Thursday, July 31, 2008

หญิงเหล็ก..สู้สู้ !!!

ในที่สุดคุณหญิงอ้อก็ม้วนเสื่อไปตามระเบียบ เจอเข้าไปเต็มๆ เล่นเอาพูดไม่ออกได้แต่กลอกหน้า จะบอกว่าไม่มีงานก็คงจะพูดยาก ข้อเท็จจริงเป็นยังไงไม่รู้ แต่ชั่วโมงนี้มันต้องเสียวไว้ก่อน เพราะท่านเล่นโชว์ฟอร์มมาหลายนัด ล้วนเข้าเบ้าตากรรมการจังๆทุกดอก จะแกล้งพลาดซักครั้งยังไม่มี ถึงขนาดนี้ ถ้ายังไม่แหยงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว

ถ้าผิดมั่งถูกมั่งคละๆกันไปก็ยังพอว่า แต่นี่เล่นผิดตะบันราด มันก็ทำใจลำบากอยู่เหมือนกัน ใครจะล้วงใครจะควักยังไงเราก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าบางคนถึงกับหูตาสว่าง หมดข้อสงสัยไปโดยสิ้นเชิง พูดง่ายๆว่า ฟันธงแล้วหละ ว่าอะไรมันเป็นอะไร มือที่มองไม่เห็น ก็ได้เห็นกันจะๆ ชัดแจ้งจางปาง ไม่ต้องคาดต้องเดากันแล้ว

พูดกันอย่างแฟร์ๆ กฎหมายบ้าอะไรมันจะเห็นต่างกันไปได้ถึงเพียงนี้ ก็ขนาดที่มีเงินจ้างที่ปรึกษาทางกฎหมายเจ๋งๆ มันยังพลิกคว่ำพลิกหงายไม่เป็นท่า ถ้ายังขืนเป็นอย่างนี้ ใครๆก็มีสิทธิเสียวเว้ย เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดี จะเข้าคุกเมื่อไหร่ยังไม่รู้ตัว แล้วอย่างนี้ต่างชาติจะมิยิ่งกลัวกันไปใหญ่เลยหรือไง

พวกโรคจิตที่หาความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น ก็ถือโอกาสออกมาถากถางกันยกใหญ่ ดูๆไปเหมือนกรอกน้ำใส่รูแย้ สารพัดแย้เลยเผ่นอ้าวหนีตายออกจากรู ขึ้นมาคลานยั้วเยี้ยเต็มไปหมด ป่านนี้คงฝันหวานไปตามเรื่อง ว่างานนี้คนรักทักษิณมีสิทธิที่จะเปลี่ยนขั้ว

น่าสงสารกองเชียร์ฝ่ายประชาธิปไตย เจอตะปูเรือใบจนพลิกหงายไปหลายตลบ เสร็จงานโน้นก็มาเจองานนี้ ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่บ่นกะปอดกะแปดว่า ตกลงจะงอมืองอเท้ากันอยู่อย่างนี้หรือไร ไหนๆก็ไหนๆแล้ว น่าจะสู้ให้เห็นดำเห็นแดงกันไปซักตั้ง ประชาชนพร้อมแล้ว ท่านล่ะพร้อมหรือยัง

เ็ห็นชะตากรรมหญิงอ้ออย่างนี้แล้ว ขนาดจนๆอย่างเรายังต้องเสียววาบ ก็แหม็บๆวันเกิดหลานหนหลัง ยังโอนอมยิ้มให้ไปตั้ง 2 แท่ง ผลปรากฎว่า ถูกพ่อแม่มันด่าเช็ด หาว่าวางยาให้หลานฟันผุ อะไรไม่ว่า นี่กำลังวางแผนลงเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าเกิดฟลุ๊คขึ้นมาได้เป็นนายกฯ เห็นทีว่าเรื่องนี้มีสิทธิบานปลาย

ก็แหม..เรามันรากหญ้าอิสซึ่มอยู่แล้ว ได้เป็นนายกฯเมื่อไหร่ รับรองได้ ว่าลุงป้าน้าอาต้องมีเฮ นี่ก็กะไว้คร่าวๆว่า จะประชานิยมซะให้เข็ด เอาให้หนักหนากว่าน้าแม้วอีก 3 เท่า แล้วมันจะเป็นเรื่องก็ตรงประชานิยมนี่แหละ ถ้าเกิดทำดีเกินไป คงได้ถูกคุ้ยแคะแกะสะเก็ด เอาอมยิ้มไปตีมูลค่า มาเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง แล้วยังถูกยัดเข้าซังเตอีกต่างหาก

เรื่องของเรื่อง กรรมการศาลเจ้าเองก็มีส่วน เล่นวิ่งรอกไปคลุกฝุ่นการเมืองซะมอมแมมไปหมด คราวนี้จะโยนติ้วยังไงก็ไม่พ้นข้อครหา คนเราลองว่าไม่ไว้ใจกันซะแล้ว จะทำดียังไงมันก็น่าสงสัยไปซะหมดแหละ

ต่อให้เชื่อว่าศาลเจ้าท่านไม่เอียง แต่ถึงยังไงมันก็ตะหงิดๆอยู่ดี ว่าไหงมันมาถูกที่ถูกเวลา พาให้พวกกู้ชาติกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันตาเห็น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ยังนั่งหง่าวอยู่หยกๆ

พูดถึงพวกกู้ชาติแล้วก็ต้องว่ากันให้จบ นับแต่มลรัฐมัฆวานต่อสู้กู้ชาติมายาวเหยียด อุตส่าห์ลากยาวผ่านหลัก 60 วันไปจนได้ แต่นักรบศรีวิชัยก็แทบจะแย่งสุนัขรับประทาน วันก่อนยังมีคนเห็นอุ้มกล่องบริจาค ท่อมๆไปเดินแกร่วอยู่แถวสุขุมวิท งานนี้เห็นบอกว่า ถ้าขอกันดีๆไม่ให้ ก็ต้องเจอไม้ด้ามธง

คืนก่อนยังทำงามหน้าอยู่แหม็บๆ นักรบศรีิวิชัยพอเมาได้ที่ ก็ออกไปไถบุหรี่ชาวบ้านดูด ชาวบ้านนั่นก็เหลือเกิน คนเขาอุตส่าห์มาช่วยกู้ชาติ ยังไม่สำนึกบุญคุณ ขอกันกินแค่นี้ยังมาทำงอแง ไม่ให้ยังพอว่า ขอ 20 บาทยังทำขี้ตืด เลยต้องตื้บสั่งสอนกันนิดหน่อย วันหลังจะได้รู้จักเสียสละเพื่อชาติกันมั่ง

แน่ไม่แน่ พอตำรวจตามไปซิว ยังล่อเอาซะปากแตก เพิ่งมาหายซ่าตอนโดนหิ้วไปโรงพัก พอเข้าไปในมุ้งสายบัวเท่านั้น ก็หายบ้าเป็นปลิดทิ้ง นั่งเกาะลูกกรงโอดครวญว่า ไม่น่าเลยตู รู้งี้เก็บก้นบุหรี่ดูดเอายังจะดีซะกว่า

พอบรรยากาศมันวังเวงหนัก ยายปองเลยต้องเต้าข่าว ว่ามีทหารมาช่วย 4-5 กองร้อย แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สมจริงสมจัง ยังขอให้ชา่วกู้ชาติช่วยตบมือต้อนรับกันหน่อย เอ้า..ตบก็ตบ แต่ตบไปก็มองหน้ากันไปเลิ่กลั่กๆ นึกในใจว่า คนไหนหว่า เป็นทหารที่ปลอมตัวมา

แต่ดูยังไงๆมันก็ไม่เหมือน ทหารจริงๆไม่รู้ไปมุดรูอยู่ที่ไหน ที่เห็นๆอยู่นี่ก็มีแต่อาซิ้มอาซ้อ แก่เฒ่าเหลาเหย่กันแล้วทั้งนั้น ถ้าพวกนี้เป็นทหารที่ปลอมตัวมาก็เค้าแป๋ จะส่งมาทำไมให้เป็นภาระเปล่าๆ เผื่อกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม...

ดันเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา ใครจะพาหิ้วปีกวิ่งหนี

วโรทาห์: 31 ก.ค. 51

Wednesday, July 30, 2008

เป็นไงล่ะสุวี๊ด...ตายเดี่ยวเลยงานนี้

ท่ามกลางกระแสข่าวโยกย้าย ปรับใหญ่ครม.หมัก 2 ที่กำลังฮือฮาบ้าเลือด จนคอการเมืองจ้องตาไม่กระพริบ ฉับพลันนั้น ทั้งขาเล็กขาใหญ่ ก็ต้องแตกตื่นเป็นผึ้งแตกรัง เมื่อเกิดระเบิดตูมตามขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน พอฝุ่นควันจางลงถึงได้รู้เหนือรู้ใต้ ว่าสุวิทย์นั่นไง มันเล่นระเบิดพลีชีพ

ใครๆก็นึกว่าตายแน่ คราวนี้เพื่อแผ่นดินตายหมู่ แถมยังไม่ตายเปล่า จะพาเอาลุงหมักลงนรกไปด้วยทั้งขบวน แต่พอเข้าชันสูตรพลิกศพ หมอพรทิพย์ก็ถึงกับเหวอ เพราะหาทั่วรถแล้วเจออยู่ศพเดียว คือศพเสี่ยสุวิทย์กับเห็บหมัดที่เกาะหนึบอยู่ 2-3 ตัว นอกนั้นล่องหนหายเกลี้ยง

ถัดมาไม่นาน ก็มีกลุ่มบุคคลออกมาอ้างความไม่รับผิดชอบ ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นพลพรรคเพื่อแผ่นดินที่รอดตายอย่างหวุดหวิดนั่นเอง ที่พร้อมใจกันยกโขยงออกมาแถลงข่าว บอกว่างานนี้หัวหน้าไปตายโดยพละการ ไม่ได้ปรึกษาหารือใครซักกะติ๊ด ดังนั้นจึงขอถือโอกาส ไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น

เรื่องของเรื่อง เสี่ยสุวิทย์นั้นแกรู้ตัวมาก่อน ว่าเที่ยวนี้ลุงหมักแกเอาแน่ เห็นแกร่ำๆว่าคันมือคันเท้า จะถีบหลานสุวิทย์ลงป้ายหน้าซะให้ได้ เหตุผลคือพักนี้แกบ่นว่าเจ็บหลังเหลือเกิน ไม่รู้ว่าหน้าไหนมันชอบแทงข้างหลัง เห็นหมอบอกว่าถ้าผ่องถ่ายออกไปซะมั่ง อาการเจ็บหลังก็น่าจะดีขึ้น

พอมาดูจดหมายลาตายก็ยิ่งชัดเจน เหตุผลที่พลีชีพมันหน่อมแน้มไปหน่อย ถ้าไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ ก็ค่อยพูดค่อยจากันได้ หรือถ้าห่วงเรื่องเขาพระวิหารก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันกระตุก ถ้าจะอ้างว่าสังคมแตกแยก แล้วมันเป็นความผิดรัฐบาลฝ่ายเดียวหรือไง ยิ่งมีปัญหาก็ยิ่งต้องช่วยกันแก้

เสียดายภาพพจน์นักการเมืองน้ำดี เลือดใหม่ไฟแรง ถึงขนาดที่ทำท่าว่าจะเบียดไหล่กับคุณจาตุรนต์ เพื่อชิงตำแหน่งนายกฯในวันหน้า ไม่นึกว่าอยู่ๆมาคิดสั้น ถ้ามองแค่ว่าจะมาหาผลประโยชน์ ซักวันมันก็ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้ากลัวนักก็ไปนอนอยู่บ้าน ถ้าใจปลาซิวก็อย่าริมาเล่นการเมือง

อยากได้อำนาจแต่ไม่อยากจะเสี่ยง กล้าได้แต่ไม่กล้าเสีย ร่วมรัฐบาลได้ แต่ร่วมหัวจมท้ายไม่เอา คนอย่างนี้จะไปไหนก็ไป อย่ามาเป็นแนวที่ 5 ในครม. คนมันถึงขนาดที่ว่าคตส.การันตี ล้วงชื่อออกจากลิสต์ผู้ต้องหาคดีหวยบนดินเฉย คิดเอาก็แล้วกัน ว่านี่มันคนของใคร

ไหนเคยพล่ามว่าอยากเห็นการเมืองใหม่ ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง พอไม่ได้อย่างใจก็เผ่นหนีไปตั้งท่า รอการเมืองใหม่ 70:30 มิน่าหละ เอเอสทีวียกย่องอย่างกับวีรบุรุษ งานนี้คงฝันเฟื่องว่า เผื่อการเมืองใหม่หานายกฯลำบาก เสี่ยสุวิทย์ก็พร้อมที่จะรอเสียบ

ป่านนี้ พรรคโบราณคงกระด๊ากระด๊ากันน่าดู หลังจากเฝ้าแช่งชักหักกระดูกลุงหมักอยู่ตั้งนานนม อย่างน้อยก็มีอาการสั่นไหวให้เห็น พอได้ชื่นใจ แหม..ได้เห็นคู่แข่งซวนเซนี่ มันได้อารมณ์อย่างบอกไม่ถูก

ต้องขอขอบคุณคมช.ที่มองการณ์ไกล เตรียมแก้ปัญหาให้ลุงหมักไว้เรียบร้อย ด้วยการระบุในรัฐธรรมนูญ ให้ส.ส.ไม่ต้องทำตามมติพรรค ถ้าเรื่องมากนัก จะย้ายพรรคเลยก็ยังได้

แปลกอยู่อย่างที่พรรคนี้ยังเก็บอาการอยู่ ถ้าของแท้ดั้งเดิม ต้องดาหน้ากันออกมาตามน้ำ กำลังเซๆอย่างนี้แหละดีนัก แค่ตามซ้ำ โดดเตะ ถีบ ถอง เดี๋ยวก็ลงไปกองจุ้มปุ๊ก แต่เห็นเงียบๆอย่างนี้ดูแล้วก็น่าเสียว ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน จะว่าดัดนิสัยถาวรแล้ว ก็ไม่น่าจะใช่

แปลกแต่จริง หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลลาออกทั้งที ลุงหมักไม่เสียหายเท่าแมวข่วน เสียงในสภาหรือก็ไม่ได้อ่อนลง ก็แน่ละ หัวหน้าคนนี้มันไม่ได้เป็นส.ส. แถมผลีผลามไปหน่อย เลยตายเดี่ยว ไม่มีใครติดสอยห้อยตามไปตายด้วย

แต่คอการเมืองรุ่นเก๋าเขาแย้งว่าไม่จริง คนที่บอกว่าตายเดี่ยว คงลืมไปแล้วสิท่า ว่าขานี้เขามีเกลอชื่อว่าคุณกิตติ สนิทไม่สนิทก็ขนาดไปไหนไปกัน เป็นเงาตามตัว งานนี้แทนที่จะตายเดี่ยว ต้องบอกว่าตายคู่

ทั้งคุณสุวิทย์ คุณกิตติ

วโรทาห์: 30 ก.ค. 51

Tuesday, July 29, 2008

อำมาตย์..จะตั้งรัฐบาลเองซะแล้ว

ไม่ได้ทำให้อำมาตย์ต้องผิดหวังเลยแม้แต่น้อย สำหรับตาชั่งยี่ห้อดีก้า ของนายห้างกักขฬะอาธร อาบังใจดีของเหล่าพันธมิตร เพียงกดปุ่มสัมผัสเบาๆ เปลี่ยนเป็นโหมดแมนน่วล จากนั้นก็ป้อนตัวเลขตามที่ต้องการ จะกี่โลกี่ขีดก็ว่าไป เสร็จแล้วก็ไปนั่งเต๊ะจุ๊ยได้ ที่เหลือนอกนั้น ตาชั่งจัดให้

ที่เห็นเย้วๆออกอากาศ ด่าพ่อล่อแม่ชาวบ้านอยู่ทุกวี่ทุกวัน วันละ 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 7 วัน ไม่เว้นวันโกนวันพระ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็ฝีมือเขาหละ ตาชั่งบัดสี มีโหมดคุ้มครอง คุ้มได้คุ้มดี คุ้มผีคุ้มสาง ขนาดคุ้มครองชั่วคราว ยังเล่นยาวถึง 7 ชั่วโคตร นี่ถ้าคุ้มครองค้างคืน มิล่อไปไกลถึงวันสิ้นโลกหรอกเหรอ

และแล้วชะตากรรมของหวยบนดิน ก็เหมือนลูกไก่อยู่ในกำมืออำมาตย์ จะบีบก็ตายจะคลายก็เจ๊งอยู่ดี ถ้าลุงหมักจะเกี้ยเซี้ยก็ให้รีบติดต่อมาโดยด่วน งานนี้ไม่ขออะไรมาก ส.ส.ในสภายกให้พปช.ไป แต่รัฐบาลต้องให้อำมาตย์ตั้ง ไม่่งั้นจะสอยไปเรื่อยๆ ดูซิว่าหน้าไหนไม่กลัวคุก ยังจะกล้ามาเป็นรมต.อีก

ช่วงนี้เกมส์ของอำมาตย์ชักจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พวกที่อยู่หลังม่านก็เริ่มจะออกมาเล่นหน้าม่านเยอะขึ้น คงตั้งแต่แป๊ะเริ่มจะเสียสูญ อำมาตย์เลยกลัวจะเสียหมา สั่งสมุนดาหน้ากันออกมาขย่มเป็นระลอกๆ

แต่เที่ยวนี้มาแปลก แทนที่จะสำรากข่มขวัญ ให้ชาวบ้านอุจจาระหดตดหาย ก็มาในแนวห่วงบ้านห่วงเมือง อยากให้ประชาชนสามัคคีกัน ไม่อยากให้ไทยฆ่าไทย ควรเก็บเอาไว้ให้อำมาตย์เชือดเอง ว่างั้นเหอะ

เข้าสู่ยุคกาขาว อะไรๆมันก็ดูแปลกๆ นอกจากพระจะสอนให้ชาวบ้านเลือกข้างมาตีกันแล้ว ขนาดโจรยังออกมาสอนให้คนทำดีกันเป็นแถว แค่สุสานรับฟ้องเรื่องหวยบนดิน ปปช.ยังกล้าออกมากระตุ้น ให้หมอเลี๊ยบหยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสง่างาม โดยไม่นึกว่า ทีตัวเองไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ มันสง่างามตรงไหน

ตามประสาอาบังมีสมองจำกัด ออกมาพูดทั้งทีมันต้องมีหลุดโลก บอกว่าสมัยปี 2505 มีใส้ศึกเอาความลับไปขายให้เขมร ทำให้ไทยเสียเขาพระวิหาร โถ..อาบังก็ช่างจ้อ ถ้าปี 2550 หละไม่เถียง แต่ถ้าเป็นปี 2505 จริงๆ แล้วบังนั่งทำซากอะไรอยู่ตั้งนาน รู้แล้วไม่แก้ไข มันมิยิ่งกว่าขายชาติหรอกหรือ

แม้แต่มือมีดโกนโรคจิต ช่วงนี้ยังมันปาก พอลูกน้องแป๊ะไปโดนตื้บที่อุดร เลยออกมาดิ้นพราดๆ มุกนี้เขาเรียกว่าตามน้ำ ยืมมือฆ่าคน งานถนัดของกะจั๊วเขาหละ หน็อย..มาสั่งสอนว่าไม่ให้ใช้กำลัง เลยโดนลากใส้ซะ ว่าสมัยมีดโกนเป็นใหญ่ ยังสั่งตื้บชาวบ้านไปหลายหน นี่ไม่นับรวมศึกชิงตัวประกันที่ราชบุรี ที่มันสั่งยิงทิ้งทั้งโจรทั้งตัวประกันตายเรียบ ไม่มีใครร้องซักกะแอะ

พักหลังมานี่ ลุงลองก็เริ่มโกอินเตอร์ เจออุดรโมเดลเข้าไปต้องวิ่งแก้กันตีนขวิด ถือว่ายูเอ็นเป็นพ่อเลยส่งฟ้องไปเรียบร้อย ให้มันรู้ซะมั่งว่าไผเป็นไผ งานนี้ชมรมคนรักอุดร ต้องเตรียมรับมือไว้ให้ดี คาดว่าเร็วๆนี้ สหประชาชาติคงส่งกองกำลังเข้ามารวบตัว

อ๊ะๆ..ซีเรียสนะจะบอกให้ เรื่องที่ส่งฟ้องไปไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เห็นเขาว่ามันเป็นเรื่องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเลยทีเดียว เพราะมีหลักฐานชัดๆ ว่ารัฐบาลเป็นแบ็คให้ชาวอุดรมาสังหารโหด หลังจากฆ่าแล้วยังมีกลบเกลื่อน เอาศพไปทิ้งข้ามจังหวัดมั่วซั่วไปหมด..พอฟังลุงลองแล้วเลยได้ความรู้ใหม่ ว่าศีล 5 ของสำนักอสันติโศกนี่ เค้าให้แหลได้ ไม่ถือว่าผิดศีล

เห็นตำราฝรั่งบอกว่า ถ้าโกหกมากเกินขีดจำกัดคนจะไม่เชื่อ นี่แสดงว่ายังรู้จักคนไทยน้อยไป ต้องให้มาทำวิจัยแถวมหาวิทยาลัยราชดำเนิน แล้วจะหนาว นิสิตนักศึกษาที่นั่น ไม่เหมือนใครในโลก พวกเขาเชื่อเพราะว่าอยากจะเชื่อ ต่อให้โกหกแค่ไหนก็จะเชื่อ แต่ถ้าไม่อยากเชื่อ ต่อให้พูดความจริงแค่ไหน จ้างให้ก็ไม่เชื่อ

เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องเกรงใจ ถ้าเป็นเรื่องทำลายล้างฝ่ายทักษิณ ขอให้โกหกมาเหอะ โกหกแค่ไหนก็ได้ไม่ว่ากัน ยิ่งโกหกมากยิ่งดี โกหกให้สุดๆไปเลย..แล้วจะเชื่อให้ดู

เขาถึงบอกว่าผีเน่ากับโลงผุ ฝ่ายหนึ่งอยากจะเชื่อ อีกฝ่ายก็อยากจะโกหก ฝ่ายหนึ่งพร้อมจะเชื่อจนหัวปักหัวปำู อีกฝ่ายก็ต้องพยายามโกหกให้สุดๆ บางทีก็เห็นใจแป๊ะอยู่เหมือนกัน เพราะต้องแต่งเรื่องโกหกทุกวัน เลยมีบางวันที่็หมดมุกเอาดื้อๆ้

อย่างคืนก่อน โกหกจนไม่มีอะไรจะโกหกแล้ว บังเอิญฝนตกลงมาอย่างกับฟ้ารั่ว เห็นคนฟังกางร่มพรึ่บพรั่บอย่างกับดอกเห็ด จู่ๆแป๊ะก็นึกพิเลนขึ้นมา บอกให้ทุกคนหุบร่มเพื่อรับน้ำมนต์จากสวรรค์ ในใจก็นึกว่า ใครเชื่อข้าก็บ้าละวะ

ที่ไหนได้ ทุกคนหุบร่มกันพรึ่บพรั่บ เล่นเอาแป๊ะแทบช็อค พอตั้งสติได้จึงยืดอกขึ้น สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด แล้วกวาดสายตาไปรอบๆ มองดูเหล่าสาวก ที่นั่งเปียกปอนอย่างกับลูกหมาตกน้ำ พลางนึกกระหยิ่มในใจว่า...

ดีวุ๊ย..ตูพูดอะไรมันก็เชื่อ

วโรทาห์: 29 ก.ค. 51

Sunday, July 27, 2008

สนทนาประสาลุงหมัก 27 ก.ค. 51

ลุงหมักเปลี๊ยนไป๋ วันนี้ไม่พูดการเมืองซักกะแอะ ไม่รู้มีใครส่งซิกหรือเปล่า เลยอุบไต๋ไว้รอข่าวดี ฉวยโอกาสวันที่ 29 กรกฎา เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ เข้้าล็อคของโปรดของลุงแกเลยแหละ วันนี้เลยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เล็คเชอร์วิชาภาษาไทยจ๋อยๆ ล่อซะเต็มเหยียด เล่นเอาคอการเมืองทั้งหลาย ถึงกับหาวเรอกันเป็นแถว ยิ่งวอร์รูมศักดินาด้วยแล้ว คิวนี้เล่นเอาตกงาน

แต่ถ้าเป็นคอภาษาไทย งานนี้ถือว่าถูกหวย เลยกระดี๊กระด๊ากันใหญ่ ตีตั๋วนั่งฟังอ้าปากหวอไปตามๆกัน ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้ลุงหมักแกเก๋าจริง ถ้าเรื่องภาษาไทยแล้ว พ.ศ.นี้คงหาตัวจับแกได้ยาก แต่ติอยู่หน่อยเดียว ว่าไม่น่ามาเบียดบังเวลาการเมืองไป ยิ่งไฟกำลังไหม้บ้านอยู่ ทำไมไม่โบ้ยไปจัดรายการพิเศษเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

หันไปทางพันธมิตร ก็ี่หนาวๆร้อนๆไปตามๆกัน เจอลูกนี้เข้า บอกตรงๆว่าเสียวเว้ย นึกยังไงก็เดาไม่ออกว่าลุงหมักจะมาไม้ไหน แต่ยังไงก็ต้องตั้งการ์ดให้รัดกุม ไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่ ยิ่งช่วงหลังๆมานี่ ขึ้นชื่อลือชานักหนา ว่าลุงหมักเป็นจอมสับขาหลอกคนใหม่ ถ้าพันธมิตรจะลงทุนเสียวไว้ก่อน ใครจะว่าน่าเกลียดก็ช่างมัน

กล่าวฝ่ายประชาธิปไตย บางคนอาจจะไม่สะใจโก๋ แต่เอาน่า นานๆที ถือเสียว่าเพื่อความสุขเล็กๆน้อยๆ ของญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ปล่อยให้ลุงแกฝอยของแกไป เรื่องการเมืองเราก็มาลุยกันเอง จะได้ไม่อารมณ์ค้างไปแหวใส่ลุงหมัก เดี๋ยวจะผิดใจกันเปล่าๆ ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า...

เกือบไปไม๊ล่ะแป๊ะ เผลอมันปากไปแป๊บเดียว เฉี่ยวคุกไปเส้นยาแดงผ่าแปด ร้อนถึงป๋าต้องออกมาเคลียร์หน้าเสื่อ แล้วจับแป๊ะมาตีก้นซะหลายเผีี๊ยะ บอกว่าคราวหลังอย่ามั่วอีก นี่กว่าจะเกี้ยเซี้ยได้ ต้องเสียรังวัดไปหลายกิโลขีด เพราะอาศัยหน้าด้านหน้าทนกับประชาชนเอา ถ้าครั้งสองครั้งยังพอแถ แต่ถ้าทำบ่อยๆมันจะน่าเกลียดจนเกินไป

แต่อย่างว่า ป๋าจะไม่ช่วยก็ไม่ได้ เพราะถ้าต้องเข้าคุก แป๊ะแกก็เตรียมเผ่น แถมเผ่นไม่เผ่นเปล่า ยังมีขู่ว่า ถ้าแป๊ะอยู่ไม่ได้ งานนี้รับรองว่่ามีแฉ...

รอดคุกมาได้หวุดหวิด ยังมาทำปากเก่ง คุยว่าถ้าเอาแป๊ะเข้าคุก แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟ แต่ชาวบ้านบอกว่า คนที่จะลุกเป็นไฟ น่าจะเป็นแป๊ะซะละมากกว่า เพราะยังมีคดีรออยู่เป็นกะตั้ก เข้าคุกเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าเรื่องยาว

พลาดไปเที่ยวนี้คนที่ผิดหวังสุดๆ นอกจากคนคุก ที่ตั้งตารอหนุ่มน้อยหน้าอูมขาวๆอวบๆแล้ว ต้องนับลุงลองที่จ่อคิวรอเสียบเป็นเจ้าลัทธิเข้าไปด้วย แต่ไม่ต้องกลัว วันพระใช่มีหนเดียว ถ้าแป๊ะยังขยันเฉี่ยวคุกอยู่อย่างนี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่า ซักวันลุงลองต้องมีเฮ

รอดมาได้แป๊ะก็ลุยต่อทันที ทั้งที่ยังใจหายใจคว่ำ ตอนนี้ไม่เอาแล้วเขาพระวิหาร ขืนพูดไปมีสิทธิเข้าเนื้อเห็นๆ หันไปขู่กรรโชกปตท.ยังจะมันกว่ากันเยอะ เผื่อคนแถวนั้นตกใจขวัญหนีดีฝ่อ มาขอเกี้ยเซี้ย งานนี้คาดว่าน่าจะตบทรัพย์ได้่หลายปึก

ระยะนี้มีแต่เรื่องซวยๆ วันที่แป๊ะไปเซิ้งอยู่หน้าคุก พันธมิตรก็ดันพลาดท่าไปเจอยำใหญ่ จัดให้โดยชมรมคนรักอุดร แต่ไม่รักพันธมิตร ข่าวว่ามีเจ็บอื้อและตายด้วย จริงไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่าทั้งพธม. ปชป. และสื่อเสี้ยมทั้งหลายนั้นแทบจะตายตาม แต่ที่เสียหน้าหนัก คือนักรบศรีวิชัยดันทิ้งธงเผ่นหนีกันหน้าตั้ง ผิดกันลิบลับกับที่กันทรลักษณ์ งานนั้นเจอชาวบ้านมือเปล่าเลยเก่งกันใหญ่

อุตส่าห์รนไปหาที่ยังมีหน้ามาล้งเล้ง อ้างอยู่ได้ว่ามีสิทธิชุมนุมตามกฎหมาย แล้วสิทธิบ้าบออะไร ไปชุมนุมด่าคนที่เขารัก ไล่รัฐบาลที่เขาเลือก ทำอย่างนี้จะตีเมืองขึ้นก็บอกมาเหอะ หน็อยแน่..ดันขนเอาคนใต้ไปย่ำยีถึงอีสาน ยันขึ้นไปทางเหนือ เจตนามันชัดเจนว่าจะแยกภาคให้ฆ่ากัน ในเมื่อขื่อแปบ้านเมืองมันเกเรกันนัก ชาวบ้านจะออกมาลุยเอง มันก็สมควร

อะไรไม่ว่า อุดรโมเดลทำให้ต้นทุนม็อบแป๊ะพุ่งขึ้นสูงปรี๊ด คราวหน้าถ้าจะยกพลไปจังหวัดไหน ค่าตัวต้องเพิ่มเป็น 3 เท่า แถมประกันชีวิตอีกต่างหาก

พอกลิ่นคาวเลือดโชยมาเตะจมูก เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังระงม สอดรับกันเป็นทอดๆ ทั้งเก่งเล็กเก่งใหญ่ หัวหงอกหัวดำ แก่เฒ่าจวนจะเข้าโลง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ให้กำลังใจตุลาการพิฆาต เพื่อบ้านเมืองจะได้สงบ เออ..เร่งให้ฆ่ากันเร็วๆมันก็ดีเหมือนกัน

โดยเฉพาะเจ้าเฒ่า้เสื้อกั๊กนี่ตัวแสบ ออกมาทีไรกลิ่นปากโชยหึ่งไปทั้งเมือง เพราะพวกเวรตะไลนี่แท้ๆ วีรชน 14 ตุลาเลยต้องตายฟรี สมัยก่อนทำเป็นเนียน แต่งหน้าว่าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พอเหยียบย่ำซากศพเพื่อนร่วมอุดมการณ์ขึ้นไปเป็นใหญ่ได้ วางมาดนักเลงโต ใส่เสื้อกั๊กอยู่ในห้องแอร์เย็นเฉียบ ทุกวันนี้ เห็นดีแต่มานั่งอ้อนเผด็จการ

ขนาดป๋ายังเชื่อว่าถึงเวลาคับขัน คนไทยจะหันมาร่วมมือกัน..มิน่าหละ ถึงเร่งเกมส์เร็วกันจัง กะว่าให้้มันคับขันไวๆ คนไทยจะได้ร่วมมือกัน แต่ทว่า..ป๋าแน่ใจได้ยังไง ว่าถึงวันนั้น คนไทยจะไม่หันหน้า มาร่วมมือกันกำจัดป๋า

และแล้ว ลุงหมักก็ได้รมต.ต่างประเทศคนใหม่ สดใสซิงๆ ไปมายังไงไม่รู้ แต่เสียงแซ่ซ้องขานรับกันอึงมี่ ฟังแล้วพาให้เสียววาบ เพราะอดีตมันฟ้อง ว่าคนที่สื่อพร้อมใจกันแบกเกี้ยวให้นั่ง รายไหนรายนั้น ศักดินากาัรันตี

ขนาดหัวเถิกรัตนโกสินทร์ ยังรีบออกมายกยอปอปั้นจนเกือบอ้วก ว่าเป็นบุญของรัฐบาลชุดนี้ที่ได้เตช บุนนาคมากู้หน้า แต่ชาวบ้านยังจำได้ ว่าเป็นกรรมของประเทศ ที่ได้หัวเถิกมาลากลงเหว แล้วทำไมพอถามว่ามีอะไรจะแนะนำรัฐบาลไม๊ มันบอกว่าไม่มี เพราะห่างการเมืองมานาน แต่เห็นวิจารณ์การเมืองอยู่ฉอดๆ ดูดู๋..ลิ้นคนมันไม่มีกระดูก สงสัยที่ว่าห่าง...

น่าจะห่างเกี๊ยะของชาวบ้านซะมากกว่า

วโรทาห์: 27 ก.ค. 51

Friday, July 25, 2008

พันธมิตร..ปีศาจที่ควบคุมไม่ได้

ยิ่งกว่านิยายรักโรแมนติค ระหว่างหนึ่งหญิงหนึ่งชายหัวใจเดียวกัน ที่บังเอิญพรหมลิขิตขีดเส้นให้มาเจอข้อหาเดียวกัน แต่เส้นทางโคจรของทั้งคู่ กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว ในขณะที่ฝ่ายหญิงถูกถีบถล่มจมดิน ไร้สิ้นหนทางที่จะต่อสู้ แต่ฝ่ายชายกลับได้รับการประคบประหงมเป็นอย่างดี จากมวลชนที่ขนกันมา และอำนาจล้นฟ้าจากมือที่มองไม่เห็น

ถ้าจะผิดก็ผิดที่ฟ้าตาถั่ว เป็นโปรโมเตอร์จอมมั่วที่จัดมวยชกข้ามรุ่น ระหว่างผู้หญิงตัวเล็กๆกับผู้ชายล่ำปึ้ก ระหว่างดาวไฮปาร์คกระจอกงอกง่อย ที่ต่อสู้อยู่เพียงลำพัง กับจ้าวลัทธิผู้ยิ่งใหญ่แวดล้อมไปด้วยศิษยานุศิษย์ผู้มืดบอด พร้อมท่อน้ำเลี้ยงที่เปิดหัวจ่ายให้อย่างไม่อั้น

เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาว สวมหมวกปีก เดินส่ายอาดๆ ด้วยมาดเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ ริ้วธงนำหน้าคือหน่วยกล้าตาย แวดล้อมรอบกายด้วยหน่วยอารักขากว่า 50 คน ตามมาด้วยริ้วขบวนรี้พลสกลไกร ต้องตามตำราพิชัยสงครามทุกประการ นี่คือทัพผู้ต้องหาที่กำลังเดินทางเข้ามอบตัว ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล

เหนือพื้นพสุธาที่ข้าเหยียบ ภายใต้ท้องฟ้าที่ข้าครอง ยังมีหน้าไหนยิ่งใหญ่กว่าข้า หากถือว่าข้าหมิ่นแล้วไม่ให้ประกัน ไพร่ราบพลเลวของข้า ทุกนายทุกนาง จะพร้อมใจกันหมิ่นซะให้หมด ลองดูซิว่า หน้าไหนจะกล้ามาจับ

ทัพใหญ่ล้อมไว้ทุกด้าน สำทับด้วยพยานในเครื่องแบบจอมพล ภายใต้การกดดันอันหนักหน่วงเช่นนี้ อย่าว่าแต่ตำรวจเลยที่ต้องสยบ ต่อให้ฟ้ายังต้องก้ม พญายมยังต้องเกรงใจ แล้วมีหรือที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์น้อยใหญ่ จะหาญกล้าท้าทายด้วยไม่ให้ประกัน

มือเกาะลูกกรง แนบหน้าลงในช่องว่างระหว่างซี่เหล็ก สายตาจับจ้องมองจอทีวี ที่กำลังถ่ายทอดประกาศศักดา คนพาลผู้ยิ่งใหญ่ ดูยังไงก็ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอและเขาจะเกิดมาบนผืนแผ่นดินเดียวกัน ภายใต้ร่มธงไทยเดียวกัน และอยู่ใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน

ไม่มีคำพูดที่จะกล่าว ไม่มีน้ำตาที่จะหลั่ง มีแต่ความรู้สึกอันเย็นชา กับหัวใจอันปวดร้าว เมื่ออธรรมมันย่ำยี ชีวิตนี้จะอยู่อย่างไร เจ็บกายยังทนได้ แต่เจ็บใจนั้นเหลือแสน มีแต่ดวงจิตอันกร้าวแกร่งเท่านั้น ที่จะแปรเปลี่ยนความขมขื่นเป็นพลังในการต่อสู้ สองมือเปล่ากำลูกกรงเหล็กจนแน่น เป็นสัญญาณว่าไม่มีวันที่หญิงเหล็กคนนี้จะยอมพ่ายแพ้แก่เหล่าอธรรม

น้ำหนึ่งหยดนั้นช่างไร้ค่ายิ่งนัก แต่เมื่อรวมกันเป็นมหาสมุทรใหญ่ ใครๆก็ต้องเกรงขาม ทะเลเมื่อไร้คลื่นลมนั้นสงบนิ่งและแสนอ่อนโยน แต่เมื่อใดที่ทะเลเดือด แม้แต่ฟ้ายังต้องไหวหวั่น ตราบใดที่เรือใหญ่ยังต้องแล่นอยู่เหนือน้ำ ตราบนั้นความหวังก็ยังไม่สิ้น

อีกฟากหนึ่งของประเทศ พวกเขาได้ลุกขึ้นมาแล้ว ณ.แผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล ทางด้านทิศเหนือและตะวันออกเฉีัยงเหนือ ดินแดนที่เป็นอิสระจากการปกครองของพันธมิตร เป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาตินักสู้ผู้ไม่ยอมจำนน ไม่มีวันที่พวกเขาจะยอมให้หมู่มารมาปักธงประกาศศักดา เหมือนที่พวกมันทำได้ในเมืองหลวง และดินแดนทางทิศใต้ของประเทศ

ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กองทัพมารเข้ารุกราน จึงถูกต่อต้านอย่างยิบตา จนกองทัพอธรรมต้องแตกพ่ายกระเจิง แม้จะพลาดพลั้งถูกตีจนเลือดอาบหน้า เพราะหลงไปต่อสู้ด้วยมือเปล่า กับเหล่าอหิงสาที่ถืออาวุธ แต่พวกเขาก็ไม่เคยถอดใจ กลับเป็นแรงกระตุ้นให้พวกเขาพัฒนาการต่อสู้

เมื่อหมู่มารที่อ้างว่าอหิงสากลับใช้อาวุธ พวกเขาจึงต้องมีไม้และฆ้อนเข้าต่อสู้ให้สมน้ำสมเนื้อ นั่นหมายถึงว่าการต่อสู้ได้พัฒนาไปแล้ว จึงไม่น่าสงสัยเลยว่า การบาดเจ็บล้มตายจะต้องตามมา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงอย่างไรเลือดไทยก็ต้องทาแผ่นดิน

มือที่มองไม่เห็น..ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม จงรู้ไว้เถิดว่า เจ้าได้ก่อกรรมทำเข็ญกับราษฎรแล้ว อย่างไม่น่าให้อภัย เจ้าได้ชุบเลี้ยงปีศาจจนเติบใหญ่เกินกว่าที่จะควบคุมได้ มาบัดนี้ แม้แต่เจ้าเองก็ตกอยู่ในอันตราย ถึงเจ้าจะวางมือตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าประชาชนจะต้องเสียเลือดเนื้อไปอีกเท่าใด เพื่อกำจัดมันลง

จงหยุดเถิด มือที่มองไม่เห็น แม้ว่าจะสายเกินไป แต่ยังดีกว่าไม่ทำ ด้วยวิธีนี้ยังไงเจ้าก็ครองใจประชาชนไม่ได้ รังแต่สร้างความชิงชังให้กับคนในชาติ หากปล่อยให้ลุกลามบานปลายต่อไป แม้แต่ชาติก็คงรักษาไว้ไม่ได้ หากไม่กำจัดปีศาจร้ายแต่ต้นมือ...

แม้แต่ชีวิตของเจ้า ยังต้องสิ้นลงก่อนอายุขัย

วโรทาห์: 25 ก.ค. 51

Thursday, July 24, 2008

ไอ๊หยา..ซี้เลี้ยว แป๊ะเกี่ยวไรด้วย

ซวยจนได้นะแป๊ะ! อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ความรนหาที่อยู่ที่ไหน ประตูคุกก็เปิดที่นั่น ในที่สุดก็ได้สมใจอยากซะที แค่รอกระบวนการอีกไม่กี่ขั้นตอน ก็ได้ไปนอนในมุ้งสายบัวสบายใจเฉิบแล้ว ยังไงก็อย่าให้พลาดโอกาสไปอีกหละ อย่าลืมคำปฏิญานที่ว่า ไม่หนี ไม่ประกัน จะขอตายคาห้องขัง ที่เคยลั่นวาจาไว้ก็แล้วกัน

จะว่าไปแล้ว ลุงหมักนี่หลังๆชักจะเป็นมวยขึ้นเยอะ พอแป๊ะลุยเรื่องเจ๊ดาหนักๆ ถึงขนาดเหิมเกริมเอาเทปไปเปิดออกอากาศโต้งๆ ลุงแกทำเป็นซุ่มเงียบอยู่พักหนึ่ง แต่แอบสะกิดเด็กๆให้ตะลุยเก็บหลักฐานไว้รอ พอพร้อมก็โซ้ยตามน้ำทันที ประกาศขึงขังว่าทนไม่ไหวแล้ว ให้ตำรวจจัดการ..ซิว

ข้างแป๊ะก็นึกกระหยิ่มยิ้มย่อง อะไรจะนิ่มซะขนาดนี้ ใครจะไปนึกว่าจู่ๆหมูก็วิ่งมาชนปังตอ คดีหมิ่นฯนี่ของถนัดอยู่แล้ว พอซิวเจ๊ดามาก็เข้าแผน จัดการผูกเรื่องโยงใยไปถึงนปก. ล่อไปให้ถึงแม้วก็ไม่ใช่เรื่องยาก ยังนึกชมเชยว่าเที่ยวนี้ตำรวจทำงานไว แป๊บเดียวหมายจับเจ๊ดาก็ออก แต่ที่ไหนได้ อีกแป๊บเดียวหมายจับแป๊ะก็ตามมา

ไอ๊หยา..ซี้เลี้ยว แป๊ะเกี่ยวไรด้วย จะจับเจ๊ดาก็จับไป แล้วมายุ่งอะไรกับแป๊ะ แต่ตำรวจบอกไม่เกี่ยวได้ไง ก็แป๊ะนั่นแหละตัวดี เจ๊ดาแกหมิ่นก็เฉพาะที่สนามหลวง คนฟังแค่ไม่กี่คน แต่แป๊ะเล่นเอาเทปมารีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ่ายทอดเอเอสทีวีไปทั่วประเทศ จะบอกว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงก็ต้องไปเข้าคุก

เวรกรรมสมัยนี้มันขี่จัมโบ้เจ๊ท ให้ทุกข์แก่เจ๊ ทุกข์นั้นถึงแป๊ะ นี่ถ้าไม่ไปเอาเจ๊แกมาประจาน แค่แจ้งให้ตำรวจจัดการไปตามระเบียบมันก็สิ้นเรื่อง หน็อย..ดันเล็งผลเลิศ กะถือโอกาสเปลี่ยนวิกฤติคนอื่น ให้มาเป็นโอกาสของตัวเอง จะเหวี่ยงแหซิวศัตรูให้เรียบวุธ เลยต้องมาเจองานช้าง

แต่อย่างว่าระดับแป๊ะแล้ว วงในแกก็พอตัว กว่าหมายจับจะออกได้ แกก็เผ่นแผล็วเข้ากลีบเมฆไปซะแล้ว ก็มาตรฐานอัศวินน่ะสิ เขารับรองว่าจะให้ความเป็นธรรมด้วยมาตรฐานเดียวกับเจ๊ดาเป๊ะ ถ้างั้นก็เลิกคุย เพราะตามมาตรฐานนั้น เจ๊ดาไปอยู่ในคุกเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้แป๊ะยังไม่สะดวกไปเข้าคุก ทูเดย์โน ทูมอร์โร่วโอเค ว่าแล้วก็กบดานไปตามระเบียบ

ตกกลางคืน หัวโตๆก็หมุนติ้วจนแทบระเบิด ไม่รู้เวรกรรมอะไรถึงมาเจอแบบนี้ คดีเล็กก็ไม่เล็กใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะหนีก็น่าเกลียดเพราะคดีเล็กเกินไปสำหรับแป๊ะ แต่ถ้าไม่หนีก็เสร็จแน่ เข้าคุกเที่ยวนี้คงจะออกยาก เพราะคดีจะตามมาล็อคคออีกเป็นตับ คิดยังไงก็คิดไม่ตก เลยเก็บไว้ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยหาทางกันใหม่ ว่าแล้วก็หันไปซดชาเขียว"ซาโรฉะ"

ส่วนทางสะพานมัฆวานก็คึกคักเป็นพิเศษ เพราะจัดพิธีกงเต็กกันเิอิกเกริก ญาติผู้ใหญ่เสียชีวิตทั้งที พรุ่งนี้ก็จะเคลื่อนศพไปฝังแล้ว เสียงร่ำไห้โหยหวนดังระงมไปทั่วอาณาบริเวณ ต่างคร่ำครวญปริเวทนาปริ่มว่าจะขาดใจ โอ้หนอ..ท่านผู้นำจิตวิญญาณ ยังไม่ทันไรก็มาทิ้งผู้มืดบอดไปเสียแล้ว ต่อไปภายหน้าจะมีใครมาให้ความรู้อีก อย่างนี้มิต้องโง่กันไปทั้งชาติหรือไร

หันมาทางฝั่งประชาธิปไตย เรื่องเดียวกันแท้ๆ แต่เหมือนหนังคนละม้วน ข่าวแป๊ะถูกออกหมายจับ ยังความชื่นชมโสมนัสมาสู่พลพรรคประชาธิปไตย อย่างกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 หลายงวดติดต่อกัน ถือเป็นข่าวดีมากๆ ในท่ามกลางข่าวดีที่มีมาเป็นระลอกๆไม่ขาดสายในช่วงนี้

สรุปว่า วันนี้ต้องมารอลุ้น ว่าแป๊ะจะมอบตัวหรือจะหนีหายเข้ากลีบเมฆ ถึงนาทีนี้ยังพลิกคว่ำพลิกหงาย ออกได้ทั้ง 2 หน้า อยู่ที่ว่าจะซื้อใจกันหรือเปล่า ว่าตาชั่งจะตั้งตรง หรือจะเอียงกระเท่เร่ ถ้าถามใจแป๊ะก็ต้องลุ้นอย่างหลัง แต่ถ้าไม่แน่ใจคงต้องเผ่นไปตั้งหลักก่อน ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเ๊จ๊งก็จริงอยู่ แต่ตอนนี้ยังไม่ว่างไปเข้าคุก

อย่างไรก็ตาม นั่นมันเวรกรรมของแป๊ะ แต่เวรกรรมของชาติก็ยังไม่จบสิ้น เพราะผลงานของแป๊ะประสานกับมาร์คเริ่มปรากฎผล ข่าวล่ามาเร็วบอกว่า สหประชาชาติประชุมกันแล้ว ว่าจะเปิดพิจารณาคดีพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหารอย่างเร่งด่วน คราวนี้หละได้เสียดินแดนกันจริงๆซะที หลังจากที่ใส่ไฟกันมาตั้งนาน

ข้างฝ่ายปปช.ก็ยังแถไม่เลิก เมื่อวานก็เอาอีกแล้ว ให้เลขาออกมาแถลงว่าจะเดินหน้าทำงานต่อไป เพราะเขาถือว่ามาโดยชอบ ไม่เกี่ยวกับว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เออแถกออกไปทางนั้นก็ได้ เอ้า..ใครใคร่แถ แถ.. แต่ที่แน่ๆ...

ปปช. ออกไป๊ !!!

วโรทาห์: 24 ก.ค. 51

Wednesday, July 23, 2008

ในที่สุดลุงหมักก็เริ่มออกหมัด

ตั้งแต่ตาชั่งผีสิงออกอาละวาดเป็นต้นมา รู้ตัวเลยว่าบทความที่เขียน จะออกมาในแนวเครียดๆ..แต่จะทำไงได้ ในเมื่อทุกคนห่อเหี่ยวกันไปหมด จะมาทำสนุกสนานอยู่มันก็น่าเกลียด พอมาช่วงนี้เห็นว่าเิ่ริ่มจะทำใจกันได้บ้างแล้ว ก็เลยวกกลับมาวอร์มเครื่องด้วยเรื่องทั่วไปแบบเบาๆกันหน่อย

@ และแล้วผลงานของพันธมิตรประชาธิปัติย์ ก็เริ่มปรากฎผลเป็นรูปธรรม หลังจากล่อเป้าเขาพระวิหารจนได้ที่ ประชาชนชาวไทยเลยได้ฤกษ์ คว้าไม้ไปไล่ตีกันที่กันทรลักษณ์ คันธงกับหัวคนกระทบกันจนเลือดสาด ถือเป็นการตีโชว์ข่มขวัญเขมรไว้ก่อน ก่อนที่นายพลทั้ง 2 ฝ่ายจะไปนั่งถกกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ว่าพื้นที่ทับซ้อนจะเอายังไงกันแน่ จะคืนให้ไทยหรือจะให้แป๊ะมาลุย

ประชุมกันเสร็จสรรพ พล.อ.บุญสร้างกลับมารายงานผล ต้องยอมรับว่า ขนาดแปลไทยเป็นไทยแล้ว ก็ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดี สู้ไปฟังเขมรพูดไทยอย่างพล.อ.เตียบันห์ ยังจะรู้เรื่องซะกว่า สรุปว่าประชุมกันในบรรยากาศที่ดี แต่ดันคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะแปลไทยเป็นเขมรแล้ว ฝ่ายนั้นก็งงเต้ก เล่นถือแผนที่มาคนละฉบับแล้วมันจะคุยกันยังไง

แต่เอาหละ ไหนๆก็คุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว มาถอยกันคนละก้าวยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ต่างฝ่ายก็ไม่อยากรบ ไปสั่งให้ทหารของตัวอยู่ในความสงบ แล้วอย่าเสริมทหารอีกก็พอแล้ว เป็นอันว่าตกลงกันได้ดิบดี งานนี้ทหารต่อทหารไม่มีการยิงกัน แต่เห็นพ้องต้องกัน ว่าต้องช่วยกันยิงแป๊ะ

@ กลายเป็นจอมสับขาหลอกไปซะแล้ว สำหรับลุงหมักของเรา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค. 51 ในรายการสนทนาประสาลุงหมัก แกเอาอีกแล้ว พูดขึงขังตามฟอร์ม ว่าจะออกทีวีของรัฐอัดกับแป๊ะ ให้เต็มเหนี่ยว ตาต่อตา เม้าท์ทูเม้าท์ เอากันให้เต็มที่ วันละ 1 ชม.เต็มๆ เวลา 4 ทุ่มถึง 5 ทุ่ม เริ่มจากวันที่ 21 ก.ค.นี้ เป็นต้นไป

รวดเร็วทันใจต้องยกให้บาปยอด ทุกข์ถิ่นลาว โดดงับกลางอากาศทันทีทันควัน เสนอหน้าอูมๆแถลงจ๋อยๆต่อว่าลุงหมัก ว่าเอาทีวีของรัฐมาสร้างความแตกแยก กะว่าคิวนี้ยังไงนายใหญ่ต้องให้คะแนนเต็ม ที่ไหนได้เจอลีลาพญาหมักเข้าไป ถึงกับหน้าแหกเป็นริ้วปลาช่อน เมื่อลุงหมักปฏิเสธหน้าตาเฉยว่าเปล่า ลุงไม่ได้ทำอะไร เอกชนเขาเช่าเวลาไปทำเอง

เจอทีเด็ดเข้าไป หงายเก๋งไม่เป็นท่าเลยสิยอด ลีลาอย่างนี้นี่แหละ ที่เคยหลอกให้มหาลองกอง เผ่นแผล็วลงไปซุกใต้กระโปรง แล้วโผล่แต่หัวขึ้นมาทำหน้าเหรอหรา จนเสียเชิงปลากรายมาแล้ว

ทำทะเล่อทะล่า ไม่รู้จักปรึกษารุ่นพี่ก่อนออกโรง เล่นก๊ะใครไม่เล่น มาเล่นกับลุงหมัก คราวหน้าคราวหลัง จำไว้ใส่กะโหลกหนาๆ ว่าฟังลุงหมักแล้วอย่าเพิ่งโดดงับ ต้องรอเซ็ทตัวอย่างน้อย 24 ชม. ให้ราคานิ่งก่อนค่อยงับก็ยังไม่สาย ไ่ม่งั้นมีโอกาสเสียหมา หน้าแหกหมอไม่รับเย็บแบบเที่ยวนี้อีก

@ อย่างฮาเลยวิชา มาหาคุณ ถ้าคิดได้แค่นี้ก็อย่ามาหาผม ทำวางท่ากร่างแถลงออกสื่อ ตอบโต้ว่าการโปรดเกล้าฯ ไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะซื่อสัตย์สุจริตมากกว่าคนที่ไม่ได้โปรดเกล้าฯ เอ้า.. พธม.ปชป.งานเข้าแล้วคราวนี้ เตรียมยื่นฟ้องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้เลย หลักฐานออกทนโท่

เห็นแกพูดไปทำสีหน้าภาคภูมิใจไป คงนึกว่าถ้อยคำคมคายเสียเต็มประดา แหม..ยังมีเหน็บอีกแหนะ ว่ารัฐมนตรีที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ยังถูกจับเรื่องทุจริต ไปตายในคุกก็มีมาแล้ว

เล่นเอานักกฎหมายงงเป็นไก่ตาแตก เถียงไม่ออกไปตามๆกัน ก็ใครจะไปเถียงไหว เพราะเหตุผลแกหลุดโลกจริงๆ อย่างนี้ต้องเอาไว้ถกกันกับพันธมิตรหละคงพอสูสี หรือไม่ก็จัดโต้วาทีกับเด็กอนุบาลไปเลย ให้รู้แล้วรู้รอด รับรองว่ากินขาด กวาดถ้วยรางวัลมือเป็นระวิง

ถ้าสรุปกันอย่างนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องอ่านกฎหมายกันแล้ว ใครอยากรับโปรดเกล้าฯก็รับกันไป ใครไม่อยากรับก็ไม่ต้อง เพราะการโปรดเกล้าฯไม่ใช่เครื่องการันตีว่าจะซื่อสัตย์สุจริตเสมอไป

@ รายการความจริงวันนี้ แค่เข้าวันที่สอง ก็เล่นเอาเขายายเที่ยงลุกเป็นไฟ ฤาษีชีไพรจะอยู่ไม่สุขกันก็คราวนี้ หลังจากที่ลุงวีระออกมาแฉโพย ว่าผลของการโกงตาชั่ง โดยเฉพาะม.190 ทำให้มีมือดีไปคุ้ยเขี่ยรัฐบาลขิงแก่ช่วงปลาย ตอนที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ใหม่ๆ ว่ามีอะไรกุ๊กกิ๊กกันบ้างหรือเปล่า

แล้วก็ไม่เสียเที่ยว เจอเข้าไปเต็มๆ เพราะอิทธิฤทธิ์ของวรรค 2 ที่เขียนครอบจักรวาลเอาไว้ เผื่อให้พรรคพวกเลือกใช้เมื่อจำเป็น แต่กลับกลายเป็นพวกเดียวกันแท้ๆที่ได้รับวิบาก เมื่อขิงแก่ควงแม่ทัพอากาศณ.พันธมิตร ไปช็อปเครื่องบินรบสวีเดนมา 1 ฝูง มูลค่าแค่หมื่นเก้าพันล้านเอง เลยไม่ได้ผ่านสภาฯ ครม.อนุมัติให้น้าลิตบินไปเซ็นต์แกร๊ก ก็จบข่าว

ความที่ชะล่าใจไปหน่อย เลยลืมดูวรรค 2 ในม.190 ของรัฐธรรมนูญปีศาจ ที่มันดันทะลึ่งเขียนมั่วไว้ว่า "หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศ อย่างมีนัยสำคัญ" คราวนี้ก็มันตาชั่งเขาละ ถ้าบอกว่าหมื่นเก้าพันล้านไม่มีนัยสำคัญก็จบ แต่ถ้าเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็เติมคำว่าอาจจะมีนัยสำคัญเข้าไปก็จบเหมือนกัน ..แต่ไม่ว่ากรณีไหนก็จบเห่

@ อานิสงส์ของม.190 ยังทำให้ไปเจอสภาหลังยาวตัวจริงชัดเจนเข้าโดยมิได้ตั้งใจ เมื่อคุ้ยแคะไปเจอว่าในกฎหมายที่แม่ลูกดกสนช. เบ่งพรวดทำคลอดออกมาถึง 211 ฉบับ ดันมีถึง 177 ฉบับที่เบ่งโดยไม่ครบองค์ประชุม ซวยแน่ละคราวนี้ ลุงมีชัยก็ทำเป็นก๊ง ส่งขึ้นทูลเกล้าฯทรงลงพระปรมาภิไธยไปแล้วซะด้วย คราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน ก่อนตายได้ติดคุกให้หายอยากกันละคราวนี้

เออ..อย่างนี้ค่อยน่าลุ้นหน่อย รู้จักออกหมัดซะมั่ง ไม่ใช่ปล่อยให้มันตุ๊ยอยู่ฝ่ายเดียว อย่างน้อยมันจะได้ไม่ย่ามใจ จะชกจะต่อยยังไงก็รู้จักเกรงใจกันมั่ง คราวนี้ก็เหลือแต่พวกหน้าด้าน คงต้องช่วยๆกันไล่มันต่อไป

ปปช. ออกไป๊...

วโรทาห์: 23 ก.ค. 51

Tuesday, July 22, 2008

ปปช...ออกไป๊ !!!

แค่ที่มาก็น่าเกลียดน่ากลัวยิ่งกว่าตัวอีทีซะอีก เกิดแต่มดลูกโจรมันจะเป็นพระไปได้ยังไง ถ้ามีคุณธรรมจริยธรรมจริงอย่างราคาคุย ก็ควรจะลาออกตามนายไปซะ ไม่ใช่มาทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้ จะอยู่ซะอย่าง อย่ามาไล่ซะให้ยาก องค์กรในกระบวนการยุติธรรม แต่กลับแต่งตั้งโดยกบฏรัฐธรรมนูญ แถมยังมีวัตถุประสงค์เพื่อตามล่าล้างผลาญคนๆหนึ่ง ถามจริงๆว่าอายไม่เป็นกันหรือไง

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องข้อกฎหมาย ที่ละเลงกันซะเละตุ้มเป๊ะ เพราะมัวเมาในอำนาจที่ปล้นมาจากประชาชน เลยเหิมเกริมถึงขั้นล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ไปแต่งตั้งกันเอง ทั้งๆที่ในกฎหมายระบุไว้ชัดเจน ว่าเป็นอำนาจของในหลวง ..แต่ก็มิได้นำพา

ยิ่งความเป็นกลางยิ่งไ่ม่ต้องพูดถึง ที่นั่งกันหน้าสลอนทั้งหัวดำหัวเหม่งนั่น เลือกข้างกันแล้วทั้งนั้น ทีสมัยนายกฯทักษิณ มันด่ากันแทบจะจมดิน ว่าองค์กรอิสระไม่เป็นกลาง เพราะถูกอำนาจรัฐเข้าแทรกแซง พอมาวันนี้มีแต่พวกมันทั้งนั้นที่อยู่ในองค์กรอิสระ กลับพลิกลิ้นหน้าตาเฉยว่า เป็นกลาง=เป็นก้าง ..ว่าเข้าไปนั่น

เมื่อวานยังเรียกร้องหาความเป็นกลางอยู่แหม็บๆ พอมาวันนี้บอกว่าเป็นกลางไม่ได้ ประเทศชาติจะหายนะ ต้องเลือกข้างความถูกต้องเท่านั้นถึงจะฮ้อแร่ด แล้วนี่ถ้าศาลเลือกข้างความถูกต้องกันบ้าง มันจะมิวอดวายไปกันใหญ่หรือ คงต้องตั้งองค์กรมาตีความว่าฝ่ายไหนถูกต้องกันแน่ แล้วองค์กรนั้นก็ต้องเลือกข้างความถูกต้องด้วยนะ จะเอาอย่างนั้นกันเลยหรือ

นี่ดูแค่พฤตินัย ก็ขาดความชอบธรรมที่จะอยู่แล้ว ถ้าไม่เห็นแก่ความชอบทำจนเกินไป ก็หัดรู้จักอายกันมั่ง รีบๆลาออกไปซะ อย่าต้องให้ประชาชนมาขับไล่ ทีพวกตัวไปไล่คนอื่นเหย็งๆ ยังหาว่าเขาหน้าด้านไม่ยอมลาออก พอเจอกับตัวเองเข้าบ้าง ทำไม๊มันหนายิ่งกว่าเขาซะอีก ต้องเรียกว่าทนยิ่งกว่าถนนคอนกรีต ถึงจะถูก

เจ้าตัวหัวโจกคนนั้น ก็อย่านึกว่าคนเขาจำไม่ได้ หัวเหม่งติดหนวดแล้วยังสวมแว่น หน้าตาอุบาทว์อย่างนี้ มีอยู่พิมพ์เดียวในประเทศไทย ก็คนนี้ใช่มั้ยในสมัยนายกฯทักษิณ ที่ไปเดินท่อมๆอยู่แถวข้างเวทีพันธมิตร ก็หน้าเดียวกันนี่แหละ ที่ร่วมขบวนไปพังประตูทำเนียบ พอจวนตัวก็เผ่นหนีหน้าตั้งกลับไปนอนคลุมโปง แล้วหัวเหม่งหน้าหนวดคนนั้นก็กลับมาเป็นปปช. ..สง่างามซะไม่มี

มาถึงเรื่องนิตินัย ก็ยิ่งไปกันใหญ่โต พอเจอปัญหาข้อกฎหมาย ทั้งๆที่พวกเดียวกัน ชงเองกินเองแท้ๆ ยังแถกันไปหน้าด้านๆ ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิด แล้วคนอย่างนี้หรือที่จะมาชี้ถูกชี้ผิดคนอื่น พอสนธิไปใช้อำนาจแต่งตั้งทับซ้อนกับอำนาจของในหลวง ยังแถไปได้หน้าด้านๆ ว่าอาบังได้องค์รัฏฐาธิปัตย์

ปัตย์เปิตอะไรไม่รู้ เปิดพจนานุกรมดูก็ไม่เห็น ถ้าจะบอกว่าปล้นประเทศสำเร็จแล้ว ก็มีอำนาจเหนือพระเจ้าอยู่หัวก็ใ้ห้ว่ามา จะได้รู้เช่นเห็นชาติกันไป ว่าจะเอากันอย่างนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะมาแถทำไมอีก ถ้าจงรักภักดีจริงอย่างที่ปากพูด ก็อย่าเสียดายตำแหน่ง รีบประกาศยุติบทบาททันทีก่อนที่จะสายเกินแก้

แม้แต่ม.309 ยังอุตส่าห์เอามาอ้างกัน เท่ากับว่าเถียงสู้ไม่ได้ก็มุดเข้าใต้กระโปรงเผด็จการ จะสู้กันก็ให้มันแมนๆหน่อย ถ้าลูกผู้ชายจริงต้องต่อกรให้มันสมศักดิ์ศรี เกิดมาทั้งทีอย่าให้เสียทีที่ได้เกิด แม้ตัวตายต้องให้ชาติยัง ยืดอกเหี่ยวๆขึ้นมารับผิด แม้เจ็บเจียนตาย ต้องไม่ให้สตรีมาคุ้มครอง

วันนี้เอาแค่ปปช.ก่อน ส่วนกกต.ไว้ล่อกันวันหลัง

เพราะขานี้ขานั้นมันก็ตะเภาเดียวกัน

วโรทาห์: 22 ก.ค. 51

Monday, July 21, 2008

สนทนาประสาลุงหมัก 20 ก.ค. 51

ท่าทางอารมณ์คงบ่ค่อยจอย วันนี้ลุงหมักเลยเปลี่ยนแนว เริ่มต้นมาก็ออกตัวเลยว่า วันนี้ขอมาปรับทุกข์กับเจ้าของประเทศ..เอาเลยลุงหมัก เจ้าของประเทศก็รอปรับทุกข์กับลุงอยู่เหมือนกัน เล่นตั้งรับอยู่ท่าเดียว เจ้าของประเทศก็ชักจะรมณ์บ่จอยไม่น้อยไปกว่าลุงนักหรอก นี่อาศัยว่ารักชอบกันอยู่เป็นทุนเดิมหรอกนะ เลยหยวนให้

ปรับทุกข์เรื่องแรกก็เรื่องมาตรการ 6 x 6 ลดแลกแจกแถม 6 มาตรการนาน 6 เดือน ที่ลุงหมักงัดออกมาโกยคะแนนเข้ากระเป๋าอย่างเป็นกอบเป็นกำ เล่นเอาปากหอยปากปูถึงกับตาร้อนผ่าว สับแหลกว่าเป็นนโยบายหาเสียง ที่แปลกประหลาดไปกว่านั้น คือบอกว่าหลัง 6 เดือนไปแล้ว รัฐบาลที่มาใหม่จะเดือดร้อน

อะจึ๋ย! หลัง 6 เดือนนี่รัฐบาลใหม่แล้วเหรอ พูดเป็นม้าไปได้ ไม่รู้ว่ามีอะไรถึงได้มั่นใจกันนัก แต่ลุงหมักก็ยังนั่งยันนอนยันว่า แกยังเหลือเวลาอยู่อีก 3 ปีกว่าถึงจะครบ 4 ปี แล้วยืนยันว่าเป็นมาตรการลดค่าใช้จ่าย ย่อมไม่ทำให้สินค้าขึ้นราคาแน่นอน และหลัง 6 เดือนก็ไม่ต้องกลัว โครงการเมกะโปรเจ็คท์เริ่มเดิน ชาวบ้านก็ลืมตาอ้าปากได้แล้ว

จากนั้นก็วกไปเรื่องม็อบที่สะพานมัฆวาน ที่ตอนเริ่มใหม่ๆก็ชูประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ พอเค้าเลิกแก้ก็เปลี่ยนมาเป็นเรื่องจักรภพหมิ่นฯ อุตส่าห์เก็บความจงรักภักดีไว้ตั้ง 8 เดือน แล้วค่อยงัดออกมาเล่นงาน เมื่อไม่พอใจกัน หลังจากนั้นจักรภพก็ลาออกอีก

แทนที่จะเลิกราไป คราวนี้หันมาปลุกระดมเรื่องเขาพระวิหาร เล่นกันรุนแรงชนิดไม่นึกถึงบ้านถึงเมือง จนศาลรัฐธรรมนูญมาชี้ว่าผิดม.190 รัฐบาลต้องหยุดหมด ทำอะไรไม่ได้เลย

ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องธรรมดาๆแท้ๆ แต่ดันทำให้มันผิดธรรมดา เขมรเขาขอขึ้นทะเบียนมรดกโลก เราก็ขอเป็นเจ้าภาพร่วมแต่เขาไม่ยอม แล้วจะไปทำอะไรได้ ยิ่งตอนหลังเขาแก้ลำขอขึ้นแต่ตัวปราสาทเพียวๆ ก็ยิ่งไม่เกี่ยวกับเรา

ประเทศใหญ่ๆก็แห่กันไปช่วย เพราะเห็นว่าประเทศเรามันเป็นอย่างนี้ องค์กรมรดกโลกก็ไม่ตรงไปตรงมา ทั้งๆที่ตามหลักแล้ว ต้องมีคุณสมบัติครบ 3 ข้อ นี่เข้าแค่ข้อเดียวรับขึ้นให้เลย

นี่พวกม็อบก็ไปวุ่นวายกับเขตโนแมนส์แลนด์อีก เขมรเลยไปร้องสหประชาชาติ คราวนี้หละยุ่งกันใหญ่ ทำไปทำมาจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยากไป แล้วทางนั้นยังไม่ทันไร นี่ไทยต่อไทยก็ตีกันก่อนเลย เห็นแล้วมันเอน็จอนาถ ธงไทยต่อธงไทย คันธงต่อคันธงตีกันหัวร้างข้างแตก ข่าวออกไปทั่วโลก ทางนั้นเขาคงนั่งหัวร่อด้วยความสะใจ

เพิ่งรู้ว่าลุงหมักก็เป็นแฟนเอเอสทีวี เห็นบอกว่าเมื่อคืนนั่งดู นายคนที่เป็นผู้ประสานงาน เสนอหน้าออกมาปาฐกถา 1 ชม. เลยทำให้รู้เช่นเห็นชาติ ว่าคิดอะไรต้องการอะไรและจะทำยังไง โอย..ด่าว่ารัฐบาลหุ่นไว้ใจไม่ได้ ถ้าปล่อยไว้สถานะของราชวงศ์จะเป็นอันตราย

เผากันมา 55 วัน คุยกันใหญ่ว่าทำสำเร็จแล้ว แถลงหมดว่าดาวกระจายไปที่ไหนบ้าง ทั้งๆที่พลตรีบอกว่าไม่รู้เรื่อง..แกคงหมายถึงมหาจอมแหลนั่นแหละ

โจมตีนายกฯว่าไม่จงรักภักดี ให้สังเกตุว่าไม่เคยพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง โถ..ลุงหมักแกตามเสด็จโครงการนี้มาตั้งแต่แรก แกบอกว่าโครงการน่ะได้ผลดี แต่ต้องรู้อะไรควรไม่ควร เอามาเป็นนโยบายไม่ได้มันจะขบ พวกอ้างว่าจงรักภักดีแต่เรียกรัชกาลที่ 9 เขาต้องพูดว่ารัชกาลปัจจุบันถึงจะถูก ไม่รู้ก็อย่าอวด

คุยใหญ่ว่าใช้ตำราเล่มเดียวกับพวกต่อต้านพันธมิตร เป้าหมายคือจะจัดการยึดเมือง กำหนดไว้วันที่ 28 รอศาล รอปปช. จัดการครม.ให้ออกไปก่อน สุดท้ายดาวกระจายจะยึดศาลากลางจังหวัดให้หมด ทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ แน่ใจกันว่าถึงเวลานั้นทหารจะต้องออกมา

อยู่กันมาดีๆ ต้องเอารัฐบาลนี้ออกให้ได้ ยื่นเรื่องถอดถอนครม. ให้ทั้งคณะต้องหยุดทำงานทันที อย่างนี้มันไหวไม๊ครับ พอส.ว.ยื่นไม่ได้ ก็ไประดมคนมา 4 หมื่น ยื่นปุ๊บตรวจสอบเสร็จปั๊บรวดเร็วทันใจ แต่ที 2 หมื่นชื่อที่ฝ่ายนี้ส่งไปก่อนป่านนี้ยังตรวจไม่เสร็จ นี่กะให้ปปช.รับเรื่องปั๊บ ครม.ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

ปปช.ชุดนี้ไม่ได้รับโปรดเกล้าฯ เพราะคมช.สรรหาเองโดยใช้กฎหมายปี 42 แต่เลินเล่อไม่ส่งโปรดเกล้าฯ พอนึกได้ภายหลังค่อยส่งไปกราบบังคมทูล ก็สายเกินเพล ไม่โปรดเกล้าฯลงมาจนป่านนี้ ตอนนี้เลยอ้างม.309 กัน ก็ไม่เถียง แต่ม.309 ให้ละเมิดพระราชอำนาจได้หรือไม่ก็ไปคิดเอา

เรื่องชิมไปบ่นไป อนุฯกกต.บอกว่าไม่ผิด ถ้ากกต.ชุดใหญ่ยอมรับตามอนุฯไปมันก็จบ แต่นี่ยังเล่นไม่เลิก ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับส่งลุงหมักไปฆ่า ไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นยังไง เพราะเตรียมการกันไว้แล้ว ทำลายบรรยากาศบ้านเมืองป่นปี้ ลุงหมักอุตส่าห์กอบกู้มาจนสำเร็จ ต่างชาติยอมรับ นี่พังไปหมดแล้ว เป็นเวรกรรมของบ้านเมืองแท้ๆ

ช่วงท้ายตอบจดหมายจากทางบ้านได้เยอะเอาการ ทั้งเรื่อง 6 มาตรการ น้ำ้มันราคาถูกจากรัสเซีย เรื่องเกียรติภูมิของประเทศไทยที่เสียไปหมดแล้วในเวทีโลก ปัญหาที่เกิดจากรัฐธรรนูญเผด็จการ เรื่องผันน้ำจากแม่น้ำโขง เรื่องดาวกระจายที่หัวโจกควบคุมไม่ได้ เรื่องบ้านเอื้ออาทร บอกว่าไม่สานต่อ แต่จะทำใหม่ ถ้าไม่มีอันเป็นไปซะก่อนก็จะทำให้

มีจดหมายมาชม 6 มาตรการว่าดีมาก ขอฝากรัฐบาลให้ช่วยดูแลประชาชนด้วย ลุงหมักตอบว่าไม่รู้จะรับฝากได้หรือเปล่า ไม่รู้จะถูกฆ่าเมื่อไหร่..ฟังแล้วฝ่อเลยเรา

นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆอีกเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ จาระไนไม่หมด แต่ที่เป็นไฮไลท์คือเรื่องเอเอสทีวีที่ออกอากาศด่ารัฐบาล 24 ชม. ต่อไปจะไม่ให้ด่าฟรี ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป(21 ก.ค.) ลุงหมักจะตอบโ้ต้ทุกวันๆละ 1 ชม.เวลา 4 ทุ่ม ทางสื่อของรัฐ และบอกว่า่กำลังติดต่อขอเวลาจากทีวีสาธารณะด้วย ก็ช่องที่เอาเงินรัฐไปปีละ 2 พันล้าน ให้กลับมาด่ารัฐบาลนั่นแหละ

สุดท้ายมีผู้ชมบอกมาว่าให้เปิดเพลงปิดท้ายรายการยาวหน่อยได้ไม๊ แกก็เลยถือโอกาสฟ้องว่าพอแกร้องคลอตาม พวกนั้นก็วิพากย์วิจารณ์กันใหญ่ เลยถามว่าทำไม มีมาตราไหนห้ามนายกฯร้องเพลงมั่ง พูดไม่พูดเปล่า พอเพลงโชคมนุษย์ดังขึ้นมา แกก็เลยร้องตามให้ดูเลย มีไรอ๊ะเปล่า

แถมเที่ยวนี่ร้องโชว์จนจบเพลงซะด้วย ป่านนี้คงอกแตกตายกันเป็นทิวแถวไปแล้ว ก็เสียงเพราะซะขนาดนั้น มิน่าหละพวกมันถึงไม่ยอมให้ร้อง

พอจบท่อนสุดท้าย "ต้องใจมั่นยิ้มได้เมื่อภัยมา" ลุงหมักก็หัวเราะหึๆ ยกมือไหว้พร้อมกับกล่าวคำว่าสวัสดี..สวัสดี เล่นเอาผู้ฟังน้ำตาซึม ไม่รู้ว่าลาไปเที่ยวนี้จะได้กลับมาอีกหรือเปล่า

ไม่รู้เวรกรรมอะไร บ้านเมืองถึงได้ทุกข์เข็ญกันถึงเพียงนี้

วโรทาห์: 21 ก.ค. 51

Thursday, July 17, 2008

ชัยชนะของอำมาตย์ บนเศษซากปรักหักพัง

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ใครจะไปนึกว่าคนเราเวลาหน้ามืดขึ้นมา มันจะสิ้นคิดไปได้ถึงเพียงนี้ ศักดินามหาอำมาตย์ใหญ่ถึงกับฟาดงวงฟาดงา คว้าอะไรได้เอามาใช้เป็นอาวุธหมด ล่าสุดก็เปิดหน้าออกมาเดินสายท่อมๆ เรี่ยไรเงินจากพ่อค้าเอาไปประเคนให้พวกป่าเถื่อน เพื่อใช้กู้ชาติที่ยังไม่ได้ล่มจม

ก่อนหน้านี้ก็รณรงค์เรื่องคุณธรรมนำไทยอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งได้ผลออกมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ ถึงวันนี้ที่นำไทยไปแล้วไม่ใช่มีแค่คุณธรรม แม้แต่ลาว เขมร เวียตนาม ก็นำไทยไปเรียบวุธ ขาดแต่เพียงเมียนม่าร์เท่านั้นที่ยังงุดๆ ไล่เบียดไล่แซงแข่งกันกับพี่ไทย ชนิดไหล่ชนไหล่ค่อนข้างที่จะสูสี

หันไปมองดูเพื่อนบ้านแล้วก็รู้สึกอิจฉา ขนาดว่าชาวเขมรที่เราเคยดูถูกดูแคลนเขาว่าป่าเถื่อน มาวันนี้ดูยังไงก็อารยะกว่าเราเยอะ เหลือเพียงแค่อารยะขัดขืนเท่านั้นจริงๆ ที่เรายังนำหน้าอยู่หลายช่วงตัว

อะไรมันจะวิปริตผิดเพศไปได้ถึงขนาดนั้น งานนี้เห็นทีว่า ถ้าไม่ได้เลือดคงจะเลิกยาก อยู่ดีๆปีก่อนไปลากอาบังออกมาปฏิวัติ ยังอุตส่าห์ยกให้ไม่ได้เอาเรื่อง นึกว่าพอหอมปากหอมคอก็น่าจะพอแล้ว ที่ไหนได้ จนป่านนี้มันยังไม่ยอมรามือ ขนาดว่าประชาชนไม่เล่นด้วย มันยังไม่สำเหนียก ถึงขั้นนี้ยังจะสู้ยิบตา มะงุมมะงาหลานึกอะไรไม่ออก บอกตาชั่ง

เจ้ากรรม! ตาชั่งบ้านเรามันก็เอวไวทายาท แ่ค่อำมาตย์ยักคิ้วให้ก็เด้งรับดึ๋งดั๋งๆ โยกตาชั่งกันใหญ่ใส่กันมันหยด ถ้าไม่วอดวายกันคาตาก็อย่าหมายว่าจะรู้สึก โกงกันเห็นๆ เล่นกันหน้าด้านๆ ไม่ได้อายฟ้าอายดิน ลงถ้ากล้าเล่นกันถึงขนาดนี้ยังไงอำมาตย์ก็ชนะ แต่ชนะแล้วเหลืออะไรนั่นมันอีกเรื่อง อยากจะดูน้ำหน้านัก ว่าจะฉลองชัยชนะกันบนซากปรักหักพังได้ ก็ให้มันรู้ไป

ขนาดเรื่องตาชั่งยังเอามาล้อเล่น ของสำคัญคู่บ้านคู่เมือง เป็นหน้าเป็นตา เป็นเครดิตของประเทศ ถ้าชาวโลกเขาไม่เชื่อถือก็เ้ลิกกัน สมัยก่อนฝรั่งมังค่ามาค้าขายต้องหิ้วตาชั่งมาเอง เพราะตาชั่งบ้านเรามันป่าเถื่อนไม่เป็นสากล ชาวโลกเขาเลยไม่ยอมใช้ด้วย

กว่าจะปรับปรุงกันจนได้มาตรฐานชั่งตวงวัดเหมือนชาวโลกเค้าก็แทบจะรากเลือด ขนาดนั้นยังต้องเสียดินแดนไปอีกหลายผืน เพื่อแลกเปลี่ยนให้เขายอมมาใช้ตาชั่งเรา เรียกว่ากว่าจะสำเร็จก็เลือดตาแทบกระเด็น วันดีคืนดีดันมาเข้าเกียร์ถอย เหยียบปื๊ดรูดป้าด พรวดเดียวถอยกลับไปเป็นร้อยๆปี ถ้าคิดว่้าทำอย่างนี้แล้วดีก็ทำไป ถ้าวอดวายเมื่อไหร่ก็อย่ามาว่ากัน

ประเทศชาติยามที่ใกล้จะล่มจม ไม่ว่าอะไรๆก็พร้อมใจกันอาเพศ ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด กลับตาลปัตรจนงงเต้ก แม้แต่พระยังหลงผิด กลัวว่าถ้าเป็นกลางแล้วประเทศชาติจะหายนะ เลยออกมายุยงชาวบ้านให้เลือกข้าง ถ้ามีเรื่องกันเมื่อไหร่ ก็นิมนต์ถลกจีวรออกมา ช่วยไล่ตะลุมบอนให้เละเทะกันไปข้าง จะได้เจ๊งๆกันไปให้มันสิ้นเรื่อง

นกพิราบสื่อสารก็กลายเป็นนกตะกรุมหัวเถิก ใช้ให้มันไปพากย์มวยแต่ดันไปเชียร์มวยอยู่เหย็งๆ เชียร์ไม่เชียร์เปล่ายังถือหางได้เสียกันเป็นกอบเป็นกำ พอฝ่ายของตัวเสียท่าก็ออกมาโวยวาย ด่าว่าเยาะเย้ยถากถางฝ่ายตรงข้าม อย่างเอาเป็นเอาตาย ชาวบ้านนั่งดูมันพากย์แล้วงงเป็นไ่ก่ตาแตก ว่าตกลงนี่มันจะพากย์มวยหรือจะขึ้นไปชกเอง

กองเชียร์นี่ก็ตัวแสบ ผิดถูกยังไงมันเชียร์ตะบันราด ขอเพียงให้กำจัดทักษิณได้ เรื่องเลวทรามต่ำช้ายังไงมันก็ว่าดี ชิบผายเท่าไหร่ค่อยไปโป๊วกันวันหลัง รอให้ถึงวันนั้นคงจะเหลือซากให้ซ่อมอยู่หรอกนะ

ปปช.วันนี้ก็เสียหมา ดันมาทำเงื้อง่าว่าจะโซ้ยลุงหมักเลยโดนแกแฉแหลกออกอากาศอยู่จ๋อยๆ หัวล้านหัวเถิกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดไว้รูไหน เรื่องของเรื่อง ตอนที่อาบังเบ่งคลอดพวกมันออกมา ดันตีโง่ไว้เต็มเปา ความที่ไม่มีนมให้ลูกกิน เลยไปฝากไว้กับกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญเก่า ที่พวกมันเพิ่งฉีกทิ้งไปหมาดๆ

คนเรามันถึงคราวที่จะซวย ดันทะเล่อทะล่านึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ลืมดูไปว่าในนั้นระบุให้นับจากวันรับราชโองการ แล้วพวกกบฏมันมีราชโองการซะเมื่อไหร่ ผ่านไป 2 ปีเพิ่งจะมีคนมาอ่านเจอ คราวนี้เลยงานช้าง เงินเดือนที่กินกัน งานการที่ทำไป เป็นอันว่าเถื่อนยกล็อตมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกวันนี้ก็ยังดื้อด้านทำงานทั้งเถื่อนๆ หน้าตาว่าเถื่อนแล้ว แต่นิสัยยังเถื่อนกว่า

คงเห็นว่าบ้านเมืองร้างสงครามมานานนม จู่ๆจอมพลก็ขออนุญาติพลเอกไปขึ้นเวทีกุ๊ย ขนาดแค่ปลุกม็อบข้างถนน ยังแต่งองค์ทรงเครื่องล่อซะเต็มยศ แถมยังผัดหน้าทาแป้งจนเช้งกะเด๊ะ ขนาดว่าคุณหญิงคุณนายยังต้องอายม้วนต้วน พอขึ้นเวทีได้ก็ใส่เป็นชุดๆ ชักดิ้นชักงอจะเป็นจะตาย คร่ำครวญเสียใจว่าไทยต้องเสียดินแดนให้เขมร

โถ..อยู่มาจนจะแก่ตาย ถูลู่ถูกังอีก 2 เดือนเศษก็เกษียณแล้ว เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าต้องทวงเขาพระวิหารคืน..เอาหละเรื่องวัยเราไม่ว่ากัน ถ้ารักจะเอาจริงเอาจังก็ยังไม่สายจนเกินเพล แต่ถ้าให้ดีมันต้องไปที่ชายแดน มาเย้วๆที่สะพานมัฆวานแล้วใครเขาจะเอามาคืนให้

กำลังพลจากสงคราม 9 ทัพก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งทัพช้างทัพม้าก็เสนอหน้าอยู่พร้อมสรรพ แค่สะกิดแป๊ะให้เป่านกหวีด ปรี๊ดเดียวก็ธรรมยาตราออกไปได้เป็นแสนเป็นล้าน ห้าวกันซะขนาดนั้น ถ้าทหารเขมรไม่หนาวก็ให้มันรู้ไป ยิ่งได้แม่ทัพหน้านวลมาบัญชาการ ทหารขะแมร์แค่เห็นหน้า ยังปวดฉี่จนอั้นไม่อยู่ก็แล้วกัน

ลูกไม้ตื้นๆเห็นแล้วน่าสมเพช แค่จะเอาชนะคะคานกันเลยถึงกับลงทุนก่อสงคราม ใครๆก็รู้อยู่เต็มอก ว่าในภาวะสงครามนั้นทหารเขาเป็นใหญ่ ตูมตามขึ้นมาเมื่อไหร่รับรองได้ว่าปฎิวัติชัวร์ จะคิดชั่วทำชั่วยังไงก็น้อยๆหน่อย จะคิดถ่อยทำถ่อยควรระวังให้จงดี พลาดท่าเสียทีขึ้นมาจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แล้วจะมาว่ากันไม่ได้ว่าไม่เตือนกัน

ถึงยังไงก็แล้วแต่ งานนี้ต้องกดแต้มให้ลุงหมัก ถูกถล่มแทบตายชัก ยังมีแก่ใจกัดฟันทำงาน ทำไปร้องไห้ไปยังเข็นออกมาได้ตั้ง 6 มาตรการ ช่วยต่อลมหายใจออกไปได้อีกตั้ง 6 เดือน เพื่อรอวันแฮ็ปปี้ที่เมกะโปรเจ็คท์

ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติควายต้องไว้เขา พอเห็นว่าฉุดขาลุงหมักเอาไว้ไม่อยู่ ฝ่ายค้านก็ออกมามั่วนิ่ม ว่าที่รัฐบาลทำนั้น ฝ่ายค้านเค้าคิดก่อน ฟังดูแล้วคุ้นๆ เหมือนเด็กอนุบาลทะเลาะกัน

เอาเหอะจะคิดก่อนคิดหลังก็ว่าไป แต่คิดแล้วไม่ทำก็ไม่ต้องมาคุยโม้ ชาวบ้านไม่สนใจหรอกว่าใครจะต้นคิด สั้นๆง่ายๆใครเป็นคนทำก็เอาคะแนนไป แค่นั้นจบ

หลังจากนี้คงต้องมาดูกัน ว่าถึงเวลาจะตีรวนกันแค่ไหน ถ้าปล่อยผ่านง่ายๆก็ไม่ใช่ฝ่ายค้านชุดนี้ ขนาดยังไม่ทันเริ่มยังติโน่นตินี่ ไม่มีดีซักกะอย่าง ช่วยคนโน้นไม่ช่วยคนนี้ ช่วยคนนี้ไม่ช่วยคนนั้น สักแต่จะว่ากันไป แล้วมาตรการอะไรที่ออกไปแล้วมันได้กับทุกคนโดยถ้วนหน้า ก็ไม่ยอมออกมาบอกกัน นี่อะไร ยังไม่ทันไรก็ชักใบใ้ห้เรือเสีย พูดมาได้ว่า ถ้ามีรถเมล์ที่ไม่ต้องจ่ายตังค์...

ชาวบ้านแย่งของฟรี เดี๋ยวก็ตีกันตาย

วโรทาห์: 17 ก.ค. 51

Tuesday, July 15, 2008

ว.วชิรเมธี วันนี้ต้องกระตุกกันหน่อย

แต่ไหนแต่ไรมา เห็นว่าเป็นคนในเครื่องแบบ ก็เลยไม่อยากจะตอแย แต่ทำไปทำมาชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่ เรียกว่ายั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่เลยก็น่าจะว่าได้ เป็นพระอะไรทำไมถึงได้ชำนาญการเรื่องการเมืองเสียนี่กระไร ขนาดว่าเบียดเอาพระพันธมิตรอื่นๆให้ต้องชิดซ้ายไปตามๆกัน

ค่าที่ว่าเป็นมวยเชิง ไม่โฉ่งฉ่างอย่างพระคิ้วหนา หรือหลวงตาอรหันต์ แต่มั่วนิ่มจนเนียนนุ่ม ขนาดว่าชาวบ้านทั่วไปแยกไม่ออกเลยว่า เป็นพระที่ถือหางพันธมิตรอยู่เต็มกำมือ เห็นแล้วก็ไม่สบายใจ เพราะว่านานวันไปจะกลายเป็นพระมาเทศน์ให้ชาวบ้านเค้าตีกัน เลยจะพาลให้คนเขาพลอยเสื่อมศรัทธาในพระศาสนาไปเปล่าๆ

คงจะย่ามใจที่พูดได้ฝ่ายเดียวโดยไม่มีใครโต้แย้ง แต่วันนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไป ถึงยังไงก็ต้องคุยกันหน่อย ท่านเป็นศิษย์พระพุทธเจ้าเราก็ศิษย์ตถาคตเหมือนกัน ต่างกันแต่เพียงไม่ได้นุ่งเหลืองห่มเหลืองมันก็แค่นั้น แต่ถ้าจะวัดกันที่ใจ กล้าพูดได้เลยว่าเกินร้อย ถ้าจะเอาพระพุทธเจ้ามาขายกินกันอย่างนี้ ถึงเป็นสงฆ์ก็คงยอมกันไม่ได้

แล้วก็อย่ามายัดข้อหาให้หละว่าด่าพระ ก็ในเมื่อพระย่ามใจโดดขึ้นเวทีไปไล่ชกเขาเอง ถ้าจะเจอสวนเอาซะมั่งมันก็สมควร จะไปโวยวายว่าเขาทำร้ายพระมันก็ไม่ถูก อย่านึกว่าห่มผ้าเหลืองแล้วจะได้สิทธิพิเศษอะไร เพราะพระที่ตกนรกหมกไหม้อยู่ในโลกันตร์ก็ถมเถ อย่าได้หลงผิดคิดว่าพระพุทธองค์จะทรงคุ้มครอง ใครก็ช่วยไม่ได้ เพราะกรรมใครก็กรรมมัน

แต่ขอให้สบายใจได้ ยี่ห้อนี้ไม่มีด่ามั่ว ที่เขียนมานี่ก็อ้างอิงจากบทความของท่านเอง เรื่อง “ความเป็นกลาง = ความเป็นก้าง" ที่ตีพิมพ์ในเนชั่นสุดสัปดาห์ เอาแค่ชื่อบทความก็เหลือกินแล้ว เพราะสักแต่ว่าเล่นคำให้ลำเค็ญ คุ้นๆอยู่ว่าเป็นลีลาถนัดของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ที่กำลังจูบปากดูดดื่มอยู่กับพันธมิตร

ที่ท่านบอกว่า "ความเป็นกลางทางการเมืองคือ การยืนอยู่ข้างธรรมะและความถูกต้อง" นั้น ถ้าแค่ฟังผ่านๆมันก็ดูดี แต่ถ้าคิดดีๆมันยังไงๆอยู่ งั้นทุกวันนี้ที่ท่านยืนอยู่ข้างพันธมิตร มันก็แสดงเป็นนัยๆว่าพันธมิตรนั้นถูกต้องใช่หรือไม่ ถ้าจะเถียงว่าไม่ได้อยู่ข้างพันธมิตร งั้นก็แสดงว่าพันธมิตรไม่ถูกต้องหรือไง เพราะท่านก็พูดอยู่ว่าท่านเลือกข้างความถูกต้อง

แล้วอย่าเผลอหลุดปากหละว่าเป็นกลาง

อีกอย่าง ความถูกต้องนี่มันเลือกอยู่เป็นข้างๆหรือท่าน ถ้าข้างไหนถูกต้องมันก็จะถูกตะบันราดไปซะทุกเรื่องเลยหรือไง ถ้าตอบว่าใช่ก็แล้วไป เพราะไม่มีอะไรจะคุยกัน แต่ถ้าตอบว่าไม่ใช่ แล้วท่านไปเลือกข้างปักหลักอยู่ข้างเดียวได้ยังไง ถ้าเลือกข้างความถูกต้องมันก็ต้องสลับไปสลับมา หรือไม่ใช่

ครั้นจะอยู่เฉยๆก็ไม่ได้อีก เพราะท่านตีกันไว้แล้ว ว่าการอยู่เฉยๆ นั้นจะนำประเทศไทยไปสู่หายนะ งั้นก็แสดงว่าการที่ท่านเต้นแร้งเต้นกาอยู่นี่ คือกำลังช่วยรักษาประเทศอยู่ละสิ หรือพูดง่ายๆว่าท่านกำลังกู้ชาติก็คงจะไม่ผิด ถ้าจะผิดก็ตรงที่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ หรือจะอ้างบาลีบทไหนก็ให้ว่ามา แล้วช่วยบอกด้วยว่าพระพุทธเจ้าทรงถือสัญชาติอะไร และทรงกู้ชาติของพระองค์ยังไง

สรุปว่าความเป็นกลางไม่มี ยังไงก็ต้องเลือกข้าง แล้วต้องเลือกข้างความถูกต้องด้วย ถ้าไม่รู้ว่าข้างไหนถูกต้องก็ให้ถามท่าน เพราะว่าท่านนั้นรู้ดีกว่าใคร ถ้าไม่งั้นคงไม่ได้ใ่ส่จีวร..ว่างั้น

เสียทีที่ร่ำเรียนจนเป็นมหา แค่ความเป็นกลางยังไม่รู้จัก ในพระไตรปิฎกมีอยู่ชัดเจน ไม่รู้หลงหูหลงตาไปยังไง อย่าให้ถึงกับต้องบอกเลยนะว่าอยู่ในบทไหน เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าสอนหนังสือสังฆราชไปซะเปล่าๆ

เอาเป็นว่าสั้นๆง่ายๆ ความเป็นกลางมันอยู่ที่ใจ วางอุเบกขาลงที่ใจย่อมไร้รักไร้ชัง เมื่อไร้รักไร้ชังก็เป็นกลาง เมื่อเป็นกลางย่อมเป็นธรรม ผู้พิพากษาที่เ็ป็นธรรมย่อมตัดสินไปตามเนื้อผ้า ไม่มีความรักความชังเข้ามาผสมโรง ไม่ต้องคำนึงถึงว่าตัดสินไปแล้วใครจะได้ใครจะเสีย ไม่ต้องมาเป็นบ้าเป็นหลังว่าตัดสินอย่างนี้ประเทศชาติจะหายนะ หรือว่าตัดสินไปแล้วคนชั่วจะพ้นผิด

เป็นพระก็เทศน์ไปตามเหตุตามผล ไม่ต้องมาตะแบงตีความพระไตรปิฎก ชั่วดีเป็นเรื่องสมมติ เรามาถือวิสาสะตัดสินกันเองว่าคนนั้นดีคนนี้ชั่ว แล้วก็มาพะว้าพะวงว่าเทศน์ไปแล้วคนชั่วจะได้ดี พาให้ต้องมาคอยบิดเบือนคำสอนเพื่อไม่ให้เข้าทางคนชั่ว อุปาทานมันเกิดขึ้นในใจแล้ว แน่นอนว่ามันก็ไม่เป็นกลาง เลยพาลหน้ามืดตามัวว่าความเป็นกลางมันไม่มี

เมื่อเกลียดทักษิณซะแล้ว ก็ต้องพยายามหาทางกำจัดให้ได้ จะยัดข้อหาขายชาติอะไรก็ว่่ากันไป ชาวบ้านหน้ามืดตามัวยังไม่พอ พระสงฆ์องค์เจ้ายังเอากะเค้าด้วย เลยเอวัง

พูดมาได้ยังไง ว่าสงสัยระบบการศึกษายิ่งสอนยิ่งทำให้คน “เชื่อง” ก็อยากจะถามกลับไปเหมือนกัน ว่าปากหรือนั่นท่านมหา ท่านกำลังกล่าวถึงคนแต่ใช้คำว่าเชื่อง คำนั้นมันใช้กับแมวหรือใช้กับคน จะสอนอะไรก็สอนไปไม่มีใครว่า อย่ามาเล่นลิ้นให้คนเขาเสียหาย แค่กล่าววาจาส่อเสียดก็ผิดศีลข้อมุสาแล้ว เป็นถึงมหาก็น่าจะรู้

ที่บอกว่า "พระพุทธเจ้าทรงเป็นนักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน โดยหักล้างคำสอนเรื่องพระพรหม เรื่องระบบวรรณะ"

ก็ว่ากันไป สักแต่ว่าจะตีความ ก็พระองค์ทรงสอนเรื่องสัมมาทิฎฐิ มันไปเกี่ยวอะไรกับการเมืองการปกครอง ขอร้องถ้าเคารพพระพุทธเจ้าจริง ก็อย่าริลากเอาพระองค์มาแปดเปื้อนกับการเมือง คำสอนของพระพุทธองค์เป็นอกาลิโก ไม่ขึ้นกับกาลเวลา แต่การเมืองนั้นมันผันแปรไปตามกาล ไม่มีความแน่นอน เรื่องที่ว่าถูกในวันนี้ วันข้างหน้าอาจจะผิดมหันต์ก็ได้

แล้วที่มาอ้างว่าทรงยุ่งกับการเมืองเพราะไปห้ามทัพ ก็ขอถามหน่อยว่าพระองค์ไปเลือกข้างหรือยัง ทรงห้ามพระญาติไม่ให้รบรา่ฆ่าฟันกันไม่ใช่หรือ แล้วมันไปเกี่ยวกับการเมืองยังไง ถ้าจะอ้างเพื่อเอามาสนับสนุนความชอบธรรมของตัว ก็ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ท่านไปห้ามทัพหรือว่าไปผสมโรงช่วยฝ่ายหนึ่งไล่กระทืบอีกฝ่ายหนึ่ง

แล้วยังมาอ้างว่าทรงเสนอระบบเศรษฐกิจแบบ “ทางสายกลาง” ที่เน้นการบริโภคเพื่อความอยู่รอดมากกว่าการบริโภคเพื่อความมั่งคั่งอย่างไม่รู้จบด้วย

เอากันเข้าไป แค่พอเพียงก็ยังพอทน นี่ถึงกับยืมพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้ามาด่าทุนนิยมอีก ช่างบาปหนากันจริงๆ ตรงไหนหรือ ที่ทรงพูดถึงระบบเศรษฐกิจ ตรงไหนหรือที่ทรงบอกว่าไม่ให้มั่งคั่ง ที่อ้างมานั่น ทรงสอนภิกษุให้ถือสันโดษไม่ใช่หรือ ทรงสอนให้กินอยู่ตามอัตภาพเพื่อขจัดกิเลส กับทั้งเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อสังคม ที่เลี้ยงดูพระสงฆ์อยู่ หรือไม่ใช่

สุดท้าย บอกว่าพระสงฆ์ควร ‘ถ่ายทอดธรรม’ ให้กับนักการเมือง อันนั้นก็ไม่เถียง แต่เรื่องแค่นี้ก็จะมาอ้างว่าพระต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้วหรือ ในเมื่อเป็นพระก็ต้องถ่ายทอดธรรมให้กับทุกคนไม่เลือกชั้นวรรณะอยู่แล้วเป็นธรรมดา หาไม่แล้ว ถ้าเกิดไปถ่ายทอดธรรมให้กับนางคณิกาหละจะว่าไง จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของเค้าไม๊

แล้วที่สำคัญกว่านั้น จะถ่ายทอดอะไรให้ใครก็แล้วแต่ ต้องแน่ใจนะว่าตัวนั้นรู้จริง หมอที่จ่ายยาพิษเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นยาดีมีบาปหนักฉันใด พระที่สอนผิดๆเพราะเข้าใจว่าตัวเองสอนถูกก็บาปหนาพอกัน

อย่าทึกทักว่าสิ่งที่เรารู้นั้นถูกต้องหมด มีเรื่องมากมายที่เราเข้าใจว่าเรารู้ทั้งๆที่ความจริงแล้วไม่รู้ จักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล เกินกว่าสติปัญญาของมนุษย์ที่จะรู้ได้ มนุษย์ที่เป็นปุถุชนนั้นรู้น้อยซะจนถือว่าไม่รู้เลยก็ว่าได้ รู้โดยสัญญานั้นยังไม่ใช่ปัญญา ต่อให้ท่องบ่นพระไตรปิฏกพันเที่ยวหมื่นเที่ยว ปัญญาก็ไม่เกิดถ้าไม่ปฏิบัติ

พระพุทธองค์จึงทรงให้สงฆ์บวชเรียนเพื่อแสวงหาโมกขธรรม ยังชีพด้วยปัจจัยที่ชาวบ้านถวาย เพื่อให้มีเวลาพอที่จะปฎิบัติธรรม ให้เกิดความรู้แจ้งยิ่งกว่าคนธรรมดา ต้องปฏิบัติให้ถึงขั้นโลกุตตระ เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดา จึงจะมีปัญญามาสอนฆราวาสได้ จึงจะสามารถนำพามนุษย์ให้หลุดพ้นจากสังสารวัฎได้ ถ้าเพียงแต่ท่านปฏิบัติได้ตามนี้ คงไม่ออกมาพูดอะไรตื้นๆเช่นนั้น

ถ้าบวชแล้วแค่อ่านตำราเพื่อสอบให้ได้เปรียญ 9 เพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นมหา แล้วก็ออกเที่ยวสั่งสอนชาวบ้านตามแต่จะคิดเอาเอง ไม่ปฎิบัติให้ถึงตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน พระกับชาวบ้านก็ไม่มีอะไรต่างกัน ถ้าทำได้แค่สอนให้คนคิดดีทำดี ไม่ต้องเป็นพระก็สอนได้ จะต้องมาบวชทำไมให้เสียผ้าเหลือง จะต้องใส่บาตรทำไมให้เปลืองข้าวสุก
 
อย่าคิดว่าสิ่งที่เรารู้นั้นคนอื่นไม่รู้ ผ้าเหลืองไม่ได้ทำให้คนฉลาดกว่าธรรมดา วิทยาการสมัยใหม่นั้นเรียนทันกันหมด คัมภีร์ไม่ได้อยู่แต่ในใบลานอีกต่อไป ฆราวาสที่รู้ธรรมมากกว่าสงฆ์นั้นมีมากซะยิ่งกว่ามาก ขืนไปเที่ยวสั่งสอนส่งเดช ระวังว่าจะถูกตอกกลับเอาง่ายๆ จะพาลเสื่อมเสียไปถึงพระบรมศาสดา ระวังจะบาปหนายิ่งกว่าพระเทวทัต

คนไทยร่วมชาติต้องมาเผชิญหน้ากันก็ทุกข์พอแรงอยู่แล้ว เป็นพระเป็นเจ้าไม่ช่วยห้าม ยังมาสุมไฟใส่ฟืนเติมเชื้อให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลงไปอีก บาปหนากันขนาดไปลากเอาพระพุทธเจ้ามาสร้างความชอบธรรมให้ฝ่ายตัวเอง ทำกันถึงขนาดนี้มันก็เกินไป พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเป็นศาสดาของเราทุกคน

ถ้าใครจะมาทำให้พระพุทธองค์ทรงเสื่อมเสียขนาดนี้ ถึงตายก็อย่าหวังว่าจะมีใครยอมใคร

วโรทาห์: 15 ก.ค. 51

Monday, July 14, 2008

สนทนาประสาลุงหมัก 13 ก.ค. 51

จะเรียกว่าวันนี้ที่รอคอยก็คงจะไม่ผิด เพราะลุ้นระทึกมาทั้งสัปดาห์ เพื่อจะฟังจากปากลุงหมักให้ชัดๆ ว่าจะเอายังไงกันแน่ หลังจากที่แกเย็บปากมาทั้งอาทิตย์ ทั้งๆที่โดนพรรคมารรุมสกรัมจนแทบเอาตัวไม่รอด ปล่อยให้กองเชียร์นั่งเหวอกับ "ตาชั่งสยองขวัญ ตุลาการพิฆาต" ไปตามลำพัง

เสียแรงที่ใจจดใจจ่อรอมาทั้งสัปดาห์ กะว่ายังไงก็ต้องมีรายการเอาคืน ที่ไหนได้วันนี้ลุงหมักดันมากับพระ เปิดฉากได้ก็เล็กเชอร์เรื่องอริยสัจ4 เรื่อยไปถึงวันอาสาฬหบูชา จนยันออกพรรษา เวรกรรม..มาแนวนี้แล้วเมื่อไหร่มันจะได้เลือด เข้าใจไม๊ว่าคนมันงึด อยากจะฟังเสียงนกหวีดแทบตายก็ไม่ยอมเป่า พยักหน้ากันหงึกหงักก็แล้วแต่ลุงแกยังทำเฉย

นึกว่าจบจากเรื่องพระแล้วคงจะตรงเข้าเรื่องมาร เปล่า..ต่อด้วยเรื่องฉลอง 100 ปีพระบรมรูปทรงม้าเฉย ร่ายยาวไปถึงพระราชกรณียกิจร.5 ซะละเอียดยิบ แหม..ก็เรียนมาในตำราแล้วทั้งนั้นแหละลุง ถ้าบ้านเมืองปกติจะไม่ว่าซักคำ ถือว่ามาริ้อฟื้นความจำกัน แต่นี่บ้านเมืองกำลังจะลุกเป็นไฟ แล้วใครจะมีแ่ก่ใจมานั่งฟังล่ะลุง

กว่าจะจบก็ล่อไปครึ่งชั่วโมง ตายละวาเหลืออีกแค่ครึ่งชั่วโมงจะไปทำอะไรได้ละนี่ เวลายิ่งมีน้อย ยังมาฝอยเรื่องมาตรการแก้ปัญหาน้ำมันแพงซะอีก ไล่ตั้งแต่เรื่อง ลดภาษีรถยนต์E85 ไปถึงเรื่องเจรจาขอปันน้ำมันดีเซลราคามิตรภาพมาจากรัสเซีย คุยว่าทำให้ลดราคาไปได้ตั้งลิตรละ 8 บาท เพียงแต่ว่าต้องซื้อผ่านสหกรณ์เท่านั้น ตกลงว่าโม้เสร็จหมดไปอีก 15 นาที

ความจริงมันก็เรื่องดีๆทั้งนั้นแหละลุงหมัก แต่อารมณ์นี้สิ่งที่ชาวบ้านอยากรู้คือจะประคองรัฐนาวาต่อไปยังไำงมากกว่า ในเมื่อฝ่ายโน้นมันแก้ผ้าเล่นไม่อายผีสางเทวดากันแล้ว แต่ฝ่ายเรายังโน๊งเนงโน๊งแกละ พาซื่อเล่นกันอยู่แต่ในเกมส์ ตกลงใจคอจะเอาแต่ยืนล่อเป้า ไม่ออกหมัดซักจึ๊กเลยหรือลุง

กว่าจะเข้าเรื่องก็เหลือเวลาแค่ 15 นาที เริ่มจากจับเจ้าเทพไท เสนนะพงษ์ขึ้นมาแขวนไว้ก่อน บอกว่าเดี๋ยวตอนท้ายจะกลับมาปล้ำตีเข่า จากนั้นจึงหันมาเล่นสื่อเอาฤกษ์เอาชัย ชูนสพ.ไทยโพสต์ที่พาดหัว "นายกฯไร้ยางอาย" ขึ้นมาฟ้องประชาชน ว่านี่สื่อมันเล่นกันจนไม่มีหูรูด เลยต้องขออภิปรายไม่ไว้วางใจสื่อหน่อย

สรุปว่านี่แหละเป็นสาเหตุที่ลุงหมักไม่พูดกับสื่อ ต้องอั้นไว้จนถึงวันอาทิตย์ 7 วันพูดที เพราะว่าพูดไป 10 มันลงแค่ 1-2 อีก 8 มันละเลงซะเละตุ้มเป๊ะ

ต่อมาก็ฟ้องประชาชนเรื่อง ส.ว. 77 คนส่งซิกกับปปช.ยื่นถอดถอนนายกฯ กับรมต.ต่างประเทศ แถมพ่วงอ.ชูศักดิ์ไปอีกคน งานนี้กะเอากันถึงตาย ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตถึงประหารชีวิต แต่สุดท้ายถอนเรื่องไปเพราะว่าเสียงไม่พอ ต้องใช้ 90 เสียง ขืนยื่นไปก็เสียสิทธิฟรี

เลยถือโอกาสนี้ยำใหญ่ปปช. ที่รอสับนายกฯอยู่อย่างกระเหิ้ยนกระหือ กะว่าส.ว.ยื่นมาปุ๊บก็รับปั๊บ นายกฯต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที นี่เป็นการให้คณะที่ไม่ได้ถวายสัตย์ หรือพูดง่ายๆว่าแต่งตั้งโดยคณะปฏิวัตินั่นแหละ มาสั่งให้คณะที่ถวายสัตย์หยุดปฏิบัติหน้าที่

ส่วนเรื่องที่ศาลตัดสินไปนั้น ลุงหมักบอกว่ายอมรับเพราะว่าศาลตัดสินไปตามกฎหมาย มันผิดที่คนร่างกฎหมายต่างหาก แล้วยกอริยสัจสี่มาว่า ปัญหามันมาจากเหตุ เหตุมันอยู่ที่รัฐธรรมนูญมีปัญหา เพราะว่าคนร่างมันมีอคติ ร่างมาเพื่อจัดการกับคนที่ตัวเองเกลียดชังโดยเฉพาะ

อย่างม. 237 เรื่องให้ใบแดง เดิมนั้นมันไม่มีปัญหา แต่ดันมาเพิ่มวรรค 2 เหวี่ยงแหว่าถ้ากรรมการทำผิดต้องยุบพรรค แล้วก็ม. 190 มันดันมาเพิ่มวรรค 2 ให้ครอบจักรวาลเข้าไว้ แทบจะว่าหนังสืออะไรถ้าเกี่ยวกับต่างประเทศต้องไปผ่านสภาหมด กระทรวงต่างประเทศสมัยรัฐบาลสุรยุทธก็เคยทักท้วง เพราะมันทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานลำบาก แต่กฎหมายนี้ก็ผ่านจนได้

เรื่องปราสาทพระวิหาร เดิมทีสมัยรัฐบาลสุรยุทธ เขมรยื่นขอขึ้นทะเบียนรวมพื้นที่ทับซ้อนไปด้วย ฝ่ายไทยก็ทักท้วงมาโดยตลอดถึงปัจจุบัน บอกว่าถ้าจะขึ้นต้องขึ้นร่วมกัน แต่เขมรไม่ยอม แล้วภายหลังฮุนเซ็นปิ๊งไอเดียว่า จะขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทกับที่ดินในเขตของเขา ไม่เอาพื้นที่ทับซ้อนไปขึ้นด้วย

ฝ่ายเราก็โอเค เพราะมันของของเขา เราจะไปทำอะไรได้ เพียงแต่ต้องมาดูกัน ว่าพื้นที่ที่เขายื่นไปนั้นไม่รุกล้ำมาถึงเขตแดนของเราแน่นอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ตรวจสอบรับรองหมด ทั้งฝ่ายทหาร ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงต่างประเทศ แน่ใจแล้วเราจึงออกแถลงการณ์รับรองไป เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง เอามาปลุกปั่นกันจะเป็นจะตาย หาว่างุบงิบกัน ไม่ผ่านสภา

ย้อนไปสมัยรัฐบาลชวน ทำหนังสือขอกู้ไอเอ็มเอฟ นั่นยิ่งกว่านี้อีก เพราะเท่ากับเอาประเทศไปจำนำ แถมยังมีเงื่อนไขต้องแก้กม. 15 ฉบับ บังคับไทยต่างๆนานารวมทั้งต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่แก้ไปได้แค่ 11 ฉบับ เป็นตำนานกม.ขายชาติมาถึงวันนี้ เรื่องอย่างนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยว่าไม่ต้องผ่านสภา

หลังจากนั้นก็มีการพูดถึงเรื่องใบแดงต่ออีกหน่อย ถามหามาตรฐานของกกต.ว่าอยู่ที่ไหน อย่างที่กกต.อุบลเสนอให้ใบแดงฝ่ายค้านมา ทำไมกกต.กลางเอาไปอุบเงียบ ทีซื้อเสียง 1 หมื่น 3 พันโดนใบแดง แต่ล้านสามที่เพชรบูรณ์ได้ใบเหลือง แถมเลือกตั้งซ่อมยังไม่ได้กลับมาอีกด้วยซ้ำ ตกลงว่านี่มันอะไรกัน

วกมาที่ปปช.อีกที เรื่องฮั้วกทม. 2 หมื่นล้าน ทำไมถึงหมกเอาไว้ เพราะปชป.เป็นผู้ว่าฯใช่ไม๊ แต่ทีเรื่องรถดับเพลิง แหม..ทำเป็นเร่งยิกๆ เพราะว่าจะเล่นนายสมัครใช่หรือเปล่า

กลับมาที่เทพไทเรื่องสินบนขุดอุโมงค์กทม. ลุงหมักเลยแจงให้ฟังเอาบุญ ว่าเรื่องนี้เป็นโครงการฝังท่อของกทม. มีมาประมูล 3 บริษัท ราคากลางตั้งไว้ 2,178 ล้าน ประมูลได้ 2,155 ล้าน แล้วยังต่อรองจนเหลือ 2,095 นี่หรือคนที่คิดจะโกง ลุงหมักก็เซ็นต์ให้ไปโดยไม่ได้รู้จักบริษัทที่ประมูลได้ด้วยซ้ำ แล้วสี่แสงการโยธาไปฟ้องว่ามีการฮั้ว แต่ผลออกมากทม.เป็นฝ่ายชนะ

เรื่องใหญ่ๆว่าไปแล้ว เลยแถมน้ำจิ้มให้นิดหน่อยว่า งานวันเกิดใครก็ไม่รู้ แขกเหรื่อไม่มา อาหารเหลือบานเบอะ ต้องเอาไปแจกพันธมิตร (เล่นเอาหมาที่บ้านรอเก้อ ได้แต่ทำตาละห้อย-ผู้รายงาน)

แล้วเรื่องพันธมิตรป่วนเมือง ความจริงตำรวจเขาจะเล่นมันอยู่แล้ว แต่ลุงแกดิสก์เบรคเอาไว้ เพราะไม่อยากให้เลือดตกยางออก เดี๋ยวจะเข้าทางพวกมันซะเปล่าๆ

เรื่องปรับครม.นั้นปรับแน่ แต่ปรับคราวนี้ต้องให้เจ๋ง เตรียมไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง เพียงแต่ว่ามันยากตรงที่ เดี๋ยวนี้ใครๆก็ไม่อยากมาเป็นรมต. เพราะขาข้างหนึ่งมันแหย่เข้าไปในตะรางแล้ว

ตบท้ายว่าคราวนี้เอาแน่ เปิดรัฐสภามาจะแก้รธน.ทันที ประเด็นที่จะแก้ก็ ม.237 ม.190 ที่มาของส.ว. แล้วก็การแบ่งเขตเลือกตั้ง ที่มันไปเปลี่ยนเค้าจนวุ่นวายไปหมด

กว่าจะจบ เลยเวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมง ดีว่าขอเวลาไว้ก่อนแล้ว เลยไม่มีเจ้าหน้าที่ที่ทนฟังไม่ได้ มาแหกปากตะคอกว่าหมดเวลาแล้วอย่างคราวที่แล้ว เออเนาะ..แล้วก็ไม่บอกกันซะตั้งแต่แรก ปล่อยให้ลุ้นใจหายใจคว่ำอยู่ได้จนจบรายการ

เพลงประกอบรายการวันนี้มาแปลก เริ่มต้นมาก็ "ไม่เที่ยงไม่แท้ปรวนแปรทุกวัน" ฟังแล้วมันโหวงๆพิกล แล้วยังมาปิดท้ายด้วย "ชีวิตเหมือนเรือน้อยล่องลอยอยู่" ฟังแล้วเห็นภาพเลย ว่าลุงหมักลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเล แต่มาคิดดูอีกทีเรือที่ลอยเท้งเต้งอาจจะไม่ใช่ลุงแกก็ได้

เอ..หรือแกส่งซิกว่าจะลอยแพพวกเราซะแล้วก็ไม่รู้

วโรทาห์: 14 ก.ค. 51

Wednesday, July 9, 2008

ศึกนี้ไ่ม่มีวันพ่ายแพ้ เพียงแต่เรายังต้องสู้ต่อไป

ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เพียงแต่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจึงกล้าทำ ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเขานั้นเอาแน่ แต่ในใจลึกๆก็ยังคิดว่าคงไม่ แม้จะแอบหวังไว้ในใจ ว่าถึงที่สุดแล้วเขาคงจะไม่กล้า แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทำจนได้ ในเมื่ออำนาจอยู่ในมือเขา แล้วเราจะทำอะไรได้ อย่างดีก็เพียงแค่อุทานว่า ช่างกล้านัก..ช่าง..กล้า..นัก

เสียใจก็ส่วนหนึ่ง แต่แค้นใจนั้นมากกว่า เมื่อความยุติธรรมถูกลิดรอน เป็นใครจะไม่แค้น เจ็บกายยังทนได้ แต่เจ็บใจนั้นทนยาก เมื่ออธรรมมันย่ำยี ชีวิตนี้จะอยู่ได้ยังไงกัน เมื่อสิ้นไร้ซึ่งศักดิ์ศรี ถึงอยู่ไปก็ใช่คน ถ้าแน่จริงก็อย่าช้า มาฆ่ากันให้บรรลัย

ศักดินานั้นเหี้ยมโหดเสมอ หากคิดว่าต้องฆ่าแล้ว พวกเขาไม่เคยลังเล เพียงแต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็คงอ่อนล้าไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะฆ่าไปแล้วเท่าไหร่ พวกเขาก็ยังคงต้องฆ่าต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด ไม่ยากหากจะฆ่ากัน แต่ฆ่าแล้วได้อะไรต่างหาก หากว่าการฆ่านั้นแก้ปัญหาได้ เหตุใดโลกนี้ยังคงวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น

หากแม้นว่าฆ่าได้ พวกเขาคงไม่ปล่อยเรามาจนถึงวันนี้ หากไม่นึกครั่นคร้ามต่อแสนยานุภาพ 20 ล้านของเรา พวกเขาคงเผด็จศึกไปนานแล้ว

เราเคยนึกเศร้าใจเมื่อเห็นประเทศเพื่อนบ้านลุกขึ้นมาเข่นฆ่ากันเอง เราเคยนึกภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยจึงไม่ต้องเป็นไปเช่นนั้น มาวันนี้จึงได้รู้ว่าเรานั้นคิดผิด มาบัดนี้เรากลับต้องนึกชื่นชมที่ประเทศของเขาอยู่กันอย่างสงบสุข แม้จะทะเลาะกันบ้างก็ยังใช้ตรรกะเดียวกัน ถึงวันนี้เรากลับรู้สึกอิจฉาที่พวกเขาเข่นฆ่ากันจบแล้ว แต่เรายังเพิ่งจะเริ่มต้น

มาถึงขั้นนี้แล้ว แม้ไม่เต็มใจแต่เราคงต้องยอมรับความจริง ว่าเราได้เข้าสู่สงครามแล้ว สงครามระหว่างประชาชนกับประชาชนที่หนุนหลังโดยศักดินา มิพักต้องสงสัยว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลัง เพียงแค่ขอให้รู้ว่านี่คือสงครามประชาชน ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ หากไม่ยืนอยู่ข้างประชาชน ก็คือศัตรูของประชาชน

สงครามที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะว่าเราอยากให้เกิด หรือเพียงแค่เราพูดว่ามันเกิด แต่ในเมื่อความจริงมันคือสงครามมันก็คือสงคราม เราต้องยอมรับและปรับตัวให้ได้ เพราะเมื่อมันเป็นสงคราม ข้าศึกย่อมใช้ทุกวิถีทางที่จะเอาชนะให้ได้ ไม่ว่าจะโหดเหี้ยมเพียงใด เขาคงไม่ปราณี

จึงอย่าได้เสียใจที่พวกเขาใช้วิธีการสกปรกถึงขนาดนี้ เพราะต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่เกมส์กีฬา แต่มันคือสงคราม พวกเขาไม่เคยปราณีเรา เพราะเขาไม่คิดว่าเราเป็นพี่น้อง แต่เขาถือว่าเราคือข้าศึกที่ต้องเข่นฆ่าให้อาสัญ หากเรายังยอมรับความจริงไม่ได้ เราก็จะเป็นเบี้ยล่างอยู่ร่ำไป

เมื่อเข้าสู่สงครามแล้ว จิตใจต้องเด็ดเดี่ยวมั่นคง ศึกนี้เดิมพันกันด้วยชีวิต เมื่อประชาชนไม่ยอมแพ้ ศักดินาก็ยิ่งแพ้ไม่ได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็คงสู้ไม่ถอย ต้องทำใจให้ได้ว่าถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องโต้ตอบ ในสงครามอย่าได้หวังความปราณีจากข้าศึก พวกเขาเคยทำมาแล้วยิ่งกว่านี้ สกปรกแค่นี้จะเป็นไรไป

สงครามประชาชนไม่เคยจบเร็ว ในเมื่อมันแค่เพิ่งเริ่มต้น จะร้อนใจไปใยว่ายังไม่เผด็จศึก ศึกนี้ยังต้องรบกันอีกยาวนาน เพราะรากแก้วของศักดินานั้นลึกนัก ศึกนี้จะไม่จบง่ายก็เพราะคนไทยที่ยังยอมตัวเป็นทาสศักดินานั้น มีอยู่มากมายจริงๆ

ได้แต่หวังลึกๆว่าคงไม่ต้องนองเลือด แต่จะให้ยอมแพ้นั้นอย่าหวัง ถึงอย่างไรประชาธิปไตยก็ต้องเดินไปข้างหน้า ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ต้องคืนมาสู่คนไทย เพียงแต่ว่าเราต้องหนักแน่นมั่นคง รบอย่างชาญฉลาด รบอย่างใจเย็น ปะทะเมื่อควรปะทะ ถอยเมื่อควรถอย

หนทางไม่ว่าจะยาวไกลเพียงใด ขอเพียงใจเรามั่นคง ต่อให้ไกลแค่ไหนก็ไปถึงจนได้ แม้ไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ห่างออกไปอีกกี่พันกี่หมื่นก้าว แต่เราก็ยังมั่นใจได้เสมอ ว่าถ้าเรายังก้าวเดินต่อไป สุดท้ายแล้ว ยังไงก็ต้องถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ช้าก็เร็ว

จริงอยู่ว่า แม้บางครั้งเราอาจจะพ่ายแพ้บ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะแพ้ตลอดไป เป็นธรรมดา เมื่อพ่ายแพ้ก็ต้องเสียใจ แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องลุกขึ้นสู้ เสียใจได้ แต่อย่าให้นานนัก...

ศึกนี้ไ่ม่มีวันพ่ายแพ้ เพียงแต่เรายังต้องสู้ต่อไป

วโรทาห์: 9 ก.ค. 51

Monday, July 7, 2008

ประชาธิปไตย 30%

กำลังนี้ไปไหนมาไหนก็เห็นใครๆพูดถึงแต่เรื่อง 30:70 ค่าที่ว่าสื่อเสี้ยมสำนักไหนๆก็หยิบเอามาเป็นประเด็น ทำราวกับว่าเป็นไอเดียบรรเจิด เลอเลิศประเสริฐศรีเสียนี่กระไร

จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ต้องยกความดีให้บักใส แนวคิดต้นเรื่องจะมาจากไหนไม่มีใครรู้ แต่ถ้าไม่ใช่บักใสใครจะไปกล้าจ้อ นี่ถ้าลองเป็นฝ่ายลุงหมักออกมาพูดสิ ป่านนี้ถ้าไม่ถูกเหยียบจมธรณี จะยอมให้ชี้หน้าด่า ว่าสื่อไม่ใช่คน

เห็นพูดกันนักพูดกันหนา ว่ามันเป็นการเลือกตั้งแนวใหม่ แต่ซุ่มคิดกันไว้มานานนมแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นยังเกรงใจ ไม่กล้าบรรจุลงในรัฐธรรมนูญ 50 เพราะกลัวว่าจะถูกต่อต้าน คิดแล้วยังเสียดายไม่หาย ถ้ารู้ว่าผลการลงประชามติจะผ่านนิ่มๆอย่างนี้ ก็ขายเหล้าพ่วงเบียร์ซะตั้งแต่ตอนนั้น ป่านนี้ก็เรียบร้อยโรงเรียนปชป.ไปแล้ว

หลักใหญ่ใจความมันเป็นอย่างนี้ ติ๊งต่างว่ามีส.ส.ได้ 100 คน ก็ให้ลากตั้งเอามาวางไว้ก่อน 70 ที่เหลือ 30 ค่อยให้ประชาชนไปเลือกกันเอาเอง เรียกว่าอ่อยเหยื่อให้กุ๊กกิ๊กดุ๊กดิ๊กกันเล็กๆน้อยๆพอหอมปากหอมคอ ให้ขึ้นชื่อว่าได้ลิ้มรสประชาธิปไตยพอให้หายเปรี้ยวปาก อยากโง่กันนักมันก็ต้องเจอแบบนี้

ในเมื่อเลือกคนดีไม่เป็นก็ต้องให้คนมาช่วยเลือก บอกใบ้กันปากเปียกปากแฉะว่าให้เลือกคนดี ก็ดันไปเลือกคนโกง ถ้าขืนปล่อยไปอย่างนี้บ้านเมืองบรรลัยแน่ ขนาดว่าบังแหลเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายปฎิวัติมา ยังต้องร้องไห้ขี้มูกโป่ง เพราะว่ามาไม่ทัน มันแทะไปถึงกระดูกแล้ว บังเห็นเข้าก็ได้แต่เข่าอ่อน จำต้องมานั่งแทะกระดูกต่อ ล่อมาได้แค่ 2 พันล้านเอง

แต่งานนี้นักประชาธิปไตยฟังแล้วไม่โอเค ล้งเล้งว่าอะไรกันนักกันหนา ลากตั้งมาแค่ 70 มันจะไปพอยาใส้ได้ยังไงกัน ทีฝั่งเลือกตั้งยังให้ตั้ง 30 ไม่ใจกว้างกันไปหน่อยหรือศักดินาขาใหญ่ จริงๆแล้วให้เลือกตั้งแค่ 25 ก็เหลือแหล่ จะได้เรียกขานง่ายๆ ว่าประชาธิปไตยสลึงเดียว ส่วนลากตั้งก็เอาไปเลย 75 เนื้อๆเน้นๆ จะได้เรียกว่าส.ส. 3 สลึง หรือว่าส.ส.ซาจี๊ ก็แล้วแต่ถนัดปาก

เรื่องนี้เห็นทีว่ายังลากกันไปได้อีกหลายกิโลแม้ว อย่างน้อยก็พอยื้อเวลาหันเหความสนใจของผู้คนไปทางอื่น นอกจากกลบเกลื่อนเรื่องสมเกียรติหมิ่นฯแล้ว ยังเป็นการดึงเกมส์ให้ลุงลองแกไปแอบไล่๊ถองเด็กอยู่เงียบๆ โทษฐานที่ปากเสียไปฟ้องศาลให้มาไล่เฉ่งลุงลองจนของขึ้น เด็กหัวแข็งขนาดนี้อย่ามาสมัครโรงเรียนผู้นำซะให้ยาก ลุงลองคนดีไม่มีทางเวลคัม

ไหนๆก็พูดถึงเรื่องเลือกตั้งกันมาแล้ว ก็น่าจะเสวนาต่อไปให้สะเด็ดน้ำ..อย่างที่หัวเถิกรัตนโกสินทร์ว่าไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เลือกเสร็จแล้วยังต้องมาตามไล่ตามบี้ ในกรณีที่พวกตัวเองไม่ได้เป็นรัฐบาล

ถึงเสียงจะสู้ไม่ได้ แต่ความชอบธรรมมันกินกันขาด เอาเป็นว่าเสียงมากเสียงน้อยยังไง ก็ต้องให้ปชป.เป็นรัฐบาล ถึงจะถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยแบบไทยๆของเรา

แล้วอีกอย่างที่ยังเถียงกันไม่เสร็จ ก็เรื่อง 1 คน 1 เสียงเท่ากันนี่มันโหลยโท่ยจริงๆ อย่างรากหญ้าหน้าโง่จะตายชัก ยังอุตส่าห์มี 1 เสียงเท่ากับผู้สูงศักดิ์ อย่างนี้มันก็เกินเหตุ ผู้สันทัดกรณีเลยเสนอมาว่า ถ้าจะให้แฟร์ๆ คงต้องนับคะแนนเสียงไปตามศักดิ์ ถ้าศักดิ์รากหญ้าต่ำต้อยก็ให้ 1 เสียงเท่าเดิม ส่วนผู้สูงศักดิ์จะให้คนละร้อยเสียงพันเสียงหรือเท่าไหร่ก็ว่ากันไป

ทีนี้ปัญหาใหญ่มันมาติดอยู่ที่ผู้สูงศักดิ์นี่แหละ เพราะว่าถ้าจะให้เสียงเท่ากันก็คงไม่มีใครยอมใคร ต่างคนก็ว่าศักดิ์ตัวนั้นสูงกว่าเห็นๆ ถ้่าขืนให้เท่าเทียมคงได้ตบกันหน้าแหก ถ้าจะให้ดีก็ต้องคิดค้นเครื่องมือเอามาวัดศักดิ์ เรียกว่าศักโดมิเตอร์ ศักดิ์ของใครสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางกี่เมตร ก็ให้เสียงไปตามนั้น ไม่ต้องมานั่งเถียงกันให้มันเมื่อยตุ้ม

ระหว่างที่โยนหินถามทางอยู่นี้ ก็มีไอเดียเด็ดเข้ามาอยู่เรื่อยๆ อย่างรายนี้เขาเสนอมาว่า ประชาธิปไตยขนานแท้และดั้งเดิม มันต้องวัดกันที่รอยเท้า เท้าเล็กเท้าใหญ่ก็ได้เสียงต่างๆกันไป มันถึงจะยุติธรรม นอกจากถูกต้องสมจริงแล้วยังวัดง่ายอีกต่างหาก ก็เอาตามเบอร์รองเท้านั่นแหละ แน่นอนที่ซู๊ด

ใครใส่รองเท้าเบอร์ 30 ก็เอาไป 30 เสียง ถ้าเบอร์ 42 ก็ 42 เสียง คิดกันง่ายๆตรงไปตรงมาไม่ต้องอ้อมค้อม แถมยังตรงเป้าตรงประเด็นอีกต่างหาก เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง คนเท้าใหญ่ย่อมมีสิทธิ์มีเสียงมากกว่าคนเท้าเล็กอยู่แล้วเป็นธรรมดา ถ้าเกิดใครหือหาขึ้นมาก็เล่นไม่ยาก แค่เอาเท้าพาดก้านคอก็เป็นอันว่ารู้กัน

ถ้าเกิดวิธีนี้เป็นจริงขึ้นมา คนต้นคิดเรื่องนี้ก็เตรียมเฮ เพราะว่าผู้สมัครส.ส.จะแวะเวียนไปไหว้แกหัวกะไดไม่แห้ง

ก็แหงหละ..ไหว้แค่คนเดียว แต่มีค่าเท่ากับวิ่งรอกไปไหว้คนตั้ง 45 คน เป็นใครจะไม่เอา

วโรทาห์: 7 ก.ค. 51

พูดจาประสาลุงหมัก 6 ก.ค. 51

ถือเป็นการพูดจานัดแรกหลังกลับจากตะลอนทัวร์ทั่วโลก 10 กว่าประเทศ ลุงหมักก็เลยเอามาเล่ารายงานให้ประชาชนฟังพอเป็นกระสายยา ก่อนที่จะชะแว้ปเข้ารายการภาษาไทยวันละหลายคำ เริ่มต้นด้วยคำว่า "กุ" ที่มาจากคำว่า "กุข่าว" ตามมาด้วยคำว่า "เต๊า" ที่มาจากคำว่า "เต๊าข่าว" (เต๊าหรือเต้ากันแน่ลุง เห็นสื่อมันใช้คำว่าเต้าข่าวตลอดเลยนะลุง-ผู้เขียน)

ตอกหน้าแงสื่อเสี้ยมไปเต็มๆ แฉกันจะๆว่า สื่อนั่นแหละตัวดี เต๊าข่าวเรื่องศาลสั่งจับลุงหมัก แล้วเอาไปถามลุงแกที่ต่างประเทศ พอลุงหมักสาธยายให้ฟังว่าเป็นไปไม่ได้ แค่นั้นแหละ มันเอามาพาดหัวตัวไม้ ว่าลุงหมักกุข่าวถูกจับคาสนามบิน เออ..เอากะมัน นี่ถ้าลุงหมักไม่เอามาแฉ ป่านนี้ชาวบ้านก็คงยังเชื่อมันอยู่นะนั่น

แล้วที่แสบกว่านั้น ลุงหมักยังแฉโพยต่อไปว่า ออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือสุดๆคือฝ่ายค้าน พอได้ทีขี้แพะไหล พี่แกก็กระโดดงับกลางอากาศทันควัน ตาลีตาเหลือกออกมายุงส่งให้ 5 พรรคร่วมรัฐบาลรับประกาศถอนตัวโดยด่วน (นี่..นิสัยถาวรของแมลงสาบ เล่นมันทุกท่าเลยนะเมิง-ผู้เขียน)

ภาษาไทยวันนี้ยังมีอีกหลายคำ ต่อไปได้แก่คำว่า "หัก" แค่ปู่ชัยเสนอย้ายสภาไปอยู่สลัมคลองเตย สื่อเสี้ยมก็จัดการพาดหัวว่า "ชัยหักหมัก" เท่านั้นยังไม่พอ ครั้นเสี้ยมให้สองผู้เฒ่าชกปากกันไม่สำเร็จ แถมยังควงแขนกันจู๋จี๋ดู๋ดี๋ไปดูสถานที่จริงอีกต่างหาก มันก็จัดการพลิกลิ้นกลับมาเป็น "หมักกินรวบ" เรียกว่าแถไปได้เรื่อยๆ ไม่เสียยี่ห้อสื่อเสี้ยมจริงๆ ให้ดิ้นตาย

เอ้อ..อย่าหาว่าโง้นงี้เลยนะลุงหมัก พอดีพูดถึงสลัมก็เลยขอสาระแนซัักนิดนึง ยังไงถ้าจะเอาสลัมคลองเตยไป ก็ขอให้กันที่ไว้ซักแมวดิ้นตาย เอาไว้ให้เป็นที่ทำการของรัฐบาลเงาน่าจะเก๋ไก๋ไม่หยอก ถ้าจะให้ดีก็ขอเนื้อๆเน้นๆ เอาตรงที่น้ำครำเยอะๆเน่าๆหน่อย จะถูกโฉลกกับปชป.เป็นที่ซู้ด

แล้วถ้าไม่รังเกียจก็อยากจะขออีกซักติ๊ดนึง ในเมื่อจะขยับขยายกันทั้งที ก็อยากจะฝากดูที่ดูทางให้พันธมิตรซักหน่อย ไหนๆก็หาทางลงกันไม่ได้แล้ว ถ้าลงหลักปักฐานมันซะเลยก็น่าจะฮ้อแร่ด จะได้เชิดหน้าชูตาว่าเป็นม็อบคู่บ้านคู่เมือง ไม่ต้องไปกินนอนกลางถนนให้มันอุจาดตา เกิดจับพลัดจับผลูเป็นลมแดดชักตายซี้แหงขึ้นมา เค้าจะนินทาเอาได้ ว่าตายเหมือนหมากลางถนน

วกกลับมาเข้าเรื่องอีกที ต่อกันที่คดีเขาพระวิหาร คำที่ลุงหมักอยากจะให้เรียกให้ตรงกันคือคำว่า "คดีปราสาทพระวิหาร" กับ "พื้นที่พิพาทพระวิหาร" อารัมภบทเสร็จก็เริ่มเฉาะออกมาให้ดูกันเป็นข้อๆ ว่าเรื่องนี้เขาเริ่มกันมาตั้งแต่รัฐบาลขิงแก่ ตอนคุณนพดลเข้ามานี่มันปลายเหตุ แต่ไม่รู้ทำไมมันจะเอานพดลตายซะให้ได้ แต่ถึงยังไงลุงหมักก็ไม่ยอมรับลูก ยืนยันว่าทำอย่างนี้มันเกินเหตุ

ผิดถูกไม่รู้ แต่พวกเล่นเอามาปลุกปั่นกัน จนประชาชน 2 ประเทศต้องหันมาเผชิญหน้า เหตุเพราะกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะลากนายกฯลงมาให้ได้ เล่นมันทุกท่า ถึงขนาดลากทหารออกมาปฏิวัติก็จะทำกัน งานนี้ลุงหมักบอกว่า ไม่ได้กินหละครับ จะเอาผมไปโดนด้วย ผมไม่ยอมหละครับ

แล้วก็เรื่องตุลาการภิวัฒน์อีก คุ้มครองกันจนรัฐบาลเดินหน้าไม่ได้ นักวิชาการเค้าก็ออกมาท้วงติงแล้ว อำนาจตุลาการมามัดมือกันอย่างนี้ แล้วอำนาจบริหารจะทำอย่างไร ทำไปทำมาไปลากศาลมาเล่นการเมือง ศาลมาเป็นกกต. เลขาฯกกต. เป็นอธิบดี แล้วกลับไปเป็นศาลอีก เดิม 3 อำนาจมันถ่วงดุลกันอยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นอำนาจตุลาการมาแทรกแซงอำนาจบริหาร

แล้วก็เรื่องทีวีช่องใหม่อีก พอเค้าบอกว่าจะเปิดพีทีวี เท่านั้นแหละ เทพทุยก็ออกมาตีกัน แหลว่าจะทำให้เกิดการเผชิญหน้า สถานการณ์จะเลวร้ายถึงเลือดตกยางออก แล้วทีเอเอสทีวีออกมาด่ากราดทั่วไปหมด ไม่เห็นมีใครว่า แถมศาลปกครองยังมาให้ความคุ้มครองอีกต่างหาก

เห็นลุงหมักพูดคิวนี้แล้วก็เสียวพอได้ ดีอยู่หน่อยว่าแกยังรู้จักเอาเท้าแช่น้ำ อิงความเห็นนักวิชาการไว้ก่อน เรียกว่าเผื่อเหลือเผื่อขาด ล้อเล่นได้ซะเมื่อไหร่ เห็นตัวอย่างประเทศสารขัณฑ์แล้วก็เสียวว้อย ตาชั่งที่นั่นแค่เชื่อได้ว่า หรือฟังได้ว่าผิดจริงก็เป็นเรื่องแล้ว จำคุกไม่รอลงอาญา ถือเป็นเรื่องปกติ อ่านโพยให้ฟังเสร็จ สวมกุญแจมือฉับ แค่นี้ก็จบข่าว

อีกอย่างฝ่ายค้านประเทศนี้ มันก็แค้นฝังหุ่นอย่าให้เซ่ด เรื่องอะไรที่พอจะเป็นเรื่องได้มันไม่เคยพลาด ผิดจริงไม่ผิดจริง ยื่นฟ้องไปก่อน ไม่ต้องรับผิดชอบ เล่นให้ลุงหมักหนาวๆร้อนๆ แล้วก็เอาไปขยายผลล้มรัฐบาล ยุให้พรรคร่วมถอนตัวอีกตามถนัด ยังไงลุงหมักก็คงต้องเตรียมรับมือให้ดีๆ

แน่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำ มือมีดโกนโรคจิตกับจอมพี้ยาบ้า ก็ดาหน้าออกมาสาระแนแล้ว..เฮ้อ

วโรทาห์: 7 ก.ค. 51

Thursday, July 3, 2008

ไอ๊หยาอาแปะ..หนีนักมวย มาเสร็จนักเรียน

เป็นไงล่ะแป๊ะ พูดแล้วฟังกันซะเมื่อไหร่ เห็นลุงหมักถอยสุดซอย ทำเป็นย่ามใจเดินหน้าสุดถนน เลยชนกำแพงเข้าไปเต็มเปา ซวยกันละคราวนี้ ถ้าถอยก็หมดท่า เดินหน้าอีกก้าวเดียวก็เข้าทำเนียบ แค่คิดก็เสียวแล้ว ขนาดหัวเหม่งยังเคยเผ่นหนีกระเจิง ก็นั่นมันเขตพระราชฐาน ตำรวจไม่ต้องทำอะไร นั่งรอซิวเข้าคุกอย่างเดียว ก็เหลือแหล่

ระหว่างที่กำลังยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก อยู่ดีๆนักเรียนก็มาท้าดวล จะว่ายกระดับการต่อสู้ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งมันก็เขินๆ อุตส่าห์หนีนักมวย ดันซวยมาเจอนักเรียน บังเอิญครูนักเรียนโรงเรียนนี้ก็ใจเด็ดซะไม่มี ได้ข่าวว่าแบ็คอัพก็ไม่เบา แป๊ะเราเลยชนปังตอเข้าอย่างจัง เผลอแป๊บเดียวเรื่องก็ถึงศาล หลังจากนั้นอีกแป๊บเดียวคำสั่งศาลก็ออกมา บอกว่าถ้าไม่เปิดทาง ก็จำเป็นต้องเปิดคุก

คำก็คุกสองคำก็คุก แป๊ะกับคุกมันถูกกันซะเมื่อไหร่ เลยต้องวิ่งกันตีนพลิกกะให้พ้นคุก อุตส่าห์ให้ตังค์เด็กไปกินขนม จ้างมันไปให้การต่อศาลว่าไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับม็อบ พอศาลถามเข้ามันดันบอกว่าเดือดร้อนซะฉิบ เอากะมันสิ เงินเอางานไม่เอา คบเด็กสร้างบ้านคบหัวล้านสร้างปปช.มันก็อย่างนี้แหละ สู้พวกแก่ๆก็ไม่ได้ รับเงินไปแล้วมอบกายถวายชีวิต สั่งให้ไปตายมันก็ไปตาย

แค่นั้นยังไม่บ้าพอ ล่าสุดแม้วก็สั่งปิดจ๊อบอีก หลังจากที่โดนแป๊ะด่าจนฟ้องไม่ไหวแล้ว เพราะมันด่าได้ด่าดี ถ้าฟ้องวันละคดีก็ปาเข้าไป 38 คดีเหนาะๆ ขืนเพิ่มยอดต่อไปมีหวังคดีท่วมศาล เลยสั่งทนายว่าขอความคุ้มครองเหอะ ศาลท่านก็เลยสั่งแป๊ะให้หุบปาก ด่าใครด่าไป..แต่อย่าด่าแม้ว ด่าแม้วด่าได้..ถ้าไม่กลัวคุก

ฆ่าแป๊ะให้ตายซะยังดีกว่า มาห้ามด่าแม้ว ถ้าไม่ด่าแม้ว แล้วจะให้ไปด่าแมวที่ไหน ด่าแม้วถึงจะได้ตังต์ แต่ด่าแมวมันเจอหมัก พูดถึงหมัก แป๊ะก็ไม่อยากจะเสี่ยง ขานั้นใครไปตอแยได้ซะเมื่อไหร่ ขืนด่าไปเป็นได้เจอสวนให้เสียเซ้วฟ์ คนอะไรสวนได้สวนดี ย้อนศรอยู่เป็นประจำ แล้วมาแต่ละดอกก็เล่นเอาแทบบ้า ถ้าใจไม่ด้านพอ พาลจะประสาทรับประทานเอาง่ายๆ

นับวันชักจะงานกร่อย ตั้งแต่ประกาศสถาปนารัฐใหม่เลยหายหัวกันจ้อย ล่าสุดนี้นับไปนับมายังไงก็ไม่ถึง 500 เหลือแต่ที่เหนียวแน่นกันจริงๆ ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง คือพวกจรจัด อาศัยว่ามีที่ซุกหัวนอน ไม่ต้องหนีเทศกิจ แล้วยังได้กินข้าวฟรีมีดนตรีกล่อม ถ้าได้อย่างนี้ ม็อบกันทั้งปีก็ไม่มีถอย

ขาดม็อบแป๊ะก็ขาดใจ ขุมทองแม็คเคนน่าของแป๊ะ ก็อยู่ที่ม็อบนี้ จะดีจะชั่วยังไงก็ยังพอได้อาศัยขอทานเอาไปเลี้ยงลูกน้อง เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน สิบล้านยี่สิบล้านก็ยังดีกว่าอยู่เปล่าๆ หักค่าโสหุ้ย เงินเดือนลูกน้องแล้ว ยังพอมีกำไรนิดๆหน่อยๆ ไม่ใช่หัวเกรียนนี่จะได้ไม่ต้องดิ้นรน ขานั้นมันกลับไปกินข้าววัดได้ เห็นเป็นวัดเถื่อนๆอย่างนั้นเถอะ น้ำเลี้ยงก็ใช่ย่อยอยู่เหมือนกัน

คนเราพอถึงคราวซวย งานก็เข้าเป็นว่าเล่น แม้แต่ดาวกระจุยที่ว่าเจ๋ง ยังต้องเผ่นหนีกันกระเจิง พันธมิตรอุดรเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ จนป่านนี้ยังไม่กล้าเหยียบเข้าบ้าน ขืนปล่อยไปอย่างนี้ จะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้จังหวัดอื่นทำตาม แต่งานนี้บักไสมันเป็นโต้โผ ก็ให้มันไปแก้ไขเอาเองก็แล้วกัน

ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ น้าเพียรก็ออกมาแฉโพย คนเราหนอคนเรา ยามตกอับแทนที่จะช่วยกัน มันดันมาลากใส้ พูดไปได้ว่าม็อบนี้ มีพรรคการเมืองอิแอบหนุนหลัง ยังดีที่ไม่บอกว่าพรรคไหน แต่กระซิบให้ก็ได้ว่าพระแม่ธรณียังอยากจะร้องไห้ บีบมวยผมไปเก๊กซิมไป ก็แล้วกัน ใครอยากรู้ก็ไปตีหวยกันเอาเอง

แล้วจู่ๆมหาเถรสมาคมก็ออกมาร่วมสนุก แต่งานนี้แป๊ะไม่เกี่ยว รับไปเพียวๆเลยหัวเกรียน อยู่ดีๆแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ออกมาเดินขบวน ดีว่าสงคราม 9 ทัพไม่ถลกจีวรออกมานำหน้า ไม่งั้นคงดูไม่จืดกว่านี้ แต่ถึงอย่างไร งานเข้าครั้งนี้ท่าจะงานช้าง แค่งานนี้งานเดียว หัวเกรียนก็มีโอกาสกลับไปเกาขี้กลากอยู่แกรกๆ

จบจากงานแป๊ะก็ต้องมาสำรวจตาชั่ง พักหลังมันชักจะแปร่งๆ ชั่งออกมาทุกคราศักดินาต้องมีเฮ ผิดกันลิบลับกับฝ่ายประชาธิปไตย ชั่งออกมาทีไรประชาชนต้องมีเก๊กซิม ก่อนนี้จะชั่งอะไรก็สบายใจเฉิบ แต่เดี๋ยวนี้ถ้าขึ้นชั่งทีไร แล้วลมมันจะใส่ทุกที

ดูอย่างวันอภิปรายลุงหมักก็แล้วกัน กำลังเชียร์ลุงหมักอยู่มันๆ หน็อย..มันชั่งถุงขนมโยนโครมใส่กลางวงเอาดื้อๆ เจอหักมุมเข้าไปงานนี้ แทบจะหงายหลังตกเก้าอี้กันเป็นแถว อะไรไม่อะไร เห็นว่าตีสองกว่าๆ ยังแหกขี้ตาขึ้นมานั่งชั่ง ไม่รู้ว่าจะขยันชั่งกันไปถึงไหน

ความจริงแล้ว จะไปว่าเหมาเข่งมันก็ไม่ถูก ตาชั่งมาตรฐานมันก็ยังดีอยู่ แต่ที่แหกคอกออกมาคือตาชั่งการเมือง อย่างตาชั่งรัฐธรรมนูญนั่น ก็สร้างชื่อฮือฮาจนได้ฉายาตาชั่งยุบพรรค หันมาทางนี้หัวเรือใหญ่ก็ตาชั่งปกครอง ฉายาจอมคุ้มครองแห่งยุค ถัดไปก็ตาชั่งฎีกาแผนกคดีการเมือง ดีว่าสายเลือดตาชั่งมาตรฐาน เลยยังไม่มีผลงานเท่าไหร่

เอาหละจะการบ้านการเมืองยังไงก็ไม่มีใครว่า ขออย่างเดียวอย่ามาชั่งมั่ว แล้วขอบเขตมันก็ต้องมีบ้าง ไม่ใช่ล้วงลูกไปจนเละเทะ เพราะพวกตัวเองก็ใช่ว่าจะเก่งกาจ รู้เรื่องซักเท่าไหร่ เห็นที่แน่ๆ รู้จักแต่คุณธรรมจริยธรรม เอาไว้้ต้มกิน ต่อไปจะทำอะไรทีก็ต้องมาคอยชั่ง เป็นอันว่าไม่ต้องทำมาหากินกันพอดี 

หรืออยากจะปกครองด้วยระบอบ"ตาชั่งธิปไตย" ก็ให้ว่ามา

วโรทาห์: 3 ก.ค. 51