได้อย่างเต็มที่ แต่สื่อที่อยู่ตรงกันข้าม มันตามล้างตามเช็ด จะเอาเป็นเอาตาย

กับข่าวการบุกจับผู้บริหารเว็ป ประชาไท ที่เปรียบไปแล้ว ก็เหมือนกับเหยียบย่ำลงไปบนหัวใจประชาชน เพราะปฏิเสธไม่ได้ ว่านั่นคือสื่อหลักแหล่งใหญ่ ที่ฝ่ายประชาธิปไตยพอได้อาศัยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แล้วไฉน ถึงกลับกลายเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ที่วิ่งแซงคดีก่อการร้ายยึดสนามบินไปได้ ชนิดที่มองไม่เห็นฝุ่น

ปฏิบัติการที่เป็นกบฎต่อประชาชนในครั้งนี้ ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่ต้องจดจารใส่บัญชีหนังหมา เพื่อรอวันสะสาง ไม่ว่าอ้ายอีผู้ใดล้วนไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้ จะเป็นคำสั่งของใครไม่รู้ แต่ในเมื่ออาสามาเป็นรัฐบาลแล้ว ก็มีหน้าที่ต้องพิทักษ์สิทธิประชาชนอย่างเต็มที่ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้ลาออกไป

" คุกคามสื่อคือคุกคามประชาชน" เห็นเจื้อยแจ้วกันอยู่แหม็บๆ แล้ววันนี้มันไปมุดหัวกันอยู่ที่ไหน หรือว่าประชาไท ก็จัดอยู่ในประเภทสื่อเทียม เป็นลูกเมียน้อย ที่มีศักดิ์ด้อยกว่าสื่อแท้ แต่ถึงยังไงก็น่าจะออกมาแถกันซักหน่อย อย่างน้อยก็ให้ได้รับรู้กันว่า พวกปากดี ยังมีชีวิตอยู่ครบทุกตัว

สำหรับอาจารย์จอน หนึ่งในผู้ก่อตั้งเว็บประชาไท ถ้าลำบากนัก จะอยู่เฉยๆก็ไม่มีใครเขาว่า ดีกว่าอ้าปากขึ้นมา เป็นต้องแขวะทักษิณให้มันเสียความรู้สึกกันเปล่าๆ รู้แล้วหละว่าเกลียดอดีตนายกฯ จนไม่อาจเผาผีกันได้ แต่ต้องแยกแยะว่านี่มันงานอะไร แก่ปูนนี้แล้วก็น่าจะเข้าให้ถูกงาน

นี่ถ้าไม่บอกคงไม่มีใครรู้ ว่าคู่นี้เขาคลานตามกันมา ระหว่างอาจารย์"ใจ" กับอาจม"จอน"

ขอ สดุดีหญิงแกร่งอย่างคุณจีรนุช เปรมชัยพร สุภาพสตรีที่ทำเอาชายอกสามศอกยังต้องอายม้วนต้วน โดยเฉพาะชายกระโปรง ที่ไม่กล้าเข้ารับการเกณฑ์ทหาร แต่กล้าที่จะรับตำแหน่งนายกฯ อย่างไม่ตะขิดตะขวง แม้กระทั่งจะต้องศิโรราบ อุทิศตนเป็นข้าช่วงใช้ให้ระบอบอำมาตย์ ก็พร้อมพลีกายถวายชีวิต โดยไม่อิดออดแม้แต่น้อย

ต่างกันไกลลิบ กับสุภาพสตรีหนึ่งเดียวคนนี้ ที่หาญกล้ายืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ แม้จะโดดเดี่ยวอยู่ในท่ามกลางฝูงสุนัขจิ้งจอกตัวผู้ ที่ได้รับการหนุนหลัง อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู จากพญาราชสีห์ผู้กระหายในอำนาจ แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงคนนี้ ก็ไม่แน่ว่า ประชาไทในวันนี้ อาจไม่มีเหลือแม้แต่ชื่อ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอคนนี้ ประชาไทที่ก่อตั้งโดยคนบางคน ที่เกลียดทักษิณอย่าง ชนิดแค้นฝังหุ่น ไม่มีวันที่จะยืนหยัดอยู่ได้ ในฐานะเว็บไซต์ของคนรักประชาธิปไตย ที่เป็นหอกทิ่มตำระบอบอำมาตย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จึงกล่าวได้ว่า...

เพราะเธอคนนั้น จึงมีประชาไทในวันนี้

วโรทาห์: 8 มี.ค. 52

Thursday, March 5, 2009

พ่อโง่สอนลูก

พ่อ..คำๆนี้ช่างยิ่งใหญ่คับฟ้า สุดที่จะสรรหาคำใดมาเปรียบสำหรับใครบางคน ในขณะที่อีกหลายต่อหลายคนกลับรู้สึกเฉยๆ ไม่เข้าใจจนแล้วจนรอด ว่าทำไมต้องตื่นเต้นกันนักหนา ในเมื่อเกิดมาทุกคน ก็ต้องมีพ่อเป็นของตัวเอง ให้ต้องเคารพยำเกรงกันอยู่แล้วเป็นธรรมดา ไม่เห็นจำเป็นต้องไปป่าวประกาศ แสดงความรักจนน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องของคนอื่นซักกะนิด

พ่อ.. สำหรับคนบางคน ถือเป็นคำศักดิ์สิทธิ์เกินกว่า ที่จะไปเที่ยวเรียกใครว่าพ่อ เหตุเพราะทนไม่ได้ ที่จะให้ใครมากล่าวหา ว่าแม่เป็นคนหลายใจ แต่สำหรับใครอีกหลายคน กลับยินยอมพร้อมใจ ที่จะเรียกทุกคนว่าพ่อ ขอเพียงให้สามารถเป็นที่พึ่งได้ หรืออย่างน้อย ให้ได้หน้าก็ยังดี

พ่อ.. สำหรับใครบางคน ถือเป็นเป้าหมายสูงสุด ที่ต้องไขว่คว้าให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็นตายอย่างไร ชาตินี้ขอให้ได้เป็นพ่อ อย่างพ่อมาก มักกะสัน เป็นตัวอย่างที่เลว แม้ใครต่อใครจะพากันรังเกียจ ยิ่งกว่าหมาขี้เรื้อน ถึงขั้นผลักไสไล่ส่ง ไม่ยอมรับเป็นพ่อ ยังพยายามพล่านไปงุดๆ มุดรูนั้นออกรูนี้ จนสบโอกาสให้มันเอาจนได้ เปิดฉากตำนาน ฆ่าผัวมันเสียเอาเมียมันมา

แต่เอาเหอะ..ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อหน้าด้านขืนใจจนได้เป็นพ่อ ก็ต้องเลยตามเลย ถือเสียว่า แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่ในเมื่อด้านได้ถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ยอมกันก็ไม่รู้จะว่ายังไง อย่างที่พ่อมากมักจะสอนลูกๆเสมอว่า คนเรานั้นมันต้องมีความมุ่งมั่น ดังคำขงจื๊อที่ว่า "ด้านได้อายอด"

คำๆนี้ขงจื๊อจะพูดจริงไม่จริงไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ คือพ่อมากเองนั่นแหละ..ด้านจริงๆ

ตลอด เวลาที่ผ่านมา พ่อมากมักจะพยายามหาโอกาส พูดภาษาอังกฤษให้ลูกๆได้ยินเสมอ เพื่อยืนยันเรื่องที่พ่อชอบโม้ ว่ามีดีกรีระดับอ๊อกซ์ฝอร์ด แต่กลับมีปากหอยปากปู ไปเม้าท์กันมัน ว่าพ่อเคยเป็นช่าง "อ๊อกซ์" อยู่โรงงานประกอบรถยนต์ "ฝอร์ด"

เรื่องที่พ่อมากสอนนักสอนหนา คืออย่าโง่ ไม่ต้องดูอื่นไกล ให้ดูพ่อเป็นตัวอย่าง เรื่องที่ใครต่อใครจะมาต้มพ่อนั้นลืมไปได้โลด และเป็นธรรมเนียมอันน่าเบื่อ ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องนี้ พ่อเป็นต้องเล่าเรื่อง ล็อตเตอรี่ที่ขึ้นเงินไม่ได้ ให้ฟังกันจนหูชา เล่าซ้ำเล่าซาก เล่าจนลูกทุกคน จำได้ทุกประโยคโดยไม่ต้องท่องจำ

เรื่องของเรื่องมัน เกิดขึ้น เมื่อพ่อถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 แล้วนำไปขึ้นเงินสด เจ้ากรรมกองสลากก็บิดตะกูด จะจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คให้ได้ มันคงเห็นหน้าพ่อโง่ๆ เลยนึกว่าไม่ฉลาด แต่พ่อก็ดันรู้แกวว่า แคชเชียร์มันก็คือคนเชียร์แขก ขืนรับเช็คมันมาเป็นได้ติดสปริงเด้งดึ๋งเป็นว่าเล่น

ในเมื่อฝ่าย หนึ่งจะเอาเงินสด แต่อีกฝ่ายกลับยืนยันที่จะจ่ายเช็ค ถึงขั้นนี้มันก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ถือว่าผิดสัญญาซื้อขายกันเห็นๆ พ่อเลยยื่นคำขาดไป ถ้าไม่ยอมกันก็ต้องคืนสินค้า เอาสลากกลับไปเอาเงินคืนมา ท่ามันจะเห็นพ่อเอาจริง เลยยอมรับสลากคืนแต่โดยดี

งานนั้นพ่อฟันกำไร ไปเหนาะๆ เพราะแหกตามันไปว่าซื้อมา 200 มันก็คืนให้ 200 อะไรไม่ว่า ยังทำหน้าใหญ่แถมค่ารถกลับบ้านให้มาอีก 100 นี่ถ้ามันรู้ว่าพ่อลงทุนซื้อมาแค่ 80 คงแค้นหนัก จนแทบอยากจะฆ่าตัวตาย

เรื่อง นี้ยังถือว่าน้ำจิ้ม เมื่อเทียบกับเรื่องฉลาดๆมากมาย ที่พ่อมากเก็บมาเล่าให้ลูกฟัง หวังมัดใจให้ลืมพ่อแม้ว แต่เวรกรรมทำเขาไว้เยอะ ถึงพ่อมากจะพยายามอย่างไร ลูกๆก็ยังอดคิดถึงพ่อคนก่อนไม่ได้ อยู่กับพ่อแม้ว จะดีชั่วยังไง ก็ยังได้พกมือถือไปนั่งกินหูฉลาม

แต่หลังจากที่พ่อมาก พาพวกกุ๊ยสำเพ็งมาไล่ตื้บพ่อแม้ว จนต้องระเห็จไปอยู่ต่างเมืองแล้ว แค่ลูกๆจะหาแกลบข้าวหอมมะลิดีๆ เอามายาไส้ ก็ยังลำบาก

คนซวยๆมักจะมา พร้อมกับความซวยเสมอ ผีซ้ำกรรมซัด มาเจอวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์จนได้ กลายเป็นเสีย 2 เด้ง ตอนแรกก็เชื่อพ่อมาก ว่าไม่ใช่เรื่องซีเรียส เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ขาดแคลน ก็หันไปกินฮ็อตด็อกแทนยังพอไหว ที่ไหนได้ มารู้ภายหลังว่าพ่อมากพูดมั่ว ก็สายไปเสียแล้ว คราวนี้แม้แต่แกลบยังไม่รู้ว่าจะมีกินกันหรือเปล่า

หลังจากที่ทนเห็น ลูกๆ ต้มรองเท้าแตะซดน้ำกันโฮกๆไม่ได้ พ่อมากก็มีลูกฮึด ออกนโยบายใหม่มาเอาใจลูกๆ ในเมื่ออยากได้ระบบลูกหลานนิยมนัก ก็เอาไปเลยคนละ 20 จ่ายกันเห็นๆเป็นเช็คเงินสด เอาไปซื้อของที่ห้างไหนก็ได้ แต่เขาจะรับหรือไม่ ก็ต้องไปลุ้นกันอีกที แต่ที่แน่ๆโออิชิตกลงเพิ่มมูลค่าให้ 2 เท่าเป็น 40 เมื่อจ่ายค่าบุฟเฟท์อาหารญี่ปุ่น

ที่สำคัญ พ่อสั่งนักสั่งหนาว่า เงินนี้ห้ามเอาไปซุกหีบเป็นอันขาด ต้องควักออกมาเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกันในบ้าน ชงกันเองกินกันเองไม่ต้องไปสนใจใคร เชื่อว่าไม่ช้า วิกฤติก็จะผ่านไปเอง โดยไม่ต้องทำอะไร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกลไกตลาด เขารวยเราก็รวยด้วย เขาเจ๊งเราก็เจ๊งตาม ไม่เชื่อพ่อมากแล้วจะไปเชื่อใคร ฉายากุมารทอง ไม่ใช่ว่าใครจะได้มากันง่ายๆ

มาถึงขั้นนี้ ลูกๆถึงกับซาบซึ้งน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง ไม่นึกว่าพ่อมากที่เห็นอีเหละเขละขละมาโดยตลอด จะยังมีกึ๋นพอที่จะนำพาลูกๆฝ่าฟันวิกฤติโลก ถึงขนาดยอมลำบากไปหาเงินมาแจก ก็ยังบ่ยั่น ทำเป็นเล่นไป เงิน 20 บาท แม้จะไม่มากมายเท่าไหร่ แต่ถ้าคูณจำนวนลูกเข้าไป มันก็โขอยู่ กว่าจะกระเสือกกระสนหามาได้ พ่อคงลำบากไม่ใช่น้อย

