. ซูยุก-เอย นับจากวันที่เจ้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งกระบี่มือหนึ่งถืออาญาสิทธิ์ปกครองยุทธภพอย่างองอาจ เจ้าช่างฮึกเหิมประหนึ่งนักรบผู้เข้ามากอบกู้แผ่นดิน ยังมีใครกล้าคิดว่าเจ้ายังคงมีวันนี้ วันที่เจ้าถูกขับไล่ไสส่งจากเหล่าเดนคนกอบกู้ชาติประหนึ่งสุนัขไร้เจ้าของ ขู่เข็ญเจ้าจนอยู่ยังมิได้ตายยังมิยอม บัดนี้เจ้าคงได้รู้ซึ้งถึงรสชาดความขมขื่นที่ทักซิ้งเคยได้รับมาแล้ว
. ซูยุก-เอย เจ้าอย่าได้ลำพองนัก วรยุทธของเจ้าเมื่อเทียบกับทักซิ้งแล้วนับว่ายังห่างไกล หากเขาเป็นดั่งขุนเขาเจ้ายังคงเป็นได้เพียงแค่ธุลีดิน นอกจากวิชาบาทาเหยียบย่ำฝูงชนอันลือลั่นที่โรงเตี๊ยมลาตาน่าโกซิ้ง กับผลงานสังหารตัวประกันพร้อมนักรบกาเหลียนที่เมืองโอ่งมังกรอีกเล็กน้อยแล้ว ยังมีผลงานใดให้เจ้าเอ่ยอ้างได้อีก อาศัยโจรปล้นชิงอาญาสิทธิ์มามอบให้ เจ้าจึงมีวันนี้ มาตรแม้นต้องเข้าประลองยุทธรับการคัดเลือกจากชาวยุทธแล้ว ตายอีกสิบชาติเจ้ายังคงมิอาจได้ครอบครองตำแหน่งกระบี่มือหนึ่งแห่งแผ่นดิน
. ซูยุก-เอย เจ้ายังคงมิต้องน้อยใจไป เมื่อเทียบกับเหล่าเดนนรกแล้วเจ้ายังนับว่าสูงส่งอย่างยิ่ง นับไปแล้วเจ้ายังคงมีคุณธรรมอยู่บ้าง แม้ไม่มีมากยังมีน้อย มิชั่วร้ายเฉกเช่นหมู่มารที่หามเกี้ยวให้เจ้านั่ง เจ้ายังคงรู้ผิดชอบชั่วดีจึงรู้จักขัดขืนมิยอมเหล่ามารบงการให้ทำลายทักซิ้งตามใจชอบ หาไม่แล้วปวงชนผู้มีใจเป็นธรรมมิอาจทนดู ย่อมลุกฮือขึ้นต่อต้าน ใยมิใช่แผ่นดินต้องลุกเป็นไฟ
. ซูยุก-เอย เจ้าทำผิดพลาดไม่น้อย เจ้าพร่ำเอ่ยถ้อยคำสมานฉันท์ทำให้ผู้คนมีความหวัง คาดมิถึงสมานฉันท์ของเจ้ากลับเป็นสมานฉันท์ของพวกมาร สมานฉันท์ของพวกเจ้าคือให้ทุกคนหันมาร่วมมือกันกำจัดทักซิ้ง หากเป็นเช่นนี้เจ้าคงต้องไปสมานฉันท์กันเองแล้ว สมานฉันท์ของปวงชนคือทำให้บ้านเมืองมีขื่อแป ทุกคนเคารพอาญาบ้านเมือง หากทักซิ้งผิดจริงย่อมได้รับโทษไปตามอาญาบ้านเมือง มิมีใครว่ากล่าวเจ้า หากแต่มิใช่ตั้งศาลเตี้ยตัดสินกันตามชอบใจ
. ซูยุก-เอย กำจัดความเกลียดชังออกจากคนสองฝ่ายจึงเรียกว่าสมานฉันท์ แต่เจ้ากลับปลุกปั่นผู้คนให้ร่วมกันเกลียดชังคนคนหนึ่งเจ้ายังกล้าเรียกว่าสมานฉันท์อีกหรือ หากใครไม่เห็นด้วยกับพวกเจ้ายังถูกป้ายสีเป็นคลื่นใต้น้ำ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าบิดาของเจ้ามิเห็นด้วยกับทางการถูกป้ายสีเป็นคอมมูนิสต์ ผ่านมาหลายสิบปีเจ้ากลับทำดั่งเช่นที่คนอื่นทำกับบิดาเจ้า ได้…หากเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าย่อมสงเคราะห์ให้ ข้าขอเป็นคลื่นใต้น้ำมิขอเป็นสุนัขรับใช้พวกขุนนาง แต่เจ้าจงรู้ไว้ด้วยว่าคนที่ถูกเจ้าผลักใสไปเป็นคลื่นใต้น้ำนั้นมีอยู่ทั่วอาณาจักร ไม่เว้นแม้แต่ทางทิศทักษิณอันเป็นที่มั่นของพวกเจ้าเอง วันใดพวกเขาลุกฮือขึ้นมาพร้อมกันเจ้าจักได้รู้ว่าพวกเขามีจำนวนมากมายเพียงใด
. ซูยุก-เอย ลำบากเจ้าแล้ว เป็นเพราะเจ้าก้าวเดินผิดเอง วันๆมิทำการงานมุ่งแต่ตามทำลายล้างทักซิ้ง นอกจากเอาผิดทักซิ้งมิได้แล้วการค้ายังหยุดหมด ผู้คนอดอยากแร้นแค้นผิดจากยุคสมัยของทักซิ้งราวนรกกับสวรรค์ เจ้าทำจนบ้านเมืองเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนใครเลยกล้าเข้ามาค้าขาย วันนี้เจ้ากลับกลายเป็นศัตรูของคนทั้งสองฝ่าย ฝ่ายมารกล่าวหาเจ้าไม่มีผลงาน แปดเดือนมิยอมกำจัดทักซิ้งทำให้การค้าไม่เดินพวกเขาจึงอดอยาก ฝ่ายปวงชนกล่าวหาเจ้าหมกมุ่นหาทางกำจัดทักซิ้งจนไม่ทำการงาน การค้าจึงไม่เดินทำให้พวกเขาอดอยาก นี่ล้วนเป็นเพราะเจ้าทำผิดมหันต์เอง
. ซูยุก-เอย เมตตาคือคุณธรรม ผู้มีเมตตาจึงมีคุณธรรม เมตตาย่อมเป็นสุดยอด สิ้นไร้อคติ ไร้รักไร้ชัง เจ้าจงหันไปดูรอบตัวเจ้าสิ มีใครบ้างไร้ชิงชัง ยังมีใครมิเห่าหอนด่าว่าทักซิ้ง มิใช่ล้วนเป็นเจ้าเองคัดเลือกคนสารเลวพวกนี้มาใช้งาน หรือนี่คือคุณธรรมของเจ้า หากเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณธรรมของเจ้าย่อมแตกต่างจากคุณธรรมของข้ามิอาจบรรจบ เราคงมิต้องกล่าวถึงคุณธรรมกันอีกแล้ว
. ซูยุก-เอย เจ้าคิดว่าต้องให้โจรเอ่ยอ้างเหตุผลมากี่ข้อเจ้าจึงยินยอมให้พวกมันปล้นบ้านเจ้า เหตุผลหมื่นข้อไหนเลยเพียงพอให้โจรทำการปล้นได้ แต่เพียงเหตุผลสี่ข้อเจ้ากลับยินยอมให้พวกโจรถ่อยมาปล้นชิงอาญาสิทธิ์บ้านเมือง เจ้าถึงกับกล้าให้ลิ่วล้อออกไปชี้แจงเหตุผลที่ปล้นบ้านเมืองให้คนเผ่าอื่นฟัง เจ้ามิรู้จักอับอายแต่พวกข้ากลับอับอายจนแทบมุดหน้าลงดิน คนในบ้านวิวาทกันเจ้ากลับเข้าด้วยฝ่ายหนึ่ง ยังไปยืนด่าอีกฝ่ายหนึ่งให้คนเผ่าอื่นฟัง เจ้าคิดว่าคนอื่นเขาป่าเถื่อนเช่นพวกเจ้าหรือไร เจ้ามิรู้เลยหรือว่าพวกเขามองว่าเจ้าป่าเถื่อนมิมีความเป็นสุภาพบุรุษ ช่างน่าอับอายนัก
. ซูยุก-เอย ผู้ปกครองต้องมาจากปวงชนคัดสรรจึงเรียกว่าประชาธิปไตย ใครเลือกเจ้ามาจึงกล้าบังอาจพร่ำบ่นประชาธิปไตย แม้ข้าความรู้น้อยยังคงบังอาจสั่งสอนเจ้าให้รู้จักประชาธิปไตยบ้าง
. ซูยุก-เอย ราษฎรทุกคนย่อมมีอธิปไตยเป็นของตนเองมาแต่เกิด พวกเขาย่อมมีสิทธิคิดอ่านด้วยตัวเอง ผิดถูกอย่างไรมิใช่กงการของเจ้า เจ้าถือสิทธิอันใดไปคิดแทนพวกเขา พวกเขาเพียงพอมิเพียงพอมันกงการใดของเจ้า พวกเขาเลือกใครเป็นผู้แทนมันกงการใดของเจ้า พวกเขาขายสิทธิมันกงการใดของเจ้า พวกเขายินยอมขายตัวเป็นข้าทาสของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด หากเป็นมิตรสหายแนะนำกันยังพอฟัง แต่นี่พวกเจ้าถึงกับบงการให้พวกเขาทำตามที่พวกเจ้าเห็นสมควร เจ้ามิรู้สึกว่ามันมากไปหน่อยหรือ ประชาธิปไตยของชนเผ่าใดให้คนกลุ่มหนึ่งครอบงำคนอีกกลุ่มหนึ่ง
. ซูยุก-เอย ผู้ปกครองย่อมมีหน้าที่นำพาราษฎรให้อยู่ดีกินดี มันมิง่ายไปหน่อยหรือ เมื่อทำงานไม่เป็นแล้วไปบังคับให้ราษฎรเพียงพอ หัวหน้าครอบครัวเกียจคร้านมิทำการงาน ครอบครัวอดอยาก กลับสั่งให้ทุกคนเพียงพอ สั่งสอนให้กินแต่น้อย มิควรกินมาก ยังด่าว่าหัวหน้าครอบครัวที่ขยันขันแข็งว่าทำให้คนในครอบครัวนิสัยเสีย กินอิ่มมากเกินไปจนปวดท้อง เจ้าคิดได้อย่างไร
. ซูยุก-เอย คนผู้ดูหมิ่นน้ำใจคน ไหนเลยนับว่าเป็นคน พวกเจ้าถึงกับดูหมิ่นราษฎรโง่เขลา มิรู้จักคุณค่าของสิทธิตนเองจึงนำออกขายแก่ผู้เป็นนักการเมือง มิใช่พวกเจ้าดอกหรือที่บีบคั้นให้พวกเขาต้องขายสิทธิ พรรคเก่าแกชั่วช้าของพวกเจ้ามิใช่หรือที่คิดแต่หลอกล่อผู้คนให้เลือกตัวเองเข้าไปเสพย์สุข ฉ้อราษฎร์บังหลวงสะสมเงินทอง อาศัยมือเปล่าๆมาเป็นผู้แทนราษฎรมิช้ามินานกลับมั่งคั่งผิดผู้คน มิเคยเหลียวแลราษฎร พวกเขายังคงอดอยากแร้นแค้นเช่นเดิมมิเคยเปลี่ยนแปลง ในเมื่อเลือกพวกเจ้าเข้าไปยังมิต่างเลือกสุนัขหนึ่งตัว ใยมิใช่ขายสิทธิไปยังได้เงินทองมาซื้อข้าวกิน
. ซูยุก-เอย ราษฎรมิเคยโง่เขลา หากแต่เป็นพวกเจ้ามิยอมให้โอกาสพวกเขา พวกเจ้าถึงกับคิดแทนพวกเขาทุกสิ่งอย่าง พวกเจ้าลิขิตชีวิตของพวกเขาว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดมิควรทำ พวกเจ้ายังอ้างว่าทำไปเพราะหวังดีต่อพวกเขา เป็นเช่นนั้นแล้ว หากพวกเขาหันมาหวังดีต่อพวกเจ้าบ้าง พวกเจ้ายังคงยินยอมหรือไม่ หากพวกเขาบงการให้พวกเจ้ารู้จักเพียงพอ ทรัพย์สินของพวกเจ้ามีมากเกินไปให้เอาออกมาช่วยคนยากจนเจ้ายินยอมหรือไม่ อย่าว่าแต่ช่วยคนยากจน เพียงแค่ให้ส่งส่วยภาษีมรดกพวกเจ้ายังต่อต้านมาตลอด ยังมีหน้ามาสั่งสอนผู้อื่น พวกเจ้าทำตัวเป็นเจ้าของชีวิตของราษฎรดุจดังเจ้าของโคกระบือมาช้านาน พลันทักซิ้งเข้ามาเขากลับให้ทุกสิ่งที่ราษฎรโหยหา ให้สิ่งที่พวกเจ้าคิดว่าพวกเขามิควรได้ เป็นเพราะทักซิ้งพวกเขาจึงรู้ว่าสิทธิของพวกเขามีคุณค่า พวกเขามิจำต้องขายสิทธิอีกต่อไป พวกเขาเรียนรู้ว่าเขายังคงใช้สิทธิเลือกคนมาทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้ มิต้องให้พวกขุนนางหลอกกดขี่อีกต่อไป
. ซูยุก-เอย เป็นเพราะราษฎรมิขายสิทธิต่างหากพวกเจ้าจึงลำบาก พลันราษฎรแสดงพลังของพวกเขาใช้สิทธิเลือกคนที่เข้ามาช่วยพวกเขา เลือกตั้งพันครั้งพวกเจ้าก็แพ้พันครั้ง นึกไม่ถึงพวกเจ้ากลับกระทำการอันโสมมใช้วิชามารใส่ร้ายป้าสีทักซิ้งอย่างไร้คุณธรรม เมื่อทำการปลุกปั่นยุยงผู้คนไม่สำเร็จยังถึงกับนำพาพวกโจรป่าใช้อาวุธเข้าปล้นชิงอาญาสิทธิ์ของพวกเขาไปอย่างน่าอนาถ นี่มิใช่ขี้แพ้ชวนตีดอกหรือ พวกเจ้ายังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่ แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นประชาธิปไตย เข้ามาช่วยขีดเขียนกฎเหล็กใหม่เป็นรัฐธรรมนูญให้พวกเราใช้ ยังข่มขู่ให้พวกเรารับรองรัฐธรรมนูญของพวกเจ้า หาไม่แล้วบ้านเมืองจักวิกฤติ
. ซูยุก-เอย รัฐธรรมนูญข้าอยู่ที่ใจ ใยต้องถามข้าว่ายินยอมรับรัฐธรรมนูญหรือไม่ รัฐธรรมนูญย่อมสลักแน่นอยู่ในใจข้ามาช้านานมิมีวันลบเลือน รัฐธรรมนูญใจของข้าหนักแน่นดั่งขุนเขากลับบัญญัติไว้เพียงสองมาตรา หนึ่งคือข้ารักและหวงแหนอธิปไตยของข้ายิ่งชีวิต ผู้ใดล่วงละเมิดอธิปไตยของข้ามันถือเป็นกบถต่อข้าย่อมรับโทษตายสถานเดียว อีกหนึ่งคือข้าเคารพในอธิปไตยของผู้อื่นเสมอด้วยอธิปไตยของข้ามิมีผิดเพี้ยน ผู้ใดละเมิดอธิปไตยของผู้อื่นย่อมเสมือนละเมิดอธิปไตยข้า ข้าสาบานจักปกป้องอธิปไตยของทุกคนด้วยชีวิตของข้า มิแยกแยะว่าคนผู้นั้นโง่เขลาหรือฉลาดเฉลียวเพียงใด ยิ่งมิแยกแยะว่าคนผู้นั้นมีฐานะสูงส่งหรือต่ำต้อยเพียงใด เมื่อเป็นเช่นนี้กลับเป็นข้าต้องถามเจ้าแล้วว่า รัฐธรรมนูญที่เจ้าว่าจ้างเหล่าปีศาจมาละเลงภู่กันลงบนกระดาษตามใจชอบของพวกมันนั้น มีค่าคู่ควรด้วยรัฐธรรมนูญใจของข้าหรือไม่ เป็นผู้ใดใช้ให้มาขีดเขียน
. ซูยุก-เอย พวกเจ้าฉีกทึ้งรัฐธรรมนูญกระดาษมิมีผู้ใดเอาผิดเจ้าได้ แต่พวกเจ้าละเมิดรัฐธรรมนูญใจของปวงชนไปแล้วอย่าหวังลอยนวล ปวงชนได้บันทึกชื่อแซ่พวกเจ้าไว้ในฐานะกบถแล้ว พวกเขาจักติดตามล้างผลาญพวกเจ้าชั่วลูกหลาน ความเคียดแค้นที่ปวงชนมีต่อพวกเจ้า แม้แผ่นดินกลบหน้ามิอาจลืมเลือน ล้างแค้นสิบปีมิสาย ช้าเร็วพวกเจ้าต้องชดใช้กรรม
. ซูยุก-เอย พวกเจ้าช่างชั่วร้ายนัก พวกเจ้าถึงกับจับปวงชนเป็นตัวประกัน พวกเจ้าล้อเล่นกับความทุกข์ยากของราษฎร ถึงกับสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้บ้านเมือง เพียงเพื่อให้ปวงชนยอมให้ในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ หากมิยินยอมพวกเจ้ายังคงสร้างความวุ่นวายต่อไปมิหยุกยั้ง อย่าได้ฝันหวานไปเลย ครั้งนี้ปวงชนมิยินยอมให้พวกเจ้าแล้ว หากต้องกลับไปสยบใต้อุ้งเท้าพวกขุนนางจึงสงบสุขได้ พวกข้ากลับยินยอมให้วุ่นวายต่อไป ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง พวกข้าอดอยากพวกเจ้ายิ่งอดอยากกว่า พวกข้าเคยอดอยากมาก่อนแต่พวกเจ้ายังมิเคยอดอยาก มาลองดูว่าใครทนอดได้นานกว่ากัน พวกข้ามีอยู่ทุกหนทุกแห่งล้อมพวกเจ้าไว้ทุกทิศทุกทาง พวกเจ้าจักต่อสู้ด้วยพวกข้าอย่างไร พวกข้าไม่มีหัวแม้อยากเด็ดหัวทิ้งยังมิรู้หาหัวที่ไหน แม้แต่ทักซิ้งยังมิใช่หัวของพวกข้า
. ซูยุก-เอย ปวงชนมิอาจถอยร่นอีกแม้เพียงครึ่งก้าว พวกเขาได้ถอยให้พวกเจ้าจนสุดแผ่นดินแล้ว เวลานี้เบื้องหลังของพวกเขาคือหุบเหว มิมีที่ให้ยืนอีกแล้ว หากเจ้ารุกไล่ต่อไปพวกเขามีแต่บุกขึ้นข้างหน้าหรือไม่ก็ตาย เจ้ากล้าสู้ด้วยพลังมหาชนที่สิ้นหวังหรือ
. ซูยุก-เอย พวกเจ้าอย่าได้ลำพองใจว่ามีฝูงชนหนุนหลัง ที่แท้พวกมันเป็นเพียงคนส่วนน้อยที่เกรี้ยวกราดและเสียงดัง พวกมันห้อมล้อมตัวเจ้าไว้แล้วส่งเสียงอื้ออึง ทำให้เจ้าหลงผิดคิดว่าเสียงของพวกมันคือเสียงปวงชน พวกมันหวังเพียงยืมมือเจ้าสังหารทักซิ้งแทนพวกมัน หาได้มีอุดมการณ์ยืนสู้เคียงข้างเจ้าไม่ ฝูงชนต่ำช้าเพียงแค่นี้เจ้าถึงกับนำไปเทียบเคียงกับซูจิ้งหลาผู้โด่งดังจากพฤษภาทมิฬ เจ้าบอกว่าพวกมันมิมีฝูงชนหนุนหลังจึงพ่ายแพ้ เจ้ายังคงลืมไปว่าพวกมันกลับมิได้เผชิญหน้าด้วยมหาชนที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ พวกเจ้ากำลังจะขีดเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการต่อสู้ด้วยมหาชนจำนวนมหาศาล ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก วงศ์ตระกูลของพวกเจ้าจักต้องเสียหายยับเยินมิอาจหลีกเลี่ยง ลูกหลานเจ้าต้องอยู่อย่างอดสูท่ามกลางราษฎรที่ชิงชังมัน
. ซูยุก-เอย เจ้าปิดหูปิดตาตนเองจนมืดบอด จึงมิรู้ว่าเจ้าได้ยืนประจัญหน้าด้วยมหาชนแล้ว กองทัพมหาชนอันน่าเกรงขามเตรียมพร้อมอยู่ในที่ตั้ง จ้องมาที่พวกเจ้าด้วยความเคียดแค้นที่ถูกพวกเจ้าย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทันทีที่พวกเจ้าจุดชนวน มหาชนมือเปล่าพลันลุกฮือขึ้นทั่วอาณาจักร แม้พวกเขามิมีอาวุธแต่พวกเขาคือพ่อแม่พี่น้องของทหารของเจ้า เจ้าคิดว่าทหารยังคงยิงพวกเขาหรือหันปืนกลับมาหาพวกเจ้า เจ้าลองนึกดูว่าสภาพของพวกเจ้าที่ถูกบดขยี้โดยมหาชนที่โกรธแค้นจักเป็นเช่นใด แม้แต่ไม้ใหญ่ที่ให้พวกเจ้าอาศัยเกาะกินใยมิใช่หักโค่นตามพวกเจ้าไปด้วย
. ซูยุก-เอย ภูเขาไฟก่อนระเบิดออกยังคงสงบนิ่ง ทะเลก่อนคลุ้มคลั่งยังไร้คลื่นลม เจ้าจึงมิควรมองข้ามมหาชนอันสงบนิ่ง ยิ่งนิ่งยิ่งน่ากลัว ยิ่งเจ้าปิดหูตนเอง ยิ่งเจ้าปิดปากปวงชนเจ้ายิ่งมิได้ยินเสียงร่ำร้องของพวกเขา เจ้ามิอาจคิดว่าพวกเขาสงบนิ่ง มันกลับคุกรุ่นอยู่ภายในรอวันระเบิดออก แม้นหากหลีกเลี่ยงการนองเลือดได้ เมื่อถึงวันลงติ้วเลือกตั้งเจ้ายังคงได้เห็นพวกเขาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ออกมา เมื่อนั้นพวกเจ้าจักได้เจอวิกฤติอันหนักหน่วง เป็นวิกฤติของพวกเจ้าเองหาใช่วิกฤติของบ้านเมืองไม่ ถึงเวลานั้นอย่าได้มาแหกปากว่าพวกเขาขายสิทธิกันอีก พวกเจ้าจงถอยไปเถิด มีแต่ทางนี้เท่านั้นให้พวกเจ้าเดิน มีแต่ทางนี้จริงๆ
. ซูยุก-เอย ในค่ำคืนอันมืดมิด ปวงชนยังหลับไหลไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะขัดขืน รั้งรอถึงอรุณรุ่งของวันใหม่ เมื่อตะวันทอแสงเป็นสีทอง ทาบทาท้องฟ้าจนเรืองรองผ่องอำไพ เมื่อนั้นปวงชนจักเป็นใหญ่ในแผ่นดิน หมู่มารย่อมถูกล้างผลาญจนหมดสิ้น ด่าวดิ้นกลับสู่นรกอเวจี หากเจ้าฉลาดจงรีบฉกฉวยโอกาสนี้ชักชวนพรรคพวกของเจ้าออกมาโขกศีรษะรับผิดแล้วเริ่มต้นคิดใหม่ทำใหม่ก่อนรุ่งสาง แม้จันทรามิเป็นใจส่องแสงสว่างไสวคอยนำทาง อาศัยแสงดาวอันน้อยนิดยังคงน้อมนำปัญญาเจ้าให้คิดได้มองเห็นทางออก เจ้าปรารถนาไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ยังคงอยู่ที่เจ้าแต่เพียงผู้เดียว
เทพคุณธรรม (วโรทาห์: 20 พฤษภาคม 2550)
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment