Thursday, May 31, 2007

30 พฤษภา วันประชาวิปโยค

เมื่อศักดินารุกไล่จนสุดแผ่นดิน รากหญ้าไม่มีที่จะถอยแล้ว
การต่อสู้ขั้นแตกหักของชนชั้นรากหญ้าก็็้เริ่มขึ้น
การรบครั้งนี้จะขมขื่นและยาวนานประหนึ่งไม่มีวันสิ้นสุด
สวรรค์โปรดคุ้มครองพวกเขาด้วย...

๏๏๏ พฤษภาอัปยศ ๏๏๏

๏ สามสิบพฤษภา วันประชา วิปโยค
พวกเราต้องเศร้าโศก คนชั่วช้า ไม่รามือ
มันยุบเอาจนได้ ไทยรักไทย ไม่เหลือชื่อ
บันทึกให้เลื่องลือ ตุลาการ ศาลเพียงตา
๏ ตั้งเองมากับมือ มีละหรือ ไม่เป็นใจ
เกียรติสูงกว่าใครๆ ยังยอมให้ ใช้ไถนา
ตัดสินไม่ซื่อตรง ไปตามธง ที่ตั้งมา
ทำตัวเป็นขี้ข้า ใช้ไถนา เหมือนวัวควาย
๏ ตัดสินหน้าด้านๆ เหมือนคนพาล ไม่เป็นธรรม
เหตุผลช่างน่าขำ ฟังแล้วช้ำ น่าเจ็บใจ
ไทยรักไทยตายเดี่ยว รอดหนึ่งเดียว พรรคจัญไร
ลำเอียงไร้ยางอาย ทำไปได้ น่าอายนัก
๏ ยุบได้ก็ตั้งได้ ตั้งพรรคใหม่ ก็เลือกกัน
พวกกูสิบเก้าล้าน เลือกตั้งกัน อย่างพร้อมพรัก
พวกมึงต้องพ่ายแพ้ นึกว่าแน่ มาแตกหัก
มึงหยามหน้ากูนัก มึงรู้จัก กูน้อยไป
๏ ยุบพรรคมึงยุบไป แต่ยุบใจ มึงอย่าหวัง
นับวันยิ่งชิงชัง มึงอย่าหวัง จะได้ใจ
ปากว่าสมานฉันท์ แล้วนี่มัน สมานใคร
สมานมึงใช่ไหม สมานกัน ให้บรรลัย
๏ วันพระเป็นของข้า อย่านึกว่า มีหนเดียว
พระหน้าต้องมีเสียว ใครไม่เกี่ยว ถอยออกไป
แผลนี้มันเจ็บลึก มานั่งนึก ยิ่งเจ็บใจ
ทำได้มึงทำไป พลาดเมื่อไหร่ ได้เจอกัน
๏ ทีกูมึงข่มขู่ เห็นว่ากู สู้ไม่ได้
พอเจอพวกโจรใต้ ยกมือไหว้ ให้มันหยัน
วอนมันให้อภัย ยกโทษให้ ไม่อายมัน
ทีเจอพวกเดียวกัน ทำเป็นเก่ง เจ๋งกว่าใคร
๏ กูถอยมาแค่ไหน ถอยเท่าไหร่ ยังไม่พอ
รุกไล่เอาให้หงอ มึงรุกต่อ ให้พอใจ
ไล่ไปให้จนตรอก พวกขี้ครอก มึงไล่ไป
กูถอยจนสุดท้าย ถอยไม่ได้ กูสู้ตาย

วโรทาห์
๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๐

Monday, May 28, 2007

ชวนเชื่องช้า

๏ ไปเรื่อยเรื่อย เหนื่อยก็พัก หนักก็ปล่อย
ต้องค่อยค่อย คอยคนบื้อ อย่าหวือหวา
ทำสิ่งใด ให้คอยถาม ตามตำรา
ชวนเชื่องช้า แต่มาแน่ ไม่แชเชือน
๏ ดีแค่ไหน ยังไม่พ้น คนว่ากล่าว
ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ เช็ดเกียร์เพื่อน
คนมันซื่อ ลือไปได้ ให้เลอะเลือน
น้ำมันเถื่อน เพื่อนขอมา ข้าให้ไป
๏ โดยหลักการ มันต้องเป็น เช่นนั้นแน่
ตามหลักแก มันต้องแย่ แก้ไม่ไหว
หลักต้องแน่น แม่นเด๊ะเด๊ะ เป๊ะลงไป
แต่หลักไหน ใครว่าแน่ แพ้หลักกู
๏ ทำแทบตาย ไม่เหลือเก็บ มันเจ็บนัก
ได้เพื่อนรัก พออาศัย ให้บ้านอยู่
เพราะซื่อสัตย์ ไม่โกงไง ใครก็รู้
กาแฟ-ตู ยังหลีกเลี่ยง ไม่เลี้ยงใคร
๏ คนของเรา เข้าพรรคเขา เดาได้ง่าย
มันดูดไป ใช้เงินซื้อ ลือกันใหญ่
คนของเขา เข้าพรรคเรา พอเข้าใจ
ช่วยไม่ได้ มันเรื่องสม อุดมการณ์
๏ เลือกตั้งมา ถ้าแพ้เขา เราต้องเกี่ยง
มันซื้อเสียง เถียงไม่ได้ ใครเล่าขาน
เขาแพ้เรา ค่อยเข้าที ไม่มีงาน
เลือกตั้งผ่าน บริสุทธิ์ ยุติธรรม
๏ เรื่องงูเห่า เล่าลือไป รู้ไว้ด้วย
เขามาช่วย ให้ชาติไทย ไม่ถลำ
เสียสละ กันแทบตาย จำใจทำ
ขอแค่ตำ- แหน่งนี้หนอ ก็พอใจ
๏ เรื่องนี้เห็น เป็นอย่างไร ยังไม่รู้
ยังรออยู่ ดูรายงาน มาขานไข
อย่าคร่ำเคร่ง เร่งยิกยิก จิกเร็วไป
ด่วนแค่ไหน ยังต้องขอ รอรายงาน

วโรทาห์
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐

Sunday, May 20, 2007

ซูยุก-เอย รัฐธรรมนูญข้าอยู่ที่ใจ ใยต้องถามข้าว่ายินยอมรับรัฐธรรมนูญหรือไม่

. ซูยุก-เอย นับจากวันที่เจ้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกระบี่มือหนึ่งถืออาญาสิทธิ์ปกครองยุทธภพอย่างองอาจ เจ้าช่างฮึกเหิมประหนึ่งนักรบผู้เข้ามากอบกู้แผ่นดิน ยังมีใครกล้าคิดว่าเจ้ายังคงมีวันนี้ วันที่เจ้าถูกขับไล่ไสส่งจากเหล่าเดนคนกอบกู้ชาติประหนึ่งสุนัขไร้เจ้าของ ขู่เข็ญเจ้าจนอยู่ยังมิได้ตายยังมิยอม บัดนี้เจ้าคงได้รู้ซึ้งถึงรสชาดความขมขื่นที่ทักซิ้งเคยได้รับมาแล้ว
. ซูยุก-เอย เจ้าอย่าได้ลำพองนัก วรยุทธของเจ้าเมื่อเทียบกับทักซิ้งแล้วนับว่ายังห่างไกล หากเขาเป็นดั่งขุนเขาเจ้ายังคงเป็นได้เพียงแค่ธุลีดิน นอกจากวิชาบาทาเหยียบย่ำฝูงชนอันลือลั่นที่โรงเตี๊ยมลาตาน่าโกซิ้ง กับผลงานสังหารตัวประกันพร้อมนักรบกาเหลียนที่เมืองโอ่งมังกรอีกเล็กน้อยแล้ว ยังมีผลงานใดให้เจ้าเอ่ยอ้างได้อีก อาศัยโจรปล้นชิงอาญาสิทธิ์มามอบให้ เจ้าจึงมีวันนี้ มาตรแม้นต้องเข้าประลองยุทธรับการคัดเลือกจากชาวยุทธแล้ว ตายอีกสิบชาติเจ้ายังคงมิอาจได้ครอบครองตำแหน่งกระบี่มือหนึ่งแห่งแผ่นดิน
. ซูยุก-เอย เจ้ายังคงมิต้องน้อยใจไป เมื่อเทียบกับเหล่าเดนนรกแล้วเจ้ายังนับว่าสูงส่งอย่างยิ่ง นับไปแล้วเจ้ายังคงมีคุณธรรมอยู่บ้าง แม้ไม่มีมากยังมีน้อย มิชั่วร้ายเฉกเช่นหมู่มารที่หามเกี้ยวให้เจ้านั่ง เจ้ายังคงรู้ผิดชอบชั่วดีจึงรู้จักขัดขืนมิยอมเหล่ามารบงการให้ทำลายทักซิ้งตามใจชอบ หาไม่แล้วปวงชนผู้มีใจเป็นธรรมมิอาจทนดู ย่อมลุกฮือขึ้นต่อต้าน ใยมิใช่แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟ
. ซูยุก-เอย เจ้าทำผิดพลาดไม่น้อย เจ้าพร่ำเอ่ยถ้อยคำสมานฉันท์ทำให้ผู้คนมีความหวัง คาดมิถึงสมานฉันท์ของเจ้ากลับเป็นสมานฉันท์ของพวกมาร สมานฉันท์ของพวกเจ้าคือให้ทุกคนหันมาร่วมมือกันกำจัดทักซิ้ง หากเป็นเช่นนี้เจ้าคงต้องไปสมานฉันท์กันเองแล้ว สมานฉันท์ของปวงชนคือทำให้บ้านเมืองมีขื่อแป ทุกคนเคารพอาญาบ้านเมือง หากทักซิ้งผิดจริงย่อมได้รับโทษไปตามอาญาบ้านเมือง มิมีใครว่ากล่าวเจ้า หากแต่มิใช่ตั้งศาลเตี้ยตัดสินกันตามชอบใจ
. ซูยุก-เอย กำจัดความเกลียดชังออกจากคนสองฝ่ายจึงเรียกว่าสมานฉันท์ แต่เจ้ากลับปลุกปั่นผู้คนให้ร่วมกันเกลียดชังคนคนหนึ่งเจ้ายังกล้าเรียกว่าสมานฉันท์อีกหรือ หากใครไม่เห็นด้วยกับพวกเจ้ายังถูกป้ายสีเป็นคลื่นใต้น้ำ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าบิดาของเจ้ามิเห็นด้วยกับทางการถูกป้ายสีเป็นคอมมูนิสต์ ผ่านมาหลายสิบปีเจ้ากลับทำดั่งเช่นที่คนอื่นทำกับบิดาเจ้า ได้…หากเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าย่อมสงเคราะห์ให้ ข้าขอเป็นคลื่นใต้น้ำมิขอเป็นสุนัขรับใช้พวกขุนนาง แต่เจ้าจงรู้ไว้ด้วยว่าคนที่ถูกเจ้าผลักใสไปเป็นคลื่นใต้น้ำนั้นมีอยู่ทั่วอาณาจักร ไม่เว้นแม้แต่ทางทิศทักษิณอันเป็นที่มั่นของพวกเจ้าเอง วันใดพวกเขาลุกฮือขึ้นมาพร้อมกันเจ้าจักได้รู้ว่าพวกเขามีจำนวนมากมายเพียงใด
. ซูยุก-เอย ลำบากเจ้าแล้ว เป็นเพราะเจ้าก้าวเดินผิดเอง วันๆมิทำการงานมุ่งแต่ตามทำลายล้างทักซิ้ง นอกจากเอาผิดทักซิ้งมิได้แล้วการค้ายังหยุดหมด ผู้คนอดอยากแร้นแค้นผิดจากยุคสมัยของทักซิ้งราวนรกกับสวรรค์ เจ้าทำจนบ้านเมืองเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนใครเลยกล้าเข้ามาค้าขาย วันนี้เจ้ากลับกลายเป็นศัตรูของคนทั้งสองฝ่าย ฝ่ายมารกล่าวหาเจ้าไม่มีผลงาน แปดเดือนมิยอมกำจัดทักซิ้งทำให้การค้าไม่เดินพวกเขาจึงอดอยาก ฝ่ายปวงชนกล่าวหาเจ้าหมกมุ่นหาทางกำจัดทักซิ้งจนไม่ทำการงาน การค้าจึงไม่เดินทำให้พวกเขาอดอยาก นี่ล้วนเป็นเพราะเจ้าทำผิดมหันต์เอง
. ซูยุก-เอย เมตตาคือคุณธรรม ผู้มีเมตตาจึงมีคุณธรรม เมตตาย่อมเป็นสุดยอด สิ้นไร้อคติ ไร้รักไร้ชัง เจ้าจงหันไปดูรอบตัวเจ้าสิ มีใครบ้างไร้ชิงชัง ยังมีใครมิเห่าหอนด่าว่าทักซิ้ง มิใช่ล้วนเป็นเจ้าเองคัดเลือกคนสารเลวพวกนี้มาใช้งาน หรือนี่คือคุณธรรมของเจ้า หากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณธรรมของเจ้าย่อมแตกต่างจากคุณธรรมของข้ามิอาจบรรจบ เราคงมิต้องกล่าวถึงคุณธรรมกันอีกแล้ว
. ซูยุก-เอย เจ้าคิดว่าต้องให้โจรเอ่ยอ้างเหตุผลมากี่ข้อเจ้าจึงยินยอมให้พวกมันปล้นบ้านเจ้า เหตุผลหมื่นข้อไหนเลยเพียงพอให้โจรทำการปล้นได้ แต่เพียงเหตุผลสี่ข้อเจ้ากลับยินยอมให้พวกโจรถ่อยมาปล้นชิงอาญาสิทธิ์บ้านเมือง เจ้าถึงกับกล้าให้ลิ่วล้อออกไปชี้แจงเหตุผลที่ปล้นบ้านเมืองให้คนเผ่าอื่นฟัง เจ้ามิรู้จักอับอายแต่พวกข้ากลับอับอายจนแทบมุดหน้าลงดิน คนในบ้านวิวาทกันเจ้ากลับเข้าด้วยฝ่ายหนึ่ง ยังไปยืนด่าอีกฝ่ายหนึ่งให้คนเผ่าอื่นฟัง เจ้าคิดว่าคนอื่นเขาป่าเถื่อนเช่นพวกเจ้าหรือไร เจ้ามิรู้เลยหรือว่าพวกเขามองว่าเจ้าป่าเถื่อนมิมีความเป็นสุภาพบุรุษ ช่างน่าอับอายนัก
. ซูยุก-เอย ผู้ปกครองต้องมาจากปวงชนคัดสรรจึงเรียกว่าประชาธิปไตย ใครเลือกเจ้ามาจึงกล้าบังอาจพร่ำบ่นประชาธิปไตย แม้ข้าความรู้น้อยยังคงบังอาจสั่งสอนเจ้าให้รู้จักประชาธิปไตยบ้าง
. ซูยุก-เอย ราษฎรทุกคนย่อมมีอธิปไตยเป็นของตนเองมาแต่เกิด พวกเขาย่อมมีสิทธิคิดอ่านด้วยตัวเอง ผิดถูกอย่างไรมิใช่กงการของเจ้า เจ้าถือสิทธิอันใดไปคิดแทนพวกเขา พวกเขาเพียงพอมิเพียงพอมันกงการใดของเจ้า พวกเขาเลือกใครเป็นผู้แทนมันกงการใดของเจ้า พวกเขาขายสิทธิมันกงการใดของเจ้า พวกเขายินยอมขายตัวเป็นข้าทาสของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด หากเป็นมิตรสหายแนะนำกันยังพอฟัง แต่นี่พวกเจ้าถึงกับบงการให้พวกเขาทำตามที่พวกเจ้าเห็นสมควร เจ้ามิรู้สึกว่ามันมากไปหน่อยหรือ ประชาธิปไตยของชนเผ่าใดให้คนกลุ่มหนึ่งครอบงำคนอีกกลุ่มหนึ่ง
. ซูยุก-เอย ผู้ปกครองย่อมมีหน้าที่นำพาราษฎรให้อยู่ดีกินดี มันมิง่ายไปหน่อยหรือ เมื่อทำงานไม่เป็นแล้วไปบังคับให้ราษฎรเพียงพอ หัวหน้าครอบครัวเกียจคร้านมิทำการงาน ครอบครัวอดอยาก กลับสั่งให้ทุกคนเพียงพอ สั่งสอนให้กินแต่น้อย มิควรกินมาก ยังด่าว่าหัวหน้าครอบครัวที่ขยันขันแข็งว่าทำให้คนในครอบครัวนิสัยเสีย กินอิ่มมากเกินไปจนปวดท้อง เจ้าคิดได้อย่างไร
. ซูยุก-เอย คนผู้ดูหมิ่นน้ำใจคน ไหนเลยนับว่าเป็นคน พวกเจ้าถึงกับดูหมิ่นราษฎรโง่เขลา มิรู้จักคุณค่าของสิทธิตนเองจึงนำออกขายแก่ผู้เป็นนักการเมือง มิใช่พวกเจ้าดอกหรือที่บีบคั้นให้พวกเขาต้องขายสิทธิ พรรคเก่าแกชั่วช้าของพวกเจ้ามิใช่หรือที่คิดแต่หลอกล่อผู้คนให้เลือกตัวเองเข้าไปเสพย์สุข ฉ้อราษฎร์บังหลวงสะสมเงินทอง อาศัยมือเปล่าๆมาเป็นผู้แทนราษฎรมิช้ามินานกลับมั่งคั่งผิดผู้คน มิเคยเหลียวแลราษฎร พวกเขายังคงอดอยากแร้นแค้นเช่นเดิมมิเคยเปลี่ยนแปลง ในเมื่อเลือกพวกเจ้าเข้าไปยังมิต่างเลือกสุนัขหนึ่งตัว ใยมิใช่ขายสิทธิไปยังได้เงินทองมาซื้อข้าวกิน
. ซูยุก-เอย ราษฎรมิเคยโง่เขลา หากแต่เป็นพวกเจ้ามิยอมให้โอกาสพวกเขา พวกเจ้าถึงกับคิดแทนพวกเขาทุกสิ่งอย่าง พวกเจ้าลิขิตชีวิตของพวกเขาว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดมิควรทำ พวกเจ้ายังอ้างว่าทำไปเพราะหวังดีต่อพวกเขา เป็นเช่นนั้นแล้ว หากพวกเขาหันมาหวังดีต่อพวกเจ้าบ้าง พวกเจ้ายังคงยินยอมหรือไม่ หากพวกเขาบงการให้พวกเจ้ารู้จักเพียงพอ ทรัพย์สินของพวกเจ้ามีมากเกินไปให้เอาออกมาช่วยคนยากจนเจ้ายินยอมหรือไม่ อย่าว่าแต่ช่วยคนยากจน เพียงแค่ให้ส่งส่วยภาษีมรดกพวกเจ้ายังต่อต้านมาตลอด ยังมีหน้ามาสั่งสอนผู้อื่น พวกเจ้าทำตัวเป็นเจ้าของชีวิตของราษฎรดุจดังเจ้าของโคกระบือมาช้านาน พลันทักซิ้งเข้ามาเขากลับให้ทุกสิ่งที่ราษฎรโหยหา ให้สิ่งที่พวกเจ้าคิดว่าพวกเขามิควรได้ เป็นเพราะทักซิ้งพวกเขาจึงรู้ว่าสิทธิของพวกเขามีคุณค่า พวกเขามิจำต้องขายสิทธิอีกต่อไป พวกเขาเรียนรู้ว่าเขายังคงใช้สิทธิเลือกคนมาทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้ มิต้องให้พวกขุนนางหลอกกดขี่อีกต่อไป
. ซูยุก-เอย เป็นเพราะราษฎรมิขายสิทธิต่างหากพวกเจ้าจึงลำบาก พลันราษฎรแสดงพลังของพวกเขาใช้สิทธิเลือกคนที่เข้ามาช่วยพวกเขา เลือกตั้งพันครั้งพวกเจ้าก็แพ้พันครั้ง นึกไม่ถึงพวกเจ้ากลับกระทำการอันโสมมใช้วิชามารใส่ร้ายป้าสีทักซิ้งอย่างไร้คุณธรรม เมื่อทำการปลุกปั่นยุยงผู้คนไม่สำเร็จยังถึงกับนำพาพวกโจรป่าใช้อาวุธเข้าปล้นชิงอาญาสิทธิ์ของพวกเขาไปอย่างน่าอนาถ นี่มิใช่ขี้แพ้ชวนตีดอกหรือ พวกเจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นประชาธิปไตย เข้ามาช่วยขีดเขียนกฎเหล็กใหม่เป็นรัฐธรรมนูญให้พวกเราใช้ ยังข่มขู่ให้พวกเรารับรองรัฐธรรมนูญของพวกเจ้า หาไม่แล้วบ้านเมืองจักวิกฤติ
. ซูยุก-เอย รัฐธรรมนูญข้าอยู่ที่ใจ ใยต้องถามข้าว่ายินยอมรับรัฐธรรมนูญหรือไม่ รัฐธรรมนูญย่อมสลักแน่นอยู่ในใจข้ามาช้านานมิมีวันลบเลือน รัฐธรรมนูญใจของข้าหนักแน่นดั่งขุนเขากลับบัญญัติไว้เพียงสองมาตรา หนึ่งคือข้ารักและหวงแหนอธิปไตยของข้ายิ่งชีวิต ผู้ใดล่วงละเมิดอธิปไตยของข้ามันถือเป็นกบถต่อข้าย่อมรับโทษตายสถานเดียว อีกหนึ่งคือข้าเคารพในอธิปไตยของผู้อื่นเสมอด้วยอธิปไตยของข้ามิมีผิดเพี้ยน ผู้ใดละเมิดอธิปไตยของผู้อื่นย่อมเสมือนละเมิดอธิปไตยข้า ข้าสาบานจักปกป้องอธิปไตยของทุกคนด้วยชีวิตของข้า มิแยกแยะว่าคนผู้นั้นโง่เขลาหรือฉลาดเฉลียวเพียงใด ยิ่งมิแยกแยะว่าคนผู้นั้นมีฐานะสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงใด เมื่อเป็นเช่นนี้กลับเป็นข้าต้องถามเจ้าแล้วว่า รัฐธรรมนูญที่เจ้าว่าจ้างเหล่าปีศาจมาละเลงภู่กันลงบนกระดาษตามใจชอบของพวกมันนั้น มีค่าคู่ควรด้วยรัฐธรรมนูญใจของข้าหรือไม่ เป็นผู้ใดใช้ให้มาขีดเขียน
. ซูยุก-เอย พวกเจ้าฉีกทึ้งรัฐธรรมนูญกระดาษมิมีผู้ใดเอาผิดเจ้าได้ แต่พวกเจ้าละเมิดรัฐธรรมนูญใจของปวงชนไปแล้วอย่าหวังลอยนวล ปวงชนได้บันทึกชื่อแซ่พวกเจ้าไว้ในฐานะกบถแล้ว พวกเขาจักติดตามล้างผลาญพวกเจ้าชั่วลูกหลาน ความเคียดแค้นที่ปวงชนมีต่อพวกเจ้า แม้แผ่นดินกลบหน้ามิอาจลืมเลือน ล้างแค้นสิบปีมิสาย ช้าเร็วพวกเจ้าต้องชดใช้กรรม
. ซูยุก-เอย พวกเจ้าช่างชั่วร้ายนัก พวกเจ้าถึงกับจับปวงชนเป็นตัวประกัน พวกเจ้าล้อเล่นกับความทุกข์ยากของราษฎร ถึงกับสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้บ้านเมือง เพียงเพื่อให้ปวงชนยอมให้ในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ หากมิยินยอมพวกเจ้ายังคงสร้างความวุ่นวายต่อไปมิหยุกยั้ง อย่าได้ฝันหวานไปเลย ครั้งนี้ปวงชนมิยินยอมให้พวกเจ้าแล้ว หากต้องกลับไปสยบใต้อุ้งเท้าพวกขุนนางจึงสงบสุขได้ พวกข้ากลับยินยอมให้วุ่นวายต่อไป ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง พวกข้าอดอยากพวกเจ้ายิ่งอดอยากกว่า พวกข้าเคยอดอยากมาก่อนแต่พวกเจ้ายังมิเคยอดอยาก มาลองดูว่าใครทนอดได้นานกว่ากัน พวกข้ามีอยู่ทุกหนทุกแห่งล้อมพวกเจ้าไว้ทุกทิศทุกทาง พวกเจ้าจักต่อสู้ด้วยพวกข้าอย่างไร พวกข้าไม่มีหัวแม้อยากเด็ดหัวทิ้งยังมิรู้หาหัวที่ไหน แม้แต่ทักซิ้งยังมิใช่หัวของพวกข้า
. ซูยุก-เอย ปวงชนมิอาจถอยร่นอีกแม้เพียงครึ่งก้าว พวกเขาได้ถอยให้พวกเจ้าจนสุดแผ่นดินแล้ว เวลานี้เบื้องหลังของพวกเขาคือหุบเหว มิมีที่ให้ยืนอีกแล้ว หากเจ้ารุกไล่ต่อไปพวกเขามีแต่บุกขึ้นข้างหน้าหรือไม่ก็ตาย เจ้ากล้าสู้ด้วยพลังมหาชนที่สิ้นหวังหรือ
. ซูยุก-เอย พวกเจ้าอย่าได้ลำพองใจว่ามีฝูงชนหนุนหลัง ที่แท้พวกมันเป็นเพียงคนส่วนน้อยที่เกรี้ยวกราดและเสียงดัง พวกมันห้อมล้อมตัวเจ้าไว้แล้วส่งเสียงอื้ออึง ทำให้เจ้าหลงผิดคิดว่าเสียงของพวกมันคือเสียงปวงชน พวกมันหวังเพียงยืมมือเจ้าสังหารทักซิ้งแทนพวกมัน หาได้มีอุดมการณ์ยืนสู้เคียงข้างเจ้าไม่ ฝูงชนต่ำช้าเพียงแค่นี้เจ้าถึงกับนำไปเทียบเคียงกับซูจิ้งหลาผู้โด่งดังจากพฤษภาทมิฬ เจ้าบอกว่าพวกมันมิมีฝูงชนหนุนหลังจึงพ่ายแพ้ เจ้ายังคงลืมไปว่าพวกมันกลับมิได้เผชิญหน้าด้วยมหาชนที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ พวกเจ้ากำลังจะขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการต่อสู้ด้วยมหาชนจำนวนมหาศาล ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก วงศ์ตระกูลของพวกเจ้าจักต้องเสียหายยับเยินมิอาจหลีกเลี่ยง ลูกหลานเจ้าต้องอยู่อย่างอดสูท่ามกลางราษฎรที่ชิงชังมัน
. ซูยุก-เอย เจ้าปิดหูปิดตาตนเองจนมืดบอด จึงมิรู้ว่าเจ้าได้ยืนประจัญหน้าด้วยมหาชนแล้ว กองทัพมหาชนอันน่าเกรงขามเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง จ้องมาที่พวกเจ้าด้วยความเคียดแค้นที่ถูกพวกเจ้าย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันทีที่พวกเจ้าจุดชนวน มหาชนมือเปล่าพลันลุกฮือขึ้นทั่วอาณาจักร แม้พวกเขามิมีอาวุธแต่พวกเขาคือพ่อแม่พี่น้องของทหารของเจ้า เจ้าคิดว่าทหารยังคงยิงพวกเขาหรือหันปืนกลับมาหาพวกเจ้า เจ้าลองนึกดูว่าสภาพของพวกเจ้าที่ถูกบดขยี้โดยมหาชนที่โกรธแค้นจักเป็นเช่นใด แม้แต่ไม้ใหญ่ที่ให้พวกเจ้าอาศัยเกาะกินใยมิใช่หักโค่นตามพวกเจ้าไปด้วย
. ซูยุก-เอย ภูเขาไฟก่อนระเบิดออกยังคงสงบนิ่ง ทะเลก่อนคลุ้มคลั่งยังไร้คลื่นลม เจ้าจึงมิควรมองข้ามมหาชนอันสงบนิ่ง ยิ่งนิ่งยิ่งน่ากลัว ยิ่งเจ้าปิดหูตนเอง ยิ่งเจ้าปิดปากปวงชนเจ้ายิ่งมิได้ยินเสียงร่ำร้องของพวกเขา เจ้ามิอาจคิดว่าพวกเขาสงบนิ่ง มันกลับคุกรุ่นอยู่ภายในรอวันระเบิดออก แม้นหากหลีกเลี่ยงการนองเลือดได้ เมื่อถึงวันลงติ้วเลือกตั้งเจ้ายังคงได้เห็นพวกเขาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา เมื่อนั้นพวกเจ้าจักได้เจอวิกฤติอันหนักหน่วง เป็นวิกฤติของพวกเจ้าเองหาใช่วิกฤติของบ้านเมืองไม่ ถึงเวลานั้นอย่าได้มาแหกปากว่าพวกเขาขายสิทธิกันอีก พวกเจ้าจงถอยไปเถิด มีแต่ทางนี้เท่านั้นให้พวกเจ้าเดิน มีแต่ทางนี้จริงๆ
. ซูยุก-เอย ในค่ำคืนอันมืดมิด ปวงชนยังหลับไหลไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืน รั้งรอถึงอรุณรุ่งของวันใหม่ เมื่อตะวันทอแสงเป็นสีทอง ทาบทาท้องฟ้าจนเรืองรองผ่องอำไพ เมื่อนั้นปวงชนจักเป็นใหญ่ในแผ่นดิน หมู่มารย่อมถูกล้างผลาญจนหมดสิ้น ด่าวดิ้นกลับสู่นรกอเวจี หากเจ้าฉลาดจงรีบฉกฉวยโอกาสนี้ชักชวนพรรคพวกของเจ้าออกมาโขกศีรษะรับผิดแล้วเริ่มต้นคิดใหม่ทำใหม่ก่อนรุ่งสาง แม้จันทรามิเป็นใจส่องแสงสว่างไสวคอยนำทาง อาศัยแสงดาวอันน้อยนิดยังคงน้อมนำปัญญาเจ้าให้คิดได้มองเห็นทางออก เจ้าปรารถนาไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ยังคงอยู่ที่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว

เทพคุณธรรม (วโรทาห์: 20 พฤษภาคม 2550)

Monday, May 14, 2007

ทักซิ้ง-เอย พวกเราล้วนรู้สึกละอายต่อเจ้านัก

. ทักซิ้ง-เอย นานวันมิพานพบ ปวงชนพี่น้องเราล้วนคิดถึงเจ้ายิ่งนัก ฟ้าดินเมตตาได้ข่าวเจ้า
ยังสุขสบายดีจึ่งพอวางใจ แต่มิว่าอย่างไรเจ้ายังควรถนอมสุขภาพ ขอเพียงรักษาชีวิตไว้ได้ ช้า
เร็วเราพี่น้องต้องได้กลับมาพบกันพร้อมหน้า ยังคงมีงานรั้งรอให้พวกเรากลับมาสะสางอีก
มากนัก
. ทักซิ้ง-เอย พวกเราล้วนรู้สึกละอายต่อเจ้านัก เจ้าเคยทำผลงานให้พวกเรามากมาย คิดไม่ถึง
ยามคับขันพวกเรากลับช่วยเหลือเจ้ามิได้ ยิ่งมีผู้หลงผิดไปเข้ากับโจร ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บใจ
. ทักซิ้ง-เอย ยามเจ้าจากไปปวงชนร่ำให้อาลัยเจ้านัก เห็นแล้วมิอาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ รู้สึก
ภูมิใจแทนเจ้าไม่น้อย ยังมีผู้ปกครองผู้ใดเล่าทำให้ราษฎรรักได้ถึงเพียงนี้ ครั้งนี้ปวงชนมิ
ทอดทิ้งเจ้า เจ้าเองยิ่งมิอาจทอดทิ้งปวงชน ความหวังของพวกเขาล้วนฝากไว้กับเจ้าแล้ว นับวัน
รอคอยให้เจ้ากลับมาสานต่อ
. ทักซิ้ง-เอย เจ้ามิควรโทษตนเอง ความแตกแยกในบ้านเมืองมิได้เกิดเพราะเจ้า ฝ่ายราษฎร
กับฝ่ายขุนนางย่อมแตกแยกกันมาแต่เนิ่นนาน เพียงแต่ราษฎรมิอาจขัดขืนจึงดูเหมือนสงบอยู่
เมื่อเจ้ามาถึงราษฎรจึงตื่นขึ้นนับเป็นภัยใหญ่หลวงต่อฝ่ายขุนนาง มิว่าอย่างไรพวกมันมิอาจ
ปล่อยเจ้าเอาไว้
. ทักซิ้ง-เอย ที่แท้ศัตรูของเรากลับมิใช่พวกโจรปล้นปกาศิตบ้านเมือง ยังคงเป็นเหล่าขุนนาง
ที่ฝังรากลึกมานาน พวกมันย่อมวางเครือข่ายไว้ซับซ้อนดั่งเช่นจอมปลวก พวกมันถึงกับมี
พรรคเก่าแก่กาลีบ้านกาลีเมืองไว้เป็นแขนขา ชนชั้นปกครองที่เป็นผู้นำในทุกองคาพยพล้วน
แต่เป็นคนของมัน มันยังชุบเลี้ยงเหล่าคนบอกข่าวไว้เป็นกระบอกเสียงให้พวกมัน เวลานี้พวก
มันยังคงทำงานกันอย่างหนักเพื่อขุดฝังเจ้าให้จงได้
. ทักซิ้ง-เอย พวกมันโป้ปดมาเนิ่นนาน จนแม้แต่พวกมันเองยังเชื่อถือในสิ่งที่มันโป้ปด พวก
มันยังคิดว่าที่ราษฎรชมชอบเจ้าเพราะได้รับเงินทองจากเจ้า เป็นเพราะเจ้าจึงทำให้ผู้คน
แตกแยก พวกมันผิดแล้ว ต่อให้เจ้าตายไปตอนนี้ความแตกแยกยังคงไม่เสื่อมคลาย กลับยิ่ง
แตกแยกจนมิอาจกลับมาสมานกันได้
. ทักซิ้ง-เอย พวกมันยังกล้าเอื้อนเอ่ยถ้อยคำสมานฉันท์ ที่แท้พวกมันกลับมุ่งหมายให้พวก
เราเข้าร่วมกับพวกมันมาทำลายเจ้าจึ่งเรียกว่าสมานฉันท์ เป็นเช่นนี้มิสู้ปล่อยให้พวกมันไป
สมานฉันท์กับบิดามัน
. ทักซิ้ง-เอย เจ้าจงวางใจ เป็นตายอย่างไรพี่น้องเรามิอาจทอดทิ้งกัน ปวงชนมากมายยังยืน
อยู่เคียงข้างเจ้ามิเสื่อมถอย นับวันมีแต่เพิ่มพูน ผู้คนที่เคลือบแคลงในตัวเจ้า ยิ่งมายิ่งหายเคลือบ
แคลง ยิ่งผู้คนที่เชื่อใจเจ้า นับวันยิ่งเชื่อถือ ยังเหลือแต่พวกเคียดแค้นชิงชังมิอาจกู่กลับ นับวัน
ยิ่งเหลือน้อยลงรอวันถูกทำลาย
. ทักซิ้ง-เอย ผู้คนถูกปลุกปั่นมาเนิ่นนานหลายชั่วคนคิดล้างออกย่อมมิง่าย ความคิดของพวก
เขายังเห็นกลับด้าน เท็จคือจริงจริงคือเท็จมิอาจแยกแยะ นอกจากคิดเองไม่ได้แล้วยังกลับคิด
ว่าผู้อื่นผิดอีก เปรียบดั่งคนวิกลจริตย่อมมองเห็นว่าผู้อื่นต่างหากที่วิกลจริต ผู้คนที่โง่เขลา
ยังคงมีอยู่ไม่น้อย พวกมันกล้าโป้ปด คนเหล่านี้ยังคงกล้าเชื่อ กล่าวเรื่องเหลือเชื่อเพียงใด คน
เหล่านี้ยังคงมิอาจไม่เชื่อ คนพวกนี้วันๆรู้จักแต่ด่าว่าให้ร้ายผู้คน คนพวกนี้ต่อให้เห็นโลงศพ
ยังมิอาจสำนึก กลับด่าว่าผู้คนทำให้มันต้องตาย พวกมันแม้ตายไปยังมิยอมเปลี่ยนแปลง
. ทักซิ้ง-เอย ในยามนี้แม้เจ้าอยากผายลมยังคงต้องอดกลั้น หาไม่แล้วพวกมันมิอาจไม่โทษ
เจ้าพ่นพิษทำบ้านเมืองวุ่นวาย เจ้าสมควรเยือกเย็นไว้ก่อน มิว่าอย่างไรยังมิควรหวนกลับ ยังคง
มีเรื่องต้องสะสางมากมายปวงชนเท่านั้นจึงสะสางได้ มิสู้ปล่อยวางเป็นธุระของพวกเรา พวก
มารยิ่งใกล้ตายยิ่งน่ากลัว ยังคงตะโกนด่าว่ามิยอมสำนึก แต่สุดท้ายพวกมันยังไงต้องถูกกำจัด
มันบังอาจท้าทายปวงชนย่อมมิได้ตายดี
. ทักซิ้ง-เอย ช่างน่าหัวร่อนัก พวกขุนนางถึงกับสั่งสอนให้ราษฎรรู้จักเพียงพอ คนยากจน
ไหนเลยมิรู้จักเพียงพอ คนอดอยากไม่มีข้าวสารใส่อวยมิเพียงพอยังต้องเพียงพอ เสียดายพวก
มันกลับลืมสั่งสอนให้ตัวเองรู้จักเพียงพอ
. ทักซิ้ง-เอย พวกมันยิ่งอยู่นานปวงชนยิ่งอดอยาก การค้าขายยิ่งมายิ่งเสียหาย ผู้คนยิ่ง
เดือดร้อนยิ่งมาเข้าด้วยฝ่ายเรา แม้พวกเราเองยังเดือดร้อนไม่น้อยมิอาจไม่กลืนเลือดอดทนไว้
. ทักซิ้ง-เอย คาดมิถึงพวกมันกลับสอนเคล็ดวิชา”อริยะขัดขืน”ไว้ให้แก่เรา มีแต่ใช้เคล็ดวิชา
นี้เปิดศึกยืดเยื้อกับมันจึงเอาชนะพวกมันได้มิต้องเสียเลือดเนื้อ มิจำต้องฉีกติ้วเลือกตั้งดั่งเช่น
คนถ่อย พวกเราเพียงแต่อยู่นิ่งๆแม้อดอยากยังต้องทน พวกเราล้วนเคยอดอยากมาแล้ว วันนี้จะ
อดอยากอีกซักครั้งจะเป็นไรไป พวกเราอดอยากพวกมันยังคงอดอยากเช่นกัน สองฝ่ายมาลอง
ดูว่าใครทนอดได้นานกว่ากัน
. ทักซิ้ง-เอย เจ้ามิต้องห่วงใย ยังไงพวกเรายังคงมีทางรับมือ มิว่าอย่างไรต้องขอบใจจอมมาร
หัวโตแห่งสำนักท่าน้ำสุริยัน กลับคิดค้นเคล็ดวิชา”ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง” ไว้ให้พวกเราได้
ใช้ในวันนี้ แม้นหากพวกมันทวงถามหนี้สินเรายังแอบฝึกปรือเพลงดาบ”มิมี มิหนี มิจ่าย” ไว้
รับมือ
. ทักซิ้ง-เอย พวกเราย่อมแสดงพลังให้พวกมันเห็น แม้มันออกกฎเหล็กแห่งรัฐมากี่เล่มพวก
เรายังคงไม่รับ แม้มันยุบพรรคของเราเรายังมิหวั่นไหว พรรคใดสืบทอดอุดมการณ์ของเจ้า
พวกเราย่อมเลือกพรรคนั้นมิมีวันเปลี่ยนแปลง เลือกตั้งพันครั้งยังคงเลือกพวกเราพันครั้ง ผู้คน
เมื่อเห็นพลังของเราย่อมย้ายข้างมาอยู่กับเรา ไหนเลยพวกมันอยู่ได้
. ทักซิ้ง-เอย ขอเพียงปวงชนไม่หวั่นไหว พวกเราเกาะเกี่ยวกันไว้ก่อเกิดเป็นกำแพงเหล็ก
แข็งแกร่ง หนักแน่นดั่งขุนเขา เทพยดาฟ้าดินยังครั่นคร้าม ไหนเลยพวกมันโค่นล้มเราได้ ต้อง
ให้พวกมันยิ่งอยู่ยิ่งทุกข์ทรมาน อยู่มิอาจอยู่ ตายมิอาจตาย ให้พวกมันเข็ดขยาด วันหน้ามิกล้า
มาปล้นชิงปกาศิตของพวกเราอีกต่อไป
. ทักซิ้ง-เอย คาดไม่ถึง พวกมันกลับวาดภาพให้เราดูน่ากลัวมาข่มขวัญพวกมันเอง พวกมัน
ถึงกับบอกว่าพวกเราจัดตั้งเป็นขบวนการแยกกันเดินรวมกันตี รอเพียงเจ้าส่งสัญญาณแล้วเข้า
ตีพร้อมกัน พวกมันถึงกับนอนไม่หลับ กำลังพลอ่อนเพลีย เริ่มหวาดระแวงกันเองแล้ว ยังคง
ไม่ต้องรอนานพวกมันต้องอ่อนแรง
. ทักซิ้ง-เอย เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่าให้บทเรียนแก่เจ้าไม่น้อย ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ต้องขอ
บังอาจว่ากล่าวเจ้าสักสองสามคำ คนเราใช่ว่าใจบริสุทธิ์แล้วพูดได้ทุกอย่าง คำพูดใช่ว่าต้อง
ตรงกับใจทุกคำ หากพูดแล้วผู้ฟังมิชอบใจ มิสู้เก็บไว้ยังดีเสียกว่า พวกขุนนางต่างมีศักดิ์ศรีไม่
ยอมให้ใครลบหลู่ ฆ่ามิได้ หยามยิ่งมิยอม
. ทักซิ้ง-เอย เจ้าเองยังต้องลดความอหังการ์ลงสักเล็กน้อย ชนชั้นขุนนางย่อมมิชอบให้ใคร
ทัดเทียม พวกมันยังมีคำว่าหมั่นไส้ แม้ชนชั้นรากหญ้าหมั่นไส้ไม่เป็น แต่ชนชั้นกลางบางส่วน
กลับซึมซับเป็นเช่นพวกมัน ขอเพียงผู้ใดโดดเด่นขึ้นมาเทียบเทียมพวกมัน ไหนเลยพวกมันไม่
หมั่นใส้จนมิอาจไม่หาทางทำลายล้าง
. ทักซิ้ง-เอย เจ้ายังคงวู่วามเกินไป เจ้าท้าชนสิบทิศมิหวั่นเกรงผู้ใด เมื่อพวกมันรวมตัวกันได้
จึงเป็นปัญหาใหญ่หลวง ดังคำกล่าว “พิรุณหลั่งจากฟ้า ชะมูลสุกรเลื่อนไหล หมู่จังไลมาพาน
พบ”
. ทักซิ้ง-เอย วันที่เจ้าจากมิได้ร่ำลาพวกเรากลับมิเสียใจ เป็นเพราะคำโบราณกล่าวไว้ “จาก
กันอย่าลา เพื่อเป็นลางว่า เราต้องพบกันใหม่” แต่ถึงอย่างไรยังคับข้องใจมิได้ไปส่ง ถ้ายังไงถือ
ว่าวันนี้พวกเรามาส่งเจ้าด้วยบทกลอนสั้นๆท่อนหนึ่ง

ส่งไกลพันลี้ ยังคงพลัดพราก
จากกันวันนี้ ยังมีวันหน้า
รักชอบเพียงใด ยังต้องจากลา
พบกันวันหน้า หากฟ้าเป็นใจ

. ทักซิ้ง-เอย แม้นมีวาสนาต่อกัน ช้าเร็วพี่น้องเรายังคงได้กลับมาสังสรรค์ร่วมกัน

เทพคุณธรรม (วโรทาห์: 14 พฤษภาคม 2550)

สื่อชั่ว! สื่อ.. ชั่ว! ชั่ว!

๏ สื่อเอยพวกสื่อชั่ว สื่อชาติชั่ว มันตัวดี
สื่อชั่วตัวอัปรีย์ สื่อภูติผี จากโลกันตร์
เกลียดคนมันก่นด่า ไม่ต้องหา จรรยาบรรณ
ด่าคนได้ทุกวัน มันด่ากัน จน
บรรลัย

๏ เกลียดใครมันไล่เห่า จุดไฟเผา กะเอาตาย
บ้านเมืองจะฉิบหาย จะวอดวาย ก็ช่างมัน
ขอเพียงแค่สุดท้าย พวกกูใหญ่ ก็แล้วกัน
ปากว่าสมานฉันท์ แต่กัดคน จน
วุ่นวาย

๏ คุยทั่วว่าตัวเก่ง ชมตัวเอง ไม่นึกอาย
โชว์โง่เป็นวัวควาย ยังให้ร้าย ทำลายคน
นับวันมันยิ่งบ้า ทำเหมือนหมา ยกหางตน
ยกตัวว่าเหนือคน เที่ยวยกตน ว่ารู้ธรรม

๏ มุ่งทำแต่กรรมชั่ว ไม่นึกกลัว เลยเวรกรรม
ทำตัวชั่วระยำ ทำตัวต่ำ
จนเหลือเดน
คิดเป็นแต่เรื่องชั่ว ชั่วแสนชั่ว ก็คิดเป็น
หลงตนเป็นคนเด่น ทำตัวเป็น เช่นดวงดาว

๏ ทำเป็นผู้ดีจัด แท้ก็ซัด แต่ของคาว
นิยมเรื่องอื้อฉาว ชอบลงข่าว คาวโลกีย์
ข่าวดีมันเอาเบี้ย ข่าวเฮี่ยเ
ฮี่ย มันลงฟรี
แท้จริงมันพวกผี เหลือบริ้นไร ที่ไชชอน

๏ เป็นฐานันดรสี่ หรือเป็นผี พเนจร
เที่ยวเร่คอยหลอกหลอน
พเนจร ไปหลอกคน
กรรมใดที่ใครก่อ กรรมนั้นหนอ จะติดตน
กรรมนั้นมันจำคน ตามติดตน ไปจนตาย !!!


วโรทาห์ (๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐)

แก้ไข: ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑

Wednesday, May 9, 2007

บัง-เอย เจ้าสมควรต้องรู้ว่าเจ้าต่อสู้อยู่ด้วยผู้ใด

. บัง-เอย วันเวลาผันผ่านรวดเร็วดั่งติดปีกบิน นี่มิใช่ล่วงเลยเจ็ดเดือนแล้วหรือนับแต่วันที่เจ้านำพาลิ่วล้อของเจ้าเข้าปล้นชิงอำนาจมาจากทักซิ้งจอมยุทธผู้มั่งคั่ง คิดถึงวันนั้นแล้ว ยิ่งคิดยิ่งปลาบปลื้ม วันนั้นโหงวเฮ้งเจ้าดูภูมิฐานยิ่งนัก ใบหน้าเจ้าแม้เป็นสีดำยังดูเอิบอิ่ม เจ้ายืดอกอย่างผึ่งผายสมชายชาติทหาร เผยอปากแย้มยิ้มเยี่ยงผู้ชนะ ใครเลยพบเห็นแล้วยังอดใจมิชื่นชมบารมีของเจ้าได้
. บัง-เอย เจ็ดเดือนผันผ่านมิถือว่าเนิ่นนาน ใยสรรพสิ่งกลับผันแปรไปได้ถึงเพียงนี้ ดูเจ้าเวลานี้สิ เจ้าชราไปไม่น้อย ใบหน้าสีดำของเจ้ากลับยิ่งหมองคล้ำไร้ราศี ดูเจ้าฝืนยิ้มไร้ความร่าเริงแม้ไม่บอกยังรู้ได้ถึงความทุกข์ระทมในใจของเจ้า เฮ่ย... ผู้คนยามไร้วาสนา แม้แต่จ้องหน้าสุนัขมันยังมิยอมหลบเลี่ยงสายตา
. บัง-เอย เจ็ดเดือนนรกกลับเนิ่นนานกว่าเจ็ดปีสวรรค์ ยามทุกข์ระทมวันเวลาย่อมผ่านไปเชื่องช้านัก เจ้าต้องทุกข์ระทมแค่ไหนยามที่ต้องรอคอยอย่างเจ็บปวดเพื่อดูวันล่มสลายของทักซิ้ง ยังมิเทียบเท่าความทุกข์ระทมของปวงชนผู้คับแค้นที่รอคอยวันล่มสลายของเจ้า ยิ่งรอต้อนรับทักซิ้งกลับมานำพาให้พวกเขาอยู่ดีกินดีเฉกเช่นครั้งก่อน เจ้าทำเช่นนี้แล้วประเทศชาติที่เจ้ารักได้สิ่งใดขึ้นมา ใยมิใช่พ่ายแพ้หมดทุกคนดอกหรือ
. บัง-เอย ลูกผู้ชายกล้าทำย่อมต้องกล้ารับ เจ้ากล้าแย่งชิงอำนาจปกครองปวงชนมา เจ้าจึงสมควรต้องกล้ารับผิดชอบปากท้องของพวกเขา เป็นเพราะเจ้าประชาชนจึงอดอยากหิวโหย เยี่ยงนี้แล้วเจ้ายังโทษใครได้อีก
. บัง-เอย ลิขิตฟ้ามิอาจขัดขืน วาสนาคนเรามิอาจแข่งขัน แม้เจ้าชิงชังทักซิ้งเพียงใดยังมิอาจไม่ทำใจยอมรับชะตากรรม เจ้านั้นต่ำต้อยยิ่งนักมิอาจเผยอหน้าไปเทียบเทียมเขาได้ มิต้องดูอื่นไกล เจ้านับดูคนที่รักชอบเจ้าสิ นอกจากบิดามารดาของเจ้าแล้วยังมีใครอีก คนที่รักชอบเจ้านับไปยังน้อยกว่าคนที่ชิงชังทักซิ้งมากนัก คนที่ชิงชังเขายิ่งมิอาจเทียบเทียมได้กับคนที่รักชอบเขา ยิ่งมาถึงเวลานี้ไม่เพียงแต่คนที่รักชอบเขาเท่านั้นที่ชิงชังเจ้า แม้แต่คนที่ชิงชังทักซิ้งจำนวนไม่น้อยยังหันมาชิงชังเจ้าแทน เช่นนี้แล้วเจ้ายังอยู่ได้อย่างไร
. บัง-เอย ความรักจึงเป็นพลังสร้างสรรค์ ความเกลียดชังมีแต่ทำลายล้าง กองไฟย่อมแผดเผาทุกสรรพสิ่งไม่ละเว้นดุ้นฟืนผู้ให้ชีวิตแก่มัน ความเกลียดชังย่อมแผดเผาได้แม้แต่ตนเองมิแตกต่าง เช่นนี้แล้ว ต่อให้เจ้าเชื่อมั่นว่าเขาทำผิดจริงยังต้องปฎิบัติต่อเขาด้วยความรัก มีแต่ทำเช่นนี้จึงสมควรกล่าวอ้างเป็นผู้มีคุณธรรม ทำเช่นนี้แล้วอย่าว่าแต่ศัตรูต้องยกย่องเจ้า แม้แต่ฟ้าดินยังมิอาจไม่ชื่นชม
. บัง-เอย เจ้าสมควรต้องรู้ว่าเจ้าต่อสู้อยู่กับผู้ใด ศัตรูของเจ้ายังอาจมิใช่ทักซิ้งผู้เดียวดาย หาไม่เช่นนั้นแล้วด้วยพลังฝ่ามืออำมหิตที่พวกเจ้าโถมซัดเข้าใส่มันดั่งพายุโหมกระหน่ำไหนเลยมันเล็ดรอดไปได้ มันนอกจากไม่ตายแล้วกลับยิ่งตียิ่งกล้าแข็ง หากมิใช่มหาชนผู้ชื่นชอบมันเป็นโล่ห์คอยปกป้อง เป็นกำแพงให้พิงหลัง ไหนเลยมันยังยืนหยัดอยู่ได้อย่างทรนง ทำให้เจ้าต้องหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้
. บัง-เอย พลังมหาชนนั้นยิ่งใหญ่นัก เจ้ามิอาจดูแคลน พลันเหล่าชาวยุทธฝ่ายธรรมะผนึกกำลังกันได้ แม้แต่นางมารเฒ่าผมขาวแห่งวังจตุมารผู้มีวิชาตัวเบาสูงส่งยังมิอาจรับมือ เพียงประมือครั้งแรก เหล่าชาวยุทธรวมพลบุกไปถึงรังของมัน ฟาดไปเพียงฝ่ามือเดียวนางมารเฒ่าถึงกับกระเด็นไปไกลหมื่นเชี๊ยะ ยังกระอักโลหิตออกมาหลายลิ่ม จำยอมถอยร่นไปเร้นกายรักษาตัวยังเมืองแห่งสิงโตอยู่หลายเพลาจึ่งทุเลา ไหนเลยฝีมือต่ำต้อยเยี่ยงเจ้ายังคิดบังอาจต่อกรด้วยมหาชนเล่า
. บัง-เอย ใยเจ้าจึงโง่นัก ลิ้มซ่งติงย่อมถูกกล่าวขานเป็นคนบอกข่าวปลิ้นปล้อนคนหนึ่ง ใยเจ้ายังไปเชื่อฟังมัน คนผู้นี้เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาสิบส่วนแฝงเร้นความจริงไม่ถึงครึ่งส่วน ผู้เชื่อฟังมันมีแต่ออกลูกเป็นวานร มันย่อมอาศัยวิชาชิวหาตะกวดหากินไปวันๆ นอกจากสาวกของมันแล้วมีเพียงเจ้ายังชื่นชอบฟังมัน ตำแหน่งเจ้าสูงส่งเป็นถึงเจียงกุง(แม่ทัพ)ผู้ยิ่งใหญ่ ใยจึงยินยอมให้คนบอกข่าวต่ำต้อยผู้หนึ่งชักจูงดั่งโคกระบือ
. บัง-เอย เจ้าช่างหูเบานัก เพียงฟังนางมารเฒ่าผายลม เจ้าถึงกับฮึกเหิมลุกขึ้นมาปล้นชิง ยังมีห้ามารอัปลักษณ์อีก เพียงพวกมันมาเห่าหอนให้เจ้าฟังว่าทักซิ้งฉ้อโกงแผ่นดิน เจ้ายังถึงกับหลั่งน้ำตาสงสารประเทศชาติ มิอาจไม่แต่งตั้งพวกมันเป็นห้ามารตรวจสอบ แล้วเป็นเช่นใดเล่า เจ็ดเดือนล่วงเลยมันตรวจสอบพบสิ่งใด มีแต่เห่าหอนไปวันๆ ยังคงรับเบี้ยหวัดแล้วดื่มกินเสพย์สุขมิรู้จักอับอาย
. บัง-เอย เจ้ายังไร้เดียงสานัก อาศัยจดทะเบียนวิวาห์สองใบไหนเลยทำให้เจ้าเรียนรู้ความรักลึกซึ้งได้ เจ้ายังมิอาจเข้าใจความรักที่ปวงชนและทักซิ้งมีต่อกัน เจ้าจึงกล้าคิดว่า เพียงเจ้าใส่ใคล้เขาได้แล้วปวงชนย่อมเหินห่างจากเขามารักชอบเจ้าแทน เจ้าดูแคลนพวกเขาเกินไปจริงๆ ผู้คนหากมีเยื่อใยต่อกันไหนเลยทอดทิ้งยาม ยาก อันสามีหากทำผิดจริงแม้ต้องโทษกักขัง ไหนเลยภรรยาผู้ภักดีตัดใจตีจาก ใยมิใช่คอยส่งเสียข้าวปลาอาหารแล้วนับวันรอคอยเวลาที่สามีพ้นโทษออกมาอยู่กินร่วมกัน
. บัง-เอย งาช้างย่อมมิอาจงอกเงยออกจากปากสุนัข ไหนเลยเผด็จการยังอาจก่อเกิดประชาธิปไตย กฎเหล็กแห่งรัฐใยมิใช่ขีดเขียนโดยปวงชนจึงเป็นประชาธิปไตย นึกไม่ถึงเจ้ากล้าแต่งตั้งปีศาจสูบยาไปขีดเขียนแทนปวงชน มารเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ ย่อมมองเห็นผู้คนเป็นตะกวดเฉกเช่นตัวมัน มารเฒ่าอกตัญญูผู้นี้ย่อมมิเคยมองเห็นศีรษะผู้คนไหนเลยรู้จักประชาธิปไตย มันยังบังอาจลบหลู่ปวงชนถึงกับถ่มถุยออกมาว่ามันย่อมขีดเขียนกฎเหล็กเพื่อดักตะกวด เช่นนี้แล้ว ใยมิใช่ให้มันหลอกหยิบตั๋วเงินจากท้องพระคลังไปเสพย์สุข ถึงกับนำพาพวกมันไปเสวนาดื่มกินริมทะเลสาบ อิ่มหนำสำราญแล้วกลับมามอบกระดาษเปื้อนหมึกเล่มหนึ่งแก่เรา
. บัง-เอย ผู้ปกครองมิอาจสืบทอดยาวนาน ผ่านมาแล้วย่อมผ่านไปดั่งคนเดินทาง ปวงชนจึงเป็นนิรันดร์ พวกเขาเกิดบนผืนแผ่นดินนี้ แม้ตายยังต้องตายบนผืนแผ่นดินนี้ ต่อให้เจ้ารุกไล่อย่างไรปวงชนมิอาจถอยร่น มีแต่สู้ตายบนแผ่นดินเกิดของเขาเท่านั้น มิว่าอย่างไรห้ามเจ้ามองข้ามปวงชนเป็นอันขาด
. บัง-เอย ผู้ที่ถูกโจรป่าแย่งยึดบ้านเรือน หาเรียกว่าผู้ไม่มีแผ่นดินอยู่ไม่ มันผู้ที่อยู่ในบ้านต่างหากเล่า หากเจ้าของบ้านรังเกียจมิยินยอมให้อยู่ จึงเรียกได้ว่าผู้ไม่มีแผ่นดินอยู่
. บัง-เอย ความผิดในครั้งนี้ เจ้ายังคงต้องตายกี่พันครั้งจึงสาสม รอถึงปวงชนมีผู้นำให้เกาะยึดย่อมแปรเปลี่ยนเป็นมหาชนที่ยิ่งใหญ่ มิมีผู้ใดบังอาจต้านทาน ถึงเวลานั้นมิสายไปแล้วหรือ เจ้ายังคิดว่ามีผู้ใดกล้าเข่นฆ่าปวงชนเพื่อรักษาชีวิตเจ้าไว้อีกหรือ เจ้ายังคงมั่นใจได้อย่างไรว่าปลายทวนคมกระบี่มิกลับหันเข้าหาเจ้าเพื่อใช้เจ้าเซ่นสังเวยต่อปวงชน
. บัง-เอย ใยเจ้าไม่ฉกฉวยโอกาสขณะที่ปวงชนยังเพิกเฉยต่อเจ้ารีบกลับตัวเสีย ใยไม่ชิงเข้ามอบตัว รีบคืนทรัพย์สมบัติที่เจ้าปล้นชิงไป หากเจ้าสำนึกได้แม้โทษผิดมิอาจอภัย แต่โทษตายคงได้ละเว้น
. บัง-เอย เจ้าช่างดื้อดึงนัก ถ้าเจ้ายังมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปบนเส้นทางนี้ผู้ใดย่อมมิอาจทัดทานเจ้าได้ หากแต่เจ้าสมควรต้องนั่งคิดอย่างจริงจังแล้วว่าเจ้ายังคงลี้ภัยไปที่ใดได้ ยังมีประเทศใดในโลกที่รับเผด็จการทหารให้ลี้ภัยเฉกเช่นปิโนเชต์หรือไม่ แม้นหากหาที่ลี้ภัยได้ เจ้ายังคงต้องคิดต่อไปว่ายังมีสำนักศึกษาใดเล่าเชื้อเชิญเจ้าไปพูดจาให้ฟัง ยังมีประเทศใดเล่าเชื้อเชิญเจ้าไปเป็นกุนซือ(ที่ปรึกษา) ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่ง่ายเลย
. บัง-เอย หลายวันมานี้อากาศร้อนนัก เป็นเพราะพิรุณหลั่งมาห่าหนึ่ง วันนี้อากาศจึงเย็นสบาย ใยร่างกายเจ้ากลับสั่นเทาประหนึ่งเป็นไข้ เล่า หากเจ้ารู้สึกหนาวมิสู้เข้าห้องไปเถิด ข้าได้เตรียมผ้าห่มผืนหนึ่งให้เจ้าแล้ว ตัวข้าเองนับว่าอ่อนเพลียไม่น้อย นั่งรับลมเย็นๆครู่หนึ่งแล้วข้ายังคงต้องไปหลับนอนเช่นกัน

เทพคุณธรรม (วโรทาห์: 6 พฤษภาคม 2550)

Sunday, May 6, 2007

นายกฯผู้ยิ่งใหญ่

๏ ปฐพี แห่งนี้ ฤามีใคร
เป็นนายกฯ ครองใจ ไทยทั้งผอง
นายกฯผู้ ยิ่งใหญ่ คือใครครอง
เสียงแซ่ซ้อง ก้องไป ในพารา
๏ ปานประหนึ่ง จากฟ้า ลงมาเกิด
จึงเป็นเลิศ กว่าใคร ในทั่วหล้า
ศิลปะ ศาสตร์คู่ รู้วิชา
ภูมิปัญญา ดั่งแก้ว อันแวววาว
๏ โผบินสูง สุดเยี่ยม เทียมเวหา
ดุจพญา อินทรี ที่เหินหาว
สยายปีก โอบป้อง ตระกองดาว
เวหาหาว พราวพร่าง กระจ่างตา
๏ เพียงสลัับ กลับร่าง กลางเวหน
เป็นลมฝน วนไล่ ในเวหา
หลั่งชโลม พรมพื้น พสุธา
สู่รากหญ้า พาชื่น รื่นฤดี
๏ เยื้องย่างดั่ง พญา สีหราช
ทรนง องอาจ ราชสีห์
ทะยานเหยียบ ย่ำพื้น ปฐพี
เข้าราวี หมู่มาร ทำการยุทธ
๏ ดั่งครุฑา พญานก ผกโผผิน
ทั่วผืนดิน แผ่นฟ้า มหาสมุทร
ถืออำนาจ ปัญญา เป็นอาวุธ
สัปยุทธ ทั่วหล้า ท้าชิงชัย
๏ ดวงหทัย กล้าแกร่ง แข็งดุจเพชร
เผชิญเหตุ คุกคาม ไม่คร้ามไหว
จิตสงบ พบสุข ทุกข์ก็คลาย
อุปสรรค มากหลาย มลายพลัน
๏ ชีวิตพลี เพื่อชาติ ศาสน์กษัตริย์
ธำรงรัฐ- ธรรมนูญ เทิดทูนมั่น
เกียรติศักดิ์ ถวายไท้ องค์ราชันย์
จงรักใน ไอศวรรย์ นิรันดร

วโรทาห์
๒๗ เมษายน ๒๕๕๐