หมอนเอยเจ้าหมอนทอง
๏ หมอนเอยใยเศร้าหมอง โอ้หมอนทอง เจ้าหม่นไหม้
หมดสิ้นกำลังใจ ไร้เรี่ยวแรง จะแข็งขืน
ระทดระทวยท้อ บ่มีสุข ทุกวันคืน
ทุกข์ตรมและขมขื่น ระท้อทด เพราะหมดไฟ
๏ เหนื่อยนักก็พักนิด เพื่อเติมจิต ให้ผ่องใส
เติมเต็มกำลังใจ ไว้สู้ศึก ด้วยฮึกหาญ
ศึกนี้ไม่มีจบ ต้องสู้รบ กันยาวนาน
คืนวันที่ผันผ่าน จะขัดแต่ง ให้แกร่งไกร
๏ จงลุกขึ้นสู้ต่อ อย่าทดท้อ อย่าหวั่นไหว
หนทางแม้ยาวไกล แต่หัวใจ อย่าท้อถอย
มุ่งมั่นสู้ฟันฝ่า ให้ถึงฝัน อันรอคอย
ฝ่าฟันวันละน้อย พอบรรจบ ก็พบแสง
๏ สองแขนแม้อ่อนล้า ถึงสองขา จะอ่อนแรง
จิตใจที่เข้มแข็ง ประหนึ่งนก ที่ผกเหิน
หากใจยังกล้าแกร่ง อีกสองเท้า ยังก้าวเดิน
เชิดหน้ามาเผชิญ ผจญฝ่า ท้าประจัญ
๏ ภูเขาจะขวางหน้า แม้ภูผา จะขวางกั้น
เพียงใจไม่ไหวหวั่น ที่ขวางกั้น ก็สั่นไหว
ปัญญาที่กล้าแข็ง จะสร้างแรง บันดาลใจ
สว่างกระจ่างใส แม้คืนค่ำ จะนำทาง
๏ ข้างกายของสูเจ้า คือหมู่เรา อยู่เคียงข้าง
แม้กายจะไกลห่าง แต่หัวใจ ยังใกล้ชิด
เพียงใจเราตรงกัน ดั่งอิงแอบ แนบสนิท
ศัตรูหมู่อมิตร ผู้คิดร้าย ต้องกรายไกล
๏ หมอกม่านจะผ่านพ้น ประชาชน จะยิ่งใหญ่
อุปสรรคจะแค่ไหน ยังแพ้ใจ ที่ใฝ่หา
อาทิตย์ที่อับแสง ยังร้อนแรง กว่าจันทรา
ปวงชนจะเริงร่า เมื่อฟันฝ่า ถึงเส้นชัย
วโรทาห์ (๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment