Thursday, November 6, 2008

สู้เขา..ซิมง ทักษิโณวาร์

ตามธรรมเนียม ปฏิบัติอันดีงามของอารยชน ถ้าแพ้แล้วไม่ยอมแสดงความยินดีต่อผู้ชนะ หาใช่คนไม่ เราจึงได้เห็นข่าวแม็คแคน โทรไปแสดงความยินดีต่อโอบามาตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งที่ยังมีโอกาสป่วนต่อได้อีกตั้งหลายเฮือก แทนที่จะรอให้แพ้จนหมอบราบคาบแก้ว แล้วยังต้องให้ผู้ชนะเดินมายกมือไหว้ ขอบคุณหลายที่งดป่วนได้ตั้งหลายนาที แบบที่ในบางประเทศเขานิยมปฏิบัติกัน

ใน ขณะที่บารัก โอบามา บรรจงเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ลุงแซม นับเป็นพลเมืองผิวสีคนแรก ที่ไต่เต้าถึงตำแหน่งประธานาธิบดี ทางประเทศสารขัณฑ์กลับมะงุมมะงาหลา พลาดโอกาสงามๆไปตั้งหลายครั้ง ไม่งั้นป่านนี้คงได้มี นายกรัฐมนตรีคนแรกที่จบการศึกษาแค่ม.7 แถมยังหน้าด้านเป็นประวัติการณ์ ขนาดว่าประชาชนไม่ต้อนรับ มันยังตื๊อเอาจนได้

พูดถึงบาชัง โอบ๋ายแป๊ะคนนี้ ยังนึกเสียดายแทนบุพการีมันไม่หาย อุตส่าห์ส่งไปร่ำเรียนถึงเมืองผู้ดี ต้นแบบประชาธิปไตยของโลกแท้ๆ จบมาได้ ดันมาโดนห่าลาก ทางดีไม่เดิน ไปกราบกรานเฒ่าช้วนเป็นซือแป๋ ตั้งแต่นั้นมาเลยอับปารีย์กินกบาล จากคนดีๆกลายเป็นผีบ้า มาจนถึงทุกวันนี้

เอาเถอะ..ไม่อยากจะวิจารณ์ให้มากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะมีคนชักตายไปเปล่าๆ เอาเป็นว่า วกมาเข้าเรื่องที่คุยแล้วสบายใจกันดีกว่า...

หลังจากที่สารขัณฑ์ไล่จี้ ทวงคืนพาสปอร์ตแดงจากอดีตนายกฯ อย่างเอาเป็นเอาตาย บี้เอาๆจนทักษิณทนรำคาญไม่ไหว เลยส่งคืนมันดื้อๆ เล่นเอาชกวืดหัวทิ่มบ่อไปเป็นแถวๆ อะไรไม่ว่า ดันมีคนจริงจากบาฮามาส ส่งเสียงข้ามโลก เสนอตำแหน่งพลเมืองกิตติมศักดิ์ให้ เป็นการทดแทนซะอีก คราวนี้จะเอาพาสปอร์ตสีอะไรก็มี

หน้าแหกไปหมาดๆ มันเข็ดซะเมื่อไหร่ นี่เอาอีกแล้ว ตั้งแท่นจะริบคืนเครื่องราชฯกันดื้อๆ ทำราวกับว่า มันจะเป็นจะตายกันซะให้ได้ กับเรื่องแค่นี้ แต่จนแล้วจนรอด ทำได้ไม่ได้ยังไม่รู้ ดันมีนักเลงดียื่นมือเข้ามาสอดอีก คราวนี้มาไกลจากโบลิเวียร์ แหล่งน้ำมันใหญ่ที่ยังใสบริสุทธิ์ของอเมริกาใต้ มอบให้กันเห็นๆ อิสริยาภรณ์ชั้น ซิมง โบลิวาร์

เป็นเรื่องละซีคราวนี้ ในสารขัณฑ์น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะคิดไม่เป็นกัน อีกอย่างแป๊ะก็ยังไม่ได้โปรแกรมให้ แต่ชาวโลกเขารู้กันดี ว่านั่นมันตบหน้ากันชัดๆ เพราะซิมง โบลิวาร์ ผู้นี้ ชาวบ้านเขาขนานนามว่า เอล ลิเบอเรเตอร์ ซึ่งก็คือวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยดีๆนี่เอง แถมยังได้รับการยกย่อง ขึ้นชั้นเทพเจ้าของคนจน ขนาดว่าเอาชื่อคนมาตั้งเป็นชื่อประเทศ เจ๋งไม่เจ๋ง ลองตรองดูก็แล้วกัน

จากการไล่บี้ไล่อัดคนที่ไม่มีทางต่อสู้ หะแรก นึกว่าจะหมูตู้เหมือนคนก่อนๆ ที่ไหนได้ ทำไปทำมาเจอกระแสตีกลับ กลายเป็นสงครามระหว่างชนชั้นไปซะฉิบ ถ้ายังไม่เสียวไปถึงก้นกบ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เพราะประวัติศาสตร์ก็เห็นๆกันอยู่ ว่าทุกครั้งที่คนจนลุกขึ้นมาสู้ แล้วผลมันเป็นยังไง ใครเป็นฝ่ายชนะ แล้วใครเป็นฝ่ายย่อยยับราพณาสูร ไม่บอกก็น่าจะรู้ๆกันน่ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้คงเห็นกันแล้วว่า การที่อดีตนายกฯต้องไประเหเร่ร่อนอยู่ในต่างแดนนั้น ชาวโลกเขาไม่ได้รับมุข ว่าเป็นคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ ตรงกันข้าม นั่นคือการทำงานภาคสนาม ของนักต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ใครๆเขาก็เข้าใจกันว่า เป็นธรรมดาของนักสู้ผู้ปลดปล่อย ย่อมต้องออกไปปักหลักแลกหมัดในต่างประเทศ หรือไม่ก็ถูกขังคุกขี้ไก่ แบบอองซาน ซูคยี

อีกอย่าง ก็เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าทำไมชนชั้นกลางจึงไปรวมตัว อยู่ขั้วตรงข้ามกับชาวรากหญ้า ก็เพราะนี่มันเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาส่วนแบ่ง ของชนชั้นกลางและสูง ไม่ให้ไหลทะรูดทะราดลงไปสู่รากหญ้า จากการที่ทักษิณมือบอน มาเจาะทะลุทะลวงซะจนเป็นรูโหว่

แต่สารขัณฑ์ยังดีอยู่หน่อย ที่ชนชั้นกลางครึ่งหนึ่ง กับชั้นสูงอีกนิดหน่อย ยังมีใจเป็นธรรมอยู่บ้าง จึงแปรพักตร์มาสมทบกับชาวรากหญ้าผู้ต่ำต้อย สนธิกำลังกันได้ ทำให้มีจำนวนมหาศาล เลือกตั้งทีไรก็ชนะทุกที นอกจากนี้ยังทำให้มีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยง เย่อกับอำนาจมืดขนาดบ๊ะเริ่มเทิ่มได้ อย่างสมน้ำสมเนื้อ

พ่อแม่พี่น้องที่กำลังเครียดจัดเรื่องสื่อชั่ว ว่ามันเสี้ยมข่าวกันเหลือเกิน ก็จะได้เข้าใจซะทีว่า นั่นมันก็เรื่องธรรมดา ของการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีนักสู้คนไหนในประวัติศาสตร์ ที่ไม่โดนสื่อชั่วในประเทศตัวเองรังแกเอา ไม่ว่าจะเป็นเนลสัน แมนเดล่า หรือนักต่อสู้คนสำคัญคนไหนก็แล้วแต่ เจอมาแล้วทั้งนั้น ตราบเมื่อชนะแล้วนั่นแหละ สื่อทั้งหลายจะมาอยู่เคียงข้างคุณเอง

โปรดทำใจให้สบาย เพราะในประวัติศาสตร์การต่อสู้ สื่อไม่เคยตัดสินผลการแพ้ชนะของสงครามได้ และที่สำคัญก็คือ สื่อไม่เคยเข้าข้างคนถูก มันเชียร์ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นฉิบหายทุกที แต่โชคไม่ดี ที่พวกมันก็รอดได้ทุกครั้งเหมือนกัน

ภาพจากวันแดงเถือกที่ราชมังคลาฯ น่าจะเติมกำลังใจให้ทักษิณได้โขอยู่ เมื่อผนวกเข้ากับแรงหนุนจากนานาชาติ ที่กล้าแสดงออกกันโต้งๆ โดยไม่กลัวโดนขวิด งานนี้ ถ้าไม่สู้ตาย ก็คงจะเสียเชิงชายไม่ใช่น้อย..โปรดจำไว้เสมอว่า ถ้าคุณสู้เพื่อคนจน คนจนก็จะสู้เพื่อคุณ...

!!! ซิมง ทักษิโณวาร์ !!!

วโรทาห์: 6 พ.ย. 51

No comments: