Friday, November 28, 2008

แป๊ะแย่แล้ว..ถอยก็แพ้ รุกคืบก็สงคราม เจรจาก็สายไป

เหิมเกริม ต้องเรียกว่าเหิมเกริมจนเกินพิกัด หลังจากที่วาทกรรมสู้เพื่อใคร ได้รับการคอนเฟิร์ม เลยฮึกเหิมกันใหญ่ ราวกับได้ดาบอาญาสิทธิ์ ยังไงยังงั้น นึกอยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องเห็นหัวประชาชนกันแล้ว สุดท้ายเลยพาตัวเองมาจนตรอกจนได้ ถ้าถอยคราวนี้ก็แพ้ราบคาบ ขืนรุกคืบอีกก็เจอสงคราม ครั้นจะมาเปิดเจรจากันตอนนี้ก็สายเกินไป

อาจ จะเพราะว่าเวลามันมีจำกัด เมื่อนายใหญ่ประกาศิตมาว่า ต้องจบให้ได้ภายในวันที่ 4 คราวนี้เลยออกลูกมั่ว ประกาศว่าม้วนเดียวจบ แล้วเปิดคอกออกลุยเลย นึกไม่ถึงว่า จุดเปลี่ยนมาอยู่ที่ปู่ชัยจอมแสบ ขานี้ยิ่งแก่ยิ่งเก๋า หลอกให้มาล้อมรัฐสภาแล้วย้ายหนีเปิดแน่บ คราวนี้เลยเละเทะ จากม้วนเดียวจบ กลายเป็นม้วนเดียวจอด เจอปู่ชัยพาทัวร์ออกทะเล กู่ไม่กลับมาจนถึงวันนี้

แทนที่ว่า พลาดแล้วพลาดเลย วันหน้าค่อยมาว่ากันใหม่ แต่เพราะรอไม่ได้อีกแล้ว จึงต้องป่วนต่อ เรียกว่าออกมาครั้งนี้ ยังไงก็ต้องมีเรื่องให้จงได้ แล้วก็สมใจอยากซะที เมื่อไปยึดสนามบินนานาชาติเข้า คราวนี้เลยเป็นเรื่อง ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ยกระดับขึ้นไปเป็น "พันธมิตรประชาชนเพื่อก่อการร้าย" เรียบร้อยโรงเรียนแป๊ะ

เจอประชาชนด่าจนหูตูบ แนวร่วมน้อยใหญ่ ถึงกับเบี่ยงตัวหลบกันวูบวาบ ไม่มีใครยอมร่วมหัวจมท้ายด้วยเลยงานนี้ เพราะคนที่ออกมาด่าไม่ใช่แค่ฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นประชาชนทั่วไปที่เป็นกลาง อย่างที่แป๊ะเรียกว่าชิงหมาเกิดนั่นแหละ หนำไม่ซ้ำ พวกชิงแป๊ะเกิดอย่างเหล่าพันธมิตร ยังบอกเลิกศาลากันเป็นพรวน ไม่ตายงานนี้แล้วจะไปซี้งานไหน

ความฉิบหายแผ่ขยาย ลามปามเป็นวงกว้าง สื่อนอกประโคมข่าวกันใหญ่โต แม้ว่าสื่อในจะทำมึน รายงานข่าวไปแกนๆ

สำเร็จแล้วแป๊ะ ได้ดังระเบิดเถิดเทิงกันก็คราวนี้ ในขณะที่บินลาดินเริ่มอับแสง บินลาแป๊ะก็เข้าเสียบแทนได้อย่างเหมาะเหม็ง ต่อไปนี้ไม่ว่าแป๊ะจะเดินทางไปประเทศไหน ใครต่อใครเป็นได้เผ่นกันกระเจิง ร้องแรกแหกกระเชอว่ามาแล้ว "ผู้ก่อการร้ายจากซัวเถา"

ทำเป็นเล่นไป เรื่องก่อการร้ายนี่ ชาวโลกเขาตื่นกันนัก นี่ถึงขนาดว่า ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยในเร็ววัน ยูเอ็นกะจะมาลุยเอง ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้แล้วเสร็จสรรพ คอมมานโดจากสหรัฐฯ จูงแขนอิสราเอล ตั้งท่ารอบุกเข้ามาชิงตัวประกัน ถึงเวลานั้นก็ตัวใครตัวมัน ป๋าอย่ามาแอบยิ้ม เพราะที่จะขนกันมานั้น มันหน่วยสวาท ไม่ใช่หน่วยสังวาส

ปล่อย ให้คนชั่ว ทำริยำตำบอนกับประเทศไทยถึงขนาดนี้ ผู้หลักบักใหญ่ยังอยู่สุขสบา่ยกันดี ไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน จึงไม่แปลกที่ครั้งนี้ เป้าโจมตีของประชาชน จะอ้อมหลังแป๊ะไปยังผู้มีอุปการคุณทั้งหลาย เสียงก่นประนาม ด่าพ่อล่อแม่ ว่าพอกันได้หรือยัง จะต้องให้วอดวายกันอีกเท่าไหร่ ถึงจะสาแก่ใจ

ขนาด เด็กม.7แถวบ้าน ที่บ้าๆบวมๆ เที่ยวนี้ยังมาแปลก แทนที่จะตามน้ำไปกับม็อบแป๊ะ เฉกเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา มันเริ่มรู้จักคิดใหม่ทำใหม่ แล้วออกมาลอยแพแป๊ะเฉย แต่ยังไม่วายไว้ไมตรี มีหยิกข่วนเล็กน้อย แล้วแฉลบมาแว้งกัดรัฐบาล ตามสันดาลเดิม แสดงว่าปิดสุวรรณภูมิเที่ยวนี้ กองเชียร์แมลงสาบ ก็โดนดีไปเต็มเปา ถึงได้ออกมาดิ้นกันพอเป็นพิธี

สงสารก็แต่บักป๊อก ที่คอยนั่งตัวลีบไม่อยากเอามือซุกหิ่บ ยิ่งกลัวๆอยู่ ยังมาเจอจนได้ บอกแล้วว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ยังมาสั่งป๊อกให้ไปลุยถั่วเอาสนามบินคืน ใครเชื่อก็บ้าแล้ว คนพวกนั้น ป๊อกคุยกะมันรู้เรื่องซะเมื่อไหร่ แล้วถ้าเกิดหน้ามืดขึ้นมา ใช้กำลังเข้าปราบหละก้อ เป็นได้งานช้าง กลับบ้านไป เจอพันธมิตรบิดหู แล้วใครหน้าไหน จะมาช่วยได้

สรุปว่างานนี้ ป๊อกช่าป๊อกรับเละ เจอไปทั้งขาขึ้นขาล่อง เรียกว่าเหมาจ่าย 2 เด้งรอบวง หมดตูดกันพอดี ยิ่งมีทุนมาน้อยๆอยู่ สาเหตุก็ไม่ใช่อะไร เพราะไก่อ่อนแท้ๆ เลยตัดสินใจมั่วซั่ว โตจนหมาเลียก้นไม่ถึง ดันแยกแยะไม่ออก ระหว่างการเมืองกับการมุ้ง

กองทัพนั้นถือเป็นเครื่องมือของรัฐบาล โดยหน้าที่แล้ว ถ้ารัฐบาลสั่งการโดยชอบก็ต้องทำ แต่นี่ดันมาเข้าเกียร์ว่าง ไม่รู้ว่าไปจำขี้ปากใครมา ว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แล้วในระบอบประชาธิปไตย มีรัฐบาลไหนที่ไม่ได้มาจากการเมือง ถ้างั้นก็ไม่ต้องฟังคำสั่งรัฐบาลละซีท่า คอยฟังท่านมหาอำมาตย์เอกก็พอหรือไง

แล้วทีไปเรียกใครต่อใครมาประชุม แล้วออกมาสั่งนายกฯให้ยุบสภาฯ ทำไมทำได้ หรือจะบอกว่าไม่รู้ ว่านั่นแหละการเมืองทั้งดุ้น ไม่ใช่กงการอะไรของแกซักหน่อย ทีอย่างนี้ ทำไมสาระแนนัก

นี่แหละบทเรียนราคาแพง คบกับใครไม่คบ ดันไปคบอธิการบ่ดีม.นกเขา คนที่วันๆไม่ทำอะไร ปลิ้นปล้อนแสวงหาอำนาจไปเรื่อย จนหมดเครดิตแล้ว ยังไปเชื่อมันอีก นี่ถ้าเป็นตัวของตัวเองซะหน่อย กล้าๆฟันธงไปเลย ว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ใครมาเป็นอันธพาลต้องข้ามศพป๊อกไปก่อน ป่านนี้ขี้คร้าน เสียงแซ่ซ้องรับไม่หวาดไม่ไหว

วันๆดันไปง่วนแต่จะหาทางลอยตัว แล้วพอมันลอยไม่ขึ้น เลยโดนซะหูตูบ สมน้ำหน้า โดนด่าฟรี ไม่มีใครเขาไปพุทโธด้วย หน็อยแน่..ดันมาเล่นง่าย

สลายม็อบไม่ได้ ปฏิวัติก็ไม่กล้า เลยหันมาไล่รัฐบาลซะเลย

วโรทาห์: 28 พ.ย. 51

Wednesday, November 26, 2008

ไหนๆก็ไหนๆ จะรอช้าอยู่ใย ปฏิวัติไปเลย

มามัวแทงกั๊กแทงแบนกันอยู่ อย่างนี้ มันไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น ยิ่งนานวันไป ก็ยิ่งฉิบหายบรรลัยวายป่วง พวกกวนเมืองก็ตั้งหน้าตั้งตาปล้นชาติ เผาบ้านเผาเมืองยั่วยุต่อไป ในขณะที่ทหารก็ตั้งหน้าตั้งตา รอเก็บจังหวะสอง ให้ประชาชนออกมาปะทะกัน แล้วอ้างความชอบธรรมในการปฏิวัติ งานนี้กะว่าจะกินรวบไม่ต้องแบ่งใคร สบายแฮไปคนเดียว

ส่วนประชาชนนั้น แน่นอน ความที่ไม่อยากให้เกิดรัฐประหารขึ้นอีก เลยต้องหวานอมขมกลืน สงบเสงี่ยมเจียมตัวอยู่ในที่ตั้ง ระหว่างนี้ รัฐบาลก็ทำอะไรไม่ได้ เจ๊ใหญ่ก็เอาแต่เย้วๆ สีเขียวเลยหันรีหันขวาง ไม่รู้จะเชื่อใครดี ตกลงบ้านนี้เมืองนี้ ใครใหญ่กันแน่วะ!

เวรกรรมที่ไม่ได้ก่อ เลยมาตกแก่ประชาชนโครมเบ้อเริ่ม ไหนจะต้องหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแล้ว ยังต้องส่งส่วยไปเลี้ยงดูพวกอำมาตย์ ที่วันๆกินอิ่มแล้วว่างจัด คอยคิดแต่ว่า จะวางแผนยังไง ถึงจะกดหัวประชาชนได้อยู่หมัด

ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เอาเลยก็ดีเหมือนกัน ปฏิวัติซะที จะได้ลุยกันให้มันรู้แล้วรู้รอดไป เพราะว่าถ้าไม่มีจุดเปลี่ยน ชนิดถอนรากถอนโคน ก็อย่าหวังเลยว่าจะสงบลงได้ ต่อให้นายกฯฟ้าประทาน หรือว่าการเมืองใหม่ 70/30 ก็ล้วนแล้วแต่โหลยโท่ย เข้ารกเข้าพงกันทั้งนั้น เพราะโครงสร้างมันถูกบ่อนทำลายจนเละเทะ เหลือกำลังลากแล้ว

พูดง่ายๆ ว่า เกียรติภูมิของชาติ จะกู้คืนมาได้ จำต้องพิสูจน์ให้นานาประเทศเห็นจนแน่ใจว่า ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตยโดยแท้จริง บ้านเมืองมีขื่อมีแป กลับเข้าสู่ทำนองคลองธรรม เรียบร้อยโรงเรียนประชาชน

นักการเมืองยึดมั่นในระบบรัฐสภา ไม่ใช่แค่ลมปากเหม็นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องล้างบางกระบวนการยุติธรรม ให้เป็นมาตรฐานสากล ไม่ใช่เป็นของคณะบุคคล ที่รักชาติจนน้ำลายไหล

พูดง่ายแต่ทำยาก แต่ถ้าไม่ทำมันก็ยิ่งยากไปใหญ่ ในเมื่อโรคร้ายมันซึมลึกเข้าถึงกระดูกแล้ว ถ้าไม่ผ่าตัดก็ตายสถานเดียว ดังนั้น ถ้าไม่นองเลือดกันซักตั้ง ก็อย่าหวังเลยว่า โรคร้ายมันจะยอมรามือไปเองง่ายๆ จนกว่ามันจะกัดกินจนยืนตายซากแล้วนั่นแหละ ถึงอาจจะรู้ตัวกัน

ถ้า เลือกที่จะเจ็บน้อย ก็ต้องยอมเจ็บนานเป็นธรรมดา ถ้ายังไม่พร้อมที่จะผ่าตัดใหญ่ ก็ต้องกัดฟันทนกันไปเรื่อยๆ อาการของโรคอำมาตย์เข้ากระดูก มันก็ต้องมีเจ็บจี๊ดเป็นพักๆ เจ็บยุบเจ็บยับ เจ็บกวนโอ๊ยไม่รู้จักหยุดจักหย่อน สามวันดีสี่วันไข้ จะทำมาหากินอะไร มันเลยพาลติดๆขัดๆไำปหมด

ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ว่าจะมาพูดให้ใจเสีย ตรงกันข้าม อยากจะให้มีกำลังใจกัน ไม่ต้องไปกลัวการปฏิวัติให้มันเกินเหตุ มันจะพาลกินไม่ได้นอนไม่หลับไปซะเปล่าๆ ไม่งั้นทำไมโอบามา ไอ้บ้ามาร์ค จะออกโรงมาคัดค้าน ไม่ให้ทหารทำการปฏิวัติ ถ้าไม่ใช่ว่า เพราะกลัวทักษิณจะได้ประโยชน์ แทนที่จะเกรงว่า มันเป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย

สรุปง่ายๆสั้นๆว่า มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะออกหน้่าไหน ประชาชนก็รับกินทั้งนั้น ถ้าไม่ปฏิวัติก็ดีไปอย่าง แต่ถ้าปฏิวัติ ก็ยิ่งแจ๋วไปกันใหญ่ รัฐบาลพลัดถิ่นจะได้เริ่มงานซะที นอกในประสานกันเป็นหนึ่ง ตีตะลุยเข้าไป ไม่นานก็จอด ชัยชนะเป็นของประชาชนเห็นๆ หมดจดสดใสซะไม่มี ถ้าออกหน้านี้ก็ฟ้าสีทองผ่องอำไพ ของตายแน่นอน

แต่ถ้ายังขืนลากยาว กันต่อไป มันก็เก๋ไปอีกแบบ แม้จะไม่งามหยดเหมือนปฏิวัติ แต่ก็ดีไปอย่างที่ไม่ต้องเจ็บตัวมาก ใช้บริการเจ็บผ่อนส่ง ก็ต้องทนกัดฟันเอา รอให้ฝ่ายตรงข้ามมันทำลายตัวเองไปเรื่อยๆ ถึงที่สุดแล้ว ยังไงมันก็ตายหยังเขียด เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาหน่อย ร้องเพลงรอไปพลางๆ เผลอแผล็บเดียวก็เรียบทั้งร้อย

ที่เริ่มปรากฎชัดตอนนี้ ก็คืออาการหน้ามืดของม็อบแป๊ะ ที่เที่ยวพังร้านรวงชาวบ้านไปเรื่อยเปื่อย โดยคิดโง่ๆแบบเก่าๆ ตามประสาเต่าล้านปีว่า เมื่อประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากเข้า จะหันมาต่อต้านรัฐบาล หารู้ไม่ว่า ในความเป็นจริง มันหนังคนละม้วน พอขัดสนขึ้นมาเขาหันไปด่าพวกม็อบ คนตกงานวันนี้ แทนที่จะเข้าร่วมม็อบ เขาจะรวมตัวไปกระทืบมัน

สำหรับระบอบอำมาตย์แล้ว เดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ในขณะที่ประชาธิปไตย ไม่มีวันตาย แต่ระบอบอำมาตย์นั้นตรงข้าม กำลังรอวันตาย และที่สำคัญ ระบอบอำมาตย์นั้นตายแล้วตายเลย...

หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น

วโรทาห์: 26 พ.ย. 51

Tuesday, November 25, 2008

แป๊ะครวญ..ทำไมกู้ชาติ ไม่หมูเหมือนกู้แบ๊งค์

หลังจากที่ปล่อยให้ม็อบแป๊ะ นั่งกินนอนกิน โดยไม่ได้มรรคได้ผลอะไรมานมนาน จะผ่านหลัก 200 วันอยู่รอมร่อ เงินทุนก็ร่อยหรอไปตามลำดับ จึงมีเสียงทุบโต๊ะโครมใหญ่มาว่า ต้องจบให้ได้ ก่อนถึงวันนั้น จะมามั่วนิ่มกินฟรีอยู่ฟรีไม่ได้อีกแล้ว ลุงลองจึงจำต้องเต้นก๋า ออกมารับมุกงกๆว่า จ้าๆ..ขอครั้งนี้ครั้งสุดท้ายจริงๆ รับรองว่า..ม้วนเดียวจบ

พลันที่เสียงกลองศึกดังระรัว นกแร้งก็เริงร่า พากันกระพือปีกด้วยความยินดีปรีดา ว่าลาภปากอีกแล้ว โจ๊กเนื้อบดละเอียดด้วยระเบิดปิงปอง ผิดกับบรรดานักวิชาการหัวขวด นักสิทธิมนุษยชน คนเสื้อขาว ชาวสานเสวนา ที่ต่างแตกกระสานซ่านเซ็น มุดหัวหายเงียบกันเกลี้ยงจ้อย

ไม่เห็นมีหน้าไหนกล้าออกมาต่อยหอยอีกว่า อย่าใช้ความรุนแรง..อย่าใช้ความรุนแรง

ม็อบบรรดาศักดิ์ซะอย่าง มันก็ดีไปแปดอย่้าง อย่างนี้นี่เอง อาศัยว่าเส้นปึ้กเป็นก๋วยจั๊บ จะหยิบจะจับอะไรมันเลยดูราบรื่นไปหมด อยากยึดอะไรก็ยึด อยากพังอะไรก็พัง รับรองได้ ไม่มีใครกล้าหือ ตาชั่งก็พวกเรา ตำรวจก็กลัวหงอ ทหารยิ่งไม่ต้องห่วง เพราะพวกนั้นมันไม่ใช่..ทหารของประชาชน

ที่เห็นเย้วๆกันอยู่หน้าฉากนั้น ถือว่าเด็กๆ ของจริงนั้น มันบ๊ะละฮึ่ม เรียงแถวแน่นปึ้กอยู่หลังฉากเป็นกะตั๊ก เห็นแล้วจะหนาว ทั้งมือที่มองไม่เห็น นั่งยิ้มแป้นโบกพัดอยู่ไหวๆ ทั้งนักวิชาการสอพลอ และนักอะไรต่อมิอะไร อีรุงตุงนังไปหมด ทั้งสื่ิอมวลชั่วสุนัขรับใช้ ที่คอยทำหน้าที่ดาบสอง และที่ขาดไม่ได้คือกองทัพของใครก็ไม่รู้ ที่สแตนด์บายไว้ รอสัญญาณ ปฏิวัติลูกเดียว

และแล้วเมื่อถึงเวลาก็มาตามนัด เหล่าอสุรกายภายใต้การบังคับบัญชาของจอมอสูร เข้าปิดล้อมรัฐสภาเอาไว้ทั้งแปดด้าน กะว่างานนี้ยังไงก็ต้องมีตายโหง แต่นึกไม่ถึงว่า จะมาเสียรู้ให้ เซียนเหนือเซียนอย่างปู่ชัย ที่ก่อนนี้ ก็ลงทุนนั่งยันนอนยัน ตะแคงยัน จนแป๊ะแน่ใจ ว่าการประชุมรัฐสภาครั้งนี้ ยังไงก็ไม่ย้ายเด็ดขาด

ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ามาร์คจอมบอยคอต ยังดอดออกมาช่วยสำทับเผื่อเหนียวให้อีกแรงว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ ครั้งนี้ต้องประชุมให้ได้ ปู่ต้องเข้าใจ ว่ามาร์คอยากประชุม..มาร์คจาปาชุม

ที่ไหนได้ พอเอาเข้าจริง หมู่มารจัดการยกทัพหลวง มาประจัญหน้ากับทัพตำรวจ พล็อตเรื่องเหมือน 7 ตุลาเป๊ะ ผิดกันแต่ว่า ครั้งนี้ไม่มีมั่ว แป๊ะแอนด์ลอง วางหมากแก้เกมส์มาเจ๋งเป้ง รอเสียงปืนอย่างเดียว ก็เข้าล็อค จู่ๆปู่ชัยก็กลับลำเอาดื้อๆ จากที่เคยเสียงแข็งว่ายังไงก็ไม่ย้าย พลิกลิ้นแผล็บบอกว่า ถ้างั้นเลื่อนไปก็ได้วะ อ้าว..เล่นง่ายนะปู่

เหวอไปเลยแป๊ะ อย่างนี้เขาเรียกว่าชกวืด อุตส่าห์ลงทุนค่าม็อบไปบานตะไท สุดท้ายทำได้เพียงแค่จั่วลม ซวยกันหละคราวนี้ เงินทองก็เบิกจ่ายไปเรียบวุธแล้ว จะกลับไปรายงานต่อนายทุนยังไงดี

สรุปว่า เพราะปู่ชัยคนเดียว ทำให้เสียแผนหมด ตกลงวันที่ 24 ทั้งวัน โหลยโท่ยเละเทะ ได้แต่พาม็อบเดินทัวร์ทั่วไปหมด เที่ยวไปตัดน้ำตัดไฟที่โน่นที่นี่ ฆ่าเวลาให้หมดวันไปเฉยๆ กันไม่ให้โดนเฉ่งปี๋ ว่ารับเงินมาแล้วไม่ทำงาน งานนี้เล่นเอาแป๊ะเก๊กซิม จนอยากจะบ้าตาย ว่าทำไม๊ทำไม กู้ชาตินั้น มันถึงไม่หมูเหมือนกู้แบ๊งค์

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ยังไงค่าแรงก็ต้องจ่ายอยู่ดี แป๊ะเลยพาม็อบออกโชว์พาวซะเลย แต่ที่ไหนได้ กลายเป็นโชว์กร่างไปทั่วกรุง ยึดรถเมล์ ปิดสี่แยก รุมยำตำรวจ สารพัดถ่อยที่จะทำ จนชาวบ้านที่นั่งจ้อง มองเรื่องจริงผ่านจอ เอือมระอากันไปหมด ดูไปคันง่ามนิ้วมือนิ้วเท้าไปตามๆกัน

ที่หวังจะได้ เลยกลายเป็นเสียกับเสีย ลามปามไปถึงหัวหน้าม็อบที่อยู่เบื้องหลัง ที่ถึงวันนี้ มีใครไม่รู้..ว่าเขาคือใคร

ต้องขอแสดงความนับถือ สีแดงที่ยังอดใจไว้ได้ ไม่เต้นไปตามเกมส์ ที่สีเหลืองออกมากร่างกวนโอ๊ย ท้ารบไปทั่ว คงกะว่าจะทำทาง ให้เกิดสงครามกลางเมือง ทหารพวกมันจะได้เสล่อออกมาเป็นพระเอกขี่ม้าขาว สะด๊วบประเทศไปอีกกระทอก

ประชาชนตาดำๆ ในยุคกาขาวอย่างนี้ มันก็ต้องท่องคาถามหาอึด ให้คล่องเป็นธรรมดา ช่วยไม่ได้ ดันใส่เกือกมาเกิด ในประเทศที่ทหารยิ่งใหญ่กว่านายกฯ ยกเว้นนายกฯที่เป็นทหาร ในประเทศที่ฝ่ายค้าน ไม่ถนัดเรื่องการต่อสู้ในสภา

แต่ถ้าเป็นเกมส์ข้างถนนแล้ว..ถึงไหนถึงกัน

วโรทาห์: 25 พ.ย. 51

Friday, November 21, 2008

โสเภณีบรรดาศักดิ์ ที่สุขสบายอยู่ในซ่องอำมาตย์

สมัยก่อน ตอนที่ยังละอ่อนน่อย เลิกเรียนแล้ว เราก็ชวนกันไปเล่นบ้านเพื่อน ที่เยาวราช แล้วเรื่องมันก็เกิด ขณะที่นั่งกินข้าว อยู่ในตรอกเท็กซัสอันเลื่องชื่อ เหตุชวนระทึกขวัญ พาลให้เลือดลมพุ่งพล่าน มันเริ่มขึ้น เมื่อมีเสียงเอะอะโวยวาย ดังลั่นมาจากในซอยเล็กๆ ด้านขวาของร้านอาหารตึกแถว ที่เรานั่งอยู่นั่นเอง

ขณะที่มอง เลิ่กลั่กไปยังต้นเสียง ก็ปรากฎร่างของหญิงสาวตัวเล็กๆ วิ่งร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่คิดชีวิต พร้อมกันนั้น ปากที่อยู่ว่างๆ ก็ร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร เบื้องหลังคือร่างบึกบึนของชายฉกรรจ์ 2 คน ที่วิ่งไล่กวดตามมาติดๆ ลักษณะท่าทาง ไม่ใช่ตามมาช่วยเหลือแน่นอน แต่มาทำให้หล่อนต้องร้องขอความช่วยเหลือหละไม่ว่า

ช่างบังเอิญเหลือ เกิน ที่มีรถตุ๊กๆคันหนึ่งแล่นมาส่งผู้โดยสารที่หน้าร้านพอดิบพอดี หญิงสาวคนนั้นเลยโดดคว้ารถเอาไว้อย่างเหมาะเหม็ง เวลาเดียวกัน ผู้โดยสารก็ถือโอกาสช่วงชุลมุน ทำเป็นตกใจ เผ่นหนีไปโดยไม่ต้องจ่ายค่าโดยสาร

ขณะที่หญิงสาวเหนี่ยวตัวขึ้นรถไป ได้หน่อย ชายฉกรรจ์ที่วิ่งตามมาทัน ก็โดดคว้าเอวหล่อนไว้ แล้วกระชากลงมา อย่างไม่ปรานีปราศัย ดีว่าหล่อนยังไวทายาท คว้าเสารถเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด แล้วเหนี่ยงไว้จนมั่น เลยเกิดการชักกะเย่อกัน อย่างเอาเป็นเอาตาย เย่อกันไปเย่อกันมา จนรถทั้งคันโยกไป ก็โยกมา

หญิงสาวเคราะห์ร้ายร้องไปเย่อไป ไม่ยอมลงให้มันง่ายๆ แทบไม่น่าเชื่อ ว่ามือเล็กๆของผู้หญิงตัวกระจิ๋ว จะเหนียวอะไรได้ถึงปานนั้น ขนาดว่าจิ้งจกยังแหย ตุ๊กแกยังอาย หนุ่มแน่นบักอึ้ด 2 นาย ยังเอาไม่อยู่ ยื้อๆยุดๆฉุดกระชากเท่าไหร่ ยังเอาหล่อนไม่ลง ยิ่งนานไป เสียงร้องของหล่อน ก็ยิ่งเพิ่มเหรตติ้ง เรียกคนดู ให้มามุงกันอื้อซ่า ทำไปทำมา เรื่องลับๆเลยกลายเป็นประเจิดประเจ้อซะไม่มี

ภาพนั้นมันสะเทือนใจชาย ชาตรีอย่างเราเหลือหลาย จนต้องขยับตัวลุกขึ้น กะว่างานนี้ขอเป็นพระเอกซักหน่อย ดีว่าเพื่อนที่เป็นเจ้าถิ่นมันรั้งเอาไว้ซะก่อน ไม่งั้นละดูไม่จืด เพราะเพื่อนมันบอกว่า อย่ายุ่งเป็นอันขาด พวกนั้นมันมาเฟีย เท่านั้นแหละ พระเอกอย่างเรา เสียววาบไปถึงสะดือจุ่น รีบทรุดตัวลงนั่งแต่โดยดี ไม่มีอาการฮึดฮัดแต่ประการใด

และแล้ว พระเอกตัวจริงเสียงจริงก็โผล่มาทันเวลาพอดี จะใครที่ไหนซะอีก ถ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ เจ้าเก่าของเรานั่นเอง มาถึงไม่ผลีผลาม ไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ แล้วตะโกนบอกให้ทุกคนถอยไป พร้อมกับสำทับว่า เดี๋ยวจะมีรายการ ยิงกันสนั่นจอ อ้าว..ชักสนุกซะแล้ว เล่นพูดอย่างนี้ ขืนถอยให้ก็เสียเชิงไทยมุงหมด เรื่องเจอลูกหลงนี่หละโปรดนัก

สรุปว่า บ่อมิไก๊ มวยล้มต้มคนดู ตำรวจเฮงซวย มันมาคอยควบคุมสถานการณ์ ปล่อยให้เย่อกันต่อ เล่นกันจนฝ่ายหญิงหมดแรงข้าวต้มไปเอง แล้วค่อยกระชากลากถู กลับเข้าไปในซอยตามเดิม...จบข่าว ผู้พิทักษฺสันติราษฎร์ของเรา ก็ล่าถอยกลับที่ตั้ง ไปตามระเบียบ

หลัง จากเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว เพื่อนซี้เจ้าถิ่นถึงเฉลยให้ฟังว่า หญิงสาวคนนั้น คือออหรี่ที่หนีออกมาจากโรงน้ำชาในซอย พูดง่ายๆก็หนีออกมาจากซ่องนั่นแหละ คนแถวนี้เขาเห็นกันจนชินตาแล้ว..มิน่าหละ พวกในร้านมันถึงได้นั่งกินกันหน้าตาเฉย อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อ นึกภาพว่า หลังจากที่ถูกลากกลับไปแล้ว เจ้าหล่อนจะถูกซ้อมสะบักสะบอมขนาดไหน เลยพาให้กลืนข้าวไม่ลง เกิดอาการเซ็งเป็ดไปตามๆกัน ตั้งใจไว้เลยว่า โตขึ้นจะหน้าด้านเป็นนายกฯให้ได้ เพื่อกลับมาปราบพวกนี้ซะให้ราบ โดยเฉพาะตำรวจเลวๆพวกนั้น ต้องเอามันก่อน แต่จนแล้วจนรอด ถึงป่านนี้ยังกินแห้วเป็นอาหารหลัก ไม่ได้เป็นนายกฯ ซักกะที

ภาพใน วันนั้นยังติดตามาจนถึง 19 กันยา 2549 จึงถูกเกทับด้วยภาพ การไล่จับออหรี่ขนานใหญ่ระดับชาติ ทำให้เรื่องในวันนั้น กลายเป็นเด็กเล่นขายของไปซะฉิบ เพราะเที่ยวนี้ตำรวจไม่ต้อง อาบังมาเอง ขับรถถังพร้อมอาวุธสงครามเต็มพิกัด โดยมีป๋าซ้อนท้ายคอยให้กำลังใจ ออกปฏิบัติการไล่ล่า จับออหรี่ที่หนีอยู่ทั่วประเทศ นับไปนับมาได้ 19 ล้านนางเศษๆ ขาดเหลือไปคงไม่เท่าไหร่

ออหรี่พวกนี้ เกิดมาก็ถูกข่มขืนจนเคยตัว ถึงกับนึกว่าการถูกข่มขืนเป็นเรื่องธรรมชาติ จึงยินยอมพร้อมใจ อยู่กินกันมาอย่างปกติสุข จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อโกแม้วมาทำแสบ เล่นยุให้อยากแล้วค่อยจากไป บอกว่าพวกเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นออหรี่ พูดไม่พูดเปล่า ยังพาทำมาหากินสุจริต เลี้ยงชีพอย่างสุขสบาย ไม่ต้องอาศัยนาผืนน้อยอีกต่อไป เท่านั้นแหละ ออหรี่หนีจากซ่องอำมาตย์กันยกเล้า

ยังดีที่อาบังแกยึกยักจนเกมส์โอ เวอร์ นอกจากจับออหรี่กลับซ่องไม่ได้ซักนาง ยังมีกระโจนหนีตามออกมาอีกเป็นกะตั้ก เหลือไว้แต่พวกออหรี่สูงศักดิ์ ที่เขาสวมหัวโขนให้ พร้อมกับยกยออปอปั้น จนตัวลอย เลยยอมนอนแผ่หราให้อำมาตย์ โดยความสมัครใจ ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น

เวร กรรมไม่รู้จักจบสิ้น หนีรอดจากอาบังยังมาเจอโกตั๊บ ในขณะที่โกแม้วก็ถูกหมายหัวไปด้วย โทษฐานที่อยู่ดีๆ มาปล่อยออหรี่หนีหายหัวหมด แต่ถึงยังไงมาม่าซังขันคนละที ก็ไม่มีทางปล่อยให้ออหรี่ หลุดมือไปได้แม้แต่นางเดียว ไม่เช่นนั้น อำมาตย์มีหวังต้องปิดซ่องถาวร ด้วยเหตุฉะนั้น จนป่านฉะนี้ จึงยังไม่อาจรู้ชะตากรรม ว่า...

ออหรี่ซ่องนี้ ยังต้องหนีไปอีกกี่ซอย

วโรทาห์: 21 พ.ย. 51

Thursday, November 20, 2008

ถ้าไม่ศาลเสวนา ก็อย่ามาสานสาระแน

กลายเป็นวิถีชีวิตคนเมืองไปแล้วก็ว่าได้ ที่ตื่นเช้าขึ้นมา เป็นต้องหาข่าวการเมืองร้อนๆ รองท้องก่อนออกจากบ้าน อย่างข่าวประเภทที่ว่า เมื่อคืนนี้มีตูมตามขึ้นมากี่ลูก มีหมาตายไปกี่ตัว แล้วบาดเจ็บครางเอ๋งๆอีกเท่าไหร่ จะได้รู้กันไปเลย ว่าวันนี้ทั้งวัน ควรจะหัวเราะหรือว่าร้องไห้ดี แล้วคืนนี้ยังจะมีอะไรให้ลุ้นกันมันๆอีก

ที่ว่ามานี่ ไม่ได้หมายรวมถึงผู้เฒ่าวัยเพชร ซึ่งหมายถึงคนแก่ชราโคตร ที่ล่วงเลยวัยทองไปตั้งหลายกิโลแม้ว เพราะคนวัยนี้ มันมีเรื่องส่วนตัว ให้ลุ้นกันไม่เลิกอยู่แล้ว ก็แก่เฒ่าจนปูนนั้น มันย่อมต้องมีเสียวทุกวันเป็นธรรมดา ขนาดก่อนนอนยังต้องบนบานศาลกล่าว ขอให้ผ่านคืนนี้ไปได้อย่างสะดวกโยธิน ถ้าเช้ามาลืมตาขึ้นได้ ก็เหมือนฟ้าให้กำไรเพิ่มมาอีกหนึ่งวัน

คนเรานี่มันก็แปลก ทุกข์ร้อยแปดพันเก้าก็ยังพอทน แต่ทุกข์ที่เกิดจากคน มันช่างเหลือทนจริงๆ ถ้าได้ระบายออกมาบ้าง ก็ยังพอบรรเทา คิดเสียว่าพวกนั้นมันหมาไม่ใช่คน ถ้ารู้จักคิดเหมือนคน มันก็ไม่ใช่หมา อย่างพวกสานเสวนานั่นปะไร คงว่างมากไปหน่อย เลยชวนกันออกมา หาเรื่องให้เขาด่า คงอยากจะเสียคน

สานบ้าสานบออะไรกัน ดันตั้งธงมาแต่ไกล ให้แป๊ะเลิกม็อบกับสมชายลาออก แล้วก็ไม่บอกว่ารับจ๊อบจากอำมาตย์มา พูดเอาแต่ได้ ยังไม่ทันไรก็หางโผล่ ทำเป็นซื่อบื้อ หรือไม่รู้จริงๆ ว่างานนี้ เป็นศึกเฮฟวี่เวท ระหว่างศักดินากับประชาชน เรื่องแป๊ะนั้นมันชิวๆ ไม่มีราคา ถ้าแน่จริงก็ไปลากมือที่มองไม่เห็น ออกมาเสวนากันซักหน่อย จะเป็นไรไป

เออ..ถ้าศาลเสวนาก็ว่าไปอย่าง แนวทางนี้ยังพอมีความหวัง เพราะต้องยอมรับกันอย่างไม่อายว่า ที่เรามีวันนี้ ก็เพราะตาชั่งมีส่วนอยู่ไม่น้อย ถึงขนาดออกหน้าก๋ากั่น ทำราวกับเป็นเจ้าภาพซะเอง ตั้งแต่ต้นขบวนไปยันท้ายขบวน มันเด้งรับเด้งส่งกันอย่างเมามัน หลังจากรถถังภิวัฒน์่กระสุนด้าน ถูกชาวโลกเขาเอาปูนหมายหัว จนไม่กล้าขยับ ก็ได้ตุลาการภิวัฒน์นี่แหละ มารับไม้ต่อ

คิดกันอย่างโง่ๆ ว่าจะตบตาชาวโลกเขาได้ รัฐประหารโดยตุลาการ ไม่มีรถถังไม่ต้องใช้อาวุธ คงคิดว่าเนียนซะเต็มประดา

อย่างที่เฒ่าสังเวช บัดสีว่าไว้ไม่มีผิด ในเมื่อพวกโจรมันยังข่มขืนประชาชนอยู่ยิกๆ จะมาจับมือถือแขนให้เลิกแล้วต่อกันได้ยังไง ลองไล่เรียงกันดู ตั้งแต่คตส.ส่งไม้ต่อมาให้ปปช. ส่งผลให้กล้านรก ต้องวิ่งรอกจนเหงื่อหัวล้านแตกพลั่กๆ ไหนจะกกต. หรือแม้แต่ ส.ว.สรรห่า แล้วยังตาชั่งผีสิงอีกเป็นกะตั๊ก ล้วนแล้วแต่ขับร้องประสานเสียงหมาหมู่กันทั้งนั้น

ในเมื่อเล่นกันจนกระบวนการยุติธรรม พังพินาศฉิบหายหมด แล้วประเทศชาติจะอยู่ได้ยังไงกัน ดังนั้น ถ้าไม่กล้าจะศาลเสวนา ก็อย่ามาสานสาระแน ให้มันกินใจกันเปล่าๆ

จะบ้าตาย..ปล่อยให้ฝ่ายโน้นมันไล่ยำอยู่ได้ตั้งหลายปี พอหมดแรงข้าวต้ม ถึงคิวเขาจะเอาคืน ดันนึกขึ้นมาได้อย่างกระทันหันว่า ไม่น่าใช้ความรุนแรง จึงต้องถามกลับไปว่า แล้วก่อนนี้ไปตายห่าที่ไหนกันหมด

แล้วอีกอย่าง ที่พูดนี่คิดกันหรือเปล่า ใครเขาไปใช้ความรุนแรง นอกจากพวกแป๊ะ ถ้าอยากจะหยุดความรุนแรง แค่ไปบอกแป๊ะ เท่านั้นก็สิ้นเรื่อง จะมาสานเสินทำไมกัน ให้มันเมื่อยตุ้ม

เอ้า..สานไปสานมาจนได้เรื่อง น้าแม้วหย่าเมียไปเสร็จสรรพ เคลียร์ตัวเองเรียบร้อย ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จะได้โซ๊ยกับอำมาตย์ได้ถนัดถนี่ขึ้นมาอีกหน่อย ระหว่างนี้ก็หากิ๊กเอ๊ยหากิน รับจ๊อบเล็กๆน้อยๆไปก่อน เป็นที่ปรึกษาแก้ปัญหาให้ประเทศยากจน หาทุนหารอน มาแก้ปัญหาให้ประเทศอยากจน แถวเอเชียอาคเนย์

ต้องขอเตือนไปยังบรรดาฝาละมีทั้งหลาย ว่านี่เป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบเป็นอันขาด ไม่งั้นเดี๋ยวจะกระดี๊กระด๊า ถือโอกาสหย่าเมียกันยกใหญ่ อ้างว่าจะได้ไปใส่เสื้อแดง โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถ้าขืนทำอย่างนั้น อาจจะได้เด้งหน้าเด้งหลัง จนเลือดอาบแดงเถือกละไม่ว่า

ในเมื่อคนถูกการเมืองเล่น มันก็ต้องเล่นการเมือง เป็นธรรมดา จึงไม่เข้าใจว่า บรรดาอสุรกายในร่างคน จะกรีดร้องโหยหวนไปทำไมกัน ถ้าไม่กล้าสู้ก็หลบลงรูไปได้ ไม่มีใครเขาว่า แถมยังจะโมทนาสาธุด้วยซ้ำไป ทำไมจะต้องมากดดันให้ทักษิณเลิกเล่นการเมือง ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังต้องการเขาอยู่

ปิดท้ายด้วยข่าวสังคมเบาๆกันบ้าง..จู่ๆไม่มีปี่มีขลุ่ย หรือแม้แต่แซ๊กโซโฟน ลุงจิ๋วจอมยึกยักก็ทิ้งเมียไปออกบวช หลังจากที่องอาจพี้ยาบ้า ออกเบียดไปแต่งเมียได้ไม่นาน ขานี้ขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า ไม่เคยทำอะไรโดยไม่มีนัยทางการเมือง ดังนั้นก่อนจาก จึงมีดีดลูกหลังใส่น้าสมชาย ไปโครมเบ้อเร่อ ว่าสำนึกผิดที่สั่งฆ่าสัตว์เมื่อ 7 ตุลา ในเมื่อจะเล่นอย่างนี้ ก็เห็นทีว่าต้องชักชวนกัน...

งดใส่บาตรเณรจิ๋ว ปล่อยให้ฉันไวไวซะให้เข็ด

วโรทาห์: 20 พ.ย. 51

Friday, November 14, 2008

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่..ดูแป๊ะเป็นตัวอย่าง

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ไม่คิดก็ต้องคิด ดังภาษิตที่ว่า ไม่เชื่ออย่่าท้า ไม่ศรัทธาอย่าลบหลู่ ของที่พิสูจน์ไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มี พลาดท่าพลาดทาง เจอดีเข้าไปถึงจะรู้สึก ดูอย่างแป๊ะเป็นแซมเปิ้ล ที่ไปทำบัดสีบัดเถลิงในทำเนียบ เล่นเอาเจ้าที่เจ้าทาง กริ้วจนควันออกหู

แล้วเป็นไงล่ะ ผ่านไปไม่กี่เดือน สภาพเละตุ้มเป๊ะดูไม่จืด แป๊ะในวันนี้ กับแป๊ะเมื่อวันนั้น มันห่างไกลกัน ราวหลังเท้ากับหน้ามือ

เมื่อนึกย้อนไปถึงวันที่แป๊ะ นำพหลพลพญามาร เข้ายึดกุมทำเนียบรัฐบาล เอาไว้ได้โดยละม่อม แหม่..จริงๆให้แป๊ะดิ้นตายซิเอ้า ไม่ใช่ว่าจะมาแกล้งกล่าวชม แต่โหงวเฮ้งแป๊ะวันนั้น มันดูดีมีสง่าอย่า่บอกใคร ท่วงท่าฮึกเหิมซะไม่มี เหมือนดาราทีวียังไงยังงั้น ขนาดแต๋วยังชำเลือง ประเทืองก็ยังเหล่ บอกว่ามาดเท่ห์หล่อดี ดูกี่ที..กี่ที ก็เหมือน..ฉีเส้าเฉียน

อนิจจา..ตั้งแต่วันนั้น ยันมาถึงวันนี้ ผ่านไปยังไม่ทันข้ามปี เจอกันอีกที ไหง..แป๊ะในวันนี้ กลายเป็น..ฉี่เฉียงเฉียง

ก็สถานที่อย่างนั้น เจ้าที่เจ้าทางเขาแรงจะตายชัก ไหนจะเทพยดาอารักษ์อีกตั้งเยอะแยะ ดันไปแหกปากด่าทอชาวบ้าน ทำราวกับตลาดสดสนามเป้า ด่าหยาบด่าคาย ด่าได้ด่าดี ด่าจนผียังส่ายหัว เช้ายันค่ำคืนยันรุ่ง สัปดาห์ละ 7 วัน ไม่เป็นอันหยุดพัก นี่ยังไม่นับรวมอาซิ้มอาซ้อ ที่ไปเที่ยวล่อเป้าให้พวกการ์ด จนซี๊ดซ๊าดเสียวซ่าน เห็นสวรรค์อยู่รำไรๆ

เรื่องของเรื่อง คนมันเก็บกดมานาน ตั้งแต่ใช้มัฆวานเป็นที่สิงสู่ เพราะสถานที่มันโล่งโจ้งประเจิดประเจ้อ ไม่เหมาะต่อการผสมพันธุ์เป็นอย่างยิ่ง ครั้นจะอาศัยเต๊นท์น้อยๆ ของกองทับทำ มันก็ประดักประเดิดเกินไป เกรงว่าสมะณะจะใจแตก เกิดจูงสมะณีมาขอดู๋ดี๋ สวิงกิ้งแลกคู่ มันจะดูไม่จืด ยิ่งถ้าจับพลัดจับผลู เผลอไผลไปล่อสมะณีจนท้องสมะเณร เป็นได้ยุ่งไปกันใหญ่

ด้วยเหตุฉะนี้ เมื่อได้ที่เหมาะเหม็งในทำเนียบ จึงดี๊ด๊ายิ่งกว่าปลากระดี่ได้น้ำ แค่สุมทุมพุ่มไม้ใบบังก็เหลือแหล่ จับคู่จู๋จี๋ดู๋ดี๋กันมันหยด ทิ้งหลักฐานให้เห็นกันตำตา คือถุงยางอนามัย ที่ลอยฟ่อง เกลื่อนไปในห้วยหนองคลองบึง ดีที่ยังไม่มีคนออกมาแถว่า เป็นผลงานครม.ลุงหมัก ที่ทำเรี่ยราดไว้ ตั้งแต่ก่อนถูกยึด

เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า แค่ชาตินี้ก็ตามเฉ่งปี๋กันไฟแลบ สาวกพญามารบาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง นับนิ้วสะระตะ เท่าที่ได้รับรายงาน ก็ตายโหงไปห้า ตายห่าอีกหนึ่ง ส่วนบาดเจ็บนั้นไม่ต้องพูดถึง นับได้เป็นร้อยยังว่าน้อยเกินไป เพราะถึงชั่วโมงนี้ บัญชียังไม่ได้ปิด ยอดจึงไม่นิ่ง เวรกรรมยังตามรังควาน ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ

เรื่องซวยๆของผู้ชายซวยๆอย่างแป๊ะนั้น มีเยอะแยะจนจาระไนไม่หวาดไม่ไหว เดี๋ยวโน่นบึมนี่ตูม เล่นเอาอกสั่นขวัญหาย มีทั้งที่ทำเองกับมือ และอภินันทนาการจากมือที่มองไม่เห็น ล่อกันหนุบหนับๆ จนแม้แต่แป๊ะเองยังงงไปหมด อย่าว่าแต่ภายในกันเอง ที่เกิดบ้าขึ้นมา ก็ล่อกันเละตุ้มเป๊ะ

ขนาดคนแก่ใกล้ตาย ยังลุกขึ้นมาแลกหมัดกันไฟแลบ พอภูวดลโดนเฉ่ง เจอลองล้งเล้งฐานที่ขึ้นเวทีด่าจนของเสื่อม มันเลยซัดลุงลองลงไปกองนับแปด เดชะบุญ ที่ท่านมหายังเรียกสติกลับมาได้ทัน ลุกขึ้นได้เลยจัดการเคาะกะโหลก เอาคืนซะ 2 ที ผลปรากฎว่า สมองข้างขวาบวม อาการเป็นตายเท่ากัน บอกแล้วไม่เชื่อ เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะสมีลอง

หลังจากที่ทู่ซี้มานาน แต่ผลงานไม่เคยเข้าเป้า เอาแต่ประกาศชัยชนะหลอกถุงเงินไปวันๆ แต่เสียดายที่นายทุนไม่โง่แล้ว หลังๆมานี่ ท่อน้ำเลี้ยงเลยขัดลำกล้องไปดื้อๆ สุดท้ายต้องประกาศขอรับบริจาค อย่างกับขอทานข้างถนน พอได้มาทีก็แย่งกันหนุบหนับๆ ราวกับตายอดตายอยากเสียเต็มประดา

จากโกตั๊บกลายมาเป็นโกเต๊กซ์ เพราะการรบขั้นแตกหักที่รัฐสภา นอกจากจะไม่ได้อะไร ติดไม้ติดมือมาแม้แต่น้อย ยังสร้างความเสียหายให้ฝ่ายแป๊ะอย่างย่อยยับ ไพร่พลบาดเจ็บอื้อ แถมยังมีตายโหงอีกต่างหาก สาวกเลยเข็ดขยาดกันเป็นแถว พักหลังมานี้เป่านกหวีดจนคอโป่ง ยังไม่มีใครขยับ

เมื่อเข้าตาจน เลยต้องลงชนแทนวัว ตั้งแต่นั้นมาแป๊ะเลยปะฉะดะ พระเจ้าไม่มีเว้น เรียกอ้ายพยอมเฉย แม้แต่พวกเดียวกันยังกัดซะแผลเว่อ ขณะที่เย่อกับเครือมติชนไม่เสร็จ ยังมีแก่ใจหาเรื่องไปเรื่อยๆ แม้แต่คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง ยังเจอซัดเข้าไปเต็มเหนี่ยว หาว่าเป็นพวกชิงแป๊ะเกิดซะงั้น

ทั้งหลายทั้งปวง มันเป็นอาการของคนที่รู้ตัวว่าแพ้แหงๆ เมื่อเลือดเข้าตาเลยออกอาการเพี้ยนหนัก อยู่ๆกุเรื่องทักษิณจ้างหมอผีเขมร มาทำคุณไสยที่พระรูป ร.5 แถมคุยว่ามันรู้ด้วยญานวิเศษ เลยเอาโกเต๊กซ์ใช้แล้วไปแก้เคล็ด เท่านั้นแหละ แตกตื่นกันไปทั้งบาง ไม่มีใครพูดถึงหมอผีเขมร แต่ด่าแป๊ะจนเสียคน ว่าอุบาทว์หนัก ถึงขั้นเอาของต่ำไปลบหลู่ของสูง

เห็นไม๊ล่ะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะสำคัญตัวเองผิดแท้ๆ ว่าบวชแค่ 1 เดือนก็บรรลุแล้ว เลยอาจหาญ ไปทำกร่างกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผลสุดท้ายเลยแพ้ภัยตัวเอง โดยที่ศัตรูไม่ต้องลงมือซักกะติ๊ด แค่ปล่อยให้ชกหน้าตัวเองไปเรื่อยๆ ก็ไม่รอดแล้ว เล่นสู้สิบทิศแบบนี้ โอกาศชนะนั้นลืมไปได้เลย...

แพ้น่ะแพ้แน่ แต่จะสะบักสะบอมแค่ไหน อีกไม่นานหวยออก

วโรทาห์: 14 พ.ย. 51

Tuesday, November 11, 2008

มันจะอะไรกันนักกันหนา กะแค่วีซ่าทักษิณ

ทำราวกับว่า บ้านนี้เมืองนี้ จะเป็นจะตาย อยู่ที่ทักษิณคนเดียวซะงั้น มันจะไม่เป็นการให้เกียรติกันเกินไปหน่อยหรือ กะแค่ชายชาวไทยคนหนึ่ง ที่แม้จะรวยล้นฟ้า แต่ก็ถูกอายัติทรัพย์จนเกลี้ยงจ้อย หนำไม่ซ้ำยังมาเจอตุลาการพิฆาต จนแทบว่าจะเอาตัวไม่รอด ต้องหอบลูกจูงเมีย หนีกระเซอะกระเซิง ไปอาศัยบ้านอื่นเมืองอื่น พอให้ได้คุ้มกะลาหัว

แต่เพราะเหตุไร กะแค่คนไม่มีแผ่นดินอยู่ หนึ่งเดียวคนนี้ พอพลิกตัวทีไร คนที่มีแผ่นดินอยู่ ก็แทบจะคลั่งตายซะให้ได้

สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆคิดนึก ตรึกตรองดูให้ดีๆ ว่าที่ร้อนรนกันอยู่นี้ พวกท่านกลัวกันไปเองหรือเปล่า หรือจะให้คิดว่า มันเป็นธรรมดาของคนที่ทำชั่วเป็นอาจิณ ถึงแม้จะสุขกาย แต่มันตายตาไม่หลับ พอเคลิ้มๆทีไรต้องเป็นอันสะดุ้งผวา ไม่อาจนอนให้เต็มตาได้ซักคืน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ไม่สู้ส่งคนจากเขายายเที่ยง ไปกราบเท้าเขาซะให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

ก็เพราะจิตใจคับแคบอย่างนี้ เอาแต่ใจตัวเองก็ปานนั้น มันถึงได้มีความคิดบ้าๆบวมๆ จนลากกันเข้ารกเข้าพง สุดท้ายไปโผล่เอาที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วดันมาตีหน้าเซ่อ ชวนกันหาทางออกให้วิกฤติ แหมฟังแล้วมันคันปาก อยากจะถามว่า เมื่อไหร่พวกแกจะเลิกหาทางเข้าให้วิกฤติซะที

ในขณะที่ปากก็พล่ามไปเรื่อย ว่าคนไทยด้วยกันขอให้รู้รักสามัคคี แต่ก็ไม่พูดให้สุด ว่าโปรโมชั่นนี้ยกเว้นคนชื่อทักษิณคนเดียว เพราะขานั้นเขาไม่ถือว่าเป็นคนไทยอยู่แล้ว เพราะเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พอได้ข่าวว่าทักษิณถูกถอนวีซ่า พวกมันจะกระดี๊กระด๊ากันยกใหญ่

โดยเฉพาะผู้นำฝ่ายแค้นนั้นยิ่งแล้ว แหมมันดีใจจนคุมสติไม่อยู่ เรียกว่าไม่นึกไม่ฝัน ลูกจะลอยมาเข้าทางตีนเอาดื้อๆจนได้ แล้วเรื่องอย่างนี้ มีหรือมาร์คจะบอยคอต ตรงกันข้าม กลับรีบเท็คตัวขึ้นโหม่ง ซะเต็มกบาล กะว่างานนี้ไม่ตายก็คางเหลือง นี่แหละ คือสันดอนของคนที่เคยผายลมทางปากว่า มาเล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์..สาบานได้ว่าสร้างสรรค์

ก็ให้มันรู้กันไป ตราบใดที่คิดแต่จะเอาชนะคู่แข่งทางการเมือง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการต่ำทรามเพียงใด ก็กล้าทำ แต่ไม่เคยแม้แต่น้อย ที่จะคิดเอาชนะใจประชาชน มีแต่ซ้ำเติมให้เจ็บแค้นขึ้นทุกวัน แล้วอย่างนี้ ถ้ายังฝืนจะเป็นนายกฯให้ได้ ก็เชิญตามสบาย ถ้าไม่กลัวว่าจะนำพาภัยพิบัติ มาสู่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลของตัวเอง

จำใส่กะโหลกหนาๆไว้เลยว่า มาถึงวันนี้ หลังจากที่ถูกตีจนแกร่งกล้า ประชาชนได้ยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองแล้ว พวกเขาสู้เพื่อพิทักษ์สิทธิของตัวเอง ที่จะไม่ให้ใครมาย่ำยีเหมือน 19 กันยาอีก ทักษิณนั้น แค่เอาประชาธิปไตยมาให้ชิม นอกเหนือกว่านี้ ก็ไม่ได้มีอิทธิพลใดๆ ต่อการต่อสู้ของประชาชน เพราะไม่ว่าทักษิณจะอยู่หรือไป พวกเขาก็ยังสู้อยู่ดี

การต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อนำความยุติธรรมกลับมาสู่สังคมไทย ดังนั้น แม้จะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อก็ต้องทำ ถ้าทักษิณจะได้ประโยชน์จากการต่อสู้ครั้งนี้ ก็ช่วยไม่ได้ ต่อให้คนที่ถูกย่ำยี เปลี่ยนเป็นเจ้ามาร์ค พวกเขาก็ยังจะสู้เช่นนี้อยู่ดี เพราะมันคือการต่อสู้เพื่อส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

หากยอมให้ขื่อแปบ้านเมืองถูกทำลายไป ไม่ช้าก็เร็ว เภทภัยนั้นจะย้อนกลับมาหาทุกคนในสังคม เมื่อพวกมันทำกับทักษิณได้ แล้วมีหลักประกันอันใด ว่าจะไม่ทำกับคนอื่น

ต้องยอมรับกันว่า ที่เรื่องมันบานไม่รู้หุบอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะจนแล้วจนรอด อำมาตย์ยังไม่ยอมก้าวออกมา ยืนอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงซะที พวกเขายังหลอกตัวเองไม่เลิก ว่ากำลังต่อสู้กับทักษิณ ทั้งๆที่เผชิญหน้ากับมวลมหาชนอยู่ทนโท่ ก็ยังกล้าหลอกตัวเองว่า คนเหล่านั้นถูกซื้อด้วยเงิน

ถ้าความคิดยังงมโข่งอยู่ในกะลากันอย่างนี้ ก็ขออวยพรให้จำเริญๆเถอะพ่อคุณ ไม่ต้องมาช่วยคิดหาทางออกให้สังคมหรอก

เอาแค่หาทางออกให้พวกตัวเองได้..ก็สาธุแล้ว

วโรทาห์: 11 พ.ย. 51

Sunday, November 9, 2008

บันทึกไว้ในแผ่นดิน..สำหรับความชั่วของ 7 อสุรกาย

เป็นเพราะโรคร้ายตัวดี มันโจมตีจุดอ่อน ล่อไปจนถึงตับ ถึงแม้หมอยาที่เมืองไทย จะไม่ปฏิเสธการรับรักษา แต่จะทำยังไงได้ เพราะมันจนปัญญาจริงๆ เรียกว่าบ่อเถ่าโหล่วไร้น้ำอิ๊ว จนคุณหญิงต้องหอบหิ้วลุงหมัก ที่ออกอาการบักโกรกสุดขีด ขี่พายุทะลุฟ้า ไปหาคุณหมอฝรั่งถึงเมืองฮุสตัน มลรัฐเท็กซัส โดยหารู้ไม่ว่าที่นั่นมีสัตว์ครึ่งคน หรือว่าคนครึ่งสัตว์อยู่ตั้งหลายตัว

ออกจากสุวรรณภูมิ ที่เป็นสุสานฝังระบอบทักษิณ เย็นย่ำของวันที่ 6 แต่ดันไปถึงจุดหมายปลายทาง เอาตอนเย็นของวันที่ 5 เรียกว่าลุงหมักย้อนเวลาหาอดีต ออกเดินทางวันนี้ ไปถึงที่นั่นเมื่อวาน อะไรไม่ว่า พอย่างกรายถึงเมืองคาวบอย ก็เกิดอาการคันเท้ายิบๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ลางร้ายเช่นนี้โบราณท่านว่า ระวังให้ดี จะมีผีมากวนตีน

แทงหวยไม่เห็นมันออกตรงเป๊ะอย่างนี้ พอประตูเครื่องบินเปิดออก คุณหญิงก็แทบจะหันหลังกลับ เมื่อสายตาไปจ๊ะเอ๋กับอมนุษย์ 7 ตน ที่มายืนขอส่วนบุญอยู่เหย็งๆ ทั้งๆที่แอบย่องมาเงียบๆ แต่ทำไมมันยังรู้ได้ ถ้าไม่ใช่เครือข่ายอสูรที่เมืองไทย มันส่งซิกมา สั่งให้โจมตี

ที่สำคัญอสุรกายพวกนั้น มันอัพเกรดโปรแกรมแล้ว สามารถเขียนป้ายผ้าภาษาคน มากางโชว์อ้าซ่า แผ่นหนึ่งเขียนว่า "เวรกรรมมีจริง ไม่ต้องรอชาติหน้า" ส่วนอีกแผ่นเขียนว่า "พันธมิตร ฮุสตัน ไม่ต้อนรับ อ้ายคนขายชาติ " นั่นไง..ถ้าเรื่องชั่วๆมันต้องพันธมิตร

พอลุงหมักพยุงสังขารลงมาจากเครื่องได้ อสูรร้ายก็ต้อนหน้าต้อนหลัง อวัยวะที่ดูคล้ายๆปากคนนั้น พะเยิบพะยาบพ่นกลิ่นสาปสางออกมาว่า "คนขายชาติๆๆๆ" อยู่ตลอดเวลา ขึ้นลิฟต์ก็ตามเข้าไปด่าสบถ นั่งพักก็ป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆ เข้าแถวชักรูปกันใหญ่ ไปยืนรอรถก็ตามแซว จนแม้กระทั่งขึ้นรถแล้ว ยังวิ่งตามด่า

ดูมันทำกับคนป่วยขั้นรุนแรง แถมยังมีตำแหน่งถึงอดีตนายกฯ ที่เพิ่งลงจากบัลลังค์หมาดๆ เพราะไปทำกับข้าวให้คนดู เรื่องชั่วๆเช่นนี้ ต่อให้มนุษย์โฉดชั่วแค่ไหนเขาก็ไม่ทำกัน แต่ไม่ใช่อมนุษย์พวกนี้ ที่มันทำได้เพราะมันไม่ใช่คน

ข่าวชั่วเช่นนี้เมื่อส่งตรงมาถึงทำเนียบ ไพร่พลมารร้ายก็ตบมือตีเท้า ดีใจกันยกใหญ่ สุขใดจะเสมอเหมือน ได้ร่วมกันสร้างวีรเวร ระดับที่นรกยังบัดสี อเวจียังสาปแช่ง โอกาสทำชั่วขั้นอุกฤษฏ์เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าจะมีได้ง่ายๆ เหล่าอสุรกายน้อยใหญ่ จึงพากันโห่ร้องฉลองชัย อิ่มบาปกันถ้วนหน้า

เวลาเดียวกัน ภาพชั่วๆเหล่านั้นก็เผยแพร่ออกไป ราวกับไฟลามทุ่ง บรรดามนุษย์ที่เป็นสัตว์ประเสริฐ เห็นเข้าก็เลือดขึ้นหน้า ต่างสาปแช่งก่นด่าปีศาจร้าย ที่มันทำกับมนุษย์ บางคนถึงกับปวารณาตัว ตามล่าตามล้างเหล่าติรัจฉาน เผื่อแผ่ไปถึงบุพการี โคตรเหง้าสักหลาด ลองถ้ามันชั่วชาติกันได้ถึงขนาดนี้ ก็ไม่ต้องปราณีกันแล้่ว

เรื่องนี้คงไม่จบลงได้ง่ายๆ เพราะมันทำร้ายจิตใจมนุษย์จนเกินไป แม้แต่กองเชียร์อสูรด้วยกัน ถ้าความชั่วไม่ซึมลึกถึงกระดูก ยังอดรนทนไม่ได้ ต้องส่ายหัวๆไม่เล่นด้วย

แม้แต่อสูรมาร์ค ที่ถือปฏิบัติมาโดยสม่ำเสมอว่า ถ้าหมู่มารเปิดเกมส์เมื่อไหร่ อสูรไพร่เป็นต้องตามน้ำ แต่งานนี้ตรงข้าม ถึงอยากจะเหยียบซ้ำยังไง ก็ต้องจำใจเหยียบเบรคจนตัวโก่ง เพราะถ้าเกิดพลาดพลั้งลงไป มันจะได้ไม่คุ้มเสีย จึงได้แต่อ้อมแอ้มว่า "ทำอย่างนี้ ผมไม่ชอบ"

ก็แน่หละ สำหรับอมนุษย์ที่เพิ่งผ่านฝันร้ายไปหมาดๆ ถ้าไม่ขยาดก็ไม่รู้จะว่ายังไง หลังจากที่รอดตายอย่างหวุดหวิด จากตีนตบของคุณป้า ที่ขอโทษที ไม่ใช่ตีนตบกร๋องแกร๋งแบบที่เราๆท่านๆ มีใช้กันอยู่ แต่ป้าแกเล่นของจริง แถมยังไม่ใช่ของใหม่แกะกล่อง หรือว่าเก่าเก็บ แต่ใช้แล้วใช้อีกจนเน่าได้ที่ ใครโดนเข้าไปมีหวังตายคาที่ เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว

รอดตายคราวนั้น ยังมาโดนปาขี้ สดๆซิงๆเจอไปจะๆ เล่นเอาแหยงมาจนถึงทุกวันนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีเสียงแปร่งๆ เล็ดรอดออกมาจากรูทวารที่ใช้เคี้ยวเอื้อง แต่อย่าได้หวังว่ามารจะประนามมาร ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องไม่สมควร เพียงแต่ว่าอย่ามาทำกับมาร์คนะ เพราะว่ามาร์คไม่ชอบ ลุงหมักแกชอบ ก็เชิญไปทำกับลุงหมักเหอะ

บอกตรงๆว่า สงสารลุงหมักก็สงสาร ที่แกถูกหมู่มารมันย่ำยีถึงขนาดนี้ ถ้าวันนั้นแกตัดสินใจหิ้่วเจ้าเก่งไปด้วย เรื่องคงจะกลายเป็นหนังคนละม้วน แต่ถึงยังไงก็ต้องบอกว่า ลุงหมักโดนไปคราวนี้ ไม่ได้เสียเปล่า เพราะเรื่องโฉดชั่วเช่นนี้ คนดีๆเขารับกันไม่ได้ คิดสะระตะแล้ว...

พันธมิตรเสียรังวัดไปหลายวา..ก็แล้วกัน

วโรทาห์: 9 พ.ย. 51

Thursday, November 6, 2008

สู้เขา..ซิมง ทักษิโณวาร์

ตามธรรมเนียม ปฏิบัติอันดีงามของอารยชน ถ้าแพ้แล้วไม่ยอมแสดงความยินดีต่อผู้ชนะ หาใช่คนไม่ เราจึงได้เห็นข่าวแม็คแคน โทรไปแสดงความยินดีต่อโอบามาตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งที่ยังมีโอกาสป่วนต่อได้อีกตั้งหลายเฮือก แทนที่จะรอให้แพ้จนหมอบราบคาบแก้ว แล้วยังต้องให้ผู้ชนะเดินมายกมือไหว้ ขอบคุณหลายที่งดป่วนได้ตั้งหลายนาที แบบที่ในบางประเทศเขานิยมปฏิบัติกัน

ใน ขณะที่บารัก โอบามา บรรจงเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ลุงแซม นับเป็นพลเมืองผิวสีคนแรก ที่ไต่เต้าถึงตำแหน่งประธานาธิบดี ทางประเทศสารขัณฑ์กลับมะงุมมะงาหลา พลาดโอกาสงามๆไปตั้งหลายครั้ง ไม่งั้นป่านนี้คงได้มี นายกรัฐมนตรีคนแรกที่จบการศึกษาแค่ม.7 แถมยังหน้าด้านเป็นประวัติการณ์ ขนาดว่าประชาชนไม่ต้อนรับ มันยังตื๊อเอาจนได้

พูดถึงบาชัง โอบ๋ายแป๊ะคนนี้ ยังนึกเสียดายแทนบุพการีมันไม่หาย อุตส่าห์ส่งไปร่ำเรียนถึงเมืองผู้ดี ต้นแบบประชาธิปไตยของโลกแท้ๆ จบมาได้ ดันมาโดนห่าลาก ทางดีไม่เดิน ไปกราบกรานเฒ่าช้วนเป็นซือแป๋ ตั้งแต่นั้นมาเลยอับปารีย์กินกบาล จากคนดีๆกลายเป็นผีบ้า มาจนถึงทุกวันนี้

เอาเถอะ..ไม่อยากจะวิจารณ์ให้มากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะมีคนชักตายไปเปล่าๆ เอาเป็นว่า วกมาเข้าเรื่องที่คุยแล้วสบายใจกันดีกว่า...

หลังจากที่สารขัณฑ์ไล่จี้ ทวงคืนพาสปอร์ตแดงจากอดีตนายกฯ อย่างเอาเป็นเอาตาย บี้เอาๆจนทักษิณทนรำคาญไม่ไหว เลยส่งคืนมันดื้อๆ เล่นเอาชกวืดหัวทิ่มบ่อไปเป็นแถวๆ อะไรไม่ว่า ดันมีคนจริงจากบาฮามาส ส่งเสียงข้ามโลก เสนอตำแหน่งพลเมืองกิตติมศักดิ์ให้ เป็นการทดแทนซะอีก คราวนี้จะเอาพาสปอร์ตสีอะไรก็มี

หน้าแหกไปหมาดๆ มันเข็ดซะเมื่อไหร่ นี่เอาอีกแล้ว ตั้งแท่นจะริบคืนเครื่องราชฯกันดื้อๆ ทำราวกับว่า มันจะเป็นจะตายกันซะให้ได้ กับเรื่องแค่นี้ แต่จนแล้วจนรอด ทำได้ไม่ได้ยังไม่รู้ ดันมีนักเลงดียื่นมือเข้ามาสอดอีก คราวนี้มาไกลจากโบลิเวียร์ แหล่งน้ำมันใหญ่ที่ยังใสบริสุทธิ์ของอเมริกาใต้ มอบให้กันเห็นๆ อิสริยาภรณ์ชั้น ซิมง โบลิวาร์

เป็นเรื่องละซีคราวนี้ ในสารขัณฑ์น่ะไม่เท่าไหร่ เพราะคิดไม่เป็นกัน อีกอย่างแป๊ะก็ยังไม่ได้โปรแกรมให้ แต่ชาวโลกเขารู้กันดี ว่านั่นมันตบหน้ากันชัดๆ เพราะซิมง โบลิวาร์ ผู้นี้ ชาวบ้านเขาขนานนามว่า เอล ลิเบอเรเตอร์ ซึ่งก็คือวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยดีๆนี่เอง แถมยังได้รับการยกย่อง ขึ้นชั้นเทพเจ้าของคนจน ขนาดว่าเอาชื่อคนมาตั้งเป็นชื่อประเทศ เจ๋งไม่เจ๋ง ลองตรองดูก็แล้วกัน

จากการไล่บี้ไล่อัดคนที่ไม่มีทางต่อสู้ หะแรก นึกว่าจะหมูตู้เหมือนคนก่อนๆ ที่ไหนได้ ทำไปทำมาเจอกระแสตีกลับ กลายเป็นสงครามระหว่างชนชั้นไปซะฉิบ ถ้ายังไม่เสียวไปถึงก้นกบ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว เพราะประวัติศาสตร์ก็เห็นๆกันอยู่ ว่าทุกครั้งที่คนจนลุกขึ้นมาสู้ แล้วผลมันเป็นยังไง ใครเป็นฝ่ายชนะ แล้วใครเป็นฝ่ายย่อยยับราพณาสูร ไม่บอกก็น่าจะรู้ๆกันน่ะ

เมื่อเป็นเช่นนี้คงเห็นกันแล้วว่า การที่อดีตนายกฯต้องไประเหเร่ร่อนอยู่ในต่างแดนนั้น ชาวโลกเขาไม่ได้รับมุข ว่าเป็นคนที่ไม่มีแผ่นดินอยู่ ตรงกันข้าม นั่นคือการทำงานภาคสนาม ของนักต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ใครๆเขาก็เข้าใจกันว่า เป็นธรรมดาของนักสู้ผู้ปลดปล่อย ย่อมต้องออกไปปักหลักแลกหมัดในต่างประเทศ หรือไม่ก็ถูกขังคุกขี้ไก่ แบบอองซาน ซูคยี

อีกอย่าง ก็เป็นการสะท้อนภาพให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าทำไมชนชั้นกลางจึงไปรวมตัว อยู่ขั้วตรงข้ามกับชาวรากหญ้า ก็เพราะนี่มันเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาส่วนแบ่ง ของชนชั้นกลางและสูง ไม่ให้ไหลทะรูดทะราดลงไปสู่รากหญ้า จากการที่ทักษิณมือบอน มาเจาะทะลุทะลวงซะจนเป็นรูโหว่

แต่สารขัณฑ์ยังดีอยู่หน่อย ที่ชนชั้นกลางครึ่งหนึ่ง กับชั้นสูงอีกนิดหน่อย ยังมีใจเป็นธรรมอยู่บ้าง จึงแปรพักตร์มาสมทบกับชาวรากหญ้าผู้ต่ำต้อย สนธิกำลังกันได้ ทำให้มีจำนวนมหาศาล เลือกตั้งทีไรก็ชนะทุกที นอกจากนี้ยังทำให้มีกำลังพอฟัดพอเหวี่ยง เย่อกับอำนาจมืดขนาดบ๊ะเริ่มเทิ่มได้ อย่างสมน้ำสมเนื้อ

พ่อแม่พี่น้องที่กำลังเครียดจัดเรื่องสื่อชั่ว ว่ามันเสี้ยมข่าวกันเหลือเกิน ก็จะได้เข้าใจซะทีว่า นั่นมันก็เรื่องธรรมดา ของการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีนักสู้คนไหนในประวัติศาสตร์ ที่ไม่โดนสื่อชั่วในประเทศตัวเองรังแกเอา ไม่ว่าจะเป็นเนลสัน แมนเดล่า หรือนักต่อสู้คนสำคัญคนไหนก็แล้วแต่ เจอมาแล้วทั้งนั้น ตราบเมื่อชนะแล้วนั่นแหละ สื่อทั้งหลายจะมาอยู่เคียงข้างคุณเอง

โปรดทำใจให้สบาย เพราะในประวัติศาสตร์การต่อสู้ สื่อไม่เคยตัดสินผลการแพ้ชนะของสงครามได้ และที่สำคัญก็คือ สื่อไม่เคยเข้าข้างคนถูก มันเชียร์ฝ่ายไหน ฝ่ายนั้นฉิบหายทุกที แต่โชคไม่ดี ที่พวกมันก็รอดได้ทุกครั้งเหมือนกัน

ภาพจากวันแดงเถือกที่ราชมังคลาฯ น่าจะเติมกำลังใจให้ทักษิณได้โขอยู่ เมื่อผนวกเข้ากับแรงหนุนจากนานาชาติ ที่กล้าแสดงออกกันโต้งๆ โดยไม่กลัวโดนขวิด งานนี้ ถ้าไม่สู้ตาย ก็คงจะเสียเชิงชายไม่ใช่น้อย..โปรดจำไว้เสมอว่า ถ้าคุณสู้เพื่อคนจน คนจนก็จะสู้เพื่อคุณ...

!!! ซิมง ทักษิโณวาร์ !!!

วโรทาห์: 6 พ.ย. 51

Wednesday, November 5, 2008

ระบอบอำมาตย์..ส่วนเกินที่ต้องกำจัด

ตั้งแต่อดีตกาลนานมา ระบอบศักดินากับอมาตยาธิปไตยนั้น เปรียบได้ดังน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ก็ว่าได้ ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เฮไหนเฮนั่น จนแยกจากกันลำบาก เพราะว่าศักดินาก็ต้องพึ่งพาอำมาตย์ คอยค้ำจุนระบอบ ในขณะที่อำมาตย์เอง ก็ต้องอาศัยบารมีคุ้มกบาล ให้มีเงินมีงาน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ อย่างอู้ฟู่

แต่ก็ใช่ว่าสองฝ่ายจะกลมเกลียวซี้ปึ้กกันก็หาไม่ ถ้าดูหนังเกาหลีก็จะเห็นเป็นตัวอย่าง ว่าศักดินากับมหาอำมาตย์ก็งัดข้อกันอยู่เป็นประจำ แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อต่างก็จำเป็นต้องมีกันและกัน ก็ต้องทนๆกันไป ไม่งั้นจะอยู่ได้ยังไงกัน

เมื่อโลกพัฒนามาถึงยุคประชาธิปไตย ถ้ายังขืนมะงุมมะงาหลาใช้ระบอบเดิมอยู่ ชาวโลกที่ไหนเขาจะมาคบ แต่ปัญหามันมีอยู่ว่า เมื่อเปลี่ยนระบบใหม่แล้ว จะทำยังไงกับระบอบเก่า กล่าวฝ่ายศักดินานั้นคงพอไหว เพราะถึงยังไงก็เข้าได้กับประชาธิปไตย อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย แต่อมาตยาธิปไตยนี่สิลำบาก กลายเป็นส่วนเกินของประชาธิปไตย ที่ประเทศไหนๆใครก็กำจัดทิ้ง

ดูเหมือนว่าอมาตยาธิปไตย ก็พอรู้ชะตากรรมตัวเอง ดังนั้น เพื่อต่อลมหายใจไปอีกหลายเฮือก จึงพยายามดิ้นรนจนสุดฤทธิ์ เป้าหมายคือเหนี่ยวรั้งศักดินาไว้ ไม่ให้ไปเข้าพวกกับฝ่ายประชาธิปไตย โดยเด็ดขาด จึงต้องจำลองระบอบประชาธิปไตยแบบสารขัณฑ์ๆขึ้นมา เพื่อตบตาชาวโลก ว่าสารขัณฑ์ก็เป็นประชาธิปไตยแล้วนะจ๊ะ ดูสิ! มีเลือกตั้งด้วย

ถึงว่า..หัวเถิกรัตนโกสินทร์ ต้องคอยออกมาเตือนสติว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง เพียงแต่ว่าแค่ไหนแกไม่บอก ปล่อยให้ตีความกันเอาเอง จนยุ่งเป็นยุงตีกัน

ประชาธิปไตยแบบสารขัณฑ์ๆนั้น มีอำมาตย์เป็นตัวป่วน นายกฯเป็นได้ก็แค่จ๊อกกี้ จะมาทำหวือหวาซู่ซ่าไม่ได้เป็นอันขาด เพราะทุกอย่างอำมาตย์จัดการให้เสร็จสรรพแล้ว มีทั้งตัวชงตัวตบ คอยชี้นิ้วบงการ แอบเนียนควบคุมกลไกการบริหารประเทศอยู่เงียบๆ เรียบร้อยโรงเรียนอำมาตย์

ถ้าเปรียบสารขัณฑ์เป็นรถเมล์ ต้องเรียกว่ารถเมล์ผีสิงถึงจะเหมาะ เหตุเพราะว่ามีโชเฟอร์ที่มองไม่เห็น เป็นเจ้าประจำคอยขับซิ่งปรู๊ดปร๊าดอยู่แล้ว นายกฯถ้าอยากอยู่นานๆ ต้องทำตัวอย่างเฒ่าช้วนจอมแหล นั่นคือคอยรับรายงาน แล้วบีบแตรอย่างเดียว ห้ามยุ่งกับพวงมาลัยเป็นอันขาด ไม่งั้นจะมาหาว่าไม่เตือน ขืนมาทำซ่าเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา เดี๋ยวแม่ตบติดเน๊ต

เรื่องของเรื่อง ที่มันเป็นเรื่องจนได้ ก็เพราะน้าทักแกหักเหลี่ยมโหด ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม คว้าพวงมาลัยได้ก็ขับซิ่งยกล้อ ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเล้ย ว่าผู้โดยสารแต่ละตัว มันแก่งั่กกั้กน้องๆปู่เย็น ถึงได้พาทิ้งโค้งมุมแคบ เลี้ยวคว๊าบเข้าซอยเปลี่ยว เล่นเอาผู้เฒ่าผู้แก่ตกใจจนฉี่เล็ด ร้องหาพ่อแก้วแม่แก้วกันให้ลั่น ก็สองข้างทางมันมีแต่สลัม กับฝุ่นเมืองขมุกขมัว น่ากลัวจะตายไป

เพราะเหตุนี้ เรื่องที่มันควรจะจบแบบหนังสั้น เลยกลายเป็นมหากาพย์เรื่องยาว จะเป็นจะตายยังไง อำมาตย์ก็ต้องกำจัดแม้วให้จงได้ ที่สำคัญศักดินาก็เห็นชอบซะด้วย เพราะถูกเป่าหูว่าเป็นศัตรูร่วมกัน เพียงแต่ว่าประชาชนเขาไม่คิดอย่างนั้น ยังไงก็จะเอาน้าแม้วกลับบ้านให้ได้ เหตุผลเพราะว่าแกซิ่งมันดี ฝีมือสุดยอดเข้าขั้นระดับโลก ถึงขนาดประเทศน้อยใหญ่ จองคิวซื้อตัวกันเป็นแถว

เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป คงต้องหายใจลึกๆ แล้วติดตามกันยาวๆ เพราะเรื่องมันชักจะเลยเถิด กลายเป็นการรบกัน ระหว่างประชาชนเจ้าของประเทศ ที่สิ้นไร้ไม้ตอก กับระบอบอำมาตย์ ที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ประกอบด้วย ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และตุลาการ นอกจากนั้นยังมีเหล่าบรรดาบัณฑิต ซึ่งก็คือนักวิชาการเฮงซวยทั้งหลายมาร่วมแจม โดยมีสื่อชั่วเป็นสุนัขรับใช้

โดยเนื้อแท้แล้ว คนสารขัณฑ์ส่วนใหญ่ ไม่ได้ปฏิเสธระบอบศักดินา แถมจะว่าไปแล้ว กลับเวลคัมด้วยซ้ำไป เพียงแต่ว่ามันมีระบอบอำมาตย์ ที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างศักดินากับประชาชน พวกเวรตะไลในระบอบนี้ ชอบผูกขาดความจงรักภักดี แล้วถืออาญาสิทธิ์มาราวีผู้คน ทำตัวเป็นโก๋หลังวัง คอยดักตีหัวชาวบ้านอยู่เป็นประจำ

จึงช่วยไม่ได้ที่เมื่อถูกตีกระหน่ำ ชาวบ้านตาดำๆจะมองไปยังศักดินาอย่างเคลือบแคลง ยิ่งไม่มีใครในระบอบออกมาชี้แจง มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ดังนั้น เพื่อแสดงความจริงใจ ศักดินาจึงควรที่จะหันหลังให้กับระบอบอำมาตย์ แล้วหันหน้ามาหาปวงชน พูดกันตรงไปตรงมาก็คือ ต้องกำจัดระบอบอำมาตย์ทิ้งไป เพื่อลดความหวาดระแวง ระหว่างประชาชนกัีบศักดินา

จำไว้ว่า ไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนในโลก ที่เลี้ยงอำมาตย์ไว้เป็นหอกข้างแคร่ เพราะว่า เมื่อเป็นประชาธิปไตยแล้ว ศักดินาไม่จำเป็นต้องอาศัยอำมาตย์ คอยคุ้มครองอีกต่อไป...

ภายใต้อ้อมกอดของประชาชน ศักดินาจะปลอดภัย ไปตลอดกาล...

วโรทาห์: 5 พ.ย. 51

Monday, November 3, 2008

อุแม่เจ้า่..1 พฤศจิกา..แดง..เถือก..ทั้งราชมังคลาฯ

ผ่านไปแล้วอย่าง ยิ่งใหญ่อลังการ ด้วยสถิติผู้เข้าร่วมงานนับแสนของจริง สีแดงพรั่งพรูสู่ราชมังคลากีฬาสถาน ในงานความจริงวันนี้สัญจรครั้งที่ 2 ทำเอารายการความเท็จวันนั้นสัญจรครั้งที่ร้อยกว่า ณ.ทำเนียบผีสิง ถึงกับซึมจ๋อยเป็นป่าช้าร้าง

คนแล้วคนเล่าที่เติมลงไปในชามอ่างยักษ์ เต็มแล้วเต็มอีกจนล้นทะลักออกมานอกยกทรง ความคึกคักระดับนี้ ถ้าเทียบกับปักกิ่งเกมส์คงไม่หนีกันเท่าไหร่

ทุกทิศทั่วไทยต่างหลั่ง ไหลมายังจุดรวมศูนย์ ณ.สนามกีฬาขนาด 6 หมื่น 5 พันที่นั่ง ยังไม่รวมที่ยืน พอคืน 31 ตุลา พี่ป้าน้าอาชาวตจว. ก็คึกคักกันสุดขีด บ้านใครบ้านมันไปรวมกันที่จุดนัดพบ ขึ้นรถได้ก็เต็มออก..เต็มออก บ่ายหน้าสู่กรุงเทพฯเมืองฟ้าอมร มหานครแห่งความหลอกลวง

งานประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประเทศไทยทั้งที น้อยกว่านี้จะได้ยังไงกัน

ถ้า จะเรียกว่าวันแดงเถือกก็ไม่น่าจะผิด เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน อะไรๆก็แดงไปหมด ไม่แดงไม่มา ถ้ามาต้องแดง ขนาดตำรวจจราจร ที่คอยอำนวยความสะดวกตามรายทาง ชุดสีกากีแท้ๆ แต่หัวใจยังแดง ไม่ต้องพูดถึงเจ๊ดา ที่แม้แต่ผมยังย้อมซะแดง ทำให้ไม่อยากจะคิดเลยเถิด ว่าจะมีอะไรที่ยังไม่แดงอีก

รายงานอากาศบอกว่า กรุงเทพมหานครจะมีฝนฟ้าคะนอง 70% ของพื้นที่ ฟังแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย อุตุฯว่ามาอย่างนี้ แสดงว่าหวยจะออกตรงข้าม แล้วก็เป็นไปตามคาด แดงแดดแผดเปรี้ยง จนแทบจะอกแตกตาย แต่แทนที่คุณยายสีแดงจะรับบทลมใส่ กลับกลายเป็นผู้เฒ่าบ้าดี บ้านเสา 4 ต้น ที่เรียกหายาลม ยาดม ยาหม่องกันให้วุ่น เพราะสีแดงแยงตา จนตาร้อนวาบๆ

สันติอหิงสาของแท้ รับรองคุณภาพโดยมหาตมะคานธี ยืนยันโดยพิราบขาวที่บินโฉบมาแท๊งค์กิ้วอยู่หลายรอบ ผิดกับทำเนียบเน่าที่แร้งบินกันให้ว่อน งานนี้งดเว้นอาวุธและอุปกรณ์กีฬาทุกชนิด แม้แต่ไม่จิ้มฟันยังต้องซุกเก็บไว้ที่บ้าน ไม่มีปืนผาหน้าไม้ หนังสติ๊ก คมแฝก หรือระเบิดปิงปอง ยกเว้นตีนตบอย่างเดียว ที่คุณแม่ขอร้อง ถ้ายังไม่ได้ใช้ตบใคร ก็ยังไม่ถือว่าเป็นอาวุธ

สวม หมวกแดง เสื้อแดง กางเกงหลากสี สะพายกะติ๊บข้าวเหนียว ถือตีนตบก้าวฉับๆเข้าไปในสนามอย่างมาดมั่น คนที่ไปไม่ได้ ยังอุตส่าห์ใส่เสื้อแดงอยู่บ้าน นอนรอเป็นก๊อกสอง แถมยังสั่งลูกน้อง ให้รีดเสื้อแดงแสตนบายด์ไว้ เผื่อมีเหตุด่วนเหตุร้ายให้ต้องเปิดก๊อกสาม

เอ็งมาข้ามุด เอ็งหยุดข้าแหย่ พอเจ้าของอธิปไตยตัวจริงเสียงจริงออกมา ทหารปากกล้าทั้งหลาย ก็มุดหัวหายเงียบไปทั้งแถบ แพลนงานรัฐประหาร ถูกพับเก็บใส่กระเป๋า รถถังที่เติมน้ำมันไว้เต็มปรี่ ถูกลากไปซุกเก็บแทบไม่ทัน ก็ใครมันจะไปกล้า เจ้าของรถถังตัวจริงเขาแห่มา..มืดฟ้ามัวดิน

งานนี้จะเรียกว่าโชว์พาวชาวสีแดงก็ว่าได้ ถึงเวลาคนป่ามีปืน ใครอยากล้างตาก็เชิญเลยๆ ไม่ได้ท้าเพียงแค่พูดให้ฟัง ทหารประชาชน ถ้าลุกฮือขึ้นมาเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าลุยไม่เลิก แค่ข้าวเหนียวซักกะติ๊บ ตีนตบซักอัน ก็โซ้ยกันได้ข้ามภพข้ามชาติ กลัวแต่ว่า ถึงเวลารบกันจริงๆ ขี้คร้านทหารไอ้เณร จะทิ้งรถถัง วิ่งมากอดแม่เอาดื้อๆ

ที่มีวันนี้ได้ ต้องแท๊งค์กิ้วหลายต่อระบอบอำมาตย์ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการส่งผู้เฒ่าผู้แก่ วัยรุ่นแรกแย้มฝาโลงออกมาดิ้นพราดๆ เรียกร้องความสนใจให้ล่วงหน้าตั้ง 5-6 วัน โดยเฉพาะพลพรรคแมลงสาบ ที่ร่วมแรงร่วมใจ นัดกันออกมาชักดิ้นชักงอ ทำอย่างกับเจอดีดีที บี้ใส่ซะตั้งหลายโหล

ที่เหนื่อยสายตัวแทบขาด นอกจากคณะกรรมการจัดงานแล้ว ต้องไม่ลืมวอร์รูมอำมาตย์ ที่ช่วยกันป่วนช่วยกันบล็อคเว็ปไซต์ต่างๆ จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน ขยันขันแข็งตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต เพื่อช่วยกันไล่ช่วยกันต้อน ให้ทุกคนไปร่วมตัวกันที่สนามกีฬา ห้ามนอนดูดนมฟังข่าวอยู่ที่บ้านเป็นอันขาด

และแล้วก็ถึงนาทีที่รอคอย ไฮไลท์ของงานที่ใครๆก็เฝ้าดู ถึงขนาดประธานศาลดีก๊า? ยังสั่งจับตาอย่างใกล้ชิด จะใครที่ไหนกันเล่า ถ้าไม่ใช่นายกฯคนเก่า ของชาวรากหญ้าคนนั้น โหงวเฮ้งยังดูดี ไม่มีราศีนักโทษจับซักกะติ๊ด เคลิ้มๆไปยังนึกว่ามาเยี่ยมนักโทษ ที่ถูกขังคุกขี้ไก่ อยู่ที่ทัณฑสถานใหญ่ไทยแลนด์ซะอีก

วันนี้มาในมาด ใหม่ แทนที่จะบี้ใส่อำมาตย์เต็มๆ อย่างที่กะเก็งกันไว้แต่เนิ่นๆ ที่ไหนได้ มาดใหม่ไฉไลกว่าเก่า ส่งลูกอ้อนข้ามน้ำข้ามทะเล มาถึงคนรู้ใจที่รออยู่ตั้งหลายล้านคน น้ำตาเจ้ากรรมที่เอ่อท้นรอคิวอยู่แล้ว เลยร่วงผล็อยๆออกมาอย่างกับเผาเต่า โถๆๆๆ..ไม่ต้องออดไม่ต้องอ้อน หัวใจแดงๆขอป้า ก็จะขาดรอนๆแล้วละพ่อ

ทำไปทำมางานวันแดงเถือก เลยกลายเป็นวันรวมพลคนรักทักษิณไป โดยไม่ได้นัดหมาย แต่ก็ดีไปอย่าง จะได้ล้างตากันไปเลย ว่าแค่คนรักทักษิณยังแค่นี้ ถ้ารวมกับคนรักประชาธิปไตย แต่ไม่รักทักษิณ แล้วจะแค่ไหน ซึ่งจะว่าไปแล้วคน 2 กลุ่มนี้ ไม่ใช่อื่นไกล ยังไงก็พี่น้องกัน

คนรักทักษิณ ถ้าไม่รักประชาธิปไตย ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกทักษิณ ประชาธิปไตยเลยกลายเป็นน้ำจิ้ม ที่คนรักทักษิณต้องกินคู่กันไป ส่วนคนรักประชาธิปไตย ถ้าไม่จับมือกับคนรักทักษิณ ก็คงจะสู้กับเผด็จการลำบาก สรุปแล้วน้ำยังต้องพึ่งเรือ เสือหรือจะไม่พึ่งป่า จับมือกันไว้ จะได้วินวินทั้งคู่

ในที่สุด ก็มาถึงฉากสุดท้ายที่ยากจะหลีกเลี่ยง ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา..พบกันเพื่อพราก จากกันเพื่อเจอ..วันนี้มีได้ วันหน้าก็ต้องมีอีก แต่ที่ไหนเวลาใด ไข่มุกดำแห่งอันดามัน จะกระจ็องง็องไปแจ้งข่่าว เว้่นแต่ว่าถ้าเกิดมีสุนัขบ้าออกมาเอ๊กเซอร์ไซส์ ก็ให้ถือว่างานเข้าโดยปริยาย สีแดงจะออกมาแดงเถือก เต็มบ้านเต็มเมือง ไม่เชื่อก็ลองเบิ่งแน...

ถ้าใครกล้าลากรถถังออกมา..เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

วโรทาห์: 3 พ.ย. 51