Friday, January 25, 2008

สู้เค้า ชินจัง..ซูเนโอะจัง.. อย่ายอมแพ้นะ!

แปลกแฮะ หลายวันมานี่ จู่ๆเสียงหมาเห่าในซอยบ้านเราก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเห่า ยังหอนกันคับซอย เห่าเช้า เห่ากลางวัน เห่าเย็น แถมบางวันยังเห่ารอบดึกมิดไนท์อีกต่างหาก ชาวบ้านชาวช่องไม่ต้องได้เป็นอันทำมาหากินกันแล้ว

ต้องบอกไว้ก่อน ว่าหมาในซอยนี้มันเยอะจริงๆ เรียกว่ายั้วเยี้ยยังกับแมลงสาบ ไม่รู้มาจากไหนต่อไหน มามั่วอยู่กันจนประชากรหมาพอๆกับประชากรคน แล้วสัญชาติหมานี่ ถ้าไม่เห่าก็ไม่ใช่หมาิ เห่าได้เห่าดี เห่าไทยเห่าแขก เห่าไม่บันยะบันยัง อยู่ว่างๆเห็นใบตองแห้งไหวๆ เห่าซ้อมลูกคอก็เอา

ธรรมชาติของหมามันก็แปลก อย่าได้้มีตัวไหนเห่านำขึ้นมาเชียว ตัวอื่นเป็นไม่ยอมน้อยหน้า เห่ารับกันทั้งซอยเสียงให้ขรมไปหมด โดยไม่ต้องแหกปากถามก่อน ว่าเค้าเห่าเรื่องอะไรกัน หรือว่ามันจะถามแล้ว เราฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่อาจทราบได้ ยอมรับว่าฟังภาษาหมาไม่เป็น

ยามปกติก็ไม่ได้มีเรื่องมีราวอะไรกัน หมามันก็อยู่ส่วนหมา คนก็อยู่ส่วนคน แต่ที่มันดันมาเป็นเรื่องเอาจนได้ ก็เพราะอาแป๊ะขายหนังสือพิมพ์ปากซอยนั่นแหละตัวดี ไม่รู้ไปผิดเส้นอะไรกับท่านมัคทายกฯเข้า จู่ๆก็ลุกขึ้นมาเห่านำ จนหมาทั้งซอยเห่ารับกันเป็นพรวน

เห่ากันมา 2 ปีกว่าไม่ยอมเลิกรา การค้าการขายเจ๊งราพณาสูรหมด เพราะลูกค้าไม่กล้าเข้าร้าน กลัวหมามันกัดเอา ชาวบ้านอดอยากปากแห้ง จนแทบจะกินแกลบอยู่รอมร่อ เพิ่งจะมาซาลงได้ก็เมื่อปีกลาย ปลายๆปี แต่ที่สงบลงได้จริงๆ เพิ่งไม่กี่วันมานี้เอง

เห็นเค้าว่าที่มันเงียบเสียงลงได้ ก็เพราะหัวโจก 2 ตัวโดนเทศบาลซิวไป ไม่รู้ว่าเอาไปปล่อยถึงไหน ยังหาร่องรอยไม่เจอ พวกลูกกะโล่เลยวงแตก มุดหนีหายเข้าไปนอนเลียแผลในซอกในหลืบ เลิกเห่าเป็นปลิดทิ้ง ชาวบ้านค่อยยิ้มโล่งอกกันได้หน่อยนึง

แต่เสียงครางหงิงๆน่ะยังมี แถมเมื่อวันก่อนยังไม่วายมีพวกหลงฝูง นัดกันไปเห่าหอนเย้ยฟ้าท้าดิน กลางดึกกลางดื่นอยู่หลายตัว หนวกหูจนอยากลุกขึ้นไปไล่เตะเอา แต่ก็สงสารไม่อยากทำ เวลานี้อะไรยอมได้ก็ยอมมันไป ต้องให้พวกมันได้ระบายกันบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวอกแตกตายกันยกฝูง จะเป็นบาปเปล่าๆ

อ้าว...ว่าจะคุยเรื่องชินจังกะซูเนโอะจัง ไหงเตลิดไปพูดเรื่องหมาซะยาวเหยียดได้ก็ไม่รู้...

เรื่องที่จะพูดนี่ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก นับถือน้ำใจแก พวกเดียวกันป่านนี้เตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บางคนไม่หนี แต่กลับหลังหันเอาหน้าด้านๆก็มี แต่ไม่ใช่ชินจังกับซูเนโอะจัง

สองหน่อสองมุมที่ว่า ยังปักหลัก ยืนโซ้ยแลกหมัด ชนิดไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย ไม่ถอดใจง่ายๆ ทำเอาฝ่ายตรงข้ามขยาดไปตามๆกัน

ถ้าพูดถึงฝีไม้ลายมือแล้ว ชั่วโมงนี้ต้องถือว่าทั้งคู่นี่เทียบชั้นกูรูได้เลย ท่าทางหรือน้ำ้้เสียงก็ให้หมด ยิ่งถ้าพูดถึงน้ำอดน้ำทนแล้ว ต้องถือว่าอย่างหนา ห้าห่วงเรียกพี่ ด่าเท่าไหร่ไม่มีสะเทือน

คู่หูคู่ฮาจากค่ายหัวเหม่ง ช่วยกันพายช่วยกันงัด ปึ้ดจ้ำปึ้ดๆ อยู่ที่ทีวีช่อง 3 สลึงมาหลายปี คนหนึ่งอยู่เที่ยง คนหนึ่งอยู่เย็น ช่วยกันสับช่วยกันโขก ฝ่ายพปช.อย่างเมามัน เรียกว่าเพื่อบ้านเพื่อเมืองแล้ว ไม่เคยมีคำว่าท้อจริงๆ

เรื่องของเรื่องก็ต้องโทษชาวบ้านนั่นแหละตัวดี ทำไม๊ถึงได้โง่ดักโง่ดานกันถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ก่อนหย่อนบัตรก็อุตส่าห์จ้ำจี้จ้ำไช จนปากจะฉีกไปถึงใบหู ว่าให้เลือกคนดีเข้าสภา อย่าขายสิทธิอย่าิขายเสียง

ใบ้กันโจ๋งครึ่มให้เลือกปชป.ดื้อๆก็ทำมาแล้ว ยังไปเลือกพปช.ซะถล่มทะลาย เออเอาก๊ะมัน โง่กันไม่บันยะบันยังจริงๆ ล่าสุดนี่เอาอีกและ บอกให้เลือกบัญญัติเป็นประธานที่เคารพ ก็ดั๊นไปเลือกยุทธตู้เย็น เออ..เอาเข้าไป เตือนเท่าไหร่ไม่รู้ฟัง

จะให้ต้องปากเปียกปากแฉะีกันไปถึงไหน บอกว่าคนคนนี้ชอบยิงตู้เย็น หลายปีก่อนก็ไปกระหน่ำยิงซะตู้เย็นพรุนตายคาที่ เป็นคดีสะเทือนขวัญ สื่อมวลชนแทบจะตายตามไปซะให้ได้

คนอย่างนี้อ้ะนะมาเป็นประธานสภาฯ แล้วถ้าเกิดคุ้มดีคุ้มร้ายขึ้นมา ไปยิงตู้เย็นรัฐสภาเข้าอีก ไม่ฉิ๊บหายกันไปทั้งประเทศเหรอครับ ท่านผู้ชม

นั่นก็เรื่องนึง นี่เอาอีกและ จะให้สมัครเป็นนายกฯอีก โอยจะบ้าตาย มันม่ายด้าย.. ปากไวก็ปานนั้น ขืนมาเป็นนายกฯสิ จะได้ถูกลาวแซงหน้าเอา ดูสิ นายกฯลาว เขมร พม่า เค้าพูดเพราะๆทั้งนั้น บ้านเมืองเค้าถึงได้เจริญก้าวหน้าซะปานนั้น

นี่แสดงว่ายังไม่เข็ดกัน คงจำกันได้ สมัยคุณทักษิณน่ะ วันดีคืนดีก็ไปด่าว่้าโจรกระจอก เออแน่ะ โจรมันก็อยู่ของมันดีๆ นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น โดนด่าซะขนาดนั้น เป็นใครใครจะยอม ท่านโจรที่เคารพเลยโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง ลากปืนออกมายิงชาวบ้านรายวัน จนป่านนี้ยังไม่ยอมเลิกรา

เห็นพวกท่านตรากตรำทำงานกันอย่างนี้ ก็ให้ละอายใจเหลือเกิน ประชาชนอย่างเราๆ ก็ไม่รู้จะช่วยชาติได้ยังไง เพราะไม่มีสื่ออยู่ในมือ ได้แต่ส่งใจไปเชียร์คนทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง

สู้เค้า ชินจัง..ซูเนโอะจัง.. อย่ายอมแพ้นะ!

วโรทาห์: 25 ม.ค. 51

No comments: