Monday, July 27, 2009

งานแซยิด..ที่ยังความสุขใจไปทั่วหล้า

ผ่านไปแล้ว กับงานแซยิดของสามัญชนผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ ชนิดที่ฝุ่นควันยังไม่ทันจางหาย ประชาชนยังปลื้มกันไม่เสร็จ ตรงกันข้ามกับตัวเป้งๆในเครือข่ายอำมาตย์ ที่จนป่านนี้ยังถ่ายเป็นเลือดไม่ยอมเลิก

ปรากฏการณ์เช่นนี้ ไม่รู้ว่าอีกกี่หมื่นกี่พันปีแสง จะย้อนกลับมาให้เห็นเป็นบุญตาอีกซักครั้ง ดังนั้นทุกผู้ทุกนามที่มีโอกาส ได้สัมผัสบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ด้วยตัวเอง ต้องนับว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว

ใครจะไปนึกว่า แค่พ่อค้าธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต่อสู้ดิ้นรน ล้มคว่ำคะมำหงาย จนขึ้นชั้นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของเมืองไทย จู่ๆจะกลายเป็นอภิมหาขวัญใจประชาชน สร้างสถิติตลอดกาล ชนิดที่คงไม่มีใครทำลายลงได้..ตราบชั่วนิรันดร

แปลกแต่จริง ที่คนๆหนึ่งซึ่งหนีคดีอาญาหัวซุกหัวซุน ฐานเซ็นต์ชื่อให้เมียไปซื้อที่ จนถูกตามไล่ล่าไปทั่วโลก อย่างกับราชายาเสพติดยังไม่ปาน แต่กลับมีมหาประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศ ร่วมแรงร่วมใจกันควักกระเป๋าดังหนึบ จัดงานแซยิดให้อย่างยิ่งใหญ่ ชนิดที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

ผิดกันกับคนอื่นๆ ที่ว่าดีนักดีหนาจนไม่อาจหาใครเทียบได้ สรรเสริญเยินยอกันจนเว่อร์ อย่างกับไม่ใช่คน แต่นอกจากประชาชนจะไม่คิดจัดงานฉลองวันเกิดให้แล้ว ยังกระเหิ้ยนกระหือรือรอฉลองวันตาย..อย่างใจจดใจจ่อ

เขาถึงว่า ห้ามน้ำห้ามทะเลยังพอห้ามได้ แต่จะห้ามใจคนนั้นอย่าหวัง นี่ขนาดว่า ฝ่ายอำนาจรัฐ เตะตัดขาสกัดกั้นทุกวิถีทางแล้ว ยังเอาไม่อยู่..คิดดูก็แล้วกัน

หรือว่านี่อาจเป็นการแสดงออก ซึ่งความอัดอั้นตันใจของประชาชน ที่ถูกกดขี่อย่างสาหัสสากรรจ์มาโดยตลอด หลังจากที่ชาวสกลนครและศรีสะเกษ โชคดีไปก่อนที่ได้มีโอกาส ระบายความแค้นลงที่การเลือกตั้งซ่อมครั้งที่ผ่านมา

ที่ทิ่มเอาขบวนการอำมาตย์หงายเก๋งไม่เป็นท่า จนเป็นข่าวฮือฮาให้ชาวบ้านตาดำๆ ได้แบ่งปันความสะใจกันไม่เสร็จ จนกระทั่งทุกวันนี้

เมื่อสบโอกาสวันครบรอบแซยิดของนายกฯในดวงใจ ที่บังเอิญมาถูกที่ถูกเวลาอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกว่าลูกมาเข้าทางตีนกันเห็นๆ จึงเป็นโอกาสที่จะได้แสดงท่า "บาทาลูบพักตร์อำมาตย์" ด้วยการจัดงานแข่งบารมีอย่างยิ่งใหญ่

โอกาสงามๆอย่างนี้ มีหรือประชาชนจะไม่ใส่กันเต็มสูบ

นับว่าคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม กับการลงทุนจัดงานแค่ครั้งเดียว แต่ฟันกำไรเหนาะๆถึง 3 เด้ง นอกจากเป็นโอกาสได้สื่อสารไปถึงโคตรอำมาตย์ ว่าเขาไม่รักตัวแล้ว ยังได้ส่งความระลึกถึงไปยังคนที่ตัวรัก ซึ่งห่วงหาอาทรกันอยู่ไม่รู้คลาย..ทุกเวลานาที

ส่วนผลพลอยได้เล็กๆ น้อยๆ ก็คือการแสดงกตัญญูกตเวทิตา ต่อผู้ที่เคยทำคุณงามความดี ให้กับประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์ ชนิดที่ทำจริงเจ็บจริง ไม่ใช่แสร้งทำแล้วมาลำเลิกกันไม่เสร็จ

งานวันเกิดยิ่งใหญ่ระดับนี้ ต่อให้โคตรอำมาตย์แปลงกายลงมาเอง ก็คงจะกินทักษิณลำบาก ถ้าวัดกันภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ไม่ใช้อำนาจรัฐกะเกณฑ์กันไปให้เมื่อยตุ้ม ไม่ใช้เงินภาษีประชาชนมาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ อย่างกับไม่ใช่เงินพ่อเงินแม่ตัวเอง

นอกจากนั้นยังไม่มีการโหมโฆษณา ประชาสัมพันธุ์อย่างบ้าคลั่ง ตรงกันข้ามกลับโดนสื่อกลั่นแกล้งโจมตีอย่างเอาเป็นเอาตาย ประสานกับอำนาจรัฐ ที่งัดสารพัดวิชามารมาขัดขวางทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้

ยิ่งไม่ต้องไปเทียบชั้นกันซะให้ยาก ระหว่างนายกฯคนก่อนที่ถูกปล้นตำแหน่งไป กับนายกฯคนปัจจุบันที่ไปปล้นตำแหน่งมา หรือจะพูดให้ง่ายคือ ระหว่างทักษิณ..แวร์อาร์ยู? กับอภิสิทธิ์..ฮูอาร์ยู?

ซึ่งในทางการต่อสู้เขาเรียกว่ามวยคนละชั้น กระดูกมันคนละเบอร์ ฝีมือลายมือมันห่างไกลกัน ราวท้องฟ้ากับหุบเหว

ถ้าใครดวงซวย จับพลัดจับผลูหลงไปฟังรายการ "เชื่อแม่มันเลย..ประเทศไทย กับนายอภิสิทธิ์" ที่ดันมาออกอากาศในวันเวลาเดียวกัน กับที่ชาวบ้านเขากำลังทำบุญมหากุศลสุดยิ่งใหญ่ จะเห็นได้เลยว่า กึ๋นคนกับกึ๋นควาย มันต่างกันแค่ไหน

ยิ่งถ้าใครที่ถือคติว่ากำขี้ดี กว่ากำตด งานนี้คงต้องผิดหวังไปตามระเบียบ หลังจากที่ได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แล้วนั่งงงอีกพักใหญ่ คงพอสรุปได้ว่า วิสัยทัศน์ของนายกฯหนุ่มหล่อคนนี้

ไม่ใช่ขี้ๆ..มีแต่ตดเพียวๆ

จึงไม่มีข้อกังขาใดๆอีกแล้วว่า ถ้าให้เลือกนายกฯเมื่อไหร่ ยังไงก็ทักษิณ จากคุณูปการอันมากมายของท่าน ที่บรรยายกันสามวันแปดวันไม่รู้จบ ทำให้จนถึงป่านนี้ ประชาชนยังไม่อาจสรรหาคำเรียกขานใดๆ ที่คู่ควรต่อนายกฯในดวงใจตลอดกาลของพวกเขาได้

คำว่ามหาบุรุษนั้น คงกินความกว้างไปซักหน่อย ส่วนคำว่ารัฐบุรุษยิ่งไม่ได้ใหญ่ เพราะว่าท่านไม่เคยมีประวัติอยู่บ้านหลวงฟรี ไม่เคยแม้แต่มีความคิดที่จะเข่นฆ่าประชาชน ยิ่งกว่านั้นยังไม่เคยเสวยสุขบนภาษีประชาชน แล้วสมคบโจรมาปล้นประชาธิปไตย

แต่หลังจากที่เปิดพจนานุกรมจนมือหงิกแล้วหงิกอีก ถ้าต้องเลือกเอาซักอย่าง...

คำว่าอภิมหาราษฎรผู้ยิ่งใหญ่..คงน่าจะพอกล้อมแกล้ม

วโรทาห์: 27 ก.ค. 2552

Monday, July 20, 2009

เย็นไว้..เสื้อแดง อำมาตย์มันเร่งเกมส์เร็วแล้ว

ยังต้องเย่อกันไปอีก หลายยก ระหว่างศักดินามหาอำมาตย์ กับประชาชนหัวใจสีแดงทั่วทั้งแผ่นดิน ล่าสุดอำมาตย์ส่งสัญญาณเร่งเกมส์เร็ว บี้สมุนออกเดินสายยั่วบาทาไปทั่วเหนือ-อีสานแล้ว หลังจากที่จั่ววืดมาโดยตลอด ทำให้จนแล้วจนรอด ยังเอาเสื้อแดงไม่ลงซักที

งานนี้กะว่ายังไงก็ต้องเผด็จศึกเสื้อแดงให้ได้ในเร็ววัน พร้อมกันกับที่กุ๊ยกษิตก็เร่งยิกให้ต่างชาติช่วยกันจับทักษิณ ถึงขนาดว่าเอาประเทศเป็นเดิมพันก็ยังทำ ไม่รู้ว่าแผ่นดินขวานทองเล่มนี้ เป็นของพ่อของแม่มันตั้งแต่เมื่อไหร่

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะอำมาตย์จับสัญญาณยี้ได้ถี่ยิบ นับตั้งแต่โครงการอภิมหากู้ มาจนถึงหวัดหมูมหากาฬ เสียงถล่มรัฐบาลดังอื้ออึงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เด็กมาร์คยังมะงุมมะงาหรา สนุกกับการแก้ปัญหาอยู่บนโพเดียม

ตอนที่จั่วไพ่แมลงสาบขึ้นมาใหม่ๆ ก็นึกว่าเจ๋งซะไม่มีแล้ว กะว่าตีไพ่สดๆซิงๆ รูปหล่อพ่อรวยเอาใจแม่ยกไว้ก่อนพ่อสอนไว้ ขนาดป๋าดันตั้งใจประคบประหงมอย่างดี ไม่มีเกรงใจประชาชน ทั้งหลายทั้งปวง ก็เพราะหวังเต็มที่ให้มันมาช่วยกู้หน้า

ที่ไหนได้..พอมาถึงมันก็กู้ เอา..กู้เอา แต่แทนที่จะมากู้หน้า มันดันเดินหน้ากู้เงิน เล่นเอาประชาชนร้องจ๊าก ด่าเช็ดลามปามไปถึงโคตรอำมาตย์ โทษฐานที่ยัดเยียดเด็กฝากมาเป็นรัฐบาล

ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป เสื้อแดงไม่ต้องทำอะไร อำมาตย์ก็ต้องตายแหงแก๋ เพราะยิ่งเวลาผ่านไป ขบวนการโป๊งโป๊งๆชึ่ง ก็ยิ่งเสื่อมหนักไม่มีหูรูด เหมือนไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมา ไม่มีใครไปทำอะไรมัน ก็เอนล้มลงไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา ยิ่งขยับตัวมากก็ยิ่งเอนมาก

ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ ชาวบ้านก็ยิ่งหูตาสว่างมากขึ้นเท่านั้น

เวลาไม่คอยท่า นาฬิกามันเดินอย่างกับวิ่งผลัด 4 x 100 ขืนไม่ทำอะไรเลย ก็เท่ากับรอความตายไปวันๆ

แต่อย่างว่า คิดแบบอำมาตย์ กี่ปีกี่ชาติก็วนเวียนซ้ำซากอยู่แค่นั้น จากพัทยามาบุรีรัมย์ ข้ามไปภูพิงค์ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ได้ฮือฮา ยังหากินกับมุกเดิมเด๊ะๆ

ใช้แดงเทียมเป็นไส้ศึก เด้งรับเด้งส่งกับเสื้อน้ำเงิน ป่วนสถานการณ์สร้างความรุนแรง แล้วจัดการซะด้วยตำรวจชุดปราบจลาจล ส่วนแถวสองใช้ทหารถือเอ็ม-16 เตรียมพร้อมตลอดเวลา รอมาร์คประกาศภาวะฉุกเฉินเปิดทางให้เมื่อไหร่ ก็ลุยได้ทันที

จากนั้นก็ถึงทีสื่อชั่วในสังกัดอำมาตย์ ออกมาตามขยี้ซ้ำ เหมือนสงกรานต์ทมิฬเด๊ะๆ ใจคอจะไม่เปลี่ยนมุกเล่นมั่ง ก็ให้มันรู้ไป

สำหรับเสื้อแดงขาบู๊ทั้งหลาย คงต้องท่องคาถาเย็นไว้โยม เอาอีแต๋นไปบี้รถถัง มันจะได้ไม่คุ้มเสีย อย่าลืมว่าขานั้นมันซุปเปอร์เฮฟวี่เวทเรียกพ่อ เจอกร๋องแกร๋งเรียกพี่อย่างมวยรากหญ้า มันจะไปมีอะไรเหลือ

ริจะชกข้ามรุ่นไปเจอมวยใหญ่ มันก็ต้องมีลีลาหน่อย ต้องอาศัยลูกเขี้ยว แย๊ปรบกวนไปเรื่อยๆ เข้าเร็วออกเร็ว ไม่แลกไม่ชน เดี๋ยวมันก็ยุบไปเอง

เย็นสยบร้อน อ่อนสยบแข็ง ยิ่งมันเร่งเกมส์เร็ว เรายิ่งต้องยื้อเกมส์ช้า อย่าไปบ้าตามมันเป็นอันขาด

แต่อย่างว่า การรบยืดเยื้อกำลังใจมันต้องเกินร้อย ไม่เช่นนั้นอาจจะถอดใจได้ง่ายๆเหมือนกัน กระบวนการเติมเต็มกำลังใจ จึงต้องมีไว้อย่าให้พร่อง ไม่ว่าจะโดนเข้าไปเท่าไหร่ ก็ห้ามยอมแพ้เป็นอันขาด นึกเสียว่า ตราบใดที่ใจยังสู้อยู่ ตราบนั้นก็ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น

สื่ออำมาตย์จะโจมตียังไงก็ไม่ต้อง ไปไหวหวั่น เพราะนั่นจะยิ่งตอกย้ำให้ชาวบ้านเขาเกลียดชังพวกมันยิ่งขึ้น ก็ขนาดศึกใหญ่อย่างสงกรานต์ทมิฬ มันโหมฟืนเติมไฟซะขนาดนั้น ขณะที่ใครๆก็แทงเต็งว่าแดงแพ้แน่นอน แต่เรื่องจริงกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน

ยิ่งสื่อโหมโจมตีเท่าไหร่ ก็ยิ่งไปกระตุ้นต่อมสนใจชาวบ้าน ให้หันมาดูว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ ยิ่งไปใส่ไคล้มั่วซั่ว คนเขาก็ยิ่งเอะใจ ว่าอะไรมันจะขนาดนั้น พอดีพอร้ายเลยกลายเป็นไปยั่ว ให้ชาวบ้านที่รักความยุติธรรม ออกมาสืบสาวราวเรื่องค้นหาความจริง

ยิ่งขุดลึกก็ยิ่งเจอความเลวของอำมาตย์เยอะแยะ นั่นแหละคือสาเหตุ ที่ทำไมเสื้อแดงถึงได้เพิ่มเอาๆ จนแล้วจนรอด ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเอาไว้อยู่

ที่สำคัญคือ แดงแล้วแดงเลย ลงว่าถ้าได้แดงซะแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุด ก็ไม่มีทางเปลี่ยนสีได้ ลงว่าถ้าประชาชนมีหัวใจสีแดงซะแล้ว ต่อให้สื่อโจมตียังไงก็ไม่สะเทือน เหมือนเอาหัวชนกำแพง มีแต่จะหัวแตกละไม่ว่า

ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดในการสู้กับอำมาตย์ ก็คือการแทรกซึมเข้าหามวลชนให้ถึงรากหญ้า สู้การล้างสมอง ด้วยการเอาความจริงไปขาย ความจริงก็คือความจริง จะพูดร้อยครั้งพันครั้ง มันก็เป็นความจริงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง

ความเท็จของอำมาตย์ ยังไงก็ต้องแพ้ความจริงของประชาชนอยู่วันยันค่ำ ปากต่อปากแดงต่อแดงขยายออกไปเรื่อยๆ นานวันเข้าสีแดงจะแดงเถือกไปทั่วแผ่นดิน และที่สำคัญคือ จะเป็นแดงที่ไม่มีวันซีดจาง เพราะว่า...

ไม่ใช่ทั้งแดงแท้แดงเทียม..แต่เป็นแดงธรรมชาติ

วโรทาห์: 20 ก.ค.52

Thursday, July 16, 2009

ไอ้งั่งคนหนึ่ง..คืออัจฉริยะ..สำหรับไอ้งั่งอีกคนหนึ่ง

An idiot is genius for another idiot. วันนี้ต้องแอบยืมสำนวนฝรั่งมาใช้ซักเตื้อ ทั้งๆที่ปกติแล้วพยายามจะสงวนสิทธิ์ เอาไว้ให้พวกนักวิชาการปัญญาอ่อนเขาเล่นกัน ประเภทพูดไทยคำ อังกฤษสองคำ ให้มันขลัง ฟังดูน้องๆภาษาเทพ เผื่อชาวบ้านฟังไม่รู้เรื่อง จะได้เถียงไม่ออก

แต่เป็นความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมันเข้ากับสถานการณ์บ้านเมืองอย่างพอเหมาะพอเจาะ เมื่อไอ้งั่งคนหนึ่งได้รับความสำเร็จอย่างงดงาม ในการกรีฑาทัพขึ้นไปเหยียบยอดหน้าพี่น้องชาวบุรีรัมย์ ที่เตรียมยำใหญ่เอาไว้ต้อนรับชนิคเต็มอัตราศึก แต่ติดที่ไอ้เนร์..ไม่ยอมให้เสิร์ฟ

ไอ้งั่งตัวเตี้ยปากห้อย กับไอ้งั่งสะตอหน้าดำเลยได้ที อ้าขาผวาปีก ตีปี๊บสรรเสริญ เยินยออัจฉริยภาพของไอ้งั่งฟันเก..ซะใหญ่โต

ทำเป็นเล่นไป ไอ้งั่งม.7มันธรรมดาซะเมื่อไหร่ เห็นงั่งๆอย่างนั้น เป็นต้นแบบนักการเมืองสมัยใหม่ ของไอ้งั่งอีกหลายงั่งนะนั่น ไม่เว้นแม้แต่ไอ้งั่งรถดับเพลิง คนที่ทำเป็นแกล้งบ้าไปเปิดแอลซีจนวงแตก ต้องแสดงสปิริตเผ่นหนีแทบไม่ทันนั่นแหละ

แค่นึกก็เสียววาบ ถ้าอนาคตข้างหน้า ไอ้งั่งพวกนี้ได้เป็นใหญ่เป็นโตเมื่อไหร่..ก็ตัวใครตัวมันกันหละวะ

แต่ว่าก็ว่า เห็นมันจัดทัพกันแล้วให้นึกสมเพช โถ..กลัวกันจนฉี่ราดถึงขนาดนั้น ก็ไม่รู้จะไปทำไมให้มันอายหมาเปล่าๆ งานการก็เยอะแยะ ไม่ใช่ว่าว่างๆซะเมื่อไหร่ ไหนจะไข้หวัดหมูเอย ไหนจะเศรษฐกิจฉิบหายถึงขนาดนี้ ยังรีๆข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือกกันอยู่ได้

ความจริงจะว่าไปแล้ว ประเพณีเกณฑ์คนมาไล่ด่า ก็แมลงสาบเขาหละ ที่เป็นต้นตำรับดั้งเดิมห้ามลอกเลียนแบบ ทั้งนายกฯทักษิณทั้งนายกฯสมชาย โดนกันถ้วนหน้ามาแล้วเป็นปฐมฤกษ์ ไม่นึกว่าไปๆมาๆ หอกทมิฬจะย้อนศรกลับมาทิ่มทมิฬเข้าจนได้ โดนเข้ากับตัวเองถึงได้รู้รสชาติ

แหม..มันดิ้นพราดๆ แหกปากร้องเอ๋งๆ ไม่เป็นภาษาสุนัข

จบจากเรื่องไอ้งั่ง หันมาว่ากันเรื่องไอ้ง่าวกันต่อดีกว่า จะใครซะอีก ถ้าไม่ใช่ไอ้ง่าวที่อยากเป็นนายกฯจนตัวสั่นริกๆ โดดเกาะขามหาโจร ขอโดยสารทัวร์นรก พาไปสะด๊วบเก้าอี้นายกฯ จนเสร็จสมอารมณ์หมาย แต่พาเอาชาวบ้านวอดวาย ซวยไม่เลิกมาตราบเท่าทุกวันนี้

หวัดหมูนะ..ไม่ใช่หวัดแมว หะแรกนึกว่าหมูๆ เลยทำเป็นเชิงสูง เปลี่ยนชื่อเป็นหวัด 2009 ซะ แล้วยักคิ้ว ยักเอว ยักไหล่ บอกว่าไม่มีอะไรมาก เป็นเองก็หายเอง ทำเอาชาวบ้านหลงเชื่อกันเป็นแถว ไม่มีใครตั้งการ์ดป้องกันตัวซักคน กว่าจะรู้ว่าเป็นหมูเขี้ยวตันก็สายเกินเพลซะแล้ว

จั๊ดง่าว! ยังมีหน้ามาพ่นน้ำลายออกทีวีฉอดๆ ว่างานนี้ตัวใครตัวมัน รัฐบาลไม่เกี่ยว สะเหล่อติดหวัดเอง ก็เชิญไปหาหมอเอง เบิกประกันสังคมไม่ได้ ก็จ่ายเงินกันเอาเอง แถมยังย้ำให้หน้าชาอีกว่า เป็นแล้วก็อย่าได้เสนอหน้าไปทำงาน หรือทำเป็นขยันไปโรงเรียนซะล่ะ เดี๋ยวไปติดชาวบ้านเข้า จะหาว่าไม่บอกอีก

ที่ตายก็ตายไป ยังอยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับได้ ส่วนเรื่องตายรายวันก็ไม่ต้องเป็นห่วง บักง่าวจะจัดให้..ตายเป็นรายสัปดาห์ สรุปว่า..รายงานยอดทุกวันพุธก็แล้วกัน

เวรกรรม..หลงฟังแทบตาย นึกว่าจะมีมาตรการอะไรเจ๋งๆออกมา กลายเป็นโดนตบหน้า ได้แต่งงเป็นไก่ตาแตก ยิ่งเห็นมาดยียวนกวนโอ๊ย ลอยหน้าลอยตา ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ราวกับว่าข้านี้หล่อซะไม่มี มันเลยยิ่งเจ็บใจ นี่ถ้ายั้งเท้าไว้ไม่ทัน มีหวังทีวีพังเป็นแถบ

พระเจ้าคงเห็นว่าหวัดหมูยังท้าทายน้อยไป เลยส่งหวัดตะกวดมาถล่มซ้ำอีกระลอกใหญ่ เมื่อกุ๊ยกษิตเจอข้อหาก่อการร้ายเข้าไปเต็มเปา เล่นเอาบักง่าวถึงกับไปไม่เป็น ปลดก็ตายไม่ปลดก็ตาย เลยต้องก้มลงเลียน้ำลายที่เคยถ่มถุยเอาไว้ กฎเหล็ก 9 ข้อ กลายเป็นกฎมะเขือเผา 9 ลูกไป เรียบร้อยโรงเรียนจั๊ดง่าว

เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะกุ๊ยกษิต ไม่แน่จริงไม่ท้าตีท้าต่อยไปทั่วโลกหรอกวะ งานนี้ทุกฝ่ายถือหางกระซู่..เอ๊ยกษิตกันตรึม ทั้งสีเหลืองสีแดงประสานเสียงเชียร์กันกระหึ่ม

กษิต..สู้สู้..กระซู่..shit..shit..กษิต..สู้ตาย..ไว้ลาย..กระซู่

เป็นไงล่ะ เจอบททดสอบของจริงเข้าไป แค่บทสองบทก็เป๋ซะแล้ว ถ้าเปรียบเป็นมวยก็ถูกต้อนเข้ามุม..ไม่ใช่สิ..มวยโง่ๆทำเป็นเชิงสูง ติ๊ดชึ่งเข้าไปติดมุมเอง ฝีมือระดับนี้ คงไม่มีปัญญากรรเชียงหนีออกจากมุมแล้ว รออย่างเดียวว่า เมื่อไหร่จะถูกเสยปางคางลงไปนอนนับสิบ

สมใจแฟนเฉพาะกิจ ที่ทำเป็นหวังดีแต่ประสงค์ร้าย เชียร์ให้ไอ้ง่าวอยู่ไปนานๆ จะได้ตายสนิท ไม่มีอะไรค้างคาใจอีกต่อไป และก็ได้ผลเกินคาด แค่ 6 เดือนผ่านไปก็เข้าเป้า ออกอาการร่อแร่ จนพี่เลี้ยงถอดใจ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก นี่ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์มาช่วยเอาไว้ มีหวังว่า..ถัดจากนายกฯปากมีดโกน

ก็จะเป็นนายกฯง่าวคนนี้แหละ..ที่ศพไม่สวย

วโรทาห์: 16 ก.ค. 52

Monday, July 13, 2009

ใกล้เข้าไปทุกที สงครามประชาชน ที่มีมาร์คเป็นสายล่อฟ้า

วังเวงเต็มทีกับอนาคตประเทศไทย คงต้องเป็นปูไต่เฉไปเฉมาอย่างนี้ไปอีกนาน ในเมื่อไม่สามารถพูดถึงปัญหากันอย่างตรงไปตรงมาได้ เพราะติดที่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ขนาดเรื่องคอขาดบาดตาย คิดได้แต่ห้ามพูด แล้วยังมีเรื่องอีกมากมาย ที่แค่คิดก็มีสิทธิเข้าคุก

สุดท้ายแล้ว คงไม่แคล้วสงครามประชาชน เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับการที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเร่งปฏิกิริยา ให้ทะลักจุดเดือดไปโดยเร็ว

ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายอำมาตย์ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ด้วยการส่งรัฐบาลเทพประทานมา เพื่อช่วยสร้างทุกข์เข็ญให้ราษฎร กระจายความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เพื่อให้แน่ใจว่า จะได้ฉิบหายกันไวๆ

"มือทำรวย หวยทำจน มาร์คทำเจ๊ง" วลีนี้ทำท่าว่าจะไม่ใช่เรื่องพูดกันเล่นๆซะแล้ว ในเมื่อทุกคนก็ได้เห็นกันจะๆกะตา ว่ามันมุ่งมั่นเอาจริงเอาจังขนาดไหน ไม่ตายมันทำจนตาย ไม่เจ๊งมันทำจนเจ๊ง

แล้วยังมีหน้ามาพูดหมาๆ บอกว่าประเทศไหนๆ ใครๆเขาก็เจ๊งกันทั้งนั้น ถ้าเราแหกคอกไปไม่ยอมเจ๊งตาม มันก็น่าเกลียด แล้วอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่า จะมีนายกฯเอาไว้ทำมะเขือยาวอะไร

ไม่ต้องพูดถึง 99 วัน ทำได้แน่ ที่แน่ๆนี่ล่อไป 7 เดือนแล้ว ยังไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากตามล่าทักษิณ แล้วก็กู้เงินเอามาไล่แจกเพื่อหาเสียง พอเสร็จสมอารมณ์หมาย ก็ปล่อยลอยแพไปตามยถากรรม เศรษฐกิจเลยทรุดเอาๆ แซงหน้าเพื่อนบ้านจนไม่เห็นฝุ่น

นี่โรงงานยกทรงก็โกยอ้าวไปแล้ว ต่อไปคงไม่เหลือแม้แต่โรงงานกางเกงใน คราวนี้จะได้งามหน้ากันไปทั้งบาง

ขนาดหวัดหมูที่ทั่วโลกเขาตื่นเต้นขนาดไหน มันยังปล่อยไปตามบุญตามกรรม มันเป็นเองก็ให้มันหายเอง นี่ดีว่ายังหัวไว รู้จักเปลี่ยนชื่อเป็น "หวัด 2009" ให้มันรู้แล้วรู้รอด อย่างน้อยก็สบายใจไปได้เปลาะหนึ่งว่า มันคงระบาดอยู่ได้ไม่เกินเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวา หลังจากนั้นค่อยลุ้นไปตายดาบหน้ากับ "หวัด 2010" เอา

รอบบ้านก็ทะเลาะกับเขาไปทั่ว ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา ทำเป็นเหนือชั้น เล่นบทตีสองหน้า นึกว่าเขารู้ไม่เท่าทัน พอถูกจับไต๋ได้ กลายเป็นหน้าแหกระดับอินเตอร์ นี่ชาวบ้านเขาเปรยๆกันแล้วว่า ถ้าเกิดศึกกับเขมรเมื่อไหร่ ก็ให้แม่มันไปออกรบกันเองแล้วกัน อย่ามาเกณฑ์ชาวบ้านไปตาย อย่างที่แล้วๆมา

แล้วก็เป็นเรื่องส่งลูกเข้าตีนเห็นๆ ทุกครั้งที่ประชาชนเดือดร้อน เป็นใครจะไม่นึกถึงทักษิณ จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมขนาดกฎหมายหมิ่นฯทำงานอย่างหนักซะขนาดนั้น ยังเอาเสื้อแดงไม่อยู่ ไม่เชื่อก็ลองแหงะไปดูเลือกตั้งซ่อม 2 ครั้งที่ผ่านมาเป็นตัวอย่าง

หลังจากที่ศพไม่สวยกลับมาจากสกลนคร ยี้ห้อยยังคาใจไม่หาย จึงต้องมีนัดล้างตากันที่ศรีสะเกษ ให้เห็นดำเห็นแดงกันไปข้าง แต่การณ์กลับตาลปัตร กลายเป็นว่ายิ่งเละหนักกว่าเก่า เพราะแทนที่จะตายเดี่ยว ดันไปลากยาวเอาป๋าเติ้งลงมาเสียผู้เสียคนด้วย

เจอยำใหญ่เข้าไปงานนั้น เล่นเอามึนตึ้บหาทางกลับสุพรรณไม่เจอมาจนถึงวันนี้

แพ้ศึกอย่างหมดรูป แฝดสยามไอ้ห้อยไอ้โหน กลายเป็นตะกวดเอ๊ยวรนุช หนีน้ำขึ้นไปติดดอย ต้องร้องเพลงสามัคคีชุมนุม พร้อมกับสวมกอดกันกลมดิ๊กอีกครั้ง แล้วส่งสัญญาณใจเจื้อยแจ้วว่า "รวมกันเราอยู่ ถ้าทิ้งกูมึงตาย"

งานนั้นขนาดสื่อในฐานะอีแอบพี่เลี้ยง ยังเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาแนะกลเม็ดเด็ดพรายกันยกใหญ่ บอกว่าวิธีง่ายๆที่จะชนะทักษิณ ไม่ใช่ทำลายล้าง แต่ต้องสร้างผลงานให้เข้าตาประชาชน หารู้ไม่ว่า นั่นแหละจุดสลบของแมลงสาบเขาล่ะ

ถ้าทำงานเป็น มันจะต้องมาปล้นเขากินอย่างทุกวันนี้เรอะ

นี่ยังพอสบายใจได้ว่า อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของชนชั้นกลางก็ยังแทงเต็งแมลงสาบอยู่ เพียงแต่ว่า อีกหน่อยก็ไม่แน่ ภายใต้การบริหารโดยทีมงานแมงกะจั๊ว ที่มีสโลแกนว่า "เราทำให้ทุกคนรวยเท่ากันไม่ได้ แต่สามารถทำให้ทุกคน จนกรอบอย่างเท่าเทียมกัน"

ดังนั้น ในไม่ช้านี้แล้ว ที่ชนชั้นกลางจะเทกระจาดลงไป กลายเป็นชนชั้นล่างอย่างเต็มภาคภูมิซะที

สมน้ำหน้า ว่ากันว่างานนั้นชาวอีสานเขาเอาคืน ค่าที่ไปยิงพี่น้องเขาที่ดินแดง จนล้มตายสูญหายไปไม่รู้เท่าไหร่ แต่แทนที่มาร์คจะตกใจ ยังทำเป็นมึนว่าไม่มีใครตาย ก็ในเมื่อมั่นใจนักหนาว่าทำถูกต้อง แล้วยังปล่อยให้เรื่องคาราคาซังอยู่ทำไม

ทำไมไม่กล้าๆ ตั้งคณะบุคคลที่เป็นกลาง เข้าไปสอบสวนซะให้สะเด็ดน้ำ ว่าที่เอาเอ็ม-16 ออกมาควบคุมฝูงชนนั่น มันถูกต้องตามกติกาสากลยังไง แล้วจะมีคนตายหรือไม่ ก็ไม่ใช่ว่าแค่เถียงคอเป็นเอ็น แล้วให้สื่อช่วยเชียร์ว่าต้องเชื่อมาร์คคนเดียว เนื่องจากต้นทุนสูงปรี๊ด

ใครเขาไปสนใจ ว่าใครต้นทุนเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆเขาเห็นกันคาตา ว่าพลทหารอภินพนั้นตายฟรี

พวกสื่อก็ยอดแสบ แทนที่จะตามเจาะตามคุ้ยหาความจริง มาตีแผ่ให้มันหายข้องใจกันไปข้าง แต่นี่กลับทำเป็นหน้ามึน

หันไปกัดติดคดีสะเทือนขวัญ "หลินฮุ่ย" ล่อกับ "ช่วงช่วง" จนเกิดเรื่องกลายเป็น "กู้กู้" แพนด้าน้อยหน้าตาน่าเกลียดน่าชัง จนแล้วจนรอดถึงป่านนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าเรื่องแพนด้าๆ จะจบลงได้ง่ายๆ

คงนึกว่าเหมือนสมัยก่อน ถ้าสื่อทำเป็นลืมแล้ว ชาวบ้านจะพลอยลืมไปด้วย

เรื่องทักษิณก็ยังเล่นกันไม่เลิก ล่าสุดเลยเจอทีเด็ดสามเกลอเข้าให้ ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก นี่ขนาดเสื้อแดงเองยังไม่ลงรอยว่า ฎีกามันจะดีก๊ะ? แต่เอาเข้าจริงก็แห่กันไปลงชื่อ เล่นซะมืดฟ้ามัวดิน แค่ 11 วันก็..ล้านแล้วจ้า

นี่แหละลูกเก๋าของลุงวีระ ขุนพลปักษ์ใต้รุ่นเฮฟวี่เวทเขาหละ ออกหมัดแต่ละทีมันต้องมีฮา แต่เสียอย่างเดียว พอเจอปืนทีไร แกมักจะไปไม่เป็นทุกที

ต้องยอมรับกันหละว่า ที่บ้านเมืองวุ่นวายกันไม่เสร็จอยู่ทุกวันนี้ ไม่ต้องไปโทษใคร แต่เป็นเพราะวิกฤติคนชราแท้ๆ ก็พวกแก๊งค์คนแก่ที่ไม่ยอมปล่อยวางนั่นแหละ เที่ยวแอบล้วงแอบควัก พยายามควบคุมกลไกของรัฐ ให้มาอยู่ในมือของพวกแย้มฝาโลง

วันๆเอาแต่ยอกันไปยอกันมา นานวันเข้าก็สติแตก เข้าใจว่าตัวเองนั้นคุณธรรมสูงส่งเสียเต็มประดา เที่ยวสอนให้คนอื่นทำดี แต่สอนลูกหลานไม่ได้ดีซักคน เอาแค่ว่าถ้ารู้จักสอนตัวเอง ให้ทำดีได้ซักครึ่งที่สอนคนอื่น

มีหรือบ้านเมืองจะบรรลัยวายวอดได้ถึงขนาดนี้

วโรทาห์: 13 ก.ค. 52

Sunday, July 12, 2009

เพลงพิณมรณะ ปะทะ ฝ่ามือพิฆาต.."ฎีกาล้านใบ"

ย่ำค่ำแห่งราตรีที่ 27 ของเดือนที่ 6 ปีพุทธศักราชที่ 2552 พลังเสียงสายหนึ่ง พุ่งตรงลงมาจากฟากฟ้า พลันแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณอันกวัางใหญ่ ของลานประลองยุทธหลวง "ทุ่งเผาผี" อันเลื่องชื่อ ท่ามกลางเหล่าชาวยุทธเสื้อแดงกว่าสิบหมื่น ที่นัดหมายมาชุมนุมกันอย่างสงบ เพื่อรับสารจากอดีตจ้าวยุทธภพ อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเขา

ที่แท้ เป็นพลัง"สุรเสียงสายฟ้า"อันลึกล้ำ ของจอมยุทธมั่งคั่งผู้ท่องยุทธภพณ.แดนไกล คาดไม่ถึงว่าคลื่นเสียงที่เปล่งออกมาด้วยกำลังภายในขั้นสุดยอดนั้น ถึงกับทะลุทะลวงขึ้นสู่ดวงดาวจำแลงบนท้องฟ้า พลันสะท้อนกลับลงมาสู่พื้นโลกณ.ดินแดนเซี่ยมล้อก๊ก ที่อยู่ห่างไกลนับหมื่นลี้ได้ อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ช่างเป็นเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดพิศดาร จนแม้เพียงแค่จินตนาการถึง ยังยากยิ่ง

พลัง เสียงนั้นแม้กล้าแข็งสุดหยั่งคาด ยังกลับอ่อนโยนและอบอุ่นเหลือพรรณนา เมื่อกระทบเข้ากับโสตประสาทของเหล่าชาวยุทธฝ่ายธรรมะณ.ที่นั้น จนแม้แต่ชายชาตรีผู้ทระนง ยังถึงกับสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ ต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลาบปลื้มยินดี ระคนโหยหาอาลัยอย่างสุดซึ้ง

นาน มาแล้ว ที่พวกเขาจำต้องเหินห่างจากอดีตจ้าวยุทธภพ ผู้ยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของชาวยุทธฝ่ายธรรมะที่ต่ำต้อย ให้เงยหน้าขึ้นมองฟ้าได้อย่างไม่ขัดเขิน

แต่ถึงแม้ว่าคุณธรรมความดี ที่สั่งสมมานั้น จะทำให้เขาเป็นที่รักของเหล่าชาวยุทธทั้งมวล อย่างท่วมท้น แต่คาดไม่ถึงว่า กลับเป็นที่ชิงชังของเหล่ามารเหลือง ที่ได้รับการหนุนหลังจากจอมอสูรพันปี จนมิอาจอยู่ร่วมปฐพีเดียวกันได้

พลัง มนต์ดำของจอมอสูรนั้นร้ายกาจยิ่งนัก จนแม้แต่เหล่าชาวยุทธหลายสิบล้านฝ่ามือ ต่อให้ผนึกกำลังกันเป็นหนึ่ง ยังมิอาจปกป้องจ้าวยุทธภพที่พวกเขาลงติ้วเลือกมากับมือได้

มิเสียแรง ที่จอมอสูรอำมหิตผู้นี้ เฝ้าเพียรพยายามจำศีลอยู่นับพันปี เพียงเพื่อให้ได้สำเร็จสุดยอดเพลงพิณมรณะ "หัตถ์ล่องหน" อันแสนลึกล้ำพิศดาร สดับเสียงแต่ไม่เห็นคน ลงมือโหดเหี้ยมแต่ไร้ร่องรอย นับเป็นสุดยอดวิชามารของจอมยุทธผู้ขลาดเขลา กล้าลงมือแต่มิกล้าเผยตัว

เพลง พิณ"ตุลาการพิฆาต" คือสุดยอดกระบวนท่าไม้ตายของเพลงพิณจอมอสูร สุ้มเสียงไพเราะกว่า"กู่เจิ้ง" ดนตรีจากสวรรค์ แต่แฝงเร้นไว้ด้วยพลังอำมหิตสุดล้ำลึก พลันที่ตุลาการปีศาจออกมาร่ายรำตามท่วงทำนองที่จอมมารกรีดนิ้วลงบนเส้นเสียง เหล่าชาวยุทธเสื้อแดงย่อมต้องแตกพ่ายไม่เป็นขบวน

แต่ทว่า..ในดียังมี เสีย ทุกครั้งที่พิณถูกดีด กลับต้องสูญเสียพลังภายในมหาศาล ที่ไหลหลั่งพรั่งพรูออกมามิขาดสาย จอมอสูรยิ่งมายิ่งอ่อนแรง หากมิอาจเผด็จศึกได้ในเร็ววัน เกรงว่าอาณาจักรปีศาจ คงต้องพังทลายลงในไม่ช้าแล้ว

อีกด้านหนึ่งห่างไกลออกไปนับร้อยลี้ อันเป็นที่สิงสถิตย์ของเหล่าชาวยุทธฝ่ายอธรรม คาดไม่ถึงว่าพลังเสียงสายฟ้าของอดีตจ้าวยุทธภพ กลับกระแทกกระทั้นเข้าใส่พวกมัน ระลอกแล้วระลอกเล่า ทั้งดุดันก้าวร้าวจนพลพรรคอสูรถึงกับมิอาจทานทน ต้องโก่งคอแผดร้องออกมาสุดเสียง กับตีอกชกหัวตัวเองจนอาบโลหิตแดงฉาน ดูน่าสมเพชเป็นยิ่งนัก

จนเมื่อเวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม จอมยุทธณ.แดนไกลจึงยอมรามือ ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ของเหล่าเทพยุทธ แต่กลับเป็นความโล่งใจของหมู่มาร ที่สามารถรอดตายอย่างหวุดหวิด รักษาชีวิตอันแสนโสโครกไว้ได้อีกคำรบหนึ่ง

ทันใดนั้น เงาร่างดำทะมึนสายหนึ่ง พุ่งตรงมายังด้านหน้าของเหล่าชาวยุทธ ทำให้พวกเขาต้องตื่นตะลึง หันไปจ้องมองยังจุดเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย ร่างนั้นม้วนตัวตีลังกา 3 รอบ ด้วยพลังภายในสุดลึกล้ำ พลันขึ้นไปยืนอยู่บนปะรำพิธีอย่างองอาจ เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตานับสิบล้านคู่ จนมิอาจไม่ส่งเสียงอื้ออึงออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ

ที่แท้เป็นจอม ยุทธไข่มุกดำ ผู้เฒ่าเริงร่าแห่งหมู่เกาะทะเลใต้ ผู้เร้นกายค้นคว้าสุดยอดวิทยายุทธ เพื่อหวนกลับมากำราบหมู่มารที่นับวันยิ่งกำแหงหาญ หมายล้างผลาญพวกมันให้สิ้นซากไปจากพื้นปฐพี

มิทันได้เอ่ยปากทักทาย ตามธรรมเนียม จอมยุทธเฒ่ากลับฟาดฝ่ามือออกไปเบื้องหน้าด้วยกำลังภายในเพียง 3 ส่วน ถึงกับปรากฎคลื่นลมแปรปรวน พัดพาต้นมะขามที่รายรอบบริเวณนั้นโอนไปเอนมาอย่างน่าตกใจ เหล่าชาวยุทธเสื้อแดงณ.ที่นั้น ถึงกับถามไถ่กันอื้ออึง ว่าที่แท้แล้วเป็นเคล็ดวิชาอันใด จึงทรงพลานุภาพถึงเพียงนั้น

ย่อม เป็นเคล็ดวิชาฎีกาล้านใบอันเลื่องชื่อในอดีต ตั้งแต่สมัยแคว้นสุโขทัยยังเรืองอำนาจ คาดไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าถึงกับค้นพบคัมภีร์โบราณเล่มนี้จนได้ ยิ่งไม่น่าเชื่อว่า จอมยุทธไข่มุกดำ ถึงกับฝึกปรือจนสำเร็จเคล็ดวิชาขั้นสุดยอดแล้ว

พลังของเคล็ดวิชา โบราณนั้นช่างมหัศจรรย์สุดหยั่งคาด ด้านหนึ่งปล่อยพลังเย็นยะเยียบจับขั้วหัวใจ ทั้งวิงวอนอ้อนออด จนมิอาจต้านทานได้ หากแม้นพลังภายในไม่อำมหิตพอ แต่อีกด้านหนึ่งกลับแฝงไว้ด้วยพลังบีบคั้นรุนแรง จนยากที่จะรับมือ

เหล่าปีศาจมารเหลือง ที่เร้นกายอยู่ตามซอกมุมที่ทั้งมืดมิดและอับชื้น ถึงกับมิอาจฝืนหลบซ่อนอยู่ได้ ต้องแตกตื่นออกมาบิดกายเร่าๆ ด้วยปวดแสบปวดร้อนเหลือที่จะทานทน ยังแผดร้องออกมาอย่างโหยหวล ชวนเวทนาเป็นยิ่งนัก

เพียง แค่กระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชาสุดพิศดาร หมู่มารยังถึงกับแตกตื่นชักดิ้นชักงอ ดูราวสุนัขขี้เรื้อนฝูงหนึ่ง ที่ถูกน้ำร้อนสาดซัดจนลงไปนอนดิ้นเร่าๆ เจ็บปวดรวดร้าวจวนเจียนจะขาดใจ หากครบ 12 กระบวนท่า ไฉนเลยชีวิตโสมมของพวกมันยังดำรงอยู่ได้

พลัง แปลกประหลาดพิศดารนั้น จนแม้แต่เหล่าชาวยุทธเสื้อแดงเองยังถึงกับตื่นตะลึง ด้านหนึ่งโอนอ่อนผ่อนตาม แต่อีกด้านหนึ่งกลับต่อต้าน มิอาจยอมรับได้ หากคิดใช้พลังเย็นกับหมู่มาร มีแต่ห้ำหั่นให้ตายไปข้างหนึ่ง จึงสาแก่ใจ

มิ ได้ล้านฝ่ามือ มิอาจเผด็จศึก คือหัวใจของเคล็ดวิชาฎีกาล้านใบของท่านผู้เฒ่า หากแม้นใน 30 ราตรี ยังมิได้ล้านฝ่ามือ จักยอมเลิกรา คือคำประกาศิตที่แสดงถึงความมั่นใจอันเปี่ยมล้น ของจอมยุทธไข่มุกดำ

คาด ไม่ถึงว่า ผ่านไปเพียงแค่ 11 ราตรี เหล่าจอมยุทธเสื้อแดง ที่เริ่มต้นดูเหมือนขัดแย้งหนักข้อ แต่กลับรวบรวมมาได้ถึง 1 ล้านฝ่ามืออย่างไม่ยากเย็น หากแม้นรั้งรอไปถึง 30 ราตรี ใยมิใช่ 3 ล้านฝ่ามือยังน้อยไป

อา..หรือนี่จะเป็นสุดยอดกลยุทธ "ชนะโดยมิต้องออกอาวุธ" ที่แท้แล้ว เพียงแค่แสดงพลังฝ่ามือยุทธภพให้เป็นที่ประจักษ์ ก็อาจสะกดหมู่มารให้ยอมสงบราบคาบ มิกล้าเชิดหน้าขึ้นมาต่อกร หาไม่แล้ว หากมวลชนชาวยุทธ ลุกฮือขึ้นพร้อมกันทั่วพื้นพิภพ พลังอำนาจนั้นย่อมยิ่งใหญ่เหลือคณานับ

จนอาจถึงกับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน..ก็เป็นได้

วโรทาห์: 12 ก.ค.52