Sunday, June 14, 2009

เมื่อนายกฯไทย ต้องไปจิ้มก้องขะแมร์

ยังคงตั้งทัพประจันหน้าคุมเชิง กันอยู่ อย่างชนิดที่ไม่มีใครกลัวใครกันแล้ว ระหว่างกองทัพประชาชน ที่มีแต่มือเปล่าๆแต่หัวใจเกินร้อย กับกองทัพอำมาตย์ที่เต็มเพียบไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ใจเล็กกว่าอวัยวะมดตั้งหลายเท่า

มาถึงขั้นนี้ มีแต่เจ๊งกันไปข้างถึงจะยอมเลิกรา ต่อให้เป็นตายยังไง ก็ไม่มีทางออกเจ๊าเป็นอันขาด

ดู เผินๆเหมือนกับว่า ฝ่ายอำมาตย์จะเป็นต่ออยู่หลายขุม แต่ถ้ามองให้ถึงกึ๋นจะเห็นได้ว่า หัวหน้าอำมาตย์กำลังกลืนเลือดเก็บอาการแทบไม่อยู่ เพราะเพียงแค่ประชาชนแข็งขืน หนทางเผด็จการก็ตีบตันลงเรื่อยๆ ถึงยื้อไว้ได้ ก็แค่ยืดวันตายไปอีกหน่อย

แม้จะมีแววว่ายังต้องลุ้น กันอีกยาว แต่หวยที่ออกได้ถูกล็อคไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่ายกสุดท้ายยังไงประชาชนก็ต้องมีเฮ ส่วนอำมาตย์ก็ต้องทำใจไว้เลยว่า งานนี้มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องว่ากันไปอีกเรื่อง

ระหว่างนี้คงต้องปล่อยบรรดาตัวตลกหน้าม่าน ออกมาแลบลิ้นปลิ้นตา เรียกเสียงฮาไปพลางๆก่อน

อย่าง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนรวินจอมเนรคุณ ก็ออกหน้ามาโชว์พาวเย้ยกกต. ด้วยการเคาะกะลาเรียกรวมพลพรรคภูมิใจไทย เกณฑ์กันไปลงแขกดำนา จนหน้าเขียวหน้าเหลืองไปตามๆกัน

ก็ขนาดปู่จิ้นยังยอมล่อนจ้อน เล่นเอาซ้อโพไซดอนถึงกับผมเผ้ากระเซิง เผ่นหนีขึ้นมาใส่ยาแทบไม่ทัน ไม่ใช่อะไร..ก็โคลนมันกัดเท้าน่ะ

ผล งานฮาแตกซะขนาดนั้น เท่ากับบอกกล่าวเป็นนัยๆ ไปยังพี่น้องอีสานบ้านเฮาว่า ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทยก็คงทำได้เท่าที่เห็น ใครอยากได้มากไปกว่านี้ เห็นทีต้องเรียนเชิญไปเลือกพรรคเพื่อไทยกันตามสะดวก

งานนี้ศึกสาย เลือดเขาจะโซ้ยกัน พรรคอมาตยาธิปัติย์ไม่เกี่ยว กรุณาถอยไปห่างๆ พรรคสะตอบอแหลของคนใต้ ยังไงคนอีสานเขาก็ไม่เลือก ต่อให้มาร์คลงทุนลากคันไถแทนควาย ชาวบ้านเขายังเลือกควาย ดีกว่าเลือกมาร์ค

ใน เมื่อเสียงมันขี่กันถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าการเลือกตั้งซ่อมที่สกลนคร ยังปรากฎว่าพรรคภูมิใจไทยนอนมาไม่มีพระนำ ก็เป็นอันพิสูจน์ได้ว่า สารพัดวิชามาร ยังตัดสินผลแพ้ชนะได้เสมอ

มาที่แฝดสยามยุคใหม่ คู่หูคู่ฮาอย่างกรณ์-มาร์ค ที่แค่เปิดตัวก็ทำเอาตลกซุปเปอร์โจ๊ก ถึงกับชิดซ้ายลงคูแทบไม่ทัน

ทาง ด้านแฝดผู้พี่นั้นสูงยาวเข่าดีมีชัยไปตั้งเยอะ หลังจากที่นั่งเก็งหุ้นจนเจ๊งบ๊งเละเทะไปกว่า 200 ล้าน แต่อาศัยว่าเคยแวะเวียน ไปเยี่ยมเยียนพันธมิตรตอนยึดทำเนียบอยู่บ่อยๆ ราศีรมต.เลยจับเปาะเข้าให้ อย่างช่วยไม่ได้

บุญพาวาสนาส่ง ได้โซ้ยตำแหน่งขุนคลังโดยไม่ทันตั้งตัว ชะตาชีวิตพลิกผันปุบปับ เล่นเอามะงุมมะงาหราทำอะไรไม่ถูก จากกรณ์เจ๊งหุ้น เลยกลายเป็นกรณ์กู้แหลกไปซะฉิบ

ส่วนแฝดผู้น้องก็ใช่ย่อย อุตส่าห์มุ่งมั่นดันทุรัง จนเต้าไต่ไปถึงตำแหน่งนายกฯ เล่นเอาดัชนีชี้วัดความสุขของป๋า พุ่งปรี๊ดอย่างกับท่อประปาแตก สอดคล้องกับดัชนีของประชาชน ที่พุ่งสูงจนน่าเกลียด แต่เป็นดัชนีชี้วัดความทุกข์ระทม ที่นับวันจะไปไกลจนสุดกู่

รัฐบาล เทพประทานอย่างนี้มันก็ดีไปอย่าง จะเลอะเทอะเหลวเป๋วยังไง ก็ยังมีขี้ข้าอำมาตย์ออกมาคอยตีปี๊บ เชียร์กันตะบันราด ถึงขนาดพะยี่ห้อมิสเตอร์คลีนให้ โดยไม่ประสงค์เอาตังค์

แต่แทนที่จะสื่อถึงนายกฯใจซื่อมือสะอาด ประชาชนดันนึกถึงน้ำยาขัดห้องน้ำไปซะฉิบ

อย่า ว่าแต่ 99 วันเราทำได้ ผลงานโดดเด่นในรอบหลายเดือน นอกจากตามเช็ดทักษิณแล้ว ก็ยังไม่เห็นจะมีอะไรเข้าตากรรมการมากไปกว่าเรื่องกู้ หลังจากที่เริ่มต้นก็ร้องแรกแหกกระเชอ ว่ารัฐบาลที่ผ่านมาไม่สะสมเงินไว้ให้ใช้ พอได้ทีเลยเร่งสะสมหนี้ไว้ให้รัฐบาลต่อไปซะให้เข็ด

พูดก็ว่า ถ้าให้มาร์คเป็นนายกฯอย่างนี้ สู้ให้ยี้ห้อยเป็นซะให้รู้แล้วรู้รอด ยังจะเวิร์คซะกว่า อย่างน้อยรายนั้นมันยังสลากกินแบ่ง ไม่เหมือนมาร์คม.7 ที่เล่นแต่สลากกินรวบกันยันเต นี่พูดถึงว่า ถ้าชีวิตประชาชนมันบัดซบจริงๆ อำมาตย์ไม่เปิดทางให้เลือกได้มากไปกว่านี้

แต่ถ้าเลือกเองได้ ยังไงก็ทักษิณ

เห็น ด่ามันปากอยู่แหม็บๆ เผลอแผล็บเดียวถึงคิวมาร์คไปเยือนกัมพูชาซะแล้ว ก็ไม่รู้ว่าด้านหน้าไปพบเขาได้ยังไง ในเมื่อเคยด่าเขมรไว้จมหูตอนที่เป็นฝ่ายค้าน แต่เอาเถอะ ถือว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว ห้ามลอกเลียนแบบก็แล้วกัน

แต่ไม่รู้ยังไง พูดถึงมาร์คกับเขมรทีไร เป็นต้องนึกถึงเขาพระวิหารไปซะทุกที

นี่ ถ้าไม่ใช่เพราะความสามารถด้านภาษาอังกฤษชั้นเทพของนายคนนี้ จ้างให้คนไทยก็ไม่รู้ว่า ศาลโลกเขาตัดสินให้เฉพาะตัวปราสาทเป็นของเขมร ไม่รวมที่ดินผืนน้อย ที่ยังเป็นของไทยทุกกระเบียดนิ้ว

คราวนี้เลยงาน เข้า ไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งตัวเองต้องตากหน้าไปสวามิภักดิ์ต่อฮุนเซ็น ก่อนนี้เห็นเก่งนัก คราวนี้คงได้เห็นทีเด็ดทีขาด ว่าจะสมราคาคุยซักแค่ไหน ไปกัมพูชาเที่ยวนี้ อย่าได้เอาแต่สอดส่ายสายตาล่อกแล่ก มองหาทักษิณจนเพลินซะล่ะ

ยังไงก็ช่วยกระชุ่นฮุนเซ็น ทวงค่าเช่าที่ดินย้อนหลังทบต้นทบดอกซะให้จั๋งหนับบุเรงนองด้วย ไม่งั้นมันก็ขายชาติพอกันกับที่ด่าคนอื่นไว้แหละน่า

เห็นรูปรัฐบาล นี้ไปเยือนกัมพูชาทีไร มันปวดหัวใจจี๊ดๆ ไม่รู้ว่าเมืองไทยกลายเป็นเมืองขึ้นเขมรตั้งแต่เมื่อไหร่ ทุกครั้งที่ไปถึงต้องหิ้วเศียรเทวรูป ติดไม้ติดมือไปจิ้มก้องฮุนเซ็น อย่างกับเป็นเครื่องบรรญาการ นี่ถ้ารัฐบาลอยู่ไปจนครบเทอม...

มีหวังพวกขนโบราณวัตถุไปคืนเขมรจนเกลี้ยงจ้อย

วโรทาห์: 14 มิ.ย.52

No comments: