Saturday, January 12, 2008

ไชโย...ในที่สุดมาร์คก็ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ เย้ๆๆๆ...

ในกระบวนชุมชนคนมักกะสัน ที่ฝันใฝ่ไขว่คว้าอยากเป็นนายกฯด้วยกันแล้ว ดช.มาร์คนับว่าอาการหนักกว่าเพื่อน ด้วยความที่เป็นเด็กดันทุรังสูงมาแต่กำเนิด แถมยังมีแบ็คดีอย่างชีปะขาวแขนด้วนคอยอุ้มชู

อันว่าชีปะขาวเฒ่าผู้นี้ ดีกรีก็ใช่ย่อย ตำแหน่งผู้มีบารมีนอกกฎหมาย ย่อมเพียงพอที่จะเป็นหลักประกันว่าไม่ธรรมดา แถมพกด้วยฉายา ตาปะขาวแขนเดียวที่ชาวบ้านตั้งให้ ตั้งแต่เห็นมือข้างซ้ายของแกหายไป ก็ใช่ว่าเหตุบังเอิญ

เพียงแต่ว่ามีน้อยคนที่จะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ตาปะขาวแกไม่ได้แขนด้วนซักหน่อย แต่เป็นเพราะแกตั้งใจฝึกวิชาจนได้ฌานแก่กล้า ทำให้มือซ้ายที่แสนสกปรกหายไป กลายเป็นมือที่มองไม่เห็น เหมาะแก่การล้วงควักยิ่งนัก

ด้วยความที่ขาดการเอาใจใส่อบรมสั่งสอนจากบุพการี ทำให้มาร์คเติบโตมาเป็นเด็กที่ไม่ค่อยรู้จักผิดชอบชั่วดี แถมยังมีความทะเยอทะยานสูงจนทะลักขีดจำกัด เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนายกฯมา ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เมื่ออุแว้ออกมา ก็ร่ำร้องแต่จะเป็นนายกฯ

จึงไม่แปลกที่วันเด็กปีนี้ มาร์คจะดีใจจนเนื้อเต้น เหตุเพราะตาปะขาวให้สัญญาว่า จะพาไปนั่งเก้าอี้นายกฯที่มาร์คใฝ่ฝันมานาน ลุงเทือกผู้เป็นพี่เลี้ยงประจำตัว จึงต้องตื่นแต่เช้า พามาร์คไปยืนรอคุณตาที่หน้าบ้าน

ระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น ลุงเทือกก็หวนนึกไปถึงวีรกรรมอันน่าตบกะโหลกของเจ้ามาร์ค ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนชั้นประถม 1 โรงเรียนอ๊อกสะฝอดวิทยา

วันนั้นลุงเทือกพามาร์คไปส่งให้ครูประจำชั้นแล้ว ก็หลบไปหาที่นั่งรอ เพราะเห็นว่าเป็นวันแรกก็เลยจะอยู่ดูเหตุการณ์ ไปจนยันเลิกเรียน แล้วรับกลับบ้านเลยทีเดียว

พอเข้าห้องเรียน หลังจากที่ทำการปฐมนิเทศถึงเรื่องต่างๆที่ควรรู้เสร็จแล้ว ก่อนที่จะเข้าบทเรียน ครูก็บอกทุกคนว่า ระหว่างที่นั่งเรียนอยู่ ถ้าใครปวดปัสสาวะ หรืออุจจาระก็ให้ยกมือขึ้น เมื่อทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ครูจึงเริ่มการสอนต่อไป

เรียนอยู่ได้ตั้งนานไม่มีเรื่อง พอพักเที่ยง ครูพานักเรียนชักแถวไปกินข้าวในโรงอาหารเท่านั้นแหละ เรื่องก็มา ครูประจำชั้นวิ่งหน้าตาตื่นมาตามลุงเทือกไปเคลียร์ เล่นเอาลุงแกใจหายวาบ

พอไปถึงที่เกิดเหตุ ลุงเทือกก็ลมแทบใส่ ประเมินสถานการณ์แล้ว รู้สึกว่าจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ ตาที่โปนอยู่แล้ว จึงแทบจะถลนออกมานอกเบ้าตา

เจ้ามาร์คยืนร้องไห้ขี้มูกโป่ง อุจจาระเรี่ยราดเต็มกางเกง ทั้งครูทั้งนักเรียนแตกฮือ หนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง ยืนสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ ให้พ้นรัศมีของกลิ่น ไม่กงไม่กินกันแล้วข้าวปลา ทำให้ในรัศมี 20 เมตร ไม่มีแม้แต่หมาซักตัวเดียว

สภาพโดยทั่วไป เหมือนสถานที่เกิดเหตุบึ้มนราธิวาส ลุงเทือกอายผู้คนจนหน้าแดง แต่ไม่มีใครเห็นเพราะหน้าแกดำจัด คว้าข้อมือเจ้ามาร์คได้ ก็ฉุดกระชากพาวิ่งเรี่ยราดไปทางห้องน้ำ พอลับตาผู้คนก็เริ่มต้นกระบวนการเฉ่งปี๋ทันที

"บ้าเอ๊ย จะขี้ทำไมไม่หาห้องน้ำ!" ลุงเทือกโวยวายด้วยภาษาลูกทุ่ง

"ก็ ก็คุงคูบอกว่า... ถ้าปวกอุกจาระให้ยกมือขึ้ง" ดช.มาร์คตอบกลั้วเสียงสะอึกสะอื้น

"แล้วทำไมไม่ยก!" ลุงเทือกตวาดเสียงดังจนเจ้ามาร์คสะดุ้ง

"ยกแล้ว..." เจ้ามาร์คขึ้นเสียงเถียงให้ลั่น "มาร์คยกตั้งหลายที มังก็ไม่หายปวก... เลยรากออกมาเลย แง..." เถียงเสร็จก็แหกปากร้องจ้าสนั่นหวั่นไหว

"ไม่ต้องมาร้อง... ตูต่างหากทีู่ควรจะร้อง..." ลุงเทือกก็ไม่ลดราวาศอก "แล้วปวดท้องขี้บ้านแกเรอะ! ยกมือแล้วหายปวด... เวรเอ๊ย... ทำไมโง่นักวะ"

"ก็คุงคูบอกอ้า!" เจ้าเด็กดื้อยังแหกปากเถียงคำไม่ตกฟาก

"แน้...ยังจาเถียงอีก เดี๋ยวปั๊ด...เหนี่ยว" พูดขาดคำปุ๊บ มือก็ทำหน้าที่ปั๊บโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอสมองสั่งการ เพราะลุงแกปากว่ามือถึงอยู่แล้ว

เจอบ้องหูเข้าไปเต็มๆ ดช.มาร์คถึงกับหูดับไปชั่วคราว เลยไม่รู้จะเถียงยังไงต่อ

"ครูเขาหมายถึงถ้าปวดอยู่ในห้อง ให้ยกมือขออนุญาตไปห้องน้ำโว้ย... โอยๆ... เมื่อไหร่มันจะหายโง่วะนี่" ระหว่างทำความสะอาด ปากก็พร่ำเทศนาไม่หยุด

"ยังมีหน้ามาสะเออะอยากเป็นนายกฯ... ท่าจะบ้า โง่ยังงี้เรียนได้ถึงม.7 ก็หรูแล้ว..." ยิ่งนึกยิ่งโมโห เลยเงื้อมือกะจะเหนี่ยวให้เต็มที่อีกซักฉาด

"มาแว้วๆๆ" เสียงเจ้ามาร์คตะโกนลั่นยังกะเจ๊กตื่นไฟ เล่นเอาลุงเทือกสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบลดมือที่กำลังจะทำงานลงอย่างรวดเร็ว

ไกลออกไปในถนน ปรากฎรถถังโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งเก่าทั้งผุ คลานงกๆเงิ่นๆมาแต่ไกล แล่นดังกึงกังๆ เสียงเหมือนรถบดถนน ทำเอาแผ่นดินบริเวณนั้น สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด

รถยังจอดไม่สนิท สองลุงหลานที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก็พากันปีนขึ้นไปบนหลังคา คล่องแคล่วยังกะลิงปีนต้นมะพร้าว ลุงเทือกทิ้งตัวลงไปในช่องโดยสาร แต่เจ้ามาร์คกลับงอแงไม่ยอมลง มันชอบยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่บนหลังคามากกว่า

ภายในรถถัง เห็นทหารแขกหน้าดำอยู่ในที่นั่งคนขับ หน้าตาทึ่มๆแต่กลับดูกรุ้มกริ่ม ลักษณะออกไปในแนวเจ้าชู้ เมียหนึ่งไม่พอต้องสามถึงจะตามตำรา ด้านหลังของเขามีตาแก่คนหนึ่ง นั่งปากจู๋หัวขาวโพลนคอยกำกับอยู่

เป็นที่รู้กันว่าลำพังเจ้าแขกตาขาวผู้นี้คนเดียว มันไม่กล้าขับรถถังออกมาแน่ ขึ้นชื่อว่าเรื่องกลัวตายแล้ว มันไม่เคยเป็นสองรองใคร ตาปะขาวจึงต้องมานั่งกำกับบท ให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด

แต่คนทั่วไปดูไม่ออก เพราะแกนั่งปากจู๋ทำหน้าตาย ไม่รู้ไม่ชี้ โชว์ให้เห็นมือข้างขวา วางราบบนหน้าขาอย่างสงบเสงี่ยม ใครจะนึกว่า ยังมีมือสกปรกข้างซ้ายที่มองไม่เห็น ล้วงควักอยู่พัลวัน

ระหว่างนั้น พวกปัญญาอ่อนก็เอาดอกไม้มาให้กำลังใจ พร้อมกับเต๊ะจุ๊ยถ่ายรูปคู่กับรถถัง ที่หนักกว่านั้นก็เอาโคโยตี้มาเต้นยั่วสวาท โดยหารู้ไมู่้ว่าตาปะขาวนั้น ไร้อารมณ์กับอิสตรีเพศโดยสิ้นเชิง

พอรถตั้งท่าจะออก เจ้ามาร์คก็ตะโกนลั่น "เดี๋ยวก่อนๆ มาร์คปวดอุกจาระ" ว่าแล้วก็เผ่นพรวดลงจากรถ วิ่งเอามือกุมดากหายเข้าไปในบ้าน ครู่ใหญ่ๆจึงวิ่งปรื๋อกลับออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วปีนกลับขึ้นไปบนรถถังอย่างเดิม

อริยาบททั้งหมดของเจ้าเด็กดื้อ ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของชายทั้งสามในรถ ที่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

"มันเป็นยังงี้แหละ...ประจำ.. พูดจนปากเปียกปากแฉะและ... ออกรถไปเถอะ... ไม่ต้องไปสนใจมัน" เมื่อลุงเทือกเอ่ยปาก ทหารแขกจึงหันไปเคี่ยวเข็น เจ้ารถถังบุโรทั่งให้ออกเดินทาง ในขณะที่ตาเฒ่ายังคงนั่งเตี๋ยมเตี้ยม เหมือนใสซื่อซะเต็มประดา

เจ้ามาร์คกระโดดโลดเต้นบนหลังคารถไปตลอดทาง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่แตกตื่นมาดูกัน ยังกะไม่เคยเห็นคน ยิ่งสาวๆด้วยแล้ว พวกหล่อนถึงกับกรี๊ดสนั่นไปตามๆกัน แต่ละคนหน้าแดงเป็นผลสตรอเบอรี่สุก

เห็นผู้คนชี้ไม้ชี้มือมาที่มัน บรรดาสาวๆก็สะกิดแม่ บอกกล่าวกันให้หันมาดู เจ้าเด็กเมื่อวานซืนก็ยิ่งคึกคัก ยังกะโด๊ปยาบ้ามาล็อตใหญ่ แหกปากตะโกนพล่ามตลอดเวลา ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ไม่ได้สนใจว่าใครจะฟังรู้เรื่องไม่รู้เรื่อง

"มาร์คเป็นคนดีที่ซู๊ด... คนอื่นเลว คนอื่นชั่ว... ภาระประชาชน.. ประชาชนต้องตายก่อน.. 99 วันเผาจริงจริ๊ง แบร๊ๆๆๆๆ.."

เมื่อถึงทำเนียบฯ อาศัยว่าได้แบ็คดี เจ้าทหารหน้าดำเลยขับรถถังตลุยเข้าไปส่งถึงข้างใน อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม พอรถจอด เจ้าเด็กโง่ก็โดดเหย็งลงมา แล้วคุยฟุ้ง

"ลุงๆ เห็นไม๊ล่า.. สาวๆกรี๊ดมาร์คกันใหญ่เลย เพราะมาร์ครูปหล่อไง ฮ่าๆๆๆ"

"เอ็งแน่ใจเหรอ... ว่าเค้ากรี๊ดเอ็งที่รูปหล่อ" ลุงเทือกทำหน้าเย้ยหยัน

"แน่ใจสิ... ไม่งั้นเค้าจะกรี๊ดทำไม... ฮ่าๆๆ"

"เค้ากรี๊ดเอ็งไม่ได้นุ่งกางเกง! ก๊ากกก" ลุงตาโปนกระแทกเสียงด้วยความสะใจ พร้อมกับชี้มือไปที่เป้าของมาร์ค แล้วปล่อยป๊ากอย่างสุดกลั้น

เจ้ามาร์คใจหายวาบรีบก้มลงสำรวจเบื้องล่าง พอเห็นน้องชายสุดที่รักผงกหัวขึ้นมาทักทาย ก็แทบหงายเก๋ง... ยังกะถูกชกเข้าที่เบ้าตาอย่างจัง หน้าที่ว่าด้านๆยังชาไปทั้งแถบ

"แอ๊.. มาร์คลืมกางเกงไว้ในส้วมอีกแว้ว.. มาร์คแก้ผ้ามาตลอดทางเยย.. แง๊..ทำไมลุงเทือกไม่บอกมาร์ค" ลงท้ายยังแหกปากต่อว่าลุงเทือกอีก

"ถ้าบอกแล้วเอ็งจะฟังไม๊!" ลุงแกก็สวนเอามั่ง

"ไม่ฟัง!" ถ้าไม่ต่อปากต่อคำก็ไม่ใช่มาร์ค

"ก็นั่นนะสิ แล้วข้าจะบอกไปทำไม..." ว่าแล้วลุงเทือกก็ล้วงเอากางเกงตัวใหม่ ที่แกต้องสำรองไว้ในย่ามตลอด มาใส่ให้เจ้ามาร์ค แล้วอุ้มไปห้องนายกฯ

ที่ประตูห้องมีเจ้าหน้าที่สาววัยเกษียนมายืนรออยู่แล้ว เป็นสตรีรูปร่างตุ้ยนุ้ยเหมือนถังเบียร์ต่อขา แต่งหน้าซะเข้มเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยความชรา แต่กลับไปเน้นร่องรอยนางมารร้าย เด่นชัดจนดูน่าขนพองสยองเกล้า

หล่อนรับช่วงอุ้มเจ้ามาร์คไปจากลุงเทือก แล้วเอาขึ้นขี่คอวิ่งตื๋อหายเข้าไปในห้องอย่างเร่งด่วน

ที่เก้าอี้นายกฯ มีดช.หมักยืนรออยู่คิวแรก แต่ถูกเจ้าหน้าที่กอดรัดฟัดเหวี่ยง สกัดกั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางเสียงโห่ฮาป่าของคนดู ปล่อยให้หญิงอ้วนแบกเจ้ามาร์ค แซงคิวไปวางแหมะบนเก้าอี้หน้าตาเฉย ทำเอาคนดูเซ็งไปตามๆกัน

เมื่อฝันเป็นจริง เจ้ามาร์คถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ทำท่าลิงโลดสุดฤทธิ์สุดเดช

"ไชโย...ในที่สุดมาร์คก็ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ เย้ๆๆๆ..." มันชูมือขึ้นสุดๆเพื่อประกาศชับชนะ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้ เมื่อลุงเทือกแหกปากโวยวายลั่นห้อง

"เฮ้ยๆ.. อย่าทำบ้าๆบนนั้นนะโว้ย นั่นมันเก้าอี้นายกฯ.. ไปขี้ในส้วมไป๊.." โวยจบก็รีบอุ้มเจ้ามาร์คเผ่นแน่บไปหาห้องน้ำทันที

เจ้ามาร์คได้แต่ทำหน้าเหรอหรา หันกลับมามอง... ตาละห้อย

ปล่อยให้ดช.หมักขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้นายกฯอย่างสง่าผ่าเผย ตามสิทธิอันชอบธรรม... ซะที เฮ้อ!

วโรทาห์: 12 ม.ค. 2551

No comments: