Wednesday, August 19, 2009

หลังฎีกา..น่าเชื่อว่า..จะมีแอ๊คซิเดนท์

ผ่านไปอีกครั้งกับเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ ที่สั่นฟ้าสะเทือนดิน ถึงขนาดอสนีบาตฟาดผ่าแปล๊บๆ จนกระทั่งผีโขมดโจรไพร ต้องออกมาชักดิ้นชักงอ บิดตัวเร่าๆอย่างกับโดนซัดด้วยโกเต๊กซ์ ยังไงยังงั้น

นั่นคือ มหาพิธีถวายฎีกา 5 ล้าน 4 แสนรายชื่อ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ที่สุดท้ายแล้ว ก็จำเป็นต้องหั่นเอามาเบาะๆแค่ 3 ล้าน 5 แสนรายชื่อ นัยว่าเพื่อยั้งมือไว้ไมตรี ไม่ให้สะเทือนซางกันจนเกินไป

เพราะว่าแค่นี้ ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้ว

เห็นภาพชายหญิงเสื้อแดง ที่ช่วยกันหามห่อฎีกา เดินเรียงแถวเป็นขบวนแล้ว บอกตรงๆว่า เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย พาลให้นึกสมเพชตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ว่านี่พวกเราคิดถูกหรือคิดผิด ที่ดันมาเกิดในประเทศนี้

ประเทศที่คุยนักคุยหนาว่า แผ่นดินทำแผ่นดินท้อง แต่ไพร่ฟ้าหน้าใส ต้องออกมาเดินหน้าเซียว แบกหามความทุกข์ไว้เป็นกระบุงโกย เพื่อไปอ้อนวอนขอความเมตตา โดยที่ยังไม่มีทีท่าว่า จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แม้แต่น้อย

ภาพเหล่านี้คงต้องเก็บใส่กรอบไว้ให้ดีๆ เพื่อที่ว่าวันหน้าวันหลัง อนุชนรุ่นลูกรุ่นหลาน จะได้จินตนาการออกว่า พ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเขา ต้องทุกข์ยากสาหัสสากรรจ์เพียงใด

กว่าจะได้กอบกู้ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ กลับคืนมาให้ ลูกหลานไทยทุกคน

ยังดีว่า พลหามของเราต่างแบกไปยิ้มไป ตามประสาเสื้อแดงอารมณ์ดี นี่ถ้าเปลี่ยนฟิลลิ่งมาเป็น เดินไปร้องไห้ไป คงได้บรรยากาศ..ดีพิลึก

เอาเถอะ! ในเมื่อเขาให้ส่งได้แค่ปากประตู แค่นั้นก็แค่นั้น จะทำยังไงได้ ชนชั้นต่ำอย่างชาวรากหญ้า เขาอุตส่าห์ปราณีถึงขนาดนั้น ก็ถือว่าบุญหัวแค่ไหนแล้ว

หลังจากนี้ ฎีกามันจะไปโดนทำแท้งที่ไหน ก็สุดแท้แต่บุญแต่กรรม ก็แล้วกัน สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็แค่ทำใจ ในเมื่ออำนาจทุกอย่างมันอยู่ในมือพวกเขาหมด ชาวบ้านอย่างเราๆ มีหน้าที่อย่างเดียวคือ

จ่ายภาษีให้พวกเขาไปถลุง แล้วซื้อปืนกลับมากดหัวพวกเราต่อ

เป็นอีกเกมส์หนึ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ วิเคาะวิแคะกันอย่างถึงพริกถึงขิง โดยเฉพาะพวกที่รักสถาบันจนน้ำลายไหลเรี่ยราด ถึงกับโดดก๋าออกมาปกป้องสถาบันกันยกใหญ่ หาว่าเสื้อแดงดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก ลากสถาบันลงมาเกลือกกลั้วการเมือง..ไปโน่น

ความจริงแล้ว ถ้าว่ากันอย่างแฟร์ๆ สถาบันน่ะถูกลากเข้ามาสู่วังวนของการเมือง ตั้งแต่ก่อน 19 กันยาวันมหาอัปยศด้วยซ้ำไป อย่างน้อยก็ตอนที่ตาเฒ่าผู้เชี่ยวชาญด้านขี่ม้า ออกมาเดินสายปลุกระดมม้าไม่ให้เชื่อฟังจ๊อกกี้

ทีตอนนั้นไม่เห็นมีใครหน้าไหนออกมาทักท้วงซักตัว นี่ก็แสดงว่า จะปกป้องสถาบันกัน ก็ต่อเมื่อพวกตัวเสียเปรียบเท่านั้น มิน่าล่ะ ถึงได้ชักดิ้นชักงอจะเป็นจะตาย เมื่อทำไปทำมา ทำท่าว่าอีกฝ่ายชักจะเล่นเป็นเหมือนกัน

ส่วนเสื้อแดงคนไหน ที่ฝันหวานว่า ฎีกาครั้งนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ชนิดพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ก็คงต้องทำใจกันไว้แต่เนิ่นๆ เพราะว่าสุดท้ายแล้วอาจจะไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากหน่อไผ่ล้วนๆ

บรรดาโคตรเซียนเขาอ่านขาด ว่าหมากตานี้มันไม่ใช่ขนม งานนี้จึงต้องมีปฏิบัติการผ่าทางตัน เกิดแอ๊คซิเดนท์มาแย่งซีนไปซะ บัวจะได้ไม่ช้ำ น้ำจะได้ไม่ขุ่น

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ใช่ว่าฎีกาจะสูญเปล่าซะทีเดียว อย่างน้อยก็ได้ทิ่มหน้ามหาอำมาตย์ เล่นเอาเลือดกำเดาไหลไม่หยุดไป ก็แล้วกัน

พูดถึงขบวนการอำมาตย์แล้ว ก็ได้แต่ปลงสังเวช ที่หลายปีมานี้ มีแต่เรื่องซวยๆไม่รู้จักเลิก แต่จะว่าไปแล้วก็ทำตัวเองทั้งนั้น เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับประชาชน เจอมวยลูกทุ่งใจถึง เข้าคลุกวงในตุ๊ยท้องไปหลายที ถึงกับเก็บอาการไม่อยู่

ต้องอย่างนี้ถึงจะเรียกว่ามวยถูกคู่ ดูแล้วสมราคา ลำหักลำโค่นสูสีดู๋ดี๋ ล่อกันมันสะแด่วแห้ว อย่าบอกใคร

เคยยิ่งใหญ่คับฟ้า สั่งซ้ายหันขวาหัน ไม่มีใครกล้าหือ ขนาดสื่อที่ว่าห้าวๆ มันกล้าแตะอำมาตย์ซะเมื่อไหร่ ยิ่งตัวโคตรอำมาตย์ด้วยแล้ว ยิ่งกว่าบิดามารดาของพวกสื่อยังไม่ปาน แค่จะเอ่ยชื่อยังต้องล่อซะเต็มยศ แถมคำน้อยยังไม่เคยติติงให้สะเทือนซาง ซักกะนิด

จึงเหลือแต่ประชาชน นี่แหละ ที่จะยืนแลกหมัดกับอำมาตย์ได้ อย่างสมน้ำสมเนื้อ ไม่มีใครกลัวใคร คนซื่อๆอย่างรากหญ้า ลองได้บ้าขึ้นมา เป็นได้ล่อกันชนิด ลิ้นต่อลิ้นฟันต่อฟัน

ต่อให้ใหญ่แค่ไหน ก็มีสิทธิถูกด่าเหมือนหมาข้างถนน ต่อให้ 8 เหลี่ยม 12 คม มาจากไหน เจอประชาชนมือเปล่าๆ ยังถูกลบเหลี่ยมจนกลมกลิ้งเป็นลูกบิลเลียตไปได้

ในเมื่อหมาที่เลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้าน มันดันกลัวโจรจนฉี่เล็ด อย่าว่าแต่จะให้ไปกัดกับโจร ขนาดแค่เห่ามันยังไม่กล้า เจ้าของบ้านเลยต้องลุกขึ้นมาลุยกับโจรซะเอง ใครจะหาว่าทำให้บ้านเมืองวุ่นวายก็ช่างมัน ทำไงได้...

ในเมื่อโจร..มันมายึดบ้านของกู

วโรทาห์: 19 ส.ค. 2552

2 comments:

Anonymous said...

แจ่มครับ!

Anonymous said...

ขอคารวะจากใจจริง