Wednesday, March 26, 2008

ยุบก็ยุ่ง ไม่ยุบก็ยุ่ง.. แต่ตานฉ่วยเห็นแล้วอยากจะยุบ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เริ่มงานมาแค่เดือนเศษ นกกระจอกยังไม่ทันจิบน้ำแท้ๆ ครม.ขี้เหร่ก็ควบซะฝุ่นตลบ ยังกับโด๊ปยาบ้ามายกล็อต เล่นเอาครม.เงาลิ้นห้อย วิ่งไล่กวดกันหน้ามืด ยังมองไม่เห็นฝุ่น แถมที่ตั้งเป้าให้รมต.เงาจ้องจับผิดรมต.จริงคอรัปชั่น ทำไปทำมาชักจะพลิกล็อค รมต.จริงล่อรมต.เงางาบที่ดินเข้าให้ซะแล้ว เล่นเอาเงาดำปี๋ผมขาวตาโปน ลุกขึ้นมาร้องเจี๊ยก

เวรกรรม.. ทำไปทำมางานนี้ชักจะไม่สนุก รมต.จริงมันชักจะเล่นมั่ว อยู่ดีๆก็หันมาจับเงา ดูทีดูท่าว่าบักเหลิมมันจะเล่นเป็น ไม่อาวดีก่า ขืนเล่นเกมส์นี้ เห็นทีจะไม่เวิร์ค มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ไม่มีเจ๊ามีเจี๊ยะ ว่าแล้วก็หันกลับไปงัดมุขเก่าออกมาปัดฝุ่น เล่นตุกติกไสตล์เดิมมันถนัดนัก มานั่งลุ้นให้ยุบพรรค ยังสบายกว่ากันเยอะแยะ

ยุบ..ไม่ยบ ยุบ..ไม่ยุบ
เอ้า..ลุ้นกันตัวโก่งตัวงอ พลิกคว่ำพลิกหงาย มันกันสุดๆ เกิดเป็นคนไทยนี่มันช่างวิเศษแท้ๆ มีเรื่องให้ได้ลุ้นได้เสียวกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน นอกเหนือไปจากของตาย หวยจับยี่กี กับหวยปิงปองที่มีออกมา ให้แทงเสียๆกันทุกต้นชั่วโมง เลือดลมสูบฉีดดีกว่าไปวิ่งไล่จับเงาเป็นไหนๆ

มาชั่วโมงนี้ต้องถือว่า ยุบ..ไม่ยุบนี่ กลายเป็นเรื่องฮ็อตฮิตติดลมบนไปซะแล้ว ทำเป็นเล่นไป เห็นลุงหมักกระซิบมาว่า เรื่องนี้โกอินเตอร์ไปเรียบร้อย ขนาดว่าหมอเลี๊ยบจะบินไปเจรจาต้าอ้วย ฝรั่งยังบอกโอ..โน สต็อปๆ ไอกำลังลุ้น
ยุบ..ไม่ยุบ มันๆอยู่ ช่วงนี้ไม่ว่าง ไว้วันหน้าค่อยมาว่ากันใหม่

ถ้าพูดถึงคนที่ลุ้นใจหายใจคว่ำ สนุกสนานกว่าใครเพื่อน เห็นทีต้องยกให้หลงจู๊ห้าสั้น สองวันมานี้ทนเสียวไม่ไหวถึงกับออกมาโวยลั่น แฉกันจะๆว่า ผู้ใหญ่นั่นแหละตัวดีี มี
ออร์เดอร์มาสั่งให้เล่นเสียว จริงอยู่ยอมรับ ก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่ก็มีขู่มา ถ้าไม่ยอมกันดีๆเห็นทีต้องมียุบ หลงจู๊ยังยิ้มแป้นนึกว่า อ้ะ..ล้อเล่ง ใครจะไปรู้ว่ามันจะเอาจริง

พอเจ้าเมธออกมาแบไต๋ กางไพ่ออกมาล้างตา ส่งซิกกันชัดๆว่ามันเอาแน่ หลงจู๊ที่กำลังนั่งเจี๊ยะแต๊ก็เลยเต้นผางๆ เฮ้ยๆๆ.. อย่ามาเล่นบ้าๆ เอากันขนาดนี้นี่มันฆ่ายกครัวกันชัดๆ ไปนับดูก่อนว่ามีแซ่เบ๊อยู่กี่ชีวิตที่เป็นกรรมการ เห็นอย่างนี้ยังจะมาทำซี้ซั้ว

ว่าแล้วก็ตัดสินใจออกมาเฉ่งปี๋ ถ้าเล่นอย่างนี้ก็ไม่ต้องมาคบกัน เสียแรงนับถือกันมา 30 ปี จะมาเลิกนับถือกันก็ปีที่ 31 นี่แหละ.. เจ้าเฒ่าเอ๊ย.. ขนาดเสียวเจี้ยผู้เป็นลูก ที่ยังสาวยังแส้แม้จะอายุเยอะ
ที่ปกติชอบไปสุมหัวอยู่กับพรรคแมงกะจั๊วแท้ๆ ยังไม่วายติดร่างแหต้องมาลุ้นเสียว

แต่ขานี้มีแต่คนสมน้ำหน้า ทีตอนยุบทรท. หล่อนยังกระดี๊กระด๊าจนแทบคลั่ง ร่วมดีใจกับแมงกะจั๊วกันยกใหญ่ ทีตอนนี้โดนเข้าให้กับตัวเอง ถึงกับร้องเป็นค่าง แหกปากโหยหาความยุติธรรมยกใหญ่ เออ..เป็นไปได้เนาะ อย่างนี้มันต้องร้องเพลงให้ฟัง "บัดนี้เธอเจอเข้าบ้าง รู้หรือยังว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ฮึมมม..."

มันต้องคนนี้ ไม่เสียทีเป็นขาบู๊ แม้ว่าคิวยุบจะอยู่ท้าย แต่ขึ้นชื่อว่าขาใหญ่มันต้องโวยก่อน งานนี้นักเลงโบราณอย่างลุงหมัก ออกมาฟันธงทันทีไม่มีแทงกั๊ก ตีแสกหน้าล่อซะดังโช๊ะ ก็หน้าแหลมฟันดำดูมันทำเซ็ง ทำมั่วซั่วล่อจนเละเทะ รัฐธรรมนูญเฮงซวยก็เลยต้องมาแก้ไข เสียงขานรับกันเซ็งแซ่ มีแต่พลพรรคแมงกะจั๊วที่ยังตีรวน

อะไรไม่ว่า ขนาดแม่ค้าส้มตำยังออกปากว่าสุดเซ็ง ทีตอนลงประชามติ เห็นมีแตู่้เอ๋งออกมายอมรับ ว่ารัฐธรรมนูญมันไม่สมบูรณ์ ต้องขอร้องโต่ล้งให้รับๆไปก่อน แล้วค่อยผ่อนแก้กันภายหลัง มาวันนี้ถึงทีจะมาแก้ หน็อย..มันร้องเอ๋งกันเสียงหลง ว่าเฮ้ย.. รัฐธรรมนูญมันก็ดีอยู่แล้ว จะไปแก้หาสวรรค์วิมานอะไร..อ้าว..ปากหรือนั่น

กองเชียร์หน้าแหลมก็ออกมาเย้วๆกันตามคาด ขนาดว่า ด.ช.น้อยละนิด ลูกทิดเศรษฐ์ ตัวเล็กตัวน้อยยังมาประสานเสียง
บอกว่า "ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ดีแล้วไปลงเลือกตั้งทำไม" เออ..เอากับมัน แต่อย่างว่าอ้ะนะ จะไปเอานิยมนิยายอะไรกับเด็กเลี้ยงทุย ความคิดความอ่านมันก็ดุ่ยๆไปแบบทุยๆ แต่ที่ไหนได้มันดันไปตรงกับความเห็นของท่านผู้ทรงคุณวุฒิโดยมิได้นัดหมาย

เอาละซี..ตกตะลึงกันไปทั้งวงการ ว่ากันว่า เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ตัวเล็กตัวน้อยยังมีความคิดเฉียบแหลมซะขนาดนั้น ต่อไปภายภาคหน้า ถ้าไปอยู่แถวท่าพระจันทร์ ตำแหน่งศาสตราจารย์จะหนีไปไหน จะเป็นคณบดีก็เหมาะเจาะ หรือว่าเป็นอธิการฯก็ยิ่งเจ๋งเป้ง รัฐธรรมนูญกบฏ 2599 เห็นทีต้องพึ่งบริการด.ช.น้อยละนิดนี่แหละ เป็นประธานยกร่าง มันถึงจะฮ้อแร่ด

