Friday, July 27, 2007

กำลังใจให้เธอ

หมอนเอยเจ้าหมอนทอง

๏ หมอนเอยใยเศร้าหมอง โอ้หมอนทอง เจ้าหม่นไหม้
หมดสิ้นกำลังใจ ไร้เรี่ยวแรง จะแข็งขืน
ระทดระทวยท้อ บ่มีสุข ทุกวันคืน
ทุกข์ตรมและขมขื่น ระท้อทด เพราะหมดไฟ
๏ เหนื่อยนักก็พักนิด เพื่อเติมจิต ให้ผ่องใส
เติมเต็มกำลังใจ ไว้สู้ศึก ด้วยฮึกหาญ
ศึกนี้ไม่มีจบ ต้องสู้รบ กันยาวนาน
คืนวันที่ผันผ่าน จะขัดแต่ง ให้แกร่งไกร
๏ จงลุกขึ้นสู้ต่อ อย่าทดท้อ อย่าหวั่นไหว
หนทางแม้ยาวไกล แต่หัวใจ อย่าท้อถอย
มุ่งมั่นสู้ฟันฝ่า ให้ถึงฝัน อันรอคอย
ฝ่าฟันวันละน้อย พอบรรจบ ก็พบแสง
๏ สองแขนแม้อ่อนล้า ถึงสองขา จะอ่อนแรง
จิตใจที่เข้มแข็ง ประหนึ่งนก ที่ผกเหิน
หากใจยังกล้าแกร่ง อีกสองเท้า ยังก้าวเดิน
เชิดหน้ามาเผชิญ ผจญฝ่า ท้าประจัญ
๏ ภูเขาจะขวางหน้า แม้ภูผา จะขวางกั้น
เพียงใจไม่ไหวหวั่น ที่ขวางกั้น ก็สั่นไหว
ปัญญาที่กล้าแข็ง จะสร้างแรง บันดาลใจ
สว่างกระจ่างใส แม้คืนค่ำ จะนำทาง
๏ ข้างกายของสูเจ้า คือหมู่เรา อยู่เคียงข้าง
แม้กายจะไกลห่าง แต่หัวใจ ยังใกล้ชิด
เพียงใจเราตรงกัน ดั่งอิงแอบ แนบสนิท
ศัตรูหมู่อมิตร ผู้คิดร้าย ต้องกรายไกล
๏ หมอกม่านจะผ่านพ้น ประชาชน จะยิ่งใหญ่
อุปสรรคจะแค่ไหน ยังแพ้ใจ ที่ใฝ่หา
อาทิตย์ที่อับแสง ยังร้อนแรง กว่าจันทรา
ปวงชนจะเริงร่า เมื่อฟันฝ่า ถึงเส้นชัย

วโรทาห์ (๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐)

Thursday, July 12, 2007

ไทยยามรำพัน

๏ ยามอย่างข้า บรรดาศักดิ์ หนักใช่ย่อย
เรื่องความถ่อย ไม่ต้องถาม ตามที่เห็น
ใครก็ทัก อยากเห็นหัว ตัวเป็นเป็น
ขอลายเซ็นต์ กันยิกยิก หงิกพอดี
๏ เคยพลาดท่า ตอนไปงับ จับงานตั๋ง
กะให้ดัง หวังผลเด่น เป็นเศรษฐี
ลงเท่าไหร่ มันหงายเก๋ง เจ๊งทั้งปี
ปิดบัญชี หนี้กลับรุ่ง พุ่งเข้าวิน
๏ 'ทัก'เพื่อนซี้ ที่ข้าเข็น จนเป็นใหญ่
หวังอาศัย ให้แฮร์คัท ตัดหนี้สิน
กลับพลิกผัน ดันจั่วลม ต้มแห้วกิน
ข้ายิ่งดิ้น มันยิ่งจู๋ ดูวังเวง
๏ เมื่อเพื่อน'ทัก' ไม่ช่วยทิ่ม ลิ้มเลยแย่
เพื่อนแท้แท้ มาทิ้งเพื่อน เหมือนทิ้งเอ๋ง
ทำอย่างนี้ มันไม่ใช่ ใจนักเลง
ปล่อยข้าเจ๊ง เอ็งก็จอด ต้องวอดวาย
๏ เมื่อข้าเจ๊ง เอ็งต้องซี้ ไม่มีเจ๊า
เมื่อต้องเฉา ข้าขอเฉ่ง เอ็งให้หงาย
ไหนๆข้า ต้องล่มจม ล้มละลาย
ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง เอ็งต้องพัง
๏ ประเทศชาติ ต้องซวยด้วย ช่วยไม่ได้
มันต้องตาย ไม่ให้มี ที่กลบฝัง
สุดเจ็บช้ำ ทำข้าแค้น แสนชิงชัง
ทั้งลุกนั่ง ยังคลั่งแค้น ไม่แคลนคลาย
๏ ถึงแถวนี้ ไม่มีมัน คนนั้นแล้ว
เห็นมันแกร่ว อยู่แถวนั้น พลันใจหาย
กลัววันหน้า มันหวนมา เอาข้าตาย
เลยแปลงกลาย เป็นยามถ่อย คอยไล่มัน
๏ ที่ปากกล้า แต่ขาสั่น คนมันเสียว
กลัวมันเฮี้ยว มาจับตู ทำหมูหัน
มันไม่รู้ คนอย่างตู หมูเขี้ยวตัน
เห็นขาสั่น มันสั่นสู้ ตูไม่ ก ก ก กลัว ว ว

วโรทาห์ (๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๐)

Sunday, July 1, 2007

นักรบชาวดิน

๏ เดือนยังดับลับลาเวหาหาว
แม้หมู่ดาวเบื้องบนยังหม่นหมอง
ฝนยังหลั่งสั่งฟ้าน้ำตานอง
ร่วมเรียกร้องประชา-ธิปไตย
๏ โอ้ว่าปวงประชาน่าอนาถ
จอมอำมาตย์ยาตรามารุกไล่
ยกพหลพลยักษ์อันเกรียงไกร
เป็นทัพใหญ่ไล่ตีหมายชีวา
๏ ครั้นจะถอยร่นให้ก็ใช่ที่
ผิว่าหนีต่อไปไม่เข้าท่า
ลุกขึ้นสู้หมู่เราเหล่าประชา
อหิงสาท้ามารมาราญรอน
๏ ทั้งเด็กเล็กผู้ใหญ่ทั้งชายหญิง
สงบนิ่งในหว่างกลางสมร
สยบความเคลื่อนไหวดับไฟฟอน
แข็งกลับอ่อนย้อนจบสยบพาล
๏ เรายังมีเพื่อนพ้องและน้องพี่
ที่พร้อมพลีชีวามาร่วมต้าน
ไม่ระย่อต่อสู้ด้วยหมู่มาร
ดุจคลื่นธารถาโถมเข้าโรมรัน
๏ มหาชนออกรบเมื่อพลบค่ำ
ยินเสียงย่ำกลองศึกระทึกขวัญ
ทแกล้วกล้าผองเราเข้าประจัญ
ไม่ประหวั่นพรั่นหวาดอำนาจปืน
๏ เกิดเป็นไทหัวใจคือไทแท้
ไม่คิดแปรผันเป็นเช่นใครอื่น
สิทธิของเราเฝ้าหวงต้องทวงคืน
ไม่ให้ขืนเหยียบไว้ใต้บาทา
๏ เมื่อปวงชนผาดแผลงสำแดงฤทธิ์
ดั่งอาทิตย์สาดแสงอันแรงกล้า
ผลาญอำมาตย์ย่อยยับถึงอัปปรา
ปวงประชาพลันใหญ่ในแผ่นดิน

วโรทาห์ (๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๐)