Friday, August 22, 2008

อาวุธเด็ดของระบอบทักษิณ

ในกระบวนมือสังหารระดับพระกาฬ ทั่วทั้งจักรวาลนี้ จะมีใครหาญกล้ามาเทียบกับธรรมชาตินั้น อย่าได้ไปหา เพราะมือฆ่าธรรมชาตินั้น ทั้งเที่ยงตรง แม่นยำ และทรงความยุติธรรมเป็นที่สุด ลงมือทุกครั้งอย่างเงียบเชียบ ไร้ความปราณี เด็ดขาดและไร้ร่องรอย หากแม้นใครหน้าไหน หาญกล้าท้านรก ก็อย่าหวังเลยว่า ธรรมชาติจะละเว้นไว้ให้ลอยนวล

ธรรมชาตินั้นช่างเด็ดเดี่ยวห้าวหาญ ไม่เห็นแก่หน้าอิินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่ามันผู้นั้นจะเป็นกระยาจกเข็ญใจ หรือว่าเกรียงไกรใหญ่ยิ่งเป็นจอมจักรพรรดิ์ ยังไม่เคยปรากฎว่า หน้าไหนจะสามารถเล็ดรอด จากเงื้อมมือของธรรมชาติไปได้

หาไม่แล้ว โลกอันบิดเบี้ยวใบนี้ คงยังอยู่ภายใต้อุ้งเท้าของเจงกีสข่าน หรือไม่ก็จิ๋นซีฮ่องเต้

ธรรมชาตินั้นเที่ยงธรรมยิ่งนัก ต่อให้สูงเทียมฟ้า หรือว่าต้อยต่ำเพียงดิน สำหรับธรรมชาติแล้ว ไร้ความแตกต่างโดยสิ้นเชิง ไม่มีชั้นวรรณะ ไม่มีผู้สูงศักดิ์หรือว่าไพร่กุลีต่ำชั้น ไม่มีคนโง่คนฉลาด หรือแม้แต่คนดีคนเลว

ในสายตาของธรรมชาติ ทุกชีวิตล้วนมีคุณค่าเสมอกัน ต่างแต่เพียงกรรมเก่าที่สั่งสมกันมา ตั้งแต่ชาติปางก่อน จวบจนปัจจุบันกาล

นั่นคืออาวุธเด็ด ที่ระบอบทักษิณคัดสรรมาแล้ว เพื่อบรรณาการแก่ระบอบอำมาตย์โดยเฉพาะ เป็นอาวุธที่ทรงพลานุภาพยิ่งใหญ่ ทำลายล้างได้ทั้งไตรภพ ตั้งแต่พรหมโลกชั้นสูงสุด ระเรื่อยลงมาจนถึงมนุษย์โลก ไปกระทั่งสุดขอบฟ้า ใต้บาดาล ยันอเวจีมหานรก เป็นที่สุด

ทันทีที่ตัดสินใจรบขั้นแตกหัก ทักษิณก็ถอนทัพออกมาโดยพลัน เพื่อเปิดแนวรบเต็มขั้นให้กับธรรมชาติ ต่อไปนี้จึงเป็นหน้าที่ของธรรมชาติล้วนๆ ที่จะเดินหน้ากำจัดศัตรูของประชาชน ออกไปจากสนามรบทีละคน..ทีละคน จนกว่าจะได้เวลาอันเหมาะสม ที่ประชาชนจะลุกขึ้นมาสะสางด้วยตัวเอง

"รุกด้วยการถอย" คือสุดยอดกลยุทธ ที่เด็ดขาดยิ่งกว่าลับลวงพราง ปิดจุดเด่น เปิดข้อด้อยของแม่ทัพฝ่ายอำมาตย์ ที่อายุขัยเหลือน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย เหมือนเทียนไขที่กำลังจะหมดไส้ เปลวไฟจึงอ่อนล้า ยิ่งกว่าแสงหิ่งห้อย ภายใต้ดวงตะวันอันเจิดจ้า

แม้เพียงสายลมพัดผ่านอย่างแผ่วพลิ้ว เปลวเพลิงอันริบหรี่ยังอาจวูบดับ ประหนึ่งต้องพายุโหม

เมื่อสู้ตามกติกาไม่ได้ ระบอบอำมาตย์ถึงกับใช้วิธีสกปรก โดยไม่รู้สึกผิดต่อเวรกรรมที่ทำกับประชาชน เมื่อทักษิณไม่อาจทนสู้อยู่ได้ ในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยกับระเบิด ซึ่งเหล่าสมุนอำมาตย์ลอบวางไว้แทบทุกตารางนิ้ว ยุทธการถอยเพื่อรุกในวันหน้าจึงเริ่มขึ้น นับแต่วันนั้น มันก็ไม่ใช่เกมส์ของอำมาตย์อีกต่อไป

ความหวังที่จะธำรงรักษาระบอบอำมาตย์ไว้ ให้มั่นคงสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน ด้วยการกวาดล้างเสี้ยนหนามให้หมดสิ้นไป ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายของมารเฒ่าจะขาดสะบั้นลง กลับมีอันต้องพังทลายไปสิ้น เมื่อปล่อยทักษิณให้หลุดมือไปจนได้

ความผิดพลาดในครั้งนี้ คงต้องชดใช้ด้วยความหายนะของเหล่ามวลหมู่บริวารที่อยู่ข้างหลัง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงขั้นนี้จอมมารจะนอนตายตาหลับลงได้อย่างไร

กาลเวลาย่อมกลืนกินทุกสรรพสิ่ง ระบอบอำมาตย์นั้นเป็นอธรรม จึงไม่อาจอยู่ยั้งยืนยง เพียงปล่อยให้เนิ่นนานไป กาลเวลาจะกัดกร่อนให้เสื่อมลงเป็นลำดับ ตรงข้ามกับฝ่ายธรรมะคือประชาชน แม้ไม่ทำอะไรเลย ก็กลับกล้าแข็งขึ้นเองโดยธรรมชาติ มวลมหาชนฝ่ายธรรมะ จึงอาจเอาชนะระบอบอำมาตย์ได้ แม้ยังไม่ได้ออกรบ

ธรรมชาติคือธรรมะ ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมะไม่ใช่ความดี และอธรรมก็ไม่ใช่ความเลว ดีเลวเป็นเรื่องสมมติ ไม่มีบัญญัติไว้ในพจนานุกรมของธรรมชาติ ผู้ที่คล้อยตามธรรมชาติ คือฝ่ายธรรมะ ตรงกันข้าม ผู้ที่ดำรงตนฝืนธรรมชาตินั้นคือ..อธรรม!

เมื่อท่านยืนอยู่ข้างธรรมชาติ ธรรมชาติจะปกป้องท่านเอง

วโรทาห์: 22 ส.ค. 51

3 comments:

Anonymous said...

ปรัชญาจัง..เครียดมากเหรอ..คุณวโรทาห์

Anonymous said...

สมุนอำมาตย์เถ้า อ่านแล้วคงเครียดตาม

Anonymous said...

ตายแน่ๆทุกคนต้องตายแน่ๆ แต่ตายแล้วนอกจากจะแก่
ตาย เป็นเอดส์ ตายแล้วยังแถมความเครียดดิ่งนรกอีกหนึ่งดวง ฟังดูแล้วเศร้านะ อุตสาห์เกิดเป็นคนทั้งดีหน้าจะคว้าดวงธรรมฉุดสู่สวรรค์สักดวง แต่อนิจา...ชาติหน้ามะรู้ว่าจะได้เกิดเป็นคนกะเค้ามั๊ยเนี๊ยะ...
ขอให้เป็นสุขๆๆเถิด มนุษย์ผู้หลงในลาภ ยศ สรรเสริญ