เมื่อพ่อมากเฉลยให้รับรู้กันว่า เงินก้อนนี้พ่อไปกู้มา ลูกๆก็ถึงกับปล่อยโฮออกมาอย่างพร้อมเพรียง ด้วยความสงสารพ่อ ดูหรือพ่อคุณ ขนาดไม่มีเงิน จนต้องตากหน้าไปขอกู้เงินจากพวกซามูไรก็ยังต้องจำยอม แล้วนี่พ่อยังต้องลำบากอีกนานเท่าไหร่ กว่าจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด

"ลูกพ่อ..." พ่อมากดึงลูกๆเข้ามากอด ด้วยความเอ็นดู แม้จะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็ต้องทำไปตามบท แล้วพล่ามสอนว่า

" ขอให้ลูกๆทุกคน จงจำใส่ใจไว้เสมอว่า คนเราเกิดมา ต้องรู้จักพึ่งพาตนเองเป็นหลัก จะรอให้พ่อหาเลี้ยงไปชั่วชีวิตคงไม่ได้แน่ ที่พ่อจะทำเพื่อลูกๆได้ ก็มีเพียงเท่านี้ ข้างหน้าต่อไป ก็เป็นเรื่องของลูกๆแล้ว ที่จะต้องขวนขวายหาเงินมาใช้หนี้กันเอาเอง..."

"???????"

ทุกวันนี้ ลูกๆยังมึนตึ้บ ตัดสินใจไม่ถูกว่า ว่าจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี...

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

อย่าซี้ซั้วเรียกใครว่าพ่อ

วโรทาห์: 5 มี.ค. 52

Tuesday, March 3, 2009

ปิดฉากอย่างอลังการ สมใจท่านประธานอาเสี้ยน

ให้ตายสิ..นึกว่าแค่ได้ เป็นนายกฯแล้ว คนจะนับหน้าถือตา เหมือนกับอดีตนายกฯที่ผ่านๆมา อย่างน้าแม้ว ลุงหมัก หรือแม้แต่น้าสมชาย ที่แม้ว่าจะได้เป็นแค่ช่วงสั้นๆ ก็ยังประทับใจจ๊อด จนกล่าวขวัญกันไปทั้งบาง แต่ที่ไหนได้ พอเทพประทานให้เป็นจริงๆ ไหง..มันวิเวกวังเวงวิเหวโหว ยิ่งกว่าหมาหัวเน่าซักสิบตัวมารวมกัน ยังไม่ปาน

ทุก วันนี้ไปไหนมาไหน ไม่มีใครยกมือไหว้ยังพอทน คุ้มดีคุ้มร้ายจะถ่มน้ำลายรดหน้าเอาละไม่ว่า นี่แหละหนา บ้านเมืองในยุคกาขาว แม้แต่ชาวบ้านก็เอียงกระเท่เร่ซะไม่มี

ว่ากัน ตามจริง ก็ดันเสี้ยนจนเกินเหตุเอง แล้วจะไปโทษใครได้ อยู่ดีไม่ว่าดี เป็นเด็กเป็นเล็กดันอยากจะขึ้นเตียง เขาถึงว่าคนมันไม่เจียมตัว พอขึ้นมายืนแถวหน้า ชาวบ้านชาวช่องเลยเห็นกันหมด ว่าที่เต๊ะท่าทำเก๋ไก๋ให้เห็นเป็นประจำ นั่นมันสื่ออำมาตย์ ช่วยสร้างภาพให้ทั้งนั้น

พอก้าวออกมาให้เห็นกันจะๆ ถึงได้รู้ว่าบุคคลิกมันโหลยโท่ยขนาดไหน แสนจะประดักประเดิด ไม่เห็นมีมาดของผู้นำซักกะนิด เหมือนเอาเด็กส่งเอกสารมาใส่สูท แล้วอุปโลกน์ให้เป็นผู้จัดการ ยังไงยังงั้น

อย่างวันที่ไปเดินท่อมๆ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศที่อินโดนีเซีย ภาพมันฟ้องออกมา ทำให้รู้กันไปหมด ว่าอเมซซิ่งไทยแลนด์แห่งนี้ มีนายกฯหนีทหาร ก็พี่แกเล่นไปเดินหลังงุ้ม ไหล่ห่อ คอยาว ชนิดที่ว่า ตาเซียงเมี่ยง เดินหาเขียดอยู่กลางทุ่งนา ยังดูเท่ห์กว่ากันเยอะ

ด้วยบุคคลิกอย่างนั้น มันจึงไม่แปลกที่ฝรั่งสวีเดนจะถามใส่หน้า ว่าฮูอาร์หยู? ก็ใครจะไปรู้ ว่าหุ่นหยองกรอดอย่างนี้ บ้านไหนเมืองไหน ใครจะเอาไปเป็นนายกฯ

สุลต่าน แห่งบูไน ที่ว่าฉลาดหลักแหลมเป็นเลิศ ยังเกือบพลาดท่าปล่อยไก่ ในงานประชุมอาเซี่ยน เมื่อทำท่าจะควักเงินออกมาให้ติ๊ป ตอนที่นายกฯของไทยปราดเข้าไปขอจับมือ ไม่บอกไม่รู่นะนี่ ว่านั่นคือนายกฯ นึกว่าคนขับรถมาขอเช็คแฮนด์ซะอีก

ขนาดว่าป้ากลอเรียตัวเตี้ยมั่กกั่ก ยังดูดีมีสง่ากว่ากันเยอะ ยิ่งสวมชุดแดงแป๊ด ออกมาเขย่าอารมณ์เฒ่าริษยาสองวันติดๆ ยิ่งเข้าตากรรมการ โกยคะแนนใส่กระเป๋าแทบไม่ทัน เรียกว่าประกาศตัวเป็นประชาธิปไตยจ๋า ชนิดไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ว่านี่มันบ้านใคร ระวังให้ดีเหอะ มาร์คจะขี่ม้าสามศอกไปบอกกำนัน

งานประชุมอาเซี่ยนที่เพิ่งผ่านไปแหม็บๆ ประเทศชาติจะได้อะไรนั้น มันไม่สำคัญเท่ากับที่มาร์คได้โชว์จ้อภาษาอังกฤษ ฟุตฟิตฟอไฟ ให้เห็นกันคาตา ว่านายกฯของไทยนั้น มันอินเตอร์ซะไม่มี จะเรียกว่า เป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติก็ไม่น่าจะผิด

ปิดฉากไปแล้วอย่างม่วน ซื่นโฮแซว เห็นภาพกุ๊ยกษิตจับมือกับกุ๊ยฮุนเซ็นแล้ว ภาพมันออกมาด้านๆยังไงไม่รู้ แล้วข่าวก็ไม่ได้บอกซะด้วยว่า ฮุนเซ็นแกแก้ตัวยังไง ตอนที่มาร์คยื่นคำขาด ให้ยกปราสาทออกไป แต่ห้ามเอาที่ดินไปด้วยเป็นอันขาด ก็คำพิพากษามันระบุโต้งๆ แต่ถ้าภาษาปะกิตไม่เข้าขั้นเทพ รับรองไม่มีทางแปลออก

ควันหลงจากคิว จับมือชักรูปกันแช๊ะๆ ผู้นำแต่ละชาติที่ทะยอยกันมา เช็คแฮนด์กับนายกฯเทพประทาน ไม่เห็นกระดี๊กระด๊าเหมือนตอนจับมือกับนายกฯทักษิณซักกะนิด อะไรไม่ว่า ยังตีสีหน้าปูเลี่ยนๆ แถมยิ้มแหยๆราวกับว่า กำลังจับมือกับโจรยังไม่ปาน

ข่าว ว่าทั้งหลายทั้งปวงมันมาจากนายกฯของเราเอง ที่ดันทะลึ่งไปแหกยิ้มจนเกินงาม ใครต่อใครเลยรู้กันหมด ว่าอ้ายนี่มันฟันเกนี่หว่า มิน่าล่ะถึงได้เกเรเหมือนกับฟันของมัน แต่ที่ทำให้กลั้นหัวเราะจนแทบฉี่เล็ด ก็ตอนที่มันฉีกยิ้มไปถึงใบหู แล้วหน้าตาก็ดันไปเหมือนกับมิสเตอร์บีน อย่างกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน

อะไร ไม่ว่า งานนี้นายกฯของไทย สวมวิญญาณศิษย์อาจารย์กู้ เอ่ยปากขอกู้มันดะไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ ลาว เขมร เวียดนาม ไปจนยันพม่า ประเทศที่มั่นใจนักหนา ว่าจนพอที่จะไม่มีใครกล้าขอกู้ ขนาดนั้นยังไม่วายโดดโหยง เมื่อนายกฯไทย ปราดเข้าไปกระซิบที่ข้างหู ว่า..

ขอค่ารถ 20 ดิ..เพ่

วโรทาห์: 3 มี.ค. 52