Tuesday, November 27, 2007

ปวงชนคือเกราะแก้ว...คุ้มภัย

๏ ในอ้อมกอด ขุนเขา ลำเนาป่า
พยัคฆา ใหญ่ยิ่ง ใน
สิงขร
ทะยานเหยียบ ทั่วป่า พนาดร
ยังอาทร แมกไม้ ในไพรพง

๏ แม้อินทรี เหินฟ้า นภากาศ
บินผงาด ท่วงท่า พญาหงส์
ประหนึ่งจ้าว เวหา สง่าทรง
ยังร่อนลง สู่ดิน ถิ่นนกกา

๏ จอมราชันย์ ครองแคว้น แดนประเทศ
ราชเดช เกรียงไกร ไปทั่วหล้า
แม้ครองยศ ครองทรัพย์ นับคณา
แพ้ครองใจ ไพร่ฟ้า ประชาชน

๏ ผู้ที่เป็น ยิ่งกว่า มหาบุรุษ
บริสุทธิ์ ผุดผาด ดังหยาดฝน
คือจอมทัพ จอมใจ ในกมล
อุทิศตน เพื่อราษฎร์ ชาติไผท

๏ ขอเพียงหวัง ตั้งมั่น จะฟันฝ่า
นำประชา หลีกพ้น ความหม่นไหม้
ให้พ้นทุกข์ พ้นโศก ปราศโรคภัย
ข้ามไศล โขดเถิิิน ดำเนินแนว

๏ คือบุรุษ สุดงาม ตามระบอบ
ประพฤติชอบ ดีีเลิศ ประเสริฐแล้้ว
ดังหยาดเพ็ชร เกร็ดดาว สกาวแวว
ปวงชนคือ เกราะแก้ว จักคุ้มภัย

วโรทาห์: ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

Sunday, November 25, 2007

จับอาวุธ... ขึ้นสู้

เพราะปีศาจ ภูตผี มันยีย่ำ
หรือเวรทำ กรรมสร้าง แต่ปางไหน
จึงอาภัพ อับจน หนอคนไทย
จะหันหน้า พึ่งใคร ไม่มีเลย

๏ แหงนมองฟ้า เบื้องบน ยิ่งจนหนัก
คิดจะพัก พึ่งพิง กลับนิ่งเฉย
นึกถึงคำ พร่ำสอน แต่ก่อนเคย
ลมรำเพย แผ่วพลิ้ว ก็ปลิวพลัน

๏ ปล่อยอำมาตย์ ชาติชั่ว มากลั้วเกลือก
เที่ยวสอดเสือก แส่ส่าย ทำลายขวัญ
ขับสมุน ดาหน้า ท้าประจัญ
เข้าห้ำหั่น ฝูงชน จนเลือดริน

๏ เกิดเป็นไทย ไพร่ฟ้า หรือข้าทาส
จึงอนาถ ยากแท้ แทบแดดิ้น
ถูกลิดรอน ทอนสิทธิ ลงติดดิน
รวยระริน ลอยคอ จะรอจม

๏ แม้ชีพยั้ง ยังอยู่ คงสู้ต่อ
ขืนทดท้อ ต่อไป ไม่เห็นสม
ชีพจะดับ ลับลา ไม่ปรารมณ์
ขอถล่ม อำมาตย์ ให้อัปรา

๏ ยังแต่สอง มือนี้ ที่ว่างเปล่า
จะสู้เขา อย่างไร ไม่กังขา
จับอาวุธ ในมือ คือปากกา
เข้าคูหา กาเบอร์ สิบสองพลัน

วโรทาห์: ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

Monday, November 19, 2007

บักใสหน้าดำ

โถ...บักใส หน้าดำ มาทำเขี่อง
คนทั้งเมือง รู้้เช่น มึงเป็นไผ
แค่เกาะขา ประชา- ธิปไตย
ไว้ยาใส้ หากิน พอสิ้นวัน

๏ มาสำราก เสียงขรม ทำข่มขู่
ไม่ให้กู เลือกใคร ตามใจฉัน
ต้องเลือกพรรค จัญไร ตามใจมัน
ไม่เช่นนั้ั้น พวกผี จะตีรวน

ถึงตานี้ ทีเรา ต้องเอาบ้าง
ถ้ามึงกร่าง คราวนี้ ไม่มีหยวน
ถ้าให้พวก เหลือขอ มาก่อกวน
ถ้ามาป่วน อีกที เห็นดีกัน

เสียทีเกิด เป็นไท แต่ใจทาส
ให้อำมาตย์ ร้อยเล่ห์ มันเหหัน
ไปรับใช้ ใกล้ชิด สนิทมัน
ให้มันปั่น จับตน สนตะพาย

ถ้าแน่จริง ออกมา อย่ามัวเห่า
สัญชาติเต่า โผล่หัว แต่ตัวหาย
มากันเลย รักชั่ััว อย่ากลัวตาย
ไปจูงควาย ออกมา จะช้าใย

เห็นลูกพี่ ตัวดี ยังหนีบวช
เหลือตะกวด หอกหัก อ้ายบักใส
จะคอยดู เพื่อนซี้ มึงมีใคร
คราวนี้ได้ ตายเดี่ยว ห่อเหี่ยวใจ

วโรทาห์: ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

Sunday, November 11, 2007

จักขบถต่ออำมาตย์

๏ แดนดินถิ่นไทนี้ คือถิ่นที่ กำเนิดกาย
ปู่ย่าและตายาย ได้สร้างหลัก ลงปักฐาน
สืบต่อถึงพ่อแม่ คือไทแท้ แต่โบราณ
วันเวียนจำเนียรกาล เป็นตำนาน นักรบไท
๏ ไม่หวังจะเรืองรุ่ง ไม่เคยมุ่ง จะเป็นใหญ่
เพียงขอพออยู่ได้ ให้ปลอดหนี้ พอมีสิน
นายกฯที่เราตั้ง คือความหวัง ในชีวิน
แผ้วถางทางทำกิน ช่วยคนจน มีแรงใจ
๏ ความหวังพังพินาศ เพราะอำมาตย์ ผู้ยิ่งใหญ่
ธาตุแท้เห็นแก่ได้ ในดวงจิต ริษยา
อิจฉาพยาบาท ผูกอาฆาต ไม่คลาดคลา
ทิฐิอันแรงกล้า ดุจผีร้าย ทำลายชาติ
๏ ข้าขอทรยศ จักขบถ ต่ออำมาตย์
ยืนยงอย่างองอาจ มิยอมให้ ใครข่มเหง
แข็งขืนขึ้นต่อสู้ ไม่ิยอมอยู่ อย่างกลัวเกรง
คนไทใจนักเลง เลือดนักสู้ ผู้พิชิต
๏ ชีวิตเป็นของข้า โชคชะตา ข้าลิขิต
ข้าขอปกาศิต ชีวิตเอง ไม่เกรงฟ้า
เชิดหน้าขึ้นสู้ต่อ ไม่งอนง้อ ขอเทวา
สร้างฝันวันของข้า วันประชา มหาชน
๏ สิ้นชาติขาดกันแล้ว เหมือนดวงแก้ว มีแววหม่น
แก้วแตกถึงแหลกป่น จนขาดวิ่น ต้องผินหลัง
แต่นี้ขอเป็นไท ไม่อยู่ใต้ กิ่งใบบัง
ชีวิตยังมีหวัง ด้วยพลัง ประชาชน

วโรทาห์: ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐

Tuesday, November 6, 2007

หน้าแหลม ฟันดำ(โคลงสี่สุภาพ)

อันใดย้ำหน้าเจ้า จนหงอย
ลวดลายดุจร่องรอย รองเท้า
ดูดั่งยังอยากคอย คู่ใหม่
สมแล้วตะกวดเฒ่า หน้าแหลม ฟันดำ

วันวันหมั่นแกว่งปาก หาเสี้ยน
ค่ำเช้าเฝ้าแวะเวียน สำราก
เห็นหน้าอยากอาเจียน อ้วกแตก
ทีเผลอเตะผ่าหมาก ล้มคว่ำ หน้าเขียว

ไร้มิตรผู้ปราดเปรื่อง ช่วยชี้
ไร้บุพการี สอนสั่ง
ไร้สำนึกชั่วดี เลวสุด แล้วเฮย
คั่งแค้นเคียดชิงชัง ฝังเข้า กระดูกดำ

เจียนอยู่เจียนไปแล้ว เต็มที เฒ่าเฮย
จ่อขอบอเวจี แล้วหนา
หมั่นเพียรสร้างความดี โดยด่วน เถิดเอย
มัวทำตัวชั่วช้า ตายห่า หมาเมิน

วโรทาห์: ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๐