Monday, June 30, 2008

ไฮไลท์..พูดจาประสาลุงหมัก 29 มิ.ย. 51

ทุกวันอาทิตย์แปดโมงครึ่ง ถึงเวลาโชว์ไทม์ รายการพูดจาประสาสมัคร ฟังลุงหมักเดี่ยวไมโครโฟนคุยไปบ่นไป ถึงอกถึงใจพระเดชพระคุณขนาดนัก พอไตเติ้ลเพลงสุนทราภรณ์แว่วมาละก้อ เป็นอันว่ารู้กัน ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่พ่อแก่แม่เฒ่า ต้องรีบเผ่นโผนโจนทะยาน มานั่งป๋อหลอหน้าจอทีวี เรียกว่าติดกันงอมแงมยิ่งกว่าอคาเดมี่ แฟนตาเซียยังไม่ปาน

อย่าว่าแต่แฟนๆลุงหมักเลยที่ต้องมานั่งเชียร์ แม้แต่โจทย์ของลุงแกยังอดไม่ได้ต้องมานั่งลุ้น ดูไปหนาวไป แล้วก็เสียวสันหลังวาบๆ ลุ้นกันตัวโก่งว่าวันนี้ถึงคิวใครจะดวงเฮง หน้าไหนจะได้รับเกียรติจากลุงหมัก ลากขึ้นไปเฉ่งปี๋ให้คนดู ช่วยไม่ได้กรรมใครก็กรรมมัน อย่างเจ้าหัวเถิกนั่นไง ป่านนี้กลายเป็นเจ้าหัวเหม่ง ล้านเลี่ยนเตียนโล่งไปแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้

ต้องถือว่าวันนี้เป็นนัดแรก หลังจากที่ผ่านศึกอภิปรายมาอย่างโชกโชน แต่ฝ่ายค้านกลับไปอย่างโชกเลือด มึนตึ้บจนป่านนี้ยังจำไม่ได้ ว่าที่ทำการพรรคตั้งอยู่เลขที่เท่าไหร่ ลุงหมักของเราเลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เริ่มมาก็หัวเราะร่วน บอกว่ามีจดหมายมากองรอไว้เยอะแยะ ส่วนใหญ่ก็ถามว่า เป็นยังไงบ้าง

พอไหวครับพอไหว..พูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี ออกอาการถ่อมตัวเห็นๆ ขนาดพอไหวของลุงแก ยังตอกหน้าแหงจนหงายเก๋งไปเป็นโขยง..จะว่าไปแล้วบางทีลุงแกก็เกินไป ขนาดตบเด็กยังซัดซะเยี่ยวราด จะออมมือออมไม้ให้ซักหน่อยยังไม่มี แต่มาคิดดูอีกทีพวกนี้มันก็เหลือขอ ถ้าไม่สั่งสอนซะบ้าง มันก็กร่างกันจนเกินพอดี

แล้วก็ไม่ทำให้แฟนๆที่รอคอยต้องผิดหวัง ประกาศผลรางวัลออกมาทันใจ งวดนี้หวยออกที่คุณหมอสภาโจ๊ก เป็นแพทย์หญิงเหลาเหย่ แก่งั่กจนแทบจะประคองสังขารไว้ไม่อยู่ แต่ยังปากจัดเป็นตะไกรใช้ได้เลยทีเดียว อาชีพหนึ่งดันมาวิพากษ์วิจารณ์อีกอาชีพหนึ่ง ลุงหมักเลยฝากไปถึงแพทยสภาว่าจะไม่ออกมาตกรางวัลกันซักหน่อยหรือยังไง

ล่าสุดแพทยสภาก็ออกมาเด้งรับแล้ว เตรียมนำเข้าพิจารณาในอนุกรรมการบริหารแพทยสภาสัปดาห์หน้า แต่ก่อนที่จะถึงเวลาแจ็คพ็อทแตก ก็มีคำแนะนำมาจากสภาว่า ช่วงนี้จะมีร่องความกดอากาศสูงพาดผ่านบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ป้าแก่ๆปากจัดๆต้องระวังเงาหัวไว้ให้ดีๆ เพราะอากาศจะหนาวเป็นพิเศษ อาจเกิดอาการสะบัดร้อนสะท้อนหนาว ถึงขั้นเป็นบ้าน้ำลายฟูมปากได้ง่ายๆ

จึงควรที่จะห่มผ้าหนาๆเข้าไว้ และที่สำคัญต้องกินขนมเค๊กให้มากๆ แล้วถ้าเป็นไปได้ให้กลั้วคอด้วยน้ำแดง จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นอีกหลายกิโลขีด แต่ถ้าอาการหนักจนเกินเยียวยา แนะนำให้ส่งศรีธัญญาจะเป็นการถูกต้องที่สุด

หลังจากที่โซ้ยกันไปพอหอมปากหอมคอแล้ว ลุงหมักก็หันมาเล่าเรื่องสุนทรภู่ ว่าถึงเรื่องราวของกาพย์กลอนซะเต็มเหยียด ฟังแล้วไม่ค่อยมันเท่าไหร่สำหรับคอซาดิสต์ แต่ก็อนุโลมให้ ถือว่าเก๋ไปอีกแบบ แม้ว่าจะไม่ได้อารมณ์เท่ากับการลุยแหลกแจกหมากพวกปากปีจอ แต่ถือว่าปล่อยให้ลุงแกพักผ่อนซะบ้าง ก็นับว่าพอหยวนได้

สุดท้ายฝอยมากไปหน่อยกินเวลาไปเยอะ เลยตอบคำถามได้ติ๊ดเดียว เล่นเอาแฟนๆอารมณ์ค้างไปไม่น้อย แต่ลุงแกก็ติ๊ดชึ่งออกไปจนได้ บอกว่าจะทะยอยตอบให้วันหลัง..ยังมีเวลาครับ ยังอยู่บริหารบ้านเมืองได้อีกนานพอสมควร..ไม่รู้ตีกระทบชิ่งไปถึงใครหรือเปล่า ที่ดันโง่ออกมาต่อวีซ่าให้ลุงแกอย่างเป็นทางการ เสร็จแล้วตัวเองกลับไปกว้า่นซื้อแห้วมานั่งโซ้ยแล้วทำหน้ามันๆ

ก่อนจากยังมีจระเข้ฟาดหางแถมให้อีกหนึ่งดอก เจอแสกหน้าสื่อเข้าไปเต็มๆ ก็เรื่องปรับครม.ที่ไปมั่วกันเป็นตุเป็นตะนั่นแหละ ลุงหมักแกเลยถือโอกาสชมเชยซะหน่อยว่า..มันสาระแนกันจริงๆครับ..ผมไม่ให้หนังสือพิมพ์มาพาดหัวสั่งผมหละขรับ..ไม่ปรับครม. ไม่มีอะไรทั้งนั้น เอ้า ไม่เชื่อก็ลองดู

สรุปส่งท้ายสำหรับวันนี้ เราเลยได้ภาษาไทยวันละคำมาอีกหนึ่งคำ นั่นคือคำว่า "สาระแน" แหมคำนี้ห่างหายจากวงการไปซะนานจนเกือบลืมไปซะแล้ว ต้องขอขอบคุณสื่อทั้งหลายที่ปลุกมันขึ้นมาอีกที งานนี้รายการคุยไปบ่นไปขอปรบมือให้ สำหรับพวก...

สื่อสาระแน

วโรทาห์: 30 มิ.ย. 51

Saturday, June 28, 2008

ควันหลงศึกอภิปรายลุงหมัก

เหมือนงูที่แพ้เชือกกล้วย หรือมวยที่แพ้ทางกัน เป็นพลพรรคปชป.ยามนี้มันแสนจะชีช้ำ เมื่อตอนที่เป็นรัฐบาลก็ถูกลุงหมักอภิปรายซะเละเทะ พอพลิกขั้วเปลี่ยนข้างมาอภิปรายลุงหมักบ้าง ยังไม่วายถูกศอกกลับเอาจนเสียผู้เสียคน ลุงหมักนะลุงหมัก ชาติหน้าฉันใดถ้าเลือกเกิดเองได้ เป็นตายยังไงก็ไม่ขอเกิดร่วมชาติกับลุงหมัก

การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ ต้องถือว่าเป็นนัดประวัติศาสตร์กันเลยทีเดียว เพราะเป็นครั้งแรกที่ลุงหมักถูกอภิปรายในฐานะนายกฯ เลยพลอยให้ฝ่ายค้านชุดนี้กลายเป็นชุดแรกที่มีโอกาสอภิปรายนายกฯหมักไปด้วย แถมยังเป็นนัดแรกที่ฝ่ายค้านถูกศอกกลับจนเลือดโชกอีกต่างหาก

ทะร่อทะแร่ลากสังขารกลับมาถึงรังพระแม่ธรณีบีบมวยผม มักม.7 ก็เรียกหาน้ำ้ใบบัวบกมากระแทกด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว ทั้งดื่มทั้งอาบกันถ้วนหน้าเพื่อเร่งรักษาอาการเจ๊กอั้กให้หายไปโดยเร็ว ในใจนั้นยิ่งพอกพูนไปด้วยอารมณ์เคียดแค้นชิงชังอย่างหาที่เปรียบมิได้ ฝากไว้ก่อนเถอะลุงหมัก ถึงทีของมาร์คเมื่อไหร่อย่าหาว่ามาร์คใจร้ายก็แล้วกัน

ไม่เรียกว่าตายยกแก๊งค์ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ถ้าเรียกว่าตายยกรังเดี๋ยวจะหาว่าหยามกันเกินไป แต่บทสรุปครั้งนี้มีแต่เสียกับเสีย อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปยื่นอภิปรายค้ำคอลุงหมักไม่ให้ยุบสภา ลักไก่ครั้งนี้คงนึกว่าเก๋าเกมส์เหลือหลาย พอโดนลุงหมักจับไก่เลยหนีไม่ออก หงายไพ่ออกมากลายเป็นโบ๋แต้ม เข้าสภามาสอบปากเปล่า ไม่มีหลักฐานซักกะชิ้น ไม่โดนโห่จนเสียคนมันก็เกินไป

ยิ่งผลโหวตออกมาผ่านฉลุยตั้งแต่หัวแถวยันหางแถว ไม่มีตกหล่นแตกแถวซักกะติ๊ด เลยกลายเป็นไปรับรองความชอบธรรมให้รัฐบาลไปฉิบ อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปตอกเสาเข็มให้ลุงหมักจนแข็งโป๊กยิ่งกว่าคอนกรีตเสริมเหล็ก วันหลังจะหวนกลับมาขย่มรอบใหม่คงไม่ง่ายแล้ว นี่ถ้ารู้ว่าผลลงเอยจะเป็นอย่างนี้ อยากรู้นักว่ามาร์คยังจะทำแบบเดิมอีกหรือเปล่า

อาการหนักสุดๆแทบจะปางตายได้แก่ลุงเทือก หลังจากทำแผลเสร็จออกมา่ก็ไม่มีใครจำหน้าได้ จากเทือกเถิดเทิงกลายเป็นเทือกซอมบี้ไปโดยปริยาย ภายใต้ผ้าก็อซยังกัดฟันกรอดๆ ว่าไอ่เหลิมนะไอ่เหลิม ตั้งแต่จบด็อกเตอร์มานี่แหมมันคมขึ้นเยอะ ตบมาแต่ละลูกเล่นเอากรูแทบจะรากเลือด.. แหม..ก็ลุงไปเสิร์ฟตั้งให้ซะขนาดนั้น ไม่ตบให้หายบ้ามันก็ใจดีจนเกินไป

แฮ็ปปี้สุดๆกลายเป็นสิงห์เหลิม ดีใจเหลือหลายที่ถูกอภิปรายในฐานะมท.1 ดิ้นรนแทบตายมาชั่วชีวิตก็หวังว่าจะมีวันนี้ นี่ถ้าไม่ถูกลากมาอภิปรายในครั้งนี้ เห็นทีว่าต้องโกรธกันตาย นับว่าชีวิตขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว ต่อไปในวันข้างหน้า ถ้าจะต้องไปขอทานเหลิมก็ยังยินดี นึกแล้วยังเสียวไม่หาย ถ้าไหวตัวไม่ทัน ดันไปเร่ขายโซ่ข้อกลางกับเถ้าแก่จิ๋ว ป่านนี้คงยังเตร็ดเตร่อยู่แถวเซียงกง

แจ้งเกิดเต็มตัวคือน้ามิ่ง ด้วยมาดอากู๋อารมณ์ดีไม่มีเสแสร้ง ชกไปหัวเราะไปทำให้คู่ต่อสู้ไม่ทันระวังตัว โดนเข้าไปเต็มๆยังนั่งเฉยเพราะไม่มีแผลแตก เพียงแต่รู้สึกว่ามึนตึ้บโดยไม่รู้สาเหตุ ถ้าจะเรียกว่านักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาคนใหม่เห็นจะไม่ผิด งานนี้ได้คะแนนไปเต็มเพียบ ทั้งจากฝ่ายซ้ายฝ่ายขวาและฝ่ายกลางๆ

แจ้งตายเรียบร้อยก็คือป้ามาลินี เป็นหมอแท้ๆยังดันโซ้ยยาผิดซองซะได้ ทะเล่อทะล่ามาหาว่าลุงหมักไร้วุฒิภาวะ อย่างกับตัวเองมีวุฒิภาวะตายหละ เที่ยวไปแอบดูคนกินเค๊กแล้วเอามาแฉกลางสภา จรรยาแพทย์มีเปล่า หรือหมกส้วมไปแล้ว แต่โทษทีงานนี้ไม่ระคายผิวลุงหมัก กลับกลายเป็นตัวป้าเองนั่นแหละ ที่เจอก้อนอิฐไปเต็มๆจากทุกฝ่าย

แจ้งฝังเรียบร้อยก็คือเฒ่าช้วน หลังจากที่ดิ้นกระแด่วๆ จะอยู่ก็ไม่อยู่จะตายก็ไม่ตาย ผลุบโผล่ๆเป็นระยะๆในช่วงหลัง เลยถือโอกาสงานนี้มาแจ้งฝังกันไปให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าโผล่กลับมาอีกทีจะได้รู้กันว่า นั่นมันผีเฒ่าช้วนไม่ใช่ตัวเป็นๆ

วาทะเด็ดสุดได้แก่ "นักเลงอย่างผมไม่เคยทำให้ครอบครัวใครแตกแยก" ส่งเข้าประกวดโดยสิงห์เหลิมเจ้าเก่า เล่นเอาลุงเทือกถึงกับค้อนขวับ..พูดให้ดีๆนะไอ่เหลิม ว่านักเลงอย่างใครไปทำให้ครอบครัวเค้าแตกแยก

เสียหายที่สุดได้แก่มาร์คม.7 เพราะหน้ามืดตามัวจ้องแต่จะคั่วนายกฯ เลยเอาแต่ตีฝีปากทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะอภิปรายรัฐบาล ดันไปอภิปรายพลังประชาชน ลูกไม้ตื้นๆหมายแซะให้พรรคร่วมรัฐบาลเป็นกบฎ เปลี่ยนขั้วมาหนุนตัวเป็นนายกฯ แล้วยังเรื่องเขาพระวิหารอีก ใครจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่าง ขอให้มาร์คได้เป็นนายกฯก็พอ

ได้ไปเต็มๆคือลุงหมัก อภิปรายคราวนี้ กลายเป็นเวทีให้ลุงแกโชว์พาว แสดงให้เห็นว่าคนอย่างลุงหมัก ไม่ใช่ใครจะมาล้อเล่นได้ง่ายๆ หงายไพ่ออกมาให้เห็นๆ ทั้งประสบการณ์ที่โชกโชน วิสัยทัศน์อันกว้างไกล ความจำที่เป็นเลิศ แถมยังเ็ต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถ เพียบพร้อมทั้งพระเดชพระคุณ เป็นผู้ที่ประชาชนสามารถฝากผีฝากไข้ได้ก็แล้วกัน

หันมาให้คะแนนนอกสภากันบ้าง เซ็งสุดๆคือพันธมิตรแอนด์เดอะแก๊งค์ อุตส่าห์ลุ้นจนตัวโก่งตัวงอ หวังว่าอภิปรายเสร็จได้มีพลิกขั้ว ที่ไหนได้ พอรู้ว่ากินแห้วก็ถึงกับเข่าอ่อน ต้องหันกลับมาก้มหน้าก้มตาประท้วงกันต่อไป อยากเลิกแทบตายก็ยังไม่มีบันไดลง นี่ต้องหันไปรบกับชาวบ้าน เผื่อว่ามีคำสั่งศาลมาให้สลาย จะได้เลิกๆกันไปซะที

คงเส้นคงวาไม่มีเปลี่ยนแปลงก็คือสื่อ ยังคงยืนเคียงข้างเธอเสมอนะปชป. ไม่ว่าเธอจะเป็นรัฐบาล หรือตกสวรรค์มาเป็นฝ่ายค้าน จะขึ้นช้างลงม้าฉันก็จะตามไปเป็นองครักษ์พิทักษ์เธอ และพร้อมเสมอที่จะเหยียบมันทุกคนที่บังอาจยืนตรงข้ามกับเธอ ฉายาเสี้ยมมวลชนไทยยังวางใจได้เสมอ...

ไม่ว่าอย่างไร ถึงร้ายก็รัก เพราะว่าเราคือ สื่อเพื่อประชาธิปัตย์

วโรทาห์: 28 มิ.ย. 51

Friday, June 27, 2008

สรุปอภิปรายลุงหมัก 26 มิถุนา

คนเรานี่นะ ยามอับจนขึ้นมา แหมมันน่าเวทนาอย่าบอกใคร ได้กระดูกมาชิ้นเท่านิ้วก้อย ยังต้องมาต้มซุปกินพอกันตาย เปรียบได้กับฝ่ายค้านยามนี้ แค่หยิบประเด็นเล็กๆน้อยๆจากสื่อมาได้ ยังต้องมาใส่สีตีไข่ เติมน้ำใ้ห้ท่วมหม้อ ปรุงรสด้วย พริก มะนาว น้ำตาลทราย เหยาะผงชูรส พอให้เสิร์ฟได้ไม่ถึงกับอายผู้คน เผื่อลูกค้าตาถั่วยังยกซดกันโฮกฮือ แถมยกนิ้วให้ว่าแซบเหลือหลาย

พูดถึงเรื่องอภิปราย ช่วงนี้หมอเย็บหน้าคงจะงานชุกอยู่ซักหน่อย เพราะมวยโบราณชกแบบเดิมๆ จนคู่ต่อสู้จับทางได้ มะงุมมะงาหลาเข้ามาเป็นเจอสอย เหลือแต่รุ่นเดอะที่ยังพอมีเชิง อย่างลุงหยัดกับลุงสามสี พวกนี้จะไม่โฉ่งฉ่างอย่างเฒ่าช้วน เพราะขานั้นเค้ายังเคลิ้มอยู่ เที่ยวนี้ยังเปิดหน้าลุยเลยเจอเย็บไปหลายเข็ม ทำให้วันนี้ดูสุขุมขึ้นผิดหูผิดตา

เปิดฉากมาในวันใหม่เป็นการชกโชว์โดยลุงสามสี วาดลวดลายลีลาตลกคาเฟ่ชั้นครู ช่วยให้บรรยากาศผ่อนคลายไปได้ตั้งเยอะ แต่ฝ่ายค้านคงไปหวังอะไรจากแกไม่ได้มาก หนูมาร์คเลยได้แต่นั่งค้อนขวับๆ ก็แหมคนแก่เพราะกินเหล้า ไม่ใช่เฒ่าเพราะอยู่นาน เรื่องอะไรจะไปเปลืองตัว สู้ถนอมผมหงอกเอาไว้ประดับหัวดีกว่า เรื่องอะไรจะให้เด็กมาถอนไปฟรีๆ

แต่วิทยา แก้วภราดัยไม่ได้คิดอย่างนั้น มาถึงก็ร่ายยาวฟัดน้ามิ่งไปเต็มๆ ทำท่าเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับว่าประเทศชาติจะล่มจมซะให้ได้ ถ้าน้ามิ่งยังอยู่อีกต่อไป ยกเหตุให้ชวนสงสัยว่าจะทุจริตโน่นนี่เยอะแยะไปหมด เล่นเอาเกือบเชื่อไปเหมือนกัน โดยเฉพาะลีลาทิ้งท้าย บอกว่าจะลากใส้ออกมาให้ได้ว่าใครกันแน่ ที่เป็นมือมืดแอบดึงหนังสือรับรองให้ประมูลขายข้าวฟิลิปปินส์ออกไป

พูดจบก็ได้เรื่อง มิ่งไ่ม่ต้อง งานนี้หมักลุยเอง สั้นๆง่ายๆแต่ได้ใจความ ผม..นี่แหละเป็นคนดึงหนังสือนั่นออกไปเอง ก็ผมให้ขายจีทูจีกับรัฐบาลฟิลิปปินส์ แต่ข้าราชการประจำตัวแสบ มันจะให้พ่อค้าประมูล แล้วอย่างนี้มันเอาไว้ได้มั้ย

เพล๊ง..จุดไต้ตำตอเข้าอย่างจัง แผลแหกเหวอะหวะดูไม่จืด หมอสนามเข้าเช็คอาการแล้วเย็บไม่ไหว ได้แต่นั่งกุมหน้าโชกเลือด บ่นกะปอดกะแปด ว่าลุงหมักนะลุงหมัก รู้ว่าคนออกทะเลก็ไม่บอกซักคำ จะส่งซิกกันซักหน่อยก็ไม่ได้ ใจคอจะลุกขึ้นประท้วงซักนี๊ดก็ไม่มี ปล่อยให้กางใบแล่นฉิวอยู่ได้ คนอะไรใจร้ายใจดำ

ไหนๆลุกขึ้นมาแล้วต้องไม่ให้เสียเที่ยว ลุงหมักเลยถือโอกาสรำมวยให้คนดู ทั้งเรื่องข้าวนาปลังนาปี ข้าวถุงธงฟ้า ขายข้าวมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ โอย..จิปาถะ เล่นเอาตาสว่างไปตามๆกัน

หลังจากรุ่นใหญ่หงายเก๋งไปแล้ว ก็ปล่อยรุ่นเดอะอาคม ออกมารำป้อพอเป็นพิธี ก่อนจะส่งไม้ต่อให้รุ่นเล็กอรรถวิชย์ ออกมากร่างใหญ่ วางฟอร์มเขื่องอวดภูมิ สั่งสอนน้ามิ่งเป็นฉากๆ เรื่องการเงินการธนาคารอะไรของแกไปเรื่อยเปื่อย ตามซ้ำโดยชาวสวนใส่สูท สาธิต ปิตุเดชะ ลุกขึ้นมาเฉ่งปี๋เรื่องราคาผลไม้ตกต่ำ แล้วสรุปส่งท้าย ไล่กระทืบน้ามิ่งให้ลาออกไป

เข้าล็อคเลยพี่น้อง ต้องขอบคุณฝ่ายค้าน ที่ช่วยทำทางให้น้ามิ่งออกมาโชว์วิสัยทัศน์ ด้วยลีลาเนิบนาบนิ่มนวล กล่อมให้พอเคลิ้มๆแล้วก็ทิ้งหมัดตรงเข้าเบ้าตาเป็นระยะๆ จนฝ่ายค้านถึงกับร้องจ๊าก รีบเขียนเลตเตอร์ถึงท่านประธานให้สต็อปโลด พอแล้วๆ ไม่ต้องอธิบายแล้ว ไม่มีใครติดใจน้ามิ่งเลยคร้าบ รีบๆจบเหอะ แต่ยากส์..ในเมื่อติดลมซะแล้ว ก็ต้องซัดอีกซะหลายดอกกว่าจะยอมลงได้

ต้องยอมรับว่าน้ามิ่งแกเริ่มเก๋า เข้าการเมืองมา 4 เดือนชักจะเล่นเป็น รู้จักปล่อยมุขเล็กๆออกมาเรียกเสียงฮา ว่าคุงคูก๊าบ ผมขออนุญาติไปปัสสาวะก๊าบ เล่นเอาเจ้าสาธิตมะงุมมะงาหลารับมุขไม่ทัน ถึงกับผิดเหลี่ยม ลุกขึ้นประท้วงไม่ให้น้ามิ่งออกไปชิ้งฉ่อง ให้เหตุผลว่าทำผิดกฎข้อบังคับ ดีว่าท่านประธานที่เคารพรีบเบรคเอาไว้ก่อน ว่าอนุญาติให้ไปได้เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม

แต่ถึงยังไงน้ามิ่งก็อย่าเพิ่งย่ามใจ เพราะว่ามุขนี้คงใช้ได้แค่ครั้งเดียว ถ้าใช้ซ้ำอีกทีมันจะน่าเกลียด อภิปรายคราวหน้าถ้าใส่แพมเพิร์สท่าจะเวิร์คกว่า

มาถึงกระทรวงคมนาคม เป็นการเชิดฉิ่งระหว่างสันติกับวินัย สมพงษ์ ตามซ้ำด้วยถาวร แสมแนม และชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ก็เพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อย ตามฟอร์มของฝ่ายแค้น แล้วก็เจอลุงหมักลุกขึ้นมาเฉ่งปี๋ไปตามระเบียบ แต่เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่เลยต้องขอผ่านคู่นี้ไปเลย

ยิ่งกระทรวงยุติธรรมนี่ยิ่งแล้วใหญ่ เห็นเจ้าพีรพันธุ์ลุกขึ้นมายืนจ้อแล้วก็เก๊กซิม ทำตีหน้าซีเครียดแต่พ่นออกมายังกับท่อน้ำ้ทิ้ง น้ำล้วนๆหาเนื้อไม่เจอซักกะชิ้น อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ งานนี้มาไล่เฉ่งทักษิณโดยเฉพาะ

ตัดมาหลังข่าว 2 ทุ่มนี่สิของจริง มวยคู่เอกระหว่างสิงห์เหลิมกับลุงเทือก ถือว่าเป็นมวยถูกคู่ถูกเวลา เพียงแต่ว่ามาเสียอารมณ์นิดหน่อย ตอนที่ลุงเทือกดันส่งมวยแทนอย่างมหาบัณฑิต วิรัช กัลยาศิริ ขึ้นมาชกตัดกำลังน้าเหลิมก่อน แต่ไม่มีปัญหา..เห็นแกเน้นจังว่าเป็นมหาบัณฑิต เลยโดนดุษฏีบัณฑิตเหลิมโซ้ยซะเลือดอาบ เผ่นลงจากเวทีแทบไม่ทัน

ถัดมาลุงเทือกก็จำต้องมุดเชือกขึ้นเวที ก่อนอื่นยังอุตส่าห์ออกตัว ว่าความจริงแล้วไม่ได้นึกอยากจะชก แต่ในเมื่อมันเป็นไฟต์บังคับ เลยต้องจำใจลากสังขารขึ้นมาราวี ว่าแล้วก็เริ่มตี๊ตาต่าตี๊อย่างที่ควรจะเป็น แต่ต้องเรียกว่าผิดฟอร์มไปเยอะ ไฟต์นี้ลุงเทือกของเราสเต็ปไม่ออก ได้แต่ติ๊ดชึ่งไปรอบๆเวที ไม่เห็นมีทีเด็ดทีขาด มีแต่สีหน้าแววตาที่มุ่งมั่นระคนแค้น ชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ

ในใจนั้น มันอยากขยี้ให้แหลกราญ แต่สังขารมันก็ดันไม่ร่วมมือ เลยทำได้แค่ใส่อารมณ์ข่มขู่ให้ดูน่ากลัว ขยันชกตลอดเวลา แต่สะเปะสะปะไม่เข้าเป้าซักกะดอก ผิดกับตอนที่สิงห์เหลิมเข้าทำเป็นลิบลับ รายนั้น ถ้าแฟนมวยขวัญอ่อน ยังต้องปิดตาเพราะทนดูไม่ได้

เปิดฉากขึ้นมาด็อกเตอร์เหลิม ก็แหวกการ์ดเข้าไปตั๊นหน้าเอาดื้อๆ ประเดิมด้วยคำว่า สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล..คุณเอาอะไรมาพูด โกหกทั้งนั้น นี่มือตกขนาดนี้แล้วเหรอ..เรื่องโป๊ะนั่นก็ของพล.ต.ศรชัยเขาขายให้ลูกผม เขาขอกรมเจ้าท่าเรียบร้อย แล้วที่ส่วนบุคคลของเขา เขาตั้งชื่อถนนมหาดไทย คุณไปยุ่งอะไรกับเค้าด้วย...

ดูไม่จืด เห็นการเฉ่งปี๋ของสิงห์เหลิมแล้ว ต้องเรียกว่าดูไม่จืดจริงๆ สงสารแต่ลุงเทือกที่ได้แต่ยกมือป้องหน้า แค่กันท่าไม่ใ้ห้ถูกสอยลงไปน็อคพื้น ในขณะที่น้าเหลิมยังตามขยี้ซ้ำอย่างเหี้ยมโหด โดยที่กรรมการยังไม่มีสิทธิห้าม เพราะมันรนหาที่ของมันเอง

โซ้ยไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องไม่ใส่ใจพรบ.ศอบต. เรื่องกลัวจนไม่ยอมลงไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ติดตามเรื่องซื้อซีซีทีวี เรื่องอวดบารมี เรื่องแต่งตั้งคนของตัวเอง.. สรุปว่าเป็นเท็จหมด คุณเอาอะไรมาพูด ทีหลังไม่รู้อย่ามาพูด ถ้าเป็นเรื่องจริงขอให้ผมฉิบหาย แต่ถ้าไม่จริงขอให้ปชป.เป็นฝ่ายค้านไปตลอดชาติ แหม..ถึงน้าเหลิมไม่แช่งมันก็เป็นอยู่แล้วแหละ

ทีเด็ดทีขาดอยู่ที่หมัดส่งท้าย ที่เล่นเอาลุงเทือกถึงกับก้นจ้ำเบ้า บอกว่าผมไม่ได้เป็นอันธพาล แต่ผมเป็นนักเลง แล้วนักเลงอย่างผมไม่เคยทำให้ครอบครัวใครแตกแยก แต่ววว...

จบจากมวยคู่เอก เป็นการกล่าวสรุปโดยผู้นำฝ่ายค้าน เจ้ามาร์ครับหน้าที่ด้วยความหยิ่งยะโส พอเกริ่นนำไปได้หน่อยก็เข้าเรื่องเลย เขาพระวิหารครับท่าน เขาพระวิหารคืนชีพอีกแล้ว ต้องเรียกว่าเล่นไม่เลิก เขาให้กล่าวสรุป แต่มันมาตีหัวเข้าบ้าน ถือโอกาสที่อีกฝ่ายหมดโอกาสชี้แจงแล้ว เปิดอภิปรายต่อ โห..แมนจริงๆ

ประเด็นก็ซ้ำซากจำเจ เพราะมันยังเคลิ้มอยู่ ว่าศาลโลกตัดสินให้ไทยคืนซากปราสาทเขาพระวิหาร แต่ไม่ต้องคืนที่ดินใต้ปราสาท เหตุผลก็เดิมๆ แปลภาษาอังกฤษให้ฟัง เทมเปิ้ล แอเรีย อะไรก็ไม่รู้ เรียกว่าโชว์ฟอร์มเต็มที่เรื่องความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ ว่างั้นเหอะ แล้วที่แสบสุดๆก็คือการตบท้าย ปลุกระดมให้พรรคร่วมรัฐบาลแข็งข้อเพื่อชาติ...

เพล๊ง !!! ... ภาพเจ้ามาร์คหายวับไปกับตา พร้อมกับตัวทีวีที่ลงไปกลิ้งโค่โล่อยู่กับพื้นแข็งๆ ด้วยแรงถีบระดับเทพไม่น้อยไปกว่า เก่ง สกายคิ๊ก

วโรทาห์: 27 มิ.ย. 51

Thursday, June 26, 2008

สรุปอภิปรายลุงหมัก 25 มิถุนา

ผ่านไปอีกวันกับการอภิปรายที่จืดชืดยิ่งกว่าน้ำล้างถุงกาแฟ คำว่าน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงยังน้อยไป แต่ถึงยังไงก็ต้องนับถือน้ำใจครม.ลุงหมัก ที่อุตส่าห์ใจเย็นตำน้ำ้พริกรอ แล้วค่อยฝ่าดงน้ำครำไปเก็บผักบุ้งมา พอให้ได้จิ้มนำ้พริกกินกันมันๆแซ่บๆ ถึงอกถึงใจพระเดชพระคุณอย่าบอกใคร

ต้องยอมรับเลยว่านักพูดแมลงสาบนี่มันเยอะจริงๆ พูด พูด พูด แล้วก็พูดเป็นต่อยหอย กี่ปีกี่ชาติไม่เคยเปลี่ยน สมัยก่อนคนฟังแล้วก็มันดี แต่พอมาสมัยนี้คนเราฉลาดขึ้น ฟังแล้วมันพาลจะอาเจียนซะให้ได้ เลยต้องผ่านๆไป ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง เพื่อรักษาอาหารไว้ในท้อง ไม่ให้พุ่งออกมาโดยไม่จำเป็น

ดาวรุ่งพุ่งแรง ดาวทองแดงมาแจ้งเกิด คนอื่นขอความกรุณาชิดซ้ายไปก่อน เทพทุยกำลังมาแรง ขนาดว่าได้โชว์ฟอร์มในสภาเป็นครั้งแรก ขึ้นมาก็ชกข้ามรุ่น ไล่ตุ๊ยลุงหมักเป็นการใหญ่ โทษฐานที่พูดกลับไปกลับมา ขาดความน่าเชื่อถือ ประกาศว่าจะสลายม็อบแล้วยังมายึกยัก ทำให้ม็อบหัวใจสลายดีใจเก้อ เสร็จเรื่องนี้ก็ลากต่อ ยาวไปไกลถึง 6 ตุลา ที่ลุงหมักว่ามีตายแค่คนเดียว

โอ๊ย..จิปาถะ ประวัติศาสตร์สมัยไหนมันลากมาหมด ฉะหรุบว่าโผมว้ายจายห้ายท่านเปนนาโย๊กต่อปายม่ายด้ายอีกเล้ว

เงียบ..เงียบเป็นเป่าสาก ลุงหมักไม่ให้ราคา ไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียว สร้างความอึดอัดหาวเรอให้เทพทุยเป็นอย่างยิ่ง จนต้องขออนุญาติท่านประธาน ตรงดิ่งไปโรงหมอ เพื่อทำการเย็บหน้า

กลายเป็นงานช้างไปแล้วก็เรื่องเขาพระวิหาร งานนี้งานใหญ่มาร์คเลยต้องมาลุยเอง ใครๆได้ฟังก็ต้องหนาวไปถึงกระดูก เดชะบุญที่ไทยเรามีผู้นำฝ่ายค้านที่รู้ภาษาอังกฤษระดับเทพ ถึงได้แปลความออกมาได้ว่า ศาลโลกตัดสินให้คืนแค่ซากปราสาท ไม่ได้ให้คืนที่ดินที่ตั้งปราสาทซักกะหน่อย

เวรละสิคราวนี้ เรื่องมันเลยเถิดมาตั้ง 46 ปีแล้ว ดันเพิ่งจะมารู้ว่า เราเสียอธิปไตยไปตั้งแต่ปี 2505 โดยที่ไม่มีใครระแคะระคายซักคน คราวนี้จะทำยังไงกันละนี่ ดันปล่อยให้ปราสาทเขาพระวิหารของเขมร มาตั้งอยู่ในประเทศไทยโดยที่ไม่มีใครทักท้วง ถ้าไม่เรียกว่าขายชาติ แล้วจะเรียกว่าอะไร

จริงๆแล้ว พอศาลตัดสินยกเขาพระวิหารให้เขมรปุ๊บ ก็ต้องรีบขับไล่ให้รื้อถอนออกไปปั๊บ มันถึงจะถูกต้อง เรื่องอะไรปล่อยให้มาตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ค่าเช่าค่าออนก็ไม่ได้ซักสลึง ถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่เอาเรื่องก็คงจะไม่ได้ มันต้องไล่กันเป็นลูกระนาดมาตั้งแต่จอมพลสฤษดิ์ ยันถึงรัฐบาลปัจจุบัน ผ่านมากี่รัฐบาลต้องเอามาตัดหัวให้หมด ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือนไม่มียกเว้น

แล้วที่ลืมไม่ได้เป็นอันขาดคือรัฐบาลปชป. เล่นไปกี่กระทอกแล้วก็ไม่รู้ เท่าที่เห็นๆเจ้าปากแหลมผมตั้ง ก็โซ้ยไป 2 ตุงเล่นไป 5-6 ปี งานนี้คงต้องเจออ่วม..ว่าแล้วคนหัวโตพุงอืด ก็ยื่นมือมาตบหลังตบไหล่เจ้าเด็กเมื่อวานซืนด้วยความเอ็นดู พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจว่า เอาเลยมาร์ค "ดีมากน้อง" เดินหน้าเต็มที่ งานนี้ถือว่าเฮียหมูสั่งลุย

ผ่านจากเรื่องวุ่นๆก็มาถึงงานชุมนุมของรุ่นเดอะ น้าหยัดลุกขึ้นมาเต้นฟุตเวิร์ค พร้อมกับโชว์หมัดแย็ปอันสวยงาม จนได้รับคำชมจากลุงหมักไปเป็นกระบุงโกย ถือว่าชกสมศักดิ์ศรี ถึงแม้จะไม่มีลูกเด็ดขาด แต่ทางมวยดีไหว้ครูสวย ถือว่าสอบผ่าน งานนี้รายการชมไปด่าไปขอปรบมือให้

แต่พอมาถึงรุ่นเก๋าอย่างเฒ่าช้วน งานนี้กองเชียร์ถึงกับหงายเก๋ง ความที่เก๋ามากไปหน่อย เก๋าไปเก๋ามาเลยกลายเป็นเก๋าเจ้ง ลุกขึ้นมาได้ไม่พูดพล่ามทำเพลง เฉ่งลุงหมักเรื่องที่เคยพูดว่าตากใบล้มทับกันตายเอง ทำเป็นฟอร์มดี โชว์หลักฐานเอกสารครบถ้วน ไม่ใช่่ร่อนกระดาษเปล่าแผ่นเดียวอย่างที่เคย กะว่ายังไงงานนี้ลุงหมักต้องเจอน็อค

ที่ไหนได้เจอเซอร์ไพรส์ลุงหมักเข้าไปเต็มหน้า ลุกขึ้นมายอมรับเอาดื้อๆ ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ พ้มพูดจริงเพราะพ้มรู้มาอย่างนั้นจริงๆ ตอนที่พูดก็ไม่ได้มีตำแหน่งแห่งหนอะไร ยังเป็นนายสมัครอยู่เลย แล้วหลักฐานที่คุณเอามาพูดพ้มไม่เคยได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย

เหวอไปซิท่าน เข็มขัดสั้นกันเห็นๆ ลุงหมักเปลี๊ยนไป๋ แทนที่จะเถียงคอเป็นเอ็นซะจะได้ตามซ้ำ นี่ดันออกมารับเอาดื้อๆ แล้วจะไปต่อยังไงกันละนี่ ไม่เอาดีกว่า ไปไม่เป็นแล้วววว...

มาถึงมุขเก่าที่มักจะขุดมาเล่นบ่อย ก็มุขวิเคราะห์คนไข้ไง คราวนี้ลามมาถึงในสภา รายการพญ.มาลินีโชว์ ไม่รู้ว่าเป็นหมอสาขาไหน ลุกขึ้นได้ก็ฉอดๆๆ ตัวสั่นเสียงสั่นแทบจะเอาตัวไม่รอด แต่ดันไปว่าลุงหมักสุขภาพทรุดโทรม ไม่สมควรไว้วางใจให้เป็นนายกฯอีกต่อไป แถมยังสอดรู้สอดเห็นไปถึงว่า ลุงหมักแอบกินขนมเค๊กแกล้มน้ำแดงไปโน่น

ชาวบ้านฟังแล้วก็เหวอไปตามๆกัน ว่ามันไปเกี่ยวกันยังไงหว่า เลยด่ากันชุดใหญ่ แต่พอเห็นลุงหมักลุกขึ้นมายำแกแล้ว ก็อดสงสารไม่ได้ เห็นแกก้มหน้างุดๆทำเป็นคุยกับเพื่อนข้างๆ คงรู้ว่าพลาดไปแล้วแต่จะทำยังไงได้ หน็อย..มาหาว่าลุงหมักบ่มิไก๊ นี่ถ้าเจอลุงหมักถามเรื่องเสพย์เมถุน แล้วจะตอบยังไง

งานนี้หมอศัลย์เลยต้องปวดเฮ่ด เย็บหน้าย่นๆที่แตกยับมันสนุกหยอกอยู่ซะเมื่อไหร่

ตกเย็นมีมวยคั่นเวลา จุติ ไกรฤกษ์ยิม ขึ้นมาเต้นย๊องแย๊งๆ ไร้ราคาไม่มีใครพูดถึงซักกะแอะ หลังจากนั้นก็ถึงเวลาของมวยเชิงสูง กรณ์ วันเวย์ วีเอส เลี๊ยบ 30บาท คู่นี้ใครๆก็ให้ราคากรณ์เป็นต่อจนสุดกู่ เห็นคุยนักคุยหนาว่าเป็นมวยสร้างของค่ายเก่าแก่ แต่พอเห็นเชิงชกแล้วอยากจะบ้าตาย ก็ดูสิ แทนที่จะชกเลี๊ยบมันดันไปชกแม้ว สงสัยท่าจะบ้าหรือไม่ก็มักแชแม้

พอหมอเ๊ลี๊ยบขึ้นชกเท่านั้นแหละ แฟนๆสูดปากกันซี้ดซ้าดว่าใช่เลย อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นมวย ตามเก็บทุกเม็ดตุนคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ เชิงชกสวยงามพาลให้นึกถึงแม้วขึ้นมาจับใจ นี่พอเคลิ้มๆยังนึกว่าแม้วมาเองเลยนะนั่น เพียงแต่ว่าเป็นแม้วเวอร์ชั่นใหม่ ลีลาเนิบนาบนุ่มนวล ถ้าจะเรียกว่าแม้วขยี้ฟองเบียร์ก็คงจะไม่ผิด

ก่อนจากยังมีลูกฮา พอกรณ์ปล่อยหมัดใส่หมอเลี๊ยบ ว่าชอบไปร่วมงานกลด. สงสัยว่าจะไปบีบกลต.ให้ช่วยแม้ว หมอบ้านนอกเลยสวนกลับว่า ไม่เคยไปเลยกลต.เลย มีแต่ไปตลาดหลักทรัพย์ นี่สงสัยจะสับสนเป็นกรณ์ก่งก๊ง

แทนที่จะหลบหมัด เจ้ากรณ์กลับทะลึ่งขึ้นมาแถว่า ถ้าไม่เคยไปกลต.แสดงว่าไม่ให้ความสำคัญกับตลาดหลักทรัพย์ ก๊ากกก..เล่นเอาหมอเลี๊ยบยังต้องร่วมฮา ว่าเป็นไปได้นะคนเรา

เสียดายว่าดึกไปหน่อย เลยไม่ได้รายงานคนสุดท้ายประจำวัน นั่นคือน้ามิ่ง มวยคู่นี้ใครๆก็อยากดู เพียงแต่ว่าฝ่ายค้านคงเสียวใส้ เลยต้องจัดไว้ในรอบดึก รอให้แฟนมวยหลับหมดซะก่อน แล้วค่อยลากขึ้นมาโซ้ย ไม่งั้นเดี๋ยวแกเกิดลุกขึ้นมาแถลงวิสัยทัศน์อีกหละซวยตายกันพอดี

เหลือพรุ่งนี้อีกวัน ใครๆก็ใจจดใจจ่อรอดูมวยเฮฟวี่เวท เรียกว่ามวยคู่เอกก็คงไม่ผิด นั่นคือน้าเหลิมวีเอสลุงเทือก ที่จริงก็หมัดหนักทั้งคู่ แต่ไฟต์นี้มันต่างกัน เพราะน้าเหลิมแกไปฟิตซ้อมมาใหม่จนได้ด็อกเตอร์ คิดแล้วก็เสียวแทนลุงเทือก ยังไงก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีก็แล้วกันนะลุง เรื่องเจ็บน่ะเจ็บแน่แต่ยังไม่รู้ว่าจะสาหัสซักแค่ไหน ถ้ายังไงคืนนี้ลุงเทือกก็น่าจะนอนหลับซะให้เต็มอิ่ม 

เพราะว่า..หลังจากเสร็จศึกพรุ่งนี้ ลุงเทือกอาจจะข่มตาหลับไม่ลงไปอีกนาน...

วโรทาห์: 25 มิ.ย. 51

Wednesday, June 25, 2008

สรุปอภิปรายลุงหมัก 23-24 มิถุนา

ช่วงนี้ชักมีอะไรแปลกๆ ไปไหนมาไหนเป็นต้องเห็นชาวบ้าน พยักหน้าหงึกหงักๆกันทั่วบ้านทั่วเมือง แถมพอเจอหน้าปุ๊บต้องทักกันปั๊บว่่า วันนี้คุณพยักหน้าแล้วหรือยัง พอสืบสาวราวเรื่องลงไปถึงได้ร้องอ๋อ ว่าเขาพยักหน้าให้ลุงหมักกันนี่เอง

ก็ตั้งแต่รายการลุงหมักคุยไปบ่นไปวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนานั่นแหละ ที่แกบอกว่าถ้าประชาชนทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ช่วยกันพยักหน้า เดี๋ยวลุงหมักจะจัดให้

เอาเหอะ ถึงอยากจะพยักหน้ากันซักแค่ไหน แต่ช่วงนี้คงต้องเพลาๆเอาไว้ก่อน เพราะกำลังนี้ลุงหมักแกกำลังงานเข้า ก็ส.ว.ลากตั้งกับฝ่ายค้านนั่นแหละ มันรวมหัวกันป้อนงานมา เล่นต่อซิกกับอันธพาลหน้าทำเนียบ กระเหี้ยนกระหือรือ จะจับลุงหมักมาลงแขก เห็นแล้วก็พาลเสียวไปถึงสะดือจุ่น วันจันทร์เปิดมาเห็นว่าจะล่อกันเละ แต่พอถึงเวลาไหงมันกลายเป็นหนังคนละม้วนไปก็ไม่รู้

ดำผุดดำว่ายกันยกใหญ่ กระดี๊กระด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ก็ลุงหมักกับน้าเหลิมน่ะสิ เข้าสภาได้ก็ไล่ตบเด็กน้อยหน้าแก่กันเรียงตัว พวกส.ว.เสียวเว้ยได้แต่นั่งตัวลีบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม คอยส่ายหัวหลบหลังมืออย่างเดียว สม..ก็ไหนว่าจะมาต้อนลุงหมัก พอเอาเข้าจริงดันมายืนอ่านโพย เลยเจอโซ้ยซะเสียผู้เสียคน ได้แต่นั่งพยักหน้าหงึกหงักๆ

หน็อยแน่อาสามาเป็นกระจกให้ลุงหมักส่อง โถ..บิดๆเบี้ยวๆออกอย่างนั้น ใครส่องไปก็ซวยตาย กระจกที่เต็มไปด้วยมายาคติ ยังสะเออะเสนอหน้ามาให้เค้าส่อง แค่ส่องเงาหัวตัวเองยังไม่ได้ ยังกล้าไพล่มาให้คนอื่นส่อง กระจกอุบาทว์อย่างนี้ไม่ต้องถึงกับเอามาส่องหรอก แค่เก็บไว้ไม่ทำลายทิ้ง ก็เป็นกาลีบ้านกาลีเมืองกันไม่เลิกแล้ว

ต้องขอยืมสำนวนของเสี่ยตู่หรือพี่เสฯเค้าหน่อย คำที่ผรุสวาทออกไปแล้วลูกน้องชมชอบกันยกใหญ่ว่า "_วายหรือเปล่า?" จะฆ่าลุงหมักกลางสภานี่อะนะ "_วายหรือเปล่า?" โถ..คนเกิดมาจากสภา กินอยู่กับสภาจนอายุปาเข้าไป 73 ฝน ยังกล้ามาท้าลุงหมักดวลกันในสภา แล้วจะมีคำไหนเหมาะสมไปกว่าคำว่า "_วายหรือเปล่า?"

สรุปว่าวันแรกผ่านไป ทั้งลุงหมักน้าเหลิมได้โอกาสชี้แจงผลงานออกอากาศไปทั่วประเทศ คำชี้แจงก็เหมือนกับที่ท่านเคยพูดให้พวกเราฟัง แต่สื่อมันไม่ยอมไปเผยแพร่นั่นแหละ ต้องขอบคุณท่านส.ว.ลากตั้งทั้งหลาย ที่อุตส่าห์มีน้ำใจอนุเคราะห์ชงมาให้ ผู้เฒ่าทั้งสองเลยสบายไป ยกซดโฮกฮือชุ่มคอชื่นใจ วันหน้าเอาใหม่ จะไม่ลืมพระคุณจริงๆ

กระเหี้ยนกระืหือรือของแท้อยู่ที่วันอังคาร ประเดิมด้วยมะม่วงจำบ่มออกมาวาดลวดลายป้ายสี ต้องยอมรับเลยว่า ช้วนเวอร์ชั่น2นี่ มีฟังค์ชั่นเพิ่มขึ้นมาอีกเพียบ นอกจากได้ลูกเสียดสี เยาะเย้ยถากถาง แนะแหน โป้ปดมดเท็จมาครบเครื่องแล้ว ยังเติมเต็มด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท วางมาดยะโสโอหัง โอย..บรรยายไม่ถูก ต้องไปเห็นกับตาถึงจะสะใจ

เอาเป็นว่า ดาวร้ายหนังไทยยังต้องอายม้วนต้วน ถ้าใครเห็นแล้วไม่จี๊ดยินดีคืนเงินให้ก็แล้วกัน เสียแต่ว่ารูปร่างหน้าตามันไม่ให้ ถ้าติดหนวดเข้าไปมันจะกลายเป็นชาลี แช็ปปลิ้นซะฉิบ ยังไงก็ไม่เข้ากับคอนเซ็ปต์ เลยต้องยอมกระโดกกระเดก หน้าไปทางเด็กส่งเอกสาร แต่มาดดันออกไปทางเสือโหย

สรุปว่า 8 ชั่วโมงเต็มๆ ล่อมันแต่เรื่องเขาพระวิหารไม่รู้จักเบื่อ เริ่มตั้งแต่เด็กม. 7 ขึ้นมาปูพื้น แล้วที่เหลือก็ดาหน้าออกมาขย่ม ทั้งเจ้าสาทิตย์วงศ์ปากห้อย เจ้าจ้อนจอมแหล เจ้าโชคจอมกวน แล้วอีกคนหน้าไม๊ใหม่ คงหวังมาแจ้งเกิด แต่กลายเป็นแจ้งตายไปซะฉิบ แม้แต่หม่อมสุขุมพันธ์ที่รักษามาดมาดิบดี ยังมาตกม้าตายไปดื้อๆ เพราะไปว่า "นายกฯไร้วุฒิภาวะ" แท้ๆ

เรื่องของเรื่องมันจะปลุกกระแสรักชาติ โจมตีนพดลกระทบชิ่งไปเล่นทักษิณ ว่างั้นเหอะ เนื้อหาจริงๆก็เหมือนที่ชาวบ้านเค้าอ่านจากหนังสือพิมพ์มาเป็นเดือนแล้วนั่นแหละ ถ้าจะพูดกันจริงๆ ไม่เกิน 5 นาทีก็จบ แต่ที่อุตส่าห์ลากยาวไปเกือบครึ่งวัน ก็เพื่อที่จะแถไปกัดทักษิณให้เลือดโชก ด้วยข้อหาโกงกินขายชาติสาระพัดที่จะพูด โถ..เค้ารู้แกวกันหมดแล้วหละลุง

ฟังมันอภิปรายแล้วก็สงสารตัวเอง ว่าเวรกรรมอะไรน้อต้องมาฟังคนบ้าพล่าม ให้มันลากไปทางโน้นทีทางนี้ที เล่นเอามึนตึ้บไปหมด บางทีเคลิ้มๆฟังเหมือนกับว่า มันกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจจอมพลสฤษดิ์ ที่เป็นนายกฯอยู่ตอนแพ้คดีไปโน่น แล้วก็พาลาดตระเวณไปเรื่อยๆ มีแต่น้ำล้วนๆ อยากได้เนื้อก็ต้องควานหากันเอาเอง

จริงๆแล้ว ประเด็นมันก็มีแค่ว่าศาลโลกตัดสิน ให้เขาพระวิหารเป็นของเขมรไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2505โน่น ไทยเรายังไงก็ต้องปฏิบัติตาม เพียงแต่ว่าไปทำคำขอสงวนสิทธิ์ต๊ะไว้ซะหน่อย เผื่อว่าวันหน้าวันหลัง เจ้ามะม่วงจำบ่มอยากรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่จะได้ลุยไปได้เลย

คราวนี้พอรมต.นพดลไปออกแถลงการณ์ร่วม รับรองให้กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหารได้ พวกบ้ามันเลยโมเมว่าเป็นการยกเลิกคำขอสงวนสิทธิ์ สรุปดื้อๆไปเลยว่าเสียดินอดนขายชาติไปโน่น แถมยังโยงไปถึงว่านายกฯทักษิณอยู่เบื้องหลัง มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าให้อีก

มันคงลืมไปว่า นพดลนี่เค้าทนายระดับเทพ ถ้าไม่แน่จริงนายกฯทักษิณคงไม่เรียกใช้บริการ เลยสามารถตอบได้ชัดเจนครบถ้วนกระบวนความ มีหลักฐานประกอบพร้อม ยกเว้นที่ส่อเสียดแถไปแถมาไม่รู้จะตอบยังไง

สั้นๆง่ายๆก็คือว่า ตั้งแต่สมัยขิงแก่มาแล้ว ที่เขมรขอขึ้นทะเบียนไป แต่เค้าขอทั้งตัวปราสาทกับที่ดิน กินแดนมาถึงฝั่งไทย ทางกระทรวงต่างประเทศเลยไม่ยอม เรื่องก็ค้างเติ่งคาราคาซังอยู่ รอหยิบยกขึ้นพิจารณาใหม่วันที่ 2 กรกฎา คราวนี้เราก็เลยต้องรีบเดินเรื่องให้ทันวันนั้น ไม่งั้นอาจจะเสียสิทธิ์ พวกบ้ามันก็เลยไปป่วนว่าพฤติการณ์ลุกลี้ลุกลนน่าสงสัย ให้มันได้ยังงั้นซีน่า

จริงอยู่ตอนแรกฝ่ายไทยเราคัดค้าน แต่เมื่อเขมรยอมรามือ เปลี่ยนมาขึ้นทะเบียนแค่ตัวปราสาทอย่างเดียว ไทยเราเลยยอมสนับสนุน ถึงมาออกแถลงการณ์ร่วมอย่างที่เห็น เอ้า..มันก็แหลไปอีกว่าทำไมเปลี่ยนท่าที น่าสังสัยว่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน เออ..ไปได้เรื่อยๆเหมือนกันเนาะ

มาถึงแถลงการณ์ร่วม มันบอกว่าถือเป็นสนธิสัญญา ต้องผ่านสภาก่อนถึงจะลงนามได้ แต่กรมสนธิสัญญาเขาก็ยืนยันอยู่โต้งๆว่ามันไม่ใช่ และที่บอกว่าถือเป็นการสละสิทธิ์ที่ขอสงวนไว้ คุณนพดลเขาก็อธิบายว่าไม่มีการระบุในแถลงการณ์ซักกะติ๊ดว่าสละสิทธิ์ แถมยังระบุไว้เผื่อเหนียวด้วยซ้ำในข้อ 5 ว่า การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ ไม่มีผลกะทบต่อการปักปันเขตแดนของประเทศทั้งสอง

นอกจากนี้ อนุสัญญามรดกโลกก็ยังมีข้อกำหนดอยู่ว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่ตั้งอยู่บนดินแดนที่มีข้อพิพาท ไม่กระทบถึงอธิปไตยของประเทศคู่กรณี นี่..มีภูมิคุ้มกันอยู่ถึง 3 ชั้น มันไม่พูดกันซักกะแอะ เลือกพูดแต่ที่มันจะเป็นเรื่อง เดี๋ยวบ้านเมืองจะสงบเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ

ตามข้อเท็จจริง ใครๆก็ยอมรับว่า คำตัดสินของศาลโลกนั้นไม่มีการอุทธรณ์ แต่ถ้ามีข้อโต้แย้งก็ขอรื้อฟื้นคดีได้ภายใน 10 ปี แต่นี่ผ่านมา 46 ปีมันค่อยมารื้อฟื้นกันเอง ดูมันโง่้มั้ย แล้วอีกอย่าง ถ้าเรามีหลักฐานใหม่เมื่อไหร่ก็ขอรื้อฟื้นได้โดยไม่ต้องทำคำขอสงวนสิทธิ์ไว้อยู่แล้ว แล้วทำไมยังจะเป็นจะตายกับหนังสือนั่น

เป็นไงล่ะ หาเรื่องให้เค้ามีโอกาสมาชี้แจงในสภา สุดท้ายแทนที่นพดลจะเป็นคนขายชาติ กลับกลายเป็นคนที่ไปต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยไปซะฉิบ

งานนี้ที่เป็นปัญหาจริงๆคือพื้นที่ทับซ้อนหน้าวิหารนั่นแหละ ใครกันแน่ที่ปล่อยให้คนเขมรเฮละโลกันมาเปิดแผงขายลูกชิ้นปิ้งกันเป็นล่ำเป็นสัน เห็นเค้าว่าทำกันมาตั้งแต่ปี43 รัฐบาลของใครเอ่ยปากแหลมๆผมตั้งๆ ท่านมะม่วงจะไม่ไปลากใส้ออกมาโชว์กันหน่อยหรืือ เห็นเก่งนักเก่งหนากับนายกฯทักษิณนี่

แหม..ตอนฟังมันอภิปรายนี่ก็เกือบเคลิ้มไปเหมือนกัน ยังคิดเลยว่า ถ้าพวกเวรปากปีจอนี่เกิดทัน เราคงไม่ต้องเสียเขาพระวิหาร หรือถึงจะเสียไปก็ต้องมีคนรับผิดชอบ อย่างหม่อมเสนีย์นี่ ต้องเจอตัดหัวเสียบหัวประจานเป็นคนแรก แล้วฝีมือปลุกระดมระดับนี้ มีหรือที่จอมพลสฤษดิ์จะพ้นเงื้อมมือ นี่พูดถึงว่าถ้าจอมพลผ้าขะม้าแดง ไม่รวบพวกมันไปกุดหัวซะก่อนนะ

สงสารก็แต่กองเชียร์พรรคโบราณ ที่ได้แต่นั่งจ๋อยเป็นลิงเมายา อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งรอหมัดเด็ด ตามราคาคุยของเจ้ามะม่วงจำบ่ม สุดท้ายกลายเป็นตัดข่าวมาจากนสพ.ล้วนๆ เอามาใส่สีตีไข่แล้วเสิร์ฟกันร้อนๆ เลยโดนสวนซะหมดรูป ตกลงว่าจะต้องแพ้อีกกี่ครั้งถึงจะสาแก่ใจ ต้องใบบัวบกอีกกี่ปี๊บถึงจะหายช้ำใน ต้องแห้วอีกกี่เข่งถึงจะพอให้หายมัน

ว่าแต่เจ้ามะม่วงจำบ่มเหอะ เห็นว่าตอนนี้ดังเป็นพลุแตกอยู่ในกัมพูชา จนคนไทยในเขมรแทบจะจับไข้สั่นกันเป็นแถว

แล้วนี่ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูได้เป็นนายกฯขึ้นมา จะไปมองหน้าชาวกัมพูชาเค้ายังไงกันละนี่

วโรทาห์: 25 มิ.ย. 51

Monday, June 23, 2008

โ้อ้ย..ออกหมัดซะทีสิ..ลุงหมัก

อึดอัดหาวเรอไปตามๆกัน..ลุงหมักเอ้ย มัวแต่ยืนซื่อบื้อให้ม็อบมารมันตุ๊ยเอาๆอยู่นั่นแหละ เห็นแล้วมันให้คันไ้ม้คันมือ อยากขึ้นเวทีไปชกเองซะให้รู้แล้วรู้รอดไปซีน่า อุตส่าห์เลือกมวยประเภทไฟ้เตอร์ เดินหน้าฆ่ามันแล้วเชียวนา แต่เอาเข้าจริงไหงขึ้นไปยืนเซ่อเป็นแมวเซื่องอย่างนั้นก็ไม่รู้

ยิ่งเห็นกองเชียร์ฝ่ายโน้น มันร้องเชียร์พวกกันเย้วๆแล้วก็ยิ่งชีช้ำ ให้รู้สึกจี๊ดๆเจ็บกระดองใจบอกไม่ถูก บางคนถึงกับออกปากว่า แม่_เอ๊ย เป็นข้าหน่อยไม่ได้ ป่านนี้มันเน่าเป็นปุ๋ยไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เหลือเป็นพ่อไว้ทำพันธุ์หรอก ว่าเข้าไปนั่น

ย้อนไปสมัยก่อน ตอนที่ลุงหมักยังเชียร์มวยอยู่ข้างเวที ความรู้สึกแกก็ไม่ต่างกับเรา เห็นน้าแม้วไม่ยอมออกหมัด แกก็ฮึดฮัดๆ บอกว่าถ้าเป็นแกหน่อยไม่ได้ จะสั่งตำรวจกวาดพวกม็อบกุ๊ยออกจากถนนให้สิ้นซาก..แล้วเป็นยังไงหละ พอแกขึ้นเวทีเองมั่ง ก็เซ่อรับประทานไปเหมือนกันแหละลุง

ก็บอกแล้วไง ว่าม็อบพวกนี้มันเล่นของ ไม่ลองไม่รู้ พอขึ้นเวทีมาถึงรู้ว่าเจอตอ ลองถ้าเป็นม็อบชาวไร่ชาวนาสิ ป่านนี้มันจะไปเหลือเรอะ พวกปล่อยหมากัดทีเดียวก็กระเจิงไปแล้ว แต่นี่มันม็อบศักดินา เบื้องหลังมันใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม ใครเห็นเข้าก็เข่าอ่อน ขนาดว่าลุงหมักนี่มวยเฮฟวี่เวทแล้วนะนั่น แถมน้าเหลิมให้อีกคนยังไปไม่เป็นก็แล้วกัน

เรื่องของเรื่อง ก็ม็อบแป๊ะนั่นแหละมันเรื่องมาก พออยู่นานเข้าก็ชักจะรากงอก ทำไปทำมาสาวกเริ่มจะหลังยาว กินๆนอนๆจนจะอืดเป็นปลาพยูนไปแล้ว เลี้ยงไว้ก็เสียข้างสุก เลยต้องต้อนไปออกเอ๊กเซอร์ไซส์กันหน่อย ถือฤกษ์เอาวันศุกร์ที่ 20 มิถุนา เป็นโจราฤกษ์ ออกปล้นสดมภ์ยึดถนนหน้าทำเนียบเอามานอนต่อ

ว่าแล้วเชียวมันต้องมีอะไร ก่อนหน้านี้ฝนตกหนักไม่ลืมหูลืมตามา 2 วัน บางคนว่าน่าจะอาเพศ ฝนตกหนักอย่างนี้ ระวังให้ดีจะมีขี้หมูไหล แต่ชาวบ้านที่ราชดำเนินเขากลับเห็นต่าง บอกว่าฝนตกกรรโชกเอาเป็นเอาตายอย่างนี้ มันเป็นฝนไล่ซวย แล้วก็จริงอย่างว่า หลังจากนั้นตัวซวยก็เริ่มย้ายหนี นับเป็นเหตุบังเอิญโดยไม่ได้นัดหมาย ม็อบผีบ้าก็เคลื่อนพลในวันเดียวกัน

หะแรกเห็นโม้ว่าจะระดมกันมาเป็นล้าน แต่พอเอาเข้าจริงก็มีแต่ราคาคุย ที่เห็นโย่วๆผลักกันไปผลักกันมา ไล่ยำตำรวจอยู่นั่น คะเนด้วยสายตาถ้าเลยหมื่นก็นิดหน่อย นี่ขนาดว่าขนกันมาจากทั่วประเทศแล้วนะนี่ แต่ถ้าเอาอายุมารวมกันหละไม่เถียง นับนิ้วไปมาบ๊ะไม่ใช่ล้อเล่น ขี้หมูขี้หมาถ้าไม่ถึงล้านก็เฉียดๆ

ศึกครั้งนี้ อาแป๊ะกับหัวเกรียนทุ่มทุนสร้างกันเต็มที่ ได้แรงบันดาลใจมาจากสงคราม 9 ทัพ แยกย้ายกันเข้าตีจากทุกทิศทุกทาง แล้วก็เป็นไปตามคาด พวกผู้ชายมาดแมนพากันปีนขึ้นหลังช้าง ขับผู้หญิงออกหน้าเป็นพลเดินเท้า รับหน้าที่ไปตายก่อน นี่ยังดีว่าโครงการโล่ห์ศักดิ์สิทธิ์ถูกยกเลิกไปซะแล้ว ไม่งั้นคงได้เห็นป้าๆยายๆ นุ่งชุดตะเบ็งมานถือโล่ห์เดินก๋า นำหน้าออกศึกให้โลกตะลึง

งานนี้กะว่ายังไงก็ต้องได้เลือด วางแผนซะดิบดี เกณฑ์อาซิ้มอาซ้อไปอยู่แนวหน้า ล่อให้ตำรวจตีตายซักคนสองคนแล้วเอาศพแห่ประจาน แค่นั้นแหละลุงหมักก็ไม่มีแผ่นดินอยู่แล้ว สื่อชั่วในอาณัติก็ซักซ้อมเตรียมพร้อมรับใช้กันเต็มที่ แต่ที่ไหนได้พอถึงเวลาจริงๆ ทหารเลวโห่ฮิ้วฮาป่าบุกเข้าลุยตำรวจ ฮึกเหิมซะไม่มี เจ้าหน้าที่ก็เย่อด้วยพอให้ได้เหงื่อ แป๊บเดียวก็ปล่อยเลี้ยวซ้ายผ่านตลอด เล่นเอาเหวอกันไปทั้งกองทัพ

เรียบร้อยโรงเรียนแป๊ะ กองทัพอันเกรียงไกร ยึดถนนพร้อมไฟเขียวไฟแดงไว้ได้โดยละม่อม อาซิ้มอาซ้อไ่ม่มีโอกาสได้หลั่งเลือดแม้แต่หยดเดียว แป๊ะรู้เข้าถึงกับเข่าอ่อน เอาอีกแล้วลุงหมัก มาไม้นี้อีกแล้ว ทำเป็นขึงขังๆให้ดีใจเล่นๆ เสร็จแล้วก็ไม่ชก กลายเป็นจอมสับขาหลอกคนใหม่ไปเรียบร้อย โรนัลโด้เห็นแล้วจะบ้าตาย เจอโรนัลหมักเข้าไป แทบจะเอาหัวไปมุดส้วมให้รู้แล้วรู้รอด

บ้าเอ๊ย..รู้งี้เดินไปเฉยๆซะก็หมดเรื่อง ไม่ต้องมาจัดท้งจัดทัพให้มันวุ่นวาย อุตส่าห์นั่งคิดวางแผนจนหัวหมูแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ กว่าจะคิดแผน 9 ทัพออกมาได้ สมองส่วนหน้าก็แทบพังยับเยิน จริงๆถ้าไม่เรื่องมาก ตกดึกถนนโล่งๆ เดินจ้ำๆเอาหน่อยไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว นี่ดันไปวาดลวดลายเดินทัพอ้อมโลก เลยซัดไปเกือบ 10 ชั่วโมง หมดค่าโสหุ้ยไปบานตะเกียง

อะไรไม่ว่า หลังจากยึดถนนได้ประกาศชัยชนะเสร็จสรรพ ยังต้องมาประชุมว่าจะไปยังไงต่อ ถ้าต้องประท้วงยืดเยื้อต่อไปละซวยแน่ เพราะว่าถนนที่ยึดมามันทั้งแคบทั้งร้อน สู้ที่เก่าก็ไม่ได้ ต้นไม้ร่มครึ้มนอนสบาย คราวนี้กลายเป็นต้องมานั่งเหงื่อแตก จะย้ายอีกทีก็ไม่ได้แล้ว เพราะว่าดันบุกเข้าถึงศูนย์กลางการบริหารประเทศ ย้ายอีกทีก็คือถอย เดินหน้าอีกทีก็เจอคุก เวรกรรมแล้วไม๊ล่ะแป๊ะ

สรุปว่าเก๋าเจ้งอีกตามเคย ลุงหมักโกยคะแนนใส่กระบุงแทบไม่ทัน เพราะภาพที่สื่ออุตส่าห์ช่วยกันประโคมออกไป เพื่อให้เห็นความยิ่งใหญ่ของม็อบแป๊ะ กลับกลายเป็นเห็นความเฮ้วของม็อบเถื่อน แทนที่ตำรวจจะสลายม็อบ กลับกลายเป็นม็อบสลายตำรวจไปซะฉิบ ม็อบไม่ได้บาดเจ็บซักกะติ๊ด แต่เจ้าหน้าที่แขนขาหักกันระนาว งานนี้ตำรวจเลยกลายเป็นพระเอกไปตามระเบียบ

สื่อต่างชาติยังชมเชยกันยกใหญ่ นักวิชาการน้ำดีก็ชมเปาะว่าลุงหมักซู้ดยอด คุมอารมณ์ได้ดี ไม่หุนหันพลันแล่นไปล่อกบาลใครง่ายๆ หุ้นก็พลอยพุ่งกระฉูด นักเล่นหุ้นออกมากำเสี่ยขอบคุณลุงหมักกันเสียงขรม ฐานที่ไม่ลงมือลงเท้าทั้งๆที่โดนกวนโอ๊ย เรียกว่าได้คะแนนจากฝ่ายที่เป็นกลางมาจมหู

เบื้องหลังเค้าว่า ที่ม็อบบ้าไม่กลัวตายกัน เพราะว่างานนี้เค้าจ่ายหนัก ถ้าได้แผลมาแอนตาซิลจ่ายทันที แผลละ 2 หมื่นสดๆเห็นๆ ค่ารักษาอีกต่างหาก สุภาพสตรีนักกู้ชาติเลยคึกจัด เจอตำรวจเป็นรี่เข้าใส่ ออกแรงเต็มที่ผลักตำรวจซะเต็มแรง แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่เค้าเชิงสูง ทำเป็นเย่อพอเป็นพิธีแล้วปล่อยให้หัวคะมำ เล่นเอาแม่คุณทั้งหลายถึงกับหัวเสีย หันมาค้อนขวับ แล้วตะโกนต่อว่า

"นี่..ใจคอ จะไม่ล่อซะผัวะสองผัวะเลยหรือคะคุณตำรวจ" ที่ยั่วยวนนี่กะว่าจะได้ซักแผลสองแผล แต่ตำรวจหนุ่มกลับยิ้มลูกเดียว แล้วตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า

"ไม่หรอกคร้าบ ถึงผมไม่ตี ป้าก็อยู่ได้อีกไม่นานอยู่แล้ว เรื่องอะไรจะให้มาตายคามือผมหละคร้าบ"

วโรทาห์: 23 มิ.ย. 51

Friday, June 20, 2008

ศักดินา..ถอดใจซะแล้ว

ถอยดีก่า..ม่ายอาวดีกา เสียงขี้เมาแหกปากครวญเพลงโปรดดังลั่นซอย เป็นเวลาเดียวกันกับที่อาจารย์รัฐศาสตร์จูงลา กำลังเจี้อยแจ้วผ่านจอตอนกลางดึก เกี่ยวกับวิกฤติการเมืองในสารขัณฑ์ หลักใหญ่ใจความคือบอกว่า ให้ลองเปลี่ยนวิธีคิดดู เพราะอาจจะถึงเวลาต้องหันมาหาความจริงกันแล้ว

จากนั้นยังเม้าท์ต่อไปอีกว่า วิกฤติครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้ากันของคน 14 ล้าน กับ 10 ล้านคน ถ้าปะทะกันเมื่อไหร่ ไม่ใครก็ใครต้องเละตุ้มเป๊ะเป็นแน่ เลยเสนอไอเดียว่า ทำไมไม่ใช้ประชาธิปไตยมาจัดการกับปัญหาความขัดแย้งหละ ประชาธิปไตยจะทำให้คนที่มีความเห็นต่างกันสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เออ..ถ้าพูดอย่างนี้ซะตั้งกะ 3 ปีที่แล้ว มันก็ไม่มีวันนี้หรอก'จารย์

ก็ไม่รู้ว่าใครก็อปใคร แต่ความเห็นมันดันไปสอดคล้องกับแมลงสาบอาวุโสโดยไม่ได้นัดหมาย เลยต้องกลับไปพลิกดูหนังสือพิมพ์ขยะรายวันหัวเขียว คอลัมน์ของเจ้าจิ้งเหลน ประชุมเพลิง แหม..มันเกริ่นนำซะหยดย้อย บอกว่าอาจมหมอทู่เรศ บัดสี ท่านเป็นคนมีใจสูง มองจากมุมสูง.. อ้วก..เจ้าขี้เมาคนเดิมอ้วกแตกจนได้ เป็นอย่างนี้ประจำ

ใจสูงไม่สูงใครจะไปรู้ได้ แต่มุมสูงนี่แน่นอน คนกำลังจะโดดตึกตาย ภาพสุดท้ายก็ต้องมองจากมุมสูงแหงๆ แต่เอาเหอะ ยังไงก็ยังอุตส่าห์มองมาได้ตั้ง 3 ข้อแน่ะ ข้อแรกบอกว่า ให้ยอมรับสภาพปัจจุบันซะ อย่าไปคิดเปลี่ยนขั้ว เพราะมันจะขัดแย้งกันไม่จบ เออ..พูดดีคิดดีก็เป็นกับเค้าเหมือนกันแฮะ

แต่โถพ่อคุณ อุตส่าห์ทำทางมาซะดิบดี แค่ขึ้นต้นไปได้ข้อเดียวก็ดีแตกซะแล้ว ที่เหลือ 2 ข้อดันแว้งไปกัดทักษิณซะจมเขี้ยวตามฟอร์ม ไม่เสียยี่ห้อแมงกะจั๊วจริงๆ ให้ดิ้นตาย สรุปสุดท้าย ไปๆมาๆมันก็คิดอย่างเก่านั่นแหละเจ้าเฒ่า มีแปลกใหม่มาจึ๋งเดียวก็ตรงข้อ 1 เท่านั้นจริงๆ

นั่นเป็นแซมเปิ้ลเล็กๆน้อยๆ จากคนที่แสดงความประสงค์ ออกมาโชว์วิธีกลับหลังหันหน้าด้านๆให้ดู แต่พูดกันตามตรง หลังๆมานี้มันก็มีสัญญาณว่า ศักดินาชักจะถอดใจแล้วเหมือนกัน สังเกตุง่ายๆ ยิ่งนับวันนักวิชาเกินชักจะหลงคีย์กันเยอะขึ้น สุ้มเสียงชักจะแปร่งๆ แกว่งไปก็แกว่งมา ทำท่าว่าจะร้องไปคนละเพลงสองเพลงซะแล้ว

หันไปทางผู้หลักบักใหญ่ทั้งหลาย กำลังนี้ก็ทะยอยเผ่นหนีออกนอกเมืองกันอุตลุต บางคนไปไม่เป็น ยังอุตส่าห์มุดเข้าไปลี้ภัยในโรงพยาบาลก็เอา เห็นแล้วก็เป็นห่วง ยังไงก็ระวังกันไว้บ้างเน้อ ขาออกก็ออกมาทางเดิมหละ อย่าให้ต้องเอาออกด้านหลังก็แล้วกัน...

ก็จะไม่ให้ถอดใจยังไงไหวล่ะ วัดกระแสหยั่งเสียงทีไรก็แพ้กระจุยทุกที อุตส่าห์ส่งมารทั้งห้าออกมาป่วนเมือง เบื้องหลังเบื้องลึกเตรียมเคลียร์หน้าไพ่รอคั่วสเปโต หวังไพ่ปฏิวัติเต็มที่ แต่ที่ไหนได้ ลุงหมักดันจั่วเอาไปกินจ้อย วืดไปตานี้เล่นเอาแทบจะหมดแรง ลำพังประท้วงเย้วๆ มันยึดอำนาจรัฐได้ซะเมื่อไหร่ ต่อให้ประท้วงไปให้ตาย ถ้าปฏิวัติไม่ได้ก็หมดกัน

มาถึงวันนี้แล้ว ใครกล้าปฏิวัติต้องถือว่าโง่เต็มที แต่อย่าทำเป็นเล่นไป เรื่องโง่ๆนี่ยังวางใจทหารได้เสมอ ลุงหมักเลยต้องแท็กทีมกับผบ.ทบ. จับตัววางตาย ไม่ให้ทหารโง่ๆกระดิกกระเดี้ยได้ จริงๆก็เพื่อช่วยเซฟชีวิตพวกมันด้วยแหละ เพราะถ้าขืนออกมาอีกที งวดนี้ได้ยิงกันสนั่นเมือง

ก็พวกโง่ๆมันดันขู่ไว้ก่อนว่า ถ้าปฏิวัติสำเร็จเที่ยวนี้ไม่มีหน่อมแน้ม จะจับคู่แค้นมายิงเป้าเรียงตัวให้หมดเรื่องหมดราว ใจจริงคงกะขู่ให้คนกลัว แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าไปเตือนให้อีกฝ่ายสู้ตาย แล้วทหารฝ่ายประชาธิปไตยเค้าก็มีมากกว่า ถือกล้าปฏิวัติเที่ยวนี้ รับรองได้ว่า ต้องมีทหารฮีโร่ออกมาปราบกบฏเหมือนที่ฟิลิปปินส์แน่นอน

ทิ้งไพ่ไปทีละใบจนแทบไม่เหลือ ทุกวันนี้ที่ยังพออาศัยได้ก็มีแต่สื่อ แต่แค่สื่อมันจะไปทำอะไรได้ เอาแค่ช่วยประคองเกมส์ ไม่ให้ล้มคว่ำคะมำหงายไปต่อหน้าต่อตา ก็นับว่าบุญหัวแล้ว แต่ถึงยังไงก็ยังต้องนับถือน้ำใจกัน เพราะจะว่าไปแล้ว ที่เลี้ยงไม่เสียข้าวสุกแน่ๆ ก็เห็นมีแต่สื่อนี่แหละ เรียกว่าเลวได้เสมอต้นเสมอปลายไม่มีหลุกหลิกจริงๆ

ความจริงไม้้เด็ดที่หวังกันไว้เต็มที่ หลังจากพวกกบฏตกม้าตายไปเรียบร้อยแล้ว ก็คือพรรคเก่าแก่โบราณเก๋ากึ้ก แต่พูดถึงมันทีไร ศักดินาก็อยากจะบ้าตายทุกที เพราะทั้งช่วยเชียร์ช่วยหนุน ช่วยดุนช่วยดัน ช่วยเงินช่วยโกงสารพัด ยังเข็นมันไม่ขึ้น เล่นเอาอ่อนอกอ่อนใจไปตามๆกัน แล้วดูสิ มันมีสำึนึกกันซะเมื่อไหร่

ดูไปดูมา แม้แต่ศักดินายังถอยกันจนสุดซอยแล้ว เพราะไพ่ใบสุดท้ายอย่างม็อบมาร หงายออกมาก็โบ๋แต้ม ตั้งแต่ถูกลุงหมักสับขาหลอกให้จั่วลมจนหัวทิ่ม จากนั้นก็ฟอร์มหลุดมาโดยตลอด วันๆได้แต่นั่งแช่จนรากงอกอยู่บนถนนราชดำเนิน ผลาญค่าโสหุ้ยเล่นๆวันละล้าน เล่นเอานายทุนควักกันจนกระเป๋ามัน

เรื่องทุนนี่มันเรื่องใหญ่ จะหาคนที่ต้นทุนสูง กระเป๋าหนักควักคล่อง ควักกันได้ยาวๆอย่างเสี่ยอนุบาล ยังมีที่ไหนอีก นี่ยังดีว่าปลุกม็อบมาได้แค่หยิบมือเดียวนะนั่น ถ้าเกิดจุดติดมากันเป็นแสนอย่างที่คุยเอาไว้ ป่านนี้ได้กินล้างกินผลาญ ชิพผายกันไปตั้งแต่ต้นมือแล้ว

สุดท้ายจวนตัวขึ้นมา ศักดินาก็แค่เข้าเกียร์ถอย สงสารแต่พวกสื่อกับนักวิชาเกิน ที่บ้าเลือดเทกระเป๋าแทงไปจนหมดตูดแล้ว งานนี้ไม่มีเหลือแม้แต่ค่ารถกลับบ้าน 

สุดท้ายคงได้แต่ทำใจ ยังไงก็ต้องตายคาบ่อน

วโรทาห์: 20 มิ.ย. 51

Thursday, June 19, 2008

โหดมันฮา 2549 อันธพาลเผาเมือง


"2499 อันธพาลครองเมือง" เพิ่งคล้อยหลังไปแหม็บๆ แป๊บเดียวผ่านไป 50 ปี พัฒนามาเป็นเวอร์ชั่น2 "2549 อันธพาลเผาเมือง" ทิ้งมีดไม้ปืนสั้นหันมาลากรถถัง รุ่นใหม่ๆยังพอหยวน ถือว่าเชิดหน้าชูตา แต่นี่มันล่อรุ่นสงครามโลก เก่าๆผุๆเอามาโป๊วสีใหม่ แต่ยังอุตส่าห์ยึดอำนาจได้ จะเอายังไงกะมัน ยึดเสร็จไล่บี้กันน้ำบาน ป่านนี้ยังฮากันไม่หุบ

 

ปฏิวัติทั้งทีมันต้องมีทีเด็ด เปรี้ยวหวานเค็มเผ็ดถึงจะโหดมันฮา ลับลวงพราง จริงคือเท็จ เท็จคือจริง ชิงรักหักสวาท เฉือนคมกันโคตรๆ ปฏิวัติบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ผิดฝาผิดตัวมั่วกันไปหมด น้องแทงพี่ พี่แทงน้อง ติงต๊องกันสุดๆ

 

ควบลิ่วมานำโด่ง ทิ้งโค้งมาเข้าวิน หัวโจกขบวนการหน้าแหกต้องยกให้ป๋า อยู่ดีไม่ว่าดี เกณฑ์คนมาหมอบกราบเข้าหน่อยก็คิดว่าตัวเองเจ๋งเป้ง หลงเคลิ้มไปว่าเป็นเจ้าของประเทศ บังคับให้จ๊อกกี้แม้วลาออกไปโดยพลัน แถมยื่นคำขาดให้เลิกเล่นการเมืองไปชั่วชีวิต เมื่อไม่เชื่อฟังกันมันก็ต้องเจอดี เอ้าเด็กๆ..ปฏิวัติ..โลด


เรียบร้อยโรงเรียนคปค. ที่ตอนหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็นคมช. เพราะว่าเกิดผิดคิว ขัดข้องทางเท็คนิคเล็กน้อย.. เป็นไงล่ะ ถึงแก่แต่ก็ยังมีไฟ เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะป๋า เลยไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ปฏิวัติมันเรื่องชิวๆ เด็กป๋าสั่งได้ทุกคน สั่งก๋วยเตี๋ยวมาโซ้ยยังจะยากซะกว่า ลากรถถังออกมาเดินเล่นแป๊บเดียว แค่สะบัดแกร๊กก็จบข่าว


ประชาชนเฮกันตรึม ตีมือเป่าปากกันเฟี้ยวฟ้าว อัศวินป๋าขี่ม้าขาวมาปราบแม้ว เท่ห์ซะไม่มี แถมงานนี้ทีมงานเค้ามืออาชีพ ปฏิวัติอย่างสร้างสรรค์ ครีเอทีฟกันสุดๆ ทีมงานประชาสัมพันธ์ สั่งร้านทำพวงหรีด จัดดอกไม้มาแต่งรถถัง เรื่องโหดๆก็ทำให้ซอฟท์ลงได้ด้วยดอกไ้ม้สด เหมือนแต่งหีบศพยังไงยังงั้นไม่มีผิดเพี้ยน

วินาทีนั้นใครจะสุขใจไปกว่าป๋าเป็นไม่มี ถ้าไม่้ติดฟันปลอมจะเดินผิวปากให้โลกตะลึง แต่เอาเถอะ แค่ได้เดินยิ้มกรุ้มกริ่ม ยืดอกโชว์พาวอวดบารมีให้ใครต่อใครดู ก็เก๋สุดๆแล้ว หันไปโบกมือให้นักข่าว บอกกล่าวกันอย่างอารมณ์ดี

 

"มันจบแล้วลูก" แฮ็ปปี้กันถ้วนหน้า ป๋าจัดการให้เรียบร้อย ต่อไปนี้จะมีแต่ป๋าไม่มีแม้ว ประชาชนจะได้นอนตาหลับกันซะที เชื่อฟังป๋ามันดีอย่างนี้แหละลูก


"ยังจบไม่ได้!" เสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดังมาจากมุมมืดในสนามหลวง เล่นเอาป๋าสะดุ้งโหยง ฟันปลอมแทบกระเด็น..หลังจากนั้นยังสำทับตามมา ด้วยเสียงแปร้แปร๋นของหญิงเหล็กอีกระลอก

 

"ยังไม่ได้เริ่มเลย จะรีบจบไปไหน ไอ่แก่!"

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตป๋าก็เปลี่ยนไป อนาคตอันสดใสพลันดับวูบเหมือนตะเกียงที่ขาดน้ำมัน บอกลาชีวิตที่กำลังรุ่งเรืองสุดขีด ปักหัวดิ่งเหวลงนรก ชนิดที่ไม่มีวันได้เชิดหน้ากลับขึ้นมาแน่นอน ถ้าไม่ไปเกิดใหม่


ก็มันเล่นล่อกันคนละหนุบคนละหนับ จองกฐินสามัคคี ผูกปีด่าไม่ให้ซ้ำคำ ผลัดกันด่าตั้งแต่คนวันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ อังคาร เวียนไปจนครบเจ็ดวัน เสร็จแล้วยังกลับมาเริ่มรอบใหม่ไม่จบไม่สิ้น บางครั้งยังนัดกันมาผสมโรงด่าประสานเสียงอีกต่างหาก ในวาระโอกาสสำคัญๆ


ไม่โดนไม่รู้ ต้องโดนถึงจะซึ้งใจ งงเป็นไก่ตาแตก หารูออกไม่เจอ นั่งน้ำตาไหลพรากๆ นึกอยู่ในใจว่า อ้อ..ที่แม้วโดนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง แต่อย่างว่า แม้วโดนมันก็สมควร แต่ป๋าไม่น่าจะโดน แม้วมันคนเลว ป๋าสิเป็นคนดี ป๋ามีคุณธรรมจริยธรรมสูงส่ง ป๋าทำเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน มาทำกับป๋าอย่างงี้ได้ยังไง ป๋าไม่ย้อม..ป๋าไม่ยอม


ตอนแม้วโดนมันก็แค่แป๊บๆ แต่ตัวป๋าสิโดนยาว สวรรค์มีจริงหรือเปล่า ป๋าไม่แน่ใจ แต่นรกนี่ป๋าเห็นกับตา เจอเข้าไปเต็มๆ ไ่ม่รู้จะพูดยังไง เจ้าประคุณเอ๊ยยย..เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเจอะเจออะไรมันจะโหดซะขนาดนี้ อะไรมันจะด่าละเอียดซะขนาดนั้น วีรสตรีสีลมยังชิดซ้ายอายม้วนต้วน ต้องชิงฆ่าตัวตายหนีหนี้ไปเกิดใหม่


ก็มันเล่นด่าเช้าด่าเย็น ด่าตามเทศกาล ด่าซ้ำด่าซาก ด่าดีลิเวอรี่ส่งตรงถึงสี่เสา พอด่านานเข้าเห็นว่าป๋าชักจะอยู่ตัว มันเพิ่มรอบดึก โอย..ตายกันพอดี ไม่ต้องได้หลับได้นอนกันแล้ว คนแก่ยิ่งหลับยากๆอยู่ ดึกๆดื่นๆยังไม่ยอมเลิกรา ถึงเวลาจั๊กกะจี้จั๊กกะเดียม พอดีหมดฟิวไม่ต้องทำอะไรกัน


อุตส่าห์เอาบังออกหน้า มันยังอ้อมมาด่าป๋าแทนที่จะไปด่าบัง แล้วพวกลูกป๋าทรพีมันก็ดีๆทั้งนั้น เกิดเรื่องเกิดราวแทนที่มันจะช่วยกันออกรับ ที่ไหนได้ มันดันป๋าให้ออกหน้า เหมือนถีบหมาไปเข้ารก งานนี้ป๋าเลยโดนอ่วม ถูกหนามตำจนบานตะไท

พวกนักด่านี่มันก็เหลือเกิน ด่าได้ด่าดีไม่มีบันยะบันยัง พูดให้ตายมันก็ไม่ฟังกัน..อุตส่าห์บอกว่า พวกคุณต้องเชื่อผม จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่า.. ป๋าไม่ได้ทำ

ป๋า ม่าย ด้าย ทาม...

วโรทาห์: 19 มิ.ย. 51


Monday, June 16, 2008

ศึกสารขัณฑ์ 2008 ตอนที่ 3

โลกเรานี่มันก็แปลก ทีคนอยากได้แชมป์จนตัวสั่นระริก สู้อุตส่าห์แถกเหงือกแทบตายยังไม่ได้เป็น ปาป้าแป๋มซะอีก ไม่ได้อยากเป็นเลยให้ตาย ใครต่อใครถามไถ่ยังยืนบิดตะกูด นั่งยันนอนยันตีลังกายันว่า "ป๋มไม่มีฟามทะเยอทะยาน" ที่ไหนได้รปภ.รุ่น 7 เอาสิบล้อมาเสย ยกขึ้นแป้นไปเถลิงแชมป์เฉยเลย แถมยังโซ้ยซะ 8 ตุง มีไรปล่าว

พูดถึงรปภ.7 นี่ ต้องบอกว่าแสบๆท้างน้าน เจอลุงลองแค่คนเดียวก็แทบจะบ้าแล้ว ไหนจะลุงพัลลภคาร์บ๊องอีก แล้วยังมีลุงมนูญส.ว. คนที่พิสมัยตำแหน่งประธานเสียวเว้ยเป็นชีวิตจิตใจ แต่หลังๆมานี่ชักจะเงียบเสียงลง ถอยไปยืนแอบล้วง..อยู่ข้างหลัง รุ่นนี้แหละที่เค้าเรียกว่ายังเติร์ก ไม่ใช่โอลด์เติร์ก พูดไปใครจะเชื่อ ว่าแก่งั่กกันออกอย่างนี้ เมื่อก่อนก็เคยเป็นหนุ่มกับเค้่าเหมือนกัน

ต้นตำรับเมษาฮาวายก็มาจากพวกลุงเค้าแหละ ที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะออกมาเซิ้งกันตอนเดือนเมษา ทั้งๆที่ร้อนจนตับแล่บออกมาเป็นศอก ไม่รู้ว่าป๋าไปขัดใจอะไรพวกลุงแกเข้า เผลอแป๊บเดียวแกขับรถถังออกมายึดสนามแข่ง เรียบร้อยโรงเรียนรปภ. ป๋าเลยต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด โกยหน้าตั้งหันหลังกลับ วิ่งสู้ฟัดไปตั้งหลักใหม่ หายตกใจแล้วค่อยพลิกกลับมา ขาตั้งสู้อยู่กับรปภ.อาทิตย์

ดีว่าตอนหนีตายยังมีสติอยู่ รู้จักอุ้มพระประธานติดตัวมาด้วย เลยได้อาศัยวัดดวง ปลุกพระสู้กับฝ่ายยังเติร์กอยู่ตั้งใหญ่ แล้วเจ้ากรรมมันดันเวิร์คซะด้วย กลับกลายเป็นลุงมนูญต้องเผ่นหนีตัวปลิวซี้เลี้ยวหว่า เจอข้อหากบฏไปเต็มๆ หัวซุกหัวซุนไม่มีแผ่นดินอยู่ซะตั้งหลายปี จนรปภ.อาทิตย์ไปช่วยกลับมานั่นแหละ ถึงได้มาเสนอหน้าก่อกรรมทำเข็ญกับชาวสารขัณฑ์ได้จนกระทั่งทุกวันนี้

หลังสิ้นสุดยุคของปาป้าแป๋ม ดาวรุ่งดวงใหม่ก็ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด นอกจากปีเตอร์ช้วนที่มากางมุ้งรอตั้งแต่ไก่โห่แล้ว ยังมีลุงจิ๋วหวานจัด ที่สู้อุตส่าห์โชว์สปิริต ลาออกจากตำแหน่งใหญ่คับฟ้าผบ.รปภ. เพื่อมาตั้งทีม"ความหวังเหิ่ยว" ลงโม่แข้งชิงแชมป์อย่างเป็นงานเป็นการ ชูนโยบาย"อีสางเขียว"อย่างเดียว ก็ซื้อใจแฟนบอลไปอื้อ จนทุกคนพร้อมใจกันยกให้เป็น"พ่อใหญ่จิ๋ว"

อันว่าพ่อใหญ่จิ๋วคนดีคนนี้ ถ้าคบกันเล่นๆละก็พอได้ แต่ถ้าใครหลงไปเอานิยมนิยายกับแกเข้าละก้อ มีหวังประสาทกิน เพราะไม่ว่าคุยกับใครแกก็หวานจ๋อยไปซะหมด เรียกว่าหวานไม่บันยะบันยัง จนบางคนต้องแอบเข้าส้วมไปอ้วก เพราะทนความเลี่ยนของแกไม่ไหว

อีกอย่าง ปกติแล้วแกจะพูดปรัชญาสูงส่ง จนชาวบ้านอย่างเราๆฟังไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าวันไหนเกิดพูดรู้เรื่องขึ้นมาก็ยุ่งตายหง่าอีก เพราะแกจะพูดกลับไปกลับมาจนคนฟังงงเต้กไปตามๆกัน สรุปเอาเป็นว่า นอกจากลุงจ๊อดพันล้านแล้ว ไม่มีใครคุยกับแกรู้เรื่อง ก็แล้วกัน

ดาวรุ่งพุ่งแรงอีกดวง แม้จะเป็นดาวบ้านนอก แต่บอกชื่อไปแล้วไม่มีใครไม่รู้จัก เขานั้นหรือคือเสือเตี้ยมาราโดเติ้ง นักเตะพันธุ์เตี้ยแต่พรสวรรค์สูง ลีลาเด็ดสะเด่าราวกับมังกรสะดุ้งไฟ เตี้ยม่อต้อเป็นมะขามข้อเดียว แต่โฉบเฉี่ยวพลิกพลิ้ว ลื่นไหลปรู๊ดปร๊าด ปราดเปรียวว่องไว จนแม้แต่ปลาไหลตัวจริงยังอยากจะบ้าตาย ฝีเท้าระดับนี้ ลีลาก็ปานนั้น ถ้าประคองตัวดีๆ มีสิทธิฝันถึงแชมป์

แต่ที่แสบสุดๆมันต้องคนนี้ คนที่แม้แต่ปาป้าแป๋มยังต้องเอ่ยปาก ว่าลืมใครก็ลืมได้แต่สำหรับคนคนนี้ จนตายยังไม่ขอลืม จะใครซะอีกล่ะถ้าไม่ใช่แป๊ะลิ่ม คนขายหนังสือพิมพ์ในสนามแข่ง ที่ตอนหลังผันตัวเองมาออกหนังสือพิมพ์สตรีทซ็อคเคอร์ แปลเป็นภาษาสารขัณฑ์ว่าฟุตบอลข้างถนน ตั้งชื่อซะเก๋ไก๋ว่า"ผู้จับกรวย"

พูดถึงแป๊ะใครๆก็ต้องนึกถึงแบล็คฯ ถ้าเรื่องแบล็คเมล์แล้ว ไม่มีใครไม่กลัวแป๊ะ แต่จู่ๆไม่รู้ว่าไปแบล็คเมล์ท่าไหน ป๋าดันไม่รับมุขขึ้นมาดื้อๆ สร้างความยัวะให้แก่แป๊ะ จนต้องหันมาใช้หนังสือพิมพ์ของแก ก่นด่าป๋าซะเสียผู้เสียคน เล่นเอาป๋าประสาทกิน ต้องยอมเสียฟอร์ม เปล่งวาจาว่า"ป๋มปอแล้ว" ก่อนที่จะเด้งดึ๋งลงไปนอนคลุกฝุ่น กลายเป็นแค้นฝังหุ่นที่รอวันสะสางมาจนถึงวันนี้

จับตาดูให้ดี แป๊ะคนนี้ไม่ใช่ธรรมดา เรียกว่านรกถีบหัวส่งมา เพื่อเขย่าขวัญสั่นประสาท ชาวพาราสารขัณฑ์โดยเฉพาะ ก็แป๊ะคนเดียวกันนี่แหละ ที่ภายหลังได้พลิกผันมาทำไซด์ไลน์ ยึดอาชีพเป็นนักเตะข้างถนน สร้างชื่อจนโด่งดังในนามของ"เวนย์ ลิ้มนี่" ฝีเท้าระดับเทพ นิสัยยิ่งกว่ามาร แล้วยังผูกเสี่ยวกับพวกเหลือขอไว้เป็นกะตั้ก ฝนตกขี้หมูไหลเมื่อไหร่ รับรองได้ ว่าต้องโหดมันฮา

เรื่องคุณสมบัตินั้นอย่าไปหาซะให้ยาก แต่ถ้าโทษสมบัติหรือหายนะสมบัตินั้นเพียบพร้อม ฉลาดเป็นกรดแถมยังขี้โกงเป็นเลิศ ความทะเยอทะยานก็สูงปรี๊ด ไร้ขีดจำกัด ธุรกิจบ้าบออะไรแกจับหมด เห็นเค้ามีดาวเทียมก็จะเอามั่ง ไทยคมไม่ได้ลาวคมก็ยังดี หวังสูงถึงขนาดสร้างเครือข่ายธุรกิจ แผ่อิทธิพลไปทั่วโลก กะตั้งตัวเป็นเจ้าพ่ออัลคาลิ่มแข่งกับอัลคาโปน ว่างั้นเหอะ

นับว่าสวรรค์ยังมีตา หรือไม่ก็เวรของแป๊ะ ที่ก่อกรรมทำเข็ญมามากเกิน เลยทำมาหากินไม่ขึ้น ลงทุนอะไรก็เจ๊งชิพผายหมด ติดหนี้ติดสินจนหูตูบ แต่กลายป็นโชคดีของสารขัณฑ์ไป เพราะถ้าเกิดแป๊ะแกมีกำลังทรัพย์มหาศาล อย่างที่วาดหวังไว้แล้วละก้อ สารขัณฑ์คงเจ๊งวินาศสันตะโร กลายเป็นโจ๊กโดนระเบิดเป็นแน่แท้

ถ้าอยากรู้ชีวประวัิติของแป๊ะต้องไปถามคนนี้ ผู้สันทัดกรณีมีนามว่าเจ๊ขก ไม่ว่าใครถามไถ่แกเล่าได้เป็นฉากๆ ลากใส้แป๊ะออกมาตีแผ่ ว่าแม่ชื่อนางลก นามสกุลทงจี ส่วนพ่อชื่อเรียงเสียงไรไม่ปรากฎ เพราะแม้แต่ตัวแม่เองยังไล่เรียงไม่ถูก แล้วคนอื่นจะไปรู้ได้ยังไง

เด็กชายลิ่มในวัยกระเตาะ ถือได้ว่าเป็นเด็กยอดกตัญญูไม่เป็นสองรองใคร เช้ายันค่ำต้องได้ยินเสียงแม่คอยสรรเสริญไม่ขาดปากว่า "จ๋าสีเกี้ย" นอกจากนี้ยังเป็นที่รักใคร่ของลุงป้าน้าอา บ้านใกล้เรือนเคียง ใครเห็นใครทักว่า "ผูบ้อ เก๋าเจ้ง" ไปถึงไหนๆผู้ใหญ่ก็เอ็นดู เอ่ยปากชมเปาะไปถึงบุพการีว่า "แป่ไอ๊บ่อก๊าสี่"

เอาประวัติย่อๆพอกล้อมแกล้มไปก่อน บางวรรคบางตอนเจ้ขกแกต้องเข้ารหัสไว้ เพื่อไม่ให้ใครครหาได้ว่าชมจนเว่อร์ ถ้าอยากรู้ให้ครบถ้วนกระบวนความ ก็ต้องไปตามถอดรหัสกันเอาเอง รับรองว่ารู้แล้วต้องฮาตกเก้าอี้ แต่ว่าอย่าให้แป๊ะรู้เข้าเชียว ไม่งั้นมีหวังรากเลือดตายคาโถส้วม แล้วจะหาว่าไม่บอก

แค่ออกแขกยังมันซะขนาดนี้ ถ้าถึงคิวแสดงจริงจะแซ่บซะขนาดไหน อดใจรอชมกันต่อไป รับรองได้ไม่มีคำว่าผิดหวัง สำหรับแฟนบอลที่เฝ้ารอการโชว์ฝีเกือกของ...

เวนย์..ลิ้มนี่

วโรทาห์: 16 มิ.ย. 51

Wednesday, June 11, 2008

อารยะข่มขืน...

ไม่รู้มันจะไรกันนักกันหนา นับวันเสียงก่นด่าของชาวบ้านจะยิ่งดังขึ้นๆ โดยพุ่งเป้าไปทางสะพานมัฆวานเป็นหลัก ยิ่งสื่อเสี้ยมช่วยตีข่าวให้เห็นความยิ่งใหญ่ของม็อบเท่าไหร่ อารมณ์ของชาวบ้านมันก็ยิ่งพุ่งปรี๊ดขึ้นเท่านั้น มันไม่รู้กันหรือไง ว่าคนไทยไม่ชอบให้ใครมาข่มขู่ ไม่ชอบให้ใครมาเหยียบหัวอยู่อย่างนี้

เห็นพล่ามกันมาตั้งนานแล้วว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง แต่จนแล้วจนรอดจนป่านนี้ ยังไม่เห็นมันเจ๊งหรือตายซักที แถมยังออกฤทธิ์ออกเดชหนักเข้าไปใหญ่ ทำไปทำมาคนที่ตายหรือเ๊จ๊ง คงจะเป็นชาวบ้านซะหละมากกว่า

แรกๆเค้าก็เวทแอนด์ซีว่ามันจะเอายังไงกันแน่ บอกว่าคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังพอฟัง แถมเรื่องจักรภพให้อีกเรื่องก็ยังหยวนๆ แต่พอลุงหมักโชว์ลีลาปลดชนวนเกลี้ยงจ้อยทั้ง 2 เรื่อง เรียกว่าถอยให้จนสุดซอยแล้ว มันยังตามกัดไม่เลิก เลยเห็นได้ชัดว่านี่มันงี่เง่าแล้วนี่หว่า

ม็อบบ้าอะไรย้ายเป้าไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไหร่มันจะจบ เริ่มจากต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปลี่ยนไปเรื่อยจนถึงขั้นล้มล้างรัฐบาล เวลานี้มันบ้าหนักเข้าไปอีก ถึงขั้นอารยะขัดขืนกันแล้ว ถ้าดูจากแผนที่ที่เรียกว่าโร้ดแม็ป ทิศทางมันก็จ่อคุกเข้าไปทุกที หรือชะรอยว่านี่จะเป็นภาวะ อารยะสับสนเสียแล้วกระมัง

จริงๆแล้วอารยะบ้าบออะไรนั่น ชาวบ้านเค้าไม่รู้เรื่องด้วยหรอกนะ รู้แต่ว่าม็อบมาเฟียกำลังอารยะข่มขืนประเทศไทย โชว์หราให้ชาวโลกดูอยู่ทุกวี่ทุกวัน ยังกับบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป ยิ่งกว่าบ้านป่าเมืองเถื่อน อูกันดาสมัยอีดี้อามินยังไม่ปาน ถ้าต่างชาติคนไหนยังกล้ามาเที่ยวมาลงทุน ก็ใจหินเกินไปหน่อยละมั้ง

ฟังมาว่าอารยะขัดขืนก็คือตัดน้ำตัดไฟให้ชาวบ้านเดือดร้อน ถ้าจะเอายังงั้นก็เอา อย่าได้รอช้า อยากตัดอะไรก็ตัดไปเลย ไหนๆก็เป็นเจ้าของประเทศแล้วนี่ ถนนของหลวงยังยึดได้ไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจรัฐ นับประสาอะไรกับตัดน้ำตัดไฟ ถ้าไม่ตัดไม่ใช่คนเอ้า

อีกอย่าง พวกแก่กะโหลกกะลาทั้งหลาย ถ้าว่างมากก็หัดอยู่บ้านเลี้ยงหลานมั่งก็ได้นะ แล้วหูตาก็อย่าได้สอดส่ายให้มันมากนัก ไม่ต้องมาห่วงบ้านห่วงเมือง ให้คนที่อยู่หลังเค้าห่วงกันเองก็พอ ถึงเวลาตายก็ตายไปได้เลย ห่วงแต่ตัวเองให้มาก ตายไปจะได้เกิดใหม่เป็นผู้เป็นคนกับเค้าอีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้

หน็อย..แอบถือหางกันใหญ่ ทีพวกป่วนเมืองได้เปรียบ ทำเป็นนั่งอมสากเงียบ พอได้กลิ่นคาวเลือดเท่านั้นแหละ โผล่หัวออกมาสลอน ทียังงี้ละจมูกไวกันนัก ทำเป็นห่วงความแตกแยก ที่แท้ก็ออกมาประคองเกมส์ ห้ามฝ่ายถูกกระทำอย่างรัฐบาล ไม่ให้ใช้ความรุนแรง ต้องอยู่เฉยๆให้พวกมันขยี้ต่อไปตามอำเภอใจ ว่างั้นเถอะ

ห้ามผิดคนหรือเปล่าหา..เจ้าเฒ่าโกโรโกโส ใครเป็นคนตอกลิ่มให้แตกแยกหา..ผู้ดีรัตนโกงสิน คนที่พวกแกควรจะ้ห้ามก็คือพวกป่วนบ้านป่วนเมือง อยู่ๆรัฐบาลเค้าจะไปหาเรื่องทำพระแสงดาบคาบค่ายอะไร อคติในหัวน่ะ ไปให้หมอฟันขูดๆออกหน่อยก็ดีนะ มันชักจะหนาเตอะจนคิดอะไรดีๆไม่เป็นกันแล้ว

หัดแหกตาดูกันมั่ง ว่าคนที่จ้องจะเล่นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่รัฐบาลหรอก คนที่พวกแกควรจะระวังให้หนักก็คือชาวบ้านนี่แหละ รัฐบาลก็แค่ตัวแทนของประชาชน ลุงหมักก็แค่นอมินีของชาวบ้าน ต่อให้โค่นรัฐบาลลงไปได้ ประชาชนก็ยังอยู่ ตัวจริงเสียงจริงที่ไม่ยอมก้มหัวให้พวกแกก็คือชาวบ้านนี่แหละ ไม่ใช่รัฐบาลหรอก

ไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลจะใช้ความรุนแรง อย่างมากเค้าก็สลายการชุมนุมไปตามขั้นตอนของกฎหมาย อย่างดีก็หัวร้างข้างแตกไม่ถึงกับบาดเจ็บล้มตาย ถ้าไม่สวมรอยฆ่ากันเองนะ

แต่ที่พวกแกต้องกลัวให้มาก ที่พวกแกต้องคิดให้จงหนัก ก็คือชาวบ้านเค้าจะทนให้พวกแกบีบคั้นได้ถึงแค่ไหน ถ้ามีใครจุดชนวนขึ้นมาเมื่อไหร่ ถ้าพวกแกปลุกระดมเสียงส่วนน้อยออกมาสำเร็จเมื่อไหร่ นั่นแหละจะได้เห็นกัน ว่าเสียงส่วนใหญ่นั้นมีอยู่กี่บาทา แล้วอย่าหวังว่าใครจะห้ามได้ อย่าคิดว่าใครจะเอาอยู่

พูดกันถึงขนาดนี้แล้ว ถ้ายังอยากจะเล่นไม่เลิก ถ้ายังดื้อจะอารยะัขัดขืนกัน

ก็เตรียมตัวเจออารยะประชาทัณฑ์ได้เลย

วโรทาห์: 11 มิ.ย. 51

ศึกสารขัณฑ์ 2008 ตอนที่ 2

ความเป็นมาของลีกสารขัณฑ์ ต้องย้อนหลังกลับไปเมื่อกว่า 76 ปีมาแล้ว ตอนนั้นสารขัณฑ์ยังเป็นสนามแข่งม้าของบรรดาผู้สูงศักดิ์ แล้วไม่รู้พลาดท่าพลาดทางท่าไหน ถึงปล่อยให้รปภ.หัวสมัยใหม่ ยกพวกเข้ายึดสนามไปซะได้ จัดการเอามาให้ชาวประชาใช้แข่งบอลกัน ลีกสารขัณฑ์เลยเริ่มจากนั้นเป็นต้นมา

นับจากวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ลีกสารขัณฑ์ก็ยังไปไม่ถึงไหน ไม่รู้ผีป่าซาตานตนใดมันมาคอยล้วงลูก ทำให้ยักตื้นก็ติดกึก ยักลึกก็ติดกัก ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอยู่นั่นแล้ว เดี๋ยวสามวันดี เดี๋ยวสี่วันไข้ ลุกเดินได้ไม่เท่าไหร่ก็หงายเก๋ง นอนหยอดน้ำข้าวต้มต่อไปอีกหลายปี

เรื่องของเรื่องก็พวกรปภ.นั่นแหละ มันชอบลงมาเล่นเอง แล้วอีกอย่างทีมบอลอาชีพที่อยู่ทนหน่อยอย่างปชป. แทนที่จะช่วยกันรักษากฎกติกามารยาท ก็ดั๊นไปซี้แหงย่ำปึ้ก คอหอยลูกกระเดือกกับรปภ.ซะเอง กลายเป็นผีเน่้ากับโลงผุ ร่วมหัวจมท้ายกันก่อกรรมทำชั่ว เพียงเพื่อให้ได้ถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์

พูดถึงทีมประชาชังชิพเป้งนี่ วีรเวรกรรมมันเหลือหลาย อดีตกาลนานมาแล้ว เห็นว่าเล่นนอกเกมส์ ล่อจนคู่ต่อสู้ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เรื่องตบตาคนหละเนียนนัก ใครไม่รู้ตื้นลึกหนาบางมาก่อน ก็มักจะคิดว่าเป็นทีมที่มีอุดมการณ์

ดาวรุ่งพุ่งแรงของทีม ที่ยังมีชีวิตรอดจากวันนั้น มาจนถึงวันนี้ก็มีอยู่หลายคน แต่ที่โดดเด่นสุดๆต้องยกให้ไรอันหมัก ตอนนั้นยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว แรงดีไม่มีตก แม่ยกเลยเชียร์กันตรึม แต่ขณะที่กำลังดังเป็นพลุแตก ก็แยกวงออกมาตั้งทีมประชากรสารขัณฑ์ซะก่อน ไม่งั้นปีเตอร์ช้วนไม่มีทางได้แจ้งเกิด

กำลังไปได้ดีๆ พอมาปี พ.ศ. 2519 ก็เกิดแอ็คซิเดนท์จนได้ เมื่อแฟนบอลตีกันตายในวันที่ 6 ตุลา ไม่ใช่ว่าเรื่องแข่งขันอะไรกัน แต่เห็นเขาว่ามันเป็นเรื่องผิดผี รปภ.เลยได้ทีลุกขึ้นมายึดสนามเอาไปเล่นเองอีกตามเคย

คราวนี้เลยว่ากันยาว ยันไปถึงยุคปาป้าแป๋ม ที่ล่อไปเต็มคราบ ซัดไปคนเดียว 8 ปี แต่ไม่ได้พัฒนาไปไหนเลย เพราะสไตล์การเล่นที่ยืนรอบอลอย่างเดียว แถมยังมีวิชาตัวเบาเป็นเลิศ โดดหลบบอลได้พลิกพลิ้วอีกต่างหาก ใครเห็นก็เก๊กซิม เพราะแกเล่นลากยาวมา 8 ปี ยังไม่เคยแตะบอลซักกะจึ๊กเดียว

อาศัยว่ามีรปภ.หนุนหลังเยอะ แถมทีบปชป.ก็สนับสนุนสุดลิ่มทิ่มประตู เลยยืนระยะอยู่ได้นานโข จนไปๆมาๆทำท่าว่าจะเสพย์ติด เริ่มจะมีรากงอกออกมาติ๊ดๆ ร้อนถึงแฟนบอลต้องออกมาโห่ไล่ ถ้าไม่ออกไปจะรุมตื้บ ถึงได้วงแตก รีบออกมาร้องว่า "ป๋มปอแล้ว" ก่อนที่จะยอมสละแชมป์แต่โดยดี

หลังจากนั้น ปักษ์ใต้คอนเน็คชั่นในปชป.ก็แผลงฤทธิ์ กางมุ้งยึดทีมไว้เรียบร้อย แล้วคอยแซะคอยเขี่ยกัปตันทีมนายห้างโบตันจนนั่งอยู่ไม่สุข ทั้งๆที่ตอนนั้นกำลังพาลูกทีมลงโม่แข้ง ห้ำหั่นกับทีมน้องใหม่มาแรงอย่างทีมพลังอธรรม ที่นำทีมมาโดยจอมดื้อด้านเธียรี่ ลองกอง ที่หลานๆเรียกกันว่าลุงลอง อย่างเอาเป็นเอาตาย

สุดท้ายทีมปชป.ก็เสร็จลูกเนียงกับสะตอจนได้ กลายเป็นปักษ์ใต้บ้านเราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ภายใต้การนำทีมของนายหัวช้วน แอนด์เดอะแก๊งค์ โดยมีโปรโมเตอร์เทือกคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง

พูดถึงปีเตอร์ช้วน ทั่วทั้งสารขัณฑ์ไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าบอกว่าช้วนเชื่องช้าละก้อ แม้แต่ฝรั่งยังร้อง โอว..ไอซี มิสเตอร์ สโลโมชั่น ด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่นเป็นพิเศษ คืออืดเป็นเรือเกลือ หนึ่งวันของเขามี 72 ชั่วโมง ในสายตาของเขา ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด ความเร็วขนาดเต่าคลาน สำหรับเขาแล้ว มันคือรถแข่งเฟอรารี่ดีๆนี่เอง

เป็นนักเตะที่โม่แข้งมาชั่วชีวิต ยังไม่มีปัญญาแม้แต่จะเช่าบ้านอยู่เอง ต้องอาศัยบ้านเพื่อน ที่อยู่ฟรีมาตั้งแต่เป็นนักเตะฝึกหัด จนเซ็นต์สัญญามาเป็นนักเตะอาชีพแล้ว ยังมั่วนิ่มไ่ม่ยอมย้ายออก แต่กลับกลายเป็นความหวัง ที่จะนำพาชาวสารขัณฑ์ไปสู่ความมั่งคั่ง

ตำแหน่งที่เล่นประจำคือกองหลังตัวจี๊ด ไม่ใช่วิ่งเร็วจี๊ดแต่หมายถึงตัวเล็กจี๊ดเดียว นับเป็นตัวอันตรายตัวหนึ่งสำหรับคู่แข่ง ฝีเท้านั้นไม่เท่าไหร่ แต่มีดโกนที่ถือมั่นในมือตลอดเวลานั้น เป็นใครจะไม่ขยาด จนวงการต่างตั้งฉายาให้ว่า "เดอะคัตเตอร์ กรีดแล้วเฉาะ"

เป็นนักเตะที่ยืนรอบอลเป็นหลัก เรื่องวิ่งไล่บอลนั้นไม่เคยประพฤติ ความสามารถไม่มี แต่ความซื่อสัตย์เป็นเลิศ เห็นสื่อเค้าว่ากันยังงั้น คิดวางแผนการเล่นทีไร หัวมันจะหมุนติ้วจนมึนตึ้บ แต่ถ้าเรื่องด่าคนขอให้บอก สมองจะแล่นฉิวปรู๊ดปร๊าดอย่างกับคนท้องร่วง

นานๆทีจะถูกโยกไปเล่นเป็นศูนย์หน้า สำหรับคนอื่นแล้วมันอาจจะเรื่องเล็ก แต่สำหรับช้วนเชื่องช้าแล้ว การเป็นศูนย์หน้ามันงานช้าง เพราะมันหมายถึงว่า เขาต้องแหกขี้ตาตื่นไปลงสนามแต่เช้าตรู่ เพื่อให้มีเวลาพอที่จะเดินทางกระดื้บๆ จากแดนของตัวเอง ไปถึงปากประตูของฝ่ายตรงข้าม ให้ทันเวลาเย็นก่อนที่กองกลางจะลำเลียงบอลขึ้นไป ให้ซัลโวถล่มประตูคู่แข่ง

เอ้า..ยังไม่ทันไรก็หมดโควต้าหน้ากระดาษอีกแล้ว เลยยังไม่ทันได้เปิดตัว...

เวนย์ ลิ้มนี่

วโรทาห์: 11 มิ.ย. 51

Tuesday, June 10, 2008

ตราชู..ฤาตราชัง

๏ ตราชูเป็นตาชัง ใยตาชั่ง ไม่ตั้งตรง
น่าชังตาชั่งโกง ชั่งบ่เที่ยง เอียงเท่เร่

๏ ชั่งไปตามใบสั่ง ดูน่าชัง ตาชั่งเข
หลักกลปนหลักเก ซ้อนหลักกิน สิ้นหลักเกณฑ์

๏ ตราชังชั่งศัตรู ถือตราชู ไว้ขู่เข็ญ
อธรรมก่อกรรมเวร ตาชั่งกล สิ้นมนต์ขลัง

๏ แม่ปูสอนลูกปู แปรตราชู เป็นตราชัง
ตาดูชูตาชั่ง แต่ใจชัง ชั่งบรรลัย

๏ ตาชั่งต้องชั่งนิ่ง ตาชั่งจริง นิ่งบ่ไหว
ชั่งดีอยู่ที่ใจ ตาชั่งงาม ตามประสงค์

๏ ตราชูผู้ชี้นำ น้อมหลักธรรม ช่วยจรรโลง
ตาชั่งที่ตั้งตรง คือตราชู คู่ปวงชน

วโรทาห์: ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑

Sunday, June 8, 2008

ศึกสารขัณฑ์ 2008 ตอนที่ 1

ศึกยูโร 2008 เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ศึกฟุตบอลสารขัณฑ์ 2008 ที่เปิดฤดูกาลมาแต่ไก่โห่ ทำการโม่แข้งอย่างบ้าเลือด ผ่านไปแล้วเกือบครึ่งทาง ตามธรรมเนียมบอลเล็กก็ต้องชิดซ้าย ปล่อยให้บอลใหญ่เขาซิ่งไปก่อน เสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ค่อยมาตั้งป้อมลุยถั่วกันต่อไปในครึ่งฤดูกาลหลัง

แต่งานนี้ทำท่าว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะทีมฮาร์ดคอร์อย่างสโมสรพันธม้วยจำแลง แบะท่าว่าจะเล่นไม่เลิก ตายเป็นตายเ๊จ๊งเป็นเ๊จ๊ง งานนี้ขอทวนกระแสบอลยูโรให้โลกตะลึง เล่นเอาแฟนบอลถึงกับกุมหัวมึนตึ้บกันเป็นแถว บ่นกะปอดปะแปดว่า มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ ล่อกันจนชาวประชาจะกินแกลบกันอยู่รอมร่อแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก ไม่ตายมันทำจนตาย ไม่เจ๊งมันทำจนเจ๊ง

ก่อนอื่นต้องท้าวความกันหน่อยว่า สารขัณฑ์แดน แลนด์ออฟสไมล์บั๊ฟฟาโล่ เค้ามีทัวร์นาเม้นท์แข่งฟุตบอลสุดพิสดารมากว่า 76 ปีแล้ว ถ้าตามกฎก็แข่งกัน 4 ปีครั้ง แต่บางครั้ง 10 ปีผ่านไปมันยังทำเฉย แต่บางคราว 8 เดือนมันก็ล้มโต๊ะ ยึดแชมป์ไป แล้วเปิดโม่แข้งกันใหม่จนเหงื่อแตก ที่แสบกว่านั้นคือบางทีมีการเอางูเห่ามากระชากแชมป์ไปดื้อๆก็ยังทำ

พูดมากไปมันก็ไม่ดี มาสรุปผลการแข่งขันก่อนที่จะเบรคหนีบอลยูโรกันดีกว่า เริ่มจากว่า ฤดูกาลนี้เป็นการแ่ข่งขันป้องกันแชมป์ระหว่างทีมผสม 5 สโมสร นำโดยทีมสโมสรพลังนอมินีประชาชน ภายใต้ชื่อย่อว่าทีมพปช. เจ้าของแชมป์เดิม กับผู้ท้าชิง ทีมสโมสรประชาชังชิพเป้ง ที่ใช้ชื่อย่อว่าทีมปชป. โม่แข้งกันตาเหลือกมาตั้งกะต้นปี

ส่องกล้องเข้าไปในทีมพปช. นำทีมโดยกัปตันทีมจอมห้าว ไรอัน หมัก นักเตะระดับตำนาน ที่ยึดอาชีพค้าแข้งมาหลายสิบปี ยังไม่ยอมแขวนเกือก จนใครๆเรียกกันว่าลุงหมักซะติดปาก จัดว่าเป็นกองหน้าฮาร์ดคอร์ ที่มีประวัติการยิงประตูฉกาจฉกรรจ์ ทางบอลดี อ่านเกมส์ขาด แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เคยได้แชมป์มาประดับตู้โชว์ซักกะใบ เพิ่งมาได้แบบฟลุ๊คๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้วนี่เอง

จัดทีมมาในระบบ 4-4-2 หมอเ๊ลี๊ยบจอมหนึบ รับหน้าที่ผู้รักษาประตู กองหลัง 4 คนแ่บ่งๆกันไประหว่างสโมสรร่วมทีม ถัดมาที่กองกลางระดับพระกาฬทั้ง 4 คน เป็นการรับเซ้งมาจากทีมสโมสรนปก.ยกแผง สุดท้ายตัวทีเด็ดกองหน้า 2 คน ลุงหมักดาวซัลโวตลอดกาล รับหน้าที่เป็นกองหน้าตัวเป้า โดยมีน้าเหลิมเป็นคู่กองหน้า ช่วยทำเกมส์..พัง

ซูมมาทางปชป.ผู้ท้าชิงบ้าง ได้ชื่อว่าเป็นทีมที่ไหว้ครูสวย แต่ชกห่วยแตก จัดทีมมาในระบบ 10-0-0 ใช้ผู้รักษาประตู 11 คนไปเลยเพื่อความชัวร์ เพราะไม่ต้องเอาชนะอยู่แล้ว ใครแข่งกับปชป. ถ้าชนะถือว่าเสมอ ถ้าเสมอถือว่าแพ้ ถ้าแพ้ต้องเลิกเล่นไปตลอดชีวิต เป็นกฎที่ปชป.ตั้งเอง โดยมีสื่อมวลชน นักวิชาการ และแฟนบอลเผด็จการ ใ้ห้การรับรองสุดลิ่มทิ่มประตู

ระบบนี้ เป็นระบบที่ใช้ได้ผลมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสโมสรเป็นต้นมา 60กว่าปีไม่เคยเปลี่ยนสไตล์การเล่น ไม่เคยแม้แต่ที่จะคิดยิงประตู เพราะยิงไม่เป็น และไม่คิดที่จะพยายามด้วย อาศัยไล่ยำคู่แ่ข่งเป็นหลัก จนกลายเป็นเจ้าตำรับ "เตะติดดาบ" อันเลื่องชื่อ ให้ทีมเกเรเกตุงได้ใช้เป็นแบบอย่างมาจนถึงปัจจุบัน

เปิดฤดูกาลมา เป็นทางทีมปชป.ที่ลุยเข้าใส่ผู้เล่นพปช.ไม่ยั้ง เป้าหมายใหญ่คือเล่นลุงหมักเนื้อๆเน้นๆ กะเอาให้ตายคาสตั๊ด ถ้าทำให้เด้ดสะมอเร่ไม่ได้ขอแค่คางเหลืองก็ยังดี แข่งไปแข่งมา ไม่รู้เป็นบ้าอะไร จู่ๆก็ถอดใจเอาดื้อๆ หันไปหนุนทีมข้างถนนอย่างพันธม้วยจำแลง ให้พาเหรดลงสนามไปไล่ยำคู่แข่งแทน

งัดวิชามาร ยืมดาบฆ่าคนออกมา แล้วตัวเองก็ถอยฉากไปทำหน้าที่เป็นผีข้างสนาม คอยส่งเสบียงและอาวุธให้พันธม้วยไปละเลงเล่น กะรอส้มหล่นสะด๊วบตำแหน่งแชม์ไปฟรีๆโดยไม่ต้องออกแรง ใครๆก็รู้ว่า ทีมพันธม้วยไม่มีใบอนุญาติแข่งบอลอาชีพอยู่แล้ว ถึงชนะก็เป็นแชมป์ไม่ได้ ต้องยกให้ปชป.อยู่ดี

พูดถึงทีมพันธม้วยจำแลง ต้องถือว่า เป็นทีมนอกสนามที่ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด อาศัยว่ามีแบ็คดีเป็นผู้บารมีนอกกติกาในสนามแห่งนี้ รวมทั้งทีมรปภ.ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของยามเฝ้าสนาม ที่ชอบการเตะฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ สบโอกาสเมื่อไหร่เป็นพาเหรดเข้ายึดสนาม เอามาเล่นกันเองทู้ก..ที

เริ่มการแข่งขัน กลับกลายเป็นทางทีมพันธม้วย ที่เป็นต่อสุดกู่ถึงลูกควบลูกครึ่ง ประเมินจากประวัติการแข่งขันอันโชกโชน ดีกรีเกือบแชมป์ ด้วยผลงานคว่ำทีมแกร่ง อย่างทีมทรท.จนหมดรูปมาแล้ว เมื่อฤดูกาลก่อน แถมต้วเก่งยังอยู่กันครบหน้า โดยเฉพาะ 5 อสูรโลกันต์ ที่ได้ชื่อว่าโหดมันฮา ยากที่จะหาใครมาเทียบได้

เปิดเหรตออกมาคอบอลเลยรุมต่อกัน ชนิดเทกระเป๋าทุ่ม งานนี้เซียนสำนักไหนก็ออกมาฟันธงว่า ท่านต่อน่าจะกินเต็ม แต่สุดท้ายกลายเป็นท่าดีทีเหลว ทำไปทำมาราคากลับมาไหลรอง

ที่แสบสุดคือ ก่อนหมดเวลาเพียง 3 นาที ดันเกิดเหตุไฟไหม้สำเพ็ง ความที่ย่ามใจบุกซะเพลิน เลยเจอทีเด็ดลุงหมัก ได้ลูกจากกึ่งกลางสนาม เลี้ยงเดี่ยวหลบกองหลัง 2 ตัว ก่อนที่จะสลับขาหลอกอีก 1 จังหวะ แล้วลากจี้เข้าไปจ่อยิงแสกหน้าผู้รักษาประตูอย่างเหนือชั้น  ลูกพุ่งแรงและเร็วจนตาข่ายแทบขาด นับเป็นลูกสุดคลาสสิกลูกหนึ่ง ที่ยังกล่าวขานกันไม่จบ เรียกว่าลูก"สลายม็อบ"

กำลังมันๆ เนื้อที่ก็ดันหมดซะก่อน ต้องยกยอดไว้ตอนต่อไป จะมาว่ากันถึง สุดยอดกองหน้าแห่งยุค ตัวทีเด็ดยอดอันตรายของทางทีมพันธม้วย

เจ้าหมูอวกาศ "เวนย์ ลิ้มนี่"

วโรทาห์: 8 มิ.ย. 51

Friday, June 6, 2008

มาร์คลั่น..ต้องควบคุมราคาแห้ว

กำลังนี้กำลังลุ้นกันมันๆ ว่าแป๊ะจะหาทางลงจากนั่งร้านยังไง จะตะแคงขวา ตะแคงซ้าย หรือว่าเอาหัวทิ่มลง หลังจากที่ปีนขึ้นไปปั่นจิ้งหรีดเล่นจนเป็นเรื่อง ติดแหง็กอยู่หลายวันยังหาทางลงไม่ได้ ร้อนถึงทางมูลนิธิร่วมกตัญญู ต้องเร่งเอารถกระเช้าขึ้นไปรับลงมา ก่อนที่มันจะฆ่าตัวตาย

หันมาทางม็อบท่านมหา ก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน หลังจากที่ท่านจัญขึ้นไปบนเวที ต่อจากนั้นก็ซวยกันไม่เลิก สาวกหนีหายเรียบ เหลือแต่พวกจรจัดมาอาศัยกินฟรี อยู่ฟรี ฟังดนตรีเสร็จ ทุนหายกำไรหด กำลังหาทางเจ๊งยังไงให้นิ่มๆ

อาศัยว่าผีเขมรมันหัวไว บักใสมันหัวเสฯ พอเห็นท่าไม่ดี เลยคิดยุทธการดาวกระเจิงมาแก้เกมส์ ทะยอยหายหัวกันไปทีละกลุ่ม ทำทีว่าออกไปเยี่ยมหน่วยราชการ แล้วเผ่นหนีหายเข้ากลีบเมฆ กระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก

ไม่รู้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงเอาคืนหรือยังไงกัน ขนาดคณะกรรมการ ค_าย ต้อง สู้ ยังไม่วายมีเรื่องชวนสยอง เจอสวนเลนเข้าไปถึงกับร้องจ๊าก พ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยด้วย กรรมมันตามมาทันแล้ว

ตาลีตาเหลือก ปั่นจดหมายกันมือหงิก ทิ้งว่อนไปจนทั่ว ขอความช่วยเหลือให้มั่วไปหมด นี่แหละน้าา.. หลอกผีเค้ามานาน แค่ใบไม้ไหวนิดเดียว ก็ตกใจจนประสาทจะกินเอา ก็ได้แต่สะกิดเตือนกันว่า ให้สงบสติอารมณ์กันหน่อย เดี๋ยวจะบ้าไปซะก่อน ก่อนที่จะได้ลิ้มรสห้องกรงเอาตอนแก่

อาการเป็นตายเท่ากันตอนนี้หนีไม่พ้นฝ่ายแค้น หลังจากที่ไปมีเอี่ยวอย่างออกหน้าออกตากับม็อบแป๊ะ พอเหตุการณ์พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า คราวนี้เลยต้องวิ่งเคลียร์กันตีนพลิก ที่วาดฝันว่าจะโดยสารแป๊ะไปเป็นนายกฯ ถึงตอนนี้ถ้ารอดคุกได้ก็ถือว่าหรูแล้ว

งานนี้เจ้ามากถึงกับเ็ซ็งจัด ออร์เดอร์แห้วมาอีกล็อตใหญ่ แจกจ่ายกันไปถ้วนหน้า เรียกว่าพักหลังมานี่สวาปามเข้าไป จนหน้าจะกลายเป็นแห้วกันไปทั้งพรรคแล้ว ส่งผลให้ราคาแห้วพุ่งกระฉูด เพราะความต้องการที่สูงเกินขีดจำกัด หัวหน้าฝ่ายแค้นถึงกับร้องจ๊าก เพราะเงินบริจาคเข้าพรรคส่วนใหญ่หมดไปกับค่าแห้ว

แต่ที่ดีใจจนออกนอกหน้า กลายเป็นเกษตรกรชาวไร่แห้ว ออร์เดอร์เข้าทีเป็นตันๆ ถึงกับรวมตัวกันมาให้กำลังใจ พร้อมกับอวยพรขอให้แห้วต่อไปอีกนานๆ เพื่อเป็นขวัญใจชาวไร่แห้ว เล่นเอาเจ้ามากถึงกับควันออกหู ทำหน้ามู่ทู่อวยพรกลับไปให้น้อยๆหน่อย ใสหัวไปให้ไกลๆเลย คนกำลังเซ็งอยู่

จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเทพทุย เร่งรีบทำเรื่องถึงรมต.เกษตรฯ ให้บรรจุแห้วเข้าไปในรายการสินค้าควบคุมอีกหนึ่งรายการ ไม่งั้นฝ่ายแค้นจะนำเรื่องนี้ เข้าไปฟัดรัฐบาลในสภาอันทรงเกียรติ โทษฐานที่กลั่นแกล้งผู้บริโภคแห้วรายใหญ่ ให้เสียค่าใช้จ่ายจนเกินควร

ล่าสุดผู้สันทัดกรณีก็ออกมาให้ทัศนะอีกแล้ว ว่าการรับประทานแห้วจนเกินขนาดก็อาจจะบ้าได้ แทนที่จะคุมราคาแห้ว ทำไมไม่ควบคุมตัวเองให้กินแห้วน้อยลง น่าจะเวิร์คกว่า สาเหตุที่กินแห้วกันพุงกางมันก็มีอยู่ไม่กี่เรื่อง แก้ไขได้เดี๋ยวก็ดีเอง

อย่างประชาชนเค้าให้ขึ้นเวทีไปชกกับลุงหมัก ก็ดันงอแงไม่ยอมชกหาว่าเป็นมวยแทน แถมยังทำซ่าหันไปท้าตีท้าต่อยน้าแม้ว ทั้งๆที่เค้าลงเวทีไปตั้งกะปีมะโว้แล้ว เล่นอย่างนี้ลุงหมักก็สบายแฮ เดินหน้าตุ๊ยท้องอย่างเดียว ตวงตะแนนเข้ากระเป๋าไปเป็นกอบเป็นกำ

ครั้นพอตัวจริงเค้าทนไม่ไหว ทำท่าว่าจะขึ้นชกเอง มันก็วิ่งหนีป่าราบไปตั้งหลักไกลเป็นกิโล แล้วหันมาฟ้องกรรมการให้ไล่ลงจากเวที โทษฐานที่ชกไม่สมศักดิ์ศรี เอ๊ะ..มันจะเอายังไงของมัน ทำไมไม่ตั้งอกตั้งใจชก สู้ได้ไม่ได้เดี๋ยวประชาชนก็เทใจให้เองแหละ

เรื่องรูปลักษณ์นี่ก็สำคัญ หล่อครึ่งๆกลางๆ สู้อย่าหล่อซะยังจะดีกว่า จะยึดอาชีพเป็นดารา หรือมันก็หล่อไม่พอ ถึงเก๊กเท่าไหร่มันก็ได้แค่นั้น ครั้นจะไปเป็นนายกฯ หรือมันก็หล่อเกินไป เป็นนายกฯมันอาศัยความหล่อซะเมื่อไหร่ หล่อน้อยๆอย่างลุงหมักหรือน้าแม้วนั่นก็เกินพอ ไม่หล่อเว่อร์จนเกินไป

พูดไปมันก็ไม่ฟังกัน ขนาดลุงโกร่งออกมาเตือนเข้าหน่อย มันด่ากลับเป็นกระบุงโกย ตกลงว่า ใครจะอยู่ใครจะไปก็หาทางกันเอาเองก็แล้วกัน คงต้องดูกันยาวๆว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันต่อไป

นี่เห็นว่าวันเสาร์ลุงหมักจะออกมาโม้อีกแล้ว อยากฟังมันก็อยากอยู่ แต่นึกแล้วก็อดเสียวใส้ไม่ได้ บอกตามตรงว่าพักหลังนี่กลัวใจแกเหลือเกิน คนอาไร้ ชอบมีแก๊กเด็ดมาหลอกให้ตาเหลือก ถ้ายังไงส่งซิกกันหน่อยก็ดีนะลุง ไม่งั้นมันใจหายใจคว่ำ ระส่ำระสายกันไปหมด ไม่ใช่อะไร เส้นเลือดในสมองมันจะแตกเอา

มาถึงตรงนี้เพิ่งนึกขึ้นได้ ว่าวางตาข่ายดักแย้มาหลายวัน แต่ไม่รู้ทำไม มันเหมือนกับนกรู้ พักนี้ประธานที่ปรึกษาใหญ่ หายเงียบเข้ากลีบเมฆ ไม่เห็นโผล่หัวออกมาจู้ฮุกกรู

วโรทาห์: 6 มิ.ย. 51