รับสารภาพออกมาแล้วอีกหนึ่ง สำหรับองคมนตรีเสื้อเหลือง ที่ยังวับๆแวมๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือบางทีอาจจะยังไม่มีโอกาสแสดงตัว ก็เป็นได้ เพียงแต่ว่ารายล่าสุดนี้ ออกจะโฉ่งฉ่างไปไม่หน่อย ที่อยู่ดีๆก็ผีเข้า ใส่เอาใส่เอาไม่ลืมหูลืมตา ทั้งๆที่บนเวทีเสื้อแดงเขาอุตส่าห์ยกย่องอยู่แหม็บๆ ว่าเป็นองคมนตรี ที่วางตัวดีเป็นที่หนึ่ง
แต่ที่ไหนได้ สติแตกเป็นที่หนึ่งละไม่ว่า ฟาดงวงฟาดงาออกงิ้วเป็นการใหญ่ ย้อนยุคไปไกล ถึงขนาดงัดเอาเรื่องทำบุญวัดพระแก้วขึ้นมาปัดฝุ่น ใส่ร้ายป้ายสีทักษิณว่าหมิ่นสถาบันฯ ชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ถึงกับมึนงงเป็นไก่ตาแตก ถามไถ่กันให้แซ่ด ว่านี่ใครไปเหยียบหางมัน
เข้า ทางสื่อเสี้ยมไปเต็มๆ ลูกเสิร์ฟงามๆอย่างนี้มีหรือจะยอมพลาด วันรุ่งขึ้นเราจึงได้เห็น นสพ.พร้อมใจกันพาดหัวตัวเป้ง ล้มสถาบัน..ล้มสถาบัน..ล้มสถาบัน..และ..ล้มสถาบัน สนุกสนานบานฉ่ำราวกับนัดกันเอาไว้ หรือไม่ก็มีใครคอยตีธง
ในขณะที่ นสพ.เละ ตุ้ม เป๊ะ ของเจ้าหัวล้าน มันจั่วหัวว่า "องคมนตรีซัดแม้ว..ล้มสถาบัน" เดลิเน่าส์ก็เด้งรับเข้าจังหวะโจ๊ะพรึมๆว่า "พิจิตรแฉแผนทักษิณ..ล้มสถาบัน" เสี้ยมกันเข้าไป ไม่ต้องมีแล้วจรรยาบรรณ ยิ่งพอพลิกหน้าใน เพื่อหาว่ามันล้มสถาบันตรงไหน หาแทบตาย มาเจออยู่นิดเดียวว่า...
"ต่อคำถามที่ว่า ทักษิณสู้ครั้งนี้ ถือว่าจ้องล้มสถาบันหรือไม่ พล.อ.พิจิตรตอบว่า แน่นอน..." จบข่าว..ตกลงว่านี่มันองคมนตรีซัดแม้ว หรือว่าสื่อซัดแม้วกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือชงกันเองเสี้ยมกันเอง มันอย่าบอกใคร
ขนาดว่าหน้า สิ่วหน้าขวาน ยังกล้าแลกกล้าชนกันถึงขนาดนี้ ต้องถือว่าชั่วได้มาตรฐาน คงเส้นคงวาซะไม่มี นี่ถ้าย้อนยุคไปถึงปี 2519 พาดหัวอย่างนี้ มีหวังงานเข้ากันเป็นแถว ทักษิณคงถูกจับแขวนคอใต้ต้นมะขามสนามหลวง แล้วฟาดศพจนเละเทะ เป็นนักศึกษา 6 ตุลาไปแล้ว
แต่ขอโทษที นี่มันปี 2552 ประชาชนผ่านร้อนผ่านหนาว ได้รับบทเรียนจากคนมันชั่วจนถึงกึ๋นกันแล้ว ต่อให้ลงทุนใส่ไฟกันขนาดไหน ก็ไม่ได้ระคายผิวแม้แต่น้อย แขกไปไทยมา เห็นนสพ.วางหรา ยังรู้สึกเฉยๆ ทั้งๆที่พาดหัวมีงานซะขนาดนั้น อุ..แม่จ้าว นี่คนไทยเป็นอะไรกันไปหมดแล้ว
ไม่รู้ว่า ชาวบ้านไม่เชื่อฟังหนังสือพิมพ์อีกต่อไป หรือว่าสูญเสียจิตสำนึกปกป้องสถาบันกันไปแล้ว ถ้าเป็นอย่างแรกก็ถือว่าเป็นข่าวดี แต่ถ้าเป็นอย่างหลัง ก็ไม่รู้ว่า อ้ายอีหน้าไหนจะแอ่นอกออกมารับผิดชอบ
องคมนตรีแสดงตัวให้เห็นกันจะๆอย่างนี้ มันก็ดีไปอย่าง จะได้ปิดประตูตีแมวกันไปเลย ไม่ต้องมาจีบปากจีบคอ เถียงหัวชนฝาว่าไม่เกี่ยว ในเมื่อองคมนตรีอยู่ดีๆมารับหน้าเสื่อเป็นตุลาการซะเองอย่างนี้ จะได้รู้เช่นเห็นชาติกันไป ประชาชนจะได้ตัดสินใจถูก ว่าจะเก็บใครไว้ จะเอาใครลงโลง
ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับ แต่ถ้ายอมรับว่าไม่ใช่ลูกผู้ชาย ก็ไม่ว่ากัน เพียงแต่ว่า อย่ามาอ้างสถาบันเป็นอันขาด อย่ามาผูกขาดปกป้องสถาบัน แล้วแอบเนียนลากเอาสถาบันมาปกป้องตัวเอง คนที่จะรักษาสถาบันคือประชาชน..ไม่ใช่อำมาตย์ ตรงกันช้าม คนที่จะทำลายสถาบันก็คืออำมาตย์..ไม่ใช่ประชาชน
ถ้าการทำร้ายคนอย่างเลือดเย็นที่สุด คือไม่ติเตียนเมื่อทำผิด การกล่าวสรรเสริญเมื่อทำชั่ว กลับทำร้ายคนยิ่งกว่า เป็นเพราะบรรดาลูกๆทั้งหลาย ที่ทำร้ายป๋าอย่างเลือดเย็น จึงทำให้มีวันนี้ แต่ไหนแต่ไรมา ไม่มีใครกล้าตำหนิป๋าเมื่อป๋าทำผิด ตรงกันข้าม กลับเชียร์กันตะบันราด ไม่ว่าป๋าจะก่อกรรมทำเลว ชั่วชาติยังไงก็แล้วแต่
8 เมษายน ปวงชนประกาศิต แผ่นดินนี้ไม่มีที่ว่างสำหรับอำมาตย์อีกต่อไป ไม่มีใครรู้ ว่าวันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าประชาชนไม่ชนะ จะไม่มีวันเลิกรา การต่อสู้จะดำเนินต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด ประชาชนเจ็บมามากพอแล้ว และไม่สามารถเจ็บได้อีก...
ประชาชนต่อสู้มามากแล้ว และยังต่อสู้ได้อีก
วโรทาห์: 5 เม.ย. 52
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment