Thursday, October 30, 2008

อุ่นเครื่องกันแล้ว..ต้อนรับ 1 พฤศจิกา

ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี เมื่อเห็นเครือข่ายอำมาตย์ ดาหน้าออกมาประสานเสียง กรีดร้องโหยหวน วอนขอประชาชนให้รู้รักสามัคคี อย่้า่ใช้ความรุนแรงต่อกัน โดยเฉพาะคิวนี้ ถึงขนาดว่าตัวเป้งๆ อายุเยอะๆ ออกมาเต้นแร๊ปด้วยตัวเอง นี่ถ้าแ๊ป๊ะไม่เพลี่ยงพล้ำ มีหรือพวกมันจะออกลูกนี้

สายไปหรือเปล่าท่านอำมาตย์ ทำไมความรู้สึกช้าไปตั้ง 3-4 ปี ถ้ามีผัวได้ ป่านนี้ลูกก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว หน็อย..เล่นลูกโหดมาได้ตั้งนมตั้งนาน ไล่กระทืบเขาจะเอาเป็นเอาตาย พอหมดแรงข้าวต้มไปเอง ถึงคิวเขาจะเอาคืน มันมาขอพักยก กะว่าให้มีเวลา นอนพักเอาแรงให้สดชื่น แล้วกลับมากระทืบใหม่ ว่างั้นเ้หอะ

มาถึงวันนี้ คงมีใครฟังใครหรอกนะ ก็บอกแล้วว่า ถ้าไม่พอใจก็ทำรัฐประหารไปเลย..ไม่มีปัญหา เดี๋ยวประชาชนจัดให้ ไหนๆก็หมดอนาคตกันแล้ว ฆ่าก็ตายไม่ฆ่าก็ตาย งั้นก็มาตายด้วยกันซะเลยดีกว่า ถ้าจะยกยอดไปให้ลูกหลาน ต้องมานองเลือดกันวันหน้า ก็เอามันซะวันนี้เลย จะเป็นไรไป

ยิ่งใกล้ 1 พฤศจิกาเข้าไปเท่าไหร่ ฝ่ายอำมาตย์ก็ยิ่งร้อนรนจนแทบคลั่ง ตามสไตล์เขาหละ ต้องเร่งเกมส์เร็วให้สุกงอมก่อนวันแดงเดือด เดี๋ยวโน่นตูมนี่ตูม เพื่อโยนบาปให้รัฐบาล แล้วหาเหตุปฏิวัติรัฐประหาร ก็คิดกันได้แค่นี้ มันถึงวนเวียนอยู่ในอ่าง ร่ำๆว่าจะต้องนองเลือดกันซะให้ได้

หันมาทางมหาชนคนเสื้อแดง เห็นแล้วค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ยังไม่เคยมีครั้งไหน ที่ประชาชนจะพร้อมใจกัน เวลคัมคณะปฏิวัติได้ถึงขนาดนี้ อยากขู่ก็ขู่ไป ในเมื่อหัวใจมันไปอยู่ที่ราชมังคลาซะแล้ว ใครขืนมาขัดใจ ทำปฏิรูปปฏิสังขรณ์เมื่อไหร่ เป็นได้เห็นดีกัน

นี่ข่าวว่า ทางพรรคพลังประชาชนก็ไฟเขียวมาแล้ว ให้ส.ส.ไปร่วมงานได้แบบตัวใครตัวมัน โดดรับลูกทันทีก็ส.ส.นัจมุดดิน อูมา ส่งซิกมาจากทางใต้ ว่าเจอกันแน่ๆ ชาวนราธิวาส 40-50 คันรถ จะยกพลมาในคืนวันที่ 31 ตุลา เพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่ออนาธิปไตย ให้มันรู้กันไป ว่าภาคไหนๆเขาก็ไม่เอามึง

อายไม๊ล่ะ พรรคประชาธิปัติย์ มัวแต่เคล้าแข้งเคล้าขาเผด็จการ ไม่เห็นหัวชาวบ้านว่าเขาจะคิดกันยังไง ตอนนี้แม้แต่ฐานเสียงทางใต้ ที่ว่าแข็งปึ้กปั้ก ก็ชักจะไม่แน่ พูดแล้วมันเชื่อกันซะเมื่อไหร่ ว่าเดี๋ยวนี้ภาคใต้..เขาปั๊ดตะนาเล้ว

ทำไปทำมา 1 พฤศจิกา ชักจะไม่ธรรมดา ชาวบ้านเตรียมพร้อมกันคึกคัก ยิ่งกว่างานตรุษสาร์ทเป็นไหนๆ ทั้งนอกกรุงในกรุง เหนือใต้ออกตก หรือแม้แต่ดินแดนที่ไกลปืนเที่ยง ไม่ว่าที่ไหนๆ ต่างหายใจเข้า หายใจออก เป็็นราชมังคลา ทำเอาพวกหมาๆในทำเนียบ ต้องหายใจติด หายใจขัด ก็เพราะราชมังคลา

ถึงวันนั้น ถ้าใครมีค็อปเตอร์ให้ยืมซักลำก็สวย จะได้ขนช่างภาพมือดีขึ้นไปเก็บภาพประวัติศาสตร์ สีแดงแรงฤทธิ์หลั่งไหลมาจากทุกทิศทุกทาง โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ราชมังคลา ผู้เฒ่าหมาๆมาเห็นเข้าจะได้อกแตกตาย หรือทนไม่ได้จนต้องปลิดชีพตัวเองเพื่อไปเกิดใหม่

สโลแกนวันนี้ จะถูกจะแพงขอแดงไว้ก่อน หมวกก็แดง เสื้อก็แดง แต่กางเกงไม่ต้องแดง เดี๋ยวเขาจะหาว่าบ้า เอาแค่เบาะๆพอให้รู้ว่า หัวใจข้าสีแดงก็เหลือแหล่ สองมือล้วงกระเป๋า(ตัวเอง) สองเท้าก้าวเข้ามา ราชมังคลายินดีต้อนรับ

สงสารแต่อาซิ้มอาซ้อ อาตี๋อาหมวย อากงอาม่า ที่อุตส่าห์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ไปช่วยแป๊ะกู้ชาติ กู้ไปกู้มาเหลือแต่ชุดชั้นใน กับตัวเดียวอันเดียว ต่อไปนี้สีแดงไม่ใช่สีนำโชคซะแล้ว ตรุษจีนสาร์ทจีนคงต้องใส่ชุดดำ ให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป

ในบรรยากาศอันเป็นมงคลเช่นนี้ ยังมีแป๊ะกังฉินมาร้องขายยา ข่าวว่า ชัยอนันต์ เสนอยาแรงแก้วิกฤติ ประหารนักการเมืองโคตรโกง 4-5 คน พร้อมห้ามสมาชิกพรรคถูกยุบลงเลือกตั้ง นับว่ามาถูกที่ถูกเวลา ในขณะที่พรรคพวกกำลังร้องหาสมานฉันท์ มีมันเห่าสวนอยู่ตัวเดียว

แต่ถึงอย่างไร ในเมื่อกล้าเสนอก็กล้ารับ สภาประชาชนนัดด่วน ประชุมฉุกเฉินแล้วก็ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ฮ้อ...

ให้ประหารแก๊งค์ไอ้แก่ซัก 4-5 ตัว เผื่ออะไรๆจะดีขึ้นบ้าง

วโรทาห์: 30 ต.ค. 51

Wednesday, October 29, 2008

1 พฤศจิกา..หงายไพ่กันมาเลย

คนโง่แล้วขยันต้องเอาไปฆ่าทิ้ง เป็นคำพูดตั้งแต่สมัยสามก๊ก แต่ยังใช้ได้ดีจนถึงทุกวันนี้ เหตุผลก็ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน นั่นก็คือ นับตั้งแต่พระเจ้าสร้างโลกมา ยังไม่เคยมีคนโง่คนไหน ที่เสล่อไปทำเรื่องฉลาดๆซักคน นอกจากเรื่องเดียว คือฉลาดทำแต่เรื่องโง่ๆ แล้วถ้าได้ลูกขยันเข้ามาเสริมซักหน่อยละก้อ ฉิบหายกันมาแล้วนักต่อนัก

ภายใต้ิดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีอะไรที่คนโง่ไม่กล้าทำ แล้วเจ้ากรรม ประเทศนี้ก็เต็มไปด้วยทหารงี่เง่า ยิ่งไปกว่านั้น ในบรรดาทหารง่าวๆเหล่านี้ ยังอุตส่าห์มีทหารที่โง่กว่า และก็ทหารพวกหลังนี่แหละ ที่เป็นกำลังหลักให้ระบอบอำมาตย์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ล่าสุดนี่ ก็กำลังขยันขันแข็ง ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต รับคำสั่งให้มาจัดการกับพวกหมิ่น

พูดถึงเรื่องหมิ่นๆ ความจริงแล้วก็ไม่อยากจะเฉี่ยวเข้าไปซักเท่าไหร่ เหตุเพราะว่า คุกตะรางไม่เข้าใครออกใคร เลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยง หลบได้ก็ควรจะหลบ ไอ้กลัวน่ะไม่เท่าไหร่ เพียงแต่ว่ามันก็อดเสียวไม่ได้ ยิ่งตาชั่งบ้านเรามันไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่ ผีเข้าผีออก ผิดว่าไปตามถูก ถูกว่าไปตามผิด เอาแน่เอานอนไม่ได้ สุดแท้แต่ว่า พวกใครก็พวกใคร

เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น ตาชั่งโหลยโท่ย ตบได้สั่งได้ ปรู๊ดปร๊าดเอี๊ยดอ๊าด ลื่นเหลือล้น ทนเหลือหลาย ใครเดาทางออกต้องถือว่าโคตรเก่ง ขนาดปลาไหลใส่สเก๊ตช์ที่ว่าแน่ๆ ยังต้องชิดซ้ายลงคู มือเซียนอย่างปู่เติ้งยังต้องงงเต็ก ยอมรับว่าลื่นสู้มันไม่ได้จริงๆ แล้วนับประสาอะไร กับลูกเมียน้อยอย่างเรา ขึ้นชั่งเมื่อไหร่ ก็เชื่อขนมกินได้เลยว่า..ไม่รอลงอาญา

ที่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาซะยืดยาวนี่ ก็เพื่อจะส่งซิกไปยังพวกโง่ๆทั้งหลายว่า ศรัทธาของชาวบ้าน อย่าบังอาจเอามาล้อเล่น ของอย่างนี้มันมาเร็วไปเร็ว จุดติดพรึ่บพรั่บขึ้นมาเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นไฟลามทุ่ง ถึงเวลานั้นต่อให้ใครต่อใคร ก็เอาไม่อยู่ เพราะฉะนั้น จะชวนคนรัก หรือจะห้ามคนเกลียด ก็ต้องชั่งใจให้ดีๆ

คิดได้แต่ห้ามพูด พูดได้แต่อย่าให้ได้ยิน เอากันถึงขนาดนั้นมันก็เกินไป ใจคนมันห้ามกันได้ซะเมื่อไหร่ จะรักใครชังใครก็อยู่ที่ใจใครใจมัน จำไว้ว่า จะชั่วดีถี่ห่างยังไง ก็ยังเป็นไทยเหมือนกัน ถึงเคียดแค้นชิงชังจนไม่เผาผี มันก็หนีกันไปไม่พ้น เหม็นหน้ากันแทบตาย ก็ยังต้องทนทู่ซี้อยู่กันต่อไป เข้าตำรา คับที่อยู่ได้ คับใจก็จะอยู่..ไม่งั้นจะหนีไปไหนล่ะ

นี่อะไร อยู่ๆไปปลุกผีคอมมูนิสต์ เอากฎหมายหมิ่นมาฟาดฟันชาวบ้าน หาเหตุทำรัฐประหารหน้าด้านๆกันอีกกระทอก จึงต้องขอบอกกันไว้ก่อนว่า อย่าริเล่นกับไฟเป็นอันขาด พลาดพลั้งลงไป มันจะได้ไม่คุ้มเสีย ถ้าหวังดีก็หยุดซะ แต่ถ้าประสงค์ร้ายก็เชิญทำต่อไป ถ้าถึงคราวแผ่นดินลุกเป็นไฟ ก็ตัวใครตัวมัน

สาเหตุที่ไปๆมาๆ อำมาตย์ยังต้องหันกลับมาใช้บริการทหารโง่อีก ก็เพราะแป๊ะบ้านั่นแหละตัวดี ดันสะดุดหัวทิ่มบ่อ พาคนไปตายฟรี เมื่อวันที่ 7 ตุลา สาวกน้อยใหญ่ที่เคยเฮี้ยวจัดๆ ก็เลยเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ เป่านกหวีดแทบตาย ยังไม่มีใครกล้าโผล่หัว ก็เพราะมันรู้กันอยู่เต็มอก ว่าที่มือไม้กุด จั๊กกะแร้ฉีกนั้น ก็มาจากระเบิดปิงปองของพวกเดียวกันแท้ๆ

หลังจากที่ทำสงครามครั้งสุดท้ายมาหลายกระทอก มาคราวนี้ ก็ถึงทีต้องดิ้นเฮือกสุดท้ายกันแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมพักนี้แป๊ะถึงได้ปะฉะดะ ก็ถ้าสมานฉันท์กันเมื่อไหร่ แป๊ะก็กลายเป็นหมาเมื่อนั้น ไม่มีม็อบก็ไม่มีทีวีรูดาก สิ้นม็อบแป๊ะก็สิ้นชีพ พวกดาราน้อยใหญ่ที่ออกหน้ามาเย้วๆ ก็เตรียมตัวขุดรูเอาไว้อยู่กันได้เลย

ทุกครั้งที่สีเหลืองทำแต้มหล่นหาย มันจะกลายเป็นแต้มบวกให้สีแดงโดยไม่ต้องลงทุน และทุกครั้งที่ระบอบอำมาตย์ฟาดฟันทักษิณ คะแนนสงสารก็ไหลมาเทมาเป็นว่าเล่น อยู่ๆก็ไปเพิ่มพลังให้สีแดงแรงฤทธิ์โดยใช่เหตุ ยิ่ง 1 พฤศจิกานี้ นายกฯทักษิณจะโฟนอินเข้ามา จึงเป็นที่คาดกันว่า รัชมังคลาฯน่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

ต้องขอบังอาจแนะนำท่านอำมาตย์ว่า ถ้ายังไม่ถึงกับจะตายวันตายพรุ่ง ก็น่าจะรอดูไปก่อนอีกซัก 2-3 วัน จะได้ล้างตากันไปเลย ว่าไพ่ประชาธิปไตยนั้น มันจะซักกี่แต้มกันเชียว ถึงเวลานั้น จะสู้หรือจะหมอบจะได้ตัดสินใจถูก ถ้าเห็นว่าพอสู้ไหว จะทำรัฐประหารกันตอนนั้น ก็ยังไม่สายเกินเพล...

ดู่ดู๊ดู..ดูมันทำ ระหว่างที่ศักดินากับประชาธิปไตย กำลังประจัญหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย มาร์คโมเดส ยังมีแก่ใจไปเล่นขี้ที่อุบลฯ เจอเข้้าไปเต็มๆ ถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองถึงจะรู้กลิ่น ว่ามันเหม็นคาวฉาวโฉ่ขนาดไหน ลองดูแล้วต้องรู้จำ ว่านี่แหละภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนๆ..แนวรบด้านประชาชนเปิดอ้าซ่าแล้วเด้อ

เวลาเดียวกัน แนวรบด้านรัฐสภาก็กำลังเดือดพล่าน เมื่อเจ้าเก่งอดรนทนไม่ได้ ต้องออกโรงมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนอาวุธจากถีบมาเป็นเตะ น่าเสียดาย ที่ยังแค่ขู่ๆ ไม่ทันเจอของจริง ก็วิ่งแจ้นไปฟ้องคุงคูซะแล้ว คงมีแต่ส.ว.สาวฮ็อต รดสะหนา 3 เสา คนเดียวโ่ด่เด่ ที่ยังก๋ากั่น รีบตะโกนมาว่า อะฮั้นไม่ติดใจเอาเรื่องฮ่า แต่ติดใจคำขู่ ที่เจ้าเก่งจัดมาให้เป็นการเฉพาะว่า...

ถ้าไม่เลิกดอแหล ระวังจะเจอ..เตะจูบ

วโรทาห์: 29 ต.ค. 51

Monday, October 27, 2008

1 พฤศจิกา หมดเวลาสำหรับคำว่าสมานฉันท์ คำพังเพย เอ่ยอ้างต่อๆกันมา ว่าผีเน่ากับโลงผุนั้น พบกันทีไร รับรองได้ว่าเหม็นโฉ่ เปรียบเหมือนสื่อชั่วกับอำมาตย์ท

คำพังเพย เอ่ยอ้างต่อๆกันมา ว่าผีเน่ากับโลงผุนั้น พบกันทีไร รับรองได้ว่าเหม็นโฉ่ เปรียบเหมือนสื่อชั่วกับอำมาตย์ทราม ที่แตะมือกันได้เมื่อไหร่ รับรองได้ว่าบรรลัยเมื่อนั้น นับประสาอะไร กับสารขัณฑ์แลนด์ ดินแดนแห่งกาขาวเหลาเหย่ ที่ปล่อยปละละเลย ให้สื่อเน่าๆ กับอำมาตย์แก่ๆ สมสู่กันข้ามภพข้ามชาติ จนลูกชั่วเต็มบ้าน จนหลานทรามเต็มเมือง

ไม่ ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีกี่ชาติก็ตาม แต่สื่ออำมาตย์็ยังรักษาความคงเส้นคงวาไม่เคยแปรผัน หน้าที่หลักคือยักย้ายส่ายสะโพก เด้งรับลูกเย่อจากอำมาตย์ อย่าให้ผิดพลาดได้แม้แต่เซ็นต์เดียว จิตใจจึงต้องแน่วแน่มั่นคงไม่วอกแว่ก ตั้งสติให้มั่น คุมสมาธิให้อยู่หมัด ไม่งั้นเกิดพลั้งเผลอผิดไป ปล่อยให้อำมาตย์พลาดท่าเสยลมเข้า หละเป็นเรื่อง เอวเคล็ดขึ้นมาเมื่อไหร่ ยังไงๆก็ดูไม่จืด

เหยียบย่ำศัตรูเชิดชูมิตร ลูกไม้ตื้นๆที่งัดออกมาใช้ซ้ำใช้ซาก จนแทบอยากจะอ้วก ใช้สื่อเน่าๆในมือโหมประโคมกันเข้าไป ตั้งฉายาให้มันเว่อร์เข้าไว้เดี๋ยวคนมันก็เชื่อเอง ราษฎรอาวุโสงี้ มีดโกนอาบน้ำผึ้งงี้ ฉายาหวานหยดทั้งนั้น ที่จัดไว้สำหรับยกยอกันเอง ส่วนฝ่ายตรงข้ามนั้นเอาไปเลยอย่างฮา เตี้ยห้าสั้น ปลาไหลใส่สเก๊ต หรือไม่ก็จิ๋วอัลไซเมอร์

ชาวประชาสารขัณฑ์หรือก็ดีแสนดี ไว้ใจสื่อยิ่งกว่าไว้ใจสุนัขซะอีก สื่อว่ายังไงก็พร้อมจะว่าตามกัน มันเลยฮึกเหิมลำพองใจกันใหญ่ แหกตาเจ้านายกันเป็นวรรคเป็นเวร พักหลังมานี่ถึงกับออกลูกหน้าด้าน ไม่ต้องลับ ลวง พราง กันแล้ว เปิดหน้า 5 ห่วง ใส่ไฟกันเห็นๆ

ลูกไม้เก่าที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ เพื่อลดความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม คือโหมประโคมใส่ ให้มันเป็นตัวตลก อย่างคาร์บอมบ์ที่ออกจะซีเรียส พอจวนตัวเข้าก็เป่าหูให้เป็นคาร์บ๊อง ล่าสุดนี้ ยังหันมาเล่นงาน รายการ 3 หนุ่ม 3 มุม ด้วยวิธีการดั้งเดิม คือตั้งฉายาให้ว่า 3 เกลอซะ กะว่าทำให้กลายเป็นตัวตลก พูดอะไรไป ชาวบ้านจะได้ไม่เชื่อถือ

ที่ ไหนได้ ผิดคาดไปถนัด มาวันนี้ชาวบ้านชักจะมีหือ ตามเห่อตามเชียร์ 3 เกลอกันยกใหญ่ ส่งผลให้เหรตติ้ง ซิ่งไม่รู้หยุด ด้วยมาดนิ่มๆแต่หนักแน่นไปด้วยเนื้อหา รายการความจริงวันนี้ เลยสอยเอาความเท็จวันนั้นเสียศูนย์ จนไปไม่เป็น ในที่สุด ก็ต้องกลับไปทางเก่า เอาด้านเ้ข้าว่า ออกมาข่มขู่ ตอดเล็กตอดน้อยกันหนุบหนับๆ

ทำไปทำมา ท่าจะไปกันใหญ่ เมื่อเรื่องมันชักจะไม่ตลก สมุนอำมาตย์จึงหันมาบีบไข่ให้ปิดรายการ แต่บีบหนักเข้ามันดันแตกดังโพล๊ะ ลุกลามไปใหญ่ กลายเป็นแดงเดือด ส่งผลให้ธันเดอร์โดม เมืองทองธานีถึงกับแคบไปถนัดตา 1 พฤศจิกานี้ จึงต้องว่ากันใหม่ ย้ายวิกมาเซิ้งกันให้ม่วนซื่นโฮแซว แถวๆหัวหมากรัชมังคลาฯ งานนี้ไม่ใครก็ใคร คงได้หนาวๆร้อนๆ ไปตามๆกัน

ยิ่งได้ข่าวว่า นายกฯทักษิณจะโฟนอินเข้ามา ศักดินาขาใหญ่ก็ดิ้นพราดๆ ราวกับปลาช่อนถูกทุบหัว เหมือนเอาน้ำร้อนสาดใส่ในรังหมา สมุนอำมาตย์แตกฮือออกมาดิ้นกันใหญ่ ดิ้นกันจนจะเป็นจะตาย โดยเฉพาะเจ้ามาร์คม.7นั้น ถึงกับลงไปนอนบิดตัวเร่าๆ ปวดแสบปวดร้อน ราวกับไส้เดือนถูกขี้เถ้า

เสื่อม..ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเสื่อม มองไปทางไหนก็เห็นแต่ของเสื่อมๆ ผู้เฒ่าผู้แก่แทนที่จะเป็นเสาหลัก กลับออกมาโก่งคอ หอนรับกันเซ็งแซ่ ประคองเกมส์ให้พวกชั่ว มันป่วนกันต่อไป ทำเป็นมาช่วยชาติ หาทางออกกันยกใหญ่ แต่หาทีไรก็วกกลับไปหาทางเข้าทุกที เลยต้องขอร้องพวกปู่ๆทั้งหลายว่า ถ้าหวังดีอยากจะช่วยชาติจริงๆ ก็ช่วยหุบปากเน่าๆ เอาไว้เห่าในบ้านก็พอนะปู่

พวกไดโนเสาร์ยุคสุดท้าย ดาหน้าออกมาทีไร มีแต่ยุ่งตายหะ เดชะบุญว่า พลังสีเขียวนั้นมันสิ้นมนต์ขลังไปแล้ว ไม่งั้นจะดูไม่จืดกว่านี้ อีกหลายกิโลขีด ตอนนี้ อย่าว่าแต่ออกมาทำรัฐประหารเลย แค่จะประคองตัวให้รอดไปวันๆ ก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ทางนั้นก็บี้ ทางนี้ก็ไล่ ไม่ตายวันนี้ก็ไม่ีรู้ว่าจะไปตายวันไหน

ท่ามกลางสถานการณ์อันร้อนแรง ทะลักจุดเดือดอย่างทุกวันนี้ ยังมีสาวฮ็อตอย่าง สว. เสียวเว้ย รสนา โง่ทั้งตระกูล ที่มีแก่ใจออกมาส่ายระบำจ้ำบ๊ะ ด้วยลีล่าเร่าร้อนเหลือกำลังลาก กระชากใจเสือป่าแมวเซา ให้โหยหากันแทบจะอ้วกแตก แต่ขนาดว่าสวยออกอย่างนั้น หวานออกอย่างนี้ ยังอุตส่าห์มีปากหอยปากปู ซุบซิบกันให้แซ่ดว่า มันมีผัวได้ยังไงวะ อ้าว..ปากหรือนั่น

ถ้าไม่รู้จริงๆ จะบอกให้เอาบุญก็ได้ว่า ผู้หญิงอะนะ ถึงหน้าตาจะอุบาทว์แค่ไหน ก็ต้องมีทีเด็ดทีขาดเป็นสมบัติส่วนตัว ถ้าไม่สะแด่วแห้วจริงๆ หน้าตาอย่างนี้ ทำไมมีผัวมากกว่าลูก ถ้ายังไม่เชื่ออีก ก็ขอท้ามาประชันเต้ากันได้เลย วัดกันตัวตัว สาวไทยหน้าไหนก็ได้ เรื่องความสวยความงามอาจจะกินกันไม่ขาด แต่เรื่องก๋ากั่นนั้นอย่ามาสู้ซะให้ยาก แน่ไม่แน่...

แก้ผ้าออกมา แป๊ะไม่กล้าโดดใ่ส่ก็แล้วกัน

วโรทาห์: 27 ต.ค. 51

Friday, October 24, 2008

และแล้ว..ก็ได้เวลาของรัฐบาลพลัดถิ่น

ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างอมาตยากับประชาธิปไตย หลังจากที่ถูลู่ถูกัง มึงมั่งกูมั่ง เวียนเทียนกันเข้ามา ข่มขืนนางสาวประชาธิปไตยซะเละตุ้มเป๊ะ ลากยาวมา 76 ปียังไม่หนำใจ ผลักไสเท่าไหร่มันยังจะเอาอีก แถมไม่ข่มขืนเปล่า ยังทำตัวเป็นแมงดา หากินบนหลังตัวเมียซะงั้น

เพราะเหตุนี้ เมื่อเจ้าสัวแม้วผ่านเข้ามาในชีวิต จึงเป็นไปไม่ได้ที่สาวเจ้าจะไม่ใจแตกดังโพล๊ะ ก็แกสมาร์ทซะขนาดนั้น แถมยังเทใจให้นางสาวประชาธิปไตยซะขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่ไหวหวั่น ก็คงดัดจริตเกินไปหน่อย กว่าอำมาตย์จะรู้ตัว ว่าสาวเจ้าเอาใจออกห่างเรียบร้อย ก็สายเกินเพล ถึงกับทรุดลงไปนั่งคุกเข่า กุมขมับที่กำลังปวดจี๊ดๆ

ในเมื่อประชาชนเขาประกาศิตออกมาว่าจะเอาคนนี้ แต่ศักดินาบ้าเลือด ยังดื้อด้านจะเอาตัวโน้น ความที่เอาแต่ใจตัวเองจนเสียนิสัย เลยลืมนึกไปว่า นางสาวประชาธิปไตยเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เวอร์ชั่นใหม่ ไฉไลกว่าเก่าเยอะ ลำหักลำโค่นพอฟัดพอเหวี่ยงกับชายอกสามศอก พร้อมที่จะแลกหมัด ซัดกันให้แหลกไปข้าง ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ไม่กูอยู่ ก็มึงไป

เมื่อต่างฝ่ายต่างถอยไม่เป็น ถ้างั้นมันก็ต้องมีลุ้น ฝ่ายอำมาตย์นั้นไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว บุพการีมันไม่เคยสอนสั่งให้ใช้เกียร์ถอย ถ้าจำเป็นจริงๆอย่างมากก็เดินหน้าไปให้ได้ 5 ก้าว แล้วค่อยถอยกลับมาครึ่งก้าวพอเป็นพิธี ด้วยเหตุนี้ จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น ที่เป็นฝ่ายถอยกรูดๆ ถอยแล้วถอยอีก ถอยจนหลังพิงฝา เมื่อถอยไปไม่ได้อีกแล้ว มันก็ต้องวัดดวงกันลูกเดียว

เอาซะมั่งก็ดี ไม่งั้นมันไม่สะเด็ดน้ำซ้ากที จะทำมาหากินยาไส้ก็ลำบาก ริดสีดวงทหารมันกำเริบเป็นระยะๆ เดี๋ยวตูม..เดี๋ยวเปรี้ยง ใจหายใจคว่ำ ตายกันพอดี ถ้าไม่บ่งหัวฝีออกซะให้เบ็ดเสร็จ ก็ต้องตากหน้า เดินขาถ่างกันอยู่อย่างนี้ ลูกค้าลูกขายหายหน้าเข้ากลีบเมฆไปกันหมด ใครเขาจะกล้ามาค้าขาย กับบ้านที่เต็มไปด้วยพวกโรคจิต

วัวเคยขา ม้าเคยขี่ ของเคยกินแล้วไม่ได้แอ้ม ศักดินาเลยออกอาการหงุดหงิด งุ่นง่านอย่างเห็นได้ชัด ลงทุนขู่แล้วขู่อีกว่า ถ้าไม่ยอมจะฆ่าให้ตาย ขนาดแง้มไพ่ใบสุดท้ายให้เห็นขอบ ว่าแต้มใหญ่ แต่จนแล้วจนรอด นางสาวประชาธิปไตยยังไม่ออกอาการสปัสซั่มให้เห็น ช่วยไม่ได้ ดันมั่วกันเอง จนพระเสื่อมหมดเรียบร้อย ไล่ผียังไม่ไปเลย นับประสาอะไรจะมาไล่คน

แต่ไหนแต่ไรมา อาวุธที่น่ากลัวของเผด็จการคือความโง่ เรื่องที่วิญญูชนไม่ทำกัน โปรดอย่านึกว่าอำมาตย์จะไม่กล้าทำ ทุกวันนี้ยังย่ำอยู่บนหัวประชาชนหน้าตาเฉย เพราะฉะนั้น เรื่องที่จะไม่เสียเลือดเนื้อ ก็ลืมไปได้เลย คาถาสมานฉันท์ คงต้องเขียนใส่ยันตร์ แล้วเอาไปต้มกินกันเองให้พุงกาง

เอะอะก็จะออกลูกตุกติกตามถนัด หันรีหันขวางทีไร ไม่พ้นงัดของเก่าออกมาขายกิน หงายอยู่นั่นแหละ ไพ่ปฏิวัติใบเดิมที่หากินมาจนพรุน แต่โทษที หงายมาเที่ยวนี้ เจ้าตัวถึงกับช็อคตาเหลือก ซุกไพ่กลับเข้าสำรับแทบไม่ทัน เมื่อเห็นกันจะๆคาตา ว่าฝ่ายประชาธิปไตย เขาเตรียมไพ่รัฐบาลพลัดถิ่นไว้เก็บกินเฉย แหม..เล่นเป็นก็ไม่บอก

ถ้าใครยังคิดว่าขู่ก็ช่วยไม่ได้ แต่วงในเขาปิดกันให้แซ่ดแล้วว่า ครั้งนี้ทักษิณตั้งท่าว่าเอาแน่ หลังจากเที่ยวที่แล้ว 19 กันยา เกิดเหตุขัดข้องทางเท็คนิคเล็กน้อย เหตุการณ์ยังไม่สุกงอมพอ เลยต้องขอบายไปก่อน แต่ตอนนี้ต้องบอกว่าหายห่วง เพราะระบอบอำมาตย์ ประเคนคดีใส่ซะเละตุ้มเป๊ะ ผิดถูกไม่สำคัญ เอามันเข้าว่า จึงเท่ากับช่วยบ่มแก๊สจนสุกงอม หอมหวานได้ที่ พอดีกิน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลพลัดถิ่นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากทหารโสโครกบางตัว ที่แง่งๆอ้อนทีนอยู่แถวนั้น เอ้า..ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอบอกเลยว่า ให้กล้าๆหน่อย ออกลายมาเลย ออกลายให้เห็น ลากรถถังออกมาทำรัฐประหารโลด แล้วประชาชนจะสมนาคุณให้สาแก่ใจ

ส่วนสื่อชั่วก็ต้องขอร้องว่าน้อยๆหน่อย ไม่ใช่อะไร แต่เห็นแล้วมันทุเรศ ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่รู้สำนึก ไม่ใช่เพราะสื่อชั่วทำงานโหลยโท่ยหรอกหรือ ทุรชน 7 ตุลาถึงได้ตายฟรี นี่ขนาดว่าเอาแพะมาสังเวยแล้ว ระเบิดกันเห็นๆ เชือดกันคาตา ยังดึงประชาชนมาเป็นพวกไม่ได้ สื่อไม่อายแต่คนอื่นต้องออกหน้ามาอายแทน

จะบอกให้เอาบุญก็ได้ ว่าครั้งนี้ประชาชนเขาอยู่ข้างตำรวจหมด ต่อให้ตำรวจยิงจริง ชาวบ้านก็ยังเห็นว่าสมควร ติ๊งต่างว่าตำรวจดวลปืนกับโจร ถ้าจะพลั้งมือวิสามัญฆาตกรรมไป ก็ไม่มีปัญหา ในเมื่อโจรแรงมา ตำรวจก็ต้องแรงไป ฉันใดก็ฉันเพล

ตบท้ายด้วยข่าวเบาๆอีกตามเคย..วันก่อนเจอเจ้าตู้ปากกระโถน ไปเตร็ดเตร่งุ่นง่าน อยู่แถวแท็กซี่เรดิโอ..ในฐานะที่เจ้าหมอนี่ มันก็ขี้ข้าเก่าเจ้าคุณปู่ จะไม่ทักมันเลยก็น่าเกลียด เลยแกล้งๆถามไถ่จนได้ความว่า เพราะปากพาจน ทำให้พักนี้มันว่างจัด ตกงานซะจนเซ็ง..

เลยออกมาหาอะไรเจ็บๆ กระแทกปากให้หายบ้าซะหน่อย

วโรทาห์: 24 ต.ค. 51

Wednesday, October 22, 2008

มาร์คไม่ได้เสี้ยนยา..แต่เสี้ยนเก้าอี้นายกฯ

ว่ากันว่า พวกขี้ยาที่เสพย์ติดจนเข้ากระดูกดำ เวลาอยากยาขึ้นมา มันจะเสี้ยนจัดถึงขนาดที่ว่า หน้าเหลืองหน้าเขียว ปากเบี้ยวตาโปน มือไม้หงิกงอสั่นระริก ดูแล้วน่ากลัวอย่าบอกใคร จึงไม่แปลกที่คนเขาจะเม้าท์กันสนั่นเมือง เมื่อเห็นเจ้ามาร์คมันปากบิดปากเบี้ยว หน้าเซียวตาขวาง ว่าดูยังไงก็ขี้ยา จนต้องแก้ตัวกันพัลวันว่า มาร์คไม่ได้เสี้ยนยา แต่เสี้ยนเก้าอี้นายกฯ

เออ..เป็นไปได้เนาะคนเรา ของไม่เคยได้แอ้ม แต่ทำเป็นมาเสพย์ติด ถึงกับออกอาการเสี้ยนหนัก จะลงแดงตายวันละหลายๆครั้ง ล่าสุดนี่ ถึงขนาดกระดี๊กระด๊าลุกขึ้นมาตามน้ำ ทันทีที่ตาชั่งผีสิงเขี่ยลูกเข้าทาง ตัดสินเอาผิดอดีตนายกฯตามธงเด๊ะๆ ไล่จี้ยิกๆ ให้ตามจับทักษิณมาลงโทษให้ได้ ภายใน 99 วัน มันต้องอย่างนี้ซีน่า ถึงจะสมฉายา..มาร์ค เดนคน

ผลพวงจากความเสี้ยนของมัน ยังวุ่นกันไม่เสร็จจนถึงทุกวันนี้ งาน 7 ตุลาวันหมาวิปโยคนั่น มันก็มีเอี่ยวอยู่เห็นๆ เรียกว่าถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ ก็จะป่วนไปไม่จบนั่นแหละ นี่ถึงขนาดปั๊มซีดีแจก กล่าวหารัฐบาลเข่นฆ่าประชาชนกันแล้ว เล่นกันโต้งๆ ทั้งๆที่ยังไม่ได้พิสูจน์อะไรซักกะนิด นอกจากนางหมอหน้าผี ที่อุตริเอากระสุนแก๊สน้ำตามายิงเล่น แล้วฟันธงว่าแก๊สน้ำ้ตาทำให้ขาขาด

จึงช่วยไม่ได้ ที่ตอนนี้อาตี๋มังกร อีจะออกมาเต้นกันผางๆ บอกว่าพูดหมาๆอย่างนี้ การค้าอาวุธอั๊วก็เรือหายหมด เลยจะส่งทีมงานเข้ามาพิสูจน์ทราบ เจาะลึกกันให้ถึงกึ๋น ซวยหละมึงงานนี้ มันปากกันดีนัก คราวนี้ก็ตัวใครตัวมัน ไปอธิบายกันเอาเองเด้อ

ไหนๆก็พูดถึงซีดีแล้ว นี่ถ้าไม่กลัวว่าจะเป็นการเปิดทาง ให้สีเหนียดมาติดบ้าน ยังอยากไปรับแจกมาเปิดดู จะได้รู้ได้เห็นกันจะๆตา ว่าตำรวจฆ่าพันธหมากันท่าไหน ถึงได้ตายโหงกันท่านั้น โดยเฉพาะช็อตเด็ด ที่อยากล้างตาให้ชัดๆ คือตอนที่ลูกกระสุนแก๊สน้ำตา พุ่งเข้าเสียบจั๊กกะแร้ตั้งแต่เช้า แต่ดันไม่ตาย ออกวิ่งปุเลงๆจากรัฐสภา ไประเบิดตายห่าที่ลานพระรูปเอาตอนพลบค่ำ

ส่วนจ๊าบคาร์บอมบ์นั่น มันชัดซะยิ่งกว่าชัด แค่อยากจะเห็น ว่ามันจะแถไปทางไหน สื่อเส็งเคร็ง มันก็ไม่โปรโมทซะด้วย คงเป็นเพราะว่าหลักฐานมันทนโท่ ขนระเบิดใส่รถไปเต็มเพียบ กะกดรีโมทใส่ขบวนรถนายกฯเต็มๆ แต่ผิดแผนไปหน่อย นัดแล้วนายกฯไม่มา งานนี้เลยไม่ได้ซักศพ

ร้อนถึงแป๊ะต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่า เอาละวะไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอซักศพก็ยังดี เลยกดรีโมทใส่ไอ้จ๊าบซะ ระเบิดเป็นจุณ ทำลายหลักฐานเสร็จ แล้วยังได้ศพมาประจานอีก

นี่คณะกรรมการสิทธิบั๊ฟฟาโล่ชน ก็ออกมาแถลงแท้ดๆๆแล้วว่า ตำรวจทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ที่ถูกมันต้องเริ่มจากยกมือไหว้ก่อน แล้วค่อยตีมือตีขา ถ้ายังไม่ฟังกันจริงๆ ค่อยหันมาตีก้น นี่ว่ากันตามหลักสากลเด๊ะๆ เออ..จะเอายังงั้นก็ได้ แต่รอให้ลูกหลานพวกมึงมาเป็นตำรวจก่อนนะ

มันท่าจะบ้า บอกว่าให้เริ่มจากเบาไปหาหนัก ในขณะที่ฝ่ายกบฏเริ่มจากหนักไปหาเบา มาตรการอย่างนี้ มันใช้สำหรับม็อบมือเปล่าเท่านั้น รู้หรือเปล่าไอ้เฒ่า ลองถ้าขนอาวุธกันมาเพียบขนาดนี้ อเมริกาก็อเมริกาเหอะ ไม่เหลือไว้ทำพ่อทำแม่หรอก ถ้าไม่ถูกยิ้งทิ้งเป็นหมาข้างถนนจะยอมให้เหยียบ

ประเทศไหนๆ ใครเขาก็ปกป้องเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติตามกฎหมายทั้งนั้นแหละ มีแต่ประเทศอุบาทว์ ประเทศนี้ประเทศเดียว ที่ปฏิบัติกับเจ้าหน้าที่่ ราวกับหมาข้างถนน

งานนี้ ตั๊บปูตินเล็งผลเลิศ กะตีตำรวจกระทบชิ่งไปถึงรัฐบาล ปรากฎว่าทำอะไรสมชายไม่ได้ แต่ได้ตำรวจทั้งประเทศมาเป็นศัตรู ยุ่งหละมึงคราวนี้ เมื่อตำรวจหันมาจับมือกับฝ่ายประชาธิปไตย ไล่ล่าถล่มแป๊ะ เห็นทีงานนี้จะดูไม่จืด ตำรวจต้องคลุกคลีกับประชาชนซะด้วย ไม่เหมือนทหารที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับประชาชน แม่แต่น้อย

ฟังพล.อ.สล้างพูดแล้วก็ชัดเจน ม็อบพวกนี้มันก่อการร้าย กับกบฎชัดๆ เป็นเรื่องที่ควรจะฟ้องประชาชนมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่รู้ว่าฝ่ายรัฐบาลไปมัวอมสากอะไรอยู่ ถึงได้เงียบกริบกันไปหมด หรือว่าถ้าพูดแล้วสื่อไม่ออกให้ ก็น่าจะใช้รายการสมชายพูดไปไหว้ไป มาฟ้องประชาชนก็ยังดี

มาถึงเรื่องตาชั่ง ที่ยังตบได้สั่งได้ ไม่มีปัญหา ทำเป็นนั่งอ่านใบชั่งอยู่จ๋อยๆ ผ่านไป 3-4 ชั่วโมง มีแต่เชื่อได้ว่า กับฟังไม่ขึ้น สรุปตบท้าย เป็นไปตามฟอร์ม ถึงแม้การซื้อขายจะไม่ผิด แต่คนเซ็นต์ยินยอมให้ซื้อ ก็ถือว่าทุจริตต่อหน้าที่ เอาไปเลย 2 ปี ไม่มีรอลงอาญา..จบข่าว

สุดยอดจริงๆ ไม่มีใครมาฟังก็ว่าไปฝ่ายเดียว นี่ยังดีนะที่เป็นตาชั่ง คนเขาเลยจำใจต้องให้เกียรติ ถ้าเป็นพวกโรคจิตมาเรียกร้องความสนใจ เขาเรียกว่าชักว่าวโชว์ สำเร็จความใคร่กลางอากาศ

จากหนักมาหาเบา วกเข้าเรื่องฮาๆ ตลกคณะชวนชื่น เจ๊งไม่เป็นท่า เมื่อมาเจอตลกน้องใหม่ไฟแรง ป๊อก ชวนก๊าก จัดฉากเลียนแบบปฏิวัติ ให้ผบ.หน้าเหมือน มานั่งเป็นพระอันดับ แค่มุขเด็ดมุขเดียว ถ้าผมเป็นนายกฯ ผมจะลาออก ก็เล่นเอาฮาท้องคัดท้องแข็ง ยิ่งสมชายรับมุขว่า ไม่ตลกเลยป๊อก ยิ่งฮากันอุจจาระแตกอุจจาระแตน นี่พอเห็นว่าคนดูชอบ ผบ.ทั้งหลายเลยออกมารับมุขกันใหญ่

ถ้าแค่นั้น ยังฮาไม่พอ ก็ต้องนี่เลย ตลกอยุติธรรม ไจรัญ ชวนแถ นำโดยตลกรุ่นเดอะ จรัล ภักดีเงินตราทุกสกุล แค่มุขแถอย่างเดียวก็กินไม่หมด หลังจากหายหน้าไปหามุขมาเป็นเดือน กลับมาได้ก็ตั้งหน้าตั้งตาไถดะ ไถแปร แถกันสุดๆ สรุปว่าตำแหน่งอาจารย์นั้นสูงส่งเกินกว่าที่จะเป็นลูกจ้าง มุขนี้เล่นเอาลูกจ้างอย่างเราถึงกับใจแป้ว ถึงว่า..มันตีค่าหัวพวกเราแค่ 30%

นานๆทีจะเห็นป๋าออกมาฟันธง ขนาดว่ากลายเป็นธงมะเขือเผาไปแล้ว ยังชักออกมาฟันโช๊ะเช๊ะ เสียงดังฟังชัดซะยิ่งกว่าชัดว่า..นองเลือด..ยังไงๆก็นองเลือดแน่นอน งานนี้ ป๋าเหนาะ..ฟันธง!

เอ้า..มีเบาะแสมาแล้วมาร์ค ว่านช.แม้ว ที่เพิ่งโดนตัดสินจำคุก 2 ปีไปแหม็บๆ ตามมาตรฐานของประเทศที่ทำกับข้าวยังมีความผิด..โดนถึงขนาดนี้ยังไม่สำนึก ล่าสุดมีคนพบลับๆล่อๆอยู่แถวลอนดอน

กำลังบรรยายเรื่องเตรียมรับวิกฤติการเงิน ให้นายกฯอังกฤษฟัง..แป่วววว

วโรทาห์: 22 ต.ค. 51

Monday, October 20, 2008

ทุกข์จ๋า..แวร์ อาร์ หยู? (พันธมิตรก็อ่านได้นะจ๊ะ)

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายปลายยุคถิ่นกาขาว ใครจะไปนึกว่าเรื่องราวมันจะเลวร้ายถึงขนาดนี้ เหมือนเข้าไปอยู่ในมิติพิศวงยังไงยังงั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด กลับดำเป็นขาว กลับขาวเป็นดำมั่วซั่วเลอะเทอะ ร่ำๆว่าถ้าไม่นองเลือดกันครั้งใหญ่ คงจะปลดล็อคได้ยาก อาณาประชาราษฎร์จึงได้แต่ตุ๊มๆต่อมๆ นั่งลุ้นกันตัวโก่ง อมทุกขเวทนาแสนสาหัส

ได้แต่มองหน้ากันปริบๆ ว่านี่จะทำยังไงกันหนอ จึงจะผ่านพ้นช่วงประวัติศาสตร์อันแสนยุ่งยากนี้ไปได้ โดยเสียหายให้น้อยที่สุด

"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" พุทธพจน์นี้ยังทันสมัยใหม่เสมอ หยิบฉวยขึ้นมาใช้ได้ทุกเวลา เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เพราะว่า ธรรมะนั้นเป็นอกาลิโก ไม่ขึ้นกับกาลเวลา ทุกข์มาเมื่อไหร่ มองหาธรรมะของพระพุทธองค์ไว้ก่อน รับรองว่าไม่มีผิดหวัง เมื่อทุกข์เกิดก็ต้องเลาะตะเข็บออกมาดูซะให้เห็นแจ้ง ว่าทุกข์นั้นมัน แวร์ อาร์ หยู? จะได้จัดการชำระซะให้สิ้นซาก

หมดเวลาแล้วสำหรับผีสางเทวดา ที่คอยหาเศษหาเลย กับการเป่าเสกเวทมนตร์ เห่กล่อมชาวบ้าน พอให้ได้เคลิ้มๆครึ้มๆ ลืมทุกข์ไปได้ แค่ผ่านไปวันๆ

เพียงแต่ว่า ต้องกล้าๆหน่อย ลงมีดกรีดเนื้อเถือหนังออกมาดู ก็จะได้รู้ได้เห็นเป็นอัศจรรย์ว่า โ๊อ๊ะโ้อ๋.. คนเรานั้นมันก็แค่นี้เอง หลักใหญ่ใจความอยู่ที่นามกับรูป รวมกันเป็นขันธ์ 5 ที่แยกออกมาเป็น 5 ขันธ์ นั่นแหละโยม

รูปขันธ์ คือขันธ์เดียวโ่ด่เด่ ที่จัดว่าเป็นรูปธรรม ว่าไปแล้วไม่ต่างจากฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ จับได้ต้องได้ แต่ไร้ชีวิตชีวา เรื่องโง่นั้นต้องยกให้ มันไม่รู้อะไรซักอย่าง ถ้าไม่มีซอฟท์แวร์ ซึ่งก็คืออีก 4 ขันธ์ ที่เป็นนามธรรมล้วนๆ ทำหน้าที่เป็นซอฟท์แวร์อันชาญฉลาด แต่บางอันมันก็โง่เหลือหลาย ขึ้นอยู่กับว่า กรรมใครก็กรรมมัน

เมื่อธาตุทั้ง 4 มีดิน น้ำ ลม ไฟ มาประชุมกันพร้อมหน้า ก่อเกิดขึ้นมาเป็นรูปขันธ์ มีตัวมีตนพร้อมเครื่องยนต์กลไก ไส้เล็กไส้ใหญ่ ตับ ปอด เซ่งจี๊ ครบอาการ 32 ส่วนที่มองเห็นสัมผัสได้จากภายนอก ก็มีลำตัว แขน ขา หู ตา จมูก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง กับปากบางๆ จะไว้ใจได้ก๊ะ?

ซื้อรถมา 4-5 สิบล้าน ถ้าไม่มีโชเฟอร์ขับมันก็แค่นั้นเอง รถทั้งคันมันก็ไม่ต่างจากดุ้นฟืน ฉันใดก็ฉันเพล มีแต่ตัวกับหัวใจสูบฉีดโลหิตปรี๊ดๆมันก็ไร้ค่า ถ้าไม่มีโชเฟอร์มาพาซิ่ง เย้ยฟ้าท้านรก ฝ่าอเวจี ควบจี๋เข้าเส้นชัยที่โลกันตร์

โชเฟอร์ของร่างกายก็คือดวงจิต จิตดวงเดียวแท้ๆ ที่พาคนให้ทำชั่วกลั้วดี เป็นได้ทั้งผีทั้งพระ ทูอินวัน และก็ในจิตดวงนี้นี่เอง เป็นที่ชุมนุมของนามขันธ์ทั้ง 4 ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ทำงานเข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

วิญญาณขันธ์นั้นเป็นด่านหน้า คอยรับสัญญาณจากตัวเซ็นเซอร์ทั้ง 5 คือ ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส แล้วก็กายสัมผัส ทำให้รู้หนาวรู้ร้อน รู้อ่อนรู้แข็ง สูงต่ำดำขาว เสียงเบาเสียงดัง มันก็รู้ไปหมด

รู้ไม่รู้เปล่า แต่ส่งต่อปรู๊ดปร๊าดไปยังเวทนาขันธ์ เพื่อให้กฤษฎีกาตีความออกมาซะให้โป๊ะเช๊ะ ว่าพอใจ หรือว่าไม่แฮ๊ปปี้ หรือว่าโนคอมเม้นท์แค่เฉยๆ ถ้าเปรี้ยวหวานมันเค็มอร่อยลิ้นจะได้กินต่อ ตรงกันข้ามถ้าสุนัขไม่รับประทานจะได้เททิ้งไป

แล้วจดใส่บัญชีหนังหมา คือสัญญาขันธ์ ซึ่งมีหน้าที่เรียนรู้และจดจำ วันหลังจะได้ตัดสินใจถูก ว่าจะเอาดีหรือไม่เอาดี ถ้าดีมากจะได้เอาเบิ้ล

ทั้ง 3 ขันธ์ที่ว่ามานั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติ จัดมาให้สำหรับสัตว์โลกทั้งหลายเป็นการเฉพาะ จะได้รู้จักเอาชีวิตรอด ปลอดภัยไปจนแก่เฒ่า รู้อยู่รู้กิน สืบต่อเผ่าพันธุ์ให้มันบ๊ะละฮึ่ม ถ้าไม่มีกลไกพวกนี้ ส่ำสัตว์ทั้งหลาย คงสวาปามกันมั่วซั่ว กินซี้ซั้วจนหงายเก๋ง แล้วก็ตายแหงแก๋ หรือไม่ก็ไม่กินอะไรเลย จนยืนแห้งตายซากกันไป ไม่มีเหลือหลอ

มาถึงขันธ์ที่ 4 สุดท้ายท้ายสุด คือสังขารขันธ์ เจ้าขันธ์บ้าตัวนี้ นี่แหละตัวแสบ หน้าที่หลักคือคอยปรุงแต่งอารมณ์ ตีไข่ใส่สีล่อให้เละตุ้มเป๊ะ แค่อยากมีไม่ได้ อยากได้ไม่มี ก็ปวดหัวจี๊ดๆอยู่แล้ว มันมาปรุงแต่งให้กลายเป็นงานช้าง เลยทุกข์เป็นบ้าเป็นหลัง ทุกข์จนจะเป็นจะตาย เรียกว่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำเรื่องใหญ่ให้มันใหญ่โคตรๆ

กินเพื่ออยู่ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน แค่กินพออิ่มมันยังไม่หนำ ใส่สีตีไข่เข้าไป กลายเป็นกินเอามัน กินยุบกินยับ กิินไม่รู้จักหยุดจักหย่อน อิฐ หิน ปูน ทราย มันละลายเรียบ เป็นที่มาของอารมณ์รัก โลภ โกรธ หลง อยากได้ใคร่ดีไปกันยกใหญ่ ทั้งๆที่กลไกธรรมชาติล้วนๆ ก็อยู่ได้สบายไปทั้งชาติ ถ้าไม่เชื่อก็ให้ดูสัตว์โลกเพื่อนซี้ เป็นตัวอย่าง

เมื่อสีหราชเฒ่าเข้าสมสู่ ดู๋ดี๋กับนางสิงห์สาว ท่วงทีลีลานั้นจืดชืด พอๆกับน้ำล้างถุงกาแฟ ทำราวกับว่ากามกีฬามันแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ยักคิ้วยักเอวยักไหล่ เคี้ยวแห้วไปยังจะมันซะกว่า ไม่เห็นจำเป็นต้องซี๊ดซ๊าดกรี๊ดกร๊าด หกหน้าลังกาหลังให้มันเสียวก้นกบ พลาดพลั้งลงไป บั้นท้ายเคล็ดเอวยอกขึ้นมา มันจะดูไม่จืด

แค่ท่าเบสิคธรรมดา ยักย้าย ซ้ายขวา โย้หน้าโย้หลัง ก็ขี้คร้านจะลูกเต็มบ้าน แถมด้วยหลานเต็มเมือง

เป็นอันว่า ทุกข์นั้นมันปรุงแต่งมาจากภายใน ทุกข์ใจแทบตาย ก็เำพราะใจมันทุกข์ ปัจจัยภายนอกมันก็แค่สภาวธรรม ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ฝนจะตก แดดจะออก คนจะแหล ไม่ว่าใครก็ไปห้ามมันไม่ได้ รับรู้ไว้ แต่ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์ คนไหนน่าชังก็จำหน้าไว้ แล้วอย่าไปคบ จัดการทุกอย่างอย่างมีสติ อย่าให้อารมณ์มาครอบงำ สุดท้ายแล้ว ยังไงก็แฮ๊ปปี้เอนดิ้ง

แต่อย่างว่า คนเราไม่ใช่พระอิฐพระปูน คนมายืนด่าอยู่ฉอดๆ จะให้ยืนฟังพร้อมกับยิ้มแฉ่ง มันก็เกินไปหน่อย อย่ากระนั้นเลย เอาอริยสัจจ์ 4 เข้าจับ ทุกข์นั้นมันเกิดแต่เหตุ ดับซะที่เหตุ ทุกข์มันก็มอด เมื่อเหตุมันเกิดแต่ปากมาด่าแจ๊บๆ เอาไม้ตีพริกยัดเข้าไปที่เหตุ เสียงด่ามันก็ดับ คราวนี้หละแกเอ๊ย ไปล้งเล้งกันต่อที่โรงพัก ไม่รู้อะไรเป็นอะไร บานฉ่ำไม่รู้หุบ

รู้ทั้งรู้ แต่ก็ทำไม่ได้ ศึกษาธรรมแทบตายมันก็ยังร้อนรน เขาถึงว่า รู้จำโดยสัญญา ยังไม่นับว่ารู้ธรรม ต่อให้ท่องบ่นพระไตรปิฎกจนคล่องปรื๋อ ก็บรรลุอรหันต์ไม่ได้ ถ้าไม่ปฏิบัติธรรม ให้มันรู้แจ้ง ไม่เช่นนั้นบรรดามหา เปรียญ 9 ประโยค คงเป็นอรหันต์กันไปหมดแล้ว แต่ในความเป็นจริงพระอรหันต์ทั้งหลาย ก็ไม่เคยปรากฎว่า จบเปรียญธรรมซักประโยค

การปฏิบัติธรรม ไม่ใช่ว่าให้มานั่งปลง ทำเป็นหมดอาลัยตายอยาก ไม่เอาอะไรซักอย่าง หรือบ้างก็นั่งยิ้มแฉ่งทั้งวัน ไม่รู้ว่ามันสุขใจอะไรกันนักกันหนา ที่บ้าหนักหน่อย ก็ฉีกยิ้มค้างจนเป็นร่องลึกบนใบหน้า ดูไปดูมาเหมือนรูปปั้น ลิงแถกเหงือก ยังไงยังงั้น

การปฏิบัติธรรมก็เพื่อให้เกิดความชำนิชำนาญในการควบคุมอารมณ์ ให้รู้เท่าทันตามความเป็นจริง มีสติสัมปชัญญะ รู้สึกตัวทั่วพร้อม ไม่ใช่ว่าจะเอาดีเอาเด่น เป็นผู้วิเศษหรือก็เปล่า จิตที่ฝึกดีแล้ว จะทำการสิ่งใดก็สบายบรื๋อ ถ้าไม่รู้วิธี วันหลังจะกระซิบให้ ฝึกที่บ้านก็ได้ หรือไปเข้าวัดก็ดี แต่ที่สำคัญ ต้องเลือกดูพระให้เป็น ไม่งั้นมีหวังออกทะเลเอาได้ง่ายๆ

ในถิ่นกาขาวทุกวันนี้ อลัชชีที่อวดอ้างว่ารู้ธรรมนั้น มีมากจนแทบจะเหยียบกันตาย อะไรไม่ว่า ดันมาเที่ยวอบรมสั่งสอนชาวบ้าน ว่ากันเป็นตุเป็นตะ พาเข้ารกเข้าพง เป็นบ้าเป็นหลังกันไปใหญ่ จึงเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า อย่าเชื่อเพราะว่าเขาห่มผ้าเหลือง อย่าเชื่อเพราะว่าชาติตระกูลเขาสูงส่ง อย่าเชื่อเพราะว่าเขาเป็นอาจารย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่ห้ามเป็นอันขาดคือ...

อย่าเชื่อเพราะว่าสื่อเชีัยร์...เจริญพร

วโรทาห์: 20 ต.ค. 51

Friday, October 17, 2008

ประสบการณ์ผีๆ กับคนผีๆ

สมัยเด็ก เมื่ออายุซัก 3-4 ขวบเห็นจะได้ มีอยู่คืนหนึ่ง เพราะอาการปวดหัวตัวร้อนเป็นไข้ เลยนอนหลับไปแต่หัวค่ำ เวรกรรม มาตื่นเอากลางดึกกลางดื่น ลืมตาแป๋วแหววอยู่คนเดียวโด่เด่ เหลียวไปทางไหน เขาก็หลับกันคร่อกฟี้สบายอารมณ์ บรรยากาศอย่างนั้นมันวังเวงอย่าบอกใคร

ขณะที่กำลังใจแป้วอยู่นั้น สายตาเจ้ากรรมก็ดันเหลือบไปเห็นอะไรแว๊บๆอยู่ปลายเตียง พอหันขวับไปมองให้จะๆ ก็แทบจะร้องจ๊ากด้วยอารามตกใจ ไอ๊หยา..ผีหลอก

โอย..จะบ้าตาย มันมาให้เห็นกันเต็มๆตา เป็นร่างของชายคนหนึ่ง ยืนทะมึนอยู่ในเงามืด สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่สีอึมครึม กับหมวกปีกแบบคาวบอยที่พวกเจ้าพ่อชอบใส่ หรือเอาง่ายๆ ก็ชุดที่โกตั๊บใส่ไปมอบตัวนั่นแหละ

ลักษณะท่าทางอย่างนี้ จะว่ามันมาดี คงไม่น่าจะใช่.. ตายละวา คราวนี้จะเอายังไงดี ยิ่งโง่ๆอยู่ เพิ่งลืมตามาดูโลกได้แป๊บเดียวเอง ใครจะไปรู้ว่าต้องรับมือกับผียังไง เมื่อทำอะไรไม่ได้ เลยต้องปล่อยให้สัญชาตญาณล้วนๆเป็นตัวจัดการ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ตามหลักสากลท่านว่า ให้กระตุกผ้าห่มมาคลุมโปงไว้ แล้วจะปลอดภัยแล แต่เรามันนอกคอกผิดมนุษย์มนา ไม่กล้าคลุมโปงมาแต่ไหนแต่ไร ความที่กลัวว่า ถ้าผีมันมาเลิกผ้าห่มขึ้น แล้วจ๊ะเอ๋กันจังๆ จะมิยิ่งซวยหนักเข้าไปใหญ่ เลยเหลือแต่ไพ่สุดท้ายคือหันหัวสู้ผี ถ้าจะตีโง่ก็ให้มันรู้ไป

ตาประสานตา จ้องหน้ากันไปเลย เดี๋ยวก็รู้ ว่าใครหมู่ใครจ่า

ไอ้เรามันตั้งใจอยู่แล้ว ว่าจะไม่ลงมือก่อนอย่างแน่นอน เลยจ้องกันไปจ้องกันมาอยู่พักใหญ่ เอ๊ะทำไมมันไม่ขยับ จนสายตาเริ่มชินกับความมืด มองเห็นชัดแจ้งจางปาง เรื่องเลยแดงแจ๋ขึ้นมาดื้อๆ

บ้าเอ๊ย..ตกใจฟรี ผีเผอที่ไหนกัน นั่นมันของปลอมทำเหมือนนี่หว่า ไม่รู้ว่าใครมันสัปดน เอาเสื้อคลุมไปสวมไว้บนเสาไม้โด่เด่ เท่่านั้นไม่พอ ยังเอาหมวกครอบไว้ที่หัวเสาอีกต่างหาก เล่นเอาหนุ่มน้อยอนาคตไกล เกือบจะช็อคตายตั้งแต่วัยเอ๊าะๆ

นิทาน..เอ๊ย..เรื่องที่เล่ามานี้ เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า คนเราถ้ากล้าหันหน้าเข้าเผชิญกับความจริง สัจจธรรมนั้นคอยท่าอยู่แล้ว ถ้าวันนั้นดันคลุมโปงอย่างที่ใครๆเขาทำกัน ป่านนี้คงยังฝังใจไม่เลิก ว่าตัวเองมีประสบการณ์ขนหัวลุก เจอผีมาแล้วเจ๋งๆ ซ้ำร้ายยังจะเก็บมาเล่าเป็นตุเป็นตะ มอมเมาเยาวชนคนรุ่นหลัง ให้ลุ่มหลงเลอะเทอะไปได้อีกหลายชั่วคน

ถ้าว่ากันตามจริง เพียงแค่เอาปัญญาเข้าจับ ไม่ว่าใครต่อใคร ก็สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ผีนั้นมันเป็นแค่มายา ดำรงอยู่ได้บนความกลัวของมนุษย์ล้วนๆ ถ้าเราไม่กลัวซะอย่าง มันก็ไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่ง ตรงกันข้าม ถ้ายิ่งเคารพบูชามัน จะยิ่งเสริมอิทธิฤทธิ์มันให้แก่กล้ายิ่งขึ้น สุดท้ายก็จะย้อนศร กลายเป็นหอกดาบ กลับมาทิ่มแทงเราซะเอง

ขอเตือนไว้อย่าง ว่าอย่าเล่นกับผี เพราะว่าผีนั้นไม่เคยเชื่อง ความที่มันถือว่า มนุษย์นั้นเป็นขี้ข้ามัน ถ้าเซ่นไหว้ไม่ถึงเมื่อไหร่ เป็นได้อาละวาดกันบ้านแตก

แต่อย่างว่า ผีก็คือผี ต่อให้มีอิทธิฤทธิ์แค่ไหน ก็ทำอันตรายมนุษย์ไม่ได้ ถ้าไม่มีมนุษย์อุบาทว์ กินสินบาทคาดสินบน ยอมอุทิศตนเป็นร่างทรงให้พวกผี สุดท้ายแล้ว ไปๆมาๆ ก็มนุษย์ด้วยกันนั่นแหละ ข่มเหงคะเนงร้ายกันเอง จนวุ่นวายไปหมด ไม่ใช่ผีสางเทวดาที่ไหนหรอก

ไหนๆก็พูดถึงเรื่องผีแล้ว ก็เลยเถิดมาพูดเรื่องคนที่กำลังผีเข้ากันดีกว่า ไม่รู้ว่ามันเจ็บไข่มากหรือยังไงกัน พักหลังมานี้ผบ.ทบ.ชักจะหลงคีย์อยู่บ่อยๆ จนเมื่อวานนี่ยิ่งเป็นเอาหนัก ถึงขนาดออกทีวีมาเรียกร้องให้นายกฯลาออกกันดื้อๆด้านๆ ไม่อายฟ้า ไม่กลัวดิน

ไร้ค่า ไร้ราคาจริงๆ สำหรับคนๆนี้ คำพูดเพียงแค่คำเดียว ก็สามารถทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนๆหนึ่ง จนย่อยยับไม่มีชิ้นดี ในเมื่อกล้าพูดถึงขนาดนี้ แต่ไม่กล้าทำรัฐประหาร ยังจะเหลือคุณค่าอะไรให้นับถือกันอีก หรือคิดแค่ว่า ลอยตัวหลบหลีกปัญหาไปเรื่อยๆ ก็จะพ้นภัยจนตลอดรอดฝั่ง เพื่อนร่วมชาติจะเป็นยังไงก็ช่างมัน

สำหรับชาวประชาธิปไตยในยามนี้ ก็ต้องตั้งสติไว้ให้มั่น เรื่องอย่างนี้ยังจะมีมาอีกเรื่อยๆ จะว่าไป ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายแต่อย่างใด ในเมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้ว ใครเขาจะยอมผ่องถ่ายกลับมาให้ง่ายๆ ยังไงก็ต้องสู้กันจนยิบตา

การตอบโต้นั้นต้องมีแน่ แต่จะรุนแรงแค่ไหน ยังไม่มีใครคาดเดาได้ มันอาจจะดูน่ากลัวกว่าที่คิด แต่ไม่ต้องตกใจ ทั้งหลายทั้งปวงขึ้นอยู่กับจิตใจล้วนๆ ว่าใจต่อใจ ใครจะแกร่งกว่ากัน

เมื่อทะเลคลั่งไม่ว่าใครก็หยุดยั้งมันไม่ได้ และไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามทำเช่นนั้น มีแต่กาลเวลาเท่านั้น ที่คอยพิฆาตทุกสรรพสิ่ง เชื่อเถอะว่า ไม่มีสิ่งไหนท้าทายอยู่ได้เหนือกาลเวลา ต่อให้พายุนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่อขึ้นถึงขีดสุดแล้ว ยังไงก็ต้องอ่อนกำลังลงโดยลำดับ สุดท้ายย่อมจมหายไปกับกาลเวลา ไม่เหลือไว้แม้แต่เศษเสี้ยวธุลีดิน

ไม่เคยมีผู้ปกครองคนใดที่อยู่ค้ำฟ้า...

มีแต่ประชาชนเท่านั้น ที่จักอยู่ยั้งยืนยง ตราบชั่วกาลนาน

วโรทาห์: 17 ต.ค. 51

Thursday, October 16, 2008

ฮุนเซ็นนี่..แกเล่นเป็นแฮะ

เมื่อครั้งที่เวียตกงกำราบจีไอลงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวมเหนือใต้เป็นหนึ่งเดียว กลมเกลียวเป็นข้าวเหนียวนึ่งแล้ว ทหารก็ว่างมาก เรียกว่าเจียะป้าบ่อสื่อ คงจะไม่ผิด เลยคิดการใหญ่ว่า จะยกพหลพลโยธาลงมาเอ๊กเซอร์ไซส์แถวสุวรรณภูมิ เป้าหมายคือประเทศสมุนเผด็จการที่เป็นรูปขวานบิดๆเบี้ยวๆนั่นแหละ

คราครั้งนั้น บิ๊กจิ๋วถึงกับหูตาเหลือกบินลัดฟ้าตรงแหน็วไปปักกิ่ง เจรจาต้าอ้วยเสร็จสรรพก็กลับมานั่งจุ้มปุ๊ก รอดูเหตุการณ์อยู่อย่างสบายอารมณ์ หลังจากนั้นไม่นานนัก สงครามสั่งสอนก็เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ ทหารซินตึ๊งโจมตีเปิดกะโหลกเข้ามาทางเหนือของเวียตก๊ก แป๊บเดียวก็มานั่งเจี๊ยะแต๊ จ่อคอหอยลูกกระเดือกอยู่ที่ชานเมืองฮานอย

ทหารญวนที่กำลังยกพลลงมาทางกัมพูชา ถึงกับตาลีตาเหลือก ยูเทิร์นกลับไปต้อนรับขับสู้ทหารฮั่นกันยกใหญ่ กว่าจะส่งแขกกลับไปได้ก็เล่นเอาเหงื่อแตกไปตามๆกัน หลังจากนั้นเลยสงบเสงี่ยมเจียมตัว เข็ดขี้อ่อนขี้แก่ไม่มาวอแวอยู่แถวนี้ เพราะกลัวว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญจะกลับมาเยี่ยมอีก

ถึงว่า..ฮุนเซ็นก็เล่นเป็น พอกองทัพภาคที่ 2 แห่งสารขัณฑ์ ยกพลมุ่งหน้ามามอร์นิ่งวอล์คในกรุงเทพฯ ทหารชายแดนขะแม เลยเปิดฉากเล่นสงกรานต์กระสุนกับพี่ไทย เป็นที่สนุกสนาน เล่นเอาทหารแก่นอกแถวถึงกับตาลีตาเหลือก รีบกลับไปประจำการเจี๋ยมเจี้ยมตามเดิม ไม่งั้นถ้าเสียอธิปไตยไป มีสิทธิซวยกันไม่เลิก

ก็แน่หละ ใครจะอยากให้เพื่อนบ้านปกครองโดยรัฐบาลบ้าๆบวมๆ ในเมื่อเห็นๆกันอยู่ว่าพวกนี้มันโรคจิตขนาดไหน ถ้าเกิดเป็นใหญ่ขึ้นมา บ้านใกล้เรือนเคียงก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็นสุข นี่วิเคราะห์กันตามหน้าเสื่อแล้วนะ ถ้าล้วงลึกไปกว่านั้น อาจได้เห็นซีไอเอยืนยิ้มเผล่อยู่ข้างหลัง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็งานช้างแน่ๆ

เอาง่ายๆ ถ้ามาร์คได้เป็นนายกฯเมื่อไหร่ รับรองได้ว่าต้องมีโชว์ีหมากเตะโลกตะลึง เขาพระวิหารนี่แหงแซะ ต้องยึดกลับมาเป็นของไทย ภายใต้นายกฯหนีทหาร อเมริกากับอังกฤษนั้น ยังไงก็ไม่พ้นต้องหนาวๆร้อนๆ เพราะว่าก่อนหน้านี้มาร์คเคยส่งสารตักเตือนไปแล้ว ยังไม่สำนึก ลองคิดดูเอาเองว่า ถ้าไม่พิเศษใส่ไข่ 2 ฟอง มีหรือเขาจะส่งยามออกมารับหนังสือด้วยตัวเอง

ยิ่งจีนนี่ไม่ต้องพูดถึง เตรียมตัวรับผลกรรมที่ก่อไว้ได้เลย หน็อย..บังอาจสวนกระแสออกมาแถลงว่า แก๊สน้ำตาจีนแดงไม่ทำให้แขนขาขาด ก็ถ้ามันปลอดภัยจริง หูจิ่นเทามายืนเป็นเป้าให้หมอหัวขวานยิงไม๊ล่ะ!

อย่างบาฮามาสนี่ก็แส่นัก กงการอะไรมาออกพาสปอร์ตให้คนโกงชาติโกงแผ่นดิน แล้วยังจะญี่ปุ่นอีก ทำเป็นแกล้งปล่อยให้แจแปนไทส์ออกมาอัดพันธมิตรซะเสียผู้เสียคน แถมยังปล่อยหมัดตรงเข้าหน้าแงจนมาร์คหงายเก๋ง อย่างนี้ถ้าไม่เฉ่งให้จั๋งหนับ ก็อย่ามานับถือมาร์ค

ประเทศอื่นๆก็ไม่ต้องห่วง ได้เจอดีกันครบถ้วนแน่ เรียงคิวลดหลั่นกันไปเป็นพระอันดับ ยิ่งพวกยุโรปนี่ง่ายเลย ทิ่มตรงๆเข้าไปที่อียูนั่นแหละ รับรองว่าร้องจ๊ากกันไปทั้งทวีป

หันมาทางตลาดหลักทรัพย์ เห็นแล้วก็เก๊กซิมอยากจะบ้าตาย ไม่รู้เป็นไง ช่วงนี้สัญญาณจากต่างชาติ เป็นไปในทางลบหมด ฉุดดัชนีหุ้นในกลุ่มปฏิวัติดิ่งเหวลงนรก เจ๊งฉิบหายวายป่วง เล่นเอาทหารนอกแถวยืนขาสั่นกางเกงเปียกกันสลอน ขนาดว่าซ้อสั่งลุยแล้ว ยังไม่มีใครกล้าขยับ ส่งผลให้นักลงทุนอย่างแบ๊งค์บัวคี่ ถึงกับหน้าซีดตัวสั่น กลัวถูกประชาชนมาเช็คบิล

เห็นสัญญาณอย่างนี้แล้ว ฟันธงได้เลยว่า ปฏิวัติเมื่อไหร่ก็จบเห่เมื่อนั้น ไหนจะประเทศยักษ์ใหญ่ที่กำลังจ้องมาตาเขียวปั้ด ไหนจะประเทศเพื่อนบ้านที่เริ่มขยับล่วงหน้าไปบ้างแล้ว ส่วนอียูนั้นไม่ต้องพูดถึง เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ไม่เชื่อก็ลองดูได้ ไม่มีอะไรเสียหาย

ยิ่งอำมาตย์หน้าโง่ ส่งทักษิณออกไปทำทางไว้ที่ต่างประเทศแต่เนิ่นๆด้วยแล้ว คราวนี้ยิ่งง่ายใหญ่ นอกในประสานเป็นหนึ่ง รัฐบาลพลัดถิ่นก็ตั้งไป การเมืองระหว่างประเทศก็เดินไป อาศัยว่าทุกประเทศเทใจมาให้หมดแล้ว ช่วยกันบีบเข้ามาทุกทิศทุกทาง เอาให้้หน้าเขียวหน้าเหลืองกันไปข้าง

ส่วนภายในประเทศนั้น ไม่ต้องพูดถึง เตรียมพร้อมกันแล้วอย่างคึกคัก ชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร ก็ว่าได้์ นอกจากรวมพลคนรักประชาธิปไตย ที่มีอยู่ค่อนประเทศแล้ว ยังมีทหารฝ่ายประชาธิปไตยเป็นกะตั้ก รวมกับตำรวจทั้งประเทศ ที่ถูกพันธมิตรถีบหน้ามาทางนี้เรียบร้อยแล้ว บอกได้คำเดียวว่า งานนี้เดิมพันสูงเท่าฟ้า

พูดไปมีแต่เรื่องหนักๆ พักซักหน่อย หันมาดูเรื่องเบาๆกันดีกว่า...

พูดถึงป้าตีนตบแล้วยังเสียดายไม่หาย ถ้าเทศกิจไม่มาขวางทางปืนซะก่อน งานนี้รับรองว่ายังไงก็ต้องมีเฮ ตามข่าวบอกว่า แกปรี่เข้าไปหาอภิรักษ์ซึ่งนั่งอยู่หลังมาร์ค พอถูกเบรคหัวทิ่ม เลยไม่ต้องได้รู้กัน ว่าแกตั้งใจเล่นหล่อเล็กตัวเดียวอันเดียว หรือว่ากะตบเรียงตัว ไล่ตั้งแต่คนนั่งหน้าไปยันคนนั่งหลัง งานนี้เมื่อทำไม่สำเร็จ เลยได้แค่ข้อหาพยายามตบ

สวนกันมันหยดต้องคู่แป๊ะวีเอสฮุนเซ็น ความที่มันปากไปหน่อย นึกว่าให้ด่าฟรี แป๊ะปากพล่อยเลยด่าข้ามประเทศ บอกว่าจะตัดหัวฮุนเซ็นเหมือนพระยาละแวก..ว่าไปโน่น เลยเจอประกาศจับจากทางโน้น ตั้งค่าหัวเบาะๆ 50 ล้าน งานนี้เล่นเอากินเนสบุ๊คถึงกับตาโต กะว่ายังไงก็ต้องได้บันทึกสถิติว่า เป็นหัวหมูที่แพงที่สุดในโลก

เสียอย่างเดียวว่า ยังติดปัญหาทางเท็คนิคอยู่อีกนิดหน่อย คือจะพิสูจน์ทราบได้ยังไง ว่าอันไหนหัวหมู อันไหนหัวแป๊ะ

พูดถึงแป๊ะแล้ว ก็ต้องยอมรับนับถือแกจริงๆ ค่าที่ฮ็อตฮิตติดลมบน ซึมซับได้นานอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งพักนี้ยิ่งดังใหญ่ จะว่าเตี่ยอีเจ้าชู้มากหรือยังไงก็ไม่รู้ ไปไหนต่อไหน ใครต่อใครมักจะให้สรรพนามแกว่า...

!!! อ้ายแม่เยอะ !!!

วโรทาห์: 16 ต.ค. 51

Wednesday, October 15, 2008

๏ ล้างถิ่นกาขาว ด้วยคาวเลือด

๏ ลุสองห้า ห้าหนึ่ง ถึงอาเพศ
ให้เกิดเหตุ ทั่วหล้า เป็นอาถรรพ์
สะท้านเทือน เลื่อนลั่น ครั่นครืนครัน
ด้วยโจรไพร ไจรัญ อันธพาล

๏ กระทืบบาท ผาดแผลง สำแดงฤทธิ์
ประกาศิต ก่อศึก ด้วยฮึกหาญ
สัปดน ชนชั้น อันสามานย์
เข้ารอนราญ ผลาญกัน ให้บรรลัย

๏ ปวงประชา เสียขวัญ พลันสะทก
ตื่นตระหนก อกสั่น ประหวั่นไหว
เห็นหมู่มาร เคลื่อนพล สกลไกร
แลทางไหน ไม่มี ที่พึ่งพา

๏ สุดระทม ขมไหม้ อยู่ในอก
เหมือนแผลฟก ชอกช้ำ ระกำหนา
เขาเหยียบซ้ำ ย่ำยี เข้าบีฑา
ดั่งประดา ส่ำสัตว์ อสุรี

๏ นภากาศ ฉาดฉาน ปานสีเลือด
ดังกรีดเชือด เฉือนใจ ระบายสี
กระทั่งดิน ถิ่นพื้น ปฐพี
เป็นวารี สีชาด อันราดริน

๏ ฤาถึงคราว นครินทร์ จะสิ้นชาติ
ประชาราษฎร์ ฉิบหาย มลายสิ้น
ฤาหลั่งเลือด อีกครา ทาแผ่นดิน
เพื่อล้างถิ่น กาขาว ให้วาวแวว

วโรทาห์: 15 ต.ค. 51

Tuesday, October 14, 2008

หัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก

วันนี้ต้องขออนุญาต หยิบยืมสำนวนกำลังภายใน เอามาใช้แก้ขัดไปพลางๆก่อน ระหว่างที่ยังไม่สามารถหาคำไทยๆ ที่ตรงเป๊ะโป๊ะเช๊ะโดนใจมากไปกว่านี้ ที่จะอธิบายความรู้สึกลึกๆ ต่อสถานการณ์บ้านเมือง ที่กำลังโหลยโท่ยเละเทะ เหลือกำลังลาก อยู่ในปัจจุบัน

ต้องเรียกว่านรกสั่งให้มาเกิดโดยแท้ สำหรับไอ้อีทั้งหลาย ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายโดยใช่เหตุ ไม่ว่าจะโดยที่รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจ หรือว่าถูกหลอกใช้เป็นวัวเป็นควายให้เขาจูงเล่น และไม่ว่าจะเกี่ยวข้องโดยตรง หรือว่าแอบเนียนโดยอ้อมๆ

ขอให้มันทั้งหลายจงอย่าได้ตายดี ให้ตายอดตายอยาก ตายยากตายเย็น โคตรเหง้าสักหลาดให้มีอันเป็น ฉิบหายวายวอดตลอดไป จนชั่วลูกชั่วหลาน

บ้านเมืองจรัญอะไร มองไปทางไหนมันก็เีอียงไปหมด สื่อนั้นมันโคตรของโคตรเอียงอยู่แล้ว ว่าจะหันมาพึ่งพาศาลพระภูมิซะหน่อย ที่ไหนได้ มันก็เอียงโคตรๆ มองซ้ายก็เอียง มองขวาก็เอียง ข้างล่างว่าเอียงแล้ว ข้างบนยิ่งเอียงไปใหญ่ มันจะอะไรกันนักกันหนา ถ้าไม่ได้เอียงแล้ว มันจะตายโหงตายห่ากันหรือยังไง..ฮ่วย!

เป็นไงล่ะแป๊ะ เล่นกะใครไม่เล่น บังอาจมาเล่นกับสมชายสุดปลายเท้า ถ้าให้เดาใจ คงเห็นว่าติ๋มๆน่าจะบ่อมิไก๊ เลยทะลึ่งออกมาทะเล่อทะล่า เปิดยุทธการแหกนรกยึดรัฐสภาเอาดื้อๆ วางแผนดิบดี กะปิดประตูตีแมวให้ดิ้นพราดๆ ที่ไหนได้ เจอแมวข่วนซะเหวอะหวะ ร้องจ๊ากหาแม่ให้ลั่น จนต้องออกมาปลอบขวัญกันยกใหญ่ ให้น้ำให้ท่าแล้วกลับไปป่วนต่อ

ในที่สุดก็ดั้นเมฆออกมาจนได้นะหมอหัวขวาน ผ่าศพจนหน้าเป็นผีแล้วยังไม่สำนึก นับวันยิ่งเห็น ว่าจิตใจนั้นมันยิ่งกว่าผี ไม่รู้ไปตรวจพิสูจน์ท่าไหน ถึงได้ไปเจอแก๊สน้ำตาต่ำกว่ามาตรฐาน ทีระเบิดปิงปองเกลื่อนกลาดไปหมด ไม่เห็นพูดถึงซักกะแอะ

เรื่องแค่นี้ทำไมต้องไปพิสูจน์หลักฐานให้เมื่อยตุ้ม แค่ภาพพันธมิตรหัวล้าน ที่นั่งมือกุดเหงื่อแตกอยู่นั้น เพียงหนึ่งภาพก็เกินล้านคำบรรยาย มือหนึ่งขาดกระจุยไปแล้ว อีกมือยังกำระเบิดไว้แน่น หน้าตาท่าทางบ่งบอกว่า เป็นตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด คงไม่ใช่ใจเด็ดอะไรนักหนา แต่เป็นเพราะรู้ดีว่า ถ้าเกิดตูมตามขึ้นมาอีกลูก งานนี้เฮียปอ(เต๊กตึ๊ง)ต้องมีเฮ

ไล่ๆกับที่พันธมิตรโดนแก๊สน้ำตาอย่างจัง พรรคการเมืองใหญ่ก็โดนแก๊สน้ำลายเข้าไปเต็มเปา ส่งผลให้ทุกวันนี้ยังน้ำลายฟูมปาก พล่ามเพ้อเจ้ออยู่ไม่หยุดหย่อน ไม่ได้ลืมหูลืมตามาดูโลก ที่แม้แต่แจแปนไทมส์ ยังกระทบชิ่งไว้อย่างเจ็บแสบว่า่ "พรรคการเมืองต่างๆในไทยจะต้องเข้าใจว่า พวกเขาไม่สามารถแก้กฏกติกาต่างๆเรื่อยไป เมื่อเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้ง"

ขณะที่สีแดงแรงฤทธิ์แทบจะเหยียบกันตายอยู่ที่ธันเดอร์โดม ฝ่ายสีเหลืองกลับต้องมานั่งซึมจ๋อย กะหร็อมกะแหร็มอยู่ในทำเนียบอันแสนโสโครก ขืนปล่อยให้หดหู่กันอยู่อย่างนี้คงไม่ดีแน่ ถ้าไม่มีปาฏิหาริย์มาช่วย แป๊ะก็ม้วยกันพอดี

เลยต้องมีรายการเปิดตัวโชว์พาวให้เห็นกันจะๆ เผื่อว่าใครมีปัญหาเรื่องเลือกข้าง จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้นมาหน่อย เปิดหน้ากันถึงขนาดนี้แล้ว อีกไม่นานก็น่าจะรู้ ว่าใครหมู่้ใครจ่า

กลายเป็นข่าวลือทุกต้นชั่วโมงไปซะแล้ว สำหรับรายการปฏิวัติรัฐประหาร ที่กำลังจดๆจ้องๆ เอาดีไม่เอาดี ตุ๊มๆต่อมๆ กล้าๆกลัวๆอยู่นั่นแล้ว ก็ขอบอกว่า ต้องกล้าๆหน่อย ไม่เคยมีครั้งไหนในประวัติศาสตร์อีกแล้ว ที่คนไทยทุกภาคส่วน จะเตรียมพร้อมต้อนรับคณะปฏิวัติ อย่างใจจดใจจ่อเท่าครั้งนี้

เห็นแว่วๆมาว่า ให้เปิดตัวกันออกมาเลย จะได้จบๆกันไปซะที ชักจะไม่ไหวแล้วโว้ย!

หลังจากที่เชิดฉิ่งทิงนิงนอยกันมาหลายทศวรรษ เสียเลือดเสียเนื้อประชาชนไป นับดูได้น่าจะหลายแกลลอน ก็มีสัญญาณในทางบวกออกมาว่า สงครามครั้งนี้ น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว มันจึงต้องดุเดือดเลือดพล่านเป็นธรรมดา จึงขอบอกว่า ฝ่ายประชาธิปไตยอย่าตกใจง่ายๆ ทุกคนต้องตั้งสติไว้ให้มั่น ไม่งั้นอาจจะต้องไปนอนแก้ผ้า เป็นเพื่อนไก่ นาโน

วิกฤติครั้งนี้ มันมีคนตั้งใจให้เกิด แล้วมาบอกว่าไม่มีทางออก เกณฑ์คนแก่ให้ออกมาแหลกันใหญ่ ว่าต้องรัฐบาลแห่งชาติเท่านั้น เป็นคำตอบสุดท้าย บังเอิญว่าทุกวันนี้ประชาชนเขาคิดเป็น ทางออกน่ะมันมี เพียงแต่ว่าไม่มีใครเขายอมออก เพราะว่า...

มันต้อนให้ไปออกในทางที่มันเตรียมไว้ให้แล้ว

วโรทาห์: 14 ต.ค. 51

Wednesday, October 8, 2008

แก๊สน้ำตาเพื่อชาติ กับพรรคการเมืองข้างถนน

ป้าบเข้าให้ โดนเข้าไปเต็มๆ เล่นเอาแหกปากร้องลั่น อย่างกับสุนัขถูกน้ำร้อนลวก อยากอ้อนกันดีนัก คงเห็นว่าสมชายจรดปลายเท้า น่าจะกินนิ่ม ที่ไหนได้จัดให้แต่เช้า เบรคฟาสต์ไข่ดาวเคล้าแก๊สน้ำตา สวาปามเข้าไปชุดใหญ่ อิ่มแปล้ไปทั้งชาติ จนป่านนี้ยังขยาดไม่หาย

เจอเข้าไปงานนี้ รู้แล้วสิท่าว่า ใครจ่าใครหมู่ เห็นเก่งชิบผาย พอเจอของจริง ไหงวิ่งกันน้ำบาน

ปังๆๆ เสียงสะท้านสั่นประสาทดังก้องไปทั้งถนน กลุ่มควันสีขาวคละคลุ้งโขมงโฉงเฉง อย่างกับสงครามเลบานอน ยังไงยังงั้น ทั้งนักรบนักรักรวมไปถึงนักล้วง วิ่งกันป่า่ราบ ยิ่งกว่าวิ่งแข่งระยะสั้นโอลิมปิกยังไม่ปาน ระเบิดปิงปองในกระเป๋าร่วงกราวเกลื่อนถนน พรรคพวกไล่เหยียบกันระเบิดระบาน ขาขาดจู๋ขาดหลังไหม้กันเป็นแถว

สมน้ำหน้า กะเตรียมมาสมนาคุณตำรวจดีนัก ที่ไหนได้กรรมมันซิ่งตามมาทันท่วงที เลยฟาดกันเองซะพุงกาง ร่วงลงไปคลุกฝุ่นนั่งยิ้มกันเป็นแถว

มาร์ค-รับบ่ได้ สมชายใจดำ มาทำพ่อลิ้ม เป็นธรรมดาที่บุตรบุญธรรมก็ต้องปกป้องซือแป๋อยู่แล้ว ไม่มีอะไรแปลกใหม่ แหกปากด่าลั่นว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง แถลงนโยบายบนคราบเลือดของประชาชน ว่าไปนั่น โธ่โถพ่อคุณ อ้าปากซะกว้าง เห็นลิ้นไก่แดงแจ๋ เขาไล่ทุบกันซะขนาดนี้ ถ้าไม่ผสมโรงก็ไม่ใช่ประชาธิปัตย์

หรือว่าวันนี้ เรามีประชาธิปไตยอันมีประชาธิปัตย์เป็นตัวป่วน เลยต้องให้มันยุ่งเข้าไว้ เผื่อหวังลึกๆว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แค่นึกก็รู้สึกซาบซ่า เสียวซ่านไปถึงรูทวารทั้ง 7 แล้ว ถ้ายังนึกไม่ออก ว่ามาร์คอยากขนาดไหน ก็ให้เอาสุนัขเดือน 12 หลายๆตัวมารวมกัน แล้วจะรู้เอง

ตีผัวแต่เจ็บไปถึงเมีย แบหราอ้าซ่ากันถึงขนาดนี้ ถ้าใครยังไม่รู้ว่าปชป.กับพธม.กุ๊กกิ๊กกันขนาดไหน ก็ไปหาเขามาประดับไว้บนหัวซะ ให้มันรู้แล้วรู้รอด ถ้าถึงขนาดแก้ผ้ากอดกันกลางแดดให้เห็นๆ ยังจะมีหน้ามาแก้ตัวว่าไม่เคยเสียตัวให้กัน ก็ไม่รู้จะว่ายังไง คนเราถ้าไม่นึกอายผีสางเทวดามั่ง ก็ให้มันรู้ไป

งานเข้าแล้วพี่ รัฐบาลแพ้แล้ว สื่อชั่วสื่อเสี้ยมล่อกันหนุบหนับๆ ประโคมข่าวใส่ไคล้ จนประชาชนด่าตรึม แต่โทษที หลงดีใจกันใหญ่ ที่ไหนได้เขาด่าพันธหมากันทั้งบาง ว่าได้คืบเอาศอก ได้ทำเนียบยังจะเอารัฐสภา ถ้าทีวีไม่มัวแต่เอาหมามาเห่าออกอากาศ รู้จักเข้าไปถามไถ่ชาวบ้านบ้าง ก็จะรู้อะไรดีๆอีกเยอะ หรือว่าไปถามแล้ว แต่คำตอบไม่น่าพอใจ เลยไม่เอามาออก

ที่พยายามเอาภาพพันธมิตรที่บาดเจ็บมาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก คงกะว่าจะให้ชาวบ้านเกิดอารมณ์ร่วม เกิดกระแสประนามรัฐบาลว่าใช้ความรุนแรง เพียงแต่ว่ามันดันได้ผลเกินคาดไปหน่อย อารมณ์ร่วมน่ะมี แต่ร่วมกันด่าพันธแมวซะเสียหมาต่างหาก ใครๆก็ว่า มันป่วนซะจนชาวบ้านจะกินแกลบอยู่แล้ว ยังไม่รู้จักเลิกอีก เจอแค่นี้ยังน้อยไป น่าจะเอาให้หนักๆหน่อย

สื่อต่างชาติไม่เห็นว่าอะไร มีแต่สื่อไทยซะอีก ที่พยายามจะประนามกันเอง ว่ารัฐบาลใช้ความรุนแรง ทำให้เสียภาพพจน์ของประเทศ แต่ต่างชาติไม่ได้คิดอย่างนั้น ที่เขากลัวที่สุดคือการที่กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย แล้วใครจะรับรองความปลอดภัยให้พวกเขา

แต่เมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณออกมาอย่างนี้ ก็ช่วยทำให้อุ่นใจไปได้อีกหลายกิโลขีด ว่าในที่สุดแล้ว เมืองไทยก็ยังมีขื่อมีแป

อยากฝากไปถึง พวกนักวิชาเกิน สื่อชั่ว รวมไปถึงพรรคการเมืองข้างถนนว่า ให้มันน้อยๆหน่อย จะเอายังไงก็ให้มันแน่ซะอย่าง ตอนค.ม.ชั่วลุยนปก. ชาวบ้านแค่คว้าอิฐตัวหนอนขึ้นมาสู้ มันหาว่าประชาชนตีตำรวจ แต่ครั้งนี้ตำรวจไม่มีอาวุธ โดนพวกอันธพาลทั้งยิงทั้งแทง ขับรถพุ่งชนกันเห็นๆ มันบอกว่าตำรวจใช้ความรุนแรงกับประชาชน

แรงไม่แรง ก็ขนาดตำรวจรับมือไม่ไหว ต้องขอกำลังทหารมาช่วยคุมเชิงให้หน่อย ก็แล้วกัน แต่แหม..พี่สีเขียวก็เหลือเกิน ดันให้โฆษกไก่อู เป็นคนออกมาแถลง แค่เห็นหน้าโผล่ออกจอทีวี ก็เล่นเอาตกใจแทบหงายเก๋ง นึกว่าคมช.มันเอาอีกแล้ว ถ้ายังไง ช่วยเปลี่ยนตัวโฆษกได้ ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง

ต้องขอขอบคุณปู่บรรหาร ที่ออกมาทำเซอร์ไพรส์ ด้วยประโยคเด็ดที่ว่า "เกิดมาจนป่านนี้ยังไม่เคยเห็นบุกยึดรัฐสภา.. ถ้าปล่อยให้ยึดได้.. ก็ยกประเทศให้ไปเลยแล้วกัน.." แถมสำทับว่า "การแถลงนโยบายในวันนี้..ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นต่อจากนี้..พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ.."

เออ..มันต้องอย่างนี้ พูดไปเลยไม่ต้องอ้อมค้อม เรื่องใบแดงพรรคชาติไทย จะได้ตัดสินใจง่ายหน่อย

ผิดกับขานี้อย่างลิบลับ ที่ยังรักษายี่ห้อขวัญอ่อนเอาไว้ได้ อย่างเหนียวแน่น เรียกว่า ตกใจขึ้นมาลาออกไว้ก่อน ความที่ไม่อยากเพาะศัตรูทำลายมิตร เลยทำให้เป๋ไปเป๋มา เป็นปูนาขาเกเซมารู ทางนั้นก็ซี้ทางนี้ก็เพื่อน รักษาน้ำใจทุกคนมาโดยตลอด ผลแห่งกรรมดีที่บิ๊กจิ๋วอุตส่าห์สั่งสมมา จนถึงวันนี้ แกเสียเพื่อนไปเกลี้ยงจ้อย เหลืออยู่แต่ศัตรูทั่วบ้านทั่วเมือง

ขาเม้าท์ก็ช่างจ้อ ว่าแกมาครั้งนี้กะลุยแค่จ๊อบเดียว คือยุทธการเก็บแล้วสอย จับหัวเกรียนขังกรง เปิดทางให้ตำรวจดวลกับพันธมิตรตัวต่อตัว เรื่องนี้จะจริงหรือเท็จไม่อาจรู้ได้ แต่ที่แน่ๆ เล่นเอาลุงลองถึงกับคันคะเยอไปทั้งตัว โดดเหย็งๆอยู่ในกรง เหมือนลิงถูกล่ามโซ่ ตัดพ้อใหญ่โตว่า พ่อใหญ่จิ๋วช่างใจร้าย งานเลี้ยงระดับนี้ ขาดลองไปได้ยังไงกัน

ข่าวว่าตอนนี้จิ้งเขียวกำลังชิงไหวชิงพริบ กะฉกฉวยจังหวะงามๆ ออกมาเอ๊กเซอร์ไซส์ ชนิดถึงก่อนได้ก่อน ในขณะที่อีกฝ่ายก็เตรียมม้าขาวไว้แล้ว เผื่อแปลงกายเป็นอัศวินมาปราบกบฎ เอาเถอะ..ใครอยากทำอะไรก็ทำเอาตามสะดวก แล้วอย่าหาว่าไม่เตือนก็แล้วกัน เพราะว่าวันนี้ ประชาชนกลายเป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนไปซะแล้ว

ครั้งนี้ฟันธงได้ไม่ต้องกลัวธงหัก ว่าประชาธิปไตยยังไงก็ไม่แพ้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต่อให้รัฐบาลพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำ...

ยังมีประชาชนเป็นก๊อกสอง

วโรทาห์: 8 ต.ค. 51

Monday, October 6, 2008

ยินดีด้วย กับผู้ว่าฯคนใหม่ แม้จะหน้าเก๊า..เก่า

ไม่แสดงความยินดีไม่ได้แล้ว สำหรับผู้ว่าฯคนใหม่ ถึงจะหน้าเก๊าเก่าแต่ก็ยังไม่เหลาเหย่ ถ้าจะบอกว่าดีใจจริงๆ มันก็แหลไปไม่หน่อย เพียงแต่ว่า ตามประสาสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ผู้มีพลังประชาชนอยู่ในหัวใจ มันก็ต้องแสดงสปิริตเป็นธรรมดา

ถึงจะฝืนความรู้สึกไม่น้อย แต่ก็เอาน่า ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เอ๊ยเป็นผู้ว่าฯ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย คือหัวใจพลังประชาชน

ที่ต้องขอแสดงความยินดีด้วยอย่างสุดซึ้ง คือสมุนเผด็จการทั้งหลาย หลังจากที่มีแต่ข่าวร้ายมาหลายกระทอก โดยเฉพาะทัพหน้าในทำเนียบ ที่ทำท่าว่าจะไปมิไปแหล่ ส่งผลให้กินนอนไม่สุข ลุกนั่งไม่สบาย ถึงขนาดวิตกจริตกันเลยเถิดไปว่า ถ้าพันธม็อบแพ้ก็หมายถึงอวสานของประชาธิปไตย..ว่าไปนั่น

ดังนั้น เมื่อมีข่าวดีมาให้กระดี๊กระด๊า แม้จะน้อยนิด แต่ก็เหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจ ยืดอายุให้ทำชั่วต่อไปได้อีกหลายกระทอก ทำเป็นเล่นไป ได้ผู้ว่าฯมาอย่างนิ่มๆคราวนี้ สมุนเผด็จการ ถึงกับฝันแฉะไปถึงเลือกตั้งใหญ่..ออกทะเลไปโน่น

ยินดีเสร็จสรรพ ก็หันมาแสดงความเสียใจ ไม่ใช่แค่ชาวพลังประชาชน แต่เป็นชาวกทม.ทั้งหลาย โทษฐานที่โง่ซ้ำโง่ซาก โง่ไม่บันยะบันยัง โง่ตะบี้ตะบัน โง่ไม่รู้จักจำ ต่อไปนี้คงต้องหาปี๊บดีๆสักใบเอาไว้คลุมหัว เจอะหน้าใครอย่าให้เขารู้ว่าเป็นชาวกทม.เป็นอันขาด ไม่งั้นไอ้ทุยอาจจะตุ๊ยใส่

คะแนนเสียงนี้ท่านได้แต่ใดมา ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร คนไม่รู้เทวดารู้ เห็นว่าขนกันมาเป็นกะตั้ก ยังไม่นับรวมกับที่ซื้อใจไว้ล่วงหน้า ทั้งทุ่มงบโฆษณาเป็นค่าเก๋าเจี๊ยะ ให้พวกสื่อเก๋าเจ้งมาโดยตลอด แล้วยังขึ้นเงินเดือนค่าจ้างพนักงานกันบานตะเกียง ไม่ได้ซื้อเสียงแต่พาทัวร์ไปดูงาน ทั้งหมดนั้นมันเป็นแค่ข่าวลือ แต่ทว่าเจ้ากรรม ชาวบ้านก็ดันเชื่อซะด้วย

ชาวบ้านร้านตลาดคุยกันให้แซ่ด ว่าอะไรของมันวะ หันไปทางไหนก็เจอแต่คนเลือกเบอร์ 10 แต่พอนับคะแนนออกมา ไฉนมันเป็นจะอี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เล่นมันทุกช็อต ชนะมันทุกเขต ใจคอจะเหลือไว้ให้ลุ้นซักเขตยังไม่มี แถมยังเก๋ไก๋ไม่เบา ชนะในสัดส่วนเดียวกันทั้งหมดซะด้วย อาจจะว่าเร่งรีบทำคลอดไปหน่อย มันเลยไม่เนียน ก็เป็นได้

เออ..ถ้าเป็นแถวไชน่าทาวน์จะไม่ว่าซักคำ เพราะเหตุว่าเขาอนุรักษ์ช้างม้าวัวควายไว้เยอะแยะ ฟ้าจะถล่มดินจะทลายก็จะเลือกพรรคเก่าแก่ ถ้าพะยี่ห้อพรรคนี้ ต่อให้ชั่วช้าแค่ไหน มันก็ว่าดี

ถึงขั้นทำกันเป็นขบวนการขนาดนี้ แถมด้วยสื่อคอยกระทุ้งให้ซะขนาดนั้น ถ้าไม่ชนะนี่สิ ถึงจะเรียกว่าแปลก

แต่เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้ ถึงยังไงก็แก้ไขไม่ได้แล้ว เมื่อชาวไทยได้แสดงพลังประชาชนออกมาให้เห็นแล้ว ก็แล้วกัน ถ้าฝ่ายอำมาตย์ไม่หนาวกันมั่งก็ให้มันรู้ไป จะว่าไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา ไม่เคยมีประชาชนฝ่ายตรงข้ามแมงกะจั๊ว มาจ่อคอหอยอยู่ในกรุงมากมายถึงขนาดนี้ ก็ว่าได้

อย่างน้อย 5 แสนกว่าคะแนนที่เลือกเบอร์ 10 นั้น ต้องถือว่าพลังประชาชนเนื้อๆ เป็นแต้มต่อที่ตุนไว้เห็นๆ ได้แรงบวกเข้ามาเมื่อไหร่ รับรองได้ประชาธิปัตย์ถูกกวาดลงทะเลไม่เหลือซาก ซึ่งจะว่าไปมันก็เคยโดนมาซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ว่าครั้งนี้จะน่ากลัวกว่าอีกหลายเท่า

ที่พูดอย่างนี้มันมีเหตุผลสนับสนุน เพราะว่าคนที่เลือกเบอร์ 10 นั้น ไม่ใช่ว่าเลือกเพราะหนวดงามซะเมื่อไหร่ ก็เล่นเปิดตัวช้าอย่างกับเต่าคลาน แล้วก่อนนี้ก็เคยประชาสัมพันธ์ตัวเอง ให้ชาวบ้านรู้จักซะเมื่อไหร่ แล้วใครจะวางใจไปเลือกประภัสร์ ถ้าไม่ใช่เลือกเพราะพะยี่ห้อพลังประชาชน

นี่พูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้จะมาว่ากันเองให้เสียใจ ถึงยังไงพี่หนวดของเราก็เริ่มต้นได้ไม่เลวนัก ถ้ารักจริงหวังแต่ง เตรียมทำการบ้านไว้แต่เนิ่นๆ เลือกตั้งคราวหน้ากาชื่อประภัสร์เป็นผู้ว่าฯไว้ได้เลย

ปาดน้ำตาแล้วลืมคำว่าเสียใจ ต่อไปนี้ก็มาลุยกันต่อ หันมาอีกที อ้าว..พันธแมวร่วงไปอีกหนึ่ง แจ็คพ็อตออกที่หัวเกรียนตัวแสบซะด้วย อย่างนี้ก็เป็นอันว่า เชื่อขนมกินได้เลย ว่าพันธหมาถึงคราแตกดังโพล๊ะ เพราะความอดอยากปากแห้งแท้ๆ เมื่อหาเนื้อหาปลาไม่ได้ เลยหันมาซดเกาเหลาแทน

เรื่องของเรื่อง เขาว่าเงินบริจาคมันทำพิษ หลังจากที่ปล่อยให้แป๊ะกินรวบจนทนไม่ไหว เก็บได้เท่าไหร่มันเอาไปเปิดโฟร์ซีซั่นกกอีหนูหมด หัวเกรียนเลยต้องออกโรงเป็นขอทานเอง ได้เท่าไหร่เกรียนขออิ๊บไว้ก่อน แป๊ะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ให้มาเบิกเอา อ้าว..ทำอย่างนี้เท่ากับไม่ไว้ใจแป๊ะ เลยมีรายการขอทานตีกันแพล็มๆออกมาให้เห็น

มิน่าล่ะ พอบิ๊กจิ๋วพาดบันไดปุ๊บ หมาวัดก็รีบไต่ลงอย่างกับลิงไต่ราว ตามมาด้วยหัวเกรียน ที่ทำกระมิดกระเมี้ยนแอบลง ตอนที่ชาวบ้านกำลังเลือกตั้ง สาวกสันติอโศกทั้งนั้นที่พาเหรดกันเข้าคุก ต่อไปนี้แป๊ะก็คงได้แต่นั่งหนาว ถ้าไม่เผ่นหนีออกลาว ก็เตรียมเค้าต์ดาวน์ไว้ได้เลย ข่าวว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด...

เร็วๆนี้ ผู้คุมต้องมีเฮ

วโรทาห์: 6 ต.ค. 51

Sunday, October 5, 2008

ปฏิบัติการเย้ยฟ้าหาซังเต

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ตามหลักแล้ว ถ้าไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงจริงๆ ก็ต้องนอนกินบ้านกินเมืองกันให้หายอยาก แต่ในเมื่อภารกิจกู้ชาตินั้นสำคัญกว่า มันก็เลยจำเป็นต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ หลังจากที่อ้อยอิ่งกับภารกิจส่วนตัวอยู่เป็นชั่วโมง หาอะไรรองท้องเสร็จสรรพแล้ว ก็ได้เวลา..ลุย

ปฏิบัติการครั้งนี้ยังไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร จะพลิกคว่ำหรือว่าพลิกหงายบ่ายๆก็รู้กัน หลังจากที่ทำใจอยู่พักใหญ่ ก่อนก้าวเท้าขวาออกจากบ้านตามตำราพิชัยยุทธ ยังหันไปสั่งเสียทางบ้านว่า ให้เตรียมตัวกันซะให้พร้อม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ จะเป็นจะตาย จะร้ายจะดี วันนี้ต้องไปเลือกเบอร์ 10

สมรภูมิเลือกตั้ง อยู่ห่างจากบ้านไม่ไกล แต่จะว่าใกล้มันก็ไม่เชิง ถ้าซ้อนมอร์ไซต์รับจ้างไป ใครเขาก็จะหาว่า็เว่อร์ แต่ถ้าขับรถไปเองก็ยิ่งแล้ว ต้องออกถนนใหญ่ ฝ่าไฟแดงไปทำยูเทิร์น ก่อนที่จะกลับมาติดไฟแดงเจ้าเก่า ได้ไฟเขียวแล้วจึงตรงไปยูเทิร์นกลับมาอีกครั้ง เลี้ยวซ้ายเข้าซอย แล้วเลี้ยวขวาเข้าที่จอดรถ ก่อนที่จะเดินย้อนกลับมาเข้าคูหาเลือกตั้ง สรุปว่า..เดินไปเหอะ

จ้ำอ้าวไปสักพักพอได้เหงื่อซิบๆก็ถึงที่หมาย ความที่เก๋าเกมส์อยู่ก่อนแล้ว เลยเดินส่ายอาดๆเข้าไปอย่างไม่สะทกสะท้าน เห็นลุงคนหนึ่งกำลังยักแย่ยักยัน ทำอะไรซักอย่างอยู่ที่หน้าบอร์ด โดยมีสาวๆคอยช่วยเย่ออยู่อีกหลายแรง แต่ระดับเราแล้วคงไม่ต้องถึงขนาดนั้น จ้ำอ้าวๆตรงเข้าไปหาเจ้าหน้าที่สาวๆหน้าตาจิ้มลิ้ม ที่นั่งยิ้มแป้นอยู่ที่โต๊ะ 4 คน..โลด

พอยื่นบัตรประจำตัวให้ที่โต๊ะแรกก็ได้เรื่อง เจ้าหน้าที่สาวทำหน้าเหรอหรา หลังจากพลิกหาอะไรอยู่ยกใหญ่ ลักษณะมันส่อแววว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นซะแล้ว หนุ่มมั่นอย่างเราเจอเข้าถึงกับเสียเซ้ลฟ์ ใจหายวาบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ดีว่า็ยังพอคุมสติได้ เลยทำใจดีสู้เสือเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เจ้าหล่อนไม่เล่นด้วย ไล่ให้กลับไปรับบัตรใบเล็กๆมาก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน

อ้าว..แล้วก็ไม่บอกซะแต่แรก ปล่อยให้หน้าแตกเล็กๆอยู่ได้

ตอนเดินตากหน้าย้อนกลับไป ยังเห็นลุงคนนั้น ที่เสร็จกิจเรียบร้อยแล้ว เดินสวนมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เหมือนจะออกอาการเยาะเย้ยว่าเป็นไงล่ะ ถึงแ่ก่แต่ก็แก่ขิงโว้ย เราเลยต้องเดินก้มหน้างุดๆ กลับไปหาสาวๆที่หน้าบอร์ด ซึ่งกำลังตั้งท่าเตรียมเปิด..โพยบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ติดหราอยู่ที่ หน้าทางเข้า

พอไปถึงก็ทำเก๋ ส่งเสียงดังขานหมายเลขไปก่อน เพื่อแสดงความเก๋าให้พวกเธอได้เห็น ว่าที่จริงแล้วเราก็เป็นงาน แต่ทว่า..คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ เรื่องที่เธอจะเชื่อลมปากผมง่ายๆนั้น คงจะเป็นไปได้ยาก ยังไงก็ต้องพลิกหาในโพยเอามายืนยันกันก่อน หลังจากที่ตรวจด้วยสายตาว่าชื่อเสียงตรงกับบัตรประจำตัวแล้ว จึงจดหมายเลขยิกๆลงในกระดาษเล็กๆ แล้วยื่นให้

"166" ทำเป็นเล่นไป สงสัยงวดนี้มีสิทธิออกเลขเบิ้ลอีก

พอรับบัตรเสร็จเดินเข้าคูหา ตั้งท่าซะให้ดิบดี เหลียวซ้ายแลขวาดูให้แน่ชัด ว่าหันก้นถูกข้างแน่นอนไม่ใช่นอนแน่ ไม่งั้นเดี๋ยวถูกซิวเข้าคุกเหมือนกกต.ชุดวาสนาละก็ซวยตาย

เมื่อแน่ใจแล้วจึงคลี่บัตรออกมาตรวจดู หมายตาให้ดีที่ช่องหมายเลข 10 แม้จะเห็นอยู่ตำตา แต่ยังไม่กล้าผลีผลามกาลงไปทันที ต้องกวาดสายตาไล่ไปให้ทั่วทั้งหน้า เพื่อความแน่ใจว่าไม่มีการเล่นกลซ่อนเล่ห์อะไรไว้ หลังจากนั้นจึงบรรจงขีดกากบาทกะให้ตรงแหน็ว ปิดช่องที่จะมาขานให้เป็นบัตรเสียกันง่ายๆ บอกตรงๆว่ากลัวใจกกต.ชุดที่แสนจะเที่ยงธรรมชุดนี้จริงๆ..พับผ่า

เสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว ก็เดินตัวปลิวกลับออกมาทางเก่า พอพ้นชายคาคูหาเลือกตั้งก็ถึงกับเสียววูบ เมื่อเหลือบเห็นเงาร่างหนึ่ง พุ่งมาจากทางซ้ายมือ พอหันขวับไปดูก็สายไปเสียแล้ว ร่างอ้วนใหญ่นั้นพุ่งเข้ามาประชิดตัวจนได้ยินเสียงหายใจ พร้อมกันนั้นแก้วหูก็ปะทะเข้ากับคลื่นเสียง ซึ่้งผ่านการแปลความตามพจนานุกรมออกมาได้ว่า

"อา..อา.." อ้ะ..นับว่ายังพอคบกันได้ ถือว่ายังให้เกียรติกันอยู่บ้าง เรียกว่าอายังพอทน ถ้าเรียกลุงหละมึงตาย

พอแหงะไปดูหน้าก็จำได้ ว่าตอนที่เดินเข้ามา เห็นมันกำลังอธิบายอะไรอยู่กับผู้ชายอีกคน ลักษณะท่าทางดูยังไงก็เหมือนกับกำลังไถเงิน แต่ชายคนนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ คงประมาณว่า อา..อา..ผมมาขอบ้านพร้อมที่ดิน กับเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง

"ช่วยตอบแบบสอบถามหน่อยได้ไม๊ครับ" อ้าว..ไหงกลายเป็นหนังคนละม้วนไปได้ แต่เอาเหอะ เมื่อรู้ว่าไม่ได้มาขอตังค์ ก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง แต่พูดกันตรงๆ พอรู้ว่าให้ตอบแบบสอบถาม มันก็พาลให้ปวดท้องอยากเข้าส้วมขึ้นมาให้ได้ นึกถึงแบบสอบถามที่เคยตอบมา มันก็ข้อสอบเอ็นทร้านซ์เราดีๆนี่แหละ

แต่ความที่เป็นคนขี้สงสาร เห็นเด็กมันทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ เลยคิดว่า เอาน่ะ..เป็นไงก็เป็นกัน คิดเสียว่าช่วยค่าขนมเด็กมัน..พอรู้ว่าได้ลูกค้าแน่นอนแล้ว เจ้าอ้วนจึงแบะท่า เปิดแบบสอบถามออกมาให้ดู

โธ่เอ๊ย..ไอ้เวย์น ทำยักกระสายอยู่ได้ จะให้ตอบเก๊กซิมโพลก็ไม่บอกซะแต่แรก แค่ตอบคำเดียวว่าไปเลือกเบอร์อะไรมา ง่ายจะตายไป ใครๆเขาก็ตอบให้..ไม่เห็นจำเป็นต้องทำลวดลายซะน่ากลัว มิน่าล่ะ มีแต่คนจ้ำอ้าวหนีมัน อย่างกับกลัวถูกไล่ปล้ำ

แต่ให้ตายสิ พอเห็นยี่ห้อว่าเป็นเอแบ็คโพล ก็เล่นเอาแทบจะหมดอารมณ์ตอบ ได้แต่ด่าไปนิดหน่อยว่ามันโพลมั่วนี่หว่า พอดีนึกขึ้นได้ว่าเจ้าอ้วนนี่มันไม่เกี่ยว เดี๋ยวมันสวนมาจะทำให้ลำบากโดยใช่เหตุ เพราะเท่าที่ประเมินลำหักลำโค่นกันแล้ว ถ้าต้องตัดสินกันด้วยกำลัง คงกินมันลำบาก เลยรีบเขียนเลข 10 ลงไปแล้วรีบฉากออกมาให้พ้นๆ

พอกลับบ้านเช็คข่าวดู อ๊ะ..วันนี้ฤกษ์ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ข่าวเด็ดวันนี้คือลุงลองเดินคอตกไปเข้าซังเต คงเข็ดขยาดทำเนียบที่เปรียบได้กับส้วมขนาดใหญ่ เหม็นจะตายชัก ลุงลองอดรนทนเหม็นขี้ไม่ไหว จึงแหกด่านมะขามเตี้ยออกมาเข้าคุกแต่โดยดี

หลังจากที่หัวเกรียนสอดส่ายหาบันไดลงอยู่ตั้งหลายเดือน เล่นเจ้าล่อเอาเถิดหลอกล่อให้ตำรวจชาร์จอยู่เป็นนาน ก็ไม่ยอมชาร์จซ้ากที มาสบช่องเอาก็วันเลือกตั้งนี่แหละ ชาติเสือไว้ลาย ชาติควายไว้เขา ยอมถูกจับเป็น..คาคูหาเลือกตั้ง

ยังดีกว่า ถูกจับตาย..คาส้วมเป็นไหนๆ

วโรทาห์: 5 ต.ค. 51

Friday, October 3, 2008

จากสมชายสุดปลายเท้า ถึงชูวิทย์จัดระเบียบสื่อ

ตั้งแต่อหิวาต์กินเมืองมาตั้งแต่ปี 47-48 จวบจนถึงทุกวันนี้ ผ่านไปหลายปีดีดักยังไม่มีทีท่าว่าจะซาลงแม้แต่น้อย ดูไปดูมาเหมือนไล่ตะครุบหนูในห้องมหาสมบัติ ที่เต็มไปด้วยเครื่องแก้วเจียระไน ประเมินค่าเหลือคณานับ จนแล้วจนรอด จนป่านนี้ยังจับหนูไม่ได้ แต่เครื่องแก้วอันล้ำค่าฉิบหายไม่เหลือหลอ

ชาวพาราหน้าใสในอดีตกลายมาเป็นขุ่นคลั่กในปัจจุบัน พลิกฐานะฉับพลันอย่างหน้ามือเป็นหลังเท้า จากเศรษฐีใหม่ที่ใครๆก็ต้องทึ่ง กลับกลายเป็นขอทานคนเก่า ที่น่าทึ่งกว่า

หลังจากที่ระดมสร้างวิกฤติขนานใหญ่ เพียงเพื่อมุ่งหมายทำลายล้างทักษิณให้สิ้นซาก มาบัดนี้นอกจากล้างไม่ออกแล้ว วิกฤตินั้นยังกลับลุกลามบานปลายขายปลาช่อน กลายเป็นไฟลนก้น ส่งผลให้ทั้งหัวหงอกหัวดำยันไปจนหัวล้านหัวเถิก ต้องดาหน้าออกมาแหลกันยกใหญ่

ขนาด 24 อัลไซเมอร์ยังประสานเสียงโฮ่งๆ หาทางออกให้วิกฤติ โดยไม่สำเหนียกแม้แต่น้อยนิด ว่ากำลังหาทางเข้าให้หายนะ เสียดายข้าวปลาอาหารที่ยัดทะนานกันเข้าไปทั้งชีวิต เลี้ยงชีพจนเติบใหญ่เต็มวัยจวนจะเข้าโลง แก่จนเจียนอยู่เจียนตายยังคิดได้เพียงแค่นี้ คำพังเพยเขาถึงว่า แก่เพราะกินเหล้า เฒ่าเพราะกินอุจจาระ

มันต้องให้ได้อย่างนี้ซิน่า พอฝ่ายอำมาตย์เพลี่ยงพล้ำทีไร เป็นต้องประสานเสียงกันเซ็งแซ่ สร้างกระแสสมานฉันท์กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ถ้าไม่แก่จนเลอะเลือนก็น่าจะจำกันได้เป็นอย่างดี ว่าเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่อำมาตย์กำลังรุ่งๆ ยังส่งพระออกมาแหล ว่าความเป็นกลางคือความเป็นก้าง ด่ากราดไปทั่ว ว่าคนที่เป็นกลางคือคนทำลายชาติ

ไหงผ่านไปไม่ทันไร เจอลุงหมักยำใหญ่เข้าไปไม่กี่ดอก กลายเป็นร้องหาเตี่ยกันให้ลั่น พลิกลิ้นผล็อบแผล็บ หาคนกลางมาแก้วิกฤติชาติไปซะฉิบ

จะว่าไปแล้ว พวกมันก็ซวยเอง อุตส่าห์ลงทุนเผาบ้านเผาเมืองอย่างไม่เกรงใจประชาชน ด้วยเหตุผลประการเดียวคือต้องเอาทักษิณลงจากอำนาจให้ได้ พอเสร็จสมอารมณ์หมาย นึกว่าจะได้นอนตายตาหลับกันซะที ที่ไหนได้ ไล่แม้วไปได้ลุงหมักมา เล่นเอาแทบจะบ้าตาย

พลพรรคศักดินาถูกคนแก่พาซิ่งเย้ยฟ้าท้านรกจนเสียววูบไปถึงรูก้น ขาแข้งสั่นตุปัดตุเป๋แหกปากร้องลั่น พากันเจี๊ยวใหญ่ ยกมือไหว้ท่วมหัว สาธุเลยว่าถ้าเลือกได้ ให้กลับไปโซ้ยกับแม้วซะยังจะดีกว่า

งานนี้ยังไงๆ ก็ต้องให้เครดิตลุงหมักไปเต็มๆ เมื่อแกใช้เวลาเพียงแค่ 7 เดือน ก็กำหราบเอาเหล่าอำมาตย์ที่กำลังฮึกเหิม ลงไปนอนคลุกฝุ่นแก้ผ้าดิ้นพราดๆ ทำท่าว่าจะไปมิไปแหล่ นี่ถ้าไม่ได้พจนานุกรมมาเบรกเอาไว้ ป่านนี้ไม่แน่ ป๋าแก่ๆอาจจะลงไปนอนแถกเหงือก นับสิบไม่ฟื้นก็เป็นได้

เพราะเหตุนี้ พอน้าสมชายมารับเซ้งต่อในตำแหน่งนายกฯ เสียงร้องเย้ร้องยี้เลยไม่มีให้เห็น เพราะถ้าขืนเรื่องมากอีก จะเจออะไรต่อไปก็ยังไม่รู้ จะดีจะชั่วยังไง น้าสมชายแกก็ไม่ใช่ขาซิ่ง แต่เพื่อความไม่ประมาท ป๋ายังกวักมือไหวๆ เรียกสมชายให้รีบมาพบป๋าหน่อย มามะมามา ป๋าจะเป่ากระหม่อมให้ จะได้อายุมั่นขวัญดี ยืนระยะในตำแหน่งนายกฯ ได้อีกนานน้านนาน

จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พอสมชายมา ป๋าก็ดีใจแทบจะตายชัก ลูบหลังลูบไหล่แล้วกระซิบข้างหูว่า รักนะตัวเอง ป๋านั้นมันแก่จนปูนนี้แล้ว ให้เจอกำยำล่ำปึ้กอย่างหมักพลังม้า ป๋าก็ไม่ไหว แต่ถ้าไซส์เล็กจุ๋มจิ๋มลงมาหน่อย อย่างสมชายนี่สบายมาก ต่อให้เรียงคิวเข้ามาป๋าก็บ่ยั่น รับได้พร้อมกันทีละหลายๆคน

ทำเป็นเล่นไป มันเวิร์คอย่างไม่น่าเชื่อ กระแสสมชายฟีเวอร์ฮ็อตฮิต ยิ่งกว่าเต๋า-สมชายสุดปลายเท้าซะอีก อะไรไม่อะไร ถึงขนาดว่ามีแฟนคลับสมชายก็แล้วกัน คนใต้ด้วยกัน หน้าบานเป็นจานเชิง ใครต่อใครจะโกรธเกลียดคนใต้แค่ไหน ยังต้องยับยั้งชั่งใจเพื่อไว้ไมตรี พูดง่ายๆว่า จะด่าคนใต้ ก็เกรงใจคนคอน(สีทำหมะร๊าด)

ตั้งแต่ได้สมชายมา พันธมิตรก็ดวงตกทะรูดทะราด จะหยิบจะจับอะไรมันให้ผิดฝาผิดตัวไปหมด ขนาดส่งคนไปตามด่านายกฯ ตามปกติวิสัยสันดันเดิม ยังถูกชาวบ้านรุมด่าจนหูตูบ ขนาดว่าลุงลองยังต้องกระโจนหนีเป็นพัลวัน ปากคอสั่นว่ามันไม่เกี่ยว เป็นเรื่องเฉพาะตัวมันพากันใส่เกือกไปด่าเอง

เลยมีคนคิดแก้ลำว่า ถ้ามีมาด่าอีกต้องเอาอะไรเจ็บๆให้มันสวาปามซะหน่อย อย่างที่พารากอนนั่นก็ใช้ได้ ด่าไปเพลินๆเจอน้ำสาดเข้าถึงกับหุบปาก คราวหน้าก็ต้องใช้ตำรานี้ แต่ปรับสูตรนิดหน่อย หันมาใช้น้ำร้อนแทน สาดเข้าไปที่ปาก เอาให้กินน้ำพริกไม่ได้ไปทั้งชาติ ลองดูซิว่าถ้าคนของมันเจ็บ จะออกมาเต้นแร้งเต้นกากันแค่ไหน

นี่พวกสื่อก็กำลังเสี้ยมกันใหญ่ ยกน้าสมชายขึ้นมาขี่ลุงหมัก พยายามทำให้เห็นว่า พอลุงหมักออกไป ทุกอย่างก็ดีขึ้นทันตาเห็น มาถึงขั้นนี้แล้ว ลุงหมักคงต้องเล่นบทพี่ผู้มีแต่ให้ ทำดีต่อไปแม้ว่าทำไปแล้วจะไม่ได้ดี ถึงผีไม่เห็น แต่เทวดาเห็น ก็แล้วกัน

หันมาดู "ศึกจัดระเบียบสื่อ" จัดโดยเสี่ยชูขุนศอกสะท้านโลกันตร์ ลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เองชกเองเสร็จสรรพ คู่เอกระหว่างฝ่ายแดงชูวิทย์ ศิษย์อาบนวด พบกับฝ่ายดำวิศาล ศิษย์โป๊งเหน่ง นับเป็นมวยถูกคู่สูสีดู๋ดี๋อย่าบอกใคร ฝ่ายหนึ่งเท้าดี อีกฝ่ายปากดี เลยต้องมีนัดล้างตา ว่าเมื่อปากชามเปลมาเจอกับเท้าเบอร์42 ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ใครจะบรรลัยก่อนกัน

เริ่มการชกขึ้นมา เป็นฝ่ายแดงที่ไม่ฟังอีร้าจะฆ่าอีรม ส่งขวาตรงไปทักทายที่กกหูซ้ายก่อน แล้วเข้าประชิดตัวสับศอกสั้นโช๊ะเข้าให้ที่ปลายคาง ได้ผลเกินคาด ฝ่ายดำร่วงลงไปกองกับพื้น ราวกับอีแร้งปีกหักยังไม่ปาน ไม่ปล่อยนาทีทองให้ผ่านไปง่ายๆ ชูวิทย์สืบเท้าเข้าหาแล้วเผดียงแข้งเข้าใส่อย่างไม่ยั้ง ตุ้บตั้บๆ อย่างกับทุบวัวทุบควาย

ก่อนกรรมการจับแยก ฝ่ายแดงยังฝากรอยเท้าเอาไว้บนใบหน้าอีกปื้นใหญ่ นวดและคลึงขยี้ๆจนเข้าเนื้อ กะว่าให้จดจำไปจนวันตาย

ไฟต์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์ว่า การแกว่งปากหาเท้านั้นมันไม่ดีแน่ ถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าทำเป็นดีที่สุด โดยเฉพาะไอ้เตี้ย ไอ้คิ้วหนา กับไอ้อ้วน 2 ตัว ที่จ่อคิวขึ้นชกในไฟต์ต่อไป ต้องสำเหนียกกันให้เยอะๆี เพราะเสี่ยชูแกนำร่องเอาไว้แล้ว ถ้ายั้งปากไม่อยู่จริงๆ ก็ต้องฟิตซ้อมเตรียมตัวรับแรงกระแทกไว้ให้ดี เกิดพลาดท่าพลาดทางขึ้นมา อย่างน้อยยังได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา

แทนที่จะตำหนิเสี่ยชูว่าทำเกินไป ชาวบ้านกลับเข้าอกเข้าใจ ว่าซูเนโอะมันปากหมาเกินพิกัด แต่มีหรือที่ท้าววิศาลผู้หยั่งรู้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องที่ตัวเองจะโดนตื้บ จะสะทกสะท้าน ขณะที่บาดเจ็บสาหัส อาการเป็นตายเท่ากัน ยังให้สัมภาษณ์อยู่จ๋อยๆ ต่อคำถามถึงความรู้สึก ที่มีโอกาสได้ใช้บริการนวดหน้าด้วยฝ่าเท้าของเสี่ยชู ท่านท้าวทำทีครุ่นคิดอยู่อึดใหญ่ ก่อนที่จะชี้เปรี้ยงตามสไตล์ว่า...

รสชาตินั้น..ถือว่าใช้ได้เลย เสียที่กลิ่น..ยังต้องปรับปรุงกันอีกเยอะ

วโรทาห์: 3 ต.ค. 51