Monday, March 3, 2008

มหาบุรุษคืนถิ่น...

พลันที่นกยักษ์ร่อนลงสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ บุรุษผู้นิราศร้างรอนแรมยังแดนไกล ย่างเท้าลงเหยียบบนพื้นธรณีแห่งสยามประเทศ นั่นคือสัญญาณว่า การเดินทางอันยาวไกลได้สิ้นสุดลงแล้ว ปวงชนณ.ที่นั้นต่างเปล่งเสียงแซ่ซ้องต้อนรับ มหาบุรุษคืนถิ่น

ท่ามกลางสายตานับล้านล้านคู่ ที่เฝ้าจับจ้องมองดูอย่างชื่นชม บุรุษผู้มาดมั่นทระนง ทรุดร่างลงบนพื้นพสุธา ซบหน้าลงสู่ดิน มือทั้งสองสนิทแนบกับพื้นปฐพี ซึมซับไออุ่นแห่งพระแม่ธรณีที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์

ไฉนเลย สาธุชนผู้มีดวงจิตอันประเสริฐ ยังอาจฝืนทนสะกดกลั้นความรู้สึก มิให้อัสสุชลท้นเอ่อสู่ขอบตา จนไหลบ่าลงอาบแก้ม.. ภาพอันน่าประทับใจนี้ จักเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจผู้คน ไปตราบชั่วกาลนาน

เจ้าผู้เป็นมหาบุรุษในดวงใจของปวงชนเอย วันนี้มิใช่หรือ คือวันที่ปวงชนเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน แม้นับไปแล้ว กาลเวลาผันผ่านเพียงชั่วสิบเจ็ดเดือนเพ็ญ แต่ความเจ็บปวดรวดร้าว กลับทำให้รู้สึกดั่งว่ามันยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

ภูผาอันหนักอึ้งที่กดทับอยู่บนอกมาแรมปี ถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยพลัน ในที่สุด ปวงชนก็ได้สูดหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา บ่งบอกถึงความปีติที่มิอาจเปรียบเปรย ความรู้สึกผิดต่อเจ้าได้มลายไปจนสิ้น

ครอบครัวอันแสนอบอุ่นที่กระจัดพลัดพรายไป ก็ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้า นับแต่นี้ไป ภายใต้อ้อมกอดแห่งปวงชน คงมิมีสิ่งใดบังอาจมาพรากพวกเจ้าออกจากกันแล้ว นอกจากความตาย

กาลเวลาผันแปร สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนผัน เจ้าจงอย่าได้คิดน้อยใจไปเลย แม้ว่าวันนั้น เจ้าได้จากบ้านจากเมืองไป ด้วยภารกิจผู้นำของชาติ ใครเลยคาดคิดว่า เมื่อเจ้ากลับมา เหตุการณ์กลับพลิกผัน จากจอมคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นผู้ต้องหา

แม้กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม วันที่เจ้าจากไป เจ้านั้นเป็นเพียงนายกฯผู้เป็นที่รักใคร่ของปวงชน แต่มาวันนี้ ปวงชนมารอต้อนรับเจ้ากลับสู่มาตุภูมิ ในฐานะมหาบุรุษในดวงใจของพวกเขา ตำแหน่งนี้มิมีใครแต่งตั้ง แต่เกิดขึ้นเองในจิตใจของผู้คน แม้มีเงินตรามากมายเพียงใดยังมิอาจซื้อหา

วิกฤติย่อมนำพาโอกาสอันยิ่งใหญ่มาด้วยเสมอ แม้วิกฤติครั้งนี้จะรั้งเจ้ามิให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่อีกด้านหนึ่งยังคงยับยั้งเจ้าไว้ มิให้เดินต่อไปในทางที่ผิด หาไม่แล้ว เจ้าคงยังชุบเลี้ยงอสรพิษไว้ข้างกาย รอวันเติบใหญ่มาผลาญพร่า คร่าชีวิตของตนเอง

หากมิใช่มีวิกฤติแล้ว ไหนเลยเจ้ายังอาจรู้ได้ว่า ผู้ใดคือศัตรูในร่างมิตร ที่คอยคิดทำลายล้างเมื่อสบโอกาส ยิ่งมิอาจรู้ได้ว่า ใครคือมิตรแท้ในยามยาก ผู้ยอมอุทิศชีวิตเพื่อสหาย มิเคยครั่นคร้่ามต่อภยันตราย มีสุขร่วมเสพย์ มีทุกข์ร่วมต้าน

มหาบุรุษเอย เพื่อความสุขของปวงชน เจ้าได้เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว หากแม้นเวลานี้เจ้าต้องการพักผ่อน ย่อมนับว่าเป็นเรื่องที่สมควร นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าจงอุทิศเวลาให้แก่ครอบครัวของเจ้า ชดเชยในสิ่งที่พวกเขาต้องขาดหายไป ตอบแทนที่พวกเขาต้องลำบากเพื่อเจ้ามามากแล้ว

เจ้าจงอย่าได้คิดห่วงถึงปวงชนอีกเลย เพราะการช่วยเหลือของเจ้า บัดนี้ปวงชนได้ตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาสามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตนเอง เพื่อเดินไปข้างหน้าอย่างทระนงองอาจ แม้จะรักอาลัยต่อเจ้าเพียงใด พวกเขาคงมิอาจเรียกร้องจากเจ้าให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

ปวงชนมิอาจเหนื่อยล้า หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เมื่อลุกขึ้นมาแล้ว พวกเขาคงต้องก้าวเดินต่อไปมิอาจหยุดยั้ง เสรีภาพเบื้องหน้าคือสิ่งที่ต้องไขว่คว้ามาให้จงได้ แม้อาจไม่ทันให้พวกเขาได้ใช้ แต่ผลที่ได้คงตกทอดแก่ลูกหลาน

มหาบุรุษเอย ไม่ว่าวันข้างหน้า เราจะได้กลับมาต่อสู้เคียงข้างกันอีกหรือไม่ก็ตาม แต่จงระลึกไว้เสมอว่า เจ้าได้กลายเป็นตำนานการต่อสู้ของเราไปแล้ว นามของเจ้าจักประทับอยู่ในความทรงจำของปวงชน ตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน นามที่จะถูกจารึกไว้จนชั่วนิรันดร์...

มหาบุรุษทักษิณ...

วโรทาห์: 28 ก.พ. 51

1 comment:

Anonymous said...

I couldn't count how many times
I cried when I repeatly read this
subject.