Tuesday, October 9, 2007

สาส์นถึงผู้ที่อยู่แดนไกล (ฉบับที่ 2)

พลันที่ฤาษีเต่า หาญกล้าหักหาญพวกมันกันเอง ประกาศประลองยุทธวันที่ยี่สิบสามเดือนสิบสอง โดยมิปรึกษาผู้ใด พวกมันก็ถึงกับมองตากันปริบๆ แล้วลงดิ้นพล่านดั่งใส้เดือนถูกขี้เถ้า ยิ่งเมื่อวีรบุรุษไม่ได้ปูนบำเหน็จเป็นแม่ทัพบก พวกมันก็ถึงกับหัวใจแตกสลาย

ที่แท้พวกมันหวาดกลัวแสนยานุภาพของเรายิ่งนัก เกรงว่าหากถึงวันประลองยุทธ พี่น้องเรากรีธาทัพออกมาพร้อมกันทั่วทั้งแผ่นดิน พวกมันย่อมมิอาจรับมือ จึงจิกตีกันวุ่นวายกัดกันยิ่งกว่าสุนัข เพื่อหาเหตุเลื่อนวันประลองยุทธออกไป

เรื่องอัปมงคลเหล่านี้ข้ายังไม่อยากเล่าให้เจ้าฟัง ไว้รอฝุ่นควันจางลงแล้วข้าจะค่อยๆเล่าภายหลัง

มาถึงวันนี้หากไม่พูดถึงจอมกระบี่โผงผาง ท่านผู้เฒ่าซุนซามัก คงไม่ได้แล้ว นึกไม่ถึง เจ้าส่งคนผู้นี้มาถือธงนำหน้าพรรคเรา นับเป็นหมากที่แหลมคมยิ่ง วางลงไปข้าศึกถึงกับผงะ หงายหลังตกเก้าอี้ นึกไม่ถึงมีเรื่องเช่นนี้ ถือว่านอกเหนือความคาดหมายจริงๆ

เพียงสัมผัสกลิ่นอายท่านผู้เฒ่า เหล่าสุนัขรับใช้และโหงพรายก็ถึงกับกรีดร้องโหยหวน ประหนึ่งได้กลิ่นความตาย พลันท่านผู้เฒ่าปรากฎกายออกมาพวกมันก็ถึงกับแตกฮือวิ่งหนีตายไปคนละทิศละทาง คะเนว่าพ้นรัศมีสังหารของจอมยุทธเฒ่าแล้ว จึงหันกลับมาเห่าหอน วางท่าว่ามิเกรงกลัว แต่ยังคงเห่าไปถอยหลังไปรักษาระยะห่างไว้มิให้ท่านผู้เฒ่าเข้าใกล้ได้

เหล่าปีศาจร้ายล้วนรู้ซึ้งถึงพิษสงของท่านผู้เฒ่าดี เพราะต่างได้เคยลิ้มรสเพลงกระบี่ขี้บ่น ฟาดฟันไปบ่นไป เจ็บตัวไม่พอยังต้องเจ็บใจเพราะถูกบ่น ต้องเข็ดขยาดไปจนตาย ไม่คิดตอแยอีก

ว่าไปแล้วเส้นทางชีวิตบนถนนการเมืองของจอมยุทธซุนท่านนี้ ก็ช่างเหมือนกับเจ้าไม่น้อย ต่างถูกใส่ร้ายป้ายสีโดยพรรคกาลี ที่ร่วมมือกับพวกสื่อชั่ว ด้วยข้อหาทุจริตอันเลื่อนลอย ยิ่งกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานดุจเดียวกันแต่สุดท้ายราษฎรกลับรู้ว่าท่านนั้นบริสุทธิ์ยิ่งนัก

อันอาวุโสซุนท่านนี้ คนรักชอบก็มาก ที่ชิงชังก็มีไม่น้อย ยังนับว่าโชคดีพี่น้องเราจิตใจกว้างขวาง เพื่อบ้านเมืองแล้ว แม้ชิงชังแค่ไหนยังยอมปล่อยวาง แม้คนที่เคยมีความแค้นต่อกันยังยอมเลิกรา ไม่คิดถือสา นับว่าน่านับถือยิ่ง ส่วนตัวของท่านผู้เฒ่าเองยิ่งมิเคยพยาบาทผู้ใด

ในสถานการณ์เช่นนี้ สมควรใช้จอมยุทธฝ่ายบู๊เข้าพิชิตศึก ยังมีผู้ใดเหมาะสมเท่าท่านผู้เฒ่าซุนอีก เมื่อต้องเผชิญหน้าขั้นแตกหักกับเหล่าอสูรร้ายที่รวมหัวกันเข่นฆ่าผู้คนไร้ความปราณี มีแต่เพลงกระบี่สังหารกำราบอธรรม ของท่านจอมยุทธโผงผาง จึงจัดการกับพวกมันได้

แม้ท่านผู้เฒ่าจะชราไม่น้อยแล้ว ในวัยนี้สมควรต้องพักผ่อนให้มาก แต่เพื่อเห็นแก่ราษฎร ยังไงต้องขอเอาเปรียบท่าน รบกวนให้ออกหน้า นำพาเหล่าจอมยุทธธรรมะ กวาดล้างฝูงปีศาจให้ราบคาบเสียก่อน เมื่อเสร็จศึกแล้วจึงเปลี่ยนให้ท่านไปพักผ่อน ปล่อยให้จอมยุทธฝ่ายบุ๋นออกมาสร้างบ้านแปลงเมืองต่อไป

พวกมันไม่ยอมเลิกราจริงๆ สองวันก่อนยังส่งคนเข้ามาในหมู่บ้านข้า เรียกคนไปชุมนุม แล้วสั่งสอนให้รู้จักประชาธิปไตย ทั้งให้รู้จักแยกแยะคนดีคนชั่ว สรุปก็คือด่าเจ้าให้พวกข้าฟัง พรรณนาความผิดของเจ้าอย่างยืดยาว เพื่อให้พวกเรารวมหัวกันเกลียดชังเจ้า ข้าฟังแล้วขัดใจนัก จึงได้ลุกขึ้นตอบโต้มันไปหลายคำว่า

ข้านั้นแม้ร่ำเรียนมาน้อย แต่ยังพอรู้จักแยกแยะดีชั่ว ไม่จำต้องให้ผู้ใดมาสั่งสอน ยังมีบุพการีสอนสั่งให้รู้จักกตัญญูรู้คุณคน รู้จักว่าบุญคุณต้องทดแทน แค้นยังพออภัย

ข้อหาของเจ้าก็เป็นเรื่องของเจ้าผิดถูกให้ตุลาการที่เที่ยงธรรมเป็นผู้ชี้ขาด ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้าไปช่วยตัดสิน แต่ความดีของเจ้าที่ช่วยเหลือพวกข้า แม้ตายยังมิอาจลืมเลือน

ในเมื่อเจ้าออกหน้าช่วยเหลือพวกข้า แม้ไม่ได้ช่วยเหลือข้าโดยตรง เพียงแต่ช่วยเหลือพี่น้องข้าก็เหมือนช่วยเหลือข้า แล้วข้าจะเกลียดชังเจ้าได้อย่างไร

อย่าว่าแต่ผู้มีบุญคุณอย่างเจ้า แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยดีต่อข้า ความผิดก็ชัดแจ้ง ถูกศาลตัดสินลงโทษแล้ว ข้ายังไม่เคยไปคิดชิงชังพวกเขา ในเมื่อเขาถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมืองแล้ว ธุระอะไรของข้าต้องตามไปลงโทษเพิ่มเติมอีก หากทำเช่นนั้น ใยมิใช่ตั้งศาลเตี้ยตามอำเภอใจหรือ

เจ้ายอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต่อสู้กวาดล้างเหล่าคนพาลผู้มีอิทธิพล ฝากรอยแค้นไว้ให้พวกมันมากมาย พาครอบครัวตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตราย เพื่อให้พวกข้าอยู่เย็นเป็นสุข หากข้าไม่ปกป้องเจ้า ยังขับไล่ใสส่งออกไปกลางถนน ให้พวกเดนคนมันแก้แค้น ข้ายังสมควรเป็นคนอยู่หรือ

เรื่องเลือกตั้ง ข้าเองก็เคยลงติ้วเลือกตั้งไปหลายครั้ง ข้ายังไม่เคยสนใจว่าผู้อื่นเลือกเหมือนข้าหรือไม่ แต่เหตุใดพวกมันต้องมาชี้นำให้ข้าเลือกคนนั้น ไม่เลือกคนนี้ นี่เป็นประชาธิปไตยแบบไหนกัน

แม้ข้าโง่เขลายังพอรู้ว่า ประชาธิปไตยใช่ว่าเป็นการปกครองของคนฉลาด ทุกคนมีหนึ่งเสียงเท่ากัน หาแบ่งแยกชนชั้นไม่ เมื่อเป็นเช่นนั้น จะยังไงข้าก็ยืนยันขอตัดสินใจกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง

พลันข้าพูดจบพี่น้องข้าต่างตบมือชมเชย ทำให้หัวใจข้าพองโต จนหน้าอกยืดขึ้นอีกหลายนิ้ว ส่วนพวกมันก็ถึงกับนิ่งอึ้ง สีหน้าเหมือนไม่ได้ขับถ่ายมาหลายวัน หากเป็นเมื่อเดือนก่อน พวกมันต้องไม่ปล่อยข้าเอาไว้แน่ เพียงแต่ตอนนี้หัวหน้าของพวกมันหมดวาสนาไปแล้ว ข้าจึงพอจะขึ้นเสียงได้บ้าง

ทุกครั้งที่เอ่ยถึงเจ้าให้พี่น้องเราได้ยิน หยาดน้ำตาก็เอ่อท้นเบ้าตาของพวกเขา ข้าไม่อยากเห็นน้ำตาของพี่น้องข้า ยิ่งไม่ต้องการรับรู้ถึงความทุกข์ระทมของพวกเขา แต่พวกเขาก็ชมชอบมาลอบอ่านสาส์นที่ข้าเขียนถึงเจ้า แล้วไปแอบหลั่งน้ำตา ยังบังคับให้ข้าเขียนอีก แล้วกำชับให้ส่งให้พวกเขาอ่านก่อนทุกครั้ง

เกื้อกูลต่อกันย่อมก่อเกิดไมตรี เมื่อมีไมตรีจึงผูกพัน ผูกพันย่อมคิดถึง ความคิดถึงนั้นเกาะกินหัวใจอยู่ทุกคืนวัน เฝ้าครุ่นคิดคำนึงมิรู้วาย ใจหนึ่งอยากสลัดทิ้งไป แต่อีกใจหนึ่งกลับอยากเก็บไว้จดจำ บางครั้งข้าก็นึกอยากชิงชังเจ้านัก หากทำเช่นนั้นได้ ข้าคงไม่ต้องมาแบกรับความขมขื่นเฉกเช่นทุกวันนี้

คงเป็นเพราะว่าพวกเรามีวาสนาต่อกันมาแต่ชาติปางก่อน จึงได้มาเกื้อกูลกันในชาตินี้ แม้เจ็บปวดเพียงใดพวกเรายังต้องอดทน มีแต่พวกเรากลมเกลียวกันไว้จึงฝ่าฟันพายุร้ายลูกนี้ไปได้ เจ้าจงวางใจ ถึงอย่างไรพวกข้าไม่ทอดทิ้งเจ้า ยิ่งหวังว่าเจ้าก็ไม่ทอดทิ้งพวกข้าดุจเดียวกัน

ฟ้าดินจงเป็นพยานวันนี้ข้า วโรทาห์ ขอบังอาจเป็นตัวแทนพี่น้อง ประกาศต่อฟ้าดินว่า นับจากวันนี้ พวกข้าขอสาบานเป็นพี่น้องกับเจ้า ต่อไปภายหน้ามีสุขร่วมเสพย์มีทุกข์ร่วมต้าน เราจักผนึกกำลังกันทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อทวงคืนอำนาจของเรา เราจักไม่ทอดทิ้งกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย...

ตัวหนังสือที่ข้าเขียนเส้นอาจจะบางไปบ้าง เป็นเพราะข้าต้องใช้น้ำหมึกอย่างพอเพียง จึงต้องลำบากเจ้าเพ่งสายตาอ่านเอาหน่อย... นึกไม่ถึง ขิงเฒ่ามาดูแลบ้านเมืองหนึ่งปี ทำข้าจนลงไปอย่างน่าประหลาด แม้แต่เงินซื้อน้ำหมึกยังไม่มี

เฮ่ย... ซวยจริงๆ หนึ่งปีผ่านไป ทำการงานสิ่งใดไม่สำเร็จสักอย่าง จำเพาะมาทำสำเร็จเรื่องหั่งเช้งพอเพียงเรื่องเดียว เวลานี้ราษฎรทั่วทั้งแผ่นดิน ได้อดอยากกันถ้วนหน้า มิพอเพียงยังต้องพอเพียงแล้ว

แต่เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ายังเหลือกระบือแก่ๆอยู่อีกหนึ่งตัว ขายไปคงได้เงินหลายอีแปะ ข้าสัญญาว่าหากขายได้จักเจียดเงินไปซื้อน้ำหมึกมาเพิ่มเติม เพื่อขีดเขียนเส้นหนาขึ้นอีกสักหน่อย คงช่วยให้เจ้าอ่านสบายตาขึ้นมาไม่มากก็น้อย

วันนี้ข้าต้องพอก่อน ฝากบอกฮูหยินดูแลเจ้าให้ดีด้วย เพื่องานใหญ่ของเราในภายหน้า ส่วนเจ้าเองก็ต้องรักนางให้มาก ไม่ว่าอย่างไรห้ามทำให้นางเสียใจโดยเด็ดขาด หากวันใดให้ข้ารู้ว่าเจ้ารังแกนางละก็ ข้าต้องไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่

พี่น้องเราล้วนอยากส่งสาส์นถึงเจ้า หากแต่พวกเขาไม่สะดวกที่จะเขียนสาส์นเอง จึงขอร่วมลงชื่อในท้ายสาส์นของข้า เจ้าก็ดูเอาเองแล้วกัน ว่าพี่น้องเรามีอยู่มากมายเพียงใด

วโรทาห์: ๙ ตุลาคม ๒๕๕๐

No comments: