Sunday, July 12, 2009

เพลงพิณมรณะ ปะทะ ฝ่ามือพิฆาต.."ฎีกาล้านใบ"

ย่ำค่ำแห่งราตรีที่ 27 ของเดือนที่ 6 ปีพุทธศักราชที่ 2552 พลังเสียงสายหนึ่ง พุ่งตรงลงมาจากฟากฟ้า พลันแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณอันกวัางใหญ่ ของลานประลองยุทธหลวง "ทุ่งเผาผี" อันเลื่องชื่อ ท่ามกลางเหล่าชาวยุทธเสื้อแดงกว่าสิบหมื่น ที่นัดหมายมาชุมนุมกันอย่างสงบ เพื่อรับสารจากอดีตจ้าวยุทธภพ อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขา

ที่แท้ เป็นพลัง"สุรเสียงสายฟ้า"อันลึกล้ำ ของจอมยุทธมั่งคั่งผู้ท่องยุทธภพณ.แดนไกล คาดไม่ถึงว่าคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาด้วยกำลังภายในขั้นสุดยอดนั้น ถึงกับทะลุทะลวงขึ้นสู่ดวงดาวจำแลงบนท้องฟ้า พลันสะท้อนกลับลงมาสู่พื้นโลกณ.ดินแดนเซี่ยมล้อก๊ก ที่อยู่ห่างไกลนับหมื่นลี้ได้ อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ช่างเป็นเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดพิศดาร จนแม้เพียงแค่จินตนาการถึง ยังยากยิ่ง

พลัง เสียงนั้นแม้กล้าแข็งสุดหยั่งคาด ยังกลับอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือพรรณนา เมื่อกระทบเข้ากับโสตประสาทของเหล่าชาวยุทธฝ่ายธรรมะณ.ที่นั้น จนแม้แต่ชายชาตรีผู้ทระนง ยังถึงกับสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลาบปลื้มยินดี ระคนโหยหาอาลัยอย่างสุดซึ้ง

นาน มาแล้ว ที่พวกเขาจำต้องเหินห่างจากอดีตจ้าวยุทธภพ ผู้ยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของชาวยุทธฝ่ายธรรมะที่ต่ำต้อย ให้เงยหน้าขึ้นมองฟ้าได้อย่างไม่ขัดเขิน

แต่ถึงแม้ว่าคุณธรรมความดี ที่สั่งสมมานั้น จะทำให้เขาเป็นที่รักของเหล่าชาวยุทธทั้งมวล อย่างท่วมท้น แต่คาดไม่ถึงว่า กลับเป็นที่ชิงชังของเหล่ามารเหลือง ที่ได้รับการหนุนหลังจากจอมอสูรพันปี จนมิอาจอยู่ร่วมปฐพีเดียวกันได้

พลัง มนต์ดำของจอมอสูรนั้นร้ายกาจยิ่งนัก จนแม้แต่เหล่าชาวยุทธหลายสิบล้านฝ่ามือ ต่อให้ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่ง ยังมิอาจปกป้องจ้าวยุทธภพที่พวกเขาลงติ้วเลือกมากับมือได้

มิเสียแรง ที่จอมอสูรอำมหิตผู้นี้ เฝ้าเพียรพยายามจำศีลอยู่นับพันปี เพียงเพื่อให้ได้สำเร็จสุดยอดเพลงพิณมรณะ "หัตถ์ล่องหน" อันแสนลึกล้ำพิศดาร สดับเสียงแต่ไม่เห็นคน ลงมือโหดเหี้ยมแต่ไร้ร่องรอย นับเป็นสุดยอดวิชามารของจอมยุทธผู้ขลาดเขลา กล้าลงมือแต่มิกล้าเผยตัว

เพลง พิณ"ตุลาการพิฆาต" คือสุดยอดกระบวนท่าไม้ตายของเพลงพิณจอมอสูร สุ้มเสียงไพเราะกว่า"กู่เจิ้ง" ดนตรีจากสวรรค์ แต่แฝงเร้นไว้ด้วยพลังอำมหิตสุดล้ำลึก พลันที่ตุลาการปีศาจออกมาร่ายรำตามท่วงทำนองที่จอมมารกรีดนิ้วลงบนเส้นเสียง เหล่าชาวยุทธเสื้อแดงย่อมต้องแตกพ่ายไม่เป็นขบวน

แต่ทว่า..ในดียังมี เสีย ทุกครั้งที่พิณถูกดีด กลับต้องสูญเสียพลังภายในมหาศาล ที่ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมามิขาดสาย จอมอสูรยิ่งมายิ่งอ่อนแรง หากมิอาจเผด็จศึกได้ในเร็ววัน เกรงว่าอาณาจักรปีศาจ คงต้องพังทลายลงในไม่ช้าแล้ว

อีกด้านหนึ่งห่างไกลออกไปนับร้อยลี้ อันเป็นที่สิงสถิตย์ของเหล่าชาวยุทธฝ่ายอธรรม คาดไม่ถึงว่าพลังเสียงสายฟ้าของอดีตจ้าวยุทธภพ กลับกระแทกกระทั้นเข้าใส่พวกมัน ระลอกแล้วระลอกเล่า ทั้งดุดันก้าวร้าวจนพลพรรคอสูรถึงกับมิอาจทานทน ต้องโก่งคอแผดร้องออกมาสุดเสียง กับตีอกชกหัวตัวเองจนอาบโลหิตแดงฉาน ดูน่าสมเพชเป็นยิ่งนัก

จนเมื่อเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม จอมยุทธณ.แดนไกลจึงยอมรามือ ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของเหล่าเทพยุทธ แต่กลับเป็นความโล่งใจของหมู่มาร ที่สามารถรอดตายอย่างหวุดหวิด รักษาชีวิตอันแสนโสโครกไว้ได้อีกคำรบหนึ่ง

ทันใดนั้น เงาร่างดำทะมึนสายหนึ่ง พุ่งตรงมายังด้านหน้าของเหล่าชาวยุทธ ทำให้พวกเขาต้องตื่นตะลึง หันไปจ้องมองยังจุดเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย ร่างนั้นม้วนตัวตีลังกา 3 รอบ ด้วยพลังภายในสุดลึกล้ำ พลันขึ้นไปยืนอยู่บนปะรำพิธีอย่างองอาจ เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตานับสิบล้านคู่ จนมิอาจไม่ส่งเสียงอื้ออึงออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ

ที่แท้เป็นจอม ยุทธไข่มุกดำ ผู้เฒ่าเริงร่าแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ ผู้เร้นกายค้นคว้าสุดยอดวิทยายุทธ เพื่อหวนกลับมากำราบหมู่มารที่นับวันยิ่งกำแหงหาญ หมายล้างผลาญพวกมันให้สิ้นซากไปจากพื้นปฐพี

มิทันได้เอ่ยปากทักทาย ตามธรรมเนียม จอมยุทธเฒ่ากลับฟาดฝ่ามือออกไปเบื้องหน้าด้วยกำลังภายในเพียง 3 ส่วน ถึงกับปรากฎคลื่นลมแปรปรวน พัดพาต้นมะขามที่รายรอบบริเวณนั้นโอนไปเอนมาอย่างน่าตกใจ เหล่าชาวยุทธเสื้อแดงณ.ที่นั้น ถึงกับถามไถ่กันอื้ออึง ว่าที่แท้แล้วเป็นเคล็ดวิชาอันใด จึงทรงพลานุภาพถึงเพียงนั้น

ย่อม เป็นเคล็ดวิชาฎีกาล้านใบอันเลื่องชื่อในอดีต ตั้งแต่สมัยแคว้นสุโขทัยยังเรืองอำนาจ คาดไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าถึงกับค้นพบคัมภีร์โบราณเล่มนี้จนได้ ยิ่งไม่น่าเชื่อว่า จอมยุทธไข่มุกดำ ถึงกับฝึกปรือจนสำเร็จเคล็ดวิชาขั้นสุดยอดแล้ว

พลังของเคล็ดวิชา โบราณนั้นช่างมหัศจรรย์สุดหยั่งคาด ด้านหนึ่งปล่อยพลังเย็นยะเยียบจับขั้วหัวใจ ทั้งวิงวอนอ้อนออด จนมิอาจต้านทานได้ หากแม้นพลังภายในไม่อำมหิตพอ แต่อีกด้านหนึ่งกลับแฝงไว้ด้วยพลังบีบคั้นรุนแรง จนยากที่จะรับมือ

เหล่าปีศาจมารเหลือง ที่เร้นกายอยู่ตามซอกมุมที่ทั้งมืดมิดและอับชื้น ถึงกับมิอาจฝืนหลบซ่อนอยู่ได้ ต้องแตกตื่นออกมาบิดกายเร่าๆ ด้วยปวดแสบปวดร้อนเหลือที่จะทานทน ยังแผดร้องออกมาอย่างโหยหวล ชวนเวทนาเป็นยิ่งนัก

เพียง แค่กระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชาสุดพิศดาร หมู่มารยังถึงกับแตกตื่นชักดิ้นชักงอ ดูราวสุนัขขี้เรื้อนฝูงหนึ่ง ที่ถูกน้ำร้อนสาดซัดจนลงไปนอนดิ้นเร่าๆ เจ็บปวดรวดร้าวจวนเจียนจะขาดใจ หากครบ 12 กระบวนท่า ไฉนเลยชีวิตโสมมของพวกมันยังดำรงอยู่ได้

พลัง แปลกประหลาดพิศดารนั้น จนแม้แต่เหล่าชาวยุทธเสื้อแดงเองยังถึงกับตื่นตะลึง ด้านหนึ่งโอนอ่อนผ่อนตาม แต่อีกด้านหนึ่งกลับต่อต้าน มิอาจยอมรับได้ หากคิดใช้พลังเย็นกับหมู่มาร มีแต่ห้ำหั่นให้ตายไปข้างหนึ่ง จึงสาแก่ใจ

มิ ได้ล้านฝ่ามือ มิอาจเผด็จศึก คือหัวใจของเคล็ดวิชาฎีกาล้านใบของท่านผู้เฒ่า หากแม้นใน 30 ราตรี ยังมิได้ล้านฝ่ามือ จักยอมเลิกรา คือคำประกาศิตที่แสดงถึงความมั่นใจอันเปี่ยมล้น ของจอมยุทธไข่มุกดำ

คาด ไม่ถึงว่า ผ่านไปเพียงแค่ 11 ราตรี เหล่าจอมยุทธเสื้อแดง ที่เริ่มต้นดูเหมือนขัดแย้งหนักข้อ แต่กลับรวบรวมมาได้ถึง 1 ล้านฝ่ามืออย่างไม่ยากเย็น หากแม้นรั้งรอไปถึง 30 ราตรี ใยมิใช่ 3 ล้านฝ่ามือยังน้อยไป

อา..หรือนี่จะเป็นสุดยอดกลยุทธ "ชนะโดยมิต้องออกอาวุธ" ที่แท้แล้ว เพียงแค่แสดงพลังฝ่ามือยุทธภพให้เป็นที่ประจักษ์ ก็อาจสะกดหมู่มารให้ยอมสงบราบคาบ มิกล้าเชิดหน้าขึ้นมาต่อกร หาไม่แล้ว หากมวลชนชาวยุทธ ลุกฮือขึ้นพร้อมกันทั่วพื้นพิภพ พลังอำนาจนั้นย่อมยิ่งใหญ่เหลือคณานับ

จนอาจถึงกับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน..ก็เป็นได้

วโรทาห์: 12 ก.ค.52

No comments: