Thursday, November 26, 2009

อำลาอาลัย..ลุงหมักของเรา

ในที่สุด เหตุการณ์ที่ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย อย่างเราๆท่านๆ รู้สึกประหวั่นพรั่นใจไม่อยากให้เกิดมาโดยตลอด ก็อุบัติขึ้นจนได้

นั่นคือ อสัญกรรมของนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ บุรุษชาติอาชาไนยจอมทระนงอย่างฯพณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุทรเวช หรือลุงหมักของเรา เมื่อเวลา 8.48 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวง ซึ่งมาผิดที่ผิดเวลา ในขณะที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่กลียุค อันเป็นช่วงเวลาที่ประชาชนต้องการเสาหลัก ที่ทรงความเที่ยงธรรมอย่างท่านเป็นที่สุด

เหมือนสูญเสียแม่ทัพผู้กล้าไป ในท่ามกลางสมรภูมิรบ การคร่ำครวญพิรี้พิไร รังแต่จะบั่นทอนกำลังใจในการต่อสู้ โดยใช่เหตุ ดังนั้น แม้ว่าจะอาลัยรักเพียงใด คงทำได้แค่เพียงหลั่งน้ำตาอยู่ในอก แล้วเชิดหน้าขึ้น ต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยมา

สมดังปณิธานของลุงหมัก ที่ต่อสู้เพื่อสิ่งนี้มาชั่วชีวิต

ธรรมชาตินั้นเที่ยงธรรมเสมอ ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง ไม่เคยดึงดันหรือผ่อนปรน ต่อให้เป็นผู้ที่ประชาชนรักแสนรักเพียงใด เมื่อถึงเวลาต้องจากไป ก็ไม่ได้รับการยกเว้นอยู่ดี

สุดที่จะหาคำใดมากล่าว เพื่อสื่อถึงความเศร้าโศกเสียใจ เมื่อญาติผู้ใหญ่ที่เราเคารพรัก และหวังพึ่งพิงในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ต้องมาด่วนจากไป ทั้งๆที่ไม่ใช่เวลาอันควร แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่ออะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด

บุคคลากรที่ทรงคุณค่าอย่างท่าน ใช่ว่าจะหาที่ยืนได้ง่ายๆ ในบ้านป่าเมืองเถื่อน อย่างบ้านนี้เมืองนี้ แต่ความดีของท่าน ก็ยืนหยัดท้าทาย ทนทานต่อแรงเสียดสี และกำชัยเหนือความชั่วช้า ที่โหมประดังเข้ามาย่ำยีอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุด

เพราะถือหลักว่า "ความกลัวทำให้เสื่อม" ลุงหมักจึงไม่เคยเสื่อม เพราะคนอย่างท่าน ไม่เคยเกรงกลัวใคร ไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม หรือหน้าไหนทั้งสิ้น แม้กระทั่งบรรดาสื่อชั่ว ที่รวมหัวกันใส่ไฟ ทำลายล้างท่านอย่างป่าเถื่อน ไร้ความปราณี เหมือนฝูงหมาป่าที่รุมขย้ำพญาราชสีห์ อย่างเมามัน

แต่ถึงที่สุดแล้ว ธรรมะก็ชนะอธรรม ความดีก็ชนะความชั่ว กาลเวลาได้ออกใบรับรองความบริสุทธิ์ผุดผ่องให้ลุงหมัก ชนิดที่คงไม่มีนักการเมืองหน้าไหน ที่จะซื่อสัตย์ได้เท่านี้อีกแล้ว

อดีตของท่านจะเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่วาระสุดท้าย ท่านได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ด้วยการยืนหยัดออกนำหน้าประชาชน ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่า อำนาจมืดนั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน

ถ้าไม่มีลุงหมักในวันนั้น ยังไม่รู้ว่า เสื้อแดงในวันนี้จะเป็นอย่างไร

ยังไม่ลืมวันวานอันหวานชื่น เมื่อลุงหมักถือธงนำหน้า นำพาพรรคพลังประชาชนออกปราศัยหาเสียง ท่ามกลางมวลมหาประชาชน ที่หลั่งไหลกันมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน เพื่อฟังลุงหมักพูดอย่างออกรสออกชาติ พร้อมๆกับแสดงพลังให้เป็นที่ประจักษ์

วันนั้นคือวันที่ประชาชนฮึกเหิมเป็นที่สุด ทั้งรอยยิ้มและน้ำตาแห่งความยินดี แผ่ซ่านไปทั่วทุกผู้ทุกคน กำแพงแห่งอธรรม ถูกพังทลายลง ด่านแล้วด่านเล่า จนในที่สุด พรรคพลังประชาชนก็เข้าเส้นชัยอย่างขาวสะอาด

ยังไม่ลืมวันที่พวกเราต้องหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ เมื่อเห็นลุงหมักใส่ชุดขาว เข้าพิธีรับตำแหน่งนายกฯ อย่างสง่าผ่าเผย

แต่มาวันนี้ ทั้งๆที่ห่างกันไม่นาน เรากลับต้องมาเสียน้ำตาอีกครั้ง กับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ของลุงหมักผู้เป็นวีรบุรุษในดวงใจของเราทุกคน

ถ้าเลือกได้ ลุงหมักคงไม่อยากจากพวกเราไป ในสภาพนี้ และถ้าเลือกได้ พวกเราก็คงไม่ยอมให้ใครมาพรากลุงหมักไปเช่นกัน

แต่ในเมื่อมันเป็นชะตาฟ้าลิขิต ถึงยังไงเราก็ต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ แม้จะอาลัยอาวรณ์แค่ไหน ก็คงต้องปล่อยให้ลุงหมักไปพักผ่อนให้สบาย

ส่วนพวกเรา หลังจากเช็ดน้ำตาแล้ว ก็คงต้องรวบรวมพลังออกก้าวเดินต่อไป เพื่อสานต่อเจตนารมย์ของลุงหมัก ให้ลุล่วงให้จงได้

ไว้เสร็จศึกเมื่อใด คงได้ปลุกลุงหมักมาฉลองชัยให้สุดๆ

วโรทาห์: 26 พ.ย. 52

Thursday, November 12, 2009

รวมวาทะเด็ด จากสมเด็จฯฮุนเซน

กลายเป็นมวยถูกคู่ไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ระหว่างเด็กดื้อ ศิษย์หลายเสา กับฮุนเซน พระวิหารยิม เมื่อฝ่ายแรกเปิดฉากรัวหมัดใส่อย่างไม่ยั้ง ราวกับว่าโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน

แต่พอฝ่ายหลังตั้งหลักได้ เท่านั้นแหละมาร์คเอ๊ย เรียกว่าเห็นดาว เห็นเดือน เห็นตะวันกันเลยทีเดียว ไม่เชื่อก็ตามมาดูบทสัมภาษณ์ เฉพาะเนื้อๆเน้นๆ ที่คัดจากมติชนออนไลน์ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ก็แล้วกัน

"ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลไทยมาหาเรื่องกัมพูชา"

"เรื่องที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชานี้ เป็นปัญหาระหว่างผมกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยในปัจจุบันโดยแท้
..ก่อนที่จะพูดขอให้ศึกษาหาความรู้ให้มากกว่านี้เพราะตอนที่ผมเริ่มทำงานการเมืองนั้นนายกรัฐมนตรีไทยยังเป็นเพียงเด็กวิ่งเล่นอยู่เลย"

"อยากปิดก็ขอให้ปิดไปเลย..เพราะกัมพูชาก็จะปิดเช่นกันและปิดทางด้านเศรษฐกิจด้วย
..สั่งห้ามสินค้าไทยทั้งหมดข้ามแดนเข้ามายังตลาดกัมพูชา แม้แต่หมูเพียงตัวเดียว จะไม่ให้ข้ามเข้ามา"

"เรื่องการแต่งตั้งอดีตนายกรัฐมนตรีไทยมาเป็นที่ปรึกษานั้น ผมขอประกาศชัดๆ ให้คนไทยรู้ว่าเรื่องนี้รัฐบาลนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ มาหาเรื่องกัมพูชา
.. ผมจะบอกให้ว่า จริงๆแล้วปฏิกิริยาของคนไทยที่แท้จริงเป็นอย่างไร คือพวกเสื้อแดงสนับสนุนการแต่งตั้ง พวกเสื้อเหลืองโกรธและประท้วงคัดค้าน และยังมีกลุ่มที่สบายใจโดยอยู่เฉยๆ เงียบๆ อีกด้วยต่างหาก"

"หากทักษิณมาพำนักอยู่ในกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยจะกลัวอะไรกันนักกันหนา ทักษิณไปมาแล้วทั่วโลกไม่เห็นทำอะไร ไปศรีลังกา ล่าสุด ก็ยังไม่เห็นได้ทำอะไรเลย แต่พอบอกว่าจะมากัมพูชาก็หาเรื่องกัมพูชา"

"อยากรู้นักว่าใครเป็นเบี้ยของใครกันแน่ อภิสิทธิ์ตกเป็นเครื่องมือของทักษิณเอง เพราะเมื่อทักษิณเปิดตัวเข้ามา อภิสิทธิ์ก็กระโดดออกมาตอบโต้โดยไม่คิดอะไรเลยและไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของ ชาติเลย"

"สมัยนครวัดนั้นประเทศไทยอยู่ที่ไหนกัน อ้างว่ากัมพูชามายึดครองบุกรุกดินแดนไทยนั้น กัมพูชาจะไปยึดดินแดนไทยได้อย่างไร ศึกษาประวัติศาสตร์เสียให้ดีว่า ใครรุกรานใครกันแน่"

"ผมจึงถือโอกาสนี้ร้องขอให้พี่น้องเสื้อแดงและ พรรคเพื่อไทยเสียสละอนุญาตให้ผมนำท่านทักษิณ มาช่วยกัมพูชาในเรื่องเศรษฐกิจบ้างด้วยแล้วกัน"

"ในเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทักษิณก็ต้องไล่แก้ตั้งแต่ทักษิณมาเลย ตั้งแต่เรื่องการปฏิวัติ เมื่อ 19 กันยายน 2549"

"ถ้าอภิสิทธิ์เก่งจริงก็ขอให้เลือกตั้งใหม่สิ ท่านกลัวอะไรหรือ หรือว่ากลัวที่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร หรือว่ากลัวว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง"

"ผมเองเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้รับเสียงสนับสนุนถึง 2/3 ของสภากัมพูชา แล้ว ท่านอภิสิทธิ์ได้รับเท่าไหร่กันหรือ ขโมยเก้าอี้เขามานั่ง ขโมยของของคนอื่น มาเป็นของตัวเองจะให้เคารพได้อย่างไร"

"อภิสิทธิ์มีปัญหาท่วมตัวอยู่แล้ว อาจตายได้..ทักษิณเป็นเพื่อนของผม เพื่อนไม่สามารถหักหลังเพื่อนได้ ไม่สามารถโยนเพื่อนให้เสือกินได้หรอก"

"อยากฉีกอะไรทิ้งก็ฉีกไปเลย อยากปิดอะไรก็ปิดไปเถิด เพราะถ้าเปิดคงจะไม่สะดวกแล้ว เห็นทีต้องถอนกำลังทหาร 911 (หน่วยรบพิเศษ) ของกัมพูชาออกภายในหนึ่งสัปดาห์ดีกว่า เพราะว่าใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยก็พอ (ที่จะสู้กับไทย) แล้ว"

"รองนายกรัฐมนตรีสุเทพของไทยได้ขอ ว่า ให้ช่วยจับทักษิณส่งตัวไปประเทศไทยได้หรือไม่ เรื่องนี้ผมทำไม่ได้หรอก ถ้าผมทำเช่นนั้นก็ถือเป็น กบฏต่อมิตร"

"ขอร้องให้พี่น้อง ประชาชน-ตำรวจ-ทหารไทย ทราบว่าคนที่คุณๆ ทั้งหลายต่อว่าอยู่นั้นเป็นผู้ที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วทั้งนั้น ผมเคารพอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ผมจึงช่วยเขา มีแต่อภิสิทธิ์เท่านั้นที่จงเกลียดจงชังคนเหล่านั้น"

"ไทยก็ยังสนับสนุนให้เขมรแดงทำการสู้รบกับรัฐบาลที่ถูกกฎหมาย แล้วให้พวกเขมรแดงไปอยู่ประเทศไทย ไทยให้อยู่ในดินแดนไทยได้อย่างไร เรายังไม่ทำเช่นนั้นเลย ถ้าทักษิณตั้งกองกำลังอยู่ในดินแดนกัมพูชาจะว่าอย่างไรบ้างล่ะ
..ลงนามไม่สนับสนุนเขมรแดง ลงนามสันติภาพ แต่ก็ยังละเมิดหลายอย่าง ขอให้คนไทยดูไว้กฎหมายระหว่างประเทศยังไม่เคารพเลย จะให้เราเคารพกฎหมายไทยได้อย่างไร"

"..ลงนามด้วยมือ ลบด้วยเท้า ขอยกเลิกการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชา
.. ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่เกี่ยวกับกัมพูชา แต่เป็นเรื่องระหว่างไทยกับยูเนสโก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึง จริตที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรีไทย และเป็นเสมือนการดูหมิ่นเหยียดหยามว่า กัมพูชาโง่อย่างแท้จริง"

"ประเทศไทยเอาปัญหาปราสาทพระวิหารมาเป็นตัวประกัน เป็นเครื่องมือในการโค่นล้มรัฐบาลตั้งแต่สมัยรัฐบาลสมัคร ตลอดจนพยายามเอาผิดกับอดีตรัฐมนตรี นพดล"

------------------

เป็นไงบ้าง ท่านผู้ชม อ่านแล้วต้องยอมรับว่า โดนทุกดอก เข้าทุกเม็ด อย่างกับเข้ามาพูดอยู่ในหัวใจคนไทย ยังไงยังงั้น คนที่พูดได้ถึงขนาดนี้ ถ้าไม่บอก ใครจะไปรู้ ว่าไม่ใช่ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์

เพราะว่าข้อมูลของน้าฮุนฯแกแน่นปึ้กระดับที่ ถ้าบอกว่าบ้านแกไม่ได้ติดดีสเตชั่น คงไม่มีใครเชื่อ

งานนี้ ถ้าจะบอกว่ามาร์คเสียหมา ก็คงไม่ผิดจากความจริงไปซักเท่าไหร่ เพราะประมาทคู่ต่อสู้แท้ๆ เลยเจอสวนเข้าไปจังๆ เล่นเอามาร์คถึงกับ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก จากมวยได้ใจ ระริกระรี้เป็นปลากระดี่ได้น้ำ กลับมายืนพิงเชือก เป่าลมออกจากปากเหมือนหมาหอบแดด หน้าอูมๆเหลืออยู่ไมถึง 2 นิ้ว

ขนาดนี้เราว่าฮาแล้ว แต่น้าฮุนฯแกบอกว่า ยังฮาได้อีก ขอแค่มาร์คเปิดเกมงามๆมาเรื่อยๆ รับรองได้ว่า น้าฮุนฯจะไม่ทำให้หลานมาร์คต้องผิดหวัง เป็นอันขาด

เจอลูกหลงไปเต็มๆ แต่ยังเก็บอาการอยู่ คือบักป๊อกหน้ามึนของเรา เมื่อน้าฮุนฯแกบลั๊ฟมาว่า "ใช้กำลังเพียงนิดๆ หน่อยๆก็พอสู้กับทหารไทยแล้ว" นี่ไม่ใช่แค่หยาม แต่มันเหยียบหน้ากันชัดๆ

แต่ไม่เป็นไร เพราะทหารไทยไม่ถนัดสู้กับคนมีปืน

เวรกรรม ตอนแรกก็นึกว่า เขมรถอนทหารไปบางส่วน เพราะไม่กล้าเผชิญหน้ากับทหารไทย ที่ไหนได้ กลายเป็นว่ามันมากเกินไป กลัวจะเหยียบกันตาย ตอนไล่ปล้ำทหารตุ๊ด..อะไรจะขนาดนั้น

นี่ถ้าผมเป็นผบ.ทบ. ผมลาออกไปแล้ว

เห็นเพื่อนเขาช่วยเหลือกันในยามยากแล้ว บอกตรงๆว่า "กูอายแทนมึงว่ะ ป๊อก!"

ฮุนเซนกับทักษิณจะคบหากันมา ซักกี่ปีกันเชียว แต่พอทักษิณมาเจอเสือ เพื่อนคนนี้กลับออกหน้า ไม่ยอมให้มันมากัดเพื่อนเป็นอันขาด ผิดกันอย่างลิบลับ กับเพื่อนเก่าเล่ายี่ห้อ ตั้งแต่เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร...

พอจวนตัวเข้า มันโยนเพื่อนให้เสือกิน

วโรทาห์: 12 พ.ย. 52

Wednesday, November 11, 2009

ก้าวย่างอันยิ่งใหญ่ ของจอมคนแห่งอุษาคเนย์

รถยนต์ตรวจการณ์สีขาว เปิดไฟวับวาบบนหลังคา แล่นนำหน้านกเหล็กสีเงิน อ้อยอิ่งมาตามลานสนามบินอย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางสายตาฝูงชน ที่เฝ้ามองผ่านสื่ออย่างใจจดใจจ่อ ด้วยภารกิจที่ไม่ธรรมดา ทำให้ยานบินส่วนตัวลำกระทัดรัด ดูยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

เพราะมันทำหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นภารกิจที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตราบนานเท่านาน

ประตูเปิดออกเมื่อยานจอดสนิท พลันร่างของบุรุษหนึ่งก็ปรากฎขึ้นอย่างโดดเด่น ภายใต้เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า สวมทับด้วยชุดสูทสีดำ แต่งแต้มด้วยเน็คไทด์ลายดอกสีแดง ท่วงท่าทระนงองอาจ ราวกับพญาราชสีห์ ที่เกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่โดยธรรมชาติ

นั่นคือการปรากฎตัวอย่างเป็นทางการ ของจอมคนแห่งอุษาคเนย์ ผู้เรืองนามขจรขจายไปทั้งสิบทิศว่า ทักษิณ ชินวัตร

ค้อมร่างลงเล็กน้อย สองมือยกขึ้นจบกันอย่างนอบน้อม สองเท้าก้าวเข้าหาแขกเหรื่อที่มารอต้อนรับอย่างสมเกียรติ ท่วงทีกริยาสุภาพเรียบร้อย ดูไปไม่ผิดกับเสือซ่อนเล็บ ราศีผู้นำเจิดจ้าเกินกว่าที่จะเรียกว่านักโทษ ซึ่งเป็นสมญาที่หมู่มารพยายามจะยัดเยียดให้เป็น

โดยไม่ยอมรับรู้ความจริงที่ว่า แม้จะเป็นนักโทษของอำมาตย์ แต่เขาคือพระเอกที่ครองใจประชาชน

ในรถลีมูซีนสีดำคันโก้ ขนาบหน้าหลังด้วยรถคุ้มกันที่ไว้ใจได้ ปิดท้ายด้วยรถติดตามอีกยาวเหยียด นั่นคือขบวนเกียรติยศที่จะนำแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ไปส่งยังบ้านพักรับรอง ที่จัดไว้เป็นพิเศษ ภายใต้การอารักขาอย่างเข้มแข็ง ที่ไม่มีช่องว่างให้แก่ความผิดพลาด แม้เพียงเท่ารูเข็ม

วินาทีนั้น หากมีแมลงวันสักตัว บินโฉบเข้ามาในรัศมีทำการ ร่างของมันคงต้องแหลกลาญ สลายลงในพริบตา

คฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬาร ยังดูด้อยไปถนัด เมื่อต้องทำหน้าที่ต้อนรับ อาคันตุกะผู้ยิ่งใหญ่ ที่เป็นยิ่งกว่าแขกพิเศษของรัฐบาล จนแม้แต่ท่านผู้นำแห่งกำปูเจีย ยังต้องให้เกียรติอย่างสูง ด้วยการนำพาครอบครัวอันอุ่น เข้ามาต้อนรับถึงที่พำนัก อันเป็นความรู้สึกที่ คนผู้ไม่มีครอบครัวไม่อาจสัมผัสได้

มหาบุรุษต่างอาณาจักร โผเข้าสวมกอดกัน ราวกับพี่น้องที่เหินห่างกันไปนาน ต่างแลกเปลี่ยนความอบอุ่นให้แก่กันและกัน อันเป็นสัญญาณว่าอาณาจักรทั้งสอง จะปรองดองเป็นหนึ่งเดียวไปชั่วนิรันดร์

เพื่อนก็คือเพื่อน เพียงแค่ได้พบกันก็สุขใจเกินพอแล้ว ไม่มีพิธีรีตองให้รุ่มร่าม ไม่มีของฝากติดไม้ติดมือให้ยุ่งยาก นอกจากสองมือที่อบอุ่น กับหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ถ้าจะประเมินค่าของฝากที่บรรจุมาในสมองแล้ว มันยิ่งกว่าเศียรเทวรูป ที่เคยมีโจรนำมาจิ้มก้อง ชนิดเทียบกันไม่ติด

เมื่อสองมหาบุรษมาประสานกัน อุปสรรคขนาดไหนถึงจะขวางกั้นได้ การนำพาประชาราษฎร์ โต้คลื่นไปบนกระแสแห่งโลกาภิวัฒน์ นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้มองการณ์ไกล แต่เป็นความเสียวสยองของระบอบโบราณ ที่เกาะกินประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

ในขณะที่อาณาจักรโบราณอย่างกำปูเจีย กำลังจะก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น แต่อาณาจักรที่ก้าวหน้าอย่างสยามประเทศ กลับถูกฉุดรั้งให้ถอยกลับไปในสมัยโบราณ โดยเครือข่ายอำมาตย์อันล้าหลัง ที่ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ภายใต้สภาวะแวดล้อม ที่เต็มไปด้วยประชาชนหัวก้าวหน้า

ท่ามกลางบรรยากาศอันชื่นมื่น มันคือความขมขื่นของปวงชนชาวไทย ที่ไม่อาจรักษาบุคคลากรอันล้ำค่าไว้ ให้อยู่ช่วยสร้างบ้านแปลงเมือง

น้ำตานั้นเอ่อท้นจนพาลจะไหลออกมานอกเบ้า เมื่อเห็นแก้วมณีที่เคยครอง ต้องตกไปอยู่ในมือของเพื่อนบ้าน ที่เขาเล็งเห็นคุณค่า จนนำขึ้นประดับคอออกเดินเฉิดฉาย โดยเจ้าของที่แท้จริงได้แต่แอบมองด้วยความอิจฉา ที่ไม่อาจรักษาดวงแก้ว ที่โจรครองเมือง มันบีบบังคับให้ทำลายทิ้ง

เมื่อบุญมา แต่วาสนายังไม่ถึง จึงทำได้แค่ลิ้มรสความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว นอกเหนือกว่านั้น คงต้องฝากประชาชนชาวเขมร ให้ช่วยดูแลรักษาไว้ให้จงดี ระหว่างนี้จะนำไปใช้ประโยชน์ก็ไม่ว่ากัน เพียงขอให้ส่งคืนในสภาพเดิม หลังจากที่ชาวไทยเผด็จศึกอำมาตย์แล้ว

เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง สว่างไสวไปทุกหย่อมหญ้า วิสัยทัศน์ของประชาชน ก็เปล่งประกายเจิดจ้า มองทะลุไปถึงก้นบึ้งแห่งมนต์ดำ มาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีใครลังเลที่จะบุกบั่นไปทวงสิทธิ์ เพื่อชีวิตข้างหน้าที่ดีกว่า แม้ภูเขาจะขวางหน้า แม้ขอบฟ้าจะขวางกั้น ประชาชนจะฟันฝ่า เพื่อตามหาศิลามณี

ในเมื่อเจ้าของก็สุดจะหวงแหน และมณีล้ำค่าก็ผูกพันกับเจ้าของ มีหรือที่ทั้งคู่จะไม่ได้กลับมาอยู่ร่วมกัน ในที่สุด

แม้ว่าวันนี้จะยังดูมืดมน แต่ในเมื่อข้างหน้ายังเห็นแสงสว่าง ย่อมแสดงว่าความหวังยังรออยู่ แม้จะอ่อนล้าเพียงใด แต่ถ้าใจยังไม่สิ้นหวัง สังขารคงต้องตะเกียกตะกายไปให้ถึงฝั่งจนได้ ถ้าอัดอั้นตันใจนัก ก็แค่ร้องในใจให้ดังๆว่า...

เมื่อสวรรค์ส่งเขามา ซับน้ำตาให้ปวงชน ใยนรกต้องส่งจอมมาร มาตามล่าล้างผลาญเล่า

วโรทาห์: 11 พ.ย. 52

Monday, November 9, 2009

ซวยแล้วมาร์ค กระแสคลั่งชาติ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น

หลังจากที่ทุ่มทุนสร้าง วางข่ายล้อมอวน ด้วยการร้องเพลงชาติรอมาเป็นนานสองนาน ในที่สุดก็มีปลาใหญ่เข้ามาฮุบเหยื่อเอาจนได้ เมื่อสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ทำตัวเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน ประกาศอุ้มทักษิณ ชนิดสุดลิ่มทิ่มประตู โดยไม่มีการเกรงใจใคร

และแล้วมหกรรมคลั่งชาติที่จ่อคิวรออยู่อย่างใจจดใจจ่อ ก็ได้เวลาโหมโรงอย่างเป็นทางการซะที

ทั้งโพลเอย สื่อเอย นักวิชาการขาโจ๋ กับนักธุรกิจขาประจำเอย ต่างออกมาประสานเสียงโบ๊ววว..โบ๊ววว..ระเบ็งเซ็งแซ่กันไปหมด เป้าหมายคือการปั่นหัวประชาชน ให้หันมามีเรื่องกับเขมร เพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวด จากพิษเศรษฐกิจ ภายใต้ฝีเท้าการบริหารประเทศของมาร์ค พร้อมกับกวาดล้างทักษิณและเสื้อแดงไปในตัว

ก็ขนาดเจ็บกันเจียนตาย สื่อยังช่วยกันแหลออกมาได้ ว่าภาคธุรกิจไม่ได้รับผลกระทบ จากการเรียกทูตกลับจากพนมเปญ แต่วงในเขารู้ว่า กำลังนั่งจับไข่สั่นอยู่ที่กัมพูชากันเป็นแถว มีแต่น้ำตาลมิตรผล ที่หาญกล้าออกมาแฉกันตรงๆว่า ไปปลูกอ้อยรอไว้แล้วจมหู กำลังจะสร้างโรงงานอยู่รอมร่อ แต่ต้องติดเบรคกันตัวโก่ง

เพราะสถานการณ์มันเข้าไคลฯซะขนาดนี้ ถ้าจะให้ไปบ้าทะลุ่มทะลุยเดินหน้าชน สู้เอาเงิน 2 พันล้านไปทุ่มซื้อหวย ยังจะมีโอกาสรุ่งมากกว่า

แปลกแต่จริง ที่ไม่ยักมีนักธุรกิจด่ารัฐบาล โทษฐานที่โอเวอร์รีแอ๊คจนน่าเกลียด แถมสภาหอการค้าไทย ยังถือโอกาสใช้ลิ้นให้เป็นประโยชน์ ชเลียร์ว่านักธรกิจยอมเจ็บไม่ยอมอาย ไม่ว่าจะเป็นจะตายยังไง ขอเชียร์รัฐบาลให้เอาศักดิ์ศรีของประเทศไว้ก่อน

เห็นว่าถ้ารัฐบาลยืน ยันทำในสิ่งที่ถูกต้อง จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน ถึงขนาดกล้าที่จะเข้ามาลุยถั่ว สร้างงานในประเทศ คล้ายๆกับว่าทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุน ว่างั้นเถอะ

แหม..เล่นเอาความจริงมาแหลเป็นขนมอย่างนี้ จึงช่วยไม่ได้ ที่มาร์คจะออกอาการเขินเล็กน้อย ในขณะที่ขนหน้าแข้งเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลาย

เป็นธรรมดาของ 1 ประเทศ 2 มาตรฐาน มันก็ต้องมีอะไรบ้าๆบวมๆอย่างนี้ นี่ถ้าเป็นรัฐบาลลุงหมัก ขืนทำอย่างนี้ มีหวังนักธุรกิจดิ้นตายกันเป็นแถว

หันไปมองภาคธุรกิจ เห็นถ้อยทีถ้อยชเลียร์กันไป แต่พอหันมาฝั่งประชาชน ไหงมันกลายเป็นหนังคนละม้วนไปได้ ก็ไม่รู้ เมื่อใครต่อใครพากันอวยพรให้มาร์คจนหูตูบ บอกว่าอ้ายเฮีย! วันๆแม่มันไม่ทำอ่าอะไร ดีแต่หาเรื่องชกต่อยกับชาวบ้าน ไม่รู้จักหยุดจักหย่อน

กะอีแค่เรื่องของคนๆเดียว มันเล่นซะโกอินเตอร์ ดูไม่จืด แม่มันทำอย่างนี้ พวกที่ไม่ได้รับประทานภาษี มีหวังอดตายกันพอดี

แต่ว่าก็ว่าเถอะ จนป่านนี้ ยังไม่มีใครเข้าใจเหมือนกัน ว่าแค่ฮุนเซนตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษา ทำไมมันถึงต้องออกอาการเม้งแตกกันขนาดนี้ ในเมื่อมั่นอกมั่นใจนักหนา ว่าตัวเองทำถูก ก็น่าจะอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เขมรออกทะเลไปคนเดียว ก็สิ้นเรื่อง

ก็ถ้าน้าฮุนฯยังขืนเดินหน้านโยบาย สร้างบ้านพักหรูหราให้นักโทษไปเรื่อยๆ แถมนอกจากไม่ยอมส่งผู้ร้ายข้ามแดนแล้ว ยังจะแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาอีกต่างหาก คิดดูแล้วกัน ว่าต่อไปยังจะมีใครกล้าคบหาด้วย

เมื่อเขมรกลายเป็นสวรรค์ของอาชญากร นักเซ็นต์ชื่อให้เมียซื้อที่ ไปซะแล้ว

เรื่องของเรื่อง มันไม่น่าจะมีเรื่องด้วยซ้ำไป เมื่อแต่เดิมมันก็แค่ขู่กันไปขู่กันมา เหมือนนักมวยที่ต่อปากต่อคำกันนอกเวที เอ็งมาลูกนี้ ข้าจะตอบโต้ด้วยลูกโน้น ถ้าเอ็งต้อนรับทักษิณ ข้าจะให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดน อีกฝ่ายก็โต้ทันควันว่า จ้างให้ก็ไม่ส่ง เพราะเป็นคดีการเมือง เป็นการแลกน้ำลายกันไปมา ทั้งๆที่ยังไม่ได้ขึ้นเวที ด้วยซ้ำไป

แต่ที่ไหนได้ กำลังโต้กันไปโต้กันมาอยู่มันๆ ไม่นึกว่าท่านประธานอาเซี่ยนจะของขึ้น โดดงับน่องสมาชิกอาเซียนบ้านใกล้เรือนเคียงซะ เล่นเอาแผลเปิดเหวอะหวะ ดูยังไงก็ดูไม่จืด

