Friday, October 3, 2008

จากสมชายสุดปลายเท้า ถึงชูวิทย์จัดระเบียบสื่อ

ตั้งแต่อหิวาต์กินเมืองมาตั้งแต่ปี 47-48 จวบจนถึงทุกวันนี้ ผ่านไปหลายปีดีดักยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงแม้แต่น้อย ดูไปดูมาเหมือนไล่ตะครุบหนูในห้องมหาสมบัติ ที่เต็มไปด้วยเครื่องแก้วเจียระไน ประเมินค่าเหลือคณานับ จนแล้วจนรอด จนป่านนี้ยังจับหนูไม่ได้ แต่เครื่องแก้วอันล้ำค่าฉิบหายไม่เหลือหลอ

ชาวพาราหน้าใสในอดีตกลายมาเป็นขุ่นคลั่กในปัจจุบัน พลิกฐานะฉับพลันอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้า จากเศรษฐีใหม่ที่ใครๆก็ต้องทึ่ง กลับกลายเป็นขอทานคนเก่า ที่น่าทึ่งกว่า

หลังจากที่ระดมสร้างวิกฤติขนานใหญ่ เพียงเพื่อมุ่งหมายทำลายล้างทักษิณให้สิ้นซาก มาบัดนี้นอกจากล้างไม่ออกแล้ว วิกฤตินั้นยังกลับลุกลามบานปลายขายปลาช่อน กลายเป็นไฟลนก้น ส่งผลให้ทั้งหัวหงอกหัวดำยันไปจนหัวล้านหัวเถิก ต้องดาหน้าออกมาแหลกันยกใหญ่

ขนาด 24 อัลไซเมอร์ยังประสานเสียงโฮ่งๆ หาทางออกให้วิกฤติ โดยไม่สำเหนียกแม้แต่น้อยนิด ว่ากำลังหาทางเข้าให้หายนะ เสียดายข้าวปลาอาหารที่ยัดทะนานกันเข้าไปทั้งชีวิต เลี้ยงชีพจนเติบใหญ่เต็มวัยจวนจะเข้าโลง แก่จนเจียนอยู่เจียนตายยังคิดได้เพียงแค่นี้ คำพังเพยเขาถึงว่า แก่เพราะกินเหล้า เฒ่าเพราะกินอุจจาระ

มันต้องให้ได้อย่างนี้ซิน่า พอฝ่ายอำมาตย์เพลี่ยงพล้ำทีไร เป็นต้องประสานเสียงกันเซ็งแซ่ สร้างกระแสสมานฉันท์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่แก่จนเลอะเลือนก็น่าจะจำกันได้เป็นอย่างดี ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่อำมาตย์กำลังรุ่งๆ ยังส่งพระออกมาแหล ว่าความเป็นกลางคือความเป็นก้าง ด่ากราดไปทั่ว ว่าคนที่เป็นกลางคือคนทำลายชาติ

ไหงผ่านไปไม่ทันไร เจอลุงหมักยำใหญ่เข้าไปไม่กี่ดอก กลายเป็นร้องหาเตี่ยกันให้ลั่น พลิกลิ้นผล็อบแผล็บ หาคนกลางมาแก้วิกฤติชาติไปซะฉิบ

จะว่าไปแล้ว พวกมันก็ซวยเอง อุตส่าห์ลงทุนเผาบ้านเผาเมืองอย่างไม่เกรงใจประชาชน ด้วยเหตุผลประการเดียวคือต้องเอาทักษิณลงจากอำนาจให้ได้ พอเสร็จสมอารมณ์หมาย นึกว่าจะได้นอนตายตาหลับกันซะที ที่ไหนได้ ไล่แม้วไปได้ลุงหมักมา เล่นเอาแทบจะบ้าตาย

พลพรรคศักดินาถูกคนแก่พาซิ่งเย้ยฟ้าท้านรกจนเสียววูบไปถึงรูก้น ขาแข้งสั่นตุปัดตุเป๋แหกปากร้องลั่น พากันเจี๊ยวใหญ่ ยกมือไหว้ท่วมหัว สาธุเลยว่าถ้าเลือกได้ ให้กลับไปโซ้ยกับแม้วซะยังจะดีกว่า

งานนี้ยังไงๆ ก็ต้องให้เครดิตลุงหมักไปเต็มๆ เมื่อแกใช้เวลาเพียงแค่ 7 เดือน ก็กำหราบเอาเหล่าอำมาตย์ที่กำลังฮึกเหิม ลงไปนอนคลุกฝุ่นแก้ผ้าดิ้นพราดๆ ทำท่าว่าจะไปมิไปแหล่ นี่ถ้าไม่ได้พจนานุกรมมาเบรกเอาไว้ ป่านนี้ไม่แน่ ป๋าแก่ๆอาจจะลงไปนอนแถกเหงือก นับสิบไม่ฟื้นก็เป็นได้

เพราะเหตุนี้ พอน้าสมชายมารับเซ้งต่อในตำแหน่งนายกฯ เสียงร้องเย้ร้องยี้เลยไม่มีให้เห็น เพราะถ้าขืนเรื่องมากอีก จะเจออะไรต่อไปก็ยังไม่รู้ จะดีจะชั่วยังไง น้าสมชายแกก็ไม่ใช่ขาซิ่ง แต่เพื่อความไม่ประมาท ป๋ายังกวักมือไหวๆ เรียกสมชายให้รีบมาพบป๋าหน่อย มามะมามา ป๋าจะเป่ากระหม่อมให้ จะได้อายุมั่นขวัญดี ยืนระยะในตำแหน่งนายกฯ ได้อีกนานน้านนาน

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พอสมชายมา ป๋าก็ดีใจแทบจะตายชัก ลูบหลังลูบไหล่แล้วกระซิบข้างหูว่า รักนะตัวเอง ป๋านั้นมันแก่จนปูนนี้แล้ว ให้เจอกำยำล่ำปึ้กอย่างหมักพลังม้า ป๋าก็ไม่ไหว แต่ถ้าไซส์เล็กจุ๋มจิ๋มลงมาหน่อย อย่างสมชายนี่สบายมาก ต่อให้เรียงคิวเข้ามาป๋าก็บ่ยั่น รับได้พร้อมกันทีละหลายๆคน

ทำเป็นเล่นไป มันเวิร์คอย่างไม่น่าเชื่อ กระแสสมชายฟีเวอร์ฮ็อตฮิต ยิ่งกว่าเต๋า-สมชายสุดปลายเท้าซะอีก อะไรไม่อะไร ถึงขนาดว่ามีแฟนคลับสมชายก็แล้วกัน คนใต้ด้วยกัน หน้าบานเป็นจานเชิง ใครต่อใครจะโกรธเกลียดคนใต้แค่ไหน ยังต้องยับยั้งชั่งใจเพื่อไว้ไมตรี พูดง่ายๆว่า จะด่าคนใต้ ก็เกรงใจคนคอน(สีทำหมะร๊าด)

ตั้งแต่ได้สมชายมา พันธมิตรก็ดวงตกทะรูดทะราด จะหยิบจะจับอะไรมันให้ผิดฝาผิดตัวไปหมด ขนาดส่งคนไปตามด่านายกฯ ตามปกติวิสัยสันดันเดิม ยังถูกชาวบ้านรุมด่าจนหูตูบ ขนาดว่าลุงลองยังต้องกระโจนหนีเป็นพัลวัน ปากคอสั่นว่ามันไม่เกี่ยว เป็นเรื่องเฉพาะตัวมันพากันใส่เกือกไปด่าเอง

เลยมีคนคิดแก้ลำว่า ถ้ามีมาด่าอีกต้องเอาอะไรเจ็บๆให้มันสวาปามซะหน่อย อย่างที่พารากอนนั่นก็ใช้ได้ ด่าไปเพลินๆเจอน้ำสาดเข้าถึงกับหุบปาก คราวหน้าก็ต้องใช้ตำรานี้ แต่ปรับสูตรนิดหน่อย หันมาใช้น้ำร้อนแทน สาดเข้าไปที่ปาก เอาให้กินน้ำพริกไม่ได้ไปทั้งชาติ ลองดูซิว่าถ้าคนของมันเจ็บ จะออกมาเต้นแร้งเต้นกากันแค่ไหน

นี่พวกสื่อก็กำลังเสี้ยมกันใหญ่ ยกน้าสมชายขึ้นมาขี่ลุงหมัก พยายามทำให้เห็นว่า พอลุงหมักออกไป ทุกอย่างก็ดีขึ้นทันตาเห็น มาถึงขั้นนี้แล้ว ลุงหมักคงต้องเล่นบทพี่ผู้มีแต่ให้ ทำดีต่อไปแม้ว่าทำไปแล้วจะไม่ได้ดี ถึงผีไม่เห็น แต่เทวดาเห็น ก็แล้วกัน

หันมาดู "ศึกจัดระเบียบสื่อ" จัดโดยเสี่ยชูขุนศอกสะท้านโลกันตร์ ลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เองชกเองเสร็จสรรพ คู่เอกระหว่างฝ่ายแดงชูวิทย์ ศิษย์อาบนวด พบกับฝ่ายดำวิศาล ศิษย์โป๊งเหน่ง นับเป็นมวยถูกคู่สูสีดู๋ดี๋อย่าบอกใคร ฝ่ายหนึ่งเท้าดี อีกฝ่ายปากดี เลยต้องมีนัดล้างตา ว่าเมื่อปากชามเปลมาเจอกับเท้าเบอร์42 ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ใครจะบรรลัยก่อนกัน

เริ่มการชกขึ้นมา เป็นฝ่ายแดงที่ไม่ฟังอีร้าจะฆ่าอีรม ส่งขวาตรงไปทักทายที่กกหูซ้ายก่อน แล้วเข้าประชิดตัวสับศอกสั้นโช๊ะเข้าให้ที่ปลายคาง ได้ผลเกินคาด ฝ่ายดำร่วงลงไปกองกับพื้น ราวกับอีแร้งปีกหักยังไม่ปาน ไม่ปล่อยนาทีทองให้ผ่านไปง่ายๆ ชูวิทย์สืบเท้าเข้าหาแล้วเผดียงแข้งเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง ตุ้บตั้บๆ อย่างกับทุบวัวทุบควาย

ก่อนกรรมการจับแยก ฝ่ายแดงยังฝากรอยเท้าเอาไว้บนใบหน้าอีกปื้นใหญ่ นวดและคลึงขยี้ๆจนเข้าเนื้อ กะว่าให้จดจำไปจนวันตาย

ไฟต์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์ว่า การแกว่งปากหาเท้านั้นมันไม่ดีแน่ ถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าทำเป็นดีที่สุด โดยเฉพาะไอ้เตี้ย ไอ้คิ้วหนา กับไอ้อ้วน 2 ตัว ที่จ่อคิวขึ้นชกในไฟต์ต่อไป ต้องสำเหนียกกันให้เยอะๆี เพราะเสี่ยชูแกนำร่องเอาไว้แล้ว ถ้ายั้งปากไม่อยู่จริงๆ ก็ต้องฟิตซ้อมเตรียมตัวรับแรงกระแทกไว้ให้ดี เกิดพลาดท่าพลาดทางขึ้นมา อย่างน้อยยังได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

แทนที่จะตำหนิเสี่ยชูว่าทำเกินไป ชาวบ้านกลับเข้าอกเข้าใจ ว่าซูเนโอะมันปากหมาเกินพิกัด แต่มีหรือที่ท้าววิศาลผู้หยั่งรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองจะโดนตื้บ จะสะทกสะท้าน ขณะที่บาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน ยังให้สัมภาษณ์อยู่จ๋อยๆ ต่อคำถามถึงความรู้สึก ที่มีโอกาสได้ใช้บริการนวดหน้าด้วยฝ่าเท้าของเสี่ยชู ท่านท้าวทำทีครุ่นคิดอยู่อึดใหญ่ ก่อนที่จะชี้เปรี้ยงตามสไตล์ว่า...

รสชาตินั้น..ถือว่าใช้ได้เลย เสียที่กลิ่น..ยังต้องปรับปรุงกันอีกเยอะ

วโรทาห์: 3 ต.ค. 51

3 comments:

Anonymous said...

คิดถึงครับ ตามมาจากพันทิป

Anonymous said...

ยังเขียนได้สะใจเหมือนเดิม ติดตามอ่านตลอด อ่านแล้วโดนใจมากๆๆๆๆ

Anonymous said...

สุดๆ ไปเลยค่ะ ชอบมากกกกกกกกกกกก