ว้า...พริบตาเดียวแท้ๆ คมช.ก็ไปซะแล้ว สดๆร้อนๆเช้าวันนี้ วันที่ 22 ม.ค.2551 คมช.ประชุมสุมหัวกันนัดสุดท้าย ประกาศยุติบทบาทอย่างเป็นทางการ ไปคราวนี้ ไปแล้วไปลับไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก แหม..เห็นกันอยู่หลัดๆ ด่วนไปซะและ
วันเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน รู้สึกเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานหยกๆ ไม่รู้ผีเข้าอะไร จู่ๆอาบังรักชาติจนสุดอดกลั้น ชวนน้องพรั่งลากรถถังออกมาก๋าอยู่กลางเหมืองหลวง ฝรั่งเกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น ชะแว๊ปหายเข้าโรงแรมแทบไม่ทัน
แต่คนไทยสายพันธุ์แมลงสาบ ตื่นเต้นยินดียังกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งชุดใหญ่ ยิ่งคนหัวโตแห่งท่าพระอาทิตย์ด้วยแล้ว ขานั้นถึงกับปาดเหงื่อ เป่าปากเฟี้ยว โล่งอกไปที สุมหัวก่อม็อบกันมาข้ามปี งบแทบเกลี้ยง ถ้าบังไม่มาช่วยเห็นทีต้องซี้แหงแก๋
ผลัดกันรุกผลัดกันรับ คราวนี้ก็ถึงทีข้าบ้าง พวกเราเลยได้ออกไปทำการเมืองภาคประชาชน เย้วๆกันที่สนามหลวงแทนที่พวกพันธมาร ที่แพ็คกระเป๋ากลับบ้านไป เพราะปฎิบัติหน้าที่สำเร็จลุล่วง เรียบร้อยโรงเรียนโจร
ความเสียวนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นึกถึงวันที่ไปเย้วๆอยู่หน้าบก.ทบ. แม๊...มันได้อารมณ์อย่าบอกใคร พวกถือปืนกลเบา ยืนจังก้ายังกะอยู่ในแบกแดด เห็นแล้วมันเสียวท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก พอมันขยับตัวทีไร ต้องตั้งท่าเตรียมโกยไว้ก่อนเผื่อเหนียว
ที่ว่าเสียวน่ะ ไม่ใช่ว่ากลัวมันยิงเอา แต่กลัวมันทำปืนลั่นใส่ต่างหาก ไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่.. แต่ละคนหน้าตาบ้องแบ๊๊ว ไม่รู้ว่าฝึกกันมาได้ที่รึยัง เราเลยไม่ค่อยกล้าเสียงดังเท่าไหร่ กลัวว่าพลาดท่าพลาดทาง มันตกใจทำปืนลั่นขึ้นมาละเป็นได้ซวยไม่เลิกแน่
แต่ที่เป็นไฮไลท์ของงานต้องยกให้ มหกรรมกีฬาสี่เสามาราธอน ครั้งที่ 1 โดยคมช.เป็นโ้ต้โผใหญ่ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฏาคม 2550 สนุกสนานเฮฮาถึงใจพระเดชพระคุณ ชนิดที่ว่าลืมไม่ลงไปจนวันตาย
เริ่มจากตอนบ่ายเป็นมหกรรมเดินวิ่งการกุศล เริ่มต้นออกจากท้องสนามหลวง ไปสิ้นสุดที่บ้านพักคนชราสี่เสาเทเวศน์ ระหว่างทางมีคั่นรายการเล็กน้อย ด้วยกีฬายกน้ำหนัก เป็นรายการสามัคคียกรถสูบส้วม เอาไปคว่ำทิ้งข้างทาง หลังจากนั้นจึงเดินต่อไปจนถึงปลายทางที่สี่เสา
รายการต่อมาเป็นการร้องเพลงเชียร์ โดยนักร้องประสานเสียงจำเป็น เพลงสดุดีบรรพชนสี่เสาชุดใหญ่ พร้อมหางเครื่องเชียร์ลีดเดอร์ครบชุดอลังการ เสียงดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ กรอกใส่หูผู้เฒ่าในบ้านพักคนชรา ซาบซึ้งจนควันออกหู
ที่ว่ามานั่นแค่เรียกน้ำย่อย ของจริงอยู่ช่วงดึกหลังสี่ทุ่ม สี่เสาเค้าจัดให้ เป็นมหกรรมกีฬามหาระทึก รายการวิ่งป่าราบ ผลัด 4 คูณ 100เมตรผสม ชาย หญิง เด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ชิงตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-ห้องกรง พร้อมที่พักฟรี 7 คืน 8 วัน ไม่พอยังต่อได้อีกไม่อั้น มีอาหารเลี้ยง 3 มื้ออีกต่างหาก
พอนักกีฬาแตกฮือกระจายเป็นวงกว้างยังกะผึ้งแตกรัง ก็เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ คนหลังวิ่งมาล้มลงแล้วคนหน้าค่อยวิ่งต่อ
ความสนุกสนานอยู่ที่ มีกรรมการถือกระบองวิ่งไล่หวด อย่างเอาเป็นเอาตาย นักกีฬาเลยต้องใส่กันเต็มที่ สปีดวิ่งกันสุดชีวิต สับขายังกับจักรผัน เรียกว่าถึงขั้นใส่เท้าสุนัขกันเลยทีเดียว
เท่านั้นยังตื่นเต้นไม่พอ เลยมีอิฐบินมาร่วมสนุก อันนี้มาเอง ทางคณะกรรมการยอมรับว่าไม่รู้เรื่อง แหม...มันปลิวว่อน เฉี่ยวซ้ายเฉี่ยวขวา เฟี๊ยวฟ๊าวยังกับอยู่ในสนามรบ ทำให้นักกีฬาต้องวิ่งซิกแซกสลับฟันปลาเพื่อหลบหลีก ลดความเสี่ยงที่อิฐจะโดนกบาลไปได้หลายขีด
กีฬามันๆอย่างนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เป็นอันขาดคือแกสน้ำตา อันนี้สมนาคุณจากวีรบุรุษนาเก๊ เห็นว่าจัดให้ไปร้อยกว่าลูก กลัวว่าจะแจกจ่ายกันไม่ทั่วถึง โอย..สะใจวัยรุ่นอย่าบอกใคร เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ เพิ่งได้มาเจอตัวจริงเสียงจริงก็วันนี้ น้ำตางี้ไหลพรากๆ เป็นเผาเต่า แซบอีหลี ดีคักๆ แหล่มจริงๆ
นักกีฬาที่หลบไม่พ้น ถึงกับหัวร้างข้างแตกเลือดอาบไปก็ไม่น้อย บ้างก็ถึงกับสลบเหมือดต้องหามวิ่งเอาเพื่อทำเวลา นักกีฬาหญิงที่เรี่ยวแรงน้อยหน่อย วิ่งหนีไม่ไหว ก็ยังมีออปชั่นพิเศษ ให้ยกมือไหว้ขอชีวิตได้ ตามประเพณีอันดีงามแบบไทยๆ
หลังการแข่งขันจบลง นักกีฬาที่ชนะเลิศต่างแสดงสปิริต ไม่มีผู้ใดประสงค์รับรางวัล ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องออกหมายเรียก ขนาดว่ามีนักวิ่งลมกรดที่ฝีเท้าจัดจ้าน เข้าข่ายได้รับรางวัลเป็นกะตั้ก แต่ที่ไปรายงานตัวรับรางวัล กลับมีเพียงไม่กี่คน
เท่าที่จำได้ก็มีจตุพร ณัฐวุฒิ จักรภพ และที่ขาดไม่ได้คืออ.มานิตย์ ขานี้แม้จะอาวุโสแล้ว แต่ยังแรงไม่แผ่ว แต่ตอนไปรับรางวัลกลับบ้อลัก ทำให้ลำบากเจ้าหน้าที่ ต้องหามไปทั้งเก้าอี้
มหกรรมกีฬาแห่งชาติอันยิ่งใหญ่อย่างนี้ นานปีมีหน สมัยก่อนเห็นว่าจัดบ่อย 3ปี 5 ปีก็เอาซะครั้งนึง มาหลังๆนี่ชักห่างไป เหลือแค่ 15 ปีครั้ง หมายความว่า ท่านที่พลาดโอกาสทองอันนี้ไป ก็ต้องรอเหงือกแห้งอีก 15 ปี ไม่รู้ว่ายมบาลจะถามหาซะก่อนหรือเปล่า
สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เราเลยได้วีรบุรุษบินฟรีมาประะดับวงการ ก่อนจากยังมีแก่ใจเซ็นทิ้งทวนให้เอไอเอสอีกหนึ่งจึ๊ก กลัวว่าคนใหม่มาจะเซ็นไม่เป็น
ดาวรุ่งอีกดวงที่มาแรงยังกับผีพุ่งใต้ เป็นที่ติดตาตรึงใจด่ากันไม่เสร็จ ย่อมหนีไม่พ้นโฆษกไก่อู พ.อ.สรรเสริญ ผู้ให้กำเนิด นับจากนี้ไปนับว่าอนาคตรุ่งริ่ง น่าจับตามอง
ต้องขอขอบคุณคมช.ที่อุตส่าห์ลำบากตรากตรำ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจัดการแข่งขันให้ประชาชนอย่างเราๆ ได้เอ๊กเซอร์ไซส์เพื่อสุขภาพกัน คาดไม่ถึงว่างานนี้ มีประชาชนเข้าร่วมถึงครึ่งค่อนประเทศ เล่นเอาอาบังตาเหลือก เสียผู้เสียคนไป
หลังจบงานนี้ พวกเราเลยเป็นงานกันขึ้นเยอะ คราวหน้าเจอกันใหม่ รับรองสนุกถึงกึ๋นแน่นอน แต่ยังไงก็แล้วแต่ ในที่สุด คณะกรรมการชุดนี้ก็แตกกระสานซ่านเซ็น สัญจรไพรกันไปตามระเบียบ บางคนหลงไปถึงดูไบ ยังหาทางกลับไม่เจอ จนแล้วจนรอด
ประชาชนอย่างเราๆ ก็ไม่มีอะไรจะให้เป็นของฝาก แทนคำร่ำลา นอกจากคำว่า...
ลาก่อน คมช. ชาติหน้าพบกันใหม่...
วโรทาห์: 22 ม.ค. 51
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment