Tuesday, April 1, 2008

ยามใหญ่..ท่าจะไม่รอด

เจ๊ง..เจ๊ง.. ไม่เจ๊งวันนี้แล้วจะไปเจ๊งวันไหน เสียงคร่ำครวญหวนโหย ดังแว่วมาจากงานสัมมนาสุมหัวด่าคน ในโรงงิ้วแถวท่าพระจันทร์ ยามใหญ่ถึงกับตีอกชกหัว ว่าอุตส่าห์ตีเกราะเคาะกะลา โปรโมทกันเต็มเหยียด กะว่างานนี้ดีไม่ดีต้องมีหลักแสน เผลอๆโรงงิ้วไม่พอต้องถ่อออกไปสนามหลวง ที่ไหนได้มันมากัน 4 พัน

นี่ว่ากันตามยอดที่สื่อเสี้ยมมันนับเผื่อให้แล้วนะนั่น ถ้าเกิดนับกันจริงๆยังไม่รู้จะเหลือซักเท่าไหร่ มองเข้าไปในโรงก็มีแต่อาซิ้มอาซ้อ มานั่งป๋อหลอรอดูงิ้วเอ๋อ นั่งตัวเว้น 2 ตัวพอให้ดูเต็มโรง นอกนั้นก็กันให้อยู่รอบนอก ทำทีทำท่าว่าล้นทะลักกันออกมาจากในโรง อีกพวกทำเป็นไหลบ่าไปถึงสนามหลวง เลยโดนหนังสติ๊กยิงกบาลซะเผ่นกลับเข้ามาแทบไม่ทัน

นี่ขนาดว่าทุ่มทุนโปรโมท ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง งานนี้กะว่าจะกู้ชื่อ นอกจากมีงิ้วทำมาสาดให้ดูเป็นออเดิฟแล้ว ยังขนดาราขาใหญ่มากันเพียบ ไล่ตั้งแต่นกกระตั้วสะแหลนยู แล้วยังตามติดมาด้วย ดนตรีเพื่อชีวิตข้า หง่า ท่าจะวอน ยัง..ยังไม่หมดแค่นี้ ยังมีกวีผู้ยิ่งหญ่าย ลอยอังคาร เข้ารกเข้าพง ควงคู่มากับกวีซี้ซั้ว เน่าละวะ ร่วมวงไพบูลย์ เพียงแค่นี้ก็ซี้ดซ้าดกันไม่เสร็จ

บัตรผ่านประตูหรือก็ไม่ต้องเสีย อาหารน้ำท่าก็กินฟรี แล้วยังแถมค่ารถกลับบ้านให้อีกต่างหาก ยังมีหน้ามากันกะหร็อมกะแหร็ม อย่าว่าแต่ใคร แม้แต่มหาจำแลงยังหลบวูบ บินด่วนตรงสู่เกาหลีไปนั่งซดเกาเหลา สบายใจเฉิบ แต่อย่างว่า ขานี้เค้านกรู้ ถ้ายังไม่ชัวร์ก็อย่าหวังว่ามันจะลงทุน ชัวร์เมื่อไหร่ค่อยกลับมากินเส้น

สรุปว่างานนี้จบลงอย่างชีช้ำ ที่หวังว่าจะโชว์พาว ให้ลุงหมักไข้ขึ้นสะบัดร้อนสะบัดหนาว กลายเป็นโดนน้าเหลิม หัวเราะเยาะจนฟันแทบจะร่วง เลยต้องส่งอสูรเขมร ออกมาทำไก๋ว่าสำเร็จเกินคาด คราวหน้าเลยได้ใจจะเดินสายไปตจว. ก็แน่ละสิ จัดอีกทีใครเขาจะกล้ามา ถ้าโดนหนังสติ๊กหัวปูดหัวโนยังพอทน เกิดโดนลากเอาไปแขวนเล่นที่ใต้ต้นมะขามละซวยตายหะ

เสร็จจากเรื่องสัมมนาก็หันมาว่ากันด้วยเรื่องสบายๆ.. ช่วงนี้ถ้าใครผ่านไปแถวเทือกสุบรรณ เอ๊ยศรีสุบรรณฟาร์ม โปรดอย่าได้นึกว่าลุงเทือกกำลังซ้อมรำเถิดเทิง เพราะความจริงแล้ว แกกำลังล่อเป้าให้สิงห์เหลิมมายำใหญ่ ไล่กระหน่ำจนแทบจะกลายเป็นเทือกเถิดเทิงซะให้ได้

วันก่อนยังมานั่งคร่ำครวญอยู่ ว่ามาร์คนะมาร์ค ไม่น่าทำลุงเล้ย ให้เป็นเงาใครไม่เป็น ดันให้มาเป็นเงามท.1 สงสัยมันกะจะฝังลุงเทือก ก็สิงห์เหลิมนี่ฝีมือมันธรรมดาซะเมื่อไหร ใจคอก็สุดโหด ดูมันเสิร์ฟมาแต่ละลูกก็แล้วกัน ลุงเทือกงี้แทบจะแดดิ้น นี่ขนาดดักหน้าขู่ว่าจะเรียกเป็นแมว แล้วมันกลัวซะเมื่อไหร่

เสร็จจากงานนี้ ยังไม่รู้ลูกผีลูกคน เสียที่ยังพอว่า นี่ทำท่าว่าจะเจอคุก อุตส่าห์เก็บหอมออมริบมาตั้งนาน มันมาเทกระจาดทีเดียวเกลี้ยงจ้อย ขนาดว่าเฒ่าช้วนทำเสร่อเข้ามาประคองปีก ยังพลอยโดนลูกหลงซะจนเดินเป๋ ทำไปทำมา ท่ามันจะเดี้ยงกันไปทั้งข้อง

พูดถึงเฒ่าช้วนนี่ต้องถือว่าแกคงเส้นคงวาใช้ได้ทีเดียว ใจคอแกมุ่งมั่นจะหากินทางตอดเล็กตอดน้อยอย่างเดียว อาทิตย์ก่อนทะเล่อทะล่าไปจี้ลุงหมัก เค้นคอให้บอกมาว่าใครคือมือที่มองไม่เห็น เลยเจอลุงหมักทิ่มซะหงายเก๋ง ว่าอย่ามาแกล้งบ้า ทำเป็นมาเสแสร้งวิกลจริต โถ..ใครๆเขาก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง มีแกไม่รู้อยู่คนเดียว สม..อยู่ดีไม่ว่าดี ดันแส่มาให้เค้าสอย

มาถึงสงครามการเมืองบ้าง ฝ่ายประชาธิปไตยสู้ไปร้องไห้ไป แต่ก็รุกคืบไปได้เรื่อยๆ ฝ่ายอำมาตย์ซะอีก ฮึกเหิมซะไม่มี ฟาดซ้ายป่ายขวา ตีเอาตีเอา แต่ยิ่งตีตัวเองกลับยิ่งเละ หลังจากป้อมค่ายด้านทหารแตกกระเจิง ก็ดูท่าว่าอาการจะหนัก จะหวังพรรคโบราณเป็นนอมินี ให้มาชิงธงด้านการเมือง มันก็โหลยโท่ยเหลือกำลังลาก ภาระทั้งหมดเลยตกมาอยู่กับสื่อเสี้ยม

แต่มาถึงยุคนี้ สื่อมันก็เสื่อมจนแทบไม่เหลือซาก เอาง่ายๆ ก่อนนี้ชี้นำอะไรชาวบ้านก็เชื่อหมด ผิดกับเดี๋ยวนี้อย่างหน้ามือกับหลังเท้า อุตส่าห์ชี้นำแทบตาย ไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ พอทำโพลออกมา ชาวบ้านบอกว่าควรจะแก้ เลยต้องตามน้ำกันเป็นแถว เหมือนตอนที่เชียร์ให้เลือกปชป. ชาวบ้านก็ยังดันไปเลือกพปช. ถึงขนาดนี้ถ้ายังไม่รู้ตัว ก็ไม่รู้จะว่ายังไง

มาถึงวันนี้ สื่อก็ได้แค่ประคองตัว ไปแหย่ลุงหมักแกก็ด่าสวน ฉุดกระชากลากถูยังไงก็เอาแกไม่ลง เพราะชาวบ้านไม่เล่นด้วย แถมยังไปเอาใจช่วยลุงหมัก ให้มาเล่นสื่อซะอีก
แล้วนี่ยังต้องหันมาแง่งๆใส่อาเฮียจักรภพอีก ถ้าไม่ตีกันไว้ก่อน ปล่อยให้แกจัดระเบียบสื่อสำเร็จละก้อ ได้เจ๊งกันเป็นแถบ แต่ว่าก็ว่า คราวนี้เห็นทีจะเล่นกะเฮียแกยาก ดีกรีหัวหมู่ทะลวงฟันกองพันนปก.เป็นการันตี คุกตะรางก็ผ่านมาแล้ว ความแกร่งจึงไม่ต้องพูดถึง

จะว่าไปแล้ว ถ้าสื่อหลอกชาวบ้านไม่ได้ก็หมดกัน จะอาศัยลูกไม้เก่าๆ กดดันให้นายกฯลาออก ด่าว่าเสียดสี ส่งคนไปด่าในตลาด ให้ถอดใจลาออกไปเอง เอามาใช้กับลุงหมักก็คงจะแอ้มแกได้ยาก แต่ถ้าปล่อยแกไป ผลงานก็ยิ่งเด่นชัด ดูท่าว่ายิ่งนานก็ยิ่งแกร่ง คิดแล้วก็กลุ้มไม่รู้จะออกลูกไหน ความหวังสุดท้ายคือออกบัตรเชิญให้ทหารมาปฏิวัติ แต่มันก็ยังเลือนลาง

ว่าก็ว่า ถ้าปฏิวัติอีกทีคราวนี้ละงานช้าง คงไม่มีใครยอมใครเป็นแน่ ถ้าฝ่ายอำมาตย์ปฏิวัติได้ก็คงจะเล่นโหด ยังฝังใจว่าคราวที่แล้วพลาดเพราะไม่โหดพอ ฝ่ายประชาธิปไตยก็รู้แกว ถ้ามีอีกครั้งคงเน่าแน่ ก็ต้องสู้กันยิบตา ท่าจะลากกันไปเป็นสงครามกลางเมือง อย่างไม่ต้องสงสัย จึงขอเตือนไว้ว่า ถ้าศักดินาใหญ่ไม่อยากจะพังครืน ก็จงอย่าริเล่นกับไฟ

ข่าวฝากจากป๋า ฝากมาตัดพ้อ ว่าทำไมหนอ เดี๋ยวนี้ใครๆก็ไม่รักป๋า งานสานใจอะไรนั่นก็หลบกันวูบวาบ ทำยังกะกลัวติดเชื้อหวัดป๋า เลยฝากไปยังทุกลูก ทั้งลูกพรั่ง ลูกบัง ลูกยุทธ กับอีกหลายลูก ยังไงก็อย่าหายไปนานเน่อ ป๋าคิดถึง.. กลับบ้านเถอะลูก

วกกลับมาตบท้ายที่งานสัมมนาอีกที.. ยามใหญ่กะสร้างขวัญกำลังใจ เลยพากล่าวปฏิญาณปิดงาน เสียงดังกึกก้องไปทั้งโรงงิ้ว ฮึกเหิมซะไม่มี แต่พอถึงท่อนสุดท้ายก็ได้เรื่อง ยามใหญ่กล่าวนำหนักแน่น

"พวกเราจะตายพร้อมกัน หาก"

"พรึ่บ ๆ ๆ ๆ" เสียงขยับตัวกันดังพรึ่บพรั่บ พร้อมกับเสียงอื้ออึงดังลั่นห้อง เหมือนเกิดจลาจล ยามใหญ่ถึงกับสะดุด หยุดเพ่งดูจนรู้เรื่อง จึงได้แหกปากลั่น

"อ้าวเฮ้ย..อย่าเพิ่งออกไป.. กลับมาก่อน ยังปฏิญาณม่ายโจ๊บ..."

วโรทาห์: 31 มี.ค.51


No comments: