Monday, December 17, 2007

ในเมื่อฟ้าส่งมาร์คมาเกิดแล้ว ใยต้องส่งลุงหมักมาด้วย ???

ที่ร้านอาหารภายในโรงแรมหรูหราใจกลางมหานคร กุ๊กชรารูปร่้างสูงใหญ่ถือตะหลิวเดินออกมาจากห้องครัว ตรงไปที่โต๊ะอาหารซึ่งตั้งอยู่ในมุมลับตา

"สวัสดีครับพี่" ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะลุกขึ้นยกมือไหว้ทักทาย เขาสวมสูทสีน้ำเงิน สวมแว่นตาสีดำ ลักษณะเป็นนักธุรกิจใหญ่

"อ้าา... หวัดดีๆ มีอะไรให้ช่วยล่ะ!" ชายชรารับไหว้แล้วนั่งลง เอาตะหลิววางลงบนโต๊ะ

นักธุรกิจผู้นั้นเลื่อนกล่องกระดาษใบใหญ่บนโต๊ะ ทำการส่งมอบให้กุ๊กเฒ่า ชายชราเปิดออกดูทันที เป็นธงผืนใหญ่พิมพ์อักษร พปช.ตัวใหญ่เบ้อเร่อ และชุดสูทสีเดียวกับที่ชายผู้นั้นสวมอยู่

"คือว่า... ผมมาขอให้พี่ช่วยถือธงให้หน่อยครับ"

"อ๊า... ไม่มีปัญห๊า ได้ๆๆๆ" กุ๊กเฒ่ารับปากทันทีโดยไม่ต้องคิด ขณะที่พลิกธงไปมาอย่างชื่นชม

"เอ่อ... พี่ทราบหรือยังครับว่าต้องสู้กับเจ้าทหารแขกนอกแถวคนนั้น" นักธุรกิจป้อนคำถาม เพื่อย้ำให้แน่ ว่าเข้าใจตรงกัน

"ก๊ากก.. ชิวๆ.. ตอนไอ้กระพ้มเป็นรัฐมนตรี มันยังจีบแม่ค้าไข่หวานอยู่ที่เพชรบูรณ์เล้ย ไม่มีปัญหาๆ"

"แล้วพี่ยังต้องเจอกับเจ้าเด็กม.7 ด้วยนะครับ"

"ก๊ากก.. กั่กๆ.." คราวนี้หัวเราะหนักกว่าเก่า น้ำตาเล็ดน้ำตาร่วงกว่าจะพูดต่อได้ "มะม่วงจำโบ่ม... ตอนเหลิมเป็นดาวรุ่งอยู่ในพรรคมัน มันยังตัวเท่าลูกหมา นุ่งกางเกงขาสั้นมาโต๋เต๋ๆ อยู่ที่พรรค ให้เค้าใช้วิ่งซื้อโอเลี้ยง... ใช้ได้ๆ... ก๊ากกก.. กั่กๆ.."

"ถ้างั้น ผมก็เบาใจ ยังไงก็ขอฝากพี่ด้วยนะครับ"

"ได้ๆๆ ไม่มีปัญหาๆ... โอ๊ยขำ" ชายชรายังคงขำไม่หาย

หลังจากชายผู้นั้นลากลับไปแล้ว กุ๊กเฒ่าก็ถอดเครื่องแบบกุ๊กออก เปลี่ยนเป็นชุดสูท ออกปฏิบัติการทันที

@@@@@

ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งในสารขัณฑ์ ภายในอาคารสำนักงานไม้เก่าคร่ำคร่า นายทหารใหญ่ในชุดเครื่องแบบปกติสีขี้ม้า กำลังนั่งเซ็งอยู่ที่โต๊ะทำงาน

เขาเป็นชายร่างอ้วน ผิวดำ หน้าตากระเดียดไปทางแขก ลักษณะไม่มีสง่าราศี ถ้าถอดเครื่องหมายยศออก ใครๆต้องเข้าใจตรงกันว่าเป็นลุงขับแท็กซี่

เบื้องหน้าเขา มีเด็กหนุ่มหน้าแหลม ฟันเกนั่งอยู่ มันฟูมฟายพิรี้พิไร จะเป็นจะตาย ปากก็พล่ามไม่ยอมหยุด

"แง๊... มาร์คอยากเป็นนายกฯ มาร์คอยากเป็นนายกฯ แง... ลุงหมักมาแย้ว มาร์ค อดแน่เลย ไม่ยอมด้วย แง... ฟ้าส่งมาร์คมาเกิด แล้วทำไมต้องส่งลุงหมักมาด้วย แง..."

"มาร์ค..." นายทหารผู้นั้นอ้าปากจะพูดปลอบใจ เจ้าเด็กนั้นได้ทียิ่งส่งเสียงร้องดังขึ้นไปอีก

"แง๊... ไม่รู้ด้วย น้าบังต้องช่วยมาร์คด้วย แงๆๆๆ..."

"มาร์คฟังน้าก่อน..." พอตั้งท่าจะพูดอีก เจ้าเด็กบ้าก็ยิ่งแหกปาก เร่งวอลลุ่ม แผดเสียงร้องจนห้องแทบแตก

"แง๊..."

"ปัง! เมิงจะฟังตูไม๊!" ทหารแขกทุบโต๊ะเสียงดังสนั่น จนสะเทือนไปทั้งห้อง ตามมาด้วยเสียงตวาดดังลั่น อาบังยัวะจนเลือดฝาดฉีดขึ้นหน้า ทำให้หน้าดำๆกลายเป็นสีช้ำเลือดช้ำหนอง

ได้ผล... เจ้าเด็กขี้แยนั่นตกใจจนหน้าซีด นั่งตัวแข็งทื่อ เอามือจับเก้้าอี้ไว้แน่น เสียงร้องไห้หายไปเป็นปลิดทิ้ง เหลือแต่เสียงสะอื้นฮักๆ เหมือนรถที่ยังเบรคไม่สนิท

"เออ... เมิงฟังตูก่อน" นายทหารผู้นั้นเริ่มสาธยาย "ตูก็ปวดกบาลจะบ้าอยู่นี่ ไม่ใช่ว่าตูซาบายใจ.." เด็กหนุ่มผู้นั้นนั่งเงียบกริบ ดวงตาบ้องแบ๊วจ้องอยู่ที่หน้าเจ้าแขกอย่างหวาดระแวง

"น้าก็กำลังทำเอกสารลับอยู่" น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง "รับรองมันได้เจอแน่ งบลับก็กระจายไปเตรียมไว้หมดแล้ว สื่อเส่อก็ได้รับแจกกันถ้วนหน้า.. แล้วยังป้าสดสวยอีก เด็กในคาถาน้าเอง

มาร์คต้องใจเย็นๆ คอยดูฤทธิ์ป้าแกละกัน ขนาดน้าเป็นเจ้าของแท้ๆ แกยังฟัดไม่เลี้ยง"

"ว่าแต่แกเถอะ ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันมั่ง วันๆเห็นแต่เก๊กหล่อ อ้อนแม่ยก อยู่นั่นแหละ... มาร์คต้องเข้าใจนะ ว่านี่มันไม่ใช่คณะลิเก นี่มันพรรคการเมือง มาร์คต้องอาสามารับใช้ประชาชน ประชาชนต้องมาก่อน..."

"อ้วกก..." เสียงเหมือนคนอ้วกแตกอยู่ข้างนอก ทำให้ทหารแขกหยุดกึก นั่งงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อพิจาณาแล้วเห็นว่าคงเป็นพวกเมาสุรา จึงละความสนใจ หันมาอบรมต่อ

"แล้วก็อย่าเอาแต่พูดโชว์โง่ไปเรื่อย สมองอ้ะ มีไม๊... คิดหน่อย ไม่ใช่เอะอะก็วาระประชาชน ข้ายิ่งโง่ๆอยู่ บอกตรงๆ ฟังเอ็งแล้วมึนว่ะ ไม่รู้ว่าเอ็็งมันบ้าหรือข้ามันโง่"

"แล้วถามจริงๆเหอะ ที่เอ็งพูดน่ะ เอ็งรู้เรื่องหรือเปล่า? อั้ยวาระประชาชน ประชาชนต้องมาก่อนของเอ็งน่ะ... เอ้า! หลับอีก" พอหยุดพูดเพื่อรอฟังคำตอบ แล้วเห็นเจ้าเด็กบ้านั่นนั่งสัปหงก น้ำลายไหลยืด แขกเลยควันออกหู ตบโต๊ะเปรี้ยง

"ปัง! นี่ตูถามเมิง!" เล่นเอาชายหนุ่มที่กำลังจะเข้าฌาน สะดุ้งจนตัวลอย ตาสว่างทันที

"ถะ... ถามว่า อะ.. อะไรครับอา"

"เอ้า เวร... นิเมิงไม่ได้ฟังตูพูดเลยเหรอวะเนี่ย... ตูถามว่าเมิงรู้เรื่องไม๊ อั้ยวาระประชาชนบ้าบออะไรของเอ็งเนี่ย"

"ไม่รู้คร๊าบ"

"เอ๊า... ไม่รู้เรื่อง แล้วจาพูดทามมายยย..." นายทหารแขกเกาหัวแกรกๆ เสียงเหมือนสุนัขเกาขี้เรื้อน

"เค้าบอกให้พูดครับ อา"

"เออ... เอาเข้าไป เจริญละเมิง เค้าบอกให้ทำอะไรก็ทำ นี่ถ้าเค้าบอกให้เิมิงไปตาย เมิงจาไปไม๊วะเนี่ย... ตาย.. ตาย.. แล้วมันจาเข็นขึ้นไม๊วะเนี่ย..." เจ้าแขกทิ้งตัวหงายหลังพิงเก้าอี้ ทำท่าเซ็งเป็ด... แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง

"โครม!" เสียงถีบประตูดังสนั่นหวั่นไหว เรือนไม้เก่าๆสั่นสะท้านไปทั้งหลัง ยังกับจรวดอาร์พีจีตกใส่ ร่างอ้วนดำเผ่นแผล็ว กระโจนพรวดขึ้นจากเก้าอี้ ไปยืนได้อย่างน่้าอัศจรรย์ พริบตาเดียวก็ใส่ทีนหมาเตรียมพร้อม ในท่าโกยเถอะโยม เป้าหมายคือหน้าต่าง

"ก๊ากกก... กั่กๆๆๆ..." เสียงหัวเราะดังลั่นมาจากนายทหารหนุ่มท่าทางกระตุ้งกระติ้ง ซึ่งยืนถือโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าปากประตู เขาเอามือกุมท้อง หัวเราะจนตัวงอเป็นกุ้ง

"อั้ยอู เมิงเอาอีกแล้วนะ" นายทหารแขกด่าลั่นขณะเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ "ตูบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อนเข้ามา... บ้าเอ้ย คนยิ่งเสียวถูกเช็คบิลอยู่ด้วย... แล้วมีเรื่องอะไร!"

"มีฮาโหลมาถึงท่านครับ" ผู้พันไก่อู นายทหารคนสนิทพูดทั้งที่ยังหัวเราะอยู่ "เค้าบอกว่าจะสอบภรรยาคนที่สามของท่านครับ"

"เออ... บอกให้มันสอบไปเลย แล้วช่วยรวบอีกสองตัวเอ๊ยคนไปสอบซะให้ครบสามคนด้วย" เขาพูดอย่างฉุนเฉียว

"ครับท่าน" นายพันไก่อูรับคำ แล้วเตรียมหันหลังกลับ แต่ต้องชะงัก

"เดี๋ยว!" นายทหารแขกเรียกไว้ ใบหน้าดุดันเปลี่ยนเป็นยิ้มน้อยๆ แววเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นในลูกกะตา "เมิงบอกเค้าด้วยนะ ให้รีบๆสอบ แล้วยึดเข้าหลวงให้หมดเลยทั้งสามคน บอกว่าตูสัญญาว่าจะไม่อุทธรณ์เป็นอันขาด คริ คริ..."

"ครับท่าน คริ คริ" นายพันไก่อูรับคำอีกครั้ง แล้วเตรียมหันหลังกลับ แต่ก็ต้องชะงักอีก

"เดี๋ยว! อั้ยมาร์คมันหายไปไหน" ผู้เป็นนายถาม หลังจากหันไปมองรอบห้องแล้ว ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าเด็กขี้แยคนนั้น

"นั่นไง! อยู่นั่นไง... ก๊ากกก..." เจ้าไก่อูพูดพร้อมกับชี้ไปที่ใต้โต๊ะ แล้วหัวเราะลั่น พอแขกก้มลงไปมองตามมือ ก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ปล่อยก๊ากออกมาลั่นห้อง "ก๊ากกก... กั่กๆๆๆ..."

ร่างกระทัดรัดของเด็กน้อย ขดงอเป็นแมวนอนหวดอยู่ใต้โต๊ะ ตัวสั่นเทาเหมือนลูกหมาตกน้ำ กลอกตาล่อกแล่กไปมาอย่างหวาดระแวง

"ออกมาได้แล้ว กั่กๆๆๆ" นายทหารแขกหัวเราะไป พร้อมกับเอาเท้าเขี่ยเด็กหนุ่มคนนั้นให้ออกมาจากใต้โต๊ะ

"ไป ไปทำงานได้แล้ว โอยขำ..." เขาตบไหล่เด็กหนุ่มนั่นจนเอียง ทั้งที่ยังหัวเราะไม่อยู่ พอเด็กนั้นหันหลังจะเดินออกไป ยังเหวี่ยงมะเหงกเหนี่ยวกะโหลกไปอีก 1 ที

"แอ๊... มาตบหัวมาร์คทำไม! เดี๋ยวฉี่รดที่นอน" เจ้าเด็กนั่นร้องไม่เป็นภาษามนุษย์ พร้อมกับออกอาการฮึดฮัด ยกมือคลำหัวป้อยๆ

"ไม่มีอาราย... น้าช่วยเจิมห้าย" เขาตอบทั้งหัวเราะ แล้วตบไหล่เด็กโง่ไปอีกป้าบใหญ่

คราวนี้เจ้าเด็กน้อยรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที ก่อนที่จะโดนตบฟรีมากไปกว่านี้

@@@@@

หลังจากนั้น สนามเลือกตั้งก็เดือดพล่าน กุ๊กใหญ่ที่แปลงร่างมาเป็นหัวหน้าพรรค อาศัยลูกเก๋าบวกแรงหนุนจากแฟนคลับสิบกว่าล้าน ไล่ถลุงจนเจ้าบังเสียผู้เสียคน ส่วนเจ้ามาร์คนั้นไม่ต้องพูดถึง เจอยำใหญ่ไปจนกลับบ้านไม่ถูก กว่าจะกระเซอะกระเซิงกลับพรรคได้ก็แทบรากเลือด

ในห้องใหญ่ บนชั้นสองของที่ทำการพรรคเก๋ากึ้ก ลูกพรรคต่างนั่งเซ็งเป็ดตัวใครตัวมัน กระจัดกระจายกันอยู่ตามโต๊ะทำงานที่วางเรียงรายอยู่เต็มห้อง

ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะกลางตัวใหญ่ที่วางอยู่มุมห้อง ความที่เป็นคนร่างเล็ก ทำให้เห็นแค่หัวโผล่ขึ้นมาพ้นขอบโต๊ะ เอกลักษณ์ที่เห็นเด่นชัด คือผมเรียบแปร้ ทรงกระจังหมาแหงน

บุรุษหนุ่มร่างกระทัดรัดอีกผู้หนึ่งนั่งฟูมฟายอยู่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ

"เราแพ้ย่อยยับแล้ว อา... ทำไงดี แง..."

ชายชรากลับนั่งสเก็ตช์ภาพไปด้วย ฟังไปด้วยอย่างสงบ หลังจากปล่อยให้เจ้าหนุ่มนั่น ฟูมฟายจนเหนื่อยแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยโทนเสียงทุ้ม นุ่มลึก ตามแบบฉบับพระเอกหนังสมัยโบราณ

"เอ่อ... อายังไม่ได้รับรายงาน"

"รายงานแล้ว !!!" เสียงประท้วงดังลั่น มาจากทุกทิศทุกทาง จนลั่นห้อง แถมด้วยเสียงสบถส่งท้าย "นิ.สัย."

"เอ่อ... ลืมไป โฮ่ะๆ.. อาได้รับรายงานแล้ว เลยเตรียมนี่ไว้ให้มาร์ค โฮ่ะๆ" พูดจบ ก้มลงไปใต้โต๊ะ ขลุกขลิกๆ อยู่ครู่หนึ่ง จึงยกกล่องใบใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะจนสำเร็จ

ชายหนุ่มเปิดออกดูทันที แล้วทำหน้างงๆ เมื่อเห็นว่าเป็นชุดเสื้อผ้าสีขาวสำหรับกุ๊ก พร้อมตะหลิวหนึ่งอัน

"ไรอ้ะ.. อา"

"ฟังอานะมาร์ค เพื่ออนาคตของมาร์คเอง มาร์คต้องไปเริ่มต้นใหม่ ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ชิมไปบ่นไปกับคุณสมัครเค้า วันหน้ามาร์คจะได้เป็นใหญ่เป็นโต... มาร์ค อย่าได้มาดักดานกะอาเลย

ที่อาสอนมาร์คได้ก็มีแต่วิชาแกว่งปากหาเสี้ยน ด่าคนนิ่มๆ แนะแหนไปเรื่อยเปื่อย แต่มันหากินไม่ได้แล้วหละ คนเค้ารู้ทันกันหมดแล้ว อีกอย่าง อาเองจะตายหองตายห่าวันไหนก็ยังไม่รู้..."

ฟังชายชราพูดได้แค่ยั้ย เด็กหนุ่มก็เบะปาก แล้วปล่อยโฮออกมาลั่นห้อง ด้วยความทราบซึ้งในน้ำใจของผู้เฒ่า

"แง.. มาร์คจะทำตามที่อาบอก มาร์คจาไปเป็นกุ๊ก แง..." พูดแล้วก็ลุกขึ้นเก็บกล่องเอามาอุ้มเตรียมจะจากไป แต่ยังไม่วายเป็นห่วงพรรค

"แต่... มาร์ค ยังห่วงพรรคน่ะอา แล้วใครจะมาเป็นหัวหน้าต่อจากมาร์คล่ะอา..."

"เอ่อ... อายังไม่ได้รับรายงาน"

"เวร!" เด็กน้อยสบถมาคำหนึ่ง แล้วผลุนผลันจากไป โดยไม่เหลียวกลับมาอีกเลย...

@@@@@

วโรทาห์: 16 ธ.ค. 2550

No comments: