Tuesday, December 9, 2008

เพื่อแม่แพ้บ่ได้..สีเขียวดันปชป.เต็มสูบ

หลังจากที่ดิ้นรนขัดขืน เอาตัวรอดมาได้ตั้งหลายยก ตายแล้วฟื้นคืนชีพมาก็หลายหน แต่สุดท้าย ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ ก็ทำท่าว่าจะไม่รอดเงื้อมมือ อำมาตย์เสียงส่วนน้อยอยู่ดี เมื่อตุลาการกังฉินจัดการฆ่าล้างโคตร อย่างโหดเหิ้ยม เชือดยกครัวอย่างทารุณไป 3 พรรค ขึ้นชั้นจอมโจรร้อยศพไปในเวลาแค่ 1 ชั่วโมง

นับได้ว่าเป็นการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แถมยังเลือดเย็นอย่างสุดๆ โหดผิดมนุษย์มนา ถึงขนาดว่าพ่อบ้านแม่เรือน ยกมือไหว้ปะหลกๆ ร่ำไห้วิงวอนออดอ้อนขอชีวิต จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด ต่อมคุณธรรมจริยธรรม ยังไม่มีกระดิกกระเดี้ยแม้แต่น้อยนิด

หมดกัน..เมื่อบ้านแตกสาแหรกขาด ประชาชนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ก็มีสภาพไม่ต่างจากสมันน้อย ที่พลัดหลงเข้าไปในดงหมาป่า มีหวังถูกสมุนอมาตยาฯต้อนหน้่าต้อนหลัง จับขึงพืดให้พรรคจังไล มันย่ำยีจนปี้ป่น เห็นทีว่ามาร์คหน้าด้าน จะได้ขึ้นครูในตำแหน่งนายกฯกัน ก็คราวนี้

จากเด็กกะโปโลที่ไม่เคยแม้แต่แจวเรือจ้าง ยังริบังอาจมาอาสา ถือหางเสือเรือโยง สงสัยที่บ้านคงไม่มีกะโหลกกะลา ซักกะใบ หรือว่ามี แต่ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลก จะได้ชะโงกดูเงาหัวตัวเอง ว่ามันโหลยโท่ยซะขนาดไหน

ชาวประชาธิปไตย คงทำใจลำบากอยู่ซักหน่อย ที่เห็นหัวหน้าพรรคสมุนเผด็จการ แสดงความซ่านจนออกนอกหน้า มีอาการรักชาติจนน้ำลายไหล อยากจะกระซวกชาติจนหัวสั่นหัวคลอน แลบลิ้นปลิ้นตาราวกับว่า เห็นสาวน้อยมาแก้ผ้าอยู่ีตรงหน้ายังไม่ปาน อาการอย่างนี้ ถ้าไม่เรียกว่า..สำเร็จความใคร่เพื่อชาติ..แล้วจะให้เรียกว่าอะไร

ฝ่ายเฒ่าเทือกตาโปนนั้น ไม่ต้องพูดถึง แสดงอาการกระดี๊กระด๊า ตามประสาเฒ่าลามกไม่เคยเปลี่ยนแปลง ออกทีวีถี่ยิบ จนชาวบ้านแทบจะยกเท้าถีบให้หงายเก๋งไปทั้งทีวีทั้งคน ข้อใหญ่ใจความ ก็เพื่อจะเคาะกะลาให้หมาดีใจ ว่าครม.บุฟเฟ่ต์ยี่ห้อประชาธิเปรตแร้งทึ้ง เปิดกิจการได้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ถ้าใครขืนมาช้า เกิดตกขบวนรถไฟ จะมาหาว่าไอ้แก่ไม่เตือนไม่ได้นะ

สูตรเดิมๆแหละเฒ่าเอ๊ย ใช้มาจนพรุนแล้วพรุนอีก ใครๆเขาก็รู้ ว่าลักไก่แบบเด็กๆ

เพราะข่าวลึกเบื้องหลัง แจ้งมาว่า ช้าก่อนมันยังไม่สะเด็ดน้ำ ยังอยู่ในขั้นเตรียมการก่ออาชญากรรมแค่นั้นเอง งานนี้มีการทุ่มทุนสร้างอย่างสุดๆ เป้าหมายคือซื้องูเห่า 60 ตัว เคาะราคาไว้ที่ตัวละ 3-4 สิบล้านอย่างเหนาะๆ เบ็ดเสร็จใช้เงินจิ๊บๆแค่ 2 พันล้าน ขนหน้าแข้งไม่ร่วง เพราะสปอนเซอร์เปย์ไม่อั้นอยู่แล้ว ดีกว่าเอาไปละลายแม่น้ำ กับม็อบแป๊ะเป็นไหนๆ

แต่ทำไปทำมา เรื่องมันทำท่าว่าจะไม่ง่ายซะแล้ว เมื่อประชาชนทนไม่ได้ เลยชวนกันมาออกโรงเอง ถ้าขืนส.ส.แหกคอกไป ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทั้งเป็น ชาวบ้านที่ไหน จะปล่อยมันไว้ทำพันธุ์ ด้วยเหตุฉะนี้ เฒ่าเทือกจึงต้องมุดถ้ำ เข้าไปสุมหัวกับทหารทราม เพราะในเมื่อเอาเงินฟาดหัวเพียวๆไม่ได้ มันก็ต้องเพิ่มฟังค์ชั่น ใช้บริการเสริมของพวกนักเลง

อีกอย่่าง งานนี้สีเขียวก็มีไฟต์บังคับ ต้องทุ่มสุดตัว เพื่อแม่แพ้บ่ได้..เหมียนกัน

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ทหารศักดินา จะออกมาขมีขมัน เดินเกมส์จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นการใหญ่ ยังไงก็ต้องดันก้นประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ให้จงได้ เพราะในเมื่อมันเสี่ยงเกินไป ที่จะปฏิวัติด้วยปลายกระบอกปืน จึงต้องหันมาพึ่งการปฏิวัติผ่านรัฐสภา ที่กินนิ่มกว่ากันเยอะ เหตุเพราะมีพรรคโสเภณี นอนแผ่อ้าซ่า คอยให้บริการครบสูตรอยู่แล้ว โดยสมัครใจ

ถ้างานนี้สำเร็จ นักวิชาเกินที่กำลังมุดหัวอมสากกะเบือ อยู่ใต้ชายกระโปรงตอนนี้ ก็คงโผล่หัวออกมาขานรับกันเซ็งแซ่ ว่าถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นของประชาธิปไตยแบบไทยๆ นับเป็นครั้งแรก ที่เราจะได้รัฐบาลทหารที่มาในคราบของพลเรือน หรือรัฐบาลพลเรือนที่เป็นนอมินีอำมาตย์ สุดแท้แต่จะยกยอปอปั้นกันไป เผื่อเข้าตากรรมการ จะได้มีเก้าอี้ตัวใหญ่ไว้รองก้น ให้บานเฉิ่มกันซะที

ระหว่างนี้ จึงเป็นหน้าที่ของทหารเลว ที่ออกเดินสาย ข่มขู่ส.ส.ในฝ่ายรัฐบาลให้ย้ายขั้ว ไม่งั้นจะส่งนักเลงสีเขียวไปพังร้าน เห็นว่าจะเอาให้เจ๊งคาตา ทำมาหากินไม่ได้กันเลยทีเดียว จึงเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เห็นส.ส.หลายคนหันรีหันขวาง ไม่รู้จะเอายังไงดี มันถึงจะงามหยด ที่ทำท่าว่าจะแตกแถวค่อนข้างแน่ คือกลุ่มเพื่อนเนวินบางส่วน แต่ก็ต้องรอดูอีกที ว่ากลุ่มพ่อเนวินจะเอายังไงกัน

ทำไปทำมา ก็หนีไม่พ้นประชาชนอยู่ดี ที่ต้องยืนแลกหมัดกับอำนาจมืด ที่มีอำมาตย์เป็นทัพหน้า มีศักดินาคอยลุ้นอยู่เบื้องหลัง เรียกว่าตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ไม่มีใครยอมใครง่ายๆ ก็แล้วกัน

เหตุที่เรื่องมันลากยาวมาถึงขนาดนี้ ฝ่ายขี้ข้าอำมาตย์ ก็โทษว่าเพราะน้าแม้วแกเล่นไม่เลิก จนแล้วจนรอดยังไม่ยอมวางอาวุธซะที มันเลยบานไม่หุบซะงั้น เออเนาะ..ออกรูนี้ก็ได้เหมือนกัน ตามประสาคนพาล ก็ต้องคิดแบบพาลๆเป็นธรรมดา

ผิดกับฝ่ายประชาชน ที่ไม่ใช่คนพาล จึงคิดไปอีกแบบ บอกว่า ที่พวกเราเอามันไม่ลงซะที ก็เพราะน้าแม้วแกสู้ไม่เต็มสูบ ไม่รู้ว่าจะเกรงใจอะไรกันนักกันหนา ถึงไม่กล้าทุ่มทุนสร้าง ปล่อยให้ประชาชน รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ

ทอดกฐินผ้าป่ากันไป ตามมีตามเกิด

วโรทาห์: 9 ธ.ค. 51

21 comments:

Anonymous said...

คนเราบางคนคิดว่า ตนเองสามารถมีอายุอยู่ได้หลายร้อยปี หรือเป็นอมตะ
โดยเฉพาะคนที่มีอำนาจอยู่ในประเทศไทยในขณะนี้
เพราะการมีเงินและมีอำนาจในประเทศไทย ก็เหมือนกับการอยู่บนสวรรค์ดีๆนี่เอง
มีคนกราบไหว้บูชา ข้าทาสบริพารเพียบพร้อม หมอบกราบไหว้
หารู้ไม่ว่าเป็นเหมือนกับตัวตลกในสายตาของชาวโลก

การทำบุญ ทำกุศล การได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ประชาชนทั้งหลายไม่เคยทำ
ไม่ได้ยกจิตใจของท่านๆเหล่านั้นให้เป็นคนดีทีีสมบูรณ์เลย
ยังมี "พี่น้อง" ร่วมชาติอีกหลายล้านชีวิตที่อยู่อาศัยแบบปากกัดตีนถีบ แต่พวกท่านอยู่กันอย่างสุขสบาย
เอาเถอะ สักวันพวกท่านก็จะได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดบ้าง
ทำกันเอง แล้วอย่ามาร้องแรกแหกกระเฌอขอความเห็นใจเมื่อยามต้องเจอกับตัวเองบ้างน๊ะ

Anonymous said...

ท่านวโรทาห์คะ เห็นที่ ไทยฟรีนิวส์มีวิเคราะห์จากไทยรัฐเรื่อง แกล้งแพ้ อ่านหรือยังค่ะ ถ้าอ่านแล้วช่วยวิเคราะห์หน่อยซิค่ะ ว่ามีความเป็นไปได้ไหม หรือถ้าเป็นแบบนั้นกับเราออกบ้านไปสู้กับมันตอนนี้ จะเอาอย่างไงดีค่ะ เซ็งจริง ๆ ทำงานการก็ไม่ได้ กลุ้มชะมัดเลย

601 said...

ด้านการปกครอง
เนื่องจากฐานะของพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใตัรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีบทบาทโดยตรงทางการเมือง แต่ในทางปฏิบัติทรงเป็นประมุข ทรงเป็นผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นแบบอย่างในการปกครอง ทรงเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของประชาชน เวลาที่เกิดวิกฤตการณ์หรือ ความไม่มั่นใจในชาติ ดังเมื่อเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ยามที่เดือดร้อนที่สุด ประชาชนก็ไปขอ รับพระราชทานความร่มเย็นจากพระองค์ พระองค์ยังทรงเป็นที่พึ่งทางใจของประชาชนชาวไทยเสมอมา

601 said...

พระแม่ของแผ่นดินไทย
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระราชินีศรีพงไพร (พระแม่ของแผ่นดินไทย) นับเป็นบุญญาของประเทศชาติและปวงชนชาวไทย ที่มีพระแม่แห่งแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รัตนราชนารี คู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช พระผู้ซึ่งปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อขจัดทุกข์บำรุงสุขเหล่าพสกนิกรไทย โดยมิได้ทรงคำนึงถึงความเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย
ทรงมีพระราชปณิธานอันสูงส่งและแน่วแน่ในการอนุรักษ์ป่าไม้สัตว์ป่า และต้นน้ำลำธาร เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ สถานท ี่แห่งใดที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินถึง จึงมิได้เกิดแต่ความเป็นสิริมงคลเท่านั้น หากหมายถึงความเจริญก้าวหน้าและการพัฒนาอย่างยั่งยืน พระองค์คือ พระผู้ทรงริเริ่มสร้างพลังประชาชนร่วมกันปลูกป่าให้ผืนแผ่นดินและ ทรงมีพระราชดำริและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอีก นานัปการในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ

601 said...

พระองค์กับการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสภาพแวดล้อมและ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติพระองค์ ได้ทรงมีพระราชเสาวนีย์เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2518 ดังนี้
ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นพิภพ นี้มีอยู่จำกัด ในขณะที่ประชากรของโลกนั้นเพิ่มจำนวนอย่างมากมายและรวดเร็ว ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติเกิดขาดแคลน และ ทำให้การดำเนินชีวิตในโลกนี้ยากลำบากขึ้นทุกวัน ภาวะเช่นนี้ก็มิใช่จะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราว หากแต่จะต้องเป็นไปโดยตลอดและอาจทวีความรุนแรง ขึ้นต่อไปโดยตลอดและอาจทวีความรุนแรงขึ้นต่อๆไป แต่ถ้าทุกฝ่ายเห็นใจกัน
มีความรอบรู้และเข้าใจว่าเวลานี้ทั่วโลกเกิดความยากเข็ญ เพราะภาวะการเงินปั่นป่วน สั่นสะเทือน เพราะขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญๆ หลายอขย่างแล้วพยายามที่จะอะลุ่มอล่วยกัน ไม่เห็นแต่ประโยชน์ตัวข้างเดียว ต่างฝ่ายตั้งใจที่จะค้ำจุนกัน ช่วยเหลือกันคนละไม้ละมือ ก็พอที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสะดวกสบาย
พระองค์ได้พระราชทานพระราชดำริ ตลอดจนทรงดำเนินการตามหลักวิชาการซึ่งเป็นหลักสำคัญของการพัฒนาแบบยั่งยืน โดยทรงให้จัดตั้งโครงการต่างๆ ในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติขึ้น อาทิ

601 said...

โครงการป่ารักน้ำ

เป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ด้วยในโอกาสที่โดยเสด็จพระราชดำเนินร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภาคอีสาน ทรงพบว่าความแห้งแล้งได้ทวีเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งความเสื่อมโทรมของป่าไม้ที่นับวันต้นไม้ใหญ่จะลดน้อยลงไป ทรงห่วงใยว่าหากปล่อยให้ความแห้งแล้งเกิดขึ้นอยู่เช่นนี้ ในไม่ช้าผืนแผ่นดินของภาคอีสานจะกลายเป็นทะเลทรายไปในที่สุด
ทรงตระหนักว่าในการจะรักษาป่าไว้ให้ได้ท่ามกลางความยากไร้ของราษฎรนั้น เป็นปัญหาและอุปสรรคอย่างยิ่ง จำเป็นจะสร้างความรู้สึกที่รักและหวงแหนต่อต้นไม้ทุกต้นให้ได้ พร้อมทั้งให้ราษฎรในท้องถิ่นมีรายได้เลี้ยงครอบครัวอย่างเพียงพอด้วย การรักษาป่าจึงจะบรรลุเป้าหมายได้ ดังนั้นเมื่อทรงริเริ่มโครงการขั้น ณ ผืนแผ่นดินอีสานเป็นแห่งแรก ได้ทรงโปรดเกล้าฯให้จัดทำโครงการศิลปาชีพขึ้นทุกหมู่บ้าน ซึ่งพิธีการโครงการป่ารักน้ำได้เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525 ณ บริเวณเชิงเขาภูผาเล็กใกล้อ่างเก็บน้ำห้วยลำจวง บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร และเพื่อสร้างศูนย์รวมแห่งศรัทธาให้เกิดขึ้น สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดพิธีบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ เจ้าป่าเจ้าเขา ขึ้นในพิธีเริ่มต้นโครงการป่ารักน้ำด้วย หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้ทรงปลูกต้นประดู่แดงไว้เป็นที่ระลึก และได้ทรงมอบหมายให้ราษฎรช่วยกันดูแลรักษาโดยพระราชทานเงินเดือนให้
สำหรับพันธุ์ไม้ที่ทรงนำมาใช้ปลูกในโครงการป่ารักน้ำ เป็นพันธ์ไม้สามประเภทตามพระราชนโยบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือไม้ใช้สอย ไม้ผลและไม้ยืนต้นต้นที่จะเติบโตเป็นป่า และวิธีการปลูกป่าในโครงการป่ารักน้ำนี้เองที่เป็นต้นแบบของการปลูกป่าที่ดำเนินการอยู่ทั่วประเทศ

601 said...

โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถทรงเป็นนักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สำคัญพระองค์หนึ่ง ทรงดำเนินตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาโดยตลอด ทรงตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาสภาพแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และได้พระราชทานพระราชดำริตลอดจนทรงดำเนินตามหลักวิชาการ ซึ่งเป็นหลักสำคัญของการพัฒนาแบบยั่งยืนหลักของพระองค์ในเรื่องนี้คือ ให้ป่าอยู่กับคนได้ คนอยู่กับป่าได้ โดยไม่มีการทำลาย กล่าวคือ เมื่อชาวบ้านปลูกป่าเองเกิดความรักในป่าไม้และรู้จักประโยชน์จ่ากป่าไม้แล้ว ก็จะเลิกการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธาร เปรียบเสมือนแหล่งกำเนิดของชีวิตมนุษย์ เพราะมนุษย์เรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดน้ำอันเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล มองปัญหาอย่างเป็นระบบและครบวงจรในเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทรงตระหนักถึงวงจรชีวิตกับธรรมชาติและให้เน้นหนักการอยู่ร่วมกันได้ด้วยดี ทรงให้ราษฎรที่ขาดแคลนที่ดินทำกินได้มีที่ดินทำกินเป็นหลักแหล่ง ส่งเสริมให้ประกอบอาชีพที่ถนัด ส่งเสริมการประกอบอาชีพการเกษตร งานศิลปาชีพต่างๆ เพื่อให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และให้ราษฎรมีความรักความผูกพันธ์ในทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ

601 said...

ด้านการศึกษา
ด้วยสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ ทรงระลึกอยู่เสมอว่า “ การศึกษาทำให้คนเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ ” และ “ การศึกษาเป็นอนาคตของชาติ เป็นแสงสว่างของชีวิต ” จึงทรงให้การสนับสนุนในเรื่องกิจการการศึกษาของประชาชนอย่างต่อเนื่องในหลายลักษณะ ที่สำคัญคือการพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และจากที่มีผู้ทูลเกล้า ฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลให้นำไปสร้างโรงเรียนในถิ่นทุรกันดาร การให้ทุนการศึกษาผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์แก่ผู้ต้องการศึกษาเล่าเรียน และให้การอุปถัมภ์จนสำเร็จการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ทรงริเริ่มโครงการสอนหนังสือให้แก่ชาวบ้านในเขตท้องถิ่นต่าง ๆ ตามชนบท โดยการสอดแทรกความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับศาสนา หน้าที่พลเมือง การสาธารณสุข การประกอบอาชีพที่เหมาะกับท้องถิ่นนั้น ๆ บางครั้งถ้ามีเวลาว่างในช่วงการเสด็จแปรพระราชฐาน ก็จะทรงทำการสอนชาวบ้านเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ ยังทรงพระราชทานพระราชดำริให้ชาวบ้านหาสถานที่ที่เหมาะสมในบริเวณหมู่บ้านจัดตั้งเป็น ศาลารวมใจ เพื่อใช้เป็นสถานที่อ่านหนังสือประจำหมู่บ้าน ในลักษณะของการให้การศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต

601 said...

ด้านการศาสนา

สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงใฝ่พระทัยในการพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง โดยจะเสด็จ ฯ ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ทั้งเป็นการส่วนพระองค์ และที่เป็นการพระราชพิธีอยู่เสมอ ๆ ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อนำไปสร้างหรือบูรณะปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม รวมทั้งสถานปฏิบัติธรรมต่าง ๆ โดยไม่ได้ขาด ในการนี้ทรงเสด็จ ฯ ไปนมัสการและสนทนาธรรมกับพระสงฆ์ผู้สูงสมณศักดิ์และพระนักปฏิบัติผู้มีปฏิปทาสูง ให้การสงเคราะห์พระเดชพระคุณเจ้าผู้ทรงศีลเมื่อถึงคราวอาพาธ ทรงรับเป็นพระธุระในการจัดการดูแลรักษา รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถทรงมีพระทัยใฝ่การศึกษาธรรมะ พร้อมกับทรงเจริญวิปัสนากรรมฐานอยู่เป็นนิจ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ รับสถาบันแม่ชีไทยเข้าไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน

601 said...

ด้านการสาธารณสุข
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพิจารณาเห็นว่า เรื่องสุขภาพอนามัยเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล หากประชาชนมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์ก็จะมีสติปัญญาเล่าเรียน ประกอบสัมมาอาชีพ สร้างสรรค์ความเจริญต่าง ๆ ให้บ้านเมือง ทรงเห็นว่าพลเมืองที่แข็งแรง ย่อมสามารถสร้างชาติที่มั่นคง พระราชกรณียกิจที่สำคัญในด้านการสาธารณสุข คือ ทรงรับดำรงตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๙๙ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถในด้านสาธารณสุข แบ่งได้เป็น ๔ ประเภท คือ

๑. พระราชภารกิจด้านสภากาชาดไทย
๒. พระราชภารกิจด้านคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์
๓. โครงการแพทย์และสาธารณสุขต่าง ๆ ตามพระราชดำริ
๔. การพระราชทานความช่วยเหลือ แก่โรงพยาบาลและหน่วยงานสาธารณสุขต่าง ๆ
นอกจากนี้ทรงมีพระราชดำริ และมีพระราชานุเคราะห์ด้านการสาธารณสุขแก่ราษฎรอีกหลายโครงการ เช่น โครงการแพทย์หลวง โครงการหน่วยแพทย์พระราชทาน โครงการทันฑกรรมพระราชทาน โครงการแพทย์พิเศษตามพระราชประสงค์ โครงการศัลยแพทย์อาสา โครงการแพทย์หู คอ จมูก โครงการหมอหมู่บ้าน ฯลฯ

601 said...
This comment has been removed by the author.
601 said...

ด้านการสังคมสงเคราะห์
สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพิจารณาเห็นว่าการพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญเท่ากับการพัฒนาชาติ ถ้าไม่พยายามพัฒนาคนให้อยู่ในสภาพที่อยู่ดีกินดี มีการศึกษาและอาชีพ คนก็ไม่สามารถพัฒนาชาติให้เจริญได้ การพัฒนาคนจึงเท่ากับการพัฒนาชาติ
ในการนี้ทุกครั้งที่โดยเสด็จ ฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการเสด็จแปรพระราชสถานไปตามท้องถิ่นทุรกันดาร สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงดูแลในเรื่องปัญหาความเป็นอยู่ทั่วไป และความป่วยไข้ของราษฎรที่สำคัญ คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดทำโครงการอาชีพเสริมแก่ราษฎร เหล่านั้น เพื่อให้เกิดรายได้เสริม ที่นอกเหนือไปจากการทำเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลัก โครงการดังกล่าวนี้ นอกจากจะทำให้ราษฎร มีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังส่งผลให้ราษฎรไม่ต้องละทิ้งถิ่นฐานเข้าไปรับจ้างทำงานในเมืองใหญ่ และจากโครงการอาชีพเสริม ต่อมาได้พัฒนามาเป็นโครงการศิลปาชีพพิเศษ โดยก่อตั้งเป็นมูลนิธิและพระราชทานชื่อว่า มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ซึ่งเป็นที่รู้จักของนานาประเทศอย่างกว้างขวาง โครงการศิลปาชีพดังกล่าวนั้ได้สร้างรายได้ให้แก่สมาชิกในโครงการมากกว่า ๒๐,๐๐๐ คน อีกทั้งทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างในการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผลิตได้จากมูลนิธิ ฯ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนชาวไทยในการใช้สินค้า และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากฝีมือของคนไทย

601 said...

ด้านการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทย

สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นผู้นำในการเผยแพร่ เชิดชูงานศิลปวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่นิยมแพร่หลายในหมู่ประชาชนชาวไทย รวมทั้งให้เป็นที่ประจักษ์ในความประณีตสวยงามแก่ชาวต่างประเทศทั่วโลก ทรงเป็นผู้นำด้านวัฒนธรรมการแต่งกาย โดยทรงสนับสนุน ให้มีการแต่งกายแบบไทย ทรงมีพระราชดำริให้มีการแต่งกายที่เรียกว่า “ ชุดประจำชาติ ” ทรงฟื้นฟูให้มีการแต่งกายของสตรีตามแบบอย่างของสตรีไทยสมัยโบราณ โดยกำหนดชื่อชุดไทย ให้สอดคล้องกับโอกาสในการใช้เครื่องแต่งกายชุดไทยต่าง ๆ คือ ชุดไทยเรือนต้น ชุดไทยจิตรลดา ชุดไทยศิวาลัย ชุดไทยดุสิต ชุดไทยจักรพรรดิ์
นอกจากนี้สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถยังทรงออกแบบเสื้อประจำชาติสำหรับให้สุภาพบุรุษชาวไทยสวมใส่ที่เรียกว่า “ เสื้อพระราชทาน ” หรือ “ ชุดพระราชทาน ” ชุดประจำชาติ ตามแนวพระราชดำริดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม ประเพณีไทย ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของชาติไทย ได้อย่างเป็นที่น่าภาคภูมิ

601 said...

พระเกียรติคุณก้องฟ้า


จากการที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องมากกว่า ๔๐ ปี จนเป็นที่ประจักษ์แก่พสกนิกรชาวไทย และชาวต่างชาติในนานาประเทศ ต่างพากันสดุดียกย่องด้วยการทูลเกล้า ฯ ถวายรางวัลประกาศพระเกียรติคุณ รวมทั้งการขอพระราชทานพระนามไปใช้เพื่อเป็นการสดุดีเฉลิมพระเกียรติในโอกาสต่าง ๆ มากมาย อาทิ

- สหพันธ์พิทักษ์เด็ก ( Save the Children Federation ) แห่งนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ขอพระราชทานวโรกาสทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญสดุดี “ First Distinguished Service Award ” เนื่องในโอกาสครบรอบ ๕๐ ปีของสหพันธ์ฯ ซึ่งนับเป็นรางวัลเกียรติคุณรางวัลแรกของสหพันธ์ฯ เป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในฐานะที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ พระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพชาวอินโดจีน

- บริษัทแบล็คแอนด์ ฟลอรี่ จากประเทศอังกฤษขอพระราชทานพระนามาภิไธยสิริกิติ์ ไปเป็นชื่อกล้วยไม้ที่ผสมพันธุ์ ขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า แคทลียา ควีน สิริกิติ์

- มหาวิทยาลัยเซ็นโต้ เอส โคลา แห่งฟิลิปปินส์ ทูลเกล้า ฯ ถวายปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ สาขามนุษยธรรม

- องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ( FAO )ได้ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญ เซเรส (CERES) เพื่อสดุดีที่พระองค์ท่านทุ่มเทชีวิตให้แก่งานเกษตรกร โภชนาการ สังคมสงเคราะห์

- องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( UNESCO ) ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญทองโบโรพุทโธ ในฐานะที่ทรงสนับสนุนให้มีการฟื้นฟู อนุรักษ์ และสืบสานงานทางด้านศิลปกรรมของไทยให้คงอยู่ต่อไป

- โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ทูลเกล้า ฯ ถวายเหรียญทองเกียรติยศด้าน
สิ่งแวดล้อม

601 said...

แม่ของแผ่นดิน
แม่ ผู้เป็น คนดี ที่ยิ่งใหญ่
ของ คนไทย ทั่วแค้น แดนสยาม
แผ่น ดินทอง ของไทย ทั่วเขตคราม
ดิน แดนนี้ เลื่องลือนาม องค์ราชินี
ขอ ทวยเทพ เบื้องบน ช่วยดลให้
จง บันดาล พลานามัย ให้สุขศรี
ทรง เจริญ ด้วยปัญญา บารมี
พระ ทรงศรี เกษมสุข ทุกเวลา
เจริญ ด้วย พระชันษา วรรณะใส
ยิ่ง ยอยศ ปรากฏไกล ไปทั่วหล้า
ยืน ยงคู่ ภูมิพล องค์ราชา
นาน ชั่วกาล เวลา สดุดี...
ครูบ้านนอก

601 said...

เวลาที่คุณเสียใจ ผิดหวัง คิดอะไรไม่ตก

แม่คือคนที่พร้อมจะรับฟังทุกเรื่องราว

และพร้อมที่จะแก้ปัญหาให้คุณ ได้ทุกปัญหา...

601 said...

ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร เมื่อมีโอกาสแล้ว แม่ไม่เคยปฏิเสธที่จะอุ้มชูดูแลคุณ

601 said...

เมื่อเวลาที่คุณสามารถยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง
แม่คุณกำลังอ่อนแรงลงทุกขณะ...

อนาคตของคุณกำลังสดใส ก้าวไปข้างหน้า มีผู้คนรู้จักมากมาย วันนั้น แม่อาจไม่มีใครเลย นอกจากคุณ...

601 said...

คำขวัญพระราชทานวันแม่แห่งชาติ ปี 2551

เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น
หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย

601 said...

พระแม่ของแผ่นดิน

คำขวัญพระราชทานวันแม่แห่งชาติ ปี 2551

เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น
หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย

จาก สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

"... ข้าพเจ้ายังจำติดใจได้เสมอถึงคำปฏิญาณของท่านทั้งหลาย ที่เคยกล่าวต่อพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ ต่อข้าพเจ้า คำปฏิญาณสาบานตนประการต่างๆ ของหมู่คณะของท่านทั้งหลายนั้น มีใจความสำคัญตรงกันอยู่ประการหนึ่งคือ จะมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะร่วมกันปกป้องบ้านเมืองของเราให้อยู่รอดปลอดภัย ข้าพเจ้าขอให้ท่านทั้งหลาย ถือคำปฏิญาณนี้เป็นสัจจะวาจา เป็นพลังที่พร้อมจะปกป้องบ้านเมืองของเรา ขออย่าให้ท่านทั้งหลายเป็นพลังเงียบเฉยๆ ต่อเหตุร้ายที่เกิดขึ้นต่อบ้านเมือง ... "
"... ข้าพเจ้าไม่มีความประสงค์และนึกไม่ออกด้วยว่าจะยุยงให้ท่านทั้งหลายลุกขึ้นมาจับอาวุธและเที่ยวไล่ฆ่าใคร ไม่ใช่เช่นนั้น เพราะพวกเราเป็นประชาชนชาวไทย เราไม่ได้มีหน้าที่ที่จะถืออาวุธที่จะคอยปราบปราม แต่ขอให้ท่านทั้งหลายอย่าอยู่นิ่งเฉยๆ การอยู่นิ่งของท่านบางครั้งก็เป็นอันตรายอย่างมากต่อประเทศชาติ เราต้องแสดงให้เห็น คนไทยทั้งหลายซึ่งเป็นเจ้าของประเทศไทยที่งดงามสมบูรณ์ทุกอย่าง ต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเรารู้สึกถึงภัยที่มีต่อประเทศชาติ ให้รู้สึกถึงจิตใจเพื่อนร่วมชาติที่อยู่ทางภาคใต้ ซึ่งประสบชะตากรรมไม่เว้นแต่ละวัน นานนับเป็นปีแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าหน้าที่ของคนไทยทั้งแผ่นดินที่จะทำ ปกป้องทั้งแผ่นดิน โดยที่ไม่ได้เบียดเบียนเกะกะ ถืออาวุธไล่ฆ่าฟันกันอย่างนั้นเลย เพียงแต่รู้สึกห่วงใยประเทศชาติและพร้อมใจกันส่งเสียงประณามการกระทำเหล่านี้สามารถทำได้ ว่าการกระทำเหล่านี้ไร้มนุษยธรรม ให้ผู้ที่มีจิตใจอำมหิตเหล่านั้นได้รู้ว่าพวกเราคนไทยยอมไม่ได้กับการเข่นฆ่าและการทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ...."
"... อย่างที่ข้าพเจ้าพูด ขอย้ำอีกอย่างว่าไม่ได้มีเจตนาและเห็นว่าทำไม่ถูกด้วย ในการที่จะถืออาวุธแล้วไปเที่ยวปะทะกับ พวกเหล่าศัตรูที่คิดร้ายต่อประเทศไทยก็ตาม อันนั้นก็ไม่ใช่วิธีที่เราควรทำ วิธีที่เราควรทำอย่างถูกต้อง ซึ่งชื่อเสียงของคนไทยในด้านความกล้าหาญและเมตตาและพร้อมเพรียงสามัคคีกันไว้แล้วในคราวสึนามิ คำประณามของท่านต่อบุคคลที่อำมหิตเหล่านั้นได้ผล จะไปไกลทั่วโลก ว่าคนอำมหิตเหล่านี้รังแกคนไทยที่ประกอบสัมมาอาชีพอย่างบริสุทธิ์ แล้วมารังแกอยู่เช่นนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านลองไปคิดเอง ปรึกษากันว่าถึงเวลาหรือยัง ควรหรือยัง ที่เราจะพร้อมใจกัน ร่วมกัน รวมหัวกัน พร้อมกันไม่ยอมอยู่นิ่งเฉย เงียบเฉย ระเบิดตูมหรือเกิดอะไรขึ้นก็เฉยอย่างเดียว มอบให้เป็นงานของรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ เราทำเช่นนั้นไม่ได้ เราควรจะร่วมหัวกัน ร่วมมือกัน ร่วมใจช่วยคุ้มครองประเทศไทยโดยไม่ต้องถืออาวุธ เป็นพลังที่ถูกต้อง แสดงความคิดเห็นว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่อำมหิตโหดร้าย ตัดสิทธิมนุษยชน .... "
"... เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คนไทยทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีความหวังอย่างมากที่เชิญมา เพราะเป็นผู้ที่ออกปากสาบานมาแล้วว่าจะตอบแทนพระคุณแผ่นดิน หวังว่าท่านจะสามัคคีปรองดอง พร้อมใจกันตอบแทนพระคุณแผ่นดิน เพื่อสร้างประเทศไทยที่น่าอยู่ไว้ให้ลูกหลานไทยสืบไป .... "

พระราชดำรัส สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เสด็จพระราชดำเนินลง ณ ศาลาดุสิตาลัย พระราชทานวโรกาสให้คณะลูกเสือชาวบ้าน, สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ, สมาชิกราษฎรอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง, สมาชิกกองหนุนเพื่อความมั่นคงของชาติ, สมาชิกราษฎรพิทักษ์ป่า และสมาชิกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2548



ปรับปรุงล่าสุด กรกฎาคม 2548 อ้างอิง : หนังสือพิมพ์มติชน

601 said...

การที่ใช้ ดอกมะลิ เป็นสัญลักษณ์วันแม่ ก็เพราะดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ มีกลิ่นหอมที่หอมไปไกลและหอมได้นาน ผลิดอกได้ทั้งปี อีกทั้งยังนำไปปรุงเป็นเครื่องยาหอมใช้บำรุงหัวใจได้ด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ลึกซึ้งที่แม่มีต่อลูก เป็นความรักที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาที่ไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีพิษมีภัย มีแต่ความชุ่มชื่นใจดั่งความหอมของดอกมะลิ

มีแต่ลูกชั่วๆเท่านั้นที่เนรคุณพ่อแม่ผู้มีพระคุณล้นฟ้าหาที่เปรียบมิได้