Friday, October 24, 2008

และแล้ว..ก็ได้เวลาของรัฐบาลพลัดถิ่น

ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างอมาตยากับประชาธิปไตย หลังจากที่ถูลู่ถูกัง มึงมั่งกูมั่ง เวียนเทียนกันเข้ามา ข่มขืนนางสาวประชาธิปไตยซะเละตุ้มเป๊ะ ลากยาวมา 76 ปียังไม่หนำใจ ผลักไสเท่าไหร่มันยังจะเอาอีก แถมไม่ข่มขืนเปล่า ยังทำตัวเป็นแมงดา หากินบนหลังตัวเมียซะงั้น

เพราะเหตุนี้ เมื่อเจ้าสัวแม้วผ่านเข้ามาในชีวิต จึงเป็นไปไม่ได้ที่สาวเจ้าจะไม่ใจแตกดังโพล๊ะ ก็แกสมาร์ทซะขนาดนั้น แถมยังเทใจให้นางสาวประชาธิปไตยซะขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่ไหวหวั่น ก็คงดัดจริตเกินไปหน่อย กว่าอำมาตย์จะรู้ตัว ว่าสาวเจ้าเอาใจออกห่างเรียบร้อย ก็สายเกินเพล ถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่า กุมขมับที่กำลังปวดจี๊ดๆ

ในเมื่อประชาชนเขาประกาศิตออกมาว่าจะเอาคนนี้ แต่ศักดินาบ้าเลือด ยังดื้อด้านจะเอาตัวโน้น ความที่เอาแต่ใจตัวเองจนเสียนิสัย เลยลืมนึกไปว่า นางสาวประชาธิปไตยเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เวอร์ชั่นใหม่ ไฉไลกว่าเก่าเยอะ ลำหักลำโค่นพอฟัดพอเหวี่ยงกับชายอกสามศอก พร้อมที่จะแลกหมัด ซัดกันให้แหลกไปข้าง ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ไม่กูอยู่ ก็มึงไป

เมื่อต่างฝ่ายต่างถอยไม่เป็น ถ้างั้นมันก็ต้องมีลุ้น ฝ่ายอำมาตย์นั้นไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว บุพการีมันไม่เคยสอนสั่งให้ใช้เกียร์ถอย ถ้าจำเป็นจริงๆอย่างมากก็เดินหน้าไปให้ได้ 5 ก้าว แล้วค่อยถอยกลับมาครึ่งก้าวพอเป็นพิธี ด้วยเหตุนี้ จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น ที่เป็นฝ่ายถอยกรูดๆ ถอยแล้วถอยอีก ถอยจนหลังพิงฝา เมื่อถอยไปไม่ได้อีกแล้ว มันก็ต้องวัดดวงกันลูกเดียว

เอาซะมั่งก็ดี ไม่งั้นมันไม่สะเด็ดน้ำซ้ากที จะทำมาหากินยาไส้ก็ลำบาก ริดสีดวงทหารมันกำเริบเป็นระยะๆ เดี๋ยวตูม..เดี๋ยวเปรี้ยง ใจหายใจคว่ำ ตายกันพอดี ถ้าไม่บ่งหัวฝีออกซะให้เบ็ดเสร็จ ก็ต้องตากหน้า เดินขาถ่างกันอยู่อย่างนี้ ลูกค้าลูกขายหายหน้าเข้ากลีบเมฆไปกันหมด ใครเขาจะกล้ามาค้าขาย กับบ้านที่เต็มไปด้วยพวกโรคจิต

วัวเคยขา ม้าเคยขี่ ของเคยกินแล้วไม่ได้แอ้ม ศักดินาเลยออกอาการหงุดหงิด งุ่นง่านอย่างเห็นได้ชัด ลงทุนขู่แล้วขู่อีกว่า ถ้าไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย ขนาดแง้มไพ่ใบสุดท้ายให้เห็นขอบ ว่าแต้มใหญ่ แต่จนแล้วจนรอด นางสาวประชาธิปไตยยังไม่ออกอาการสปัสซั่มให้เห็น ช่วยไม่ได้ ดันมั่วกันเอง จนพระเสื่อมหมดเรียบร้อย ไล่ผียังไม่ไปเลย นับประสาอะไรจะมาไล่คน

แต่ไหนแต่ไรมา อาวุธที่น่ากลัวของเผด็จการคือความโง่ เรื่องที่วิญญูชนไม่ทำกัน โปรดอย่านึกว่าอำมาตย์จะไม่กล้าทำ ทุกวันนี้ยังย่ำอยู่บนหัวประชาชนหน้าตาเฉย เพราะฉะนั้น เรื่องที่จะไม่เสียเลือดเนื้อ ก็ลืมไปได้เลย คาถาสมานฉันท์ คงต้องเขียนใส่ยันตร์ แล้วเอาไปต้มกินกันเองให้พุงกาง

เอะอะก็จะออกลูกตุกติกตามถนัด หันรีหันขวางทีไร ไม่พ้นงัดของเก่าออกมาขายกิน หงายอยู่นั่นแหละ ไพ่ปฏิวัติใบเดิมที่หากินมาจนพรุน แต่โทษที หงายมาเที่ยวนี้ เจ้าตัวถึงกับช็อคตาเหลือก ซุกไพ่กลับเข้าสำรับแทบไม่ทัน เมื่อเห็นกันจะๆคาตา ว่าฝ่ายประชาธิปไตย เขาเตรียมไพ่รัฐบาลพลัดถิ่นไว้เก็บกินเฉย แหม..เล่นเป็นก็ไม่บอก

ถ้าใครยังคิดว่าขู่ก็ช่วยไม่ได้ แต่วงในเขาปิดกันให้แซ่ดแล้วว่า ครั้งนี้ทักษิณตั้งท่าว่าเอาแน่ หลังจากเที่ยวที่แล้ว 19 กันยา เกิดเหตุขัดข้องทางเท็คนิคเล็กน้อย เหตุการณ์ยังไม่สุกงอมพอ เลยต้องขอบายไปก่อน แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าหายห่วง เพราะระบอบอำมาตย์ ประเคนคดีใส่ซะเละตุ้มเป๊ะ ผิดถูกไม่สำคัญ เอามันเข้าว่า จึงเท่ากับช่วยบ่มแก๊สจนสุกงอม หอมหวานได้ที่ พอดีกิน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลพลัดถิ่นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทหารโสโครกบางตัว ที่แง่งๆอ้อนทีนอยู่แถวนั้น เอ้า..ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอบอกเลยว่า ให้กล้าๆหน่อย ออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น ลากรถถังออกมาทำรัฐประหารโลด แล้วประชาชนจะสมนาคุณให้สาแก่ใจ

ส่วนสื่อชั่วก็ต้องขอร้องว่าน้อยๆหน่อย ไม่ใช่อะไร แต่เห็นแล้วมันทุเรศ ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่รู้สำนึก ไม่ใช่เพราะสื่อชั่วทำงานโหลยโท่ยหรอกหรือ ทุรชน 7 ตุลาถึงได้ตายฟรี นี่ขนาดว่าเอาแพะมาสังเวยแล้ว ระเบิดกันเห็นๆ เชือดกันคาตา ยังดึงประชาชนมาเป็นพวกไม่ได้ สื่อไม่อายแต่คนอื่นต้องออกหน้ามาอายแทน

จะบอกให้เอาบุญก็ได้ ว่าครั้งนี้ประชาชนเขาอยู่ข้างตำรวจหมด ต่อให้ตำรวจยิงจริง ชาวบ้านก็ยังเห็นว่าสมควร ติ๊งต่างว่าตำรวจดวลปืนกับโจร ถ้าจะพลั้งมือวิสามัญฆาตกรรมไป ก็ไม่มีปัญหา ในเมื่อโจรแรงมา ตำรวจก็ต้องแรงไป ฉันใดก็ฉันเพล

ตบท้ายด้วยข่าวเบาๆอีกตามเคย..วันก่อนเจอเจ้าตู้ปากกระโถน ไปเตร็ดเตร่งุ่นง่าน อยู่แถวแท็กซี่เรดิโอ..ในฐานะที่เจ้าหมอนี่ มันก็ขี้ข้าเก่าเจ้าคุณปู่ จะไม่ทักมันเลยก็น่าเกลียด เลยแกล้งๆถามไถ่จนได้ความว่า เพราะปากพาจน ทำให้พักนี้มันว่างจัด ตกงานซะจนเซ็ง..

เลยออกมาหาอะไรเจ็บๆ กระแทกปากให้หายบ้าซะหน่อย

วโรทาห์: 24 ต.ค. 51

No comments: