Wednesday, June 25, 2008

สรุปอภิปรายลุงหมัก 23-24 มิถุนา

ช่วงนี้ชักมีอะไรแปลกๆ ไปไหนมาไหนเป็นต้องเห็นชาวบ้าน พยักหน้าหงึกหงักๆกันทั่วบ้านทั่วเมือง แถมพอเจอหน้าปุ๊บต้องทักกันปั๊บว่่า วันนี้คุณพยักหน้าแล้วหรือยัง พอสืบสาวราวเรื่องลงไปถึงได้ร้องอ๋อ ว่าเขาพยักหน้าให้ลุงหมักกันนี่เอง

ก็ตั้งแต่รายการลุงหมักคุยไปบ่นไปวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนานั่นแหละ ที่แกบอกว่าถ้าประชาชนทนไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ช่วยกันพยักหน้า เดี๋ยวลุงหมักจะจัดให้

เอาเหอะ ถึงอยากจะพยักหน้ากันซักแค่ไหน แต่ช่วงนี้คงต้องเพลาๆเอาไว้ก่อน เพราะกำลังนี้ลุงหมักแกกำลังงานเข้า ก็ส.ว.ลากตั้งกับฝ่ายค้านนั่นแหละ มันรวมหัวกันป้อนงานมา เล่นต่อซิกกับอันธพาลหน้าทำเนียบ กระเหี้ยนกระหือรือ จะจับลุงหมักมาลงแขก เห็นแล้วก็พาลเสียวไปถึงสะดือจุ่น วันจันทร์เปิดมาเห็นว่าจะล่อกันเละ แต่พอถึงเวลาไหงมันกลายเป็นหนังคนละม้วนไปก็ไม่รู้

ดำผุดดำว่ายกันยกใหญ่ กระดี๊กระด๊าเหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ก็ลุงหมักกับน้าเหลิมน่ะสิ เข้าสภาได้ก็ไล่ตบเด็กน้อยหน้าแก่กันเรียงตัว พวกส.ว.เสียวเว้ยได้แต่นั่งตัวลีบทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม คอยส่ายหัวหลบหลังมืออย่างเดียว สม..ก็ไหนว่าจะมาต้อนลุงหมัก พอเอาเข้าจริงดันมายืนอ่านโพย เลยเจอโซ้ยซะเสียผู้เสียคน ได้แต่นั่งพยักหน้าหงึกหงักๆ

หน็อยแน่อาสามาเป็นกระจกให้ลุงหมักส่อง โถ..บิดๆเบี้ยวๆออกอย่างนั้น ใครส่องไปก็ซวยตาย กระจกที่เต็มไปด้วยมายาคติ ยังสะเออะเสนอหน้ามาให้เค้าส่อง แค่ส่องเงาหัวตัวเองยังไม่ได้ ยังกล้าไพล่มาให้คนอื่นส่อง กระจกอุบาทว์อย่างนี้ไม่ต้องถึงกับเอามาส่องหรอก แค่เก็บไว้ไม่ทำลายทิ้ง ก็เป็นกาลีบ้านกาลีเมืองกันไม่เลิกแล้ว

ต้องขอยืมสำนวนของเสี่ยตู่หรือพี่เสฯเค้าหน่อย คำที่ผรุสวาทออกไปแล้วลูกน้องชมชอบกันยกใหญ่ว่า "_วายหรือเปล่า?" จะฆ่าลุงหมักกลางสภานี่อะนะ "_วายหรือเปล่า?" โถ..คนเกิดมาจากสภา กินอยู่กับสภาจนอายุปาเข้าไป 73 ฝน ยังกล้ามาท้าลุงหมักดวลกันในสภา แล้วจะมีคำไหนเหมาะสมไปกว่าคำว่า "_วายหรือเปล่า?"

สรุปว่าวันแรกผ่านไป ทั้งลุงหมักน้าเหลิมได้โอกาสชี้แจงผลงานออกอากาศไปทั่วประเทศ คำชี้แจงก็เหมือนกับที่ท่านเคยพูดให้พวกเราฟัง แต่สื่อมันไม่ยอมไปเผยแพร่นั่นแหละ ต้องขอบคุณท่านส.ว.ลากตั้งทั้งหลาย ที่อุตส่าห์มีน้ำใจอนุเคราะห์ชงมาให้ ผู้เฒ่าทั้งสองเลยสบายไป ยกซดโฮกฮือชุ่มคอชื่นใจ วันหน้าเอาใหม่ จะไม่ลืมพระคุณจริงๆ

กระเหี้ยนกระืหือรือของแท้อยู่ที่วันอังคาร ประเดิมด้วยมะม่วงจำบ่มออกมาวาดลวดลายป้ายสี ต้องยอมรับเลยว่า ช้วนเวอร์ชั่น2นี่ มีฟังค์ชั่นเพิ่มขึ้นมาอีกเพียบ นอกจากได้ลูกเสียดสี เยาะเย้ยถากถาง แนะแหน โป้ปดมดเท็จมาครบเครื่องแล้ว ยังเติมเต็มด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท วางมาดยะโสโอหัง โอย..บรรยายไม่ถูก ต้องไปเห็นกับตาถึงจะสะใจ

เอาเป็นว่า ดาวร้ายหนังไทยยังต้องอายม้วนต้วน ถ้าใครเห็นแล้วไม่จี๊ดยินดีคืนเงินให้ก็แล้วกัน เสียแต่ว่ารูปร่างหน้าตามันไม่ให้ ถ้าติดหนวดเข้าไปมันจะกลายเป็นชาลี แช็ปปลิ้นซะฉิบ ยังไงก็ไม่เข้ากับคอนเซ็ปต์ เลยต้องยอมกระโดกกระเดก หน้าไปทางเด็กส่งเอกสาร แต่มาดดันออกไปทางเสือโหย

สรุปว่า 8 ชั่วโมงเต็มๆ ล่อมันแต่เรื่องเขาพระวิหารไม่รู้จักเบื่อ เริ่มตั้งแต่เด็กม. 7 ขึ้นมาปูพื้น แล้วที่เหลือก็ดาหน้าออกมาขย่ม ทั้งเจ้าสาทิตย์วงศ์ปากห้อย เจ้าจ้อนจอมแหล เจ้าโชคจอมกวน แล้วอีกคนหน้าไม๊ใหม่ คงหวังมาแจ้งเกิด แต่กลายเป็นแจ้งตายไปซะฉิบ แม้แต่หม่อมสุขุมพันธ์ที่รักษามาดมาดิบดี ยังมาตกม้าตายไปดื้อๆ เพราะไปว่า "นายกฯไร้วุฒิภาวะ" แท้ๆ

เรื่องของเรื่องมันจะปลุกกระแสรักชาติ โจมตีนพดลกระทบชิ่งไปเล่นทักษิณ ว่างั้นเหอะ เนื้อหาจริงๆก็เหมือนที่ชาวบ้านเค้าอ่านจากหนังสือพิมพ์มาเป็นเดือนแล้วนั่นแหละ ถ้าจะพูดกันจริงๆ ไม่เกิน 5 นาทีก็จบ แต่ที่อุตส่าห์ลากยาวไปเกือบครึ่งวัน ก็เพื่อที่จะแถไปกัดทักษิณให้เลือดโชก ด้วยข้อหาโกงกินขายชาติสาระพัดที่จะพูด โถ..เค้ารู้แกวกันหมดแล้วหละลุง

ฟังมันอภิปรายแล้วก็สงสารตัวเอง ว่าเวรกรรมอะไรน้อต้องมาฟังคนบ้าพล่าม ให้มันลากไปทางโน้นทีทางนี้ที เล่นเอามึนตึ้บไปหมด บางทีเคลิ้มๆฟังเหมือนกับว่า มันกำลังอภิปรายไม่ไว้วางใจจอมพลสฤษดิ์ ที่เป็นนายกฯอยู่ตอนแพ้คดีไปโน่น แล้วก็พาลาดตระเวณไปเรื่อยๆ มีแต่น้ำล้วนๆ อยากได้เนื้อก็ต้องควานหากันเอาเอง

จริงๆแล้ว ประเด็นมันก็มีแค่ว่าศาลโลกตัดสิน ให้เขาพระวิหารเป็นของเขมรไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2505โน่น ไทยเรายังไงก็ต้องปฏิบัติตาม เพียงแต่ว่าไปทำคำขอสงวนสิทธิ์ต๊ะไว้ซะหน่อย เผื่อว่าวันหน้าวันหลัง เจ้ามะม่วงจำบ่มอยากรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่จะได้ลุยไปได้เลย

คราวนี้พอรมต.นพดลไปออกแถลงการณ์ร่วม รับรองให้กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหารได้ พวกบ้ามันเลยโมเมว่าเป็นการยกเลิกคำขอสงวนสิทธิ์ สรุปดื้อๆไปเลยว่าเสียดินอดนขายชาติไปโน่น แถมยังโยงไปถึงว่านายกฯทักษิณอยู่เบื้องหลัง มีผลประโยชน์ทับซ้อนเข้าให้อีก

มันคงลืมไปว่า นพดลนี่เค้าทนายระดับเทพ ถ้าไม่แน่จริงนายกฯทักษิณคงไม่เรียกใช้บริการ เลยสามารถตอบได้ชัดเจนครบถ้วนกระบวนความ มีหลักฐานประกอบพร้อม ยกเว้นที่ส่อเสียดแถไปแถมาไม่รู้จะตอบยังไง

สั้นๆง่ายๆก็คือว่า ตั้งแต่สมัยขิงแก่มาแล้ว ที่เขมรขอขึ้นทะเบียนไป แต่เค้าขอทั้งตัวปราสาทกับที่ดิน กินแดนมาถึงฝั่งไทย ทางกระทรวงต่างประเทศเลยไม่ยอม เรื่องก็ค้างเติ่งคาราคาซังอยู่ รอหยิบยกขึ้นพิจารณาใหม่วันที่ 2 กรกฎา คราวนี้เราก็เลยต้องรีบเดินเรื่องให้ทันวันนั้น ไม่งั้นอาจจะเสียสิทธิ์ พวกบ้ามันก็เลยไปป่วนว่าพฤติการณ์ลุกลี้ลุกลนน่าสงสัย ให้มันได้ยังงั้นซีน่า

จริงอยู่ตอนแรกฝ่ายไทยเราคัดค้าน แต่เมื่อเขมรยอมรามือ เปลี่ยนมาขึ้นทะเบียนแค่ตัวปราสาทอย่างเดียว ไทยเราเลยยอมสนับสนุน ถึงมาออกแถลงการณ์ร่วมอย่างที่เห็น เอ้า..มันก็แหลไปอีกว่าทำไมเปลี่ยนท่าที น่าสังสัยว่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน เออ..ไปได้เรื่อยๆเหมือนกันเนาะ

มาถึงแถลงการณ์ร่วม มันบอกว่าถือเป็นสนธิสัญญา ต้องผ่านสภาก่อนถึงจะลงนามได้ แต่กรมสนธิสัญญาเขาก็ยืนยันอยู่โต้งๆว่ามันไม่ใช่ และที่บอกว่าถือเป็นการสละสิทธิ์ที่ขอสงวนไว้ คุณนพดลเขาก็อธิบายว่าไม่มีการระบุในแถลงการณ์ซักกะติ๊ดว่าสละสิทธิ์ แถมยังระบุไว้เผื่อเหนียวด้วยซ้ำในข้อ 5 ว่า การขึ้นทะเบียนครั้งนี้ ไม่มีผลกะทบต่อการปักปันเขตแดนของประเทศทั้งสอง

นอกจากนี้ อนุสัญญามรดกโลกก็ยังมีข้อกำหนดอยู่ว่า การขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่ตั้งอยู่บนดินแดนที่มีข้อพิพาท ไม่กระทบถึงอธิปไตยของประเทศคู่กรณี นี่..มีภูมิคุ้มกันอยู่ถึง 3 ชั้น มันไม่พูดกันซักกะแอะ เลือกพูดแต่ที่มันจะเป็นเรื่อง เดี๋ยวบ้านเมืองจะสงบเกินไปหรืออย่างไรไม่ทราบ

ตามข้อเท็จจริง ใครๆก็ยอมรับว่า คำตัดสินของศาลโลกนั้นไม่มีการอุทธรณ์ แต่ถ้ามีข้อโต้แย้งก็ขอรื้อฟื้นคดีได้ภายใน 10 ปี แต่นี่ผ่านมา 46 ปีมันค่อยมารื้อฟื้นกันเอง ดูมันโง่้มั้ย แล้วอีกอย่าง ถ้าเรามีหลักฐานใหม่เมื่อไหร่ก็ขอรื้อฟื้นได้โดยไม่ต้องทำคำขอสงวนสิทธิ์ไว้อยู่แล้ว แล้วทำไมยังจะเป็นจะตายกับหนังสือนั่น

เป็นไงล่ะ หาเรื่องให้เค้ามีโอกาสมาชี้แจงในสภา สุดท้ายแทนที่นพดลจะเป็นคนขายชาติ กลับกลายเป็นคนที่ไปต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยไปซะฉิบ

งานนี้ที่เป็นปัญหาจริงๆคือพื้นที่ทับซ้อนหน้าวิหารนั่นแหละ ใครกันแน่ที่ปล่อยให้คนเขมรเฮละโลกันมาเปิดแผงขายลูกชิ้นปิ้งกันเป็นล่ำเป็นสัน เห็นเค้าว่าทำกันมาตั้งแต่ปี43 รัฐบาลของใครเอ่ยปากแหลมๆผมตั้งๆ ท่านมะม่วงจะไม่ไปลากใส้ออกมาโชว์กันหน่อยหรืือ เห็นเก่งนักเก่งหนากับนายกฯทักษิณนี่

แหม..ตอนฟังมันอภิปรายนี่ก็เกือบเคลิ้มไปเหมือนกัน ยังคิดเลยว่า ถ้าพวกเวรปากปีจอนี่เกิดทัน เราคงไม่ต้องเสียเขาพระวิหาร หรือถึงจะเสียไปก็ต้องมีคนรับผิดชอบ อย่างหม่อมเสนีย์นี่ ต้องเจอตัดหัวเสียบหัวประจานเป็นคนแรก แล้วฝีมือปลุกระดมระดับนี้ มีหรือที่จอมพลสฤษดิ์จะพ้นเงื้อมมือ นี่พูดถึงว่าถ้าจอมพลผ้าขะม้าแดง ไม่รวบพวกมันไปกุดหัวซะก่อนนะ

สงสารก็แต่กองเชียร์พรรคโบราณ ที่ได้แต่นั่งจ๋อยเป็นลิงเมายา อุตส่าห์หลังขดหลังแข็งรอหมัดเด็ด ตามราคาคุยของเจ้ามะม่วงจำบ่ม สุดท้ายกลายเป็นตัดข่าวมาจากนสพ.ล้วนๆ เอามาใส่สีตีไข่แล้วเสิร์ฟกันร้อนๆ เลยโดนสวนซะหมดรูป ตกลงว่าจะต้องแพ้อีกกี่ครั้งถึงจะสาแก่ใจ ต้องใบบัวบกอีกกี่ปี๊บถึงจะหายช้ำใน ต้องแห้วอีกกี่เข่งถึงจะพอให้หายมัน

ว่าแต่เจ้ามะม่วงจำบ่มเหอะ เห็นว่าตอนนี้ดังเป็นพลุแตกอยู่ในกัมพูชา จนคนไทยในเขมรแทบจะจับไข้สั่นกันเป็นแถว

แล้วนี่ถ้าเกิดจับพลัดจับผลูได้เป็นนายกฯขึ้นมา จะไปมองหน้าชาวกัมพูชาเค้ายังไงกันละนี่

วโรทาห์: 25 มิ.ย. 51

No comments: