Wednesday, September 8, 2010

การเมืองใหม่มาแรง แต่เพื่อไทยเลือดไหลไม่หยุด(ฮา)

หลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถบรรทุกแห้วคว่ำ ในสนามเลือกตั้งสก.สข.กทม. เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา ความเซ็งก็แผ่ซ่านไปถ้วนทั่ว ในมวลหมู่นักกู้ซากทั้งหลาย ตั้งแต่หัวยันหาง ยันกลางตลอดตัว ต่างก้มหน้าก้มตาฟาดแห้วกัน อย่างเอาเป็นเอาตาย

เวรกรรม..คว่ำที่ไหนไม่คว่ำ ดันมาคว่ำใส่พรรคการเมืองใหม่ ที่ชั่วโมงนี้ ฟอร์มกำลังสด เหลือกำลังลาก

สดไม่สด ก็ขนาดพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ฟิตกันเต็มถัง ใส่กันเต็มสูบ กรุงเทพฯ..ทราบแล้ว..เปลี่ยน งานนี้ไม่หมู่ก็จ่า ยังไงก็ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง จึงไม่ได้เผื่อใจไว้แม้แต่น้อยนิด สำหรับผลตอบรับที่อาจจะเกินคาดหมายไป หลายกิโลขีด

มีอย่างที่ไหน พอเปิดซิงงานแรกก็ทำนิวโลว์เข้าให้ หลงจ้งเก๋าเจ้ง ได้รับความไว้วางใจให้เข้าสภาไป"ศูนย์"หน่อ

ขนาดแถวตลาดเก่าเยาวราช ถิ่นของอาอึ้มอาม่า อาเฮียอากู๋ อาเจ็กอาแปะ ลูกจีนกู้ชาติ กากี่นั้งแท้ๆ พอเอาเข้าจริง ไม่รู้หายหัวไปมุดรูกู้ซากอยู่หนไหน ถึงได้แปรเป็นผลคะแนนออกมาหร็อมแหร็ม พอๆกับขนจั๊กกะแร้ ของอาหมวยวัยเอ๊าะ

ถ้ารู้อย่างนี้ซะแต่แรก เรื่องอะไรแป๊ะจะไปยอมตระบัดสัตย์ ให้พ่อแม่พี่น้องเอารองเท้ามาลูบหน้า ให้มันเสียหมากันเล่นๆ ใครจะไปรู้ว่า คนที่เคยแห่มาให้กำลังใจ ร่วมเป็นร่วมตาย ร่วมเฮี่ยมาด้วยกัน จะกลับหลังหัน ไปเลือกพรรคแมงกะจั๊วกันเป็นแถว

หมดกัน..หลงฝันเปียกมาตั้งนาน ว่าที่เห็นโพกหัวกู้ชาติ เขย่ามือตบกันเย้วๆ ไปไหนไปกัน ยึดไหนยึดนั่น ที่แท้ก็พลพรรคแมลงสาบทั้งนั้น ที่ส่งมาหลอกแป๊ะให้ช่วยไล่ ทำลายล้างศัตรูทางการเมือง พอเสร็จสมอารมณ์มหาย ก็ถีบแป๊ะตกเตียงหงายเก๋ง..หายโง่เป็นปลิดทิ้ง

สรุปว่า..กรุงเทพฯ..ทราบแล้ว..เจ๊งงงงงง

หันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะโทษใครดี ก็คงต้องชี้นิ้วไปที่พลังเงียบไว้ก่อน เห็นบอกว่า ฝ่ายกุมอำนาจมันเล่นเลือกตั้งกันเงียบๆ ทำให้พลังเงียบไม่ออกมาเท่าที่ควร ทำอย่างกับว่า ถ้าพลัง
เงียบออกมาแล้ว เขาจะเลือกพรรคของแป๊ะ อย่างนั้นแหละ

ทำเป็นเล่นไป ถ้าพลังเงียบออกมา อาจจะเงียบกว่านี้ก็เป็นได้ ใครจะไปรู้

หลังจากที่ฟาดแห้วจนหายอยาก ก็ได้เวลาหันมาฟาดปากกันเอง เมื่ออาแปะลิ้มซ่งติงเริ่มหันมาเฉ่งอากงสมสากเคราแพะ หาว่าสง่าราศีไม่แพ้พวกเกี๋ยวกุ้ยข้างถนน พูดง่ายๆว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากรรมกร มากกว่าที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองของคนชั้นกลาง

คาดว่างานนี้คงได้มีเรื่องให้ลุ้นเสียวกันอีกยาว สำหรับอาซิ้มอาซ้อที่คาดหวังไว้เต็มเปี่ยมว่า จะได้การเมืองใหม่ ประชาธิปไตยจ๋า 70/30

คงต้องฟาดแห้วรอกันอีกหลายชาติ

ผิดกับพรรคเพื่อไทยที่ได้รับการหนุนหลังอย่างล้นหลาม จากมวลชนคนเสื้อแดงที่โตวันโตคืน ขนาดโดนถลุงจนเป๋ไปเป๋มา ก็ยังทรงตัวอยู่ได้ไม่มีปัญหา เลือกตั้งทีไรคะแนนเสียงก็
มาเป็นกอบเป็นกำ ต่อให้ถูกแมลงสาบโกงจนเข้าวิน ยังตามหายใจรดต้นคอ ให้ได้เสียวซ่านไปถึงรูทวารทั้งเจ็ด

กลายเป็นหนามยอกอกชิ้นใหญ่ของพวกอำมาตย์ ที่อยากจะสับเนื้อเป็นชิ้นๆ แต่ก็ทำได้เพียงแค่คอยแช่งชักหักกระดูก แล้วก็แสดงพลังดูดกันอย่างหน้าด้านๆ ขนาดดูดได้แค่โสเภณี
2 นาง ที่แพ็คคู่เป็นแพ็คเกจ ก็ตีปีกดีใจว่าเพื่อไทยเลือดไหลไม่หยุด หารู้ไม่ว่า เขาสาปส่งกันทั้งบาง

เลือดชั่วๆ! ไหลออกไปอยู่กับพรรคชั่วๆ! มันก็สมควรแล้ว

วโรทาห์: 8 ก.ย. 53

Monday, September 6, 2010

มียาดีมาฝากป้าอุ๊

ยอมรับเลยว่า ผมนั้นเสล่อมากที่ไม่รู้จักป้าอุ๊ แต่กลับคุ้นเคยดีกับนามแฝง "thaitiger" ในประชาไท เหตุเพราะได้แอบอ่านข่าวสารการเมือง ที่ท่านคัดสรรบรรจงคีย์ใส่คอมพ์ มาให้พวกเราได้อ่านกันทุกเช้า นับเป็นความเสียสละอันใหญ่หลวง อย่างประมาณค่ามิได้

ก็แน่หละ จะมีคนไทยสักกี่คน ที่ทนอ่านสื่อสวะพวกนั้นได้ ถ้าไม่ใช่ป้าอุ๊

พอได้ข่าวว่าป้าอุ๊ผู้มีจิตใจอันงดงาม ต้องมาป่วยเป็นมะเร็งขั้นร้ายแรง ก็เล่นเอาใจหายวาบ นึกไม่ถึงว่า ขนาดบุญกุศลที่สั่งสมมาถึงเพียงนี้ ยังไม่สามารถคุ้มครอง "พี่ผู้มีแต่ให้" ของพวกเราได้

เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า สวรรค์ไม่ได้มีตาอย่างที่เราเคยเข้าใจกัน จึงอย่าได้คาดหวังว่า ทำดีแล้วจะมีเทวดามาปกปักรักษา เพราะแม้แต่เทวดาเองยังเจียนอยู่เจียนไป สิ้นบุญเมื่อไหร่ก็ดิ่งนรกตกเหว ไม่ได้ผุดได้เกิดเป็นเหมือนกัน

บังเอิญวันนี้ได้อ่านหนังสือที่เขียนโดยท่าน"อาจารย์พรหม" ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ที่มาบวชเป็นพระป่า ในสายของท่านอาจารย์ชา สุภัทโท ในบทที่พูดถึงการระงับความปวดโดยไม่ต้องพึ่งยา ซึ่งได้ผลชะงัดนัก

จึงเห็นช่องว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้คัดลอกมาให้คุณป้าได้อ่าน เป็นการตอบแทน ที่ท่านอุตส่าห์นั่งหลังขดหลังแข็ง คีย์คอมพ์ให้พวกเราได้เสพข่าวมาตั้งนานนม

เพราะว่าคนเรานั้น เมื่อเจ็บป่วยขึ้นมา การเยียวยารักษาก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้แต่น้อย คือการเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันอย่างถูกต้อง ข้อเขียนของท่านอาจารย์จะช่วยได้มากในเรื่องหลังนี้

แถมถ้าปฏิบัติได้ดีพอ ถึงยังไม่หายขาด ก็จะสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

หวังว่า คุณป้าจะได้อ่านบทความนี้ รวมทั้งท่านอื่นๆ ไม่ว่าจะเจ็บป่วยอยู่หรือไม่ก็ตาม ถ้าได้อ่าน ได้ทำความเข้าใจ และลงมือปฏิบัติ จนถึงขั้น 'ปล่อยวาง' ได้จริงๆ คงต้องได้รับประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย

อานิสงส์จากการเผยแพร่ธรรมะนี้ ขอมอบให้คุณป้าทั้งหมด เพื่อเป็นกำลังใจในการรับมือกับโรคร้ายนี้

และขอให้ท่านหายไวๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเราต่อไป

----------------------

@ กลัวความเจ็บปวด @

ความกลัวเป็นส่วนประกอบสำคัญของความเจ็บปวด มันทำให้ความเจ็บปวดเป็นทุกข์ยิ่งขึ้น ถ้าตัดความกลัวออกเสีย ก็จะเหลือแต่ความรู้สึกเจ็บจริงๆเท่านั้น เมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๕๒๐ ที่วัดป่าที่แสนจะยากจนและอยู่ห่างไกลชุมชนในภาคอีสานของไทย อาตมาเกิดปวดฟันอย่างหนัก ที่นั่นไม่มีหมอฟันที่จะไปให้รักษา ไม่มีโทรศัพท์และไม่มีไฟฟ้า ไม่มียาแอสไพริน ยาพารา หรือยาแก้ปวดใดๆ ในตู้ยา พระป่าต้องอดทน

เช่นที่เกิดเสมอๆ กับอาการเจ็บไข้ได้ป่วย ในช่วงหัวค่ำอาการปวดฟันของอาตมาก็กำเริบหนักขี้นเรื่อยๆ อาตมาเห็นว่าตนเองเป็นพระที่ค่อนข้างจะอดทนองค์หนึ่ง แต่อาการปวดฟันนี่มันช่างทดสอบความเข้มแข็งของอาตมาเสียจริงๆ ปากข้างหนึ่งของอาตมาอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวด มันเป็นการปวดฟันที่หนักหนาสากรรจ์ที่สุดเท่าที่อาตมาเคยประสบมาในชีวิต อาตมาพยายามจะหนีจากความเจ็บปวดด้วยการภาวนา อาตมาเคยเรียนรู้ที่จะกำหนดอยู่กับลมหายใจขณะที่กำลังถูกยุงรุมกัด บางครั้งอาตมานับได้ถึงสี่สิบตัวบนร่างของอาตมา และอาตมาก็เคยเอาชนะอารมณ์หนึ่งด้วยการจดจ่ออยู่ที่สิ่งอื่น แต่ความเจ็บปวดครั้งนี้มันเหลือเชื่อจริงๆ อาตมาสามารถจดจ่ออยู่กับลมหายใจได้เพียงสองสามวินาทีเท่านั้น เจ้าความเจ็บปวดก็เตะประตูจิตที่อาตมาพยายามปิดไว้เข้ามาอาละวาดอย่างรุนแรงทีเดียว

อาตมาลุกขึ้นออกไปพยายามเดินจงกรมข้างนอก ในไม่ช้าก็ต้องยกเลิกการเดินจงกรมเช่นกัน อาตมาไม่ได้ 'เดินจงกรม' แต่อาตมากำลัง 'วิ่งจงกรม' อาตมาไม่สามารถเดินช้าๆ อย่างมีสติ เจ้าความเจ็บปวดมันบังคับอาตมาให้วิ่ง แต่ก็ไม่รู้จะวิ่งไปไหน อาตมากำลังทุกข์ทรมานอย่างหนัก และกำลังจะเป็นบ้า

อาตมาวิ่งกลับมาที่กุฏิ นั่งลงและเริ่มสวดมนต์ ใครๆ เขาว่าบทสวดมนต์ของพุทธศาสนามีพลังศักดิ์สิทธิ์ สามารถนำมาซึ่งความโชคดีและทรัพย์สมบัติ ขับไล่สัตว์ร้าย และรักษาโรคภัยตลอดจนความเจ็บปวด อาตมาไม่เชื่อหรอก เพราะอาตมาถูกฝึกมาให้เป็นนักวิทยาศาสตร์ คาถาเวทย์มนตร์เป็นเรื่องหลอกลวง ใช้ได้กับคนที่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ได้เท่านั้น แต่อาตมาตั้งต้นสวดมนต์ด้วยความหวังเหนือเหตุผลใดๆ ว่าสิ่งนี้จะช่วยอาตมาได้่ อาตมากำลังเข้าตาจน แต่ในที่สุดอาตมาก็ต้องหยุดสวดมนต์อีก อาตมากำลังตะโกนและกรีดเสียงต่างหาก ตอนนั้นเป็นเวลาดึกแล้ว และอาตมากลัวว่าเสียงของอาตมาจะปลุกพระองค์อื่นๆ วิธีตะโกนท่องบทสวดแบบนั้นจะสามารถปลุกคนทั้งหมู่บ้านที่อยู่ห่างออกไปสองสามกิโเมตรได้ทีเดียว อำนาจของความเจ็บปวดทำให้อาตมาไม่สามารถสวดมนต์แบบปกติได้

อาตมาอยู่คนเดียวเป็นพันๆ ไมล์จากบ้านเกิดของอาตมา ในป่าที่ไกลโพ้นปราศจากเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกใดๆ อยู่กับความเจ็บปวดที่สุดจะทนทานและหนีไม่พ้น อาตมาทดลองทุกวิถีทางเท่าที่อาตมาจะนึกได้ ทุกอย่างจริงๆ อาตมาไม่ไหวแล้ว มันเป็นเช่นนั้นนะ

นาทีแห่งภาวะสิ้นหวังสุดๆ เช่นนี้กลับช่วยเปิดประตูแห่งปัญญา ประตูที่เราจะไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตปกติของเรา เมื่อประตูบานนั้นเปิดอ้าต้อนรับอาตมา อาตมาจึงได้ผ่านเข้าไป ขอบอกตรงๆว่า มันไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ

อาตมาจำคำสองคำสั้นๆ ได้อย่างไม่มีวันลืม 'ปล่อยวาง' ก่อนหน้านี้อาตมาเคยได้ยินคำๆ นี้มาหลายครั้งหลายหน อาตมาเคยชี้แจงความหมายของมันให้เพื่อนๆ ฟังเสียด้วยซ้ำ

อาตมาคิดว่าเข้าใจความหมายของมัน แต่กลับเป็นความเข้าใจผิด อาตมาเต็มใจที่จะลองทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้นอาตมาจึงพยายามปล่อยวาง ปล่อยวางชนิดร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยทีเดียวที่อาตมาสามารถปล่อยวางได้โดยแท้จริง

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาทำให้อาตมาถึงกับสะดุ้ง ความเจ็บปวดสุดจะทนทานนั้นอันตรธานไปในทันที มันถูกแทนที่ด้วยปีติสุดจะดื่มด่ำ ซึ่งวูบวาบในกายของอาตมาระลอกแล้วระลอกเล่า จิตของอาตมาเข้าสู่ภาวะแห่งความสงบล้ำลึก นิ่ง และเป็นสุขยิ่งนัก บัดนี้อาตมาเข้าสมาธิได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย เมื่ออกจากสมาธิตอนเช้ามืด อาตมาล้มตัวลงนอนพักผ่อน อาตมาก็หลับสนิทอย่างสงบสุข และเมื่อตื่นขึ้นมาเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน อาตมายังรู้สึกปวดฟันอยู่ แต่ไม่มีอะไรเทียบเท่ากับค่ำคืนที่่ผ่านมาได้เลย

@ ปล่อยวางความเจ็บปวด @

ในเรื่องที่แล้ว สิ่งที่อาตมาได้ปล่อยวาง คือ ความกลัวความเจ็บปวดจากการปวดฟัน เมื่ออาตมายินดีต้อนรับความเจ็บปวด ยอมรับมัน และยินยอมให้มันอยู่โดยไม่พยายามขับไล่ไสส่ง นั่นเป็นเหตุให้มันผ่านพ้นไป

เพื่อนหลายคนของอาตมาที่เคยเจ็บปวดอย่างหนักได้ทดลองวิธีการของอาตมาและพบว่ามันไม่ได้ผล เขาจึงมาต่อว่าและบอกว่าที่อาตมาปวดฟันนั้นน่ะเทียบกันไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดของเขา นั่นย่อมไม่ถูกต้อง ความเจ็บปวดเป็นเรื่องเฉพาะตนและวัดไม่ได้ อาตมาได้อธิบายให้เพื่อนๆ ฟังว่า ทำไมการปล่อยวางจึงไม่ได้ผลสำหรับเขา โดยเล่าเรื่องลูกศิษย์สามคนของอาตมาให้เขาฟัง

ลูกศิษย์คนแรกกำลังเจ็บปวดมากและพยายามจะปล่อยวาง
"ปล่อยวาง" เสียงแนะนำเบาๆและรอ
"ปล่อยวาง!" เสียงบอกซ้ำเมื่อยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
"ปล่อยวางแค่นั้นแหละ!"
"น่า...ปล่อยวางวางซะ"
"ฉันบอกให้ปล่อยวางไง!"
"ปล่อยวาง!"
เราอาจเห็นว่ามันตลก แต่นั่นแหละเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนทำอยู่เกือบตลอดเวลา เราปล่อยวางผิดรื่องเราควรจะปล่อยวางตัวตนที่บอกให้เรา 'ปล่อยวาง' ต่างหาก เราควรที่จะปล่อยวาง 'ตัวบงการ' ที่มันอยู่ในตัวเรา ซึ่งเราทุกคนก็รู้ว่ามันเป็นใคร การปล่อยวางหมายถึงการไม่มี 'ตัวบงการ'

ลูกศิษย์คนที่สองกำลังเจ็บปวดรุนแรง เขาจำคำสอนของอาตมาได้และจะปล่อยวางตัวบงการนั้น เขานั่งอยู่กับความเจ็บปวด เข้าใจว่ากำลังปล่อยวาง อีกสิบนาทีต่อมาความเจ็บปวดก็ยังคงอยู่เช่นเดิม เขาเริ่มบ่นว่าการปล่อยวางไม่ได้ผล อาตมาจึงอธิบายว่าการปล่อยวางไม่ใช่วิธีการกำจัดความเจ็บปวด มันเป็นวิธีการที่จะเป็นอิสระจากความเจ็บปวดต่างหาก ศิษย์คนที่สองนี้พยายามที่จะจัดการกับความเจ็บปวดทำนองว่า "ฉันจะปล่อยวางสักสิบนาทีแล้ว แก...เจ้าความเจ็บปวดจะต้องหายไป ตกลงมั้ย?"

นั่นไม่ใช่การปล่อยวางความเจ็บปวด แต่เป็นความพยายามที่จะกำจัดความเจ็บปวดต่างหาก

ลูกศิษย์คนที่สามกำลังเจ็บปวดอย่างหนัก เขาพูดกับเจ้าความเจ็บปวดประมาณว่า "เจ้าความเจ็บปวดเอ๋ย ประตูใจของฉันเปิดรับเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะทำฉันจ็บปวดขนาดไหนก็ตาม จงเข้ามาเถอะ"

ลูกศิษย์คนที่สามเต็มใจยินยอมให้ความเจ็บปวดคงอยู่ต่อไปนานเท่าที่มันต้องการแม้จนตลอดชีวิตก็ตาม แม้จะต้องเจ็บยิ่งขึ้นเขาก็ยอม เขาให้อิสระแก่ความเจ็บปวด ล้มเลิกความพยายามที่จะควบคุมมัน นั่นแหละคือการปล่อยวาง บัดนี้ไม่ว่าความเจ็บปวดจะอยู่หรือไป มันก็มีค่าเท่ากันสำหรับเขา เมื่อนั้นแหละความทุกข์จากความเจ็บปวดจะหายไป

----------------------

มีเรื่องเล่าว่า เมื่อหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ทราบว่าพระอุปัชฌาย์ของท่าน คือพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล ป่วยหนักและได้รับความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส ถึงแม้ท่านจะไม่สามารถไป

ปรนนิบัติได้ แต่ก็ได้ส่งสาส์นไปบอกสั้นๆ ว่า

"อย่าต่อสู้กับมัน"

เท่านั้นเอง พระอาจารย์เสาร์ก็เข้าใจ และพ้นจากความทรมานเป็นปลิดทิ้ง

วโรทาห์: 6 ก.ย. 53

Sunday, August 22, 2010

ยิ่งดิ้นยิ่งเสื่อม

เหิมเกริมเข้าขั้น ขนาดไปลากเอาพระนามเดิมของพระพุทธเจ้ามาล้อเล่นกันแล้ว เมื่อนกตะกรุมเฒ่าจอมสร้างภาพ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม โดดก๋าออกมายกก้นทรราช 100 ศพ ขึ้นชั้น"อภิสิทธัตถะ"เทียบเท่าพระพุทธเจ้า โดยไม่กลัวนรกจะกินกบาล

ถือเป็นปฏิบัติการ"เลีย"ที่สมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติจริงๆ

ออกลายมาเลย ออกลายมาให้เห็นกันชัดๆ กับอีกหนึ่งสมุนเครือข่ายอำมาตย์ แผนกฝีพายเรือโจร ผู้ทำหน้าที่พายเรือให้โจรนั่ง ลงทุนขายศักดิ์ศรี ขายจิตวิญญาณ เพียงเพื่อแลกกับยศฐาบรรดาศักดิ์ ทรัพย์สินเงินทอง

ที่รู้ทั้งรู้ว่า ไม่อาจใช้ชำระหนี้ตามกฎหมายในนรกได้

เอาบรรดาขาโจ๋วัยเล่นขี้ มารับจ๊อบงานใหญ่ ผลที่ได้มันก็ต้องเป็นอย่างนี้ แทนที่จะฉุดเหรตติ้งให้กระเตื้องขึ้นมาบ้าง มันกลับตาลปัตรปักหัวจมดิ่ง เสื่อมทรุดหนักข้อเข้าเนื้อไปกันใหญ่ ยิ่งออกฤทธิ์ออกเดชความเสื่อมยิ่งย่ามใจ เข้าย่ำยีบีฑาทำลายล้างระบอบโบราณพันปี อย่างไม่ปรานีปราศัย

ส่งผลให้คนแก่ใกล้ตาย ต้องไปยืนโบกมือหย็อยๆ อยู่ตามแยกหัวมุมถนน อย่างคนสิ้นหวัง

ถ้าจะบอกว่า "ยิ่งดิ้นยิ่งเสื่อม" ก็คงจะไม่ผิด

แต่อย่างว่า ตราบใดที่พวกมันยังไม่บรรลัยวอดวายไปคาตา ประชาชนก็คงต้องตุ๊มๆต่อมๆ สลับกับอาการปวดหัวใจจี๊ดๆ ที่ต้องทนเห็นอยู่ตำตา ว่ามันโกงกินกันมูมมามขนาดไหน ขณะที่มือหนึ่งถือปืนไล่ยิงเจ้าบ้าน อีกมือหนึ่งก็เก็บกวาดทรัพย์สินใส่ย่ามอย่างอุกอาจ

ปากที่อยู่ว่างๆ ก็พล่าม "ปรองดองๆๆ"..แหลเอาตัวรอดไปวันๆ

ที่น่าเจ็บใจคือ ดันมีกองเชียร์มืดบอดออกมาส่งเสียงเย้วๆ ยุส่งพวกโจรให้ปล้นบ้านตัวเอง เพราะสำคัญผิดคิดว่ากงจักรเป็นดอกบัว เข้าใจว่าทรัพย์ของตัว เป็นสมบัติมหาโจรไปซะฉิบ โจรมันปล้นญาติพี่น้องอยู่เหย็งๆ ดันส่งเสียงเชียร์มันตะบันราด เพียงเพราะหวังส่วนแบ่งที่กระเด็นมาให้ แค่เศษเนื้อข้างเขียง

สภาพอย่างนี้กระมัง ที่โบราณท่านเรียกว่า "อัปรีย์กินเมือง"

เรื่องราวทั้งหลายมันถึงได้วิปริตผิดเพี้ยนไปซะหมด กระเบื้องตันๆที่หนักอึ้งก็ดัน"เฟื่องฟูลอย" แต่ทีน้ำเต้าน้อยที่กลวงโบ๋กลับ"ถอยจม" นับประสาอะไร กระบวนการยุติธรรมจะไม่
เอียงกระเท่เร่ เป็นนกปีกด้วน แทนที่จะ"ยุติโดยธรรม" ก็กลายเป็น"ยุติความเป็นธรรม"ไปซะงั้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถูกแปรสภาพเป็นหน่วยเกสตาโป ออกไล่ล่าสังหารประชาชนคนเสื้อแดง อย่างเมามัน อยู่ๆตัวอธิบดีเอง ก็ออกมาสารภาพแทนผู้ต้องหาเป็นตุเป็นตะ ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่ได้พูดอะไรสักแอะ

แต่ทีเมียตัวออกมาสารภาพเองอย่างหมดเปลือกว่า แอบขายบริการพิเศษครั้งละแสนห้า ดันทำปากแข็ง ประกาศสู้ยิบตา

ยังไม่ต้องพูดถึงองค์กรอิสระ ที่เป็นอิสระจากประชาชน แต่ขึ้นตรงต่ออำมาตย์ ว่าจะออกลิงออกค่าง ซักขนาดไหน

จะเอาแบบเร่งเกมเร็วม้วนเดียวจบเหมือนคดีเสื้อแดง หรือจะเอาแบบลากเลื้อยเจ็ดชั่วโคตรอย่างคดีเสื้อเหลือง ก็ไม่มีปัญหา ตบได้สั่งได้แล้วแต่ใจอำมาตย์

คดีเสื้อแดงไม่ว่าหนักว่าเบา มันเอาเข้าคุกลูกเดียว แต่ทีพันธมิตรขับรถไล่บี้ตำรวจ ดันได้รับความปราณีเป็นพิเศษให้รอลงอาญา ฐานที่ทำไปเพราะ"บันดาลโทสะ"ที่ถูกตำรวจล่วงเกินก่อน ทั้งๆที่มีหลักฐานอยู่ทนโท่ว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เขาทำตามหน้าที่กันแท้ๆ

จะทำยังไงได้ ในเมื่อวันนี้มันเป็นทีของอำมาตย์ อยากทำอะไรก็คงต้องเชิญทำไปตามที่เห็นสมควร แต่อย่าให้วันไหนถึงทีพวกไพร่ก็แล้วกัน

ถ้าประชาชน"บรรดาลโทสะ"เมื่อไหร่..แล้วพวกมึงจะหนาว

สื่อสารมวลชน แทนที่จะเป็นกระบอกเสียงให้รากหญ้าผู้ด้อยโอกาส ดันไปรับใช้อำมาตย์ มาปิดหู ปิดตา ปิดปากประชาชน ข้ออ้างว่าทำไปเพราะเห็นแก่เงิน ก็"ฟังไม่ขึ้น" เพราะอาการระริกระรี้ กระดี๊กระด๊าให้ท่าอำมาตย์ มันฟ้องอยู่ในตัว

ถ้าจะยกระดับสื่อไทย ให้ขึ้นชั้นเทียบกับโสเภณี ก็คงเปรียบได้กับโสเภณีโดยสันดาน ผู้ถือคติประจำใจ "เงินย่อมไม่สำคัญไปกว่าความเสียว" ถ้าถูกใจใช่เลย รับรองบริการให้ฟรีไม่มีชาร์จ แถมจับพลัดจับผลู จะมีแอบติ๊ปให้ตาค้างอีกต่างหาก

ประเภทโสเภณีจำเป็น ถูกบังคับขายบริการนั้น มีน้อยซะยิ่งกว่าน้อย นับยังไงก็คงไม่ครบสิบนิ้ว

ไม่ใช่สิ! ถ้าไล่เรียงกันดูจริงๆ ยังได้ไม่ถึงห้านิ้วด้วยซ้ำไป

จึงไม่แปลกที่ความตอแหลจะระบาดไปทั่วทุกวงการ ก็ขนาดคำว่า "ขอคืนพื้นที่" กับ "กระชับพื้นที่" ยังส่งให้จอมแหลอย่างมาร์ค 100 ศพ ขึ้นชั้นผู้ใช้ภาษาไทยดีเด่น ตีคู่ไปกับพันธมิตรห่มเหลือง "มหา ว.สี่ตาพาซวย" ผู้ที่สามารถใช้ภาษาไทย เทศนาอย่างพลิกพลิ้ว ชนิดมะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก

จาก"เป็นกลาง=เป็นก้าง" สมัยม็อบพันธมิตร มาถึง"เสียใจที่คนไทยเลือกข้าง" ในยุคม็อบเสื้อแดง เล่นเอาอุบาสกอุบาสิกาพากันตีหน้าเหวอ ว่านี่ "หลงพี่" จะเอายังไงกันแน่

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน วิกฤติอำมาตย์ในครั้งนี้ ก็ได้พิสูจน์คุณธรรมจอมปลอมของพวกอีแอบ ที่รวมหัวกันปลิ้นปล้อน หลอกลวง มอมเมาประชาชน อย่างเป็นขบวนการ จนส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ "ตาสว่างทั้งแผ่นดิน" อย่างไม่น่าเชื่อ

คนมันถึงคราวจะฉิบหาย ผีห่าซาตานเลยดลใจ ให้เดินดุ่มๆไปบนหนทางเสื่อม อย่างไม่มีอาการลังเลแม้แต่น้อย

เรื่องของเรื่อง ที่มันเลอะเทอะเละเทะอยู่ทุกวันนี้ ผู้สันทัดกรณีที่ไม่กล้าเปิดเผยนาม ท่านให้ทัศนะว่า เป็นเพราะเราดันทะลึ่ง "เลี้ยงงูไว้ในเรือ เลี้ยงเสือไว้นอกกรง" เลี้ยงไม่เลี้ยงเปล่า ดันผ่าไปบูชาเซ่นไหว้ ยกเป็นของศักดิ์สิทธิ์ซะงั้น เรื่องมันถึงได้เลยเถิดลามปามไปกันใหญ่

อันธรรมดาคนเรา ถ้าฐานะพอมีอันจะกิน เกิดมีอาการครึ้มอกครึ้มใจ อยากเลี้ยงเสือไว้ในบ้านให้เป็นสง่าราศี มันก็เก๋ไปอีกแบบ แต่ถ้าจนกรอบเป็นข้าวเกรียบกุ้งแล้ว ยังอุตส่าห์กระเบียดกระเสียนค่าข้าวค่าน้ำ เอามาเลี้ยงเจ้าลายพาดกลอนนี่ มันก็เกินไปหน่อย

แล้วถ้าดันผ่าปล่อยให้เดินเพ่นพ่านอย่างกับเป็นเจ้าบ้านซะเอง ก็ยิ่งดูไม่จืด เสือแก่เติบใหญ่กลายเป็นเสือสมิง เที่ยวแอบจับคนในบ้านกินเป็นดินเนอร์มื้อใหญ่ โดยที่ไม่มีใครระแคะระคายมาหลายทศวรรษ แม้จะมีคนสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครกล้าจับอุ้งตีนมันดม

แค่เห็นเสือใหญ่ยิ้มยาก นั่งหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ ก็หนาวไปถึงกระดูกแล้ว

แสงสว่างเท่านั้น ที่จะทำลายเวทย์ไสยมนตร์ดำ ความจริงเท่านั้น ที่จะสยบความตอแหลให้อยู่หมัด

ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่มันทำให้คนพูดความจริง ตายมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้นจึงต้องอาศัยหลวงตาชู ให้รับหน้าเสื่อเสี่ยงตาย พูดความจริงแต่เพียงผู้เดียว เพื่อที่พวกเราจะได้ก๊อปปี้แจกจ่ายกันไป ให้ทั่วบ้านทั่วเมือง

เพราะว่างานนี้ ยังไงก็ลากยาวข้ามภพข้ามชาติ ประชาชนสู้ยิบตาอยู่แล้ว

"มึงรู้หรือเปล่าว่ากำลังสู้กับใคร" ถ้าเป็นสมัยก่อน ได้ยินคำถามทำนองนี้ เป็นได้ถอดใจวิ่งป่าราบกันเป็นแถว แต่มาถึงวันนี้ หลัง 19 พฤษภาเลือด อันแสนขมขื่น สถานการณ์มันหล่อหลอมให้ใจคนเปลี่ยนไป กลายเป็นหนังคนละม้วน

หมูในอวยกลับกลายเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนขึ้นมาดื้อๆ จึงไม่แปลก ที่วันนี้คนถามจะมีโอกาสได้เจอสวนว่า

"ทำไมกูจะไม่รู้ว่ากำลังสู้กับใคร แต่ฝากมึงไปถามมันด้วยว่า มันรู้ไม๊ว่า กำลังสู้กับประชาชน แล้วถามมันด้วยว่า ไอ้อีหน้าไหนที่บังอาจสู้กับประชาชน จะลงเอยด้วยชะตากรรมแบบไหน แล้วคงไม่ต้องให้บอกว่า..."

"จุดจบสุดท้าย..พวกมันตายกันยังไง"

วโรทาห์: 22 ส.ค. 53

Thursday, July 29, 2010

สงครามประชาชน นับหนึ่งไปแล้ว

เรือด่วนไม่รอท่า วันเวลาไม่คอยใคร อำนาจวาสนาไม่เคยอยู่นาน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป พรก.ฉุกเฉินมันก็แค่ฉาบฉวย ออกมาคุ้มกบาลโจรได้ไม่นานก็ต้องจากไป ความจริงเท่านั้นที่เป็นสิ่งไม่ตาย ต่อให้มุบมิบปกปิดกันยังไง เมื่อถึงเวลาย่อมต้องแดงโร่ออกมาจนได้

ไอ้อีที่ก่อกรรมทำเข็ญกับเพื่อนร่วมชาติเอาไว้ จึงรุ่มร้อนทรมานทุรนทุราย ราวกับตกอยู่ในอเวจีมหานรก ยังไม่ปาน

เพราะเหตุนี้ ในระหว่างที่พรก.ฉกฉวย ยังคุ้มกะลาหัว ให้ทำการฉ้อฉลโดยถูกต้องตามกฎหมาย ศูนย์อำนวยความฉิบหาย จึงกุลีกุจอล้างขี้ให้รัฐบาลโจรอย่างฉุกละหุก เพราะคิดโดยไม่ต้องใช้สมองว่า ถ้าทอดเวลาให้เนิ่นนานออกไป กับเร่งระดมใบบัวมาให้ได้มากพอ

จะสามารถปิดช้างตายทั้งตัวได้มิด ไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็นคาวฉาวโฉ่ไปทั่วบ้านทั่วเมือง รวมทั้งทั่วโลกอีกต่างหาก

ในระหว่างนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีข่าวประชาชน คนแล้วคนเล่าถูกคร่าตัวไปเข้าคุก โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งข้อหา ศพแล้วศพเล่าถูกเพิ่มเข้าในบัญชีคนตาย ภายใต้เงื้อมมือทรราช โดยไม่ใครคิดที่จะจับมือใครดม

ภาพที่ออกมาในสายตาปุถุชน ที่มีความเป็นมนุษย์อยู่ในระดับปกติธรรมดา มันเลยดูไม่จืด เหมือนเห็นฝูงหมาป่าที่กำลังรุมขย้ำลูกแกะอย่างเมามัน ดูราวกับว่า เสื้อแดงที่เคยแรงฤทธิ์จะถูกฉีกเป็นริ้วๆ เพื่อให้สาแก่ใจจอมบงการ ที่สุมไฟแค้นไว้แน่นอก รอวันสะสาง ที่เพิ่งจะมาถึงในวันนี้

ผ่านไปกว่าสองเดือน หลังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ "พฤษภามหาอำมหิต" ในขณะที่ "คืนนรกในวันปทุมฯ" ยังตามหลอนจอมบงการอยู่ไม่เลิก แต่ปฏิบัติการไล่ล่าท้านรกผู้เห็นต่างทางการเมือง ยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลง แม้แต่น้อยนิด

ทำราวกับว่า ถ้าถูกรุกไล่จนไม่มีที่ยืนแล้ว เสื้อแดงจะอันตรธานหายวับไปจากโลกนี้ ไม่มีใครอยู่ให้ขวางหูขวางตา ท่านผู้มีอำนาจตัวจริงเสียงจริง ที่กำลังนี้ประสาทหูมันด้านชา จนไม่ได้ยินแม้เสียงแมลงหวี่แมลงวัน ที่กู่ตะโกนประสานเสียงจนคอแทบแตกว่า...

อย่าให้พวกกูหาที่ยืนเอง..แล้วมึงจะหนาว

กับสถิติอย่างเป็นทางการ ตายร่วมร้อยกับบาดเจ็บร่วมสองพัน ไม่มีใครสงสัยว่า มาร์คชั่วพอสำหรับมหกรรมอำมหิตระดับนี้หรือไม่ แต่ทุกคนข้องใจว่ามันเอาน้ำอิ๊วมาจากไหน กับงานระดับมาสเตอร์พีซ ที่ต้องอาศัยอำนาจบงการครอบคลุมทุกองคาพยพ ทั้งกองทัพ สารพัดสื่อ องค์กรอิสระ และนักวิชาการ จิปาถะ

ให้ออกลิงออกค่างไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีการแตกแถวแม้แต่หน่อเดียว

จึงช่วยไม่ได้ที่สายตาทุกคู่จะจับจ้องเพ่งเล็งไปที่ฉากหลังอันชินตา ซึ่งใครๆก็รู้ว่ามันไม่ใช่ฉากลิเกโหลๆอีกต่อไป เหตุเพราะภาพลางๆหลังฉากนั้น ที่นับวันจะชัดเจนจนมองเห็นทะลุปรุโปร่งไปทุกรูขุมขน กับเงาร่างทะมึนซึ่งมันจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก...ไอ้ปื๊ด

หายไปกับสายลม หลังจากปฏิบัติการยิงผ่ากะโหลกจ่ายิ้ม วันนี้ไอ้ปื๊ดกลับมาในมาดใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม อย่างเทียบกันไม่ติด ทั้ง "โหด เลว ดี" มีครบเครื่องอยู่ในตัวคนเดียวกัน เมื่อประกอบกับบารมีที่มากมายล้นฟ้า จนทะลักนองไปทั่วทั้งจักรวาล

จึงช่วยไม่ได้ที่ไอ้ปื๊ดจะหน้ามืดตามัว จนหลงตัวลืมตีน นึกว่าตนเองเป็นเทวดาไปซะฉิบ

จากที่เคยกระมิดกระเมี้ยนนั่งชักใยอยู่หลังฉาก จึงกล้าๆออกมายืนแก้ผ้าอยู่หน้าฉาก โดยไม่รู้สึกเคอะเขินแม้แต่น้อยนิด ยิ่งหลังๆมานี่ยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่ เมื่อขยันออกมาล่อเป้าให้มาร์คชกโชว์ เหมือนจะประกาศศักดาให้รู้เป็นนัยๆว่า ไอ้เด็กผีคนนี้มันสังกัดค่ายไหน

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มั่นใจว่าแน่จริง จงอย่าแหยมเป็นอันขาด

ถ้ายังข้องใจ ให้หันกลับไปชมผลงานที่เห็นจะๆ ประจักษ์กับตานับล้านคู่ ที่แม้แต่ตานฉ่วย ยังต้องหลบฉากชิดซ้าย กับปฏิบัติการอีแอบ หลบมุมซุ่มยิง แล้วออกมาตอแหลแก้ตัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอายสุนัข ด้วยคำพูดสั้นๆง่ายๆว่า..เปล่า..ใครจะทำไม

หลังปฏิบัติการโฉดจบลง ก็ได้เวลาเปิดแชมเปญฉลองอย่างเมามัน ทำราวกับว่าระบอบอำมาตย์ประสบกับชัยชนะอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว โดยหารู้ไม่ว่า นั่นเท่ากับเติมปุ๋ยเร่งเชื้อให้กับขบวนการประชาธิปไตย ที่ยืนตายซากรอฟ้ารอฝนมานานกว่า 76 ปี

ประชาชนกำลังเรียนรู้ประชาธิปไตยอย่างก้าวกระโดด จากการลงมือปฏิบัติอย่างเข้มข้นในสนามจริง เจ็บจริง ตายจริง ไม่มีตัวแสดงแทน

แน่นอนว่า เมื่อเห็นสหายร่วมรบทอดร่างลงนอนจมกองเลือด เป็นใครจะไม่เจ็บแค้นจนอยากฉีกเนื้อศัตรูเป็นชิ้นๆ แต่ในเมื่อยังทำอะไรไม่ได้ มันก็ต้องกลืนเลือดเอาไว้ก่อน สิ่งที่ทำได้ และสมควรทำเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้ คือสลัดทิ้งความเจ็บปวด แล้วรีบลุกขึ้นมาสู้ใหม่

"พ่ายศึกใช่ว่าแพ้สงคราม" หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล สงครามประชาชนมันคือมหากาพย์ของทุกประเทศอยู่แล้ว การศึกต้องปะทุขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนกว่าระบอบอำมาตย์จะบรรลัยวายวอดไปต่อหน้าต่อตา ไม่ว่าจะกินเวลาเนิ่นนานเท่าใดก็ตาม

"ชัยชนะที่หอมหวาน ย่อมต้องแลกมาด้วยความพ่ายแพ้อันขมขื่น" ไม่ว่าประชาชนจะต้องสูญเสียไปเท่าไหร่ แต่พล็อตเรื่องสุดท้ายได้เขียนเอาไว้ เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ ยังไงระบอบอำมาตย์ ก็ต้องพินาศย่อยยับ อย่างไม่มีข้อแม้

มีหอกใช้หอก มีดาบใช้ดาบ มีซีดีใช้ซีดี มีแฟล็ชไดร์ใช้แฟล็ชไดร์ ก็อปมันไป เผยแพร่ให้มากที่สุด นั่นคือสงครามใต้ดิน ที่ประชาชนกำลังตอบโต้กับอำนาจรัฐ อย่างถึงพริกถึงขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โดยที่ฝ่ายอำมาตย์ไม่มีทางปกป้องตนเองได้ เพราะไม่มีใครโผล่มาให้ยิงอีกแล้ว

ทำเป็นเล่นไป ขนาดเด็ดดอกไม้ ยังสะเทือนถึงดวงดาว เพียงแค่ผีเสื้อขยับปีก ยังก่อเกิดพายุใหญ่ เจอมดตัวน้อยตัวนิดรุมสกรัม ช้างใหญ่ยังล้มทั้งยืนมาแล้ว นับประสาอะไร ถ้าประชาชนช่วยกันเซาะอิฐฐานราก คนละก้อนสองก้อน

กำแพงใหญ่จะไม่ถล่มทลายพังครืนลงมา ก็ให้มันรู้กันไป

แน่นอนว่า ชัยชนะที่แลกด้วยความสูญเสียจำนวนน้อย ย่อมต้องใช้เวลามาก แต่ถึงยังไงก็คงไม่นานจนเกินรอ เพราะมัจจุราชนั้น อยู่ข้างประชาชนเสมอ

สัญญาณชีพของจอมอสูรที่ขาดสะบั้น คือสัญญาณแห่งชัยชนะของประชาชนที่เริ่มขึ้น เมื่อทัพมารเข้าห้ำหั่นกันเอง เพื่อช่วงชิงอาญาสิทธิ์แห่งนรก นั่นคือเวลารอคอยของกองทัพมหาชน ที่เตรียมพร้อมเผด็จศึก

เมื่อเฮี่ยต่อเฮี่ยกัดกันจนบรรลัย...ประชาชนจักเป็นใหญ่ในแผ่นดิน

วโรทาห์: 29 ก.ค. 53

Sunday, May 16, 2010

เข้าประชาไทผ่าน Google free proxy


รัฐบาลสัตว์ชิบหายมันบ้าไปแล้ว สาดกระสุนจริงยิงหัวประชาชนอย่างไม่รู้สึกรู้สา แถมป้ายขี้ให้เสื้อแดงอีกต่างหาก

ส่วนในโลกไซเบอร์ ก็ตามปิดตามบล็อคอย่างบ้าระห่ำ

นี่พันทิป ก็ปิดหนีตายไปแล้ว

เหลือแต่ประชาไท ที่ยังยืนหยัดโต้พายุซาตานอยู่ แต่ก็ถูกตามบล็อคทุกรูปแบบ

ถ้าใครเข้าไม่ได้ ก็ลอง URL นี้ดู

http://www.google.com/translate?langpair=en|th&u=www.prachataiboard.com/webboard

**********

คราวนี้เสื้อแดงรู้หรือยัง ว่ากำลังสู้กับใครอยู่?

ทำไมมันจึงใจกล้าหน้าด้าน ไม่เกรงกลัวประชาชน ไม่สนใจสายตาชาวโลกแม้แต่น้อย?

หยุดเถิดทรราช..อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

นอมินีจอมอสูร

วโรทาห์: 16 พ.ค. 53

********

เปลี่ยน URL แล้วครับ เป็น..

http://www.prachataiboard.info/board/

เข้าตรงๆได้เลย จนกว่ามันจะตามมาบล็อคอีก

วโรทาห์: 28 พ.ค. 53

***

เปลี่ยนเป็น..

http://www.prachataiboard1.info/board/

วโรทาห์: 6 มิ.ย. 53

Monday, May 10, 2010

กบฏไพร่...ตำนานความห้าวหาญของชาวรากหญ้า

ล่วงเลยไปแล้วเกือบ 2 เดือน กับการต่อสู้ชนิดหลังพิงฝาหน้าชนกำแพง ของบรรดากบฏไพร่แดง ตัวแทนของชนชั้นไพร่กระฎุมพี ที่อาจหาญสวมหัวใจสิงห์ เข้าต่อกรกับกองทัพอำมาตย์อันเกรียงไกร โดยไม่คิดหวาดหวั่นแม้แต่น้อยนิด

มึงแรงมากูก็แรงไป งานนี้ไพร่สู้ยิบตา แม้ว่าจะมีแค่มือเปล่าๆ กับอุดมการณ์ล้วนๆ

ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามนั้น นอกจากกฎหมายที่เขียนเองมากับมือแล้ว ยังพรั่งพร้อมด้วยสรรพกำลังและศาสตราวุธ ระดับสงครามระหว่างประเทศกันเลยทีเดียว

นี่ถ้าสงครามไพร่ตัดสินแพ้ ชนะกันที่อาวุธ ป่านนี้ไม่รู้ว่าเสื้อแดงกระเจิงไปถึงไหนแล้ว

แต่บังเอิญว่า ของจริงมันต้องวัดกันที่ใจ เรื่องของเรื่องมันถึงได้บานปลายกลายเป็นหนังคนละม้วน เพียงแค่สมรภูมิเลือดแห่งแรกที่สี่แยกคอกวัว ก็สร้างความเสียหายให้กับฝ่ายอำมาตย์ ถึงขนาดถอยกรูดๆไม่เป็นขบวน

ถึงแม้ว่านักรบไพร่จะบาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง แต่กองบัญชาการสุมหัวภาคสนามของสมุนอำมาตย์ ก็ถูกถล่มราพณาสูร ไม่เหลือแม้แต่ซาก ให้เป็นสีเหนียดแก่แผ่นดิน

อภิสิทธิ์ เวทนาทีวะ ถูกประทับตราทรราช เพียงแค่ชั่วข้ามคืน

ก็มันห้ามแล้วฟังกันซะเมื่อ ไหร่ ขนาดว่ากองทัพเขาไม่เอาด้วย เพราะเกรงว่ามันจะได้ไม่คุ้มเสีย ยังอุตส่าห์ดิ้นทุรนทุราย ไปใช้บริการทหารนอกแถว หน่วยที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากฆ่าประชาชนเต็มแก่ เพียงเพื่อเอาผลงานเป็นสะพานทอดสู่ยศฐาบรรดาศักดิ์ จะเป็นใครไปซะอีก ถ้าไม่ใช่หน่วยทหารหมา "บูรพาสุนัข"

ดุดันเหี้ยมเกรียมต่อประชาชน แต่คิกขุอาโนเนะ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นเจ้านาย จนได้รับการขนานนามอย่างน่าชังน่าถีบว่า "ทหารแมวมาม่าซัง"

เพราะย่ามใจว่า งานนี้เคี้ยวขนม สู้กับประชาชนมือเปล่า หลับตาสู้ยังไงก็ชนะอยู่เห็นๆ พอผลการเย่อกันตั้งแต่บ่ายยันเย็น ฝ่ายทหารแพ้ประชาชนหลุดลุ่ยไม่เหลือฟอร์ม จึงทำใจยอมรับกันไม่ได้ ยิ่งมาเจอเสียงกระเส่า เขย่าขวัญสั่นประสาทผ่านเซ็กซ์โฟน-อินเข้ามาเร่งยิกๆว่า "ต้องจบให้ได้..ภายในคืนนี้"

มันเลยต้องมีลูกฮึด ลุยทำโอทีต่อตั้งแต่หัวค่ำยันดึกยันดื่น โดยไม่คำนึงถึงกฎกติกามารยาทที่ว่า ห้าม"ขอคืนพื้นที่"ในยามวิกาล เป็นอันขาด

เรื่องของเรื่อง มันเลยกลายเป็นงานช้าง เมื่อมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาขอร่วมแจม ในนามของ"กองกำลังไม่ทราบฝ่าย แต่ทราบว่ามีปืน" มาถึงก็ตั้งป้อมยิงไม่ยั้ง อย่างกับข้าวตอกแตก เล่นเอาสุนัขบูรพา ร้องไม่เป็นภาษาสุนัข

หะแรกใครต่อใครก็พากันทึกทักว่า เป็นกองกำลังที่มาช่วยเสื้อแดง แต่มาเอะใจตรงที่ว่า จะช่วยทั้งทีทำไมไม่อ้อมไปตีกระหนาบหลัง ให้ทหารอำมาตย์มันละล้าละลังเล่น แต่นี่ดันมาตั้งแท่นยิงอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ทำตัวเป็นตำบลกระสุนตก พาให้ประชาชนพลอยซวยไปด้วยอีกหลายคน

แต่เอาเถอะ สงสัยไปก็เท่านั้น ในเมื่อผลมันก็คือๆกัน นั่นก็คือ ไม่ว่าจะมาช่วยเสื้อแดง หรือว่าถือโอกาสทอดผ้าป่าสามัคคี ฆ่าตัดตอนทหารฝ่ายตรงข้าม มันก็เป็นการฆ่าเพื่อยับยั้งการฆ่าอยู่ดี ไม่เช่นนั้นยังไม่รู้ว่า เสื้อแดงต้องตายเพิ่มอีกกี่ร้อยกี่พันศพ ภายใต้น้ำมือทหารระห่ำสัตว์พวกนั้น

ว่ากันถึงสาเหตุหลัก ที่ทำให้กองโจรอำมาตย์แตกญะญ่ายพ่ายจะแจ หมดรูปในครั้งนี้ ต้องถือเป็นผลงานการวางแผนยุทธการของทหารเสื้อแดง ที่แก้เกมส์กันชนิดช็อตต่อช็อต อย่างรู้เขารู้เรา จากข้อมูลวงในที่ถวายใส่พานมาให้โดยทหารแตงโม

ที่ต่อสายรายงานสดจาก วอร์รูมอำมาตย์ ชนิดคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค ส่งตรงถึงเวทีเสื้อแดง อย่างกับยกกองบัญชาการของฝ่ายอำมาตย์มาไว้ที่นี่ ยังไงยังงั้น

แต่สงครามก็คือสงคราม เหมือนสาดน้ำใส่กัน มันก็ต้องรับเละทั้งสองฝ่ายเป็นธรรมดา คิดถึงไพร่ที่พลีชีพเมื่อไหร่ น้ำตามันพาลจะไหลทุกที นี่แหละคือสงครามไพร่ ไม่ว่าฝ่ายไหนจะได้รับชัยชนะ ฝ่ายไพร่ก็ต้องรับบทผู้แพ้ตลอดกาล โดยไม่มีข้อแม้ เพราะไม่ว่าทหารหรือพลเรือนก็แล้วแต่ ที่ตายๆกันไป มันก็ไพร่ทั้งนั้น

เพียงแต่ว่า"ไพร่ที่ตายเพื่ออำมาตย์" ย่อมได้รับเกียรติมากกว่า"ไพร่ที่ตายเพื่อไพร่" พูดแล้วมันเจ็บใจจริงๆ

มิพักต้องไปพูดถึง"องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งประเทศไทย" ให้มันคลื่นไส้กันไปเปล่าๆ เหตุเพราะรู้ๆกันอยู่ ว่ามันเสียชีวิตยกคอกไปตั้งนานแล้ว ที่เห็นเต้นแร้งเต้นกาอยู่นั้นมันก็แค่ "องค์กรสิทธิทรชนแห่งประเทศไทย" ที่ทำหน้าที่ปกป้องทรชนคนชั่วเป็นการเฉพาะ การันตีด้วยผลงาน การเจ๋อเข้าไปซับน้ำตาจระเข้ ถึงรังโจร"ลาบ 11"

เมื่อคราวที่นายกฯกำมะลอ ถูกสาดเลือดหน้าบ้าน จนขวัญหนีดีฝ่อ ร้องไห้กระจองอแง อย่างกับพ่อแม่ตาย ยังไม่ปาน

เพราะเหตุนี้มันถึงได้ใจ ฮึ่มฮั่มจะออกมาล้างอาย หมายยิงประชาชนให้กระเจิงกันไปอีกรอบ ดีที่ได้องค์กรต่างชาติมาช่วยกดไข่ดัน ทำให้มันหน้าเขียวหน้าเหลืองนั่นแหละ อาการพิษสุนัขบ้า ถึงได้หายกำเริบลงไปหลายกิโลขีด

แม้กระนั้น ยังพยายามปล่อยของผ่าน "ศูนย์อำนวยความฉิบหายในสถานการณ์ฉุกละหุก" ด้วยการปล่อยไก่อูจอมเห่าหอน สรรเสริญ แก้วกำหนัด ออกมาขู่กรรโชกซ้ำๆซากๆ วันละ 3 เวลา สัปดาห์ละ 7 วัน เล่นเอาชาวบ้านเอียนจนแทบอ้วกไปตามๆกัน ฐานที่มันดีแต่เห่า ไม่เห็นกัดซักที

เมื่อแขนขามันง่อยเปลี้ยไปซะหมด ทหารก็เกียร์ว่าง ตำรวจนั้นเกียร์ถอยไปนานแล้ว จึงถึงคิวของเจ้ากรรมนายเวรตัวจริงเสียงจริงอย่าง "พันธมิตรทรชนเพื่ออำมาตยาธิปไตย" ที่ต้องออกจากโลงมาทำซ่า เดินหน้า "ฆ่ามัน..ฆ่ามัน..ฆ่ามัน.." ทั้งๆที่ระดมพลแทบตาย ไม่เคยได้เกิน 3 พัน ซักที

ปล่อยอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็รู้ ว่าใครหมู่ ใครจ่า

บ้านเมืองร่ำๆว่าจะลุกเป็นไฟซะให้ได้ แต่นายกฯของไทยกลับไม่รู้สึกรู้สา ไม่รู้ว่ายุบสภามันยากเย็นยังไงกัน ถึงได้หน้าด้านหน้าทนไม่มีขีดจำกัด ทั้งๆที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ ก็เห็นเขาประกาศยุบสภากันโครมๆ ไม่เห็นจะ ต้องยักกะสาย โร้ดหม่งโร้ดแหม็ปให้มันยุ่งยาก โดยใช่เหตุ

อะไรไม่ว่า ยังมีหน้ามาทำขู่ ว่าโปรโมชั่นนี้ถือว่าคุ้มสุดๆแล้ว ห้ามต่อรองเป็นอันขาด

ทำอย่างกับว่า เป็นของดิบของดีที่ชาวบ้านเขาอยากได้นักหนา ไม่มาฟังทัศนะจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ตัวจริงเสียงจริง เมื่อผู้สื่อข่าวยิงคำถามเข้าใส่ ว่าคิดยังไงกับโร้ดแหม็ป"ปองดอง" ของท่านนายกฯ ยายพริ้งคนเสื้อแดง ถึงกับตะโกนตอบสวนควันปืนโดยไม่ต้องคิดว่า...โร้ดพ่อโร้ดแม่มัน

กูแค่อยากรู้ว่า มันจะยุบสภาเมื่อไหร่?

วโรทาห์: 10 พ.ค. 53

Monday, February 15, 2010

เมื่อหัวหน้าพรรคปาขี้ มาโดนดีซะเอง

อากาศที่เริ่มจะร้อนฉิบ กับสถานการณ์การเมืองที่ชักจะร้อนฉ่า ยิ่งใกล้วันดีเดย์ ปล้นกลางแดด 76,000 ล้านเข้ามา พวกอำมาตย์ก็ยิ่งพล่านเป็นสุนัขเดือน12 อยากได้เงินเขาจนตัวซีดตัวสั่น แต่ยังกล้าๆกลัวๆ ระแวงว่าประชาชนจะดาหน้า ออกมาเช็คบิลเอา

เลยต้องทำเป็นลับ ลวง พลาง ส่งสมุนที่ไร้สมอง เที่ยวสร้างสถานการณ์ป่วนบ้านป่วนเมือง จนวุ่นวายกันไปหมด

สถานการณ์ยุ่งเหยิงอย่างนี้ จะหยิบจะจับเอาอะไรมาเขียนวิพากษ์วิจารณ์ จึงไม่ค่อยถนัด เพราะว่ายังไม่ทันจะขยับ ก็กลายเป็นข่าวเก่าไปซะฉิบ อย่ากระนั้นเลย สู้เมดเล่ย์จับฉ่ายเล่นมันไปทุกเรื่อง เอามายำใหญ่ใส่พริกมะนาว ให้เผ็ดแซบซี้ดซ้าด ยังจะเข้าท่ากว่ากันเยอะแยะ

ภาษาฟุตบอลเขาเรียกว่ากึ่งยิงกึ่งผ่าน ไม่ได้ตั้งใจยิง แต่เผลอเมื่อไหร่เป็นมุดเข้าประตูไป ไม่ทันรู้ตัว

ประเดิม กันด้วยข่าวขี้ๆ กับคนขี้ๆ ที่กลายเป็นคู่เวรคู่กรรมคู่ใหม่กันไปซะแล้ว นาทีนี้ถ้าใครบอกว่ากำขี้ดีกว่ากำตด คงไม่มีทางที่มาร์คจะเห็นด้วยเป็นอันขาด หลังจากเจอเข้าไปหลายงาน ชักจะเกิดดวงตาเห็นธรรม ใครจะว่ายังไงก็ช่าง มาร์คยังขอกำตดดีกว่ากำขี้

โดยเฉพาะงานล่าสุดนี้ ที่ออกจะทำใจลำบากอยู่ซักหน่อย ก็พ่อเจ้าประคุณลุนช่อง เล่นจัดโปรโมชั่นพิเศษ มากันเป็นแพ็คคู่ 4 ถุงซ้อน ดีลิเวอรี่ส่งตรงถึงหลังคาบ้าน เล่นเอารปภ.อกสั่นขวัญแขวน ออกจับมือคนดมกันให้วุ่น ดีที่ว่า คนบ้านนี้ เขาชินชากันซะแล้ว เลยไม่ค่อยตื่นเต้นซักเท่าไหร่

ก็แหงละ โดนเข้าไปถี่ยิบ ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ถ้ายังไม่ชิน ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

ทำเป็นเล่นไป ในขณะที่ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นถุงขี้ แต่ยังมีกุ๊ยกษิตที่เถียงขาดคอเป็นเอ็น ว่าเป็นถุงก๋วยเตี๋ยว มิน่าล่ะ ถ้าพี่กุ๊ยบอกว่าจะหิ้วก๋วยเตี๋ยวไปฝากใคร เป็นได้เผ่นหนีกันป่าราบ เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเหลียวหลัง

กับถ้อยวาจาของน้าฮุนฯที่ว่า “อุจจาระมีค่ามากในประเทศไทย เพราะว่าชาวไทยให้มันเป็นของขวัญ แก่นายกรัฐมนตรี..." ไปๆมาๆอาจจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นซะแล้ว เมื่อมีแนวโน้มว่า ผลการตรวจดีเอ็นเอ อาจจะแจ็คพ็อทออกมาว่าเป็น..ขี้ทักษิณ

ถ้าไม่รีบออกตัวว่าขอรับเอาไว้ตรวจสอบราคา มีหวังว่าน่าจะงานเข้า เจอคดีรับของขวัญเกิน 3 พันกันเห็นๆ ยิ่งน้าแม้วเขาขึ้นชื่ออยู่ด้วยว่า มือดี..ทำขี้ให้เป็นทอง

สรุปว่า ลงทุนปลูกถั่วเอาไว้ ย่อมต้องได้ฟาดถั่วต้มเป็นธรรมดา มีที่ไหน ปลูกถั่วแล้วจะได้รับประทานสตรอเบอรี่ หวาน กรอบ อร่อย ดังใจปรารถนา

ทีตอนที่พวกมารลุกขึ้นยืน 2 ขา ด่านายกฯทักษิณฉอดๆ เห็นกระดี๊กระด๊ากันใหญ่ ยกให้เป็นวีรสตรีสีลม โดยไม่ต้องสนใจผิดชอบชั่วดี แล้วทำไมตอนนี้จะมาไล่บี้ตำรวจ ให้พลิกแผ่นดินตามล่าหาวีรบุรุษปาขี้กันให้ควั่ก

อะไรไม่ว่า ไล่เลี่ยกันยังไม่ทันไร นายปณิธานปากมอม ก็ออกมาปาถุงขี้นำร่องเข้าใส่ชาวเสื้อแดงซะเละไปหมด บอกว่ามีเงินโอนจากตะวันออกกลาง มาเข้าบัญชีแกนนำ หลังจากนั้นก็ตามน้ำกันใหญ่ ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาฯพรรค และสมาชิกพรรค ต่างพร้อมใจกันออกมา ระดมปาขี้ใส่ประชาชนเสื้อแดง อย่างเอาเป็นเอาตาย

เล่นกันสกปรกยิ่งกว่าขี้อย่างนี้ ยังไม่เห็นมีใครไปไล่จิกไล่ตี ว่าคนพรรคนี้ ทำไมมันถึงขยันปาขี้ใส่หัวชาวบ้านอยู่เป็นประจำ

จึงเป็นการสมควรอย่างที่สุด ที่โดนจอมพลฮุนเซน จิกหัวด่าอย่างสาดเสียเทเสีย โดยไม่มีประชาชนคนไทยหน้าไหนออกมาปกป้องให้ แม้แต่คนเดียว ทั้งๆที่จะว่าไปแล้ว ขานั้นก็เกินไปนิด แต่ยังน้อยไปหน่อย เมื่อเทียบกับความต่ำช้า ไร้มาตรฐาน ไร้สติ ไร้ปัญญาของนายกฯโจร แห่งสารขัณฑ์ประเทศ

กลายเป็นนายกฯขี้ ที่ประชาชนเกลียดที่สุดตลอดกาล ชนิดที่ถนอมประภาสต้องชิดซ้ายลงคู กู่ไม่กลับไปซะแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ คงต้องโทษบุพการี ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง อยากให้ลูกหลานได้เป็นนายกฯ จนไม่คำนึงถึงวิธีการที่จะได้มา แม้จะต้องสมคบกับอำมาตย์ ให้ช่วยปล้นตำแหน่งเอามาประเคนให้ ก็ยังไม่เกี่ยง

เมื่อได้ตำแหน่งมา เพราะอำมาตย์อุปถัมภ์ จึงเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่ไม่เคยเห็นหัวประชาชน วันๆเอาแต่เกาะโพเดียม จ้อเอาโล่ห์ กับไล่ล่าทักษิณอย่างเดียว ประชาชนคนไทย จะเป็นจะตายยังไงก็ช่าง

กระโดดข้ามห้วยไปที่คิวหักดิบ ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลโจร ที่เล่นเอางงเต้กไปตามๆกัน เมื่อหัวหน้าโจรไปได้ยาดีจากอภิมหาโจรเฒ่า เจ้าของรัฐบาล งานนี้เลยชักจะมีหือ ออกมาประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญมันดื้อๆ

ถ้าจะอ้างสัญญาลูกผู้ชาย ขอให้ไปไกลๆหน่อย เพราะว่าที่นี่คือพรรคแมลงสาบ รับรองได้ว่า ไม่มีลูกผู้ชายซักกะคน

เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับแมลงสาบ เลยต้องเจ๊กอั้ก นั่งน้ำตาตกในกันเป็นแถว ทั้งปู้จิ้น หลานเนรฯ แถมพ่วงด้วยปู่เติ้งอีกคน ต่างกอดคอกันร่ำไห้อย่างน่าเวทนา เรียกว่าพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไปไม่เป็นกันจริงๆ อยากสลัดรักจนเต็มแก่ แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ เพราะว่าติดคิวงาบอีกบานเบิก เข้าตำรา "คับที่อยู่ได้ คับใจก็จะอยู่"

เรื่องที่จะถอนยวง ปล่อยให้งาบกันสะดือปลิ้นอยู่พรรคเดียวนั้น อย่าได้หวังเป็นอันขาด

จะมีรัฐบาลไหนอีก ที่ได้รับใบอนุญาตโกงตลอดชีพ โกงได้ไม่มีขีดจำกัด โกงไม่บันยะบันยัง โกงโดยที่ไม่มีใครอ้าปากซักกะแอะ ก็ดูแต่เครื่อง จีที200 ที่มีมือดีผ่าออกมาดูแล้ว ปรากฏว่าchipหายไปทั้งแถบ มีแต่เครื่องเปล่าๆ แต่จนแล้วจนรอด ปปช.ยังนั่งอมสาก ไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น

จึงจำเป็นอยู่ดี ที่ต้องตื๊ออยู่เพื่อร่วมงาบกันต่อไป โดยไม่มีกำหนด ของดีๆทั้งนั้น ขืนทำหมูหกไป คงต้องเสียดายแย่

ส่งท้ายปีเก่าลูกหลานมังกร จับกระแสตรุษจีนสีชมพู แถวไชน่าทาวน์เยาวราช ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เห็นสีชมพูเต็มพรื่ดไปทั้งถนน อย่างกับนัดแนะกันมา ยังไงยังงั้น จะมีสีอื่นแซมมาบ้างก็แค่เล็กน้อย อย่างเช่นสีส้ม และสีน้ำเงิน ที่มีอยู่ประปราย ส่วนสีแดงนั้นไม่ต้องไปหา นอกจากแดงน้ำเงินที่ยังพอมีให้เห็น แต่ก็นานๆครั้ง

นี่ว่ากันเฉพาะแท็กซี่สีชมพู ที่เป็นเทรนด์ใหม่ กำลังแรงจัด

ส่วนมนุษย์ขี้เหม็น ที่เห็นเดินฉุยฉายสวนกันไปมานั้น กลับตรงกันข้าม อย่างหน้ามือกับหลังเท้า เคยแดงยังไง ก็ยังแดงยังงั้น ไม่มีเปลี่ยนแปลง อาจจะมีบ้างที่สะเหล่อออกมาในเสื้อสีชมพู แต่ไม่น่าถึง 1%ด้วยซ้ำไป จึงกลายเป็นของแปลก หาดูได้ยากไปซะฉิบ เสียแรงที่ลงทุนโหมโฆษณาซะแทบตาย แต่ผลที่ได้ ต้องถือว่าขาดทุนป่นปี้ ไม่มีหูรูด

ไหนโจมตีกันจังว่า กีฬาสีทำให้คนแตกแยก แต่รัฐบาลกลับปากว่าตาขยิบ ขยันโปรโมทสีใหม่ขึ้นมาทาบรัศมีสีแดง ไม่เว้นแต่ละวัน

สุดท้ายคนเป็นนายกฯ ซึ่งเกลียดเสื้อแดงอย่างกับวัวกระทิง ยังต้องมานั่งใส่เสื้อแดง ทำหน้าเหมือนคนอยากจะตาย

แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะสีอะไรก็คนไทยด้วยกัน สำคัญว่าไพร่ต่างสีอย่าไปเสียค่าโง่ ให้อำมาตย์มันปั่นหัวออกมาฆ่ากันเอง ก็คงไม่เป็นปัญหา ต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ที่มันเข้าใกล้กลียุค ก็เพราะอำมาตย์มันทำทั้งนั้น

ถ้าความยุติธรรมไม่มี ความสามัคคีก็คงยากที่จะเกิด ถ้าลงว่าตุลาการโดดก๋าออกมาเป็นคู่กรณีซะเอง ก็อย่าหวังว่าจะเห็นความยุติธรรม

ถ้าเหตุการณ์ยังเป็นอย่างนี้ ประชาชนก็มีความชอบธรรมอย่างเต็มเปี่ยม ที่จะยืนโซ้ยกับอำมาตย์ อย่างสมน้ำสมเนื้อ ถ้าลงว่าอำมาตย์คิดจะกวาดประชาชนลงทะเล การนองเลือดก็คงเลี่ยงได้ยากแล้ว ถึงวันนี้ ยังพอมีเวลาเหลืออยู่เล็กน้อย น่าที่จะคิดใหม่ทำใหม่ซะให้ถี่ถ้วน

ที่ผ่านมานั้น ฝ่ายอำมาตย์ประเมินประชาชนต่ำไป ส่วนฝ่ายประชาชนก็ประเมินอำมาตย์สูงไป มันเลยพอกันทั้งคู่ แต่บทเรียนที่ผ่านมาทำให้ประชาชนปรับตัวไปมาก แต่อำมาตย์ยังคงดักดานอยู่ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ถ้าจะแลกกันอีกครั้ง ผลคงต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน

ที่สำคัญคือ ประชาชนนั้น ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ก็ยังมีที่ยืน แต่อำมาตย์นั้น อย่าได้แพ้เป็นอันขาด เพราะว่าเดิมพันมันถึงตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร ถึงสูญสิ้นเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียว ศาลประชาชนนั้นโหดขนาดไหน ลองไปศึกษาประวัติศาสตร์แถวยุโรปดู

!!! แล้วจะหนาวไปถึงกระดูก !!!

วโรทาห์: 14 ก.พ. 53

Friday, January 29, 2010

ต่อให้รบแพ้สักร้อยครั้ง ก็ยังเป็นแดง

ยิ่งใกล้วันดีเดย์ล้างบาง ระบอบอำมาตย์เข้าไปทุกที บรรดาสมุนน้อยใหญ่ของฝ่ายนั้น ต่างก็ออกอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว สวิงสวายหัวใจสั่น เมื่อถูกฝ่ายประชาชนโน้มคอลงมาตีเข่า อัดเข้าลิ้นปี่เนื้อๆเน้นๆ เสียผู้เสียคนกันไปอย่างไม่น่าเชื่อ

เหมือนมวยกำลังได้ใจ กลับจากไล่โจรฮุบป่าที่เขายายเที่ยง ก็ยกพลกันไปที่เขาสอยดาว สาวเดือนลงมากระทืบโชว์ ให้เห็นกันจะๆว่า คุณธรรมจริยธรรม มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

ถ้าขืนอำมาตย์แก้เกมไม่ตก เห็นทีว่า ไม่ช้าก็เร็วเป็นได้รากเลือด ช้ำในตายกันเป็นแถว แต่ครั้นจะใช้ยาแรง ทำรัฐประหารให้รู้แล้วรู้รอด ก็กลัวว่ามันจะบานไม่รู้หุบ จึงได้แต่ขู่ฟ่อๆไม่ให้เข้าใกล้ ด้วยการลากรถถังออกมาโชว์พาวดึกๆดื่นๆ เรียงแถวกันมา 20-30 คัน ตระเวณหาอู่ซ่อมให้ควั่ก ยังดีที่ยังไม่อ้างว่า ออกมาหาปั๊มป์ปะยาง 24 ชั่วโมง

แต่แค่นี้ก็เกินพอ ที่จะทำให้ประชาชนเจ้าของประเทศ ขี้หดตดหายกันไปทั้งบาง

หมาเห่ามันไม่กัด แต่ถ้าลงว่าหมาจะกัด จ้างให้มันก็ไม่เห่า คำพังเพยของคนโบราณ จะยังขลังอยู่หรือไม่ คงได้รับการพิสูจน์กันในไม่ช้า

ทางฝั่งประชาชนโดยคนเสื้อแดงเป็นโต้โผใหญ่ ก็ไม่มีลดราวาศอกซักกะนิด เพราะว่าเลยขีดอดทน ทะลักจุดเดือดไปตั้งนานแล้ว หมูไม่กลัวน้ำร้อน ต่อให้ข่มขู่ยังไงก็ไม่เสียว อะไรไม่อะไร ยังท้าตีท้าต่อยว่า ถ้าแน่จริงก็รีบออกมากันให้ว่อง เลยกลายเป็นหน้าที่ของนักธุรกิจน้อยใหญ่ ที่ต้องรับหน้าเสื่อ นั่งเสียวดากกันเป็นแถว

ก็โถ..ไม่ต้องให้ถึงกับ ทำรัฐประหารจริงๆหรอก เอาแค่ที่ซิ่งรถถึงออกมากึงกัง เที่ยวเร่หาปะยางกลางค่ำกลางคืนไม่ยอมหลับยอมนอน หุ้นก็ร่วงพรู ตกรูดมหาราด จนไม่รู้จะว่ายังไงกันแล้ว

พลพรรคอำมาตย์นี่ ก็บ้าดีเดือดกันทุกคน กล้าแลกกล้าชน แรงดีไม่มีตกกันจริงๆ สงสัยว่าน่าจะใกล้วันฝีแตกเข้าไปเต็มที มันถึงได้ใจกล้าหน้าด้านกันขนาดนั้น กะแค่นายทหารคนหนึ่งจาบจ้วงใส่ผู้บังคับบัญชา โทษฐานที่ทำยึกยักชักเข้าชักออก ก็มีลูกอดีตนายทหารเสื้อคับจอมงาบ ลากเอาสถาบันทหารออกมาไล่บี้กัน เป็นว่าเล่น

โชว์ 2 มาตรฐานในวงการสีเขียวกันเห็นๆ แล้วอย่างนี้ใครจะไปทนไหว ทีเครื่องGT200ทำให้เสียศักดิ์ศรีกว่านี้เยอะ ยังไม่เห็นมีหน้าไหนออกมาว่าอะไรสักแอะ ขนาดตอนที่ผบ.ทบ.ออกมาไล่รมต.กลาโหมกลางอากาศ มันยังนั่งอมสากกันหน้าตาเฉย ขืนเล่นกันอย่างนี้ ก็จงระวังตัวกันให้ดีเถอะ มีคนเขาฝากเตือนมาว่า

ถ้าสถาบันประชาชนเหลืออดเมื่อไหร่ แล้วจะหนาวกันไปทั้งกองทัพ

ต้องนับว่าเป็นความซวยของฝ่ายอำมาตย์โดยแท้ ที่ลูกน้องแต่ละตัวไม่เคยเป็นผู้เป็นคนกับใครเขา ขนาดลงทุนปล้นอำนาจมาให้ ดันก้นจนเป็นนายกฯสมใจอยาก มันยังกล้าโหลยโท่ยเละเทะ เหลือกำลังลาก เพราะนอกจากเอาแต่เกาะโพเดียมแอ๊คท์ท่าแล้ว ที่เหลือก็มีแต่รายการโชว์โง่ไม่เว้นแต่ละวัน

มาถึงวันนี้ ที่เคยด่าว่าคนอื่นเอาไว้เสียๆหายๆ ล้วนแต่เข้าตัวเองหมด หาว่าเขาโกงทั้งโคตร ทั้งๆที่ยึดอำนาจมาแล้ว ยังหาหลักฐานเอาผิดเจ๋งๆไม่ได้ แม้แต่คดีเดียว แต่ที่ประจานอยู่ทนโท่คือพวกตัวเอง ที่งาบกันจนพุงปลิ้น กินกันจนพุงกาง ฟาดกันเนื้อๆเน้นๆ ไม่มีเกรงใจประชาชน

มาถึงขั้นนี้แล้ว ถึงจะเอาช้างมาฉุดก็คงไม่อยู่ เพราะไม่ใช่แค่ฝ่ายอำมาตย์เท่านั้นที่หลังพิงฝา แม้แต่ฝ่ายประชาชนที่เคยพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงมาโดยตลอด ก็ชักจะเลือดเข้าตา ออกมาฮึ่มฮั่มใส่อำมาตย์ อย่างชนิดที่ว่า ไม่มีใครกลัวใครกันแล้ว

ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกได้ถึงความไม่เป็นธรรมโดยพร้อมเพรียงกันขนาดนี้ ยิ่งไม่มีครั้งไหนที่ประชาชน สามารถมีประชามติโดยไม่ต้องนัดหมายว่า มีแต่สองมือของเราเท่านั้น ที่จะพลิกแผ่นดินไทย ให้เป็นธรรมและเป็นทอง อย่างแท้จริง

เอาเถอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อเห็นว่าสมควรรบ ก็จงรบเถิดอรชุน เพียงแต่ว่าต้องประเมินสถานการณ์ให้เป๊ะๆ ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง รบให้ถูกคน ถูกที่ ถูกเวลา วางแผนให้ดี มีก๊อกหนึ่ง สอง สาม เอาไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ที่พูดมานี้ ไม่ใช่ว่ากลัวแพ้ เพียงแต่ว่ายังเสียวไม่หายจากคราวสงกรานต์ทมิฬ

ธรรมชาติของเสื้อแดงนั้น แดงแล้วแดงเลย ต่อให้รบแพ้สักร้อยครั้ง ก็ยังเป็นแดง แม้กระนั้น ก็ยังไม่อยากให้ไปเสียเลือดเนื้อกันโดยใช่เหตุ ชีวิตนักรบประชาธิปไตย 1 ชีวิตนั้น ประเมินค่าไม่ถูก ต่อให้แลกชีวิตสุนัขได้เป็นร้อยก็งั้นๆ คิดสะระตะยังไง ก็ยังขาดทุนบักโกรกอยู่ดี

จึงต้องทำใจให้เป็นกลาง ไม่รักใครจนเลยเถิด หรือชังใครจนน่าเกลียด แล้วใช้หมองนั่ง'มาธิ พินิจพิเคราะห์ดูให้ดี ทบไปทวนมาจนเห็นภาพได้ชัดเจน ว่าใครกันแน่ที่เป็นแม่ทัพตัวจริงของฝ่ายศัตรู ต้องรู้เขารู้เรา จึงจะรบได้ถึงกึ๋น ถ้าขืนสุ่มสี่สุ่มห้าชี้เป้าแบบเครื่อง GT200 ต่อให้รบชนะยึดเมืองได้ ก็ยังแพ้อยู่ดี เพราะถ้าถึงเวลานั้น...

อำมาตย์หงายโจ๊กเกอร์ออกมา มันจะรับมุกกันไม่ทัน

วโรทาห์: 29 ม.ค. 53

Thursday, January 14, 2010

เขายายเที่ยง ยุทธการงัดอ้อยออกจากปากช้าง

เละตุ้มเป๊ะ ดูไม่จืดจริงๆ เซ่อวินสตัน เชอร์ชิลแห่งเมืองไทย หลังจากโดนเสื้อแดงเค้นคอจนตาโปน ยอมคายเขายายเที่ยงออกมาอย่างเสียไม่ได้ พร้อมเลือดกำเดาที่พุ่งกระฉูดออกมาเป็นสาย ก็พูดกันดีๆแล้วไม่รู้ฟัง มันเลยต้องลงมือลงไม้กันบ้าง หวังว่าคงจะเข้าใจ

เคราะห์ยังดีที่ อัยการสูงปรี๊ด ท่านมาถูกที่ถูกเวลาอย่างไม่น่าเชื่อ ตัดสินใจลงชนแทนวัว สั่งไม่ฟ้องมันดื้อๆ อ้างว่าไม่ได้เจตนา ไม่งั้นมีหวังได้เห็นองคมนตรี ตกเป็นจำเลยในคดีอาญา ประเดิมศักราชใหม่ ให้อร้าอร่ามกันไปเลย

เรื่องของเรื่อง เป็นถึงองคมนตรี แถมยังคั่วตำแหน่งประธานโครงการอนุรักษ์ป่าเขาใหญ่ อีกต่างหาก แต่ดันไปงาบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เข้าให้ มันเลยดูไม่จืดอย่างที่เห็น

เคยได้ยินคลับคล้ายคลับคลาว่า นักการเมืองนั้น ต้องมีต่อมจริยธรรมโตกว่าคนปกติ แต่องคมนตรีคงไม่จำเป็น ก็ขนาดเรื่องแดงโร่ออกอย่างนี้ ยังทำทู่ซี้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ไม่ยอมคืนซะงั้น แค่บอกว่า "พร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย ถ้ากรมป่าไม้ชี้ขาดลงมา"

แหม..ถ้าแน่จริง ก็ประกาศไปเลยว่า "ไม่พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ว่าใครจะชี้ขาดลงมาก็ตาม"

สงสารแต่กรมป่าไม้ ที่อยู่ดีๆต้องไปอุ้มเผือกร้อนเอาไว้ จนหน้าเขียวหน้าเหลือง เลยขอต่อเวลาทดเจ็บไปอีก 60 วัน แล้วค่อยตัดสินชี้ขาด ว่าจำเป็นต้องคืนหรือไม่

นับเป็นการกระทำ 2 มาตรฐานที่น่าเกลียดน่าชังเป็นที่สุด ทีตาสีตาสารีบผวาเข้าเอาใจ ไม่ทันข้ามวันก็ได้ติดคุกสมใจอยาก แต่กับผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้า ดันปล่อยให้นั่งลุ้นเสียวอยู่ได้ตั้ง 60 วัน มันจะอะไรกันนักกันหนา

เขาถึงว่า สอนใครต่อใคร สอนได้หมด แต่สอนตัวเองมันยากอย่างนี้นี่เอง ก็แหม..บ้านหลังงาม ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ ที่ดินทำเลทอง ของดีๆทั้งนั้น องคมนตรีก็เสียดายเป็นเหมือนกัน

อะไรไม่ว่า ขนาดจับได้คาหนังคาเขาถึงขั้นนี้ จนแล้วจนรอด ยังไม่ยอมลาออกจากองคมนตรี ไหนเห็นจ้อกันจังว่า รักสถาบันจะเป็นจะตาย ในเมื่อรู้ตัวว่าเป็นตำบลกระสุนตก ก็น่าจะเด้งหลบไป ให้ไกลๆจากสถาบันหน่อย แต่นี่ดันมาล่อเป้า กะให้กระสุนตกใส่สถาบัน จะได้หาเรื่องจับคนยิงยัดคุกซะให้เข็ด

เสื้อแดงนี่ก็แรงไม่ตกจริงๆ ยิ่งหลังๆมานี้ ได้น้ำเลี้ยงจาก 2 มาตรฐานของอำมาตย์ ถึงกับโตวันโตคืน จนใหญ่ยิ่งกว่าช้าง ออกหมัดแต่ละที แหม..มันได้น้ำได้เนื้อ เหลือกำลังลาก

แต่แน่นอนว่า ไปงัดอ้อยออกจากปากช้าง ช้างมันก็ต้องสู้สุดฤทธิ์เป็นธรรมดา เชื่อเลยว่า ต่อจากนี้ไปเกมต้องแรงขึ้น ชนิดถึงลูกถึงคนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะว่าถ้าพูดถึงลูกโหดแล้ว ลุงยุทธแกเป็นรองก็แค่ป๋าคนเดียว ไม่เชื่อไปถามทหารกะเหรี่ยงดูได้

อย่างว่า การยุทธครั้งนี้ ฝ่ายวางแผนคงไม่ได้ต้องการแค่อ้อย แต่หวังผลเลยเถิดไปถึงการเปิดโปงเวทย์ไสยมนต์ดำ ที่พญาช้างสารพยายามเสกสรรค์ปั้นแต่ง เพื่อแหกตาชาวบ้านว่า ช้างโขลงนี้ ดื่มกินคุณธรรมเป็นอาหารหลัก

แต่เอาเข้าจริง ก็ฟาดไม่เลี้ยงเหมือนกัน

พูดถึงเขายายเที่ยงทีไร อดไม่ได้ต้องนึกถึงลุงจิ๋วทุกที หวังว่าคงยังจำกันได้ เพราะเรื่องเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่ปี ตอนนั้นลุงยุทธแกกำลังขึ้นหม้อในตำแหน่งนายกฯ เพราะป๋าแกออกมาเชียร์แขกให้ ว่าคนนี้ไหว้ได้ ไม่ต้องกลัวเสียมือ

อยู่ๆลุงจิ๋วไม่รู้มาจากไหน มาถึงก็ปล่อยของเรื่องโบกี้รถไฟ บอกให้นักข่าวไปถามนายกฯว่า ของนี้ท่านได้แต่ใดมา

เรื่องหมูๆอย่างนี้ มีหรือลุงยุทธจะไม่โดดงับ รีบรวบรวมเอกสารแล้วนัดนักข่าวมาฟังชี้แจง รวดเร็วฉับไวอย่างไม่น่าเชื่อ เผลอแผล็บเดียว โดดขึ้นโพเดียมออกทีวีอธิบายจ๋อยๆ หน้าโปรเจ็คเตอร์ที่ฉายภาพบ้านหลังใหญ่โต พร้อมโบกี้รถไปตั้งเด่นเป็นสง่า

สื่ออำมาตย์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่แน่ใจว่า ถึงขนาด"รวมกันเฉพาะเกือก"หรือเปล่า ผลปรากฎว่า..เคลียร์ เรื่องโบกี้รถไฟ ไม่มีใครค้างคาใจแม้แต่น้อย

แต่เจ้ากรรม ดันมาอื้อฮือ..โอ้โฮ ตรงที่ตั้งของโบกี้รถไฟ ที่ท่านถ่ายรูปมาขึ้นจอให้ดูกันจะๆนั่นแหละ ว่าบ้านอะไรมันจะใหญ่โตสวยงามปานนั้น แถมวิวทิวทัศน์ก็สุดยอด อย่างกับอยู่ในอุทยานแห่งชาติยังไงยังงั้น

กว่าจะรู้ตัวว่า ถูกขงเบ้งหลอกให้ออกมาเปิดโปงเรื่องเขายายเที่ยง ก็ลอกคราบตัวเองออกจอทีวีซะล่อนจ้อน ไม่เหลือแม้แต่กกน. ส่งให้บิ๊กจิ๋วนั่งหัวร่องอหายอยู่หน้าจอทีวี จนป่านนี้ยังอำกันไม่เสร็จ

แปลกแต่จริง ที่งานนี้มีแต่พวกทรยศชาติ ดาหน้าออกมาทวงคืนสมบัติชาติ ในขณะที่พวกกู้ชาติ ที่เคยทวงคืนดาวเทียมอยู่เหย็งๆ กลับนั่งอมสากกันเงียบกริบ ก็ขนาดป๋าจอมเชียร์แขก ยังนั่งแก้มตุ่ย ไม่รู้ว่าอมอะไรอยู่ ก็เพราะ 2 มาตรฐานอย่างนี้นี่เอง บ้านเมืองมันถึงได้ทุรยุค

ร่ำๆว่าจะนองเลือดซะให้ได้

วโรทาห์: 14 ม.ค. 53

Tuesday, January 5, 2010

ลุ้นระทึก 365 วันอันตราย..ปีเสือลำบาก

เปิดฉากบทความแรกของปีนี้ ต้องขอกล่าวคำว่า สวัสดีปีใหม่ 2553..ปีแห่งความหวังว่า น่าจะมีลุ้นชนิดม้วนเดียวจอด จากการที่หลายฝ่ายออกมาวิแคะตรงกันเด๊ะๆว่า หลังจากที่เย่อกับอำมาตย์มาหลายปี มาวันนี้ ประชาชนชักจะเล่นเป็น

จึงฟันธงโดยพร้อมเพรียงว่า น่าจะมีเสียว ส่วนจะเสียวมากเสียวน้อย เสียวปานกลาง หรือว่าเสียวหน้าเสียวหลัง ก็ต้องไปถามอำมาตย์กันเอาเอง

ปีวัวบ้า เราได้รัฐบาลทุย ออกมาลุยถั่ว ไล่ขวิดประชาชนจนแตกฮือ ล้มตายหายสาบสูญไปไม่น้อย ประชาชนมือเปล่าได้แต่ยืนมองทำตาปริบๆ สู้จำกล้ำกลืนข่มความเจ็บช้ำไว้ภายใน หวังว่าจะเอาคืนทบต้นทบดอกเมื่อถึงคราฟ้าเปลี่ยนสี นารีเปลี่ยนใจ

รัฐบาลภาคต่อของคมช. ลูกไล่อำมาตย์ที่ถูกส่งมาแก้มือ ด้วยความเสียดายที่ว่า ตอนนั้นไม่กวาดล้างศัตรูให้สิ้นซาก ทำให้ต้องงึกๆงักๆอยู่ทุกวันนี้ จึงไม่แปลก ที่ผลงานจะประจานตัวเองว่า นอกจากกู้เอามายัดแล้ว หน้าที่หลักก็คือไล่ล่าทักษิณ กับไล่ยิงเสื้อแดง คงกะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนไทย ให้มันหมดประเทศ ก็ไม่รู้

แต่อย่างว่า คนมันหล่อหลักลอย ลอยไปก็ลอยมา เลยยิ่งแก้ยิ่งยุ่งขิง กลายเป็นลิงแก้แห ยิ่งกวาดล้างเสื้อแดง ยิ่งแดงเถือกไปทั่วบ้านทั่วเมือง เล่นเอาป๋าอยากจะบ้าตาย วันละหลายๆครั้ง

สุดท้าย ถึงท้ายปี ยังอุตส่าห์มีลุ้นปาฏิหาริย์ ถึงขนาดสุนัขจะออกลูกเป็นลิง ความยุติธรรมจะกลับคืนสู่ผืนแผ่นดินไทย แต่หลังจากที่รอแล้วรอเล่า ฟาดแห้วรอหมดไปหลายเข่ง ถึงได้หูตาสว่างโร่ว่า

ปาฏิหาริย์มีจริง แต่อยู่ที่กำปั้นทั้งสองของประชาชน

ท้ายสุดจริงๆ ถึงได้มีข่าวดี ที่ประชาชนพอจะยิ้มออกได้บ้าง เมื่อผลสำรวจของอีแอบโพลล์ ทะลุ่มทะลุยฟันโช๊ะออกมาว่า ปีเก่าที่ผ่านไป ไม่มีอะไรที่ประชาชนจะสุขใจไปกว่า ข่าวที่ว่าปีใหม่นี้ ระบอบอำมาตย์ กำลังจะบรรลัย

เอ้า..เอาไงก็เอากัน ล้างแผ่นดินกันซะที คงจะดีไม่หยอก ไหนๆก็ไหนๆยังไงก็เอาซะให้สะเด็ดน้ำ ไม่งั้นก็ยักแย่ยักยันกันไม่เลิก จริงอยู่ที่ว่าบ้านเมืองต้องเดินไปข้างหน้า แต่มันก็ต้องสง่างามพอสมควร ไม่ใช่เดินขาถ่างทั้งริดสีดวงคาดาก จะทำงานทำการอะไรก็ไม่ถนัด

คุ้มดีคุ้มร้าย ฝีมะม่วงปะทุออกมาที แทบจะวายป่วงกันทั้งประเทศ

ไม่ต้องมานิรโทษกรรม ให้มันเมื่อยตุ้ม เมื่อมันไม่ควรจะผิด มันก็ต้องไม่ผิดตั้งแต่ต้น ไม่ใช่มาเขียนกฎหมา_ให้มันผิด แล้วค่อยนิรโทษกรรมกันภายหลัง ทีลากปืนออกมาเขียนกฎเอาโทษย้อนหลัง ยังทำได้ ถ้าประชาชนจะเขียนใหม่ให้ถูกต้อง มันก็สมควรแล้ว

สรุปว่า ปีใหม่หรือปีเก่า ก็ไม่ได้สำคัญไปกว่า ประชาชนจะได้ประชาธิปไตยคืนมาเมื่อไหร่ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ จะคืนให้แต่โดยดี หรือต้องให้ใช้กำลังกระชากเอา แต่ดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ท่าทางว่ามันจะชอบอย่างหลัง

ทำเป็นเล่นไป ปีใหม่นี้เป็นปีเสือลำบาก ประชาชนหลังพิงฝา อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถึงวันนี้ สงครามประชาชนจึงไม่ใช่เรื่องล้อเล่น จะจริงหรือไม่ จะใช่หรือมั่ว ก็เล่นเอาตาแก่ผมขาว คนที่ไม่เค้ยไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองซักนิด ถึงกับสะดุ้งโหยง กระย่องกระแย่งขึ้นมาสวมเครื่องแบบ 3 เหล่าทัพแทบไม่ทัน

ปีนั้นเล่นเรื่องม้ากับจ๊อกกี้ มาปีนี้ยังไม่วายเล่นของสูง แถมด้วยปลุกพระสยามเทวาธิราช ขึ้นมาหลอกหลอนประชาชน เป็นการใหญ่

นับเป็นการเพ้อเจ้ออย่างเสมอต้นเสมอปลายที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็ว่าได้ เพราะถ้าพระสยามเทวาธิราชมีจริง ป่านนี้พวกแก๊งค์กะโหลกกะลา มีหวังถูกไล่ถีบไปสุมหัวกันในนรก ไม่ได้มาเสนอหน้าให้เขาด่าพ่อล่อแม่อยู่ทุกวันนี้หรอก

ประวัติศาสตร์มันต้องเปลี่ยน ยังไงก็ต้องเปลี่ยน ถ้าใครไม่ร่วมจารึกประวัติศาสตร์หน้าสำคัญหน้านี้ คงต้องเสียใจไปชั่วลูกชั่วหลาน

โลกล้อมประเทศ ประชาชนล้อมอำมาตย์ วันนี้เล่นกันแรง ถึงขั้นสวรรค์ล้อมนรกกันแล้ว เมื่อลุงหมักตัดสินใจขอวีซ่า ไปปูเสื่อรอเช็คบิลอยู่บนสรวงสวรรค์ เรียกว่า ต่อให้พวกอำมาตย์วายวอดเหลือแต่วิญญาณ ยังไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ

งานนี้มีแต่ตั๋วทัวร์นรก One way ticket to the hell

แตกหัก อ่านว่าแตกหัก ดูยังไงก็แตกหัก ในเมื่อคนมันเอาแต่ได้ ยังไงก็พูดกันไม่รู้เรื่อง ทีพวกเดียวกันเสียเปรียบ มันขอให้ประชาชนเลือกข้าง แต่พอพวกมันได้เปรียบ มันเรียกร้องให้สมานฉันท์

ตอนที่พวกเหลืองประท้วง มันช่วยกันลงแขก ขย่มให้รัฐบาลลาออก พอฝ่ายตรงข้ามประท้วง มันเรียกร้องให้ปราบปรามอย่างเด็ดขาด

ทีพวกตัวเองพูดใส่ไฟได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีปัญหา แต่ฝ่ายตรงข้ามห้ามแอะแม้แต่คำเดียว กลัวประชาชนสับสน คงคิดแบบโง่ๆว่า ถ้าปิดหูปิดตา ปิดปากประชาชนได้ บ้านเมืองต้องอยู่ใต้อุ้งเท้าของพวกมัน

ขนาดตุลาการยังออกมารับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า มี 2 มาตรฐานสำหรับคนดีกับคนชั่ว แต่ไม่ได้บอกว่า ใครดีใครชั่ว ใครเป็นคนตัดสิน

จะบ้าตาย แค่นี้ก็คิดกันไม่เป็น

ความยุติธรรมมันต้องมีให้สำหรับทุกผู้ทุกคน อย่างเสมอภาค ไม่ว่าคนดี คนเลว หรือผู้ร้ายใจทมิฬ ก็ต้องได้รับความยุติธรรม โดยเสมอหน้ากัน ไม่งั้นจะมีศาลเอาไว้ทำไม ในเมื่อแค่จ่าแฮรี่ก็สามารถชี้เป็นชี้ตาย ส่งคนร้ายไปลงนรกได้แล้ว

คงลืมไปว่า ความยุติธรรมคือลมหายใจของตุลาการ ถ้าไม่ต้องมีความยุติธรรม ก็ไม่ต้องมีตุลาการ ความยุติธรรมแบบเลือกได้ ชาวบ้านเขาจัดกันเองเป็น ไม่ต้องไปจ้างใคร มานั่งชี้หน้าประชาชน ให้มันเปลืองภาษีโดยใช่เหตุ

ยิ่งประชาชนคนส่วนน้อยที่หลงผิดด้วยแล้ว ยิ่งต้องสำเหนียกกันให้หนักว่า วันนี้ท่านสนับสนุนให้ความอยุติธรรมย่ำยีฝ่ายตรงข้ามได้ วันหน้าก็เตรียมรับเละเอาไว้ได้เลย ถ้าไม่เจอกับตัวเอง ก็ต้องโดนกับลูกหลาน

ถ้าฉลาดก็ปล่อยวางความเกลียดทักษิณเอาไว้ก่อน แล้วออกมาร่วมกันทวงคืนความยุติธรรมสู่สังคมไทย เพื่อที่ลูกหลานจะได้ไม่ต้องมาเสียเลือดเนื้อในภายหลัง

เมื่อเสียงกลองรบระรัวลั่น อำมาตย์น้อยใหญ่ก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ช่วงหลังมานี้ กระแสคลั่งชาติจะรุนแรงเป็นพิเศษ อะไรๆก็เมืองไทยดีซะเหลือเกิน..น่าภาคภูมิใจตายละ!

เมืองไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร นอกจากเมืองขึ้นของระบอบอำมาตย์

คนไทยไม่เคยเป็นขี้ข้าใคร นอกจากขี้ข้าอำมาตย์

วโรทาห์: 5 ม.ค. 53