Sunday, August 31, 2008

ฤาจะถึงคราว..ที่ประชาชน..ต้องออกหน้าเอง

แต่ไหนแต่ไรมา เคยแต่สงสัยอยู่ตะหงิดๆ ว่าทำไมถ้าประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาล มันต้องให้มีอันเป็นไปทุกทีซีน่า ไล่มาตั้งแต่รัฐบาลน้าชาติโนพร็อบเบล้ม ลุงเติ้งมังกรเตี้ย แล้วก็ลุงจิ๋วหวานเจี๊ยบ หรือแม้แต่รัฐบาลทักกี้ที่ได้รับเลือกตั้งมาอย่างถล่มทลาย จนกระทั่งลุงหมักชิมไปบ่นไปก็ไม่มีเว้น

ทุกรัฐบาลที่ว่ามา ล้วนประสบปัญหาเดียวกัน คือถูกไล่ต้อนโดยกลุ่มก๊วน ที่ไม่รู้ว่าผุดมาจากนรกขุมไหน ดาหน้ามาจากทางโน้นทางนี้ ทุกทิศทุกทางเต็มไปหมด ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเซ็งแซ่ ขับไล่ไสส่งรัฐบาลของประชาชน ให้ลาออกไป เพื่อที่พรรคของคนใต้จะได้เข้าเสียบเป็นหัวหน้ารัฐบาล

สารพัดข้อหาที่จะประเคนใส่ โดยมีสื่อชั่วคอยตีปี๊บเติมไฟใส่เชื้อ แหกตาชาวบ้านให้หลงทิศหลงทางไปจนหลงเชื่อ เพื่อสร้างกระแสขับไล่รัฐบาล เป็นการเปิดทางให้พวกมัน

ข้อหาซื้อเสียงนั้นของตาย ถึงขนาดว่าตื่นเช้าขึ้นมา ก่อนแปรงฟันยังต้องแหกปากว่าซื้อเสียงไว้ก่อน หลังจากนั้น ทั้งวันก็เต็มไปด้วยการใส่ร้ายป้ายสี ไม่ว่าจะเป็นคอรัปชั่น ถอนทุน ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน สารพัดสารเพ เรียกว่าไม่มีดีซักอย่าง ว่างั้นเหอะ

เจออย่างน้าชาตินี่แกแข็งโป๊ก ทำให้ต้องเลยเถิดถึงลงไม้ลงมือกัน ขนาดส่งสารล้านฉบับไปเชิญลุงสุจินดาออกมาเอ๊กเซอร์ไซส์ ถึงจะเอาอยู่ แต่รายลุงเติ้งนี่ถือว่าดื้อปานกลาง แค่ขุดเตี่ยขึ้นมาด่ากลางสภา ก็ยอมยกธงขาวแล้ว เสียดายว่าดันมาผิดคิวไปหน่อย ตอนที่แกเลือกยุบสภา แทนที่จะลาออก พรรคของนายหัว เลยต้องกินแห้วไปพักใหญ่

อย่างลุงจิ๋วขวัญอ่อนนี่กินนิ่ม แค่ส่งกุ๊ยข้างถนนไม่กี่ตัว ไปเย้วๆอยู่แถวสีลม แป๊บเดียวแกก็ถอดใจลาออกไปดื้อๆ นายหัวเลยสบายแฮ แค่ล้วงเอางูเห่ามาไม่กี่ตัวก็ตั้งรัฐบาลได้ แล้วสื่อเลวก็อุ้มสมให้ปู้ยี่ปู้ยำ ทำลายเศรษฐกิจของชาติไปจนครบเทอม

มาถึงคิวน้าทัก แกแข็งโป๊กยิ่งกว่าน้าชาติซะอีก เลยต้องเผาบ้านเผาเมืองจนวินาศสันตะโร เพื่อที่จะไล่คนคนเดียวให้ออกไป จะได้เอาแมลงสาบเข้ามาเสียบแทน เสียดายที่ความขัดข้องทางเท็คนิคเพียงเล็กน้อย ก็เปิดช่องให้ประชาชนส่วนใหญ่ อุ้มลุงหมักแทรกตัวเข้ามาเสียบจึ๊ก ทำให้ฝ่ายอำมาตย์ต้องเหนื่อยยาวมาจนถึงปัจจุบัน

มาวันนี้ ยังจะเหลืออะไรให้สงสัยกันอีก ก็ลงทุนแก้ผ้าเล่นกันโต้งๆซะขนาดนั้น ถ้ายังแปลไม่ออกก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

เมื่อเจอการต้านทานจากพลังมหาประชาชน แทนที่จะยอมรามือ พวกเผด็จการกลับตัดสินใจสู้ยิบตา ทั้งสื่อชั่ว พรรคเลว นักวิชาการร้าย ผู้เฒ่าจอมแหล และข้าราชการนอกคอกทั้งหลาย ที่แฝงตัวเป็นอีแอบหากินอยู่ในแทบทุกองค์กร ถึงเวลาต้องเปิดหน้าออกมาช่วยเย่อ อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ไม่้ให้ได้ชื่อว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก

ขนาดว่าองค์กรที่ต้องรักษาความเป็นกลางอย่างเข้มงวด มันยังลงมาเล่นด้วย โดยไม่สนใจว่าประชาคมโลก เขาจะงงเต้กกันแค่ไหน เอาเหอะ..ในเมื่อจะเอากันอย่างนี้ ก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีกแล้ว อยากทำอะไรก็ทำไป แต่จะให้ประชาชนส่วนใหญ่ ก้มหัวให้คนส่วนน้อยนั้น ต่อให้ฝันให้ตายก็ไม่มีวันเป็นจริง

ครั้งนี้บอกได้เลยว่าไม่เหมือนครั้งก่อนๆแล้ว ไม่ว่าจะเอายังไงก็ถึงไหนถึงกัน ในเมื่อมาถึงจุดนี้มันก็ต้องสู้กันยิบตา เอ็งคนข้าก็คน ต่อให้เหาะเหินเดินอากาศมา ก็อย่าหวังว่าจะมีใครยอมใคร

ณ.ขณะนี้ รัฐบาลเอาไปอ้างได้เลย ว่ารับมอบอำนาจมาจากประชาชน เพื่อปราบทุกข์เข็ญของแผ่นดิน ทุกอย่างอยู่ในกำมือของลุงหมักแล้ว ประสบการณ์อันโชกโชน และสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับพลังลึกลับ ต้องถูกนำมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อต้านทานขุมกำลังฝ่ายอนาธิปไตย แม้ว่ามันจะหยั่งรากฝังลึกจนยากที่จะรับมือก็ตาม

ขอส่งกำลังใจให้ลุงหมัก ทำงานต่อไปให้เต็มที่ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ในเมื่อมันจะเอาให้ได้เราก็ต้องต้านให้อยู่ ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น พวกเราจะไม่โทษลุงหมักแม้แต่คำเดียว

สุดท้าย ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ลุงหมักก็แค่ถอยฉากออกไป ปล่อยวางเอาไว้ ให้ประชาชนออกมาจัดการกันเอง ถ้าเลือดจะนองท้องช้าง ก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนมันจะเข้าทางทหารฝ่ายไหน ก็ต้องลุ้นไปตายเอาดาบหน้า ถ้าจะให้จบอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็เหลือทางนี้ทางเดียวจริงๆ

ในเมื่อไม่เอากติกากัน ก็ต่างหันมาใช้กฎหมู่..ใครอยู่ใครไปจะได้รู้กันซะที

วโรทาห์: 31 ส.ค. 51

Friday, August 29, 2008

เบื้องหลังเบื้องลึกกว่าจะมาเป็น..แป๊ะกบฎ!!!

ควันหลงจากปฏิบัติการสุดระห่ำ "กบฏ สิงหา 51" ผ่านไป 3 วัน ยังมีเรื่องให้ต้องลุ้นระทึกอยู่เป็นระยะๆ เรียกว่ายังมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีกหลายช็อต จนกว่าจะลากคอหัวโจกทั้ง 9 มาเข้าคุกได้นั่นแหละ ถึงจะพอวางใจได้ไปเปลาะหนึ่ง เพราะแต่ละตัวนั้นถือว่าแก่ได้ที่ เจอดีดไข่ไปซัก 2-3 ที ขี้คร้านจะสารภาพจนหมดเปลือก

จากปฏิบัติการสุดคลาสสิค ที่กลั่นออกมาจากหัวแตงโมแอนด์เดอะแก๊งค์ กลับกลายเป็นของเด็กเล่นไปในชั่วพริบตา เมื่อเกิดอาการผิดฝาผิดตัวมั่วกันไปหมด ที่นัดแล้วก็ดันไม่มา ที่มาก็โหลยโท่ยเต็มที สุดท้ายยึดทำเนียบได้ แทนที่จะเป็นฝ่ายชนะ กลับต้องมาติดแหง็กหน้าเจื่อน ใช้ทำเนียบฯเป็นที่หนีคดี

ทำเป็นเล่นไป งานนี้แป๊ะซีเรียสสุดๆ ระดับปฏิวัติประชาชนเลยนะจะบอกให้ เพียงแต่ว่าแป๊ะอาจจะเข้าใจผิดในสาระสำคัญไปนิดหน่อย เพราะปฏิวัติประชาชนของชาวโลกนั้น เขาหมายถึงคนส่วนใหญ่ ลุกฮือขึ้นมายึดอำนาจคืนจากคนส่วนน้อย แต่ปฏิวัติประชาชนของแป๊ะไม่รู้มันมายังไง ถึงได้กลายเป็นคนส่วนน้อย ทะลึ่งมายึดอำนาจจากคนส่วนใหญ่ไปซะฉิบ

แต่ถ้าถามแป๊ะ แป๊ะก็ต้องเถียงว่าของแป๊ะเป็นคนส่วนใหญ่ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะแถต่อไปยังไง ถ้าถามว่าคนส่วนใหญ่ก็เอาชนะด้วยการเลือกตั้งได้นี่นา แล้วจะมาปฏิวัติให้มันเสียบรรยากาศกันทำไม

ตัวเร่งให้ปฏิวัติเที่ยวนี้นั้นมีอื้อ เริ่มจากพอทักษิณออกไปแป๊ะก็ชักจะวังเวง อนาคตทำท่าว่าจะเป็นอนางอ เพราะเมื่อแนวรบมันเปลี่ยนไป ใครเขาจะมาเลี้ยงแป๊ะไว้ทำป๋า คดีที่ค้างเติ่งอยู่ไม่รู้ว่ากี่คดีต่อกี่คดี ก็รุมเร้าแป๊ะจนหูตูบ หนทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้ คือต้องล้มกระดานเท่านั้น เป็นคำตอบสุดท้าย แต่จะทำอย่างนั้นได้ ก็ต้องขอความร่วมมือจากทหาร

ข้อนี้ลุงหมักแกก็รู้ไส้รู้พุงอยู่แล้ว เลยวางทหารประชาธิปไตยใส่โผซะแน่นเอี้ยด กลายเป็นที่มาของเกมส์ชักกะเย่อ ที่น้ากรรมสร้างต้องออกแรงอยู่เหย็งๆ เกิดพลาดท่าพลาดทาง น้าแกหมดแรงข้าวต้มขึ้นมาเมื่อไหร่ หงายท้องขึ้นมาละเป็นเรื่อง ป๋าเลยส่งสัญญาณให้แป๊ะมาช่วยเย่อ ฉวยจังหวะที่ทหารป๋ากำลังไม่พอใจโผอยู่นี้ ช่วยทำทางให้ทหารทุยออกมาทำเอ๊กเซอร์ไซส์

นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ป๋ากับแป๊ะพอจะพูดกันรู้เรื่อง เมื่อสมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายก็สบายแฮ ป๋านั้นถึงกับส่งมือดีระดับลุงตะกวดฟันดำลงมาเป็นเสธฯ คนคนนี้ใครๆก็รู้ว่า เป็นตัวทำเกมส์ให้ป๋ามาแต่ไหนแต่ไร ชนิดที่ว่าป๋าไม่ต้องสงค์ทำเอง เดี๋ยวลำเลียงลูกไปให้ ป๋ายืนแกว่งรอชู๊ตเข้าประตูอย่างเดียวก็เกินพอ

เพียงแต่ว่าครั้งนี้มีปรับแผนนิดหน่อย นอกจากมีลุงตะกวดเป็นตัวทำเกมส์แล้ว ยังมีลุงนูนมาเป็นตัวทำพัง เจ้าของสโลแกน "อยากเป็นกบฏขอให้บอกนูน" ยี่ห้อนี้ไม่เคยทำให้ใครต้องผิดหวัง ขนาดตัวเองยังหนีหัวซุกหัวซุน หาทางกลับไม่เจอมาแล้ว จากปฏิบัติการเมษาฮาวายอันลือลั่น ก่อนที่จะผันตัวเองมารับเหมา ก่อกบฏทั่วราชอาณาจักร

นี่ถ้าการยึด NBT ไม่ขัดลำกล้องขึ้นมาซะก่อน ป่านนี้รับรองได้ ว่ามาร์คต้องมีเฮ มันมาเสียเรื่องตรงที่แผนลับดันรั่วไหล ซึ่งจะว่าไปมันก็รั่วซึมกันทั้งคู่อยู่แล้ว เพียงแต่สถานการณ์เป็นใจให้ลุงหมักมากกว่า ตำรวจเลยไปถึงที่เกิดเหตุก่อนโจรซะอีก นักรบศรีวิชัยที่รับหน้าเสื่อมายึดสถานีไว้รอทหาร เลยกลายเป็นยึดไว้รอตำรวจ

ข่าวรวบตัวนักโทษศรีวิชัย เล่นเอาแป๊ะถึงกับฉุนขาด ด่าเช็ดไม่มีชิ้นดี ว่าไหนไอ่ลองมันบอกว่าฝึกมาดีแล้วไง พอเข้าตาจนไหงถอดใจเอาดื้อๆ ใจคอจะคิดต่อสู้ขัดขืน ไว้ลายซักหน่อยเป็นไม่มี แค่โดนวิสามัญฆาตกรรมนิดๆหน่อยๆ มันจะอะไรกันนักกันหนา แล้วที่แสบไปกว่านั้น ถ้าสู้ไม่ได้ทำไมงอมืองอเท้า ปล่อยให้ตำรวจจับได้โดยละม่อม แทนที่จะหนีไปตามระเบียบ

ถ้าว่ากันตามจริง ทั้ืงฝ่ายแป๊ะและฝ่ายป๋าก็โหลยโท่ยพอกัน ฝ่ายป๋าก็ปล่อยให้ฝ่ายแป๊ะยึดนั่นยึดนี่แทบตาย แล้วไม่มาตามนัด ทางฝ่ายแป๊ะก็ยึดสถานีมาแล้วแพร่ภาพไม่ได้ ด้วยว่าช่างเท็คนิคเคยใช้แต่โทรโข่ง พอเจอคีย์การ์ดพาสเวิร์ดเข้าไป เลยงงเป็นไก่ตาแตก พยายามดูดสัญญาณจ๊วบๆยังไงก็ปลุกไม่ขึ้น นี่แหละอาถรรพ์ลุงนูน ยึดสถานีโทรทัศน์ได้ แต่ต้องกลายมาเป็นกบฏ

เบื้องหลังของการที่ทหารปล่อยแป๊ะให้ออกมาตายเดี่ยว ก็ทหารฝ่ายประชาธิปไตยน่ะซี ดันจับตัววางตายจนหมดรูป ทหารที่บ้าระห่ำแต่โง่เลยไปไม่เป็น แล้วเบื้องลึกจริงๆเขาว่ากันว่า คนที่เล่นกับไฟย่อมต้องถูกพระเพลิงผลาญเป็นธรรมดา เมื่อโอรสแห่งสวรรค์ออกหน้า เจ้าพระยายมราช(ป๋า)เลยได้แต่แบ๊ะๆ

สงสารก็แต่ชาวพรรคโบราณ ที่สู้อุตส่าห์แทงเต็งไว้เต็มที่ นอกจากส่งสาวกเข้าร่วมปฏิบัตการยึดอำนาจรัฐแล้ว ยังรับหน้าเสื่อปิดถนนสายหลัก ทั้งที่โคราชและชุมพร พอแผนล้มเหลวเลยความแตก เปิดโปงออกมาอย่างกับแมลงสาบแตกรัง ที่โน่นก็แมลงสาบ ที่นี่ก็แมลงสาบ เอาเฉพาะที่ติดร่างแหถูกแจ้งข้อหากบฏ ยังซัดไปตั้งหลายหน่อ

เหมือนเคาะกะลาให้หมาดีใจ เด็กมันยิ่งอยากเป็นนายกฯอยู่ งานนี้เล่นเอาฝันเกือบเป็นจริง เรียกว่าพลาดไปแค่เส้่นยาแดงผ่าแปด ก็ว่าได้ ข่าวว่าแมลงสาบแมนถึงกับฝันแฉะกลางวันแสกๆ ส่งเสียงร้องอะจึ๋ยๆตั้งแต่เช้ายันเย็น พอตกค่ำ รับประทานแห้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงโผล่หน้ามาออกทีวี เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้แป๊ะ ไปตามระเบียบ

ฝ่ายประชาธิปไตยเองก็อย่าเพิ่งย่ามใจกันไปนัก พลาดไปเที่ยวนี้ดูมันเข็ดซะเมื่อไหร่ นี่ทำท่าว่าก่อนตายจะมีดิ้น คราวหน้ามันคงต้องหาวิธีเจาะรหัสลับ NBT เต็มที่ ไม่ให้พลาดโง่ๆอีกเป็นซ้ำสอง อีกอย่าง ยังมีประชาชนที่ไม่ฉลาด หนุนหลังพวกมันอยู่พอสมควร ถึงจะไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่ในสังคมใดถ้ามีคนชั่วอยู่แค่ 10% ก็เจ๊งแล้ว

ตั้งแต่แป๊ะทำงานพลาด แถมยังเจอคดีระดับจัมโบ้เข้าไปอีก ความสัมพันธ์ระหว่างป๋ากับแป๊ะ ก็ยิ่งง่อนแง่นไปกันใหญ่ ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าเข้าขั้นโคม่าโลชั่น ขนาดว่าไม่มีใครกล้าหันหลังให้ใครก็แล้วกัน ไม่งั้นไม่รับรองความเสียว

บทสรุปสุดท้าย ไปๆมาๆป๋ากำลังปวดหมองตึ๊บๆ นี่ถ้าคดีแป๊ะลามปามมาถึงป๋า เห็นทีว่าจะดูไม่จืด เลยต้องขึ้นขาหยั่งเช็คดูซะหน่อย ว่าต้องเลือกอย่างไหนมันถึงจะเจ๋ง ระหว่างเป่าคดี หรือว่าเป่าหัวแป๊ะ แต่ดูจากแนวโน้ม น่าจะออกอย่างหลังซะมากกว่า เพราะดีดลูกคิดไปมา 18 ตลบแล้ว เห็นว่ายังพอมีกำไร

เสียกระสุนแค่นัดเดียว แต่นกตายยกฝูง

วโรทาห์: 29 ส.ค. 51

Wednesday, August 27, 2008

ปฏิบัติการท้านรก 26 สิงหา

ถือเป็นการฉลองวันเกิดป๋า ที่อลังการงานสร้างอย่างสุดๆ แค่เริ่มวันใหม่มายังไม่ทันไร ตีห้าครึ่งในยามวิกาล ประชาชนก็ได้เสียวกันเหงื่อแตก กับปฏิบัติการบ้าระห่ำ ท้านรกผ่าเมืองปล้น เมื่อกองกำลังติดอาวุธเกือบร้อยชีวิต บุกเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ของรัฐไว้ได้โดยละม่อม แต่โชคดีที่ หลังจากนั้นไม่ถึง 20 นาทีก็โดนตำรวจซิว ไปตามระเบียบ

ใครจะไปนึก ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างนี้ เพราะก่อนวันเลวเดย์ ก็ไม่เห็นมีทีท่าว่าจะเกิดเหตุรุนแรง ตามธรรมดาของฝ่ายแป๊ะ แกก็ขู่ไปเรื่อยเปื่อยตามเรื่องตามราว แถมคราวนี้มาแผนสูง ออกข่าวให้มั่วไปหมด จนลุงหมักหลงทิศหลงทาง เทกำลังไปอารักขาทำเนียบ กับกระทรวงทบวงกรมต่างๆเป็นหลัก ไม่นึกว่ามันจะกล้าตลบหลัง หันกลับมายึด NBT

ต้องเรียกว่างานนี้แป๊ะสับขาหลอกสุดฤทธิ์สุดเดช คงเห็นว่าลุงหมักเคยทำบ่อยแล้วได้ผล เลยอยากจะเอามั่ง แต่ความที่อ่อนซ้อมเลยสะดุดขาตัวเอง หกล้มหัวฟาดพื้นตายคาที่ ลุงหมักเลยสบายแฮ ไม่ต้องออกแรง แม้แต่ปอนด์เดียว

ตายหยังเขียด งานนี้แป๊ะตายหยังเขียด แค่ฉากโจรคลุมหน้าบุกปล้น NBT ฉากเดียว ก็เรียกเสียงด่าได้ไปตรึม ใครได้เห็นภาพเป็นต้องเลือดขึ้นหน้า อยากจะออกไปตื้บพวกโจรให้มันตายคาตีน ต่อให้บักใส มันแหกปากให้ตายว่าไม่ใช่พวกโพ้ม ก็ไม่มีใครเชื่อ ในเมื่อหน้าตามันออกจะนักรบศรีวิชัยซะขนาดนั้น

ขนาดชุมชนคนรักแป๊ะแท้ๆ ยังประสานเสียงกันขรม ว่าฉันเกลียดแก

เมื่อเริ่มต้นไม่สวย เลยพาซวยกันไปทั้งขบวน งานนี้ต้องบอกว่าฝ่ายเสธฯของแป๊ะ มันวางแผนได้ทุยจริงๆ ยึดอะไรไม่ยึดไปยึด NBT ซะงั้น คราวนี้เลยดังเป็นพลุแตก เพราะอดีตที่จำฝังใจ ถ้ายึดทีวีเมื่อไหร่ีก็เรียบร้อย ตามมาด้วยปฏิวัติแหงๆ แล้วอย่างนี้ จะไม่ให้ชาวบ้านตกใจจนแทบบ้าได้ยังไง

ขนาดตำรวจยังเห็นด้วย จัดการแจ้งข้อหาเป็นกบฏต่อราชอาณาจักรกันถ้วนหน้า แถมยังเผื่อแผ่ไปถึงบรรดาหัวโจกอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีรายการสาวไส้ เอาให้ถึงมือลึกลับ ที่แอบชักใยอยู่เบื้องหลัง ตายละวา งานนี้เห็นท่าจะกลายเป็นงานช้าง

ที่ผิดแผนวินาศสันตะโรจริงๆ เห็นจะเป็นพนักงาน NBT ที่พากันสู้ยิบตา โดยเฉพาะลูกผู้หญิงตัวเล็กๆที่ชื่อตวงพร ใครจะไปนึกว่าเจ้าหล่อน จะต่อยเจ็บซะยิ่งกว่าสมจิตร จงจอหอ ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ไม่ยอมให้แป๊ะมาหยามศักดิ์ศรี เล่นเจ้าล่อเอาเถิดกันอยู่ครึ่งค่อนวัน จนในที่สุดแป๊ะยังถอดใจ ยอมคืนสถานีให้แต่โดยดี

พอติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆไปก็พาเหรดลงเหวไปเป็นแถวๆ กลายเป็นว่างานใหญ่เสียหายหมด เพราะวันทั้งวันมาวุ่นอยู่กับการไล่จับเงา NBT ข่าวยึดทำเนียบ ยึดกระทรวงนั้น กระทรวงนี้ พากันหายเข้ากลีบเมฆ หาดูได้แต่เฉพาะแฟนตัวจริงของ ASTV

เมื่อเรื่องราวมันฉาวโฉ่ถึงขนาดนี้ ASTV สาขา 2 อย่าง TPBS หรือจะกล้าฝืนกระแส ความที่วางฟอร์มเป็นทีวีสาธารณะ เลยทำหน้าด้านไม่ยอมเสนอข่าวอย่างช่อง 3 ไม่ได้ ครั้นจะช่วยแถก็คงคิดดูแล้วว่าไม่ไหว สุดท้ายเลยต้องรายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมา ภาพม็อบบ้ากามไล่ปล้ำ NBT เลยได้เป็นไฮไลท์ประจานไปทั่วโลก

อะไรไม่อะไร ขนาดว่าจอมแถแห่งศตวรรษอย่างสมาคมนักข่าวฯ ยังไปไม่เป็น ต้องจำใจออกแถ-ลงการณ์ ประนามกลุ่มโจรที่บุกปล้น NBT แต่กระนั้นยังไม่ยอมระบุว่าเป็นพันธมิตร ทั้งๆที่ตำรวจก็ระบุตัวตนออกโต้งๆ แถมลงท้ายยังแอบหยิก NBT อีกต่างหาก หาว่าวางตัวไม่เป็นกลาง เลยสมควรต้องถูกปล้น

อีหรอบเดียวกับบรรดานักวิชาเกินทั้งหลาย ที่จำใจต้องอ้อมแอ้มว่าพันธมิตรทำไม่ถูก แล้วลงท้ายก็ต่อว่า NBT ซะยาวเหยียดไปตามฟอร์ม แต่โทษที งานนี้ไม่สามารถชี้นำประชาชนได้อย่างที่คิด เพราะว่าคนไทยเขาแปลกอยู่อย่าง ถ้าเห็นภาพจะๆคาตา เป็นตัดสินใจได้โป๊ะเช๊ะ ไม่ต้องรอฟังนักวิชาการให้เมื่อยตุ้ม

พอเห็นภาพถ่อยๆ ของม็อบเถื่อนๆ ประชาชนก็เปิดฉากด่ากันเสียงขรม เพราะแต่ละภาพนั้นมันก็ชวนให้เลือดขึ้นหน้าจริงๆ ทั้งภาพทุบกระจกบุก NBT ในยามวิกาล ภาพกระทืบคนขับรถตู้ ภาพโจรปีนรั้วเข้าทำเนียบ แล้วยังภาพฝูงโจรฮือกันเข้าพังประตูเหล็กของทางราชการอีก เรียกว่า เนื้อๆเน้นๆกันทั้งนั้น

เรียบร้อยไปอีกงาน เข้าทางลุงหมักไปเต็มๆ อยู่ๆไปหาเรื่องกับสื่อซะงั้น NBTเลยได้ที เอาภาพที่บาดตาบาดใจประชาชน ออกเวียนฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียกว่าหอกทมิฬแทงทมิฬก็ว่าได้ เหมือนที่ ASTV กับ TPBS ชอบเอาภาพตกแต่ง ไปเวียนฉายให้ร้ายฝ่ายประชาธิปไตยนั่นแหละ แต่คราวนี้ดันเป็นของจริง แล้วประชาชนก็อินกันสุดๆ เลยค่อนข้างจะได้น้ำได้เนื้อ

แต่จะว่าไป สถานการณ์ของแป๊ะก็ใช่ว่าจะเลวร้ายซะเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยก็มีปชป. เป็นเพื่อนซี้ในยามยาก ไม่ว่าแป๊ะเพื่อนเลิฟ จะสะดุดหกล้มหัวทิ่มหัวตำยังไง ขอให้รู้ไว้เถิดว่า ยังมีปชป. ที่พร้อมจะออกมาช่วยประคองปีกเสมอ เพียงแต่ว่า จะให้ออกมาโต้งๆ มันก็ผิดฟอร์มจอมแหลไปหน่อย มือระดับนี้มันก็ต้องตีลูกเนียนเป็นธรรมดา

ภาพที่มาร์คออกมาประกาศกร้าวว่า ห้ามใช้ความรุนแรงสลายม็อบอย่างเด็ดขาด ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่บริสุทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะปกป้องประชาชนให้ถึงที่สุด แหม..ดูแล้วพระเอ๊กพระเอก เรื่องของเรื่อง คงยังเคลิ้มอยู่ว่า ประชาชนกินฟางข้าวเป็นอาหาร เลยไม่มีทางฟังออกว่า ที่แท้แล้ว พรรคประชาธิปัตย์พร้อมที่จะปกป้องใครกันแน่

ก็อยู่ๆรัฐบาลจะไปใช้ความรุนแรงกับใครล่ะ ถ้าไม่ใช่พันธมิตร!

วโรทาห์: 27 ส.ค. 51

เบื้องหน้าเบื้องหลังต้องมาว่ากันต่อในตอนต่อไป

Friday, August 22, 2008

อาวุธเด็ดของระบอบทักษิณ

ในกระบวนมือสังหารระดับพระกาฬ ทั่วทั้งจักรวาลนี้ จะมีใครหาญกล้ามาเทียบกับธรรมชาตินั้น อย่าได้ไปหา เพราะมือฆ่าธรรมชาตินั้น ทั้งเที่ยงตรง แม่นยำ และทรงความยุติธรรมเป็นที่สุด ลงมือทุกครั้งอย่างเงียบเชียบ ไร้ความปราณี เด็ดขาดและไร้ร่องรอย หากแม้นใครหน้าไหน หาญกล้าท้านรก ก็อย่าหวังเลยว่า ธรรมชาติจะละเว้นไว้ให้ลอยนวล

ธรรมชาตินั้นช่างเด็ดเดี่ยวห้าวหาญ ไม่เห็นแก่หน้าอิินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นกระยาจกเข็ญใจ หรือว่าเกรียงไกรใหญ่ยิ่งเป็นจอมจักรพรรดิ์ ยังไม่เคยปรากฎว่า หน้าไหนจะสามารถเล็ดรอด จากเงื้อมมือของธรรมชาติไปได้

หาไม่แล้ว โลกอันบิดเบี้ยวใบนี้ คงยังอยู่ภายใต้อุ้งเท้าของเจงกีสข่าน หรือไม่ก็จิ๋นซีฮ่องเต้

ธรรมชาตินั้นเที่ยงธรรมยิ่งนัก ต่อให้สูงเทียมฟ้า หรือว่าต้อยต่ำเพียงดิน สำหรับธรรมชาติแล้ว ไร้ความแตกต่างโดยสิ้นเชิง ไม่มีชั้นวรรณะ ไม่มีผู้สูงศักดิ์หรือว่าไพร่กุลีต่ำชั้น ไม่มีคนโง่คนฉลาด หรือแม้แต่คนดีคนเลว

ในสายตาของธรรมชาติ ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าเสมอกัน ต่างแต่เพียงกรรมเก่าที่สั่งสมกันมา ตั้งแต่ชาติปางก่อน จวบจนปัจจุบันกาล

นั่นคืออาวุธเด็ด ที่ระบอบทักษิณคัดสรรมาแล้ว เพื่อบรรณาการแก่ระบอบอำมาตย์โดยเฉพาะ เป็นอาวุธที่ทรงพลานุภาพยิ่งใหญ่ ทำลายล้างได้ทั้งไตรภพ ตั้งแต่พรหมโลกชั้นสูงสุด ระเรื่อยลงมาจนถึงมนุษย์โลก ไปกระทั่งสุดขอบฟ้า ใต้บาดาล ยันอเวจีมหานรก เป็นที่สุด

ทันทีที่ตัดสินใจรบขั้นแตกหัก ทักษิณก็ถอนทัพออกมาโดยพลัน เพื่อเปิดแนวรบเต็มขั้นให้กับธรรมชาติ ต่อไปนี้จึงเป็นหน้าที่ของธรรมชาติล้วนๆ ที่จะเดินหน้ากำจัดศัตรูของประชาชน ออกไปจากสนามรบทีละคน..ทีละคน จนกว่าจะได้เวลาอันเหมาะสม ที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาสะสางด้วยตัวเอง

"รุกด้วยการถอย" คือสุดยอดกลยุทธ ที่เด็ดขาดยิ่งกว่าลับลวงพราง ปิดจุดเด่น เปิดข้อด้อยของแม่ทัพฝ่ายอำมาตย์ ที่อายุขัยเหลือน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เหมือนเทียนไขที่กำลังจะหมดไส้ เปลวไฟจึงอ่อนล้า ยิ่งกว่าแสงหิ่งห้อย ภายใต้ดวงตะวันอันเจิดจ้า

แม้เพียงสายลมพัดผ่านอย่างแผ่วพลิ้ว เปลวเพลิงอันริบหรี่ยังอาจวูบดับ ประหนึ่งต้องพายุโหม

เมื่อสู้ตามกติกาไม่ได้ ระบอบอำมาตย์ถึงกับใช้วิธีสกปรก โดยไม่รู้สึกผิดต่อเวรกรรมที่ทำกับประชาชน เมื่อทักษิณไม่อาจทนสู้อยู่ได้ ในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยกับระเบิด ซึ่งเหล่าสมุนอำมาตย์ลอบวางไว้แทบทุกตารางนิ้ว ยุทธการถอยเพื่อรุกในวันหน้าจึงเริ่มขึ้น นับแต่วันนั้น มันก็ไม่ใช่เกมส์ของอำมาตย์อีกต่อไป

ความหวังที่จะธำรงรักษาระบอบอำมาตย์ไว้ ให้มั่นคงสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยการกวาดล้างเสี้ยนหนามให้หมดสิ้นไป ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของมารเฒ่าจะขาดสะบั้นลง กลับมีอันต้องพังทลายไปสิ้น เมื่อปล่อยทักษิณให้หลุดมือไปจนได้

ความผิดพลาดในครั้งนี้ คงต้องชดใช้ด้วยความหายนะของเหล่ามวลหมู่บริวารที่อยู่ข้างหลัง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงขั้นนี้จอมมารจะนอนตายตาหลับลงได้อย่างไร

กาลเวลาย่อมกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ระบอบอำมาตย์นั้นเป็นอธรรม จึงไม่อาจอยู่ยั้งยืนยง เพียงปล่อยให้เนิ่นนานไป กาลเวลาจะกัดกร่อนให้เสื่อมลงเป็นลำดับ ตรงข้ามกับฝ่ายธรรมะคือประชาชน แม้ไม่ทำอะไรเลย ก็กลับกล้าแข็งขึ้นเองโดยธรรมชาติ มวลมหาชนฝ่ายธรรมะ จึงอาจเอาชนะระบอบอำมาตย์ได้ แม้ยังไม่ได้ออกรบ

ธรรมชาติคือธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะไม่ใช่ความดี และอธรรมก็ไม่ใช่ความเลว ดีเลวเป็นเรื่องสมมติ ไม่มีบัญญัติไว้ในพจนานุกรมของธรรมชาติ ผู้ที่คล้อยตามธรรมชาติ คือฝ่ายธรรมะ ตรงกันข้าม ผู้ที่ดำรงตนฝืนธรรมชาตินั้นคือ..อธรรม!

เมื่อท่านยืนอยู่ข้างธรรมชาติ ธรรมชาติจะปกป้องท่านเอง

วโรทาห์: 22 ส.ค. 51

Thursday, August 21, 2008

เมื่อม็อบมัฆวาน..กลายเป็นอดีต

วันก่อนนี้อยู่ๆไม่รู้ผีเข้ายังไง ดันนึกอยากไปเยี่ยมเยียนชุมชนสะพานมัฆวานขึ้นมาดื้อๆ จะว่าจิตใต้สำนึกมันบอกก็ไม่น่าจะผิด ว่าถ้าไม่รีบไปดูใจกันตอนนี้ ต่อไปคงไม่ได้เห็นหน้ากันอีกทั้งชาติ สำหรับม็อบประวัติศาสตร์ ที่กู้ชาติจนแทบจะล่มจม เรื่องสำคัญอย่างนี้ ยังไงก็ต้องจารึกไว้จนชั่วลูกชั่วหลาน และอีกหลายๆชั่ว จนไม่รู้ว่าจะชั่วยังไง

รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เพียงแค่คิดก็มายืนเต๊ะจุ๊ยอย่างเหมาะเหม็ง อยู่บนฟุตบาทริมถนนราชดำเนิน ตรงบริเวณที่เป็นใจกลางม็อบพอดิบพอดี มองไปเห็นกระทรวงศึกษาฯ ลานพระรูป แล้วก็สะพานมัฆวานครบสูตร แต่เอ๊ะ..แล้วเวทีมันไปตั้งอยู่ตรงไหนหว่า พยายามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ

ช่วงนั้นเป็นเวลาแดดร่มลมตก ได้เวลาโจราฤกษ์รวมพลคนกู้ชาติพอดี แต่วันนี้ไม่รู้เป็นบ้าอะไรไป ถึงได้หายหัวกันจ้อย ขนาดกวาดสายตาไปรอบๆ เหลียวซ้ายแลขวายังไม่เห็นหมาซักกะตัว ตอนแรกก็นึกว่ามาผิดที่ซะแล้ว แต่หลังจากยืนทบทวนอยู่หลายกระทอก ก็แน่ใจว่าตรงนี้เลย ยังไงก็ไม่ผิด

ขณะที่กำลังยืนเหวออย่างกับโดนผีหลอก สายตาก็แว๊บๆเห็นว่าทางด้านขวามือ มีรถคันหนึ่งคลานมาไม่ช้าไม่เร็ว พอหันไปมองเต็มๆตา ถึงได้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย เพราะว่าโชเฟอร์ชายวัยกลางนั่น โพกหัวกู้ชาติเด่นหรามาแต่ไกล อารามดีใจเลยโดดผลุงลงไปยืนบนพื้นผิวจราจร แล้วโบกสองมือไขว้เหนือหัว แบบที่เขาโบกให้สัญญาณเครื่องบิน แต่จริงๆแล้วพวกโบกสิบล้อก็ทำแบบเดียวกัน

เจอลูกบ้าเข้าไปไม้นี้ เล่นเอาชายคนนั้นถึงกับตาเหลือก รีบก้มหน้างุดๆ จัดการกับเครื่องห้ามล้ออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ดูเหมือนว่าท่าจะไร้ผล ส่ออาการว่า มันฟังกันซะเมื่อไหร่ ขนาดแกลงทุนเบรคจนตัวโก่ง ยังไม่มีทีท่าว่าจะเอาอยู่ นอกจากความเร็วไม่ได้ชะลอลงซักกะติ๊ดแล้ว ยังลากจี้เข้ามาหาผมอย่างไม่ปราณีปราศัย

หะแรกก็นึกว่าแกล้อเล่น เลยยืนล่อเป้าจนมันเข้ามาชิด เรียกว่าใกล้ขนาดได้ยินเสียงหายใจฟืดฟาดของแกแล้ว เพิ่งจะมาเอะใจว่า ท่ามันจะเอาแน่ วินาทีนั้นผมไม่มีทางเลือกอีกแล้ว นอกจากต้องตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เผ่นแผล็วเป็นลิงลมกลับขึ้นไปบนฟุตบาทแทบไม่ทัน ถือว่ารอดตายอย่างฉิวเฉียด แค่เส้นยาแดงผ่าสิบหก ก็ว่าได้

รถนั้นยังแล่นกระดื๊บๆผ่านหน้าผมไปอย่างดื้อด้าน กว่าจะหมอบสนิทสิ้นฤทธิ์สิ้นเดชลงได้ ก็ลากสังขารไปอีกไกลโข ทำให้ผมต้องควบปุเลงๆตามไปจนหอบแฮ่กๆ พอเข้าประชิดตัวได้ ดันเกิดอาการเข่าอ่อนขึ้นมาดื้อๆ เมื่อเห็นชายเจ้าของรถ กำลังนั่งเหล่ขวางตามาที่ผม ทำอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ลักษณะท่าทางอย่างนี้ ต่อให้เด็กอมมือยังอ่านขาด ว่างานเข้าแน่ๆ

ผมทำเป็นใจดีสู้เสือ ประนมมือไหว้อย่างนอบน้อมสุดๆเท่าที่จะทำได้ แต่ไม่วายสายตาซุกซนก็ซอกแซกไปเห็นข้อความ ที่พิมพ์หราบนหน้าอกเสื้อยืดของแก อ่านได้ใจความว่า "ลูกจีนกู้ชาติ" ตัวอักษรสีแดงคร่ำคร่าบนพื้นสีเทาหม่น เอ๊ะ..ไม่ใช่สิ สีเดิมน่าจะเป็นสีขาว แต่มันเก่าโคตรๆจนเห็นเป็นสีซกมก อย่างกับไปคลุกขี้หมามาเป็นชาติ

"สวัสดีคร้าบ..ลุง" นอกจากไหว้แล้วยังเอ่ยทักตามธรรมเนียม ด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้อ่อนหวานสุดๆ เผื่อว่าแกจะใจเย็นลงได้บ้าง แต่ที่ไหนได้ เหมือนราดน้ำมันลงไปในกองเพลิงยังไม่ปาน เสียงตอบรับที่สวนมากระแทกแก้วหู ทำเอาผมถึงกับสะดุ้งโหยง

"บ้านแกเรียกชายหนุ่มหน้าตาดี ในวัย 30 ต้นๆว่าลุงเหรอ !!!" เสียงนั้นทั้งห้าวและห้วน ทำเอาผมถึงกับอึ้งกิมกี่ ได้แต่แอบเถียงในใจเงียบๆว่า มันหน้าตาดีตรงไหนวะ!

อีกอย่าง ใบหน้าที่ยับยู่ยี่ อย่างกับไปถูกฝูงการุมกระทืบมาอย่างนั้น แล้วจะไปรู้ไม๊ว่า 30 ต้นๆ ถ้าจะวิเคราะห์กันตามหลักวิชา ก็ต้องว่ากันที่ 60 ปลายๆ น่าจะใกล้เคียงกว่า ดังนั้น ที่เรียกว่าลุงนี่ ต้องถือว่าลดหย่อนกันสุดๆแล้ว ยังดีที่ไม่ปากไวไปเรียกว่าปู่เข้า ไม่งั้นป่านนี้ ไม่ใครก็ใครคงต้องลงไปนอนตีแปลง รอให้ปอเต๊กตึ๊งมาแย่งเก็บศพกับร่วมกตัญญูแหงๆ

"แหม..ล้อเล่งอ้ะ..เฮี่ย!" ผมรีบพลิกสถานการณ์จากรับเป็นรุก เปลี่ยนมาใช้คำเรียกแบบกลางๆว่า"เฮีย" ซึ่งคิดว่าน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่วางใจเสียทีเดียว จึงต้องสำทับอีกชั้นหนึ่ง ด้วยการควักผ้ากู้ชาติออกมาโพกหัว

แล้วก็ได้ผลจริงๆ มันเวิร์คอย่างไม่น่าเชื่อ เฮียแกเปลี่ยนจากหลังเท้ามาเป็นหน้ามือทันทีทันควัน หน้ามู่ทู่เมื่อกี้นี้หายวับไปกับตา เปลี่ยนมาเป็นหน้าอาแปะใจดี ที่ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอ พาลให้นึกถึงอากงที่นอนตายตาค้าง เพราะว่าลูกหลานไม่เหลียวแล

"อ๋อ..ที่แท้ก็คนกันเอง มีอะไรว่ามาเลย" เออแน่ะ..พูดดีก็เป็นเหมือนกัน ฟังพันธมิตรเอื้อนเอ่ยมธุรสวาจาแล้วมันจั๊กกะจี้หูพิลึก แทบจะเป็นเรื่องที่เเหลือเชื่อเลยก็ว่าได้ พอๆกับเห็นหมาพูดภาษาคน ยังไงยังงั้น

แต่อย่างน้อยก็ถือได้ว่าสถานการณ์คลี่คลายไประดับหนึ่ง น้ำเสียงอย่างนี้แสดงว่า น่าจะพูดภาษาคนกันรู้เรื่อง ผมเลยถือโอกาสลามปาม ลากชายหนุ่มหน้าแก่ ที่ทราบชื่อในภายหลังว่าเฮียกวง ลงมานั่งคุยกันข้างถนน ล้วงควักจนได้ความว่า เวทีมัฆวานเขาเลิกไปตั้งกะปีมะโว้แล้ว

พูดอย่างนี้ ถ้าเชื่อก็_วายหละวะ เพราะว่าเมื่อวานยังเห็นด่าคนอยู่แหม็บๆ แล้วจะเป็นไปได้ยังไง แค่ข้ามวัน จะมาบอกว่าเลิกไปแล้วตั้งหลายปี คราวนี้เลยต่างคนต่างพูดไม่รู้เรื่อง เถียงกันหน้าดำหน้าแดง แทบว่าจะฆ่ากันตาย

ก่อนที่การเสวนาจะเลยเถิด ไปถึงขั้นฟาดปากตัดสินกันให้รู้ดำรู้แดง เฮียกวงก็ไปหยิบหนังสือพิมพ์บนรถมากางหรา แล้วชี้ให้ผมดูภาพคุณทักษิณกำลังทำพิธีตัดริบบิ้น แถมด้วยพาดหัวตัวไม้ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มว่า "ท่านนายกฯทักษิณ ทำพิธีเปิดรถไฟฟ้าสายสีชมพู" เออแน่ะ! พาดหัวสุภาพซะจนไม่น่าเชื่อว่า เป็นหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย

"เห็นไม๊ ทักษิณมันซื้อประเทศไทยไปเรียบร้อยแล้ว" น้ำเสียงเฮียแกแสดงอาการลิงโลดว่าเป็นผู้ชนะ เมื่อเห็นว่าผมจำนนด้วยหลักฐาน ออกอาการเถียงไม่ขึ้น ได้แต่นั่งหัวหมุนติ้วๆ

"เฮ้ยเดี๋ยว นี่มันหนังสือพิมพ์เก่าหรือเปล่า เฮี่ย" ผมพยายามดิ้นสู้เฮือกสุดท้าย เมื่อคิดได้ว่าหมอนี่น่าจะอำแน่

แต่พอไล่นิ้วมือไปที่หัวหนังสือพิมพ์เพื่อดูวันที่ผลิตเท่านั้นแหละ กลับกลายเป็นตัวผมเองที่หัวหมุนหนักไปกว่าเก่า เมื่อเจอกับข้อความว่า...

นสพ.จำหน่ายน้อยที่สุดของประเทศ
ไถยรัฐ
ปีที่ 63 ฉบับที่ 19927 วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2555 ราคา 100.00 บาท

วโรทาห์: 21 ส.ค.51

@@@ โปรดติดตามตอนต่อไป @@@

Tuesday, August 19, 2008

ทักษิณจะกลับมาแน่ พร้อมความยุติธรรมที่ฟื้นคืน

มหาบุรุษนั้น เมื่อขยับตัวคราใด ย่อมสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นดิน ทันทีที่ทักษิณตัดสินใจ ฉากออกไปจากสมรภูมินรกอันสุดแสนโสมม อุณหภูมิการเมืองที่กำลังเดือดพล่าน จนร่ำ่ๆว่าจะเกิดสงครามกลางเมืองอยู่รอมร่อ ก็ลดลงฮวบฮาบ ราวกับถูกสาดด้วยน้ำแข็งจากขั้วโลก

ระบอบอำมาตย์นั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าทักษิณจะกล้าเดินหมากนี้ เหตุเพราะมันสุ่มเสี่ยงเกินไป ต่อการถูกตราหน้าไปชั่วชีวิต ว่าเป็นอาชญากรที่หลบหนีอาญาบ้านเมือง แต่พวกเขากลับลืมคิดไปว่า ถ้าถูกไล่ต้อนจนถึงมุมอับ มันก็คุ้มเกินคุ้มที่จะเสี่ยง

และผลที่ออกมา ก็เป็นที่น่าพอใจสำหรับระบอบทักษิณ เพราะว่าเมื่อบวกลบคูณหารออกมาแล้ว ดุลย์แ่ห่งบารมีไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย จำนวนคนที่เกลียดทักษิณไม่ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่คนรักทักษิณก็ไม่ได้ลดลง แต่คะแนนสงสารนั้นกลับท่วมท้นทวีคูณ

ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่ตรงกลางจริงๆ ก็เริ่มจะหันมามอง และให้ความสนใจอย่างจริงจังว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับระบบยุติธรรมของบ้านเมือง

สมมติฐานนี้ได้รับการพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง เมื่อฝ่ายอำมาตย์เร่งรีบออกหมายจับ แล้วเผยแพร่ประจานไปทั่วประเทศ โดยคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม ว่าจะเกิดกระแสสาปแช่งทักษิณอย่างรุนแรง แต่ผลตอบรับกลับตรงกันข้าม เพราะนอกจากไม่ทำให้คนเกลียดแล้ว ยังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า น่าจะเกินเหตุไปหรือเปล่า

นี่จึงเป็นสาเหตุที่ระบอบอำมาตย์ ออกอาการงุ่นง่านอย่างเห็นได้ชัด เพราะโอกาสกำจัดทักษิณนั้นแทบจะเป็นศูนย์ไปแล้ว เนื่องจากระบบไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เล่นเกมส์ยืดเยื้อ อีกทั้งอายุขัยนายใหญ่ก็เหลือน้อยเต็มที เมื่อพลาดพลั้งทำให้ไก่ตื่นไปซะแล้ว คิดจะตะล่อมกลับมาใหม่ คงไม่ง่ายเหมือนเดิม

เมื่อนายกฯของชาวรากหญ้า ดึงตัวเองออกมาจากเกมส์ กลไกทุกอย่างที่กำลังเดินเครื่องทำลายเขาอย่างเมามัน ก็แทบจะกลายเป็นเศษเหล็กไปในทันที โดยเฉพาะกลไกข้างถนนอย่างม็อบพันธมิตร ที่หล่อเลี้ยงด้วยเงินทองจำนวนมหาศาล แต่กลับเพาะศัตรูมากกว่าสร้างมิตร

แม้แต่กลไกตุลาการก็หมดความหมายโดยสิ้นเชิง เมื่อนำตัวจำเลยมาขึ้นศาลไทยไม่ได้ กระบวนการดำเนินคดีทางอาญาย่อมต้องชะงักงันไปตามระเบียบ ถ้าจะฝืนดื้อดึงพิจารณาลับหลังจำเลยไป ก็ต้องพร้อมที่จะรับผลที่จะตามมาในอนาคต ทุกวันนี้จึงเหลือแต่เพียงองค์กรอิสระ ที่ยังหลับหูหลับตา เต้นแร้งเต้นกากันอยู่ เพราะความไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า

โดยสัญชาตญานของสัตว์โลก ถ้าไม่ยึดมั่นถือมั่น ว่ามีตัวเราของเรา ก็จะไม่เกิดความรักตัวกลัวตาย ไม่อาจรักษาชีวิตไว้ ให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา จนกว่าจะสิ้นอายุขัย แต่ในเวลาเดียวกัน เจ้าความยึดมั่นถือมั่น ก็ดันมาทำให้คนลืมตายไปซะฉิบ อย่างที่ลุงกล้าฯ กำลังท้านรกอยู่เหย็งๆ

เพราะอุปาทานแท้ๆ เลยทำให้หลงไปว่า อำนาจจะอยู่กับฝ่ายตัวตราบชั่วฟ้าดินสลาย ไม่เคยสำเหนียกแม้สักนิดว่า สรรพสิ่งนั้นล้วนเป็นอนิจจัง คนที่คุ้มกะลาหัวเราอยู่ทุกวันนี้ ยังไม่อาจรู้ได้เลยว่า มัจจุราชจะมาลากคอไปในวันไหน เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี คดีจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ใครทำอะไรไว้คงจะได้เห็นกัน ถึงเวลานั้น ไม่ว่าปู่กล้าฯจะอายุเท่าไหร่ ก็ต้องใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ในคุก

จะว่าถูกบังคับก็ไม่ได้ ดูอย่างป้าสดแกยังไม่เห็นมีปัญหา ขนาดพลาดท่าถูกผีแขกมันเข้าสิง พาเป๋ออกนอกลู่นอกทางไปตั้งหลายโยชน์ แต่พอหลุดพ้นจากมนต์ดำ แกยังตบเข้าทางตรงโดยไม่ลังเล กลายเป็นเพื่อนซี้กับกกต.สมชัย ที่ยืนตรงแหน็ว เสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด ขนาดสุภาพสตรียังกล้าหาญซะขนาดนั้น ถ้าลุงกล้าฯจะไม่รู้สึกอายมั่ง ก็ให้มันรู้ไป

อยู่ๆหาเรื่องไปอายัติทรัพย์เขาไว้โดยไม่มีเหตุผล พอคดีชะงักไป กลายเป็นรับฝากทรัพย์เอามาแช่แข็งไว้เฉยๆ แถมยังต้องเสียดอกเบี้ยให้เจ้าทรัพย์อีกต่างหาก ความเสียหายเหล่านี้ใครจะรับผิดชอบ พวกที่โลภมากอยากได้ทรัพย์สินคนอื่นไปฟรีๆ น่าจะยับยั้งชั่งใจให้จงหนัก ไม่เช่นนั้น...

อาจจะพากันซวยไปชั่วลูกชั่วหลาน

วโรทาห์: 19 ส.ค. 51

Monday, August 18, 2008

จากไพร่อุปถัมภ์ ถึงสงกรานต์กุลี

นับจากอดีตกาลที่ถูกลืมเลือน ผ่านไปเพียงไม่กี่ปี เผลอแป๊บเดียว รากหญ้าก็กลับมาขึ้นหม้อ ไม่ว่าตลกคณะไหน ถ้าอยากดังระเบิดเถิดเทิง เป็นต้องเล่นเรื่องรากหญ้าเอาไว้ก่อนเป็นทีเด็ด ดูอย่างซูโม่มาร์คนั่นปะไร เล่นมุก "ไพร่อุปถัมภ์" ไปช็อตเดียว ถึงกับดังระเบิดระเบ้อเป็นพลุแตก ชื่อเสียงติดปากรากหญ้า ต่างก่นด่าจนป่นปี้ ร้อนถึงบุพการีแทบจะเอาหน้ามุดดิน

ขนาดมีรุ่นพี่ ที่อุทิศตัวเป็นแบบอย่างให้ด่าซะเช็ด แล้วดูมันเข็ดซะเมื่อไหร่ ซูโม่หมูตู้มาจากไหนก็ไม่รู้ ไล่เบียดแซงซูโม่มาร์คจนชิดซ้ายตกคลอง ล่าสุดคงจะฟิตจัด เลยงัดมุกเด็ดออกมาโชว์กันสดๆ เรียกชื่อซะสวยหรูว่า "สงกรานต์กุลี สงสารผู้ดี" ที่นอกจากจะฮาสะเด่าแล้ว ยังเรียกน้ำตาได้อีกหลายปี๊บ ด้วยความสงสารผู้ดี จนใจจะขาดรอนๆ

ที่มาที่ไป เจ้าตู้ตาเขคนนี้มันผู้ดีสุดๆ แต่ไม่รู้ว่าไปพลาดท่าพลาดทางยังไง กลายเป็นผู้ดีตกยาก ต้องมาแย่งยื้อหม้อข้าวกับชาวรากหญ้า ทำมาหากินทางตลกรับประทาน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องจนปีกกล้าขาแข็ง แล้วหันมาแง่งๆไล่ฟัดรากหญ้า อย่างเอาเป็นเอาตาย

สืบเนื่องจากจดหมายบรรยายความโง่ ที่หมอนี่มันส่งไปทางหนังสือพิมพ์มติชน แล้วทางนั้นก็แสนดี เรื่องอย่างนี้มันยังเอาไปตีพิมพ์ จะว่าหวังดีหรือประสงค์ร้าย ก็สุดจะเดาได้ แต่วันเสาร์ที่ผ่านมา รากหญ้าเลยได้อ่านกันจนเลือดลมพุ่งพล่าน

จะว่าไมเกรนก็ไม่ใช่ แต่อ่านไปอ่านไป มันรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ สุดท้ายเลยพาลให้รู้สึกสมเพชเวทนา ว่าหมอนี่คงจะเป็นเอามาก ดูท่าน่าจะอัดอั้นตันใจจากสงกรานต์ที่เพิ่งผ่านไป เพราะอุตส่าห์ลดตัวลงไปเล่นด้วย แต่ไม่มีใครยอมสาด ไปยังไงมายังงั้น ไม่มีเปียกปอนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

เพียงแต่ว่ามันน่าสงสัย ว่าทำไมเพิ่งจะมาเจี๊ยวใหญ่เอาตอนนี้ ทั้งๆที่สู้เก็บกดอยู่ได้ มาตั้งหลายเดือน

ข้อใหญ่ใจความในจดหมายนั้น มันทุบโต๊ะเปรี้ยงอย่างผู้ดีเลยว่า รากหญ้านั้นเป็นกุลี จัณฑาล ไร้การศึกษา โง่ ก้้าวร้าว และไม่ต้องเสียภาษี ผิดกันไกลลิบลับกับผู้ดี ที่ทั้งฉลาด และเสียภาษี แต่ถูกตีจนหงอมาจากโรงเรียน แล้วเป็นไปได้ยังไงที่คน 2 พวกนี้ กลับมีสิทธิมีเสียงเท่ากัน คิดไปคิดมา มันไม่น่าจะถูก

นอจากนั้นยังเสริมอีกว่า คอมมิวนิสต์นั่นแหละตัวดี มาทำให้รากหญ้ากร่าง สงกรานต์เลยหมดความสวยงามไป ทางแก้คือต้องห้ามรากหญ้าเล่นสงกรานต์ และห้ามเลือกตั้งด้วย เพราะถือเป็นจารีตที่สูงส่งระดับชาติ จะเอามาล้อเล่นไม่ได้

และต่อไปในภายภาคหน้า ถ้ากุลีมาสาดน้ำใส่ ผู้ดีต้องยิงสวนไป ไม่งั้นจะเป็นหวัดเสียเปล่าๆ มันไม่คุ้มกัน

ไม่รู้ว่าแปลไทยเป็นไทยมาถูกต้องหรือเปล่า เพราะว่าอ่านแล้วมันสลึมสลือ ต้องยอมรับว่าภาษาผู้ดีนี่ มันเข้าใจยากเสียเหลือเกิน รากหญ้าอย่างเรา หนังสือหนังหาก็ไม่ได้เรียน ยังสะเออะมาเล่นสงกรานต์ เอ๊ย..มาแปลจดหมายผู้ดี แล้วมันจะไปรู้เรื่องได้ยังไงกัน

แต่เอาเหอะ แค่เห็นวิสัยทัศน์อย่างนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าซูฮกจริงๆ ในโลกนี้นอกจากตั้วแล้ว คงไม่มีใครมาทาบตู้ได้แน่นอน เล่นฉลาดซะขนาดนี้ เชื่อได้ว่า อนาคตน่าจะไปอีกไกล แค่ปัจจุบันนี้ ยังคะเนกันว่า ตู้น่าจะก้าวล้ำไปถึงรัชสมัยพระบรมไตรโลกนารถแล้ว แค่รักษาเทรนด์นี้เอาไว้ให้ได้ อีกไม่นานเกินรอ มีหวังทะลุถึงสมัยพ่อขุนรามคำแหง

เมื่อถึงวันนั้น ต้องขอร้องตู้อยู่อย่าง ว่าอย่าริลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นอันขาด ที่พูดนี้ ใช่ว่าจะดูถูกดูแคลนอะไร เพียงแต่กลัวว่า ถ้าเกิดผีจับยัดขึ้นมา ตู้ได้เป็นนายกฯจริงๆ บ้านเมืองเรามันจะก้าวหน้า โกโซบิ๊กไปกันใหญ่ มีหวังกลายเป็นยุคไพร่ฟ้าหน้าใส ใครใคร่ค้าช้างค้า ใครใคร่ค้าม้าค้า

ระบบยุติธรรมก็จะเรียบง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ขอเพียงสั่นกระดิ่งเป็น ทุกอย่างก็โกอะเฮด ซึ่งจะว่าไปแล้ว มันก็ดีอยู่หรอก แต่ยังหวั่นใจว่ารากหญ้าจะตามไม่ทัน เพราะว่าลำพังทุกวันนี้...

ระบบยุติธรรมบ้านเรามันก็ก้าวหน้า จนต้องเอาปี๊บคลุมหัวกันแล้ว

วโรทาห์: 18 ส.ค. 51

Sunday, August 17, 2008

ปล่อยเสือทักษิณเข้าป่า วันหน้าก็ตัวใครตัวมัน

หลังจากที่โซ้ยทักษิณกันเต็มสูบ ด้วยการตั้งหน้าตั้งตาไล่ฟัด กัดไม่ปล่อยพอๆกับอัลเซเชี่ยนตัวเมีย ด้วยหมายมั่นปั้นมือว่าต้องจับเสือใส่กรงให้จงได้ แต่ทำไปทำมา ไม่รู้ทำกันท่าไหน กลับกลายเป็นไล่พยัคฆ์เข้าป่าไปเสียฉิบ ความที่ย่ามใจไปหน่อย เลยไม่ทันระวังว่า ถ้าบีบหนักจนเกินไป เสือใหญ่อาจจะแตกตื่น

คราวนี้หละซวยแน่ ถ้าตามจับกลับมาไม่ได้ งานนี้ไม่ใครก็ใครมีหวังได้ตายหมู่

เหตุผลของการลี้ภัย จากจดหมายที่ทิ้งบอมบ์มาจากลอนดอน ต่อให้คนธรรมดาสามัญ ที่พอมีสติปัญญาอยู่บ้าง และไม่หน้ามืดตามัวจนเกินไป ก็สามารถเข้าใจได้ ว่าเหตุเภทภัย มันสาหัสสากรรจ์เสียเหลือเกิน ลงว่าตาชั่งผีสิงดาหน้ากันออกมา แผลงฤทธิ์แผลงเดชอย่างบ้าคลั่ง ไม่อายฟ้าไม่กลัวดิน ต่อให้บริสุทธิ์ผุดผ่องแค่ไหน ก็คงจะรอดยาก

อุตส่าห์ลงเล่นตามกติกา ทั้งๆที่รู้ว่ามันร่างโดยศัตรู เพราะซื้อใจว่า ยังไงก็คงจะมียางอายกันอยู่บ้าง แต่ที่ไหนได้ มันเอากรรมการลงมาไล่บี้ ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน เจอเป่าฟาวล์มันลูกเดียว แต่ทีฝ่ายตรงข้ามกลับปล่อยเล่นฟรีสไตล์ ขืนลากลุยเข้าไป มันสกัดด้วยไม้หน้าสาม สุดท้ายต้องยอมแพ้กรรมการ โยนผ้าแล้วถอยห่างออกมาเล่นลูกยาว ดีกว่าฝืนเล่นลูกสั้นให้มันสอยเอา

ตามแผนการอันบ้าระห่ำของฝ่ายอำมาตย์ ส.ว.กับองค์กรอิสระรับหน้าเสื่อ โยนยาวเข้ามาในกรอบเขตโทษ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของตาชั่งที่จะส่งลูกไปเข้าซังเต หลังจากนั้นก็ตามเก็บเอาในคุก อะไรมันจะง่ายขนาดนั้น หน้าด้านซะอย่าง เรื่องแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้ ขนาดอยู่นอกคุก ยังคาร์บ๊องกันเป็นว่้าเล่นมาแล้ว

ทางฟากคนรักทักษิณนั้นต่างพากันโล่งอก เมื่อรู้ว่าคนที่ตนเฝ้าห่วงใยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น มีแหล่งกบดานที่ปลอดภัยติดอันดับโลก แค่นี้ก็เบาใจไปได้หลายเปลาะ ต่อไปนี้จะได้เย่อกันให้มันหยด ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง คอยกลัวว่าหมาป่าศักดินา มันจะมารุมขย้ำลูกแกะทักษิณ

ผิดกันไกลลิบกับทางม้าใช้อำมาตย์ข้าทาสศักดินา ที่นาทีนี้ได้แต่มองตากันปริบๆ ยืนงงเป็นไก่ตาแตก ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี ได้ยินแต่เสียงเจื้อยแจ้ว ของหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน ที่วันๆทำอะไรไม่เป็น นอกจากคอยฉกฉวยโอกาส ตีกระหน่ำซ้ำเติมคู่ต่อสู้ ตามธรรมดาของนิสัยถาวรที่ฝังลึกถึงกระดูก จนใครๆก็ส่ายหัว ด้วยหมดหวังที่จะเยียวยา

ฝันหวานเลยสิมาร์ค นี่น่าจะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่เก้าอี้นายกฯ เข้าใกล้แค่มือสอย มาลอยอยู่ตรงหน้า จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นกรุ่นของแก้มก้นลุงหมักที่เตะจมูกอยู่ปึ๋งปั๋ง ถึงขนาดนี้แล้วมีหรือมาร์คจะอดใจไหว ยังไงก็ต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้ามาเชยชมให้จงได้

เกิดมากับเขาชาติหนึ่ง ยังไม่เคยทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ถ้าเกิดฟลุ๊คได้เป็นนายกฯประเทศไทยขึ้นมา แม้เพียงเสี้ยวนาทีก็ถือว่าเป็นบุญหัวแล้ว หลังจากนั้น ต่อให้มาร์คต้องดิ้นตาย คงไม่เสียดายชีวิต

โอ้ว่าอนิจจาประเทศไทย เก้าอี้นายกฯมีหวังต้องแปดเปื้อนราคี ด้วยน้ำมือของหนุ่มน้อย ที่มีวิสัยทัศน์สั้นกว่าหางอึ่ง นอกจากตายอดตายอยากกับตำแหน่งนายกฯแล้ว ไม่เคยเห็นมีอะไรออกมาจากสมองกุ้ง ที่ถูกสื่อช่วยกันตีจนขึ้นฟู เพื่อหลอกตาว่าเป็นสมองลิง

ในขณะที่พวกตัวเป้งๆหน้าซีดตัวสั่นกันเป็นแถวๆ แต่พวกกะเลวรากกลับยังไม่รู้จักที่ตาย ทำเป็นกระดี๊กระด๊า โผล่หน้าออกมาชกลมโชว์พาวกันยกใหญ่ อย่าว่าแต่ปปช.ที่กำลังย่ามใจไล่จี้ยิกๆ หาเรื่องจะปิดรายการที่เขาออกมาสาวไส้ตัวเอง แม้แต่กกต.ก็กำลังออกลูกหน้าด้าน ช้างตายทั้งตัวยังพยายามจะเอาใบบัวมาปิด

บุคคลล้มละลายอย่างแป๊ะซะอีก ที่ยังอุตส่าห์คิดได้ ว่างานนี้พลาดไปซะแล้ว ถ้าทักษิณไม่อยู่ในเกมส์ ต่อไปก็คงจะลำบาก ถ้าไม่มีแรงอาฆาตทักษิณเป็นตัวกระตุ้น พันธมิตรก็มีหวังเป็นพันธหมา ใครเขาจะมาเลี้ยงไว้ให้เปลืองน้ำข้าว เมื่อเขาเขี่ยทักษิณออกไปพ้นทางได้แล้ว ต่อไปก็น่าจะถึวคิวแป๊ะ

ตอนนี้ทางฝ่ายทักษิณนั้นแค่ขึงเกมส์ แล้วลากยาวก็เหลือกิน เพราะว่าเวลายังมีอีกเยอะ ใจเย็นๆเล่นไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบร้อน ลูกผู้ชายแก้แค้น 10 ปียังไม่สาย ทุกวันนี้จอมมารก็เหลาเหย่เต็มทน สภาพง่อนแง่นอย่างนี้ ถ้าอยู่ได้ถึง 5 ปี ต้องนับว่าโคตรเก่ง

เผลอๆภายในปีสองปีก็อาจจะเท่งทึงเอาดื้อๆ ถึงเวลานั้นประชาชนต้องมีเฮ เมื่อเมฆหมอกผ่านไป ท้องฟ้ายิ่งแจ่มใสเบิกบาน ถึงตอนนั้น นับเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนจะเอาคืน บัญชีแค้นที่จดใส่หนังสุนัข คงถึงเวลาซะที ที่จะได้รับการสะสาง

ปัจจุบันนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน แค่เอ้อระเหยช็อปปิ้งไปวันๆ ทางฝ่ายแป๊ะก็ร้องจ๊ากแล้ว เพราะแต่ละวันที่ผ่านไป ย่อมหมายถึงค่าใช้จ่ายที่บานเป็นกระด้ง เหมือนนั่งตุ๊มๆต่อมๆอยู่ในรถแท็กซี่ คอยลุ้นมิเตอร์ที่มันขึ้นไปเรื่อยๆ แน่นอนว่าโชเฟอร์ย่อมแฮ็ปปี้ แต่คนจ่ายนั้นแทบคลั่ง นี่ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์มันยืดเยื้อไปอีกซักพัก คงไม่แคล้วต้องหันมากัดกันเอง

นี่ก็แว่วว่าป๋าชักจะเหล่ๆ เพราะพวกมัฆวานมันกินล้างกินผลาญกันเหลือเกิน แต่ผลงานไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน ขอเงินได้เท่าไหร่ไปละเลงเรียบ เลยจดๆจ้องๆว่า ถ้าพ้นขีดอันตรายเมื่อไหร่ จะปลดสายอ๊อกซิเย่น แต่นกรู้อย่างแป๊ะมีหรือจะอ่านไม่ขาด ถึงขั้นนี้แล้วมันก็ต้องชิงไหวชิงพริบกันเป็นธรรมดา กะโหลกบางตายช้ากะโหลกหนาตายก่อน

ในขณะที่ทางสี่สาวฮึ่มฮั่ม จะไม่เลี้ยงแป๊ะไว้ทำป๋า แล้วนึกหรือว่าทางมัฆวาน จะเก็บป๋าไว้ทำแป๊ะ

วโรทาห์: 17 ส.ค. 51

Wednesday, August 13, 2008

!!! บ้านป่าเมืองเถื่อน !!!

คงลำบากใจไม่ใช่น้อย ที่ต้องตัดสินใจเลือกเอา ระหว่างการปล่อยให้ยอดหญิงอันเป็นที่รัก ต้องถูกกลั่นแกล้งจนสูญสิ้นอิสรภาพ กับพาเธอหนีไปให้ไกลสุดขอบฟ้า ยอมพลัดบ้านพลัดเมือง ไปลี้ภัยในต่างแดน โดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่า การจากไปในครั้งนี้ อีกเดือนกี่่ปีจึงจะมีโอกาสได้หวนคืน

นี่คือละครชีวิตฉากใหม่ของมหาบุรุษที่ชื่อ พณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร หนึ่งเดียวในดวงใจของชาวรากหญ้าตลอดกาล เป็นฉากที่มีประชาชนอาสาเข้าร่วมแสดงนับล้านๆคน และแน่นอนว่ามันไม่ใช่ฉากอวสาน แต่กลับเป็นฉากเริ่มของบทใหม่ ที่จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมร้อยเท่าพันทวี

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาจำต้องพลัดพราก จากประชาชนอันเป็นที่รักของเขาไป โดยไม่มีโอกาสแม้เพียงร่ำลา นอกจากจดหมายที่ร่ายกลับมาขอโทษ พร้อมแสดงความรู้สึกอันแสนปวดร้าว เมื่อจำต้องจากไป ทั้งๆที่ส่วนลึกของจิตใจนั้น ยังผูกพันกับบ้านเกิดเมืองนอนและประชาชนอยู่เต็มเปี่ยม

ท่าทีที่ประนีประนอมของเขา กลับถูกมองว่าเป็นความอ่อนแอ แต่ท่าทีของประชาชนที่แข็งกร้าว กลับทำให้เขาถูกมองว่าไม่ยอมอ่อนข้อ จึงนำมาซึ่งการรุกไล่ของฝ่ายอำมาตย์ หมายตัดไฟให้สิ้นเชื้อ ถึงกับไล่ต้อนจนเข้าสู่มุมอับ เมื่อไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว การหันหน้ามาเผชิญสู้ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ในเมื่อเราหยุดแล้ว แต่ท่านไม่ยอมหยุด ในเมื่อท่านไม่ยอมรามือ มหากาพย์เรื่องนี้จึงต้องดำเนินต่อไป การศึกจะไม่มีวันสงบ จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถึงซึ่งกาลพินาศ นับแต่นี้ต่อไป จะไม่มีที่ยืนสำหรับผู้แพ้ ศรัทธาต่อศรัทธา มาคอยดูว่าใครจะยิ่งใหญ่กว่ากัน

แต่ทว่า วันนี้ยังไม่ใช่วันของเขา การเปิดศึกแตกหักจึงไม่อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ ในเมื่อศัตรูยังมีฤทธิ์เดชไ์ม่น้อย การถอยเพื่อตั้งหลักจึงจำเป็น ในเมื่อศัตรูยังบ้าเลือดพอ ที่จะยอมแลกทุกอย่างกับชัยชนะ โดยไม่สนใจว่า ประเทศชาติจะบอบช้ำถึงเพียงใด จึงจำต้องหลีกเลี่ยงความสูญเสีย รอวันอันเหมาะสมจึงค่อยตีโต้

ไม่มีเสียงตัดพ้อจากชาวรากหญ้า ไม่มีเสียงคร่ำครวญพิรี้พิไร หรือเสียงร่ำไห้รำพัน นอกจากเสียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่บุคคลอันเป็นที่รัก รอดพ้นไปเสียได้จากเงื้อมมือมาร หลังจากนั้นคงเหลือไว้แต่ความเงียบ เงียบและเงียบอย่างน่าใจหาย มันไม่ใช่ความเงียบที่สยบยอม แต่กลับเป็นความเงียบเพื่อซุ่มคอยโอกาสชำระแค้น

เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นตบหน้าเอาฉาดใหญ่ แล้วตะคอกใส่หน้า ว่าประชาชนเสียงส่วนใหญ่แล้วเป็นไง เพียงแค่ปกป้องคนของตัวเองยังทำไม่ได้ แล้วเสียงส่วนใหญ่ยังมีความหมายอะไร

จะทำยังไงได้ ในเมื่อมันยังไม่ใช่วันของประชาชน แม้จะถูกเยาะเย้ยถากถางให้เจ็บใจ ก็ต้องทำใจให้ฝืนทน แต่ประชาชนจะไม่มีวันลืมทุกฝ่าย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสำเร็จในครั้งนี้

ที่โดดเด่นอยู่แถวหน้า คือตาชั่งภิวัฒน์ ที่วิ่งพล่านไปทั่วทุกองค์กร ทั้งต้อนหน้าต้อนหลัง เพื่อรุกไล่ให้จนมุม ต้องเหนื่อยยากแสนสาหัส กว่าจะต้อนศัตรูเข้าสู่พื้นที่สังหาร แล้วเผด็จศึกด้วยตาชั่งอันทรงประสิทธิภาพ อำนาจปืนหรือจะเทียบได้กับอำนาจฆ้อน

ต้องไม่ลืมผลงานอันโดดเด่นของพันธมิตร ที่อดทนนอนกลางดินกินกลางทราย ยอมถูกตราหน้าว่าเป็นกุ๊ยข้างถนน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการทำลายล้าง และยิ่งต้องไม่ลืมความเสียสละของสื่อชั่ว ที่ยอมปลิ้นปล้อน โป้ปดมดเท็จต่อประชาชนทุกวัน เพื่อคอยกล่อมให้พวกเขาคล้อยตาม

ลืมไม่ได้เลยสำหรับกลุ่มคน ที่แอบปิดทองหลังซาตานอย่างเงียบๆมาช้านาน ด้วยการลงขันต่อท่อน้ำเลี้ยง เป็นทุนรอนให้ฝ่ายกู้ชาติ เพื่อรักษาประเทศไว้ นั่นคือกลุ่มผู้ค้ายาบ้า และเจ้ามือหวยใต้ดิน รวมทั้งเจ้าพ่อเจ้าแม่ผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย ที่ถูกปราบปรามจนโงหัวไม่่ขึ้น ภายใต้ระบอบทักษิณ

ที่สมควรต้องจำไปจนวันตาย คือพรรคฝ่ายค้านของคนใต้ ที่ไม่เคยพลาดแม้แต่เสี้ยวนาทีทอง ที่จะกระหน่ำซ้ำเติมคู่ต่อสู้ทางการเมือง โดยไม่สนใจใยดีแม้แต่น้อย ว่าได้ไปเหยียบย่ำหัวใจประชาชนถึงเพียงใด

และสำคัญที่สุดคือ ผู้บัญชาการใหญ่ ที่คอยให้จังหวะและบงการ เขาคือมือที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ แ้ม้จะพยายามวางท่านิ่งเฉย ประหนึ่งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น แต่อย่าคิดว่าประชาชนไม่รู้ ในเมื่อไม่มีใครกล้าพอ ที่จะออกมาอ้างความรับผิดชอบ ประชาชนคงต้องตัดสินใจเองแล้วว่า จะให้ใครเป็นคนจ่าย สำหรับความเจ็บแค้นในครั้งนี้

เมื่อวันนั้นมาถึง ประชาชนจะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของพวกเขาเอง ประชาชนจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้พร้อมในการต่อสู้ การรบขั้นแตกหักจะเกิดขึ้นทันทีที่มีผู้นำ ประชาชนที่เจ็บแค้น กำลังรอให้ถึงวันนั้น...

วันที่พวกเขามีผู้นำที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่คนถือธง

วโรทาห์: 11 ส.ค. 51

Friday, August 8, 2008

กำสรวล..ศรีแป๊ะ

เพียงยินเสียง รับสาย ที่ปลายฟ้า
ก็รู้ว่า ซี้เลี้ยว มีเสียวแน่
ทั้งแป๊ะลอง หน้าจ๋อย ถูกลอยแพ
ร้องงอแง ครางฮือ เพราะมือคน

ร้อยสิบหก วันเนา แป๊ะเน่าแน่
นอนแหงแก๋ แถกเหงือก กระเสือกกระสน
เขาไล่ต้อน เหมือนหมา ถึงตาจน
ดันมารน หาที่ เลยซี้เอง

มัฆวาน ถิ่นนี้ ที่พำนัก
เคยยึกยัก พักผ่อน เคยนอนเขลง
หวนนึกถึง ความหลัง ให้วังเวง
ต้องมาเจ๊ง ถูกกรีด ด้วยมีดซุย

นึกถึงอา ซิ้มซ้อ ที่หอเจี๊ยะ
เคยลากเกี๊ยะ แกรกกราก เคยขากถุย
สะแหล็นออก แนวหน้า เป็นขาลุย
สมเป็นกุ๊ย สตรี คนสีลม

จำไว้เลย ลุงหมัก ฝากไว้ก่อน
แล้วจะย้อน คืนมา ให้สาสม
เพราะเล่นแป๊ะ ไล่ต้อน จนนอนซม
ซ้ำถล่ม จมดิน แทบดิ้นตาย

เอ้า..พี่น้อง ผองเรา มาเข้าชื่อ
มาช่วยซื้อ สั่งจอง มีของใหม่
เสื้อลูกจีน รักชาติ วาดลวดลาย
ขอเปิดท้าย ขายของ แล้วล่องจุ๊นฯ

วโรทาห์: 8 ส.ค. 51

Wednesday, August 6, 2008

สุวี๊ด เชิญยิ้ม..กลับมาเปิดการแสดงตามปกติแล้วจ้า

ขึ้นชั้นดาวตลกแถวหน้าแห่งฟ้าบันเทิงเมืองไทยไปเรียบร้อย ในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน สำหรับสุวี๊ด เชิญยิ้ม ดาวตลกรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ผันตัวเองมาเป็นหัวหน้าคณะตลก "โจ๊กหม้อดิน" เพียงไม่ทันนกกระจอกกินน้ำ ก็เรียกเสียงหัวเราะถล่มทลาย ด้วยมุกถอนสายบัวอันลือลั่น

ด้วยแก๊กง่ายๆแต่ได้ผลเกินคาด คิดได้เดี๋ยวนั้นแสดงกันเดี๋ยวนั้น สดๆซิงๆไม่ต้องมีการซักซ้อม หรือปรึกษาหารือใครให้เมื่อยตุ้ม ขึ้นเวทีได้ก็แหกปากตะโกนว่า "เอ้าพวกเรา..ถอน" จากนั้นก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม หลับหูหลับตาแสดงท่าถอนสายบัวอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยกลายเป็นเด๋อด๋าอยู่คนเดียวไม่มีใครถอนตาม เล่นเอาผู้ชมหัวเราะฮาครืน หงายหลังตกเก้าอี้ไปตามๆกัน

เท่านั้นยังฮาไม่พอ อาศัยว่าลูกน้องชุดนี้ หัวมันไวทายาท ขนาดไม่ได้ซักซ้อมกันมา ยังรับมุกได้ทันควันไม่มีตกหล่น แกล้งทำเป็นตีหน้าเหรอหรา ไม่ถอนสายบัวตามแล้วยังตะโกนว่า ไม่ถอน..ยังไงก็ไม่ถอน..หัวหน้าอยากถอน ก็เชิญถอนไปคนเดียวเหอะ

เท่านั้นแหละ ผู้ชมถึงกับปล่อยก๊ากลั่นห้อง ขำกันอุจจาระแตกอุจจาระแตน น้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงอยู่กราวๆ เป็นที่กล่าวขวัญกันไม่เลิก เสียดายอยู่อย่าง ว่าแก๊กนี้คงใช้หากินได้แค่ครั้งเดียว วันหน้าวันหลังขืนงัดออกมาโชว์อีก มีสิทธิโดนขว้างด้วยรองเท้า

อย่างกับมวยได้ใจ พอเรียกเสียงฮาได้ เลยตบท้ายด้วยมุกใหม่ "หนูผิดไปแล้ว" ฮากว่าเก่าอีกหลายกิโลขีด เที่ยวนี้เตี๊ยมกันมาเสร็จสรรพ ตัวหัวหน้าทำเป็นนั่งเตี๋ยมเตี้ยม ให้ลูกน้องมาออกหน้า บอกว่าหัวหน้าไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าจะผิดก็ผิดที่ลุงหมัก ฐานที่ทำให้หัวหน้าตกใจ จนออกมาถอนสายบัวเก้อ ตอนนี้พวกเราให้อภัยหัวหน้าแล้ว ขอให้กลับมาเป็นตู้เอทีเอ็มเหมือนเดิม

ฮากลิ้งเลยเที่ยวนี้ ต้องเรียกว่าฮาดับเบิ้ลฮา มุกนี้ถ้าไม่ใช่เสี่ยสุวี๊ด ไม่มีใครกล้าเล่น เพราะว่านอกจากต้องอาศัยความกล้าแล้ว ผิวหน้ายังต้องหนาเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นคงจะทนความอับอายไม่ไหว ขนาดซุกหน้าเข้าไปในบั้นท้ายซ้อแมรี่ ยังไม่รู้ว่าจะเอาอยู่หรือเปล่า

นี่ยังดีว่าไม่หน้ามืดถึงขนาดรับเชิญไปขึ้นเวทีมัฆวานคาเฟ่ ไม่งั้นเป็นได้ฮากันไม่หุบ ก็ที่นั่นมันธรรมดาซะเมื่อไหร่ ขนาดว่าเศรษฐกิจไม่ดีๆ แขกเหรื่อยังแน่นร้านทุกคืน อย่างไม่มีๆยังไงก็ต้องแสนขึ้น ขนาดว่านั่งขี่คอกันก็ยังเอา ทั้งแม่ยกแม่เลี้ยงขนกันมาเป็นหมู่คณะ 76 จังหวัดของเมืองไทยไม่มีตกหล่น

พูดถึงมัฆวานคาเฟ่ ชั่วโมงนี้ ถ้าใครไม่รู้จักต้องถือว่าเชยแหลก เป็นแหล่งบันเทิงครบวงจรระดับแนวหน้าของเมืองไทย บริหารงานโดยตลกรุ่นใหญ่ แป๊ะ เถิดเทิง ที่เป็นแม่เหล็กชั้นดี ดูดเงินจ๊วบๆจากแม่ยก จนตัวเบากระเป๋าแฟ่บไปทุกคน

นอกจากนั้นยังเสริมด้วยดาวตลกวัยดึก จำลอง เข็มเล็ก นี่ก็ฝีมือฉกาจฉกรรจ์ ขึ้นชั้นว่าตลกธรรมะ หนักไปทางปะเหลาะเงินสีกากับญาติธรรมเป็นหลัก

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือตลกดาวรุ่งดวงใหม่ ใส ซกมก ที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง ไล่เบียดรุ่นใหญ่มาติดๆ ขานี้ลำหักลำโค่นเขาเหลือกิน แต่พักหลังชักจะฝืดๆ เพราะไปทับเส้นกันเข้า เลยต้องผันออกไปทางดาวกระจาย เป็นตลกดีลิเวอรี่ แสดงโชว์ไปถึงบ้าน ประสบความสำเร็จอย่างสุดๆ เมื่อคราวไปเปิดวิกแสดงแถวอีสาน แฟนๆให้การตอบรับกันเกรียวกราวด้วยอุดรโมเดล

เนื้อที่ไม่พอ อยากบรรยายให้หมดก็ทำไม่ได้ เอาเป็นว่าที่มัฆวานคาเฟ่ อาหารดี ดนตรีอร่อย มีโชว์ทุกคืน ไม่เว้นวันโกนวันพระ แก๊งค์ตลก 5 ตัวเปิดการแสดงเป็นประจำ สลับดอกด้วยเสียงเพลงขับกล่อม จากศิลปินตกกระป๋องมากหน้าหลายตา ที่วนเวียนกันเข้ามาหาเศษหาเลย

เช่นเดียวกับดาราที่ผลัดเปลี่ยนกันมาขึ้นเวที ถ้ายังไม่ตกงานก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นหัว ยืนพื้นทุกคืนด้วยดาราวัยดึก นกกระตั้ว สะแหลนอยู่ ที่ทำตัวเป็นขาใหญ่ ยึดเวทีเป็นรังนอนเลยก็ว่าได้ เพราะกลับบ้านไปก็ไม่มีงานทำ สู้ชักชวนน้องๆดาราตกงาน ให้มาเสียผู้เสียคนที่เวทีแห่งนี้ ยังดีกว่าอยู่เปล่าๆ

นอกจากนั้นที่นี่เขายังมีดีที่ลำตัด การันตีฝีปาก ว่าจัดจ้านกันทุกตัว โดยเฉพาะพ่อภูวดล หวังเต๊ะนี่ พ.ศ.นี้ไม่มีใครกินเขาลง ขนาดแม่ขวัญจิตยังถือว่าเด็กๆ ถ้าแม่นั่นมาเจอพ่อนี่มีหวังว่าลมใส่ ปากจัดแค่ไหนไปพิสูจน์เองได้ ก็ขนาดว่าสุนัขจรจัดแถวนั้น ต้องมีสำลีอุดหูทุกตัวก็แล้วกัน

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เลยฝากข่าวมาประชาสัมพันธ์ ว่ามัฆวานคาเฟ่เขาทำเก๋อีกแล้ว ออกเสื้อผ้าเครื่องประดับ คอลเล็คชั่นใหม่ ตั้งชื่อซะเก๋ไก๋ว่าชุด "ลูกจีนรักชาติ" ไอเดียสร้างสรรค์ซะขนาดนี้ ยังไงๆยอดขายก็ต้องพุ่งกระฉูด อย่างกับคนท้องร่วง เลยขออวยพรมา ให้ลูกค้าหลับหูหลับตาซื้อ จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า...

จะได้เก็บเงินไว้เป็นทุนรอน ตอนที่แป๊ะไปเข้าคุก

วโรทาห์: 6 ส.ค. 51

Tuesday, August 5, 2008

น้า่เหลิมก็น่าจะน้อยๆหน่อย...

เอาน่า..น้า่เหลิม แค่นี้ก็แค่นี้ อย่าไปคิดอะไรมาก ถือว่าได้นั่งรถไฟฟรีมาตั้ง 4 เดือน เงินทองไม่ต้องควักซักบาท ยังได้นั่งชั้นวีไอพีต่างหาก อะไรไม่ว่า ยังแถมเงินเดือนให้อีกหลายตังค์ ลองคิดดูสิว่า ชีวิตนี้มีใครให้น้าได้มากขนาดนี้มั่ง อย่างเก่งก็รมต.สำนักนายกฯ จิ๊บๆจ๊อยๆของเด็กๆ ขนาดหนูมาร์คยังนั่งจนตูดแฉะมาแล้ว ไม่เห็นมันจะเท่ห์ที่ตรงไหน

มาเป็นสะใภ้ใหม่มันก็อย่างนี้แหละ ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า ปากคอก็อย่าให้มันเลาะร้ายนัก มีอะไรก็ว่ากล่าวกันในพรรค เสร็จแล้วก็ให้มันแล้วกันไป ยิ่งพวกสื่อมันคอยเสี้ยมอยู่ ขนาดไม่มีเรื่องมันยังพยายามทำให้เป็นเรื่อง นี่ไปทิ้งบอมบ์ซะขนาดนั้น มีหรือมันจะเหลือไว้ทำซาก

โอกาสหน้ายังมีอีก ใช่ว่าจะตายวันตายพรุ่งซะเมื่อไหร่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว น่าจะมาช่วยกันสู้ ตั้งหน้าตั้งตากอบกู้พรรคให้กลับมายิ่งใหญ่ อนาคตถ้ากรรมการถูกจับเข้าคุกหมด เก้าอี้นายกฯอาจจะเป็นของน้าก็ไม่แน่ บ้านนี้เมืองนี้ อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้

ตั้งแต่ปรับครม.มา จนป่านนี้ยังกระเพื่อมไม่หาย นี่แหละคือสิ่งที่มาร์คต้องการ ล่าสุดกลุ่มอีสานไม่ยอมพัฒนา ก็ยังเล่นการเมืองน้ำเน่ากันแบบเดิมๆ ออกมาทิ้งทุ่นว่าคนของนายกฯ รับเช็คไป 10 ล้าน เออ..แล้วก็เก็บงำกันอยู่ได้ตั้งนาน ทำไมไม่แจ้งนายกฯซะตั้งแต่แรก มาแจ้งสื่อหาพระแสงวิมานอะไร หรือว่าพอไม่ได้ตำแหน่งก็งัดเอามาแบล็คเมล์ ทำอย่างนี้ ไม่อายคนก็น่าจะอายแย้กันบ้าง

อย่างวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พวกแย้ข่าวที่ไปเฝ้าหน้าห้องส้วมนายกฯ โดนตอกเอาซะเสียหมา ด่าประจานออกอากาศจนเสียคน เท่านั้นแหละ รุ่งขึ้นมันรวมหัวกันออกแถลงการณ์ ประนามนายกฯกลับอย่างสาดเสียเทเสีย เขาถึงว่า แย้ย่อมเข้าใจในแย้ ถึงแม้ว่าภายในนั้น แย้มันจะแย่งกันยัด แต่พอออกสู่สาธารณะ ก็ยังถือหลักการร่วมกันว่า แย้ย่อมไม่ตอมแย้

ดูๆไปแล้ว อาชีพไหนๆเขาก็รวมหัวกันสร้างอำนาจต่อรองเป็นว่าเล่น มีแต่อาชีพนักการเมืองนี่แหละที่กัดกันอย่างกับหมา โดยเฉพาะพรรคโบราณเฮงซวยนั่นยิ่งแล้ว นอกจากไม่สามัคคีกันแล้ว มันยังร่วมด้วยช่วยกันกัดนักการเมืองด้วยกันเอง ทำราวกับว่ามันไม่ใช่นักการเมืองอย่างนั้นแหละ

ต้องยอมรับว่า ที่ประชาธิปไตยมันไปไม่ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะพรรคเวรตะไลนี่เอง ที่มันรับใช้อำมาตย์มาคอยตีรวน

พักนี้มีแต่ข่าวห่วยๆ เพิ่งจะได้ข่าวดีกับเขาก็เรื่องจัดงาน "116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อ" นี่แหละ ก็ต้องคอยดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าได้ผลดีก็น่าจะจัดต่อเป็น 365 วันจากวันไหนถึงวันไหนก็ว่ากันไป มันต้องอย่างนี้ ถึงจะเบาใจได้หน่อย ว่าลุงหมักก็ชกเป็น

ที่ผ่านมา พวกบ้านั่นมันเคยเห็นลุงหมักอยู่ในสายตาซะเมื่อไหร่ แทนที่จะกลัวว่าลุงหมักจะทำอะไรพวกมัน แต่กลับกลัวว่าลุงแกขู่จะทำแล้วไม่ทำซะงั้น งานนี้ให้เจอของจริงกันซะมั่ง อย่างน้อยก็จะได้ไม่กล้ามาซี้ซั้วอีก

แต่อย่างว่า เดี๋ยวนี้พวกแป๊ะก็ชักจะเป็นมวย สังเกตุได้ว่าหลังจากที่ลุงหมักประกาศจัดงานเมื่อวันอาทิตย์ ก็ไม่มีใครผลีผลามออกมาโดดงับทันควันเหมือนก่อน คงจะยังแหยงๆอยู่ กลัวว่าลุงหมักจะออกมาบอกว่า อ๊ะ..พูดเล่น เลยต้องรอจนครบ 24 ชั่วโมง ให้แน่ใจเสียก่อน แล้วค่อยออกมาเต้นกันผางๆ

มันละคราวนี้ จะได้วัดใจกันไปเลย ว่าใครกันแน่ที่ไม่จงรักภักดี

หมัดนี้ของลุงหมัก นับว่าเข้าตากรรมการพอสมควร อย่างน้อยก็พอให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้กระดี๊กระด๊ากันบ้าง แต่ก็อีกแหละ ยังไม่ทันไรก็ต้องมานั่งเสียวอีก เพราะลุงแกไม่รู้นึกยังไง ไปลากเรื่องกฎหมายควบคุมการชุมนุมมาล่อเป้าอีก คงเห็นว่าทุกวันนี้ยังมีเรื่องน้อยไป

ความจริงแล้ว กฎหมายที่เกี่ยวข้องมันก็มีอยู่ แต่ปัญหาใหญ่คือมันบังคับใช้ไม่ได้ เพราะพวกบ้านั่นมันกร่างกันเหลือเกิน ถ้าไม่มีแบ็คดีมีหรือมันจะกล้าทำ สู้เอาเวลาไปหาทางลากมือที่มองไม่เห็น เอามาตัดมือทิ้งซะให้เหี้ยน ยังน่าจะเวิร์คกว่าเป็นไหนๆ

ระหว่างนี้เอ็นบีทีก็กำลังโกยแต้มไปเนื้อๆ โดยเฉพาะรายการความจริงวันนี้ ที่ลากใส้พวกผู้ดีจอมคุณธรรม ออกมากองให้ดูกันจะๆ เล่นเอาเหม็นโฉ่กันไปทั้งเมือง ไหนจะเรื่องปปช.อย่างหนา เก้าห่วงทนหายห่วง ไหนจะเรื่องกกต.จอมซิกแซ็ก พิมพ์บัตรเลือกตั้งเอามากรอกเล่น แล้วยังมีซ้อเป็ดเงินสด ที่หอบเงินสดไปซื้อที่ดินเป็นกะตั้ก แล้วล่าสุดมานี่ก็กู๋รัญโกงที่ นับว่าแสบๆกันทั้งนั้น

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าบ้านไหนก็ต้องเปิดช่องเอ็นบีทีแช่ไว้ตลอด นัยว่าทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นเยอะ แต่เมื่อคืนก็ยังมีผิดคิว ดันเชิญคนออกมาแถเรื่องสุขุมพันธุ์ไปเซ็นต์รับรองแผนที่ให้เขมร ชาวบ้านดูไปก็บ่นไปว่า มันเป็นอะไรของมัน พูดไปส่ายหัวไปด๊อกแด๊กๆ ลูกตาก็กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างกับลูกเต๋า เห็นแล้วอยากจะโดดถีบให้ซักป้าบ

ยังดีว่ามีเพื่อนมานั่งดูด้วย เลยช่วยกันปลอบว่าให้ใจเย็นๆ คนเรานี่ พอไม่ชอบขี้หน้ากันขึ้นมาแล้ว อะไรๆมันก็ดูขัดใจกันไปหมดแหละ ต้องทำใจว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเขา ที่เกิดมาเป็นอย่างนั้นเอง อย่าไปถือสาหาความให้มันเสียมู้ดเลย พูดเสร็จนั่งดูกันไปได้อีกพักเดียว คนปลอบก็ผลุนผลันลุกหนี ก่อนจากยังหันมาสั่งว่า...

ไปละ..ฝากถีบแทนตูทีนึงด้วย...???

วโรทาห์: 5 ส.ค. 51

Sunday, August 3, 2008

สนทนาประสาลุงหมัก 3 ส.ค. 51

ไหมล่ะ ขนาดลุงหมักเองยังยอมรับสารภาพว่า แฟนๆบ่นกันอุบ ที่ครั้งก่อนไม่พูดเรื่องการเมือง เลยออกตัวว่าเดี๋ยวช่วงหลังจะเอามาพูด แต่ตอนนี้ต้องขอสนทนาเรื่องการจัดงาน 12 สิงหาก่อน ว่าแล้วก็ร่ายยาวไปเลย ว่าปีนี้จะจัดงาน 3 วัน คือ 10 11 12 สิงหา สถานที่จัดงานคือที่ลานพระที่นั่งดุสิต แลัวเลยชวนให้ไปชมงานแสดงศิลปแผ่นดินต่อ ในพระที่นั่งอนันตสมาคม

งานถนัดของลุงหมักเขาเลยหละ พาชมงานออกอากาศจนทั่ว แล้วยังโปรโมทหนังสือศิลปแผ่นดิน ที่รวบรวมของดีๆในเมืองไทยมาไว้มากมาย คาดว่าได้พรีเซ็นเตอร์กิตติมศักดิ์ระดับนี้ ต้องมีคนหาหนังสือกันให้ควั่ก แถมงานแสดงปีนี้รับรองได้ว่าคนตรึม

ระหว่างเล่าไป ยังแพล็มเรื่องการเมืองออกมาเป็นระยะๆ เลยต้องหยิบเอามานำเสนอกันตามระเบียบ จะอะไรซะอีก ถ้าไม่ใช่เรื่องพันธมิตร ที่เล่นเอาคนไทยแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ขนาดศาลจะตัดสินคดี ยังต้องออกตัวก่อน ว่าตัดสินด้วยความเป็นธรรม ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จริงจริ๊งงงงง....

พูดถึงสำนักสงฆ์ที่ถูกขับออกจากศาสนา แล้วยังไม่ยอมตาย แถมสุดท้ายกลายมาเป็นตัวแสบ แพร่เชื้อไปทั่วประเทศ จากจุดนี้เอง ที่พันธมิตรใช้เป็นฐาน จุดชนวนไปทุกจังหวัด หวังให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่อุดร พอได้ที่ก็จะเป่านกหวีด ให้ลุกฮือกันขึ้นมายึดศาลากลาง ทำทางให้ทหารออกมายึดอำนาจ แต่โทษทีงานนี้ทหารไม่เล่นด้วย สุดท้ายเลยไปไม่เป็น

แล้วเรื่องที่อ้างมาต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั่น จริงๆก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯซักกะติ๊ด ไม่ใช่กลัวว่าจะแก้ ม.237 190 หรือว่า 309 นั่นหรอก แต่ที่กลัวกันจริงๆจนขนหัวตั้ง ขนหางชี้ก็คือม.63 ที่บัญญัติว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ นอกจากอุปกรณ์กีฬา นั่นแหละ

ถ้าลุงหมักแก้มาตรานี้สำเร็จเมื่อไหร่ รับรองได้ ว่าพวกที่เกะกะอยู่แถวสะพานมัฆวาน ต้องถูกซิวไปเข้าซังเต

แต่ระหว่างที่ยังไม่แก้รัฐธรรมนูญ ก็เอาหมัดแย็ปไปชิมพลางๆก่อน ลุงหมักใช้คำว่าขอบารมีเจ้านายมาดับชนวน ด้วยการจัดงานรณรงค์ 116 วันรู้รักสามัคคีจากวันแม่ถึงวันพ่อ โดยอัญเชิญลูก คือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชมาเป็นประธาน พระราชทานธงให้ผู้ว่าฯทั่วประเทศ

งานนี้นอกจากจะมีกิจกรรมเดินวิ่งรณรงค์ทั่วประเทศแล้ว ยังจัดจำหน่ายริสต์แบนด์ 1 ล้านชุดถวายสมเด็จพระบรมราชินีนาถ และนอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ตลอดทั้ง 116 วัน เพื่อร่วมกันรณรงค์ให้คนไทยรักกัน

หมาเลยสิแป๊ะ เจอหมัดฮุกเข้าไปเต็มๆอย่างนี้ คงต้องวิ่งแก้เกมส์กันตีนพลิก เห็นไม๊ล่ะ พอลุงหมักเริ่มจะไฟต์แบ็ค ผู้ชมก็ตกตะลึงตาค้าง บอกแล้วคนอย่างลุงหมัก ไม่ชกก็ไม่ชก แต่ถ้าชกเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าหงายเก๋ง คำว่าหอกทมิฬแทงทมิฬนี่ ลุงหมักแกท่องบ่นจนขึ้นใจ

ช่วงท้ายของรายการ ลุงหมักตอบปัญหาจากทางบ้าน ได้ไปหลายฉบับอยู่ ที่เด่นๆก็มีเรื่องที่รัฐบาลก่อนไปยึด ITV มาทำ TPBS คอยขย่มรัฐบาล เรื่องคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจมือเจ๋ง 5 คนที่กำลังจะประกาศออกมา แล้วก็เรื่องที่พรรคฝ่ายค้านไปเซ็นต์ยอมรับแผนที่เขมร ฉบับที่มีปัญหาทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบ ไม่เห็นมีใครแอะซักกะคน

หลังจบรายการ ผู้สันทัดกรณีต่างดาหน้าออกมาฟันธง ว่าด้วยเรื่องรู้รักสามัคคี 116 วัน งานนี้ใครๆก็ลงความเห็นว่า เรื่องที่พันธแป๊ะจะไม่ม้วนเสื่อฺเก็บฉากนั้น ไม่ต้องไปพูดถึง มาถึงขั้นนี้ยังไงก็รอดยาก สู้วิเคราะห์กันต่อไปดีกว่า ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมมือที่มองไม่เห็น จึงยอมให้ลุงหมักปล่อยหมัดฮุกอย่างสะดวกโยธิน

บ้างก็ตบเข่าฉาด ว่าซื้อหวยไม่ยักถูก คนอย่างแป๊ะมันอันตรายเกินไป ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะก็ต้องเคี๊ยะมันทิ้ง นี่แสดงว่ามือที่มองไม่เห็น เปลี่ยนใจไม่ใช้งานมันแล้ว เพราะเลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก ดูดน้ำเลี้ยงไปจนเกลี้ยงยังล้มรัฐบาลลุงหมักไม่ได้ อย่างดีี่ที่สุดที่ทำได้ก็แค่เคาะกะลาให้หมาดีใจ

อย่างคราวที่แล้วก็จ่ายไปหลายร้อยล้าน สุดท้ายก็เสียฟรี ต้องมาจ่ายให้อาบังไปอีกหลายพันล้าน เป็นค่าลากรถถังออกมาปิดบัญชี ยังดีว่าล็อตนี้วางบิลเก็บเงินจากประชาชนได้ เคลียร์หนี้จ่ายคืนให้นายทุนตราดอกบัวที่สีลมไป สุดท้ายถึงได้เบาตัว

แต่ทำไปทำมา อาบังก็โหลยโท่ยพอกัน บันไดกี่ขั้นต่อกี่ขั้นบรรลัยวายวอดหมด นั่งเต๊ะจุ๊ยจนเกมส์โอเวอร์ แล้วส่งไม้ต่อไปให้พรรคโบราณ ขานั้นก็ดันเฮงซวยห่วยแตกอีก ขุนเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น สุดท้ายต้องหมุนกลับไปจ้างแป๊ะออกมาป่วนต่ออยู่ดี

แต่เมื่อเร็วๆนี้ หลังจากใช้เคล็ดวิชาตาชั่งวิบัติ ออกหมัดไปหลายชุด บ๊ะ..เข้าท่าไม่หยอก คู่ต่อสู้ถึงกับหน้าแตกเป็นแผลเหวอะ แต่ชกกลับไม่ได้ เพราะกฎกติกาเขาห้ามไว้ คราวนี้ไอเดียเลยปิ๊งปั๊ง ถ้าอย่างนั้นจะจ้างแป๊ะต่อไปทำไมให้เปลืองเงิน

อย่ากระนั้นเลย มาจับมือกับลุงหมัก ร่วมกันกำจัดแป๊ะน่าจะดีกว่า เรียกว่าแบ่งๆกันกิน วินวินทั้งคู่ ทั้งลุงหมักก็แฮ็ปปี้ มือที่มองไม่เห็นก็โล่งอก แต่ฝ่ายประชาธิปไตยนี่สิ ไม่รู้ว่าจะร้องเพลงอะไรดี

เพราะว่างานนี้ หนีเสือปะจระเข้ เข้าไปเต็มเปา

วโรทาห์: 3 ส.ค. 51