Monday, January 7, 2008

ปู๊นๆ... รถด่วนขบวนสุดท้าย จะออกแล้ว

หลังจากที่ผ่านการต่อสู้กับพวกเผด็จการมาอย่างทรหด เสียเลือดเสียเนื้อ เสียน้ำตากันไปหลายปี๊บ ยังไม่รวมกับที่เสียความรู้สึกไปอีกหลายกระบุง รถด่วนสายประชาธิปไตย ตั้งท่าจะแล่นปู๊นๆออกจากสถานีอยู่รอมร่อ

พูดแล้วก็ไม่น่าเชื่อ บ้านนี้เมืองนี้ เรื่องไม่เป็นเรื่องมันยังทำให้เป็นเรื่องจนได้ จู่ๆพอบ้านเมืองกำลังจะสงบ ความเชื่อมั่นกำลังจะหวนคืนมา มันก็เอาอีกละ ป่วนกันเละเทะ้

พวกด้านนี่มันด้านจนเหลือขอจริงๆ แพ้แล้วยังไม่รู้จักว่าแพ้ จะตะแบงเอาให้ได้ สงสัยปริญญาอ๊อกสะฝอดนี่มันไปตื้อเค้ามา เอาด้านเข้าว่า เอาหนาเข้าชน พอเค้าเหลือทน ก็เลยให้มา

ถ้าว่ากันตามสิทธิแล้ว รถไฟคันนี้ มันก็ต้องให้ลุงหมักเค้าขับไป เสียงเค้าตั้ง 233 ตัวเองแค่ 165 ทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น ต้องเอาใจช่วยลุงเค้าให้รีบรวบรวมลูกเรือให้ได้เกินครึ่ง จะได้ออกรถซะที ก่อนที่ชาวบ้านจะยืนตายซากกันซะหมด

ที่ไหนได้ นอกจากมันจะไม่ช่วยกันแล้ว ยังออกลูกตุกติก เจ้าเด็กอย่างหนานั่น ถึงกับลงไปตีแปลง แหกปากร้องลั่น ไม่ยอมๆ หนูจาขับๆ แงๆๆ... ด่าก็แล้วว่าก็แล้วมันยังไม่ฟื้น ฝ่ายกองเชียร์ก็เชียร์เย้วๆ ทั้งๆที่มันผิดทำนองคลองธรรมยังงั้นแหละ

ยิ่งเจ้าพี่เลี้ยงหน้าดำตาโปนนั่นยิ่งแล้ว ระหว่างที่ลุงหมักกำลังปัดกวาดอยู่บนรถ มันก็เดินไปรอบๆ เขย่าทางโน้นทีทางนี้ที กะให้ลุงเค้าเวียนหัวจะได้ยกธงขาว เล่นมันดื้อๆอย่างนี้แหละ

หันมาทางเจ้าเตี้ย... นี่ก็ลวดลายจัดเลื้อเกิน ยิ่งมาเข้าคู่กับเจ้าชาละวันหน้าปุนี่ยิ่งแล้ว กลายเป็นคู่หูคู่ฮา ขาป่วนอีกคู่ แต่ขานี้ยังเบาหน่อย ยังไม่ด้านพอ วันนั้นทำแหยมว่าอยากขับเอง พอเจอสวนเข้าให้ก็ถอย เปลี่ยนมาขอแค่เกาะขบวนไปก็พอ

แต่ขึ้นชื่อว่ามังกรอ้ะนะ ลวดลายเล็กๆน้อยๆมันต้องมี จะทำกระดี๊กระด๊าไปเกาะขบวนเลย ก็เสียหน้าตายโหง อีกอย่างผู้ใหญ่ที่นับถือกันมา 30 ปี ก็เหล่ตาเขียวปั้ดอยู่ แค่ไปผูกเสี่ยวที่อีสานหน่อยเดียว ยังได้เรื่อง มันฮัลโหลตามจิกถึงบ้าน

เห็นเจ้าเตี้ยควงคู่เจ้าชาละวัน เลียบๆเคียงๆยึกๆยักๆ ยียวนดีนัก ลุงหมักรวบรวมลูกเรือได้ 254 คน ก็ทำท่าจะออกรถ พอเปิดหวูดรถไฟปู๊นเดียวแท้ๆ เจ้าเตี้ยถึงกับตาเหลือกเผ่นแผล็วขึ้นรถแทบไม่ทัน

เจ้าชาละวันที่เดินหูกางหางชี้ทะล่อทะแล่อยู่ด้วยกัน หันหาเจ้าเตี้ยให้เลิ่กลั่ก เห็นอีกทีโน่น นั่งปร๋อ กวักมือเรียกหยอยๆอยู่บนรถ ฝีมือรุดหน้าจนเกินเยียวยา เรื่องอย่างนี้มันต้องไว สัญชาตญาณล้วนๆ ไม่ต้องรอสมองส่วนกลางทำงานให้เสียจังหวะ

@@@@@

อะไรเอ่ยโกงแล้วยังแพ้ ก็แมงสาบนั่นไง ถะๆๆๆถูกต้อง... พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ป๋าก็ได้แต่นั่งเซ็งเป็นนกถึดทือ ไอ่มาร์คนะไอ่มาร์ค อุ้มเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น เข็นเท่าไหร่ก็ไม่ไป อุตส่าห์ปฏิวัติมาปีกว่า ทำบ้านเมืองเสียหาย เจ๊งบ๊งวินาศสันตะโรจนเหลือแต่ซาก สุดท้ายก็โบ๋เบ๋

สู้กับใครยังพอทำเนา สู้กับประชาชนนี่มันปวดเฮดจริงๆ เครือข่ายมันแทรกซึมเข้าไปทุกรูขุมขน แม้แต่หน่วยทหารก็ไม่มีเว้น ขนาดเอกสารลับแท้ๆ มันยังล้วงเอาไปตีแผ่ซะ กลายเป็นเอกสารโจ๋งครึ่ม ฉีกหน้าอาบังให้ได้อาย ดีว่าหน้ายังหนา เลยพอเอาตัวรอดไปได้

บุรีรัมย์โมเดลที่ว่าแน่ๆก็โหลยโท่ย เจ๊งยกจังหวัด สู้ต้องกทม.โมเดลก็ไม่ได้ วิธีการก็เรียบง่าย ภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนๆ ยกหิ่บหนีโลด แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ปชป.เข้าวินถล่มทะลาย ปิ๊ลักจัดห้าย รับประกันซ่อมฟรี โกงษะดวกโยธิน

นึกว่าพลังเงียบที่ไหน ที่แท้ก็พลังย่องเงียบ เปลี่ยนบัตรเป็นกะตั้ก สรุปว่าตีนแมวอยากได้ปิ๊สิดเป็นนายกฯ ชาวกทม.ก็ได้แต่นั่งงง แต่คณะกรรมการโกงเลือกตั้ง ยังดื้อตาใส ทำหน้าบ้องแบ๊ว ไม่รู้ไม่ชี้

โกงแล้วยังแพ้กราวรูด มือที่มองไม่เห็นก็ต้องทำงานหนัก เที่ยวล้วงเที่ยวควักให้พัลวัน เล่นเอาเสียวซ่านกันไปทั้งบาง นี่ถ้าเล่นกันถึงขั้นใช้มือที่อยู่ใต้กางเกงเมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน

ถูกล้วงมากๆ กกต.เลยต้องออกโรง ควักใบเหลืองใบแดง ร่อนไปทางพปช.ยังกะห่าฝน เจ้ากรรม... รองเท้าก็ลอยกลับมาให้ว่อน จนหลบแทบไม่ทัน ที่น่าเจ็บใจมันมาเป็นข้างไม่มาเป็นคู่ สุดท้ายต้องเพลาๆมือไว้ เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย

สมน้ำหน้า มันก็น่าจะโดนซะมั่งคณะกรรมโกงชุดนี้ มีอย่างที่ไหน เรื่องร้องเรียนพรรคอื่นมันทิ้งลงถังขยะหมด ทีเรื่องร้องเรียนพปช.มันโดดตะครุบแทบไม่ทัน ไปยืนฟังหาเสียงมันยังจะให้ใบแดง เหลือแหล่จริงๆ

จะว่าไปมันก็ทำตัวเองทั้งนั้น ก็เล่นโกงเลือกตั้งมั่วซั่ว จนทิ้งหลักฐานเต็มไปหมด ขืนทิ้งไว้เป็นได้เจอคุก เลยต้องเ็ข็นปชป.เข้าไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้เรียบร้อยก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง มันเลยต้องเล่นกันทุกท่า ไม่งั้นก็เจ๊งหมดตัว

แต่เอาเถอะ จะเอาไงก็เอากัน ถ้าไม่กลัวคุกกลัวตะรางกันแล้ว ก็ไม่รู้จะว่าไง ก็ได้แต่ให้กำลังใจลุงหมัก ให้ยืนซดกับมันยาวๆไปเลย ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงนัก จะเรียกกองหนุนเมื่อไหร่ก็บอก รากหญ้าเราเตรียมพร้อมอยู่แล้วเป็นล้านๆ

ล่อกับมันเลยลุงหมัก... อย่ายอมแพ้นะ...

สู้เค้า ทาเคชิ !!!

วโรทาห์: 6 ม.ค. 2551

No comments: