Sunday, September 28, 2008

ศาลเตี้ย..หรือศาลเพียงตา..มันก็พอกัน

นับตั้งแต่อำมาตย์ใหญ่ ออกอาการบ้าเลือด อาละวาดจนบ้านพังมา 3-4 ปี ถึงวันนี้สภาพของมันกลับพังยับเยิน ยิ่งกว่าซาเล้งซิ่งไปชนสิบล้อ ไพ่เจ๋งๆที่ถือไว้จนเต็มกำมือตั้งแต่แรก ถูกทิ้งออกมาทีละใบๆ จนแทบจะหมดสต็อค สุดท้ายเหลือไพ่เน่าๆอยู่แค่ใบเดียว คือไพ่ตาชั่ง ที่คนดีๆเขาไม่ใช้กัน แต่ในเมื่อสิ้นไร้หนทาง มันก็เลยจำเป็น

ทุกวันนี้ก็งัดตาชั่งออกมาตีกินไปเรื่อยๆ คิดว่าอย่างน้อย คงต่ออายุออกไปได้อีกพักใหญ่ ถัดจากนั้นไปอะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องไปตายเอาดาบหน้า ตอนนี้ก็ได้แต่รอลุ้นกันว่า สุดท้ายแล้ว ตาชั่งจะประคองปีกอำมาตย์ไปจนมุมอยู่ที่ตรงไหน

ในสถานการณ์ที่อำมาตย์กำลังแถกเหงือก ดิ้นพราดๆฟาดหัวฟาดหาง อย่างน่าขนพองสยองเกล้าอยู่นี้ หมู่เราชาวประชาธิปไตย คงได้แต่ท่องคาถาอดทนและทนอดเอาไว้ให้ดี ซึ่งจะว่าไปแล้ว คงไม่น่าจะเกินขีดความสามารถไปซักเท่าไหร่ เพราะว่าแต่ละคนก็ทนเป็นบักอึ้ดอยู่แล้ว ในเมื่อส.เสือใส่เกือกเกิดมาเป็นข้าไพร่ มันก็ต้องอึดกว่าแรดอยู่แล้วเป็นธรรมดา

ต้องยอมรับกันอย่างหน้าซื่อตาใสว่า นอกจากนาฬิกาแล้ว เราก็ไม่มีอาวุธอะไรที่จะไปต่อกรกับมันจริงๆ พูดง่ายๆว่าต้องอาศัยเวลาเป็นอาวุธ ยื้อกันไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ หลับตาท่องไว้อย่างเดียวว่า อย่าไปเล่นตามเกมส์มันเด็ดขาด รู้ๆกันอยู่ว่าคนมันเลือดเข้าตาแล้ว ขืนผลีผลามออกไปประมือกับมัน ก็เท่ากับรนหาที่ไปเข้าทางปืนเปล่าๆ

ของมันแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ว่าลุงหมักก็ต้องรับไปเต็มๆอยู่แล้ว ในฐานะโต้โผใหญ่ฝ่ายประชาธิปไตย หลังจากที่ก่อนนี้ น้าแม้วก็โดนมาจนอ่วมแล้วอ่วมอีก คิวต่อไปน้าสมชายก็ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดี แต่ถึงยังไงก็คงไม่มีใครกลัวอยู่แล้ว เพราะยิ่งโดนหนักเท่าไหร่ ก็เหมือนหล่อหลอมพวกท่าน ให้จ่อคิวขึ้นแท่นเป็นวีรบุรุษในดวงใจ ของชาวไทยผู้รักประชาธิปไตยไปชั่วกาลนาน

สำหรับแฟนๆที่เป็นห่วงเป็นใยลุงหมัก ก็ขอบอกว่าอย่าไปกังวลให้มากนัก เพราะคนอย่างลุงหมัก ถ้ากลัวก็คงไม่มา ในเมื่อกล้ามาก็แสดงว่าไม่กลัว คนที่ผ่านศึกเหนือเสือใต้ ย่ำไปแล้วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ถ้ากลัวคุกแล้วทำให้ถอดใจ มันก็หมดลายกันพอดี ขอให้เชื่อเถอะว่า วันที่ลุงหมักเดินเข้าคุก คือวันประกาศชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย

ว่า กันตามเนื้อผ้า เมื่อเสียลุงหมักไป แล้วได้น้าสมชายมา ก็นับว่าไม่เลวนัก อย่างน้อยเมื่อเปลี่ยนจากบู๊ล้างผลาญแบบไอ้หนุ่มซิงตึ๊ง มาเป็นอ่อนพลิ้วลู่ลมเหมือนไอ้หนุ่มหมัดเมา ก็เล่นเอาฝ่ายอำมาตย์ถึงกับเหรอหรา พลิกตำรากันแทบมือหงิก

ส่วนใคร ที่กลัวว่า พ่อใหญ่จิ๋วจะมาแอบเนียนเป็นไส้ศึก ก็ขอให้ทำใจให้สบาย เพราะข่าวเขาว่า แม้แต่ป๋าก็ยังปวดหัวมึนตึ้บกับแกไม่หาย เสียงกระซิบจากสี่เสาแว่วมาว่า คนอย่างลูกจิ๋วนี่ ป๋าหละกลัวใจจริงๆ

ขนาดว่าแก่เฒ่าจนป่านนี้แกยังไม่ยอมนิ่ง เดี๋ยวเป็นลูกป๋า เดี๋ยวเป็นพี่แม้ว จะอยู่ฝ่ายไหนก็ไม่เอาให้ชัดไปซะข้าง ขืนผลีผลามใช้ไปเป็นไส้ศึก ยังไม่รู้ว่าแกจะล้วงไส้แม้วมาโชว์ป๋า หรือว่าลากไส้ป๋าไปประเคนแม้ว

"การเมืองใหม่แม่เอ๊ย ร้อนๆจ้า" หลังจากที่หันรีหันขวางอยู่หลายท่า ในที่สุดลุงลองก็นำทางสาวกไปลงเหวด้วยการเมืองสูตรใหม่ ลงมือโขกสับการเมืองเก่า ว่ามันเน่าหนอนชอนไช สูตรน้ำผึ้งผสมถั่งเช่า ยังไม่เร้าใจโก๋ เพราะแม้ว่าจะใส่น้ำผึ้งไปจนเกือบเต็มร้อย แต่ในเมื่อปนเปื้อนฝุ่นผงมาแม้แต่เพียงเล็กหน่อย มันก็ต้องโละทิ้ง แล้วเปลี่ยนสูตรมาชงใหม่

สูตร สำเร็จที่ถือว่าเจ๋งเป้ง คือน้ำผึ้ง 30 ขี้หมา 70 คลุกเคล้าให้เข้ากัน ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ชาวประชาธิปไตยแค่ฟังก็ถึงกับอ้วกแตก แต่สำหรับสมุนเผด็จการแล้ว มันช่างหอมกลิ่นขี้หมาอย่าบอกใคร

เจ๋งไม่เจ๋ง ก็ขนาดอธิการ-บ่ดี 24 หน่อ ยังหอนรับกันเซ็งแซ่ เห็นเขาว่าสูตรนี้มันหากินยากนัก ต้องรอทหารเลวลากรถถังออกมาปรุงให้ ถึงจะพอได้กิน อะไรไม่อะไร ขนาดราษฎรโกโรโกโส ยังยกนิ้วขาหน้าแล้วร้องฮ้อ ออกแรงตะกุยหาข้อดีมาได้ตั้ง 7 ข้อ มันต้องอย่างนี้ซิน่า ถึงจะไม่เสียชื่อ นายแพทย์สังเวช บัดสี เจ้าของสมญา ตาแก่หน้ามึน

เอาเถอะ จะเจ๋งหรือจะเจ๊งเดี๋ยวก็รู้ แต่ที่แน่ๆ ทุกครั้งที่เห็นแม่นางโกโรโกโสออกมาติ๊ดชึ่ง ย่อมเป็นสัญญาณว่าฝ่ายอำมาตย์กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ

ตั้งแต่ประกาศการเมืองใหม่ออกมา ม็อบแป๊ะกลับออกอาการเป๋ไม่หยุดมาโดยตลอด ไพร่พลในทำเนียบนั้นร่อยหรอไปเห็นๆ ล่าสุดทำสถิติต่ำร้อยไปร้อยเรียบ ก็แน่หละ ใครจะกล้าไปตามมัน ในเมื่อมันเล่นเปลี่ยนเป้าไปมาเป็นว่าเล่น อะไรไม่ว่า ยิ่งเปลี่ยนยิ่งใกล้คุกเข้าไปทุกที

ก็ขนาดว่า ลุงลองยังต้องออกมาแบะท่าอย่างน่าเกลียด ให้น้าสมชายรีบมาเจรจาซะโดยไว ก่อนที่จะไม่มีพันธมิตรให้เจรจา

ช่วงนี้ แนวร่วมเลยฉากออกกันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็นสื่อเสี้ยมที่ชักจะเสี้ยมต่อไปไม่ไหว หรือนักวิชาเกินที่เริ่มจะตบกลับเข้าหาวิชาการทีละรายสองราย ยังไม่นับรวมทหารที่เข็ดขยาดไปตั้งนานแล้ว เหลือทหารเลวไม่กี่ตัวก็ถูกเมกามันเอาปูนหมายหัวไว้เรียบร้อย

แม้แต่เจ้าหนูมาร์คยังไม่ได้รับการยกเว้น น้าบุชขอเข้าพบแล้วตบกบาลไปฉาดใหญ่ บอกว่าให้มันน้อยๆหน่อย เจ้าหนูน้อยมักกะสัน ถ้าไม่เอาประชาธิปไตย ก็นิมนต์ไปอยู่ข้างถนน

ไจรัญ พันบาทพักนี้ก็หายต๋อม ตั้งแต่เปิดพจนานุกรมลากลุงหมักลงมานอนแอ้งแม้ง แต่ตัวเองก็เอาตัวไม่รอด ทุกวันนี้เสียผู้เสียคนจนมองหน้าใครไม่ติด เพราะนอกจากจะทำลายระบบยุติธรรมจนเสียศูนย์แล้ว ยังผ่าไปทุบหม้อข้าวชาวบ้านอีกเป็นโขยง คราวนี้อาจารย์เล็กอาจารย์น้อย จะออกไปขับแท๊กซี่หาลำไพ่พิเศษ ก็ต้องดูทางหนีทีไล่ให้จงดี เพราะว่า...

พอรับเงินจากผู้โดยสารปั๊บ ก็กลายเป็นลูกจ้างในบัดดล

วโรทาห์: 28 ก.ย. 51

1 comment:

Anonymous said...

บทความ แจ่มซะนี่กระไรนะครับ คุณวโรห์ทา
หายหน้าจาก ราชดำเนินไปพักใหญ่เลยนะครับเนี่ย