Thursday, July 17, 2008

ชัยชนะของอำมาตย์ บนเศษซากปรักหักพัง

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว ใครจะไปนึกว่าคนเราเวลาหน้ามืดขึ้นมา มันจะสิ้นคิดไปได้ถึงเพียงนี้ ศักดินามหาอำมาตย์ใหญ่ถึงกับฟาดงวงฟาดงา คว้าอะไรได้เอามาใช้เป็นอาวุธหมด ล่าสุดก็เปิดหน้าออกมาเดินสายท่อมๆ เรี่ยไรเงินจากพ่อค้าเอาไปประเคนให้พวกป่าเถื่อน เพื่อใช้กู้ชาติที่ยังไม่ได้ล่มจม

ก่อนหน้านี้ก็รณรงค์เรื่องคุณธรรมนำไทยอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งได้ผลออกมาเป็นที่น่าอัศจรรย์ ถึงวันนี้ที่นำไทยไปแล้วไม่ใช่มีแค่คุณธรรม แม้แต่ลาว เขมร เวียตนาม ก็นำไทยไปเรียบวุธ ขาดแต่เพียงเมียนม่าร์เท่านั้นที่ยังงุดๆ ไล่เบียดไล่แซงแข่งกันกับพี่ไทย ชนิดไหล่ชนไหล่ค่อนข้างที่จะสูสี

หันไปมองดูเพื่อนบ้านแล้วก็รู้สึกอิจฉา ขนาดว่าชาวเขมรที่เราเคยดูถูกดูแคลนเขาว่าป่าเถื่อน มาวันนี้ดูยังไงก็อารยะกว่าเราเยอะ เหลือเพียงแค่อารยะขัดขืนเท่านั้นจริงๆ ที่เรายังนำหน้าอยู่หลายช่วงตัว

อะไรมันจะวิปริตผิดเพศไปได้ถึงขนาดนั้น งานนี้เห็นทีว่า ถ้าไม่ได้เลือดคงจะเลิกยาก อยู่ดีๆปีก่อนไปลากอาบังออกมาปฏิวัติ ยังอุตส่าห์ยกให้ไม่ได้เอาเรื่อง นึกว่าพอหอมปากหอมคอก็น่าจะพอแล้ว ที่ไหนได้ จนป่านนี้มันยังไม่ยอมรามือ ขนาดว่าประชาชนไม่เล่นด้วย มันยังไม่สำเหนียก ถึงขั้นนี้ยังจะสู้ยิบตา มะงุมมะงาหลานึกอะไรไม่ออก บอกตาชั่ง

เจ้ากรรม! ตาชั่งบ้านเรามันก็เอวไวทายาท แ่ค่อำมาตย์ยักคิ้วให้ก็เด้งรับดึ๋งดั๋งๆ โยกตาชั่งกันใหญ่ใส่กันมันหยด ถ้าไม่วอดวายกันคาตาก็อย่าหมายว่าจะรู้สึก โกงกันเห็นๆ เล่นกันหน้าด้านๆ ไม่ได้อายฟ้าอายดิน ลงถ้ากล้าเล่นกันถึงขนาดนี้ยังไงอำมาตย์ก็ชนะ แต่ชนะแล้วเหลืออะไรนั่นมันอีกเรื่อง อยากจะดูน้ำหน้านัก ว่าจะฉลองชัยชนะกันบนซากปรักหักพังได้ ก็ให้มันรู้ไป

ขนาดเรื่องตาชั่งยังเอามาล้อเล่น ของสำคัญคู่บ้านคู่เมือง เป็นหน้าเป็นตา เป็นเครดิตของประเทศ ถ้าชาวโลกเขาไม่เชื่อถือก็เ้ลิกกัน สมัยก่อนฝรั่งมังค่ามาค้าขายต้องหิ้วตาชั่งมาเอง เพราะตาชั่งบ้านเรามันป่าเถื่อนไม่เป็นสากล ชาวโลกเขาเลยไม่ยอมใช้ด้วย

กว่าจะปรับปรุงกันจนได้มาตรฐานชั่งตวงวัดเหมือนชาวโลกเค้าก็แทบจะรากเลือด ขนาดนั้นยังต้องเสียดินแดนไปอีกหลายผืน เพื่อแลกเปลี่ยนให้เขายอมมาใช้ตาชั่งเรา เรียกว่ากว่าจะสำเร็จก็เลือดตาแทบกระเด็น วันดีคืนดีดันมาเข้าเกียร์ถอย เหยียบปื๊ดรูดป้าด พรวดเดียวถอยกลับไปเป็นร้อยๆปี ถ้าคิดว่้าทำอย่างนี้แล้วดีก็ทำไป ถ้าวอดวายเมื่อไหร่ก็อย่ามาว่ากัน

ประเทศชาติยามที่ใกล้จะล่มจม ไม่ว่าอะไรๆก็พร้อมใจกันอาเพศ ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด กลับตาลปัตรจนงงเต้ก แม้แต่พระยังหลงผิด กลัวว่าถ้าเป็นกลางแล้วประเทศชาติจะหายนะ เลยออกมายุยงชาวบ้านให้เลือกข้าง ถ้ามีเรื่องกันเมื่อไหร่ ก็นิมนต์ถลกจีวรออกมา ช่วยไล่ตะลุมบอนให้เละเทะกันไปข้าง จะได้เจ๊งๆกันไปให้มันสิ้นเรื่อง

นกพิราบสื่อสารก็กลายเป็นนกตะกรุมหัวเถิก ใช้ให้มันไปพากย์มวยแต่ดันไปเชียร์มวยอยู่เหย็งๆ เชียร์ไม่เชียร์เปล่ายังถือหางได้เสียกันเป็นกอบเป็นกำ พอฝ่ายของตัวเสียท่าก็ออกมาโวยวาย ด่าว่าเยาะเย้ยถากถางฝ่ายตรงข้าม อย่างเอาเป็นเอาตาย ชาวบ้านนั่งดูมันพากย์แล้วงงเป็นไ่ก่ตาแตก ว่าตกลงนี่มันจะพากย์มวยหรือจะขึ้นไปชกเอง

กองเชียร์นี่ก็ตัวแสบ ผิดถูกยังไงมันเชียร์ตะบันราด ขอเพียงให้กำจัดทักษิณได้ เรื่องเลวทรามต่ำช้ายังไงมันก็ว่าดี ชิบผายเท่าไหร่ค่อยไปโป๊วกันวันหลัง รอให้ถึงวันนั้นคงจะเหลือซากให้ซ่อมอยู่หรอกนะ

ปปช.วันนี้ก็เสียหมา ดันมาทำเงื้อง่าว่าจะโซ้ยลุงหมักเลยโดนแกแฉแหลกออกอากาศอยู่จ๋อยๆ หัวล้านหัวเถิกมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดไว้รูไหน เรื่องของเรื่อง ตอนที่อาบังเบ่งคลอดพวกมันออกมา ดันตีโง่ไว้เต็มเปา ความที่ไม่มีนมให้ลูกกิน เลยไปฝากไว้กับกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญเก่า ที่พวกมันเพิ่งฉีกทิ้งไปหมาดๆ

คนเรามันถึงคราวที่จะซวย ดันทะเล่อทะล่านึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ลืมดูไปว่าในนั้นระบุให้นับจากวันรับราชโองการ แล้วพวกกบฏมันมีราชโองการซะเมื่อไหร่ ผ่านไป 2 ปีเพิ่งจะมีคนมาอ่านเจอ คราวนี้เลยงานช้าง เงินเดือนที่กินกัน งานการที่ทำไป เป็นอันว่าเถื่อนยกล็อตมาตั้งแต่เริ่มต้น ทุกวันนี้ก็ยังดื้อด้านทำงานทั้งเถื่อนๆ หน้าตาว่าเถื่อนแล้ว แต่นิสัยยังเถื่อนกว่า

คงเห็นว่าบ้านเมืองร้างสงครามมานานนม จู่ๆจอมพลก็ขออนุญาติพลเอกไปขึ้นเวทีกุ๊ย ขนาดแค่ปลุกม็อบข้างถนน ยังแต่งองค์ทรงเครื่องล่อซะเต็มยศ แถมยังผัดหน้าทาแป้งจนเช้งกะเด๊ะ ขนาดว่าคุณหญิงคุณนายยังต้องอายม้วนต้วน พอขึ้นเวทีได้ก็ใส่เป็นชุดๆ ชักดิ้นชักงอจะเป็นจะตาย คร่ำครวญเสียใจว่าไทยต้องเสียดินแดนให้เขมร

โถ..อยู่มาจนจะแก่ตาย ถูลู่ถูกังอีก 2 เดือนเศษก็เกษียณแล้ว เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าต้องทวงเขาพระวิหารคืน..เอาหละเรื่องวัยเราไม่ว่ากัน ถ้ารักจะเอาจริงเอาจังก็ยังไม่สายจนเกินเพล แต่ถ้าให้ดีมันต้องไปที่ชายแดน มาเย้วๆที่สะพานมัฆวานแล้วใครเขาจะเอามาคืนให้

กำลังพลจากสงคราม 9 ทัพก็ยังอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งทัพช้างทัพม้าก็เสนอหน้าอยู่พร้อมสรรพ แค่สะกิดแป๊ะให้เป่านกหวีด ปรี๊ดเดียวก็ธรรมยาตราออกไปได้เป็นแสนเป็นล้าน ห้าวกันซะขนาดนั้น ถ้าทหารเขมรไม่หนาวก็ให้มันรู้ไป ยิ่งได้แม่ทัพหน้านวลมาบัญชาการ ทหารขะแมร์แค่เห็นหน้า ยังปวดฉี่จนอั้นไม่อยู่ก็แล้วกัน

ลูกไม้ตื้นๆเห็นแล้วน่าสมเพช แค่จะเอาชนะคะคานกันเลยถึงกับลงทุนก่อสงคราม ใครๆก็รู้อยู่เต็มอก ว่าในภาวะสงครามนั้นทหารเขาเป็นใหญ่ ตูมตามขึ้นมาเมื่อไหร่รับรองได้ว่าปฎิวัติชัวร์ จะคิดชั่วทำชั่วยังไงก็น้อยๆหน่อย จะคิดถ่อยทำถ่อยควรระวังให้จงดี พลาดท่าเสียทีขึ้นมาจะไม่มีแผ่นดินอยู่ แล้วจะมาว่ากันไม่ได้ว่าไม่เตือนกัน

ถึงยังไงก็แล้วแต่ งานนี้ต้องกดแต้มให้ลุงหมัก ถูกถล่มแทบตายชัก ยังมีแก่ใจกัดฟันทำงาน ทำไปร้องไห้ไปยังเข็นออกมาได้ตั้ง 6 มาตรการ ช่วยต่อลมหายใจออกไปได้อีกตั้ง 6 เดือน เพื่อรอวันแฮ็ปปี้ที่เมกะโปรเจ็คท์

ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติควายต้องไว้เขา พอเห็นว่าฉุดขาลุงหมักเอาไว้ไม่อยู่ ฝ่ายค้านก็ออกมามั่วนิ่ม ว่าที่รัฐบาลทำนั้น ฝ่ายค้านเค้าคิดก่อน ฟังดูแล้วคุ้นๆ เหมือนเด็กอนุบาลทะเลาะกัน

เอาเหอะจะคิดก่อนคิดหลังก็ว่าไป แต่คิดแล้วไม่ทำก็ไม่ต้องมาคุยโม้ ชาวบ้านไม่สนใจหรอกว่าใครจะต้นคิด สั้นๆง่ายๆใครเป็นคนทำก็เอาคะแนนไป แค่นั้นจบ

หลังจากนี้คงต้องมาดูกัน ว่าถึงเวลาจะตีรวนกันแค่ไหน ถ้าปล่อยผ่านง่ายๆก็ไม่ใช่ฝ่ายค้านชุดนี้ ขนาดยังไม่ทันเริ่มยังติโน่นตินี่ ไม่มีดีซักกะอย่าง ช่วยคนโน้นไม่ช่วยคนนี้ ช่วยคนนี้ไม่ช่วยคนนั้น สักแต่จะว่ากันไป แล้วมาตรการอะไรที่ออกไปแล้วมันได้กับทุกคนโดยถ้วนหน้า ก็ไม่ยอมออกมาบอกกัน นี่อะไร ยังไม่ทันไรก็ชักใบใ้ห้เรือเสีย พูดมาได้ว่า ถ้ามีรถเมล์ที่ไม่ต้องจ่ายตังค์...

ชาวบ้านแย่งของฟรี เดี๋ยวก็ตีกันตาย

วโรทาห์: 17 ก.ค. 51

2 comments:

Anonymous said...

Fact of life เชื่อเถอะคุณวโรทาห์
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า
จิ๋นซีใครว่าใหญ่ เจงกีสข่านใครว่าใหญ่
คาสโตร มาร์คอส เหมา และอื่นๆอีกมากมาย
ความดี และผลงานเท่านั้นที่อยู่ยั้ง ยืนยง

Anonymous said...

ดูลุงหมักบ่นวันนี้แล้ว..น่าเศร้ากับบ้านเมืองนี้จังเลย
ถอยหลังทั้งการเมืองและการศึกษา
...จะให้ประชาชนโง่ไปถึงไหนกันนะ