Thursday, April 16, 2009

มาถึงขั้นนี้แล้ว การสงบนิ่ง คือสุดยอดกลยุทธ

คำโบราณกล่าวไว้ว่า ศัตรูตายร้อยยังน้อยไป พี่น้องเราตายหนึ่งก็มากเกิน แต่นี่บาดเจ็บล้มตายเป็นใบไม้ร่วง ด้วยอาวุธสงครามในมือของสมุนทรราช ภายใต้เผด็จการทหาร ที่แฝงมาในคราบรัฐบาลพลเรือน เป็นใครจะไม่เจ็บแค้น จนอยากจับเจ้าคนหน้าเนื้อใจเสือ เอามาแล่เนื้อแล้วสับให้เป็นชิ้นๆ

แต่ ในเมื่อการศึกยังต้องดำเนินต่อไป ความเจ็บแค้นในใจ จึงต้องกล้ำกลืนฝืนทนให้ถึงที่สุด ไม่ว่ายังไง ต้องรักษาชีวิตไว้ในวันนี้ เพื่อลุกขึ้นสู้ต่อไปในวันหน้า อย่าให้ความตายของพี่น้องเรา ต้องกลายเป็นความสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง

เมื่อการศึกเพลี่ยงพล้ำก็ต้อง ยอมรับว่าเพลี่ยงพล้ำ ไม่ดึงดันที่จะรุกรบต่อไป ในสภาพที่บอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ จริงอยู่ว่า เมื่อยามรุก เรารบอย่างห้าวหาญ แต่เมื่อถึงยามล่าถอย ก็ต้องไม่ลังเล ที่จะเร้นกายหายลับโดยไร้ร่องรอย เหตุเพราะกลยุทธที่ดีที่สุดในยามนี้คือความนิ่ง

ต้องนิ่งอย่างไม่น่า เชื่อ นิ่งจนน่าแปลกใจ ประหนึ่งไร้ตัวตนอยู่ในโลกนี้ นิ่งจนศัตรูไม่อาจคาดเดา เพื่อออกแบบยุทธการโจมตีซ้ำเติมที่เหมาะสมได้ ดังนั้น แม้บาดเจ็บเจียนตายยังต้องกลืนเลือดไว้ เพื่อไม่ให้ศัตรูประเมินได้ว่าเราบอบช้ำเพียงใด ต้องอดทนต่อการยั่วยุในทุกรูปแบบ ไม่ประนามไม่ตอบโต้ ยิ่งไม่สมควรร้องขอความสงสารเห็นใจจากศัตรูโดยเด็ดขาด

การแสดงออก ซึ่งความคั่งแค้น ไม่ได้สร้างความครั่นคร้ามให้แก่ศัตรู ตรงกันข้าม กลับเพิ่มความฮึกเหิมให้แก่พวกมัน การกล่าวโทษกันเอง นอกจากเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้แล้ว ยังกลับทำลายความเป็นปึกแผ่นของฝ่ายตนโดยใช่เหตุ

หากทำใจไม่ได้ ให้ถอนตัวออกจากสภาวะยุ่งเหยิงนี้ไปชั่วคราว หยุดรับข่าวสารใดๆโดยสิ้นเชิง แล้วเบี่ยงเบนความสนใจไปหากิจกรรมอื่น เพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อแน่ใจว่าสงบนิ่งเพียงพอแล้ว จึงหันกลับมาทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านไป หากทำใจให้เป็นสมาธิพอ คำตอบจะพรั่งพรูออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ไม่ต้องกังวลใจกับการโฆษณาชวน เชื่ออย่างหนักหน่วงของสมุนอำมาตย์ เพราะผลของมัน ไม่ได้ยั่งยืนอย่างที่คิด ใจคนเปลี่ยนง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ วันนี้เชื่อฝ่ายนั้น แต่วันหน้าก็สามารถหันกลับมาเชื่อฝ่ายนี้ได้ เมื่อความจริงปรากฎ

"ความจริง" ไม่ต้องการคำอธิบาย เมื่ออำมาตย์พยายามเปลี่ยนความเท็จให้เป็นความจริง ด้วยการโหมประโคมคำอธิบายอย่างหนัก กลับก่อให้เกิดคำถามตามมาไม่รู้จักจบสิ้น เพราะไม่ว่าจะปิดบังยังไง ธรรมชาติก็จะคอยเปิดโปงความจริงอยู่เสมอ จึงอาจกล่าวได้ว่า ข้าศึกตัวฉกาจที่อำมาตย์กำลังเผชิญอยู่อย่างสิ้นหวัง ก็คือธรรมะ หรือธรรมชาติที่กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเที่ยงธรรมนั่นเอง

ยิ่ง ฝุ่นควันจางลงเท่าไหร่ ความจริงก็ยิ่งปรากฎแจ่มชัดขึ้นเท่านั้น การโหมสื่อประชาสัมพันธ์อย่างหนัก จึงมีค่าเพียงยาแก้ปวด ที่ไปกดทับประสาทการรับรู้ของประชาชนไว้ชั่วขณะ แต่ไม่นาน ฤทธิ์ยาจะหมดไป และเมื่อนั้นประชาชนจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ที่ซึ่งความจริงอันแสนเจ็บปวดจะปรากฎขึ้น และจะดำรงอยู่ตลอดกาล

การ ตอบโต้ในเวลานี้ รังแต่จะสร้างความสับสนให้แก่ประชาชน โดยไม่จำเป็น จึงควรปล่อยให้พวกมันโกหกซะให้พอ แต่คอยให้ข้อมูลเท่าที่จะให้ได้ แล้วปล่อยให้ความจริงอธิบายตัวมันเอง เมื่ออีกฝ่ายไม่มีการตอบโต้ จะกลายเป็นการยัดเยียดข่าวสารด้านเดียว วิญญูชนจะรู้สึกอึดอัด และพยายามแสวงหาความจริงอีกด้าน เพื่อประกอบการพิจารณา

เมื่อนั้น จึงเป็นโอกาสที่จะแถลงความจริงอีกด้านให้ปรากฎ แล้วประชาชนจะเชื่อโดยสนิทใจ และไม่ให้คนโป้ปดได้มีโอกาสแก้ตัวอีกเลย

ประชาธิปไตย ไม่เคยได้จากการร้องขอ มีแต่ต้องต่อสู้จึงจะได้มา ขอเพียงมีจิตใจที่มุ่งมั่น หนทางยังเปิดกว้างเสมอ ก้าวพลาดในครั้งนี้ เพียงแค่ทำให้การต่อสู้สะดุดไปชั่วขณะ แต่ไม่ได้ตัดโอกาสที่จะกลับมาสู้ต่อ เหตุเพราะรากหญ้าไม่มีวันตาย ต่อให้ถูกเผาผลาญด้วยกองเพลิง หรือแม้แต่ขุดรากถอนโคนจนสิ้นซาก แต่รากหญ้าก็ยังคงอยู่

รอเพียงสายฝนห่าแรกของฤดูกาล ก็จะแตกหน่อผลิใบ จนเขียวพรึ่บพร้อมกัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ

ความ พ่ายแพ้เป็นก้าวแรกของชัยชนะ บทเรียนครั้งนี้จะสอนให้เราแกร่งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า การต่อสู้กับอำมาตย์นั้นไม่มีรูปแบบที่แน่นอน ต้องรบทั้งบนดินใต้ดินประสานเป็นหนึ่ง กติกาการรบบนดินเป็นของอำมาตย์ ถ้าเข้าห้ำหั่นประจัญบาน โอกาสชนะจึงแทบจะเหลือศูนย์ แต่ใต้ดินนั้นต่างออกไป เพราะอยู่บนกติกาเดียวกันคือ..ไม่มีกติกา

ประชาชน ไม่มีทางพ่ายแพ้ เมื่อล้มแล้วจะลุกขึ้นมาใหม่ทุกครั้ง จนกว่าจะได้รับชัยชนะในบั้นปลาย ผิดกับอำมาตย์ ที่มีโอกาสเพียงครั้งเดียว เมื่อล้มแล้วจะไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกเลย ดังนั้นการตีโต้ของอำมาตย์จึงหนักหน่วง รุนแรง ไร้ความปราณี เหมือนสุนัขจนตรอก ที่ทางเลือกถูกบีบแคบ จนเหลือเพียงแค่ 2 ทางคือ สู้..หรือ..ตาย

เมื่อรากหญ้ารู้แล้วว่าสู้กับใคร จึงสามารถออกแบบยุทธวิธีที่เหมาะสมได้ ต้องแทนที่องค์กรใหญ่มหึมาที่เต็มไปด้วยหนอนบ่อนไส้ ด้วยองค์กรเล็กๆที่สามารถควบคุมได้จำนวนมากมายมหาศาล เกาะเกี่ยวประสานกันเป็นเครือข่ายที่ไร้หัวไร้หาง แล้วขยายเครือข่ายไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น จนสุกงอมเต็มที่ จึงลุกฮือขึ้นพร้อมกัน เมื่อถึงเวลานั้น...

อำมาตย์จะไม่มีโอกาสได้แก้มืออีกเลย

วโรทาห์: 16 เม.ย.52

1 comment:

Anonymous said...

pls go to hell