Monday, September 7, 2009

เรื่องคลิปลับ "คำสั่งฆ่าจากนรก" อย่าหวังว่าจะจบลงได้ง่ายๆ

ออกอาการบ้าเลือดขึ้นทุกวัน สำหรับนายกฯลูกกรอกคะนองโพเดียม ที่วันๆมีแต่ข่าวฟาดงวงฟาดงา ไม่เกรงใจคนไม่สนใจใคร ด้วยมั่นใจสุดๆในพลังอุ้ม ของป๋าดูดแท็กทีมกับเจ๊ดัน

นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานของตาแก่หนังกลับ ที่เอาเก้าอี้นายกฯไปประเคนให้ละอ่อน ที่มีวัยวุฒิต่ำเตี้ยติดดิน จนก่อให้เกิดภยันตรายใหญ่หลวงแก่ประเทศชาติ เหมือนติดอาวุธให้กับคนบ้า ยังไงยังงั้น

นับว่าเป็นนายกฯคนแรก และอาจจะคนเดียวด้วยซ้ำไป ที่ประชาชนสามารถใช้คำว่า"หะเอี้ยยยยยย..."ได้ อย่างเต็มปากเต็มคำ จากผลงานการลุแก่โทสะ ออกมายืนแลกหมัดกับประชาชน อย่างถึงพริกถึงขิง

สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจไปทุกหย่อมหญ้า จนแทบกระอักโลหิตออกมาเป็นลิ่มๆ เพราะทำอะไรมันไม่ได้ ได้แต่กรีดร้องออกมาว่า "อ้ายยยย..หะเอี้ยยยยยย..."

เพราะเหตุนั้น เมื่อคลิปลับ "คำสั่งฆ่าจากนรก" ถูกปล่อยออกมาจากค่ายทหาร จึงไม่มีใครตั้งแง่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ว่าจริงหรือมั่ว เพราะว่าทั้งน้ำเสียงลีลาอารมณ์ มันชั่วได้ใจ ชนิดที่ไม่มีใครเลียนแบบได้จริงๆ

จะตะแบงกันยังไงก็แล้วแต่ คงต้องยอมรับกันอย่างไม่อายว่า คลิปนี้ออกมาจี้จุดคีมึ้งได้อย่าง เจ็บแสบไปถึงรูทวารหนักจริงๆ ถึงขนาดเล่นเอาเจ้าตัวยิ้มไม่ได้ถ่ายไม่คล่อง จนต้องออกมาเต้นผางๆ ทำเป็นว่าจะเอาคนผิดมาลงโทษให้จงได้

แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่กล้าสืบสาวราวเรื่องไปถึงต้นตอจริงๆ นอกจากเชิดเอาคุณหญิงหน้าผี ที่หลังๆมานี้ชักจะออกแนวพหูสูตรเรียกแม่ ให้เสนอหน้ามายืนยันนอนยันตีลังกายัน การันตีว่ามีการตัดต่อตั้ง 62 จุด

เล่นเอาฮือฮากันไปทั้งบาง ว่าตัดต่อภาษาบิดาคุณหญิงหรือไง ถึงได้พูดแค่ 4-5 คำตัดที แล้วอย่างนี้มันจะไปฟังเป็นภาษามนุษย์ได้ยังไงกัน

ประเด็นว่าหมาตัวไหนพูดนั้น เอาเป็นว่าตัดไปได้เลย เพราะว่าหมาในสภารับแล้วว่ามันพูดจริง ถึงแม้จะออกลีลางึกๆงักๆกั๊กๆไว้หน่อย ว่าพูดจริงบางส่วน แต่ไม่ว่าจะส่วนไหน ใครฟังก็รู้ว่า เป็นหมาตัวเดียวกันพูด..ชัดๆ

ส่วนประเด็นที่ว่าตัดต่อนั้น ก็ไม่มีใครเถียง เพียงแต่ว่าการตัดต่อนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ความหมายปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใด แล้วอีกอย่าง ยังมีหลายประโยคที่ไม่ว่าจะฟังยังไง มันก็ตีความเป็นอื่นไปไม่ได้อยู่ดี

อย่างข้อความที่ว่า "เริ่มจากประมาณดึกของคืนนี้จนถึงพรุ่งนี้" ฟังแล้วคนบ้าที่ไหนจะไปคิดว่า กำลังสั่งให้ทำอะไรดีๆในช่วงเวลานั้น และที่แน่ๆ รุ่งเช้าของวันพรุ่งนี้ มันก็ยิงประชาชน

ไม่มีหมาตัวไหน เถียงสักแอะว่าไม่ได้ยิง นอกจากตะแบงไปข้างๆคูๆว่า ยิงขึ้นฟ้าบ้าง ใช้กระสุนหลอกบ้าง และไม่มีใครตายบ้าง สุดแท้แต่ว่า จะแหลไปทางไหนได้ เป็นต้องแหลเอาไว้ก่อน

หรืออย่างประโยคที่ว่า "ผู้ชุมนุมต้องได้รับบทเรียน" ก็ยังคาใจไม่รู้ลืม ว่าทำไมผู้ชุมนุมถึงต้องได้รับบทเรียน แล้วบทเรียนอะไรไม่ทราบ ที่ผู้ชุมนุมต้องได้รับ ถ้าจะแถว่าตัดต่อมาจากนโยบายเรียนฟรี

มันก็ควรจะเป็น "ผู้ชุมนุมต้องได้รับ'แบบ'เรียน" ไม่ใช่ 'บท'เรียน ถึงจะถูก

แต่ที่แน่ๆ หลังจากนั้น ผู้ชุมนุมก็ได้รับบทเรียนจริงๆ แถมยังเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดรวดร้าว ชนิดที่ต้องจดต้องจำไปชั่วลูกชั่วหลาน มีลูกสอนลูกมีหลานสอนหลาน ว่าเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้ว

'บท เรียน'บทนี้ จะต้องแปลงให้เป็น'แบบเรียน' เพื่อที่อนุชนรุ่นหลังจะได้ช่วยกันสาปแช่งตระกูล'เวทนาชีวะ' อย่าให้พวกมันได้ผุดได้เกิด เป็นอันขาด

คนชั่วยังไงก็ต้องพูดแต่เรื่องชั่วๆ ถ้าไม่คิดชั่วทำชั่ว มีหรือจะพูดแต่ประโยคชั่วๆ ให้เขามาตัดต่อจนเป็นเรื่องเป็นราวได้ถึงขนาดนั้น

ถ้านายกฯพบประชาชนทั้งที พูดแต่เรื่องสร้างสรรค์ พูดถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ถ้าต้องพูดถึงผู้ชุมนุม ก็เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ มีหรือจะเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ ขึ้นมาได้

แต่นี่มันตรงกันข้าม เพราะว่าในสมองมีแต่เรื่องทำลายล้าง มองฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูคู่อาฆาต ที่ต้องตามล้างตามผลาญกัน อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู อย่างกับไปฆ่าพ่อฆ่าแม่มัน ยังไม่ปาน

ยิ่งออกอาการร้อนตัว พยายามปิดปากปิดหูปิดตาประชาชน ก็ยิ่งเติมเชื้อความสงสัย ให้ชาวบ้านต้องคุ้ยแคะแกะเกา ขอดสะเก็ดออกมาให้ได้ ว่ามันอะไรกันนักกันหนา ถึงไม่กล้าเชิดหน้าขึ้นสู้ความจริง

ก็ไหนมั่นใจว่าเป็นคลิปเก๊ ทำไมไม่เปิดฟรีสไตล์ให้ทั้ง 2 ฝ่ายออกมาโต้กันด้วยข้อมูลล้วนๆ เพื่อที่ประชาชนจะได้ตัดสินใจได้ถูก ว่าใครเป็นคนใครเป็นหมากันแน่

ถ้าคิดว่าปิดปากกันแล้วเรื่องจะเงียบหาย ก็นับว่าโง่มากๆ เพราะเท่ากับทำให้เรื่องนี้กลายเป็นปริศนาที่ไม่มีคำเฉลย แล้วเด็กชั่วคนนี้จะด้านหน้าอยู่ร่วมแผ่นดินกับชาวบ้านได้ยังไง

น่าสงสารคนไทยที่ถูกทหารไทยฆ่าตาย ในช่วงสงกรานต์ทมิฬ แต่ในที่สุดวิญญาณของพวกเขาก็ได้รับการชดเชยแล้ว ด้วยการที่คนสั่งฆ่าพวกเขา ต้องตกนรกหมกไหม้ กำลังตายทั้งเป็น อย่างน่าเวทนา เพราะไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไหร่...

คลิปนี้จะยังอยู่คู่สังคมไทย ตราบชั่วฟ้าดินสลาย

วโรทาห์: 7 ก.ย. 52

No comments: