Thursday, December 13, 2007

เฮ... ปชป. ออกอาการแล้ว เย้ๆๆๆ...

ออกอาการครับ ภาษามวยเค้าเรียกว่าออกอาการ หลังจากถูกมวยเชิงสูงอย่างป๋าหมัก นอมินียิม ดักจังหวะสอง แทงเข่า สลับเตะตัดขาเจาะยาง จนก้นเตี้ยไปหลายครั้ง แต่มาร์ค ศิษย์ป้าชวน ยังอึด ทำเป็นเต้นหย็องแหย็งๆ ฝืนยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับยักคิ้ว ส่งสัญญาณว่า สบมยห.

แต่ล่าสุด มาร์คเก็บอาการไม่อยู่แล้วครับท่านผู้ชม ทำหน้าเหยเกยืนพิงเชือกอยู่ที่มุม ก้าวขาไม่ออกแล้วครับ

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางสู้มวยครบเครื่อง อย่างป๋าหมักได้แน่ ก็หันใช้มารยาร้องไห้โฮ ตะโกนฟ้องแม่ เอ๊ยกรรมการ ให้ยุบค่ายนอมินียิมซะแล้ว ฐานปล่อยให้ป๋าหมัก มาเที่ยวเกเร ใช้เท้าผลักหน้าคู่ต่อสู้บนเวทีอยู่ได้

แถมหัวหน้าค่ายนอมินียิมที่ลอนดอน ยังกระแอมซะดัง มาร์ค โตะใจโหมะเลย...

ฝ่ายกรรมการให้คะแนนข้างเวที อดีตมวยไทยหญิงยุคบุกเบิก ที่ผันตัวเองมาเป็นกรรมการ เห็ดสด ศิษย์คมช. ก็เด้งรับฉับไว โดดขึ้นเวทีได้ก็ชกซ้ายป่ายขวาอุตลุด ด้วยความลืมตัว คิดว่าตัวเองเป็นนักมวยซะเอง

พี่เลี้ยงป๋าหมัก ต้องรีบส่งสัญญาณให้ถอย คุมรูปมวยไว้รอระฆังหมดยกอย่างเดียว ไม่ต้องเข้าแลก เพราะคะแนนนำขาดอยู่แล้ว

เรียกว่ามวยรู้ทางกัน ป๋าหมักไม่ยอมหลงกลคู่ต่อสู้ง่ายๆ เพราะหากชกสวนไปโดนเป้า ที่คู่ต่อสู้ส่ายล่ออยู่ตลอดเวลา ก็เข้าทางกรรมการที่เตรียมจับแพ้ฟาวล์อยู่แล้ว

ป๋าหมักรู้แกวจึงเต้นฟุตเวิร์ค ตีกรรเชียงถอยหลังวนไปรอบๆเวที ไม่สุ่มสี่สุ่มห้า กะหาจังหวะสอยปลายคางให้ร่วงในหมัดเดียว เพื่อป้องกันการปล้นชัยชนะ

จากเวทีมวย เราตัดกลับมาที่พรรคประชาธิปัตย์เพื่อแผ่นดินชาติไทย หรือที่เรียกกันย่อๆว่าปชป.ซึ่งกำลังเมาหมัดหน้ามืดไม่แพ้นักมวยที่ชกอยู่บนเวที ขณะนี้หล่อใหญ่ มาร์ค ม.7 ก็กำลังหันรีหันขวาง ไปไม่เป็นอยู่เหมือนกัน ล่าสุดถึงขนาดต้องขายตัวเอ๊ยรูปลักษณ์แลกเสียงกันแล้วครับ

ความจริง รูปการณ์มันทำท่าไม่ดีมาตั้งแต่ต้นแล้วหละ วันนั้นพอจับฉลากหมายเลขพรรคได้ พลพรรคก็ตรงดิ่งไปเวทีปราศัยใหญ่ตามธรรมเนียมของพรรคเก๋ากึ้ก คือต้องเอาฤกษ์เอาชัย ตัดไม้ข่มนามไว้ก่อน ด้วยการจัดปราศัยใหญ่ ที่วงเวียนใหญ่ เรียกว่าเปิดฉากมาอย่างยิ่งใหญ่ว่างั้นเหอะ

แต่วันนี้ไม่เหมือนวันนั้นแล้ว พอขึ้นเวที เห็นคนมาฟังกะหร็อมกะแหร็ม ยังกะมาดูละครลิงแล้ว มาร์คก็แทบจะลมใส่ ต้องให้สื่อช่วยแก้เกี้ยวว่าเป็นปราศัยย่อย คนมาฟังล้นหลามตั้ง 700

แต่ขาเม้าท์ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ บอกว่าปราศัยย่อยของพปช. คนฟังยังเยอะกว่านี้หลายเท่า นี่ขนาดว่าสื่อนับซ้ำแล้วซ้ำอีก ใครผ่านไปผ่านมาเป็นนับหมด หมาแมวยังงง ว่ามันนับตูเข้าไปด้วยทำไมวะเนี่ย ขนาดนั้นยังนับได้ไม่ถึง แต่ปัดเศษให้เป็น 700

ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ปชป.ถึงกับเข็ดเขี้ยวไม่เคยปราศัยใหญ่อีกเลย แต่ใช้วิธีหลีกเลี่ยงมาเป็นปราศัยย่อย ขนาดนั้นยังเอาตัวไม่รอดเลย ลงทุนจัดที่จัดทางวางเก้าอี้ให้ เสร็จสรรพหลายร้อยตัว กะว่าไม่พอยังมีเสริม

ที่ไหนได้มานั่งฟังกัน 30 คนบวกลบนิดหน่อย เรียกว่าเอาคนที่นั่งบนเวทีลงมานั่งแทนซะยังจะเยอะกว่าอีก งานนั้นเลยหน้าแหกเป็นริ้วปลาแห้งไปอีกตามระเบียบ จากปราศัยย่อยขาเม้าท์แซวว่าเป็นปราศัยย่อยยับ

เข็ดขี้อ่อนขี้แก่กันไป ไม่เอาแล้วปราศงปราศัย ต้องอาศัยว่าด้านได้อายอดแล้วละวะ เมื่อชาวบ้านไม่ยอมมาฟัง ก็ต้องเข้าประชิดตัว ออกเดินขอเสียงตามตลาดมันดื้อๆนี่แหละ ให้หอมแก้มก็ยอม ถ้ายังไม่ดูดำดูดีกันอีกก็ให้มันรู้ไป

คิดแล้วมันก็น่าให้น้อยใจอยู่เหมือนกันแหละ ทำไม๊ชาวบ้านถึงได้ใจจืดใจดำกะมาร์คกันนักก็ไม่รู้ ทีกะป๋าหมักละโอ๋กันเข้าไป ขนาดว่าหล่อก็ไม่หล่อ แถมยังปากร้ายอีกต่างหาก ยังรักกันนักรักกันหนา

ไปฟังปราศัยที จะใหญ่จะย่อยก็แห่กันไปมืดฟ้ามัวดิน ทุกครั้งต้องมีหมื่นขึ้น สื่อเลยต้องเหมารวม 10 หัวนับเป็นหัวเดียว หมาแมวไม่เกี่ยว

ดั้นด้นกันมา เค้ากักรถก็ลงเดินเอา เค้ากั้นถนนก็ลุยลงน้ำ เค้าไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง ก็ยั้งอุตส่าห์หอบเสื่อพะรุงพะรังมาจากบ้าน ไปปูรอกันแต่หัววัน เออ... ดูทำกันไปได้ อะไรจะให้ท่ากันซะขนาดนั้น หาความเป็นกลางไม่มีอ้ะ ใจคอจะแบ่งมาฟังมาร์คมั่ง ซักสี่ซ้าห้าร้อยคนก็ยังไม่มี

คนเรายามตกอับ หมาแมวมันยังไม่เกรงใจ แค่เห็นชัดว่าปชป.ออกอาการเป๋เท่านั้นแหละ เห็บหมัดโดดหนีกันจ้าละหวั่น ขนาดหลงจู๊ห้าสั้นว่าซี้แหงย่ำปึ้ก ถึงขั้นด่าเตี่ยกันเล่นได้ ยังโกยอ้าว หนีหัวซุกหัวซุน ยังกับหลบระเบิด

คนมันจะซวย... ไม่รู้พี่เตี้ยแกไปผิดคิวท่าไหน ถึงได้โดดลงสะพานไม้ผุๆ หักโครมลงไปทั้งไม้ทั้งคน ลอยคอตุ๊บป่องๆในน้ำครำดำปี๋ หยั่งก๊ะลูกหมาตกน้ำ

อะไรไม่ว่า น้องแบมเดินหาเสียงอยู่ดีๆ ต้องมาพลอยซวย ตกน้ำป๋อมแป๋มไปด้วย อายจนแทบเอาหน้ามุดดิน แอบบ่นกะปอดกะแปดอยู่ในใจ... อั้ยอ่า ซวยอิ๊บอ๋าย เค้าเดินกันมากี่ปีกี่ชาติไม่เห็นเป็นอะไร มันมาแค่ครั้งแรกก็ล่อซะทรุด...

เมื่อหล่อใหญ่บ้อท่า บ่อเถ่าโหล่ว หล่อชราก็จำต้องออกศึก ลงทุนควบอีแก่ปุเลงๆออกขอเสียงชาวบ้าน อย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว เมื่อหลายสิบปีก่อน

เจ้ากรรม... ขาเม้าท์ก็ยังตามจิกไม่เลิก ออกลูกถากถางว่า จาไปทำไม๊ทางใต้น่ะ ไหนว่าเสียงแข็งโป๊ก ขนาดว่าเอาเสาไฟฟ้าลงยังเลือกไง ทำไมไม่ไปทางอีสานล่ะ ฐานเสียงอ่อนปวกเปียก เป็นมะเขือเผาอยู่ไม่ใช่เร๊อะ

แต่ถ้าจะให้ได้ชื่อว่าแน่จริงอ้ะนะ ต้องโน่นเลย บุรีรัมย์ เหยียบจมูกเจ้าห้อยให้ถึงถิ่นเล้ย เห็นชาวบ้านเขาถามหาอยู่เหมือนกันน่ะ จะมาเมื่อไหร่ขอให้บอก แค่แจ้งล่วงหน้า 1 ชั่วโมงพอ ไม่ต้องเตรียมอะไรมาทั้งสิ้น นอกจากปากอย่างเดียว ที่เหลือไว้ให้เป็นธุระทางนี้...

จะจัดยำใหญ่ใส่ไม้หน้าสามไว้คอยท่า เอาให้ม่วนซื่นโฮแซว ชนิดลืมไม่ลงไปจนวันตายเลยเชียว ว่างั้น... ฮา... เอิ๊กๆๆๆๆๆ

วโรทาห์: 11 ธ.ค. 2550

No comments: