Thursday, April 23, 2009

จากทรชน..สู่..ทรราช

เช้าตรู่วันสงกรานต์ทมิฬ ที่ 13 เมษายน 2552 พลันที่เสียงปืนนัดแรกกัมปนาทขึ้น ณ.สามเหลี่ยมดินแดง ชีวิตของหนุ่มน้อยหน้ามล ทรชนคนรุ่นใหม่ ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอยาก ก็พลิกผันสู่หนทางทรราชในบัดดล จากทรชนโจรปล้นตำแหน่งนายกฯ ที่ได้รับความเกลียดชังจากคนไทยค่อนประเทศ พริบตาผ่านไป กลับกลายเป็นทรราชมือเปื้อนเลือด ที่ได้รับการสาปแช่งทั่วทั้งแผ่นดิน

มิ พักต้องพูดถึงว่าประชาชนล้มตายไปเท่าไหร่ มิต้องใส่ใจว่าใครเป็นคนก่อเหตุ เพียงแค่ออกอาชญาบัตรให้อาชญากร ลากเอ็ม 16 ออกมากราดยิงชาวบ้านอย่างเมามัน ก็เกินพอที่จะเสริมส่งให้ ทรชนผู้พลาดหวังจากการทำสถิติ นายกฯอายุน้อยที่สุดในปรเทศไทย ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่ง ผู้ปกครองที่หนุ่มที่สุดในทะเบียนทรราช ชนิดไร้คู่แข่งโดยสิ้นเชิง

ยังไม่นับรวมสถิติทรราชคนแรกที่มาจาก พลเรือน แต่อุทิศตนเป็นขี้ข้าทหารอย่างไร้ศักดิ์ศรี พ่วงท้ายด้วยตำแหน่ง ทรราชที่มีประชาชนสาปแช่งมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งยังไม่รู้ว่าอีกนานเท่าใด สถิตินี้จึงจะถูกทำลายลง

จากเด็กหัว ดื้อที่กร่างเกินวัย ด้วยหัวใจที่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องอาฆาตมาดร้าย แม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูคล้ายผู้คล้ายคน แต่สัปดนภายในกลับแฝงไว้ด้วยความป่าเถื่อน ชั่วช้าน่าชิงชัง ชั่วจนเทียบไม่ได้กับติรัจฉาน แต่ยิ่งกว่าซาตานที่แฝงมาในร่างมนุษย์ เป็นอมนุษย์ที่โฉดพอที่จะไล่ยิงคนเหมือนยิงสัตว์ เพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด เพียงเพื่อแก้แค้นที่ทำให้เสียหน้าในเวทีโลก

จาก พฤติกรรม โกหกพกลมจนเคยชิน เอาดีเข้าตัว ป้ายชั่วให้คนอื่นเป็นอาจิณ หยิ่งยะโสโอหัง หน้าด้านหน้าทนจนเกินงาม มองผาดๆอาจจะคิดว่า แค่เด็กก้าวร้าวที่เอาแต่ใจตัวเอง แต่แท้จริงแล้วคือเด็กผีบ้า ที่สามารถฆ่าคนได้ เพื่อไอติมแท่งเดียว

นับแต่นี้เป็นต้นไป ตระกูลเวชชาชั่วชาติ จะได้ลิ้มรสวิบาก ว่ากรรมชั่วเมื่อส่งผลนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน เมื่อต้องใช้ชิวิตอย่างหวาดระแวง อยู่ท่ามกลางศัตรูที่รายล้อมรอบตัว โดยไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่อต้องแขวนชีวิตไว้กับพรก.ฉุกเฉิน โดยต้องคอยต่อชีวิตอยู่เป็นระยะ เมื่อต้องฝากชีวิตไว้ ภายใต้ท็อปบู๊ทของทหารเลว โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่องครักษ์ จะลงมือเด็ดหัวซะเอง

ไม่มีใครคาดหวังให้ทรชนสำนึกผิด ไม่มีใครคิดให้ทรราชออกปากขอโทษ เพียงแค่อยากเห็นธรรมชาติลงทัณฑ์คนชั่วช้าให้สาสม อย่าให้มือของประชาชนอันบริสุทธิ์ ต้องแปดเปื้อนราคี จากเลือดชั่วของคนสารเลว

ไม่ต้องพูดถึงความปรองดอง เพราะนาทีทองได้ผ่านไปแล้ว จะมีประโยชน์อันใด ในขณะที่ปากเห่าหอนถึงหนทางสมานฉันท์ แต่มืออันโสมมยังเหนี่ยวไกปืนใส่กันไม่มียั้ง กระสุนจากเอ็ม 16 มันได้ปิดทางสมานฉันท์ไปแล้วโดยสิ้นเชิง

นับแต่นี้ต่อไป มีแต่ตายกันไปข้างจึงจะสงบลงได้

ไม่มีอีกแล้ว ความรักความบูชา ที่มีให้แก่หัวหงอกหัวดำทั้งหลาย ไม่เชื่ออีกแล้ว คนที่ประชาชนเคยมอบกายถวายชีวิตให้ เพราะหลงลมปากว่าเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือ กว่าจะรู้ว่า เบื้องหลังสับปลับอย่างไม่น่าเชื่อ ก็สายเกินไป

ในเมื่อผู้ใหญ่ไม่เป็นผู้ใหญ่ ถึงตายก็อย่าหวังว่าจะเผาผีกัน

ถ้าคิด ว่าสีแดงจะกลายพันธุ์ เพียงเพราะถูกกระหน่ำตีด้วยสื่อสุนัขรับใช้ในอาณัติ ผสานกับการกวาดล้างด้วยอำนาจรัฐอย่างเข้มข้น ก็ขอบอกได้เลยว่าคิดผิดถนัด ตรงกันข้ามสีแดงจะกลับแดงเข้มจนเป็นสีเลือด

เลือดแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ที่รอวันสะสาง แม้สิบปียังไม่สายเกินไป

อย่า คิดว่า เมื่อเด็ดหัวทิ้งแล้ว สีแดงจะแตกสลายรวมกันไม่ติด เพราะสีแดงนั้นแดงด้วยอุดมการณ์ร่วมกัน แม้ไร้แกนนำก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่ประการใด แต่จะแตกกระจายเป็นกลุ่มย่อยมากมายมหาศาล ภายใต้ยุทธาสตร์ แยกกันเดินแต่รวมกันตี และที่สำคัญ จะไม่มีแกนนำที่สั่งการได้อีก ไม่มีหัวไว้ให้เด็ด ไม่มีแกนนำไว้ให้ประนีประนอม

แล้วจะรู้ว่า สีแดงที่ไร้หัวนั้น มันน่ากลัวแค่ไหน

ฆ่า คนนั้นไม่ยาก แต่จะฆ่าวิญญาณนั้นอย่าหวัง ร่างกายอยู่ได้ไม่นานก็แตกสลาย แต่อุดมการณ์จะเป็นนิรันดร์ วิญญาณประชาธิปไตยจะเป็นอมตะ สีแดงจะไม่มีวันตาย

ตราบที่ตะวันยังฉายแสง ตราบนั้นสีแดงจะคงฉายฉาน...

วโรทาห์: 23 เม.ย.52

Sunday, April 19, 2009

รอบนี้ล้มแป๊ะ..รอบหน้าจะล้มใคร

นรกสะท้าน อเวจีสะเทือน เช้ามืดวันที่ 17 เมษายน จากเหตุระทึกขวัญเขย่านรก ที่ทำเอายมทูติทั้งหลาย ถึงกับแตกตื่นโกลาหล เมื่อคนมีสีดันรับจ๊อบมาล้มแป๊ะ ควบกะบะไล่ซิ่งยิงถล่มรถตู้โตโยต้า ที่มีแป๊ะนั่งสีสาวมาในเบาะหลัง

ทำ เอาพญามัจจุราชต้องออกแรงยื้อกันสุดฤทธิ์ เจียนอยู่เจียนไปกันรอมร่อ เพราะถ้าขืนปล่อยแป๊ะให้ลงนรกเวลานี้ อเวจีมีหวังแตกเป็นเสี่ยงๆ

จึง เป็นที่มา ของเหตุที่เป็นไป ทำให้มือปืนออกอาการตาถั่ว นึกว่าแป๊ะขับรถตู้ด้วยตัวเอง เลยซัลโวเข้าที่นั่งคนขับจนพรุนแล้วพรุนอีก เดชะบาป ที่แป๊ะสั่งสมเอาไว้เต็มเพียบ จึงทำให้พลาดนรกไป อย่างไม่น่าเชื่อ

หลัง เหตุการณ์ผ่านไปสดๆร้อนๆ ผู้เชี่ยวชาญในทางรับจ๊อบยิงคน ก็เริ่มออกมาฟันธง ว่างานนี้ผู้ที่ลงมือคงไม่ได้มุ่งร้ายหมายชีวิตแป๊ะ แต่หวังสูงมากกว่านั้นเยอะ ดูได้จากแนวกระสุนที่ยิงกดลงต่ำ ราวกับจะตัดพวงสวรรค์เอาไปทำโจ๊ก แทนที่จะยิงเสยเด็ดหัวหมูเอาไปแก้บน

จาก ข้อสันนิษฐานนี้ ถ้าเสร็จสมอารมณ์หมายอย่างที่คาดไว้ ป่านนี้แป๊ะยอมตายยังดีกว่าอยู่ ถ้าต้องทนทู่ซี้อยู่ในสภาพที่ นั่งมองหอยที่อยากกินใจจะขาด แต่อนิจจา..ไม่มีมือเอาไว้แงะเปลือกหอย

สรุป ผลเช็คบิลออกมาเสร็จสรรพ งานนี้คนขับบาดเจ็บเล็กน้อย นอนชักพะงาบๆอยู่ในห้องไอซียู ส่วนแป๊ะนั้นหัวโน อาการเป็นตายเท่ากัน เพียงแค่ผ่ากะโหลกเอาขี้ออกก็หายขาด โดยที่ยังรักษาพวงสวรรค์เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

ส่วนที่คาดหมายกัน ว่า ในห้วงเวลาวิกฤติอย่างนั้น คนกล้าบ้าบิ่นอย่างแป๊ะ จะยืดอกขึ้นท้าทายมัจจุราชอย่างทระนง ประมาณว่า ยอมตายอย่างราชสีห์ ยังดีกว่าก้มหัวอย่างหมา คงต้องคิดใหม่ทำใหม่ อีกหลายรอบ

เพราะดูจาก บาดแผลที่โดนเข้าที่หัวแตงโมจังๆ สวนทางกับวิถิกระสุนที่ยิงกดลงหาพวงสวรรค์ ทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากแป๊ะออกอาการลนลาน มุดหัวหลบกระสุน จนต่ำกว่าระดับพวงสวรรค์ของคนขับรถ

แถมยังอาจจะสงสัยต่อไปได้ด้วยซ้ำ ว่ารอยเลือดเละเทะที่หน้าอกนั้น อาจจะเป็นเลือดคู่ขา ที่แป๊ะจับมาเป็นโล่ห์กันกระสุนให้ตัวเอง ก็เป็นได้

แต่ไม่ว่าจะรอด ตายมาด้วยวิธีไหนก็ตาม เมื่อยังรักษาชีวิตชั่วๆไว้ได้ ก็ถือว่าโอเคทั้งนั้น เพียงแต่ว่า ระหว่างนอนพักรักษาตัว คงต้องระวังเงาหัวเอาไว้ซักหน่อย เผื่อว่างานนี้อาจจะมีก๊อกสอง เอ็ม 16 ดีลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน ให้ได้เสียวได้ฮาอีกชุดใหญ่

ขนาดยิงกันเป็น ข้าวตอกแตก ยังอุตส่าห์มีคนมองโลกในแง่ดี ว่างานนี้อาจเป็นการเข้าใจผิด ไม่ใช่การมุ่งร้ายหมายสังหารแป๊ะแต่ประการใด ไม่งั้นทำไมจะพยายามหยุดรถซะจัง แทนที่จะประกบยิงซะให้ตายคาที่ ทั้งรถวิ่งๆนั่นแหละ

คำตอบก็คือว่า มือปืนอาจจะแค่ต้องการหยุดรถ เพื่อลงไปทวงค่าแชร์ หรือไม่แน่ อาจจะแค่ขอต่อบุหรี่ก็เป็นได้ เพียงแต่ว่า บอดี้การ์ดของแป๊ะอาจจะไม่เข้าใจ จึงเกิดรายการยิงสวนขึ้นมา เรื่องราวมันถึงได้เลยเถิดไปกันใหญ่ นี่ถ้าให้โฆษกไก่อูออกมาชี้แจงซะหน่อย รับรองว่า จะทำความเข้าใจกันได้ โดยไม่ยากเย็น

แต่ไม่ว่าจะด้วย เหตุผลกลใดก็ตาม หลังจากรอดตายในครั้งนี้ แป๊ะคงได้พล็อตเรื่องมหัศจรรย์พันลึก แนวอิทธิปาฏิหาริย์ มายั่วน้ำลายสาวกได้ อีกเพียบแปล้ ในขณะเดียวกัน คงได้เวลาแป๊ะต้องลงมือขับรถเองอย่างจริงๆจังๆซะที เพราะว่าต่อไปนี้ จะหาคนขับรถใหม่คงไม่ง่ายแล้ว ใครจะอยากอยู่ใกล้คนซวย ให้มันเสียวสะดือเล่นโดยใช่เหตุ จับพลัดจับผลู คนมีสีเกิดอยากบุหรี่ขึ้นมาอีก เป็นได้ซวยกันไม่เลิก

มูลเหตุจูงใจ ให้เกิดปฏิบัติการเด็ดหัวแป๊ะในครั้งนี้ บ้างก็ว่าน่าจะเป็นเรื่องชู้สาว บ้างก็ว่าขัดกันเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่บางคนคิดไกลไปถึงขนาดว่า พอเสื้อแดงแตกทัพ นายใหญ่ฝ่ายเสื้อเหลืองก็ถือว่าเสร็จนา เป็นอันว่าอ้ายถึกอีทุย เตรียมพาเหรดกันเข้าโรงเชือด โดยไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น

ส่วนคนเสื้อแดง ซึ่งถือว่าอยู่แถวหน้า ในหมู่คนที่อยากให้แป๊ะตาย ก็แถลงออกมาแล้วว่า เรื่องอะไรจะไปฆ่ามันให้โง่ ในเมื่อแป๊ะนี่แหละที่รู้อะไรดีๆเยอะ สู้เก็บเอาไว้แฉ ยังจะเวิร์คกว่าเป็นไหนๆ

สรุปแล้ว คนที่ปวดหัวที่สุดในเวลานี้ กลายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ดันมาเจอคดีเขย่าขวัญสั่นประสาท ที่จับมือใครดมได้ยากเป็นประวัติการณ์ เพราะว่าผู้ต้องสงสัย ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการตายของแป๊ะนั้น นับเฉพาะเวลานี้ ก็ปาเข้าไปถึง 63 ล้านคนแล้ว ไหนจะที่กำลังมาเกิดใหม่ตามโรงพยาบาลอีกไม่รู้เท่าไหร่

ในขณะที่มีคน กลุ่มหนึ่งเศร้าใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังอุตส่าห์มีอีกหลายกลุ่มที่แอบสะใจอยู่เงียบๆ บังเอิญไม่รู้ว่าโชคดีหรือว่าโชคร้ายกันแน่ ที่ฝ่ายหลังดันมีมากกว่ากันอย่างเทียบไม่ติด แค่นี้ก็น่าจะคิดกันได้แล้วว่า อันว่าตัวแป๊ะนั้น เป็นที่รักใคร่ถึงไขนหนาด

เป็น ธรรมเนียมปฏิบัติไปซะแล้ว สำหรับบรรดาผีตองเหลือง ที่ไม่ว่าสากกะเบือยันเรือรบ เป็นต้องป้ายขี้ไปที่ทักษิณ ทำให้ผู้จ้างวานที่เป็นเจ้าภาพในงานนี้ จับจุดได้เลยกะวางยา ให้แดงเหลืองออกมาตีกัน จะได้ปฏิวัติซะให้มันสิ้นซาก แต่บังเอิญว่ามุขแป้ก เลยต้องกลับไปคิดใหม่ทำใหม่ แล้วค่อยนัดมาเจอกันอีกที

ทำไปทำมา คนที่เสียรังวัด จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ กลายเป็นชายหน้าเพศเมีย ที่เสี้ยนอยากเป็นนายกฯ จนนำพาประเทศชาติเข้าสู่วังวนของความขัดแย้ง ชนิดหาทางออกไม่เจอจนป่านนี้ จากแก้วที่อาบังทำร้าวจนหมอไม่รับเย็บ มันมากระทืบซะแหลกละเอียดเป็นผุยผง

หรือ ว่านี่จะเป็นแค่ปฐมบทของมหากาพย์การต่อสู้ทางชนชั้น ที่ต้องผ่านการนองเลือดครั้งใหญ่ ก่อนที่จะได้ประชาธิปไตยมาเชยชม เพราะดูจากรูปการณ์แล้ว เป็นไปได้มากว่า เลือกตั้งครั้งหน้า คงต้องสวมเสื้อเกราะกันกระสุน หรือขับรถถังไปหาเสียงกันซะแล้ว อะไรไม่อะไร แม้แต่เวลานี้ ยังมีเรื่องให้ทายกันเล่นๆว่า...

รอบนี้ล้มแป๊ะ..รอบหน้าจะล้มใคร

วโรทาห์: 19 เม.ย.52

Thursday, April 16, 2009

มาถึงขั้นนี้แล้ว การสงบนิ่ง คือสุดยอดกลยุทธ

คำโบราณกล่าวไว้ว่า ศัตรูตายร้อยยังน้อยไป พี่น้องเราตายหนึ่งก็มากเกิน แต่นี่บาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ด้วยอาวุธสงครามในมือของสมุนทรราช ภายใต้เผด็จการทหาร ที่แฝงมาในคราบรัฐบาลพลเรือน เป็นใครจะไม่เจ็บแค้น จนอยากจับเจ้าคนหน้าเนื้อใจเสือ เอามาแล่เนื้อแล้วสับให้เป็นชิ้นๆ

แต่ ในเมื่อการศึกยังต้องดำเนินต่อไป ความเจ็บแค้นในใจ จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนให้ถึงที่สุด ไม่ว่ายังไง ต้องรักษาชีวิตไว้ในวันนี้ เพื่อลุกขึ้นสู้ต่อไปในวันหน้า อย่าให้ความตายของพี่น้องเรา ต้องกลายเป็นความสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง

เมื่อการศึกเพลี่ยงพล้ำก็ต้อง ยอมรับว่าเพลี่ยงพล้ำ ไม่ดึงดันที่จะรุกรบต่อไป ในสภาพที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ จริงอยู่ว่า เมื่อยามรุก เรารบอย่างห้าวหาญ แต่เมื่อถึงยามล่าถอย ก็ต้องไม่ลังเล ที่จะเร้นกายหายลับโดยไร้ร่องรอย เหตุเพราะกลยุทธที่ดีที่สุดในยามนี้คือความนิ่ง

ต้องนิ่งอย่างไม่น่า เชื่อ นิ่งจนน่าแปลกใจ ประหนึ่งไร้ตัวตนอยู่ในโลกนี้ นิ่งจนศัตรูไม่อาจคาดเดา เพื่อออกแบบยุทธการโจมตีซ้ำเติมที่เหมาะสมได้ ดังนั้น แม้บาดเจ็บเจียนตายยังต้องกลืนเลือดไว้ เพื่อไม่ให้ศัตรูประเมินได้ว่าเราบอบช้ำเพียงใด ต้องอดทนต่อการยั่วยุในทุกรูปแบบ ไม่ประนามไม่ตอบโต้ ยิ่งไม่สมควรร้องขอความสงสารเห็นใจจากศัตรูโดยเด็ดขาด

การแสดงออก ซึ่งความคั่งแค้น ไม่ได้สร้างความครั่นคร้ามให้แก่ศัตรู ตรงกันข้าม กลับเพิ่มความฮึกเหิมให้แก่พวกมัน การกล่าวโทษกันเอง นอกจากเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้แล้ว ยังกลับทำลายความเป็นปึกแผ่นของฝ่ายตนโดยใช่เหตุ

หากทำใจไม่ได้ ให้ถอนตัวออกจากสภาวะยุ่งเหยิงนี้ไปชั่วคราว หยุดรับข่าวสารใดๆโดยสิ้นเชิง แล้วเบี่ยงเบนความสนใจไปหากิจกรรมอื่น เพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อแน่ใจว่าสงบนิ่งเพียงพอแล้ว จึงหันกลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านไป หากทำใจให้เป็นสมาธิพอ คำตอบจะพรั่งพรูออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไม่ต้องกังวลใจกับการโฆษณาชวน เชื่ออย่างหนักหน่วงของสมุนอำมาตย์ เพราะผลของมัน ไม่ได้ยั่งยืนอย่างที่คิด ใจคนเปลี่ยนง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ วันนี้เชื่อฝ่ายนั้น แต่วันหน้าก็สามารถหันกลับมาเชื่อฝ่ายนี้ได้ เมื่อความจริงปรากฎ

"ความจริง" ไม่ต้องการคำอธิบาย เมื่ออำมาตย์พยายามเปลี่ยนความเท็จให้เป็นความจริง ด้วยการโหมประโคมคำอธิบายอย่างหนัก กลับก่อให้เกิดคำถามตามมาไม่รู้จักจบสิ้น เพราะไม่ว่าจะปิดบังยังไง ธรรมชาติก็จะคอยเปิดโปงความจริงอยู่เสมอ จึงอาจกล่าวได้ว่า ข้าศึกตัวฉกาจที่อำมาตย์กำลังเผชิญอยู่อย่างสิ้นหวัง ก็คือธรรมะ หรือธรรมชาติที่กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงธรรมนั่นเอง

ยิ่ง ฝุ่นควันจางลงเท่าไหร่ ความจริงก็ยิ่งปรากฎแจ่มชัดขึ้นเท่านั้น การโหมสื่อประชาสัมพันธ์อย่างหนัก จึงมีค่าเพียงยาแก้ปวด ที่ไปกดทับประสาทการรับรู้ของประชาชนไว้ชั่วขณะ แต่ไม่นาน ฤทธิ์ยาจะหมดไป และเมื่อนั้นประชาชนจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่ซึ่งความจริงอันแสนเจ็บปวดจะปรากฎขึ้น และจะดำรงอยู่ตลอดกาล

การ ตอบโต้ในเวลานี้ รังแต่จะสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน โดยไม่จำเป็น จึงควรปล่อยให้พวกมันโกหกซะให้พอ แต่คอยให้ข้อมูลเท่าที่จะให้ได้ แล้วปล่อยให้ความจริงอธิบายตัวมันเอง เมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบโต้ จะกลายเป็นการยัดเยียดข่าวสารด้านเดียว วิญญูชนจะรู้สึกอึดอัด และพยายามแสวงหาความจริงอีกด้าน เพื่อประกอบการพิจารณา

เมื่อนั้น จึงเป็นโอกาสที่จะแถลงความจริงอีกด้านให้ปรากฎ แล้วประชาชนจะเชื่อโดยสนิทใจ และไม่ให้คนโป้ปดได้มีโอกาสแก้ตัวอีกเลย

ประชาธิปไตย ไม่เคยได้จากการร้องขอ มีแต่ต้องต่อสู้จึงจะได้มา ขอเพียงมีจิตใจที่มุ่งมั่น หนทางยังเปิดกว้างเสมอ ก้าวพลาดในครั้งนี้ เพียงแค่ทำให้การต่อสู้สะดุดไปชั่วขณะ แต่ไม่ได้ตัดโอกาสที่จะกลับมาสู้ต่อ เหตุเพราะรากหญ้าไม่มีวันตาย ต่อให้ถูกเผาผลาญด้วยกองเพลิง หรือแม้แต่ขุดรากถอนโคนจนสิ้นซาก แต่รากหญ้าก็ยังคงอยู่

รอเพียงสายฝนห่าแรกของฤดูกาล ก็จะแตกหน่อผลิใบ จนเขียวพรึ่บพร้อมกัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ

ความ พ่ายแพ้เป็นก้าวแรกของชัยชนะ บทเรียนครั้งนี้จะสอนให้เราแกร่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า การต่อสู้กับอำมาตย์นั้นไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ต้องรบทั้งบนดินใต้ดินประสานเป็นหนึ่ง กติกาการรบบนดินเป็นของอำมาตย์ ถ้าเข้าห้ำหั่นประจัญบาน โอกาสชนะจึงแทบจะเหลือศูนย์ แต่ใต้ดินนั้นต่างออกไป เพราะอยู่บนกติกาเดียวกันคือ..ไม่มีกติกา

ประชาชน ไม่มีทางพ่ายแพ้ เมื่อล้มแล้วจะลุกขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง จนกว่าจะได้รับชัยชนะในบั้นปลาย ผิดกับอำมาตย์ ที่มีโอกาสเพียงครั้งเดียว เมื่อล้มแล้วจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย ดังนั้นการตีโต้ของอำมาตย์จึงหนักหน่วง รุนแรง ไร้ความปราณี เหมือนสุนัขจนตรอก ที่ทางเลือกถูกบีบแคบ จนเหลือเพียงแค่ 2 ทางคือ สู้..หรือ..ตาย

เมื่อรากหญ้ารู้แล้วว่าสู้กับใคร จึงสามารถออกแบบยุทธวิธีที่เหมาะสมได้ ต้องแทนที่องค์กรใหญ่มหึมาที่เต็มไปด้วยหนอนบ่อนไส้ ด้วยองค์กรเล็กๆที่สามารถควบคุมได้จำนวนมากมายมหาศาล เกาะเกี่ยวประสานกันเป็นเครือข่ายที่ไร้หัวไร้หาง แล้วขยายเครือข่ายไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น จนสุกงอมเต็มที่ จึงลุกฮือขึ้นพร้อมกัน เมื่อถึงเวลานั้น...

อำมาตย์จะไม่มีโอกาสได้แก้มืออีกเลย

วโรทาห์: 16 เม.ย.52

Sunday, April 5, 2009

!!! ล้มสถาบัน !!!

รับสารภาพออกมาแล้วอีกหนึ่ง สำหรับองคมนตรีเสื้อเหลือง ที่ยังวับๆแวมๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือบางทีอาจจะยังไม่มีโอกาสแสดงตัว ก็เป็นได้ เพียงแต่ว่ารายล่าสุดนี้ ออกจะโฉ่งฉ่างไปไม่หน่อย ที่อยู่ดีๆก็ผีเข้า ใส่เอาใส่เอาไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆที่บนเวทีเสื้อแดงเขาอุตส่าห์ยกย่องอยู่แหม็บๆ ว่าเป็นองคมนตรี ที่วางตัวดีเป็นที่หนึ่ง

แต่ที่ไหนได้ สติแตกเป็นที่หนึ่งละไม่ว่า ฟาดงวงฟาดงาออกงิ้วเป็นการใหญ่ ย้อนยุคไปไกล ถึงขนาดงัดเอาเรื่องทำบุญวัดพระแก้วขึ้นมาปัดฝุ่น ใส่ร้ายป้ายสีทักษิณว่าหมิ่นสถาบันฯ ชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ถึงกับมึนงงเป็นไก่ตาแตก ถามไถ่กันให้แซ่ด ว่านี่ใครไปเหยียบหางมัน

เข้า ทางสื่อเสี้ยมไปเต็มๆ ลูกเสิร์ฟงามๆอย่างนี้มีหรือจะยอมพลาด วันรุ่งขึ้นเราจึงได้เห็น นสพ.พร้อมใจกันพาดหัวตัวเป้ง ล้มสถาบัน..ล้มสถาบัน..ล้มสถาบัน..และ..ล้มสถาบัน สนุกสนานบานฉ่ำราวกับนัดกันเอาไว้ หรือไม่ก็มีใครคอยตีธง

ในขณะที่ นสพ.เละ ตุ้ม เป๊ะ ของเจ้าหัวล้าน มันจั่วหัวว่า "องคมนตรีซัดแม้ว..ล้มสถาบัน" เดลิเน่าส์ก็เด้งรับเข้าจังหวะโจ๊ะพรึมๆว่า "พิจิตรแฉแผนทักษิณ..ล้มสถาบัน" เสี้ยมกันเข้าไป ไม่ต้องมีแล้วจรรยาบรรณ ยิ่งพอพลิกหน้าใน เพื่อหาว่ามันล้มสถาบันตรงไหน หาแทบตาย มาเจออยู่นิดเดียวว่า...

"ต่อคำถามที่ว่า ทักษิณสู้ครั้งนี้ ถือว่าจ้องล้มสถาบันหรือไม่ พล.อ.พิจิตรตอบว่า แน่นอน..." จบข่าว..ตกลงว่านี่มันองคมนตรีซัดแม้ว หรือว่าสื่อซัดแม้วกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือชงกันเองเสี้ยมกันเอง มันอย่าบอกใคร

ขนาดว่าหน้า สิ่วหน้าขวาน ยังกล้าแลกกล้าชนกันถึงขนาดนี้ ต้องถือว่าชั่วได้มาตรฐาน คงเส้นคงวาซะไม่มี นี่ถ้าย้อนยุคไปถึงปี 2519 พาดหัวอย่างนี้ มีหวังงานเข้ากันเป็นแถว ทักษิณคงถูกจับแขวนคอใต้ต้นมะขามสนามหลวง แล้วฟาดศพจนเละเทะ เป็นนักศึกษา 6 ตุลาไปแล้ว

แต่ขอโทษที นี่มันปี 2552 ประชาชนผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รับบทเรียนจากคนมันชั่วจนถึงกึ๋นกันแล้ว ต่อให้ลงทุนใส่ไฟกันขนาดไหน ก็ไม่ได้ระคายผิวแม้แต่น้อย แขกไปไทยมา เห็นนสพ.วางหรา ยังรู้สึกเฉยๆ ทั้งๆที่พาดหัวมีงานซะขนาดนั้น อุ..แม่จ้าว นี่คนไทยเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว

ไม่รู้ว่า ชาวบ้านไม่เชื่อฟังหนังสือพิมพ์อีกต่อไป หรือว่าสูญเสียจิตสำนึกปกป้องสถาบันกันไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างแรกก็ถือว่าเป็นข่าวดี แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็ไม่รู้ว่า อ้ายอีหน้าไหนจะแอ่นอกออกมารับผิดชอบ

องคมนตรีแสดงตัวให้เห็นกันจะๆอย่างนี้ มันก็ดีไปอย่าง จะได้ปิดประตูตีแมวกันไปเลย ไม่ต้องมาจีบปากจีบคอ เถียงหัวชนฝาว่าไม่เกี่ยว ในเมื่อองคมนตรีอยู่ดีๆมารับหน้าเสื่อเป็นตุลาการซะเองอย่างนี้ จะได้รู้เช่นเห็นชาติกันไป ประชาชนจะได้ตัดสินใจถูก ว่าจะเก็บใครไว้ จะเอาใครลงโลง

ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ แต่ถ้ายอมรับว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่ว่า อย่ามาอ้างสถาบันเป็นอันขาด อย่ามาผูกขาดปกป้องสถาบัน แล้วแอบเนียนลากเอาสถาบันมาปกป้องตัวเอง คนที่จะรักษาสถาบันคือประชาชน..ไม่ใช่อำมาตย์ ตรงกันช้าม คนที่จะทำลายสถาบันก็คืออำมาตย์..ไม่ใช่ประชาชน

ถ้าการทำร้ายคนอย่างเลือดเย็นที่สุด คือไม่ติเตียนเมื่อทำผิด การกล่าวสรรเสริญเมื่อทำชั่ว กลับทำร้ายคนยิ่งกว่า เป็นเพราะบรรดาลูกๆทั้งหลาย ที่ทำร้ายป๋าอย่างเลือดเย็น จึงทำให้มีวันนี้ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีใครกล้าตำหนิป๋าเมื่อป๋าทำผิด ตรงกันข้าม กลับเชียร์กันตะบันราด ไม่ว่าป๋าจะก่อกรรมทำเลว ชั่วชาติยังไงก็แล้วแต่

8 เมษายน ปวงชนประกาศิต แผ่นดินนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับอำมาตย์อีกต่อไป ไม่มีใครรู้ ว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าประชาชนไม่ชนะ จะไม่มีวันเลิกรา การต่อสู้จะดำเนินต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด ประชาชนเจ็บมามากพอแล้ว และไม่สามารถเจ็บได้อีก...

ประชาชนต่อสู้มามากแล้ว และยังต่อสู้ได้อีก

วโรทาห์: 5 เม.ย. 52

Friday, April 3, 2009

พอเสื้อแดงจุดติด ผู้มีบารมีก็ตั้งท่าจะมาไกล่เกลี่ย

เป็นอันว่ายืน ยันฟันธง สีแดงจุดติดแล้วเป็นที่แน่นอน ก็ถึงขนาดว่า แค่เป่านกหวีดปรี๊ดเดียว พลันสีแดงก็แดงพรึ่บพรั่บไปทั่วทั้งแผ่นดิน อย่างนี้ถ้าไม่เรียกว่าจุดติด ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่แป๊ะใฝ่ฝันมานาน แต่ไม่เคยทำได้ซักที ไม่งั้นป่านนี้ประเทศไทยของเรา ถูกมันยึดเรียบร้อยโรงเรียนแป๊ะไปแล้ว

สำหรับ ชาวเสื้อแดงแล้ว ปรากฏการณ์นี้อาจจะไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะต่างรู้อยู่แก่ใจ ว่าสีแดงมันแดงหลบในทั่วทั้งประเทศมานานแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้แสดงพลังให้เห็นกันคาตา เหมือนที่มาโชว์พาวกันในวันนี้

แต่แน่นอนว่า สำหรับสมุนอำมาตย์แล้ว เรื่องอย่างนี้ต้องถือว่าบิ๊กเซอร์ไพรส์ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ดันหลอกตัวเองอยู่ได้ ว่าสีแดงเป็นสีสั่งได้ใช้คล่อง สามวันดีสี่วันไข้ กระจอกงอกง่อย ไม่ทนแดดทนฝน ที่ไหนได้ พอมาเจอตัวจริงเสียงจริงเข้า ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก ว่ามันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงกัน เลยพาลตะแบงไปว่า เพราะทักษิณออกหน้ามาส่งน้ำเลี้ยง เลยทำให้สีแดงซู่ซ่าขึ้นมาทันตาเห็น

ก็ ไม่ว่ากัน ถ้าการหลอกตัวเองแล้ว จะทำให้สบายใจขึ้นได้บ้าง แต่ถึงยังไงก็น่าจะหาโอกาส แหกตามาดูชาวโลกเขาบ้าง เผื่อว่าหูตาจะได้สว่างโร่ อย่างที่มนุษย์มนาเขาเป็นกัน

ไม่ว่าจะ ด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ เรื่องที่สีแดงจุดติดแล้วนั้น มันจริงแท้แน่นอน ใช่ว่าจะมาทะลุ่มทะลุย หลับหูหลับตาเชียร์กันตะบันราดซะเมื่อไหร่ แต่ยืนยันได้จากสื่อชั่ว สมุนอำมาตย์ ที่ออกมาดิ้นพล่าน อย่างกับสุนัขโดนน้ำร้อนลวก รวมทั้งสินค้าพะยี่ห้อสมานฉันท์เจ้าเดิม ที่มักออกมาทุ่มตลาด ทุกครั้งที่ฝ่ายอำมาตย์เพลี่ยงพล้ำ ก็ได้ทะลักล้นออกมากันเป็นแถว จนไล่ช็อปกันไม่หวาดไม่ไหว ก็แล้วกัน

แถม ครั้งนี้ยังพิเศษสุด ทั้งโปรโมชั่น ลดแลกแจกแถม ถึงขนาดขอเจรจาต้าอ้วยกับทักษิณก็ยังเอา ดูแต่ปู่ชัยจอมเขี้ยว ผู้หยั่งรู้ทิศทางลมเป็นอย่างดี ยังภูมิใจนำเสนอสินค้าใหม่ พะยี่ห้อผู้มีบุญบารมี ที่จองคิวบุกตลาด ออกมาเกี้ยเซี้ยหลังสงกรานต์เป็นต้นไป

ก็ไม่รู้ว่าผู้มีบารมีของคุณ ปู่ จะหมายถึงลูกห้อยหรือเปล่า แต่ถึงยังไงก็ขอขอบใจ และฝากบอกให้กรุณาอยู่เฉยๆ จะเป็นพระคุณอย่างสูง ในเมื่อตอนที่สีเหลืองออกมาเย้วๆ ยึดโน่นยึดนี่ยังทำเฉยอยู่ได้ ถ้าจะเฉยต่ออีกซักหน่อยจะเป็นไรไป ขืนยังทำทะเล่อทะล่า ออกมารับบทเป็นท้าวมาลีวราชในตอนนี้ บอกได้เลยว่ายังไงก็ไม่มีได้ มีแต่เสียกับเสีย

หน็อยแน่..เหล็กกำลังแดงได้ที่ เขาต้องตีตอนร้อนๆ ถึงจะได้ดาบงาม ดันทำเป็นใจดี จะมาปัดเป่าให้เย็นลงซะได้ นี่ถ้าไม่ทะนงตนว่าฉลาดลึกล้ำ คงเห็นว่าคนอื่นรับประทานหญ้าเป็นอาหารหลักละกระมัง

จุดหักเหที่ทำ ให้อำมาตย์ต้องดิ้นพล่าน จะเป็นจะตายกันให้ได้ ก็มาจากจอมยุทธพเนจร ผู้สำเร็จเคล็ดวิชา "โฟนอินปลิดวิญญาณ" มาจากแดนไกล ที่ว่ากันว่า แค่ส่งผ่านพลังเสียงไร้สาย ก็ทรงอานุภาพเหลือรับอยู่แล้ว แต่น้าแม้วยังคิดใหม่ทำใหม่ ถ่ายทอดผ่านวิดิโอลิงค์ ข้ามน้ำข้ามทะเล ดีลิเวอรี่ส่งตรงถึงบ้าน ลากไส้ออกมาได้หมดจด ไม่ว่าจะมุดหัวกบดานอยู่ในซอกรูไหนก็ตาม

โดนเข้าไปเต็มๆ เล่นเอาป๋าชักจะออกอาการ เหมือนเจอไม้หน้าสาม กระทุ้งเข้าจังๆ สี่ทีซ้อนๆ มองเห็นดาวพราวพรายระยิบระยับ เหมือนคลอเคลียคู่ขา ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้ายังไงยังงั้น ซึ้งใจเลยว่า เก็บสบู่สะเทือนถึงดวงดาว มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ตั้งแต่นั้นมารู้สึกว่า ป๋าจะเปลี๊ยนไป๋ จากมาดนุ่มนิ่ม ถือเนื้อถือตัว หวงดอกพิกุลยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ กลับกลายเป็นมวยโฉ่งฉ่าง เดินหน้าฆ่ามัน ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวอายอีกต่อไป ว่ากันถึงขนาด ฮ็อตไลน์สายตรงออกสื่อฉอดๆๆๆ ไม่นึกเสียดายดอกพิกุล ที่ร่วงกราวๆราวกับใบไม้ร่วง

ป๋าเจ็บแค่ไหน ลูกป๋ายิ่งเจ็บกว่า ผิดกันแต่ว่า ไม่รู้เที่ยวนี้ลูกป๋ามันหายหัวไปไหนกันหมด ถึงต้องรบกวนกระจิบกระจอก ให้เที่ยวอ้างสถาบันโน่นสถาบันนี่ มาให้กำลังใจป๋ากันหยุมหยิม กับที่ลืมไม่ได้เป็นอันขาด คือบรรดาเด็กนักเรียนอนุบาลจากสงขลาบ้านเกิด ที่ผูกปีเจ็บร้อนแทนป๋ามาโดยตลอด แถมเที่ยวนี้ยังมาในมาดเข้ม ขู่ฟ่อๆว่าจะขนกันขึ้นมา สลายม็อบเสื้อแดงที่กรุงเทพฯให้ราบคาบ เล่นเอาขวัญหนีดีฝ่อ เตรียมตัวตั้งรับกันแทบไม่ทัน

กลายเป็นอดีตไปซะ แล้ว สำหรับภาพของทหารใหญ่ลูกป๋า ที่ตบเท้ามาให้กำลังใจกันพรึ่บพรั่บ จนป๋ายิ้มแล้วยิ้มอีก ไม่อยากจะหุบ เพราะขบวนการโป๊งๆชึ่ง ซึ่งกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหนือรัฐบาลเด็กเวรอยู่ในเวลานี้คือ "สุนัขบูรพา" ที่ไม่มีลูกป๋าอยู่เลยซักกะตัว

ต้องขอบคุณธรรมชาติ ที่สร้างสรรค์ให้ ทุกสรรพสิ่งต้องตั้งอยู่บนกฎแห่งกรรม ที่มีหลักการง่ายแสนง่ายว่า ผลย่อมเกิดแต่เหตุ เพราะมีเหตุจึงทำให้เกิดผล เรื่องราวชั่วร้ายที่แอบมุบมิบ ก่อกรรมทำเวรกัน จึงสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องอาศัยใบเสร็จ เพียงแค่พิเคราะห์ด้วยหลักของเหตุและผล ก็ถึงบางอ้อ..กันเป็นแถว

แม้ แต่ขิงเฒ่าเจ้าเล่ห์ ยังเชื่อในกฎแห่งกรรม ท่องได้ฉอดๆ เพียงแต่ว่าคงเป็นกรรมของแก ถึงได้ไพล่ไปเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เข้าใจว่ากรรมชั่วนั้นเป็นกรรมดี เลยตั้งหน้าตั้งตาก่อกรรมทำเข็นอย่างเมามัน เมื่อวิบากกรรมมันติดจรวด ผ่านวิดิโอลิงค์ส่งตรงสู่ผู้รับ ชนิดแถกเหงือกหนียังไงก็ไม่พ้น ถึงได้มานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า ครางหงิงๆเป็นลูกหมาถูกรถทับ อยู่ทุกวันนี้

ไม่ น่าเชื่อว่า ขิงแก่คนนี้ ก็คือคนเดียวกัน กับที่ป๋าการันตีว่า ไหว้ได้อย่างสนิทใจ โอ้โฮ..พอแก้ผ้าล่อนจ้อน เห็นตับไตไส้พุงเซ่งจี๊แล้ว ต้องขอบอกว่า..ป๋าเก็บไว้ไหว้คนเดียวเหอะ

สำหรับน้าแม้วแล้ว คงไม่เหนือความคาดหมายเท่าไหร่ สำหรับคิวปะฉะดะในครั้งนี้ ก็ขนาดสุนัขจนตรอกมันยังหันกลับมาสู้ยิบตา แล้วนี่คนแท้ๆ แถมยังเป็นคนที่มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชเหลือกำลังลาก แต่อำมาตย์ดันย่ามใจ ไล่ต้อนเข้ามุมอับ แล้วอย่างนี้มันจะมีอะไรเหลือ

หลังจากที่รอรอบมา นานพอสมควร เมื่อได้แรงส่งจากรวมพลคนเสื้อแดง ที่ทะลุหลักแสนไปเป็นที่เรียบร้อย น้าแม้วจึงระริกระรี้ ยิ่งกว่าปลากระดี่ได้น้ำ บอกได้เลยว่า งานนี้ถึงไหนถึงกัน ได้ท่อน้ำเลี้ยงจากประชาชนซะอย่าง ต่อให้ต้องเย้ยฟ้าท้านรก น้าแม้วก็บ่ยั่น

สำหรับ อำมาตย์แล้ว คงต้องกราบลากันแต่เพียงเท่านี้ สิ่งที่ทำได้ ก็ได้ทำไปจนหมดแล้ว เพื่อชาติซะอย่าง ต่อให้ชั่วช้าแค่ไหนก็ยังทำกัน นับจากนี้ไปก็ถึงทีเสื้อแดง ที่จะพาเหรดกันออกมา กวาดต้อนกากเดนอำมาตย์ ให้ตกทะเลไป ไม่ให้เหลือซากแม้แต่คนเดียว

หนทางชนะนั้นสดใสขึ้นมาทัน ตาเห็น ในเมื่อประชาชนไม่ฟังสื่อซะแล้ว ต่อให้สื่อโจมตีแหลกราญแค่ไหน สีแดงยังขยายตัวไม่มีวันเลิก ทุกวันนี้ ถึงขนาดลามปามไปจ่อคอหอยอำมาตย์ อยู่ในทุกองคาพยพแล้ว ไม่ว่าพลเรือน ทหาร ตำรวจ เรียกว่าทุกหมู่เหล่า มีสีแดงหลบซุ่มอยู่เต็มพรึ่ดไปหมด รอแต่เพียงสัญญาณเสียงปืนแตก อย่างที่ลุงพัลลภแกบอก..เมื่อถึงเวลานั้น แล้วจะรู้ว่านรกนั้นมีจริง

ดังนั้น สิ่งที่อำมาตย์ควรจะทำอย่างยิ่งในเวลานี้คืออย่าทำอะไร นอกจากกำชับกำชาทหารลูกป๋า ว่าอย่าได้ทำปืนลั่นเป็นอันขาด

สำหรับ ผู้ที่มีความประสงค์จะแปรพักตร์ กลับหลังหัน 180 องศา ก็ขอให้ใส่เสื้อแดงออกมารายงานตัวตามอัธยาศัย ถึงจะช้าไปไม่หน่อย แต่คงยังไม่สายเกินการณ์ อย่างน้อยถ้าช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ก็ยังดีกว่าอยู่เปล่าๆ

พิเศษสุดสำหรับมาร์คคนเดียวอันเดียว หลังจากที่เช็คชั่วชาติได้แผลงฤทธิ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประชาชนต่างทราบซึ้งใจ จนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปตามๆกัน ทำให้นึกถึงคำพูดสวยหรูที่ว่า "ประชาชนต้องมาก่อน" ที่จับจิตจับใจจนน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง เสียดายแต่ว่า มาถึงวันนี้ "ประชาชนคงต้องไปก่อน" ซะแล้ว เหตุเพราะว่า มาร์คบริหารดี จนไม่มีอะไรจะยัดใส่ท้อง

ต้องขอบคุณรัฐบาลเทพประทาน ที่อุตส่าห์ทำให้มีวันนี้จนได้ และขอให้มีกำลังใจอยู่ไปนานๆ อย่าเพิ่งหนีไปไหนเป็นอันขาด เพราะตอนนี้ ใครๆก็ยอมรับรัฐบาลแล้ว ถึงขนาดฝากบอกมาถึงมาร์คว่า...

อยู่ได้มึงอยู่ไป พลาดเมื่อไหร่ มึงเจอตีน..ตบ

วโรทาห์: 3 เม.ย. 52