กลายเป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ เด็กดื้อหัดบริหารประเทศ เมื่อกัมพูชาตัดสินใจประกาศแต่งตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ แล้วมีหรือที่นายกฯเด็กฝึกงานจะยอมเสียหน้า โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง จัดการประกาศเรียกทูตกลับทันควัน ในขณะที่ฮุนเซนก็ทันกัน เรียกทูตตัวเองกลับมั่ง ใครจะทำไม

คงต้องดูกันต่อไปว่า เมื่อเศรษฐีใหม่ตัดสินใจ ถอดสูทเข้าคลุกวงใน กอดปล้ำตีเข่ากับขอทานข้างถนน อย่างถึงลูกถึงคน เพียงเพื่อรักษาศักดิ์ศรี ที่ถูกตอกหน้าเอาเจ็บๆ งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะฉิบหายหนักกว่ากัน อีกไม่นานก็น่าจะเริ่มออกอาการ

แต่ที่แน่ๆ เริ่มเห็นแผลแตกที่ใต้ตานักชกเมื่อวานซืนแล้ว เมื่อเจอมวยเชิงสูงอย่างน้าฮุนฯ ที่เก๋าเกมอ่านขาดอย่างกับอ่านหนังสือการ์ตูน ดักแย็ปแล้วชิ่งออก ไม่ยอมเป็นฝ่ายเปิดเกมหนักให้ถูกตัดคะแนน แต่อาศัยยั่วยุให้เด็กมันออกหมัดก่อน แล้วค่อยดักเก็บกินจังหวะสอง แค่นี้ก็ตุนคะแนนจนเป๋าตุงแล้วตุงอีก

เป็นที่น่าสังเกตุว่า น้าฮุนฯแกตั้งอกตั้งใจล่อเป้าวัวกระทิงมาร์คซะเหลือเกิน ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่า เด็กมันมีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะทางอารมณ์ ยังมายั่วอยู่ได้ ทำไมต้องประกาศตั้งที่ปรึกษา ให้มาร์คอิจฉาจนวีนแตกน่าเกลียดขนาดนั้น ทั้งที่จะต่อฮ็อตไลน์สายตรง ปรึกษาอะไรน้าแม้ว ก็ทำได้อยู่แล้ว ในฐานะเพื่อนซี้ไม่มีซั้ว

อย่างการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็เหมือนกัน รอให้เรื่องมันเกิดแล้วค่อยพูดก็ยังไม่สาย จะเปิดศาลพิจารณาคดีซัก 20-30 ปี ก็ยังไม่น่าเกลียด หรือจะส่งซิกให้นักโทษเข้าๆออกๆ ล่อให้ศาลลักปิดลักเปิด มันก็เก๋ไปอีกแบบ แล้วทำไมต้องรีบด่วน ชวนมาร์คละเลงน้ำลาย จนเลอะเทอะไปหมด

จะเป็นเพราะเหตุผลกลใดไม่อาจทราบได้ แต่ชักสังหรณ์ใจว่า งานนี้เด็กดื้อมีโอกาสเสียค่าโง่สูง

เพราะแต่ละมาตรการที่มาร์คประกาศออกมานั้น ไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาต่อเขมรแต่ประการใด ขืนไปงดให้ความช่วยเหลือ ก็เข้าทางประเทศอื่นที่เรียงคิวรอช่วยเหลืออยู่แล้ว หรือถ้างดให้กู้ ขี้คร้านประเทศอื่น มายืนรอปล่อยกู้กันบานเบอะ ยิ่งไปยกเลิก MOU อะไรนั่นอีก

แน่ใจหรือว่ามันไม่ใช่ MOU ที่เขาอยากจะยกเลิกเต็มแก่อยู่แล้ว เพราะถ้าเซ็นต์กันในสมัยน้าแม้ว ก็ชัดเจนแน่นอนว่าเขาเสียเปรียบ เพราะตอนนั้น กัมพูชายังไม่มีอำนาจต่อรองซักเท่าไหร่

ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่หลอกกินเศียรเทวรูป ที่มีคนอุ้มไปจิ้มก้องมาแล้ว นักต่อนัก

เอาเป็นว่า นอกจากเรื่องอารมณ์แล้ว ก็น่าจะต่างคนต่างมีวาระซ่อนเร้น แต่คนหนึ่งทำเพื่อชาติ ในขณะที่อีกคนทำเพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง รายแรกจึงลอยตัวไป เพราะได้การสนับสนุนจากประชาชนอย่างท่วมท้น ในขณะที่รายหลังแทบจะเอาหัวโขกโพเดียมตายซะให้มันรู้แล้วรู้รอด เมื่อไม่มีใครให้ท้าย นอกจากโพลที่ออกมาเชียร์กันสุดลิ่มทิ่มประตู

กระแสคลั่งชาติ จึงมีแค่แมลงสาบแก่ๆที่มีองค์ กับขาประจำเจ้าเดิมๆไม่กี่ตัว ที่ออกมาคลั่งหนัก ส่วนประชาชนนั้น คงจะหวังยากซักหน่อย แล้วยิ่งน้าฮุนฯแกเป็นมวยรอจังหวะด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ปั่นกระแสยากเข้าไปใหญ่ ทำไปทำมาถึงได้เกิดอาการหันรีหันขวาง ไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อ

คิดแล้วก็ให้เป็นห่วงนายกฯเด็กโง่ ที่ขยันทำแต่เรื่องโง่ๆ ไม่รู้จักเลิก ระวังว่าโง่ซ้ำโง่ซาก จะติดเชื้อกลายเป็นโง่เรื้อรัง มันจะรักษายาก ถ้าลำบากนัก คราวหน้าคราวหลัง ลองเปลี่ยนไปยืมหัวแม่เท้าข้างซ้ายของท่านทักษิณเอามาคิดแทน ไม่แน่ว่า...

อาจจะฉลาดกว่าสมองกลวงๆที่ใช้อยู่ก็เป็นได้

วโรทาห์: 9 พ.ย. 52

Friday, November 6, 2009

แค่เขมรตั้งที่ปรึกษา อำมาตย์ก็จะพาไทยให้ล่มจม

เอาแล้วไง! กลายเป็นดอกบานไม่รู้หุบไปซะแล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา

ควบตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนขะแมร์

ส่งผลให้บรรดาขี้ข้าอำมาตย์ ถึงกับออกอาการหน้าเขียวหน้าเหลือง เหมือนถูกถีบเข้าที่พวงสวรรค์อย่างจัง ต่างคนต่างทิ้งตัวลงไปนอนดิ้นทุรนทุราย บิดตัวเร่าๆอย่างกับสุนัขขี้เรื้อนโดนสาดด้วยทิงเจอร์ แล้วตามซ้ำด้วยซีม่าโลชั่นกระปุกใหญ่

เสียงแผดร้องครวญครางไม่เป็นภาษามนุษย์นั้น ดังไปถึงยมโลกก็ว่าได้

แล้วก็เป็นไปตามคาด เรื่องมันๆพรรณอย่างนี้ มีหรือที่มาร์คจะอดใจได้ ไม่โชว์โง่ให้โลกเห็น ว่าแล้วมนุษย์โพเดียมก็โดดผึงออกมาสวนควันปืนแทบจะทันที ด้วยการสั่งให้กุ๊ยกษิตใช้ลูกนักเลง อ้างคนไทยทั้งชาติออกไปฟาดปากกับฮุนเซน อย่างเมามัน

ทำอย่างกับเรื่องคอขาดบาดตายระดับ8 ยังไม่ปาน ถึงกับเรียกทูตไทยประจำกัมพูชา กลับมาโดยด่วน แถมทำหน้ายียวนกวนบาทา สำรากออกมาให้ได้ยินกันชัดๆว่า

"ให้ทางกัมพูชาเลือกเอาว่าจะเลือกคุณทักษิณ หรือประเทศไทย"

ทั้งๆที่คำตอบที่ได้ น่าจะชัดเจนอยู่ในทีแล้วว่า

"เขาเลือกทักษิณ เพราะทักษิณคือประเทศไทย"

สงสารแต่คนไทยที่ไปทำธุรกิจอยู่ในกัมพูชา ว่าป่านนี้คงนอนสะดุ้งจนเรือนไหว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ชาวบ้านชาวช่อง จะยกขบวนออกมาเซย์ฮัลโหล เหมือนในอดีต ในขณะที่รัฐบาลเด็กโง่ คงได้แต่ออกมาดักคอล่วงหน้าว่า

งานนี้ถ้ามีเผากันอีก คงเอาซี 130 ไปลงไม่ได้แล้ว

เป็นธรรมดาของคนในระบอบอำมาตย์ ที่ต้องมองทุกอย่างเป็นเกมการเมืองไปซะหมด โอกาสงามๆอย่างนี้ ก็ใช่ว่าจะมีมาบ่อยๆซะเมื่อไหร่ ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไร งานนี้มันต้องมีเรื่องให้จงได้ เพื่อป้ายสีทักษิณ ให้เป็นคนขายชาติ ตามที่ป๋าต้องการ

กระแสคลั่งชาติเท่านั้น ที่เป็นความหวังในตอนนี้

ในขณะที่พลพรรคเสื้อเหลือง ที่ดักแทงเข่าคอยทีอยู่แล้ว ก็โหมฟืนเติมไฟกันมือเป็นระวิง พร้อมๆกันกับที่บิ๊กเสือก็ออกมาเปิดงานว่า

"ยังไม่สายเกินไปที่จะสร้างคนให้มีคุณภาพ มากกว่าสิ่งก่อสร้าง ต้องสอนคนให้มีความหยิ่งผยองในความเป็นคนไทย..."

แต่อาจจะสายเกินไป ถ้ายังไม่สอนพวกแก่กะโหลกกะลา ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ก่อนที่จะลงโลง

ที่มันวุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะทหารแก่ไม่ยอมตายพวกนี้ ที่แก่แล้วไม่อยู่ส่วนแก่ เที่ยวเดินสายมอมเมาชาวบ้าน กะจะโกหกกันจนกว่าจะตายไปข้าง เพียงเพราะว่ากลัวเขาจะรู้เท่าทัน ที่พวกมันไปแหกตาเขามาชั่วชีวิต

งานนี้คนที่ถูกเหล่มากที่สุด เห็นจะไม่พ้นลุงจิ๋ว ที่ขยันออกเดินสายหางานให้ป๋า จนงานเข้า รับไม่หวาดไม่ไหว ตั้งแต่อาเซียนซัมมิท ไปนครปัตตานี แล้วย้อนกลับมาเขมรอีก แต่ละงานล้วนแล้วแต่ได้น้ำได้เนื้อทั้งนั้น ไหนใครเขาว่าแกเป็นอัลไซเมอร์

อัลไซเมอร์บ้านมัน หางานเก่งจนร้องเจี๊ยกกันเป็นแถว

เจอเข้าไปหลายขนาน ป๋าถึงกับไปไม่เป็น ได้แต่นั่งค้อนปะหลับปะเหลือก แค้นลูกจิ๋วก็แค้น แค้นทักษิณยิ่งแค้นใหญ่ แต่ที่เจ็บใจมากที่สุด เห็นจะไม่มีใครเกินเด็กโง่ ที่ป๋าอุตส่าห์อุ้มใส่เอวมาเป็นนายกฯ แต่ดันเจือกทำงานไม่เป็นสับปะรดขลุ่ย

ผลงานที่เห็นๆ มีแต่เก๊กหล่อใส่กล้อง กับรายการนายกฯพบประชาชน ที่พัฒนากันจัง ทั้งๆที่ไม่มีคนดู ตั้งแต่นั่งแท๊กซี่ให้โชเฟอร์สาวสัมภาษณ์ ไปถึงนอนแผ่หราผึ่งพุง ให้บักหัวเหม่งมันก้อร่อก้อติกอยู่ริมชายหาด

ยิ่งนับวัน รายการยิ่งติดเหรตขึ้นทุกที ตั้งแต่ดูได้ทุกคน มาจนถึง18อั๊พ ทำให้ป๋าร้อนใจ ต้องสั่งติดตามความเคลื่นไหวอย่างใกล้ชิด เพราะว่ายังเหลืออีกสเต็ปเดียว ก็จะลากกันเข้าไปกระหนุงกระหนิงในโรงแรมแล้ว ถึงเวลานั้น...

ไม่แน่ว่า ป๋าอาจจะต้องลงมือสัมภาษณ์เอง

วโรทาห์: 6 พ.ย. 52

Tuesday, November 3, 2009

ทุบหุ้นหลังจากที่หุ้นร่วงกระจายไปแล้ว..นี่แหละประเทศไทย

กลายเป็นจอมซัดแฮ็ททริคไปซะแล้ว สำหรับนายกฯเด็กดื้อ จอมสร้างภาพตัวพ่อ เมื่อลงสนามไปทำท่ามือหงิก ตะบันสตั๊ดใส่ลูกฟุตบอล ที่ลิ่วล้อใส่พานป้อนให้จนรับไม่หวาดไม่ไหว ในการแข่งขันฟุตบอลผู้อาวุโส ครม. vs ส.ว. ที่ธันเดอร์โดม เมื่อวันวานที่ผ่านมา

เป็นวันเดียวกัน กับที่รัฐบาลเผด็จการพลเรือน ซัดแฮ็ททริคเข้าใส่หัวใจประชาชน ด้วยการจับแพะชนแกะ มั่วนิ่มรวบตัวชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เอามาขึ้นแท่นบูชายัญ

ด้วยข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ตีปี๊บซะใหญ่โตว่าเป็นตัวการทุบหุ้น หวังกู้หน้าที่โดนต่างชาติปล่อยข่าวใส่แมลงเม่า จนหุ้นร่วงระเนระนาด แล้วจับมือใครดมไม่ได้

จากผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ที่รู้จักกันดีในเว็บบอร์ดการเมืองภายใต้นามแฝง bbb ว่าแสนจะสุภาพเรียบร้อย ไม่ค่อยมีปากมีเสียง มีแต่คอยแปลข่าวภาษาอังกฤษให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ไม่เคยสร้างปัญหาใดๆให้แก่ใครๆ แม้แต่น้อย

ไม่นึกว่า วันดีคืนร้ายภายใต้รัฐบาลเผด็จการจำแลง เธอจะกลายเป็นอาชญากรสำคัญ ตัวการปล่อยข่าวทุบหุ้น จนเจ๊งกันไปถ้วนหน้า

ถามหน่อยเถอะว่า มันบ้าหรือโง่กันแน่ ถึงคิดกันไม่เป็นว่า ตัวการปล่อยข่าวที่ไหน จะมาโพสต์ข้อความในเว็บบอร์ดอย่างโจ๋งครึ่ม ให้ตำรวจตามแกะรอยจนรวบตัวได้โดยละม่อม

แล้วบ้านมัน เดี๋ยวนี้เขาปล่อยข่าวทุบหุ้นกันในเว็บบอร์ดการเมืองกันแล้วหรือไง อะไรไม่ว่า ยังโง่ถึงขนาดมาปล่อยข่าวเอา หลังจากที่หุ้นร่วงกระจายไปแล้ว ตั้งหลายชั่วโมง

เอาเป็นว่า ถ้าอยากจะหาเรื่องก็แมนๆหน่อย เล่นกันซึ่งๆหน้าอย่ามาทำเหนียมอาย ไหนๆก็ด้านมามากแล้ว จะหน้าด้านอีกซักหน่อยจะเป็นไรไป

รัฐบาลเด็กเวร เมื่อใกล้ตาจน ก็ยิ่งบ้าเลือดขึ้นเรื่อยๆ ประชาชนอย่างเราๆท่านๆ ที่แม้จะทนมามากแล้ว แต่ยังสามารถทนได้อีก ก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อแบ็คมันแข็งเหลือกำลังลาก

คงได้แต่ส่งกำลังใจไปถึงเหยื่อทางการเมืองทั้ง 2 ราย ในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ที่เป็นตายยังไงก็ไม่อาจทอดทิ้งกัน

ขอให้เข้มแข็งเข้าไว้ สู้มันต่อไป จนกว่าจะได้ประชาธิปไตยของเราคืนมา

เชื่อเถอะว่า ถึงที่สุดแล้วก็เอาผิดไม่ได้ แต่พวกมันก็ต้องทำเพื่อเป้าหมายทางการเมือง โดยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน วุ่นวายซักแค่ไหน

เพราะเป้าหมายที่แท้จริงนั้น คงกะว่างานนี้ยิงกระสุนนัดเดียว ได้นกเป็นฝูง นอกจากได้แก้หน้าเรื่องถูกทุบหุ้นแล้ว ยังได้ดิสเครดิตเสื้อแดง และที่สำคัญคือป้ายขี้ให้เว็บบอร์ดการเมือง ที่ทรงอิทธิพลในหมู่คนประชาธิปไตย อย่างประชาไท และฟ้าเดียวกัน

เผื่อว่าจะหาช่องปิดเว็บซะ เป็นการจำกัดการสื่อสารของฝ่ายต่อต้านอำมาตย์ไปในตัว

คำว่านิติรัฐชักจะเป็นจริงขึ้นทุกที เมื่อฝ่ายกุมอำนาจรัฐในบ้านนี้เมืองนี้ หายใจเข้าหายใจออกเป็นกฎเหล็กของเผด็จการ แต่แฝงตัวทำเนียนมาในรูปของกฎหมายประชาธิปไตย ที่ริดรอนสิทธิเสรีภาพยิ่งกว่าสมัยคมช.ซะอีก

ทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้าน ที่เลือดตาแทบกระเด็นอยู่แล้ว ต้องยุ่งยากหนักเข้าไปอีก ไหนจะต้องรู้กฎหมายระดับเทพแล้ว ยังต้องคอยระวังว่า ใครเป็นคนใช้กฎหมาย และกฎหมายเหล่านั้นมีไว้เพื่อใช้กับใคร หาไม่แล้ว เผลอเมื่อไหร่เป็นถูกรวบเข้าคุกไปโดยไม่รู้ตัว

สมดังสโลแกนที่ว่า เราทำให้ทุกคนรวยเท่ากันไม่ได้ แต่สามารถทำให้ทุกคนมีโอกาสเจอแจ๊คพ็อตเท่ากันหมด

โชคดีของพวกอำมาตย์ ที่เลือกเกิดมาเกาะกินในประเทศนี้ ประเทศที่ปกครองได้ง่ายกว่าปอกกล้วยเข้าปากเป็นไหนๆ เพราะว่า ประชาชนถ้าไม่โง่เป็นทุย ก็อึดเป็นแรด ขนาดทนจนทะลุขีดจำกัดแล้ว ก็ยังทนได้อีก แต่ไม่มีใครรับรองได้ว่า...

ตอนระเบิดออกมา อานุภาพมันจะรุนแรงซักแค่ไหน

วโรทาห์: 2 พ.ย. 52