แต่จริงๆแล้ว ข่าวเบื้องลึกเค้าว่ามาว่า งานนี้มันผิดคิว ตามบทมันต้องยุบพปช. แล้วต้อนตืองูเห่าไปเข้าคอกประชาธิปด แต่ไม่รู้ทำท่าไหน สองพรรคนี้ดันแซงหน้าขึ้นมาจ่อคิว จะไม่ยุบก็ไม่ได้ เดี๋ยวพปช.จะมีข้ออ้าง เรื่องของเรื่องก็เลยต้องยุบไล่ไปเป็นลูกระนาด เลยกลายเป็นไล่ 3 พรรคไปรวมกัน แล้วหันกลับมาสู้ยิบตา เห็นทีงานนี้ท่าจะไม่หมู

ทำเป็นเล่นไป เรื่องยุบๆนี่ไม่ใช่เรื่องล้อกันเล่นซะแล้ว
ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมชิ้นเอกของเผด็จการยุคใหม่ ตานฉ่วยนี่ถึงกับจ้องตาเป็นมัน ยังไงก็ต้องขอถ่ายทอดเท็คโนโลยี่ให้ได้ เพราะดูแล้วมันฮ้อแร่ดเหลือกำลังลาก ถ้ารู้ยังงี้ซะตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องไปหักดิบกะซูจี ให้ต่างชาติมากดไข่ดันจนหน้าเขียวหน้าเหลือง

ต่อไปนี้ก็ปล่อยซูจีออกมาเลือกตั้ง แล้วตั้งกกต.พม่าขึ้นมาไล่ยุบ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง เป็นประชาธิปไตยแบบพม่าๆ ใครจะมาว่าเป็นเผด็จการก็ไม่ถนัดปาก ถ้าจะให้ดี ตานฉ่วยก็ต้องมาฝึกล้วงฝึกควัก แล้วถอยร่นไปนั่งล้วงอยู่หลังฉาก จากนั้นก็ตั้งพรรคโป้ปดขึ้นมาเป็นนอมินี เอาเด็กเมื่อวานซืน มะม่วงจำบ่มมาเป็นหัวหน้า คั่วตำแหน่งนายกฯสบายบรื๋อ ง่ายๆแค่นี้ ซูจีก็กลายเป็นซูจ๋อย

ก่อนจากเลยมาฝากข่าว พรรคพวกเราเขาฝากมา จากสมาคมขอทานเพื่อชาติแห่งประเทศไทย ช่วงนี้ีจะมีมหกรรมขอทานครั้งยิ่งใหญ่ จึงขอความร่วมมือกันมา ให้สังเกตุเอกลักษณ์ ขอทานหน้ายาวๆ หรือหน้าสั้นๆ ไม่ก็หน้าย่นๆ หรือว่าหน้ายิ้มแย้ม อีกทีก็หน้าแหลมๆเหมือนหนังตะลุง นั่งพับเพียบเรียบร้อย อยู่ตามสะพานลอยทั่วราชอาณาจักร

พบเจอที่ไหนขอให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ควักกันคนละหนุบคนละหนับ กรุงเทพฯขอแค่ 10 บาท ต่างจังหวัดลดให้เหลือ 2 บาทก็พอ ร่วมสมทบทุนกองทุนฟ้องเพื่อชาติ ยังขาดอยู่แค่ 19 ล้านบาทเอง ได้ครบเมื่อไหร่ แม่จะฟ้องให้แหลกราญ ไม่เชื่อก็คอยดู

โครงการนี้ีเค้าตั้งชื่อซะเก๋ไก๋ เรียกว่าโครงการ"ถอนขนหน้าแข้งเพื่อชาติ" เลยต้องย้ำมาว่าอย่าลืมไปช่วยกัน ถอนขนหน้าแข้งออกมาคนละเส้นเพื่อไปช่วยชาติ เพียงแต่ว่ามีเรื่องต้องขอร้อง...

ขอขนหน้าแข้งล้วนๆนะ อย่างอื่นมะอาว...

วโรทาห์ 25 มี.ค. 51

Monday, March 24, 2008

เพลิงแค้นขุนศึกชรา...

ยามราตรีอันเงียบสงัด ผู้คนต่างหลับไหลอย่างมีความสุข ในท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย แต่ในวังจตุรพิษนั้นกลับร้อนรุ่มยิ่งนัก ขุนศึกเฒ่าผู้เป็นประมุข ถึงกับนอนกระสับกระส่ายไปมา ประหนึ่งถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผา อยู่ในอเวจีมหานรก แม้ฝืนใจเพียงใดยังมิอาจข่มตาให้หลับลงได้ แม้แต่เศษเสี้ยวโมงยาม

นับแต่ที่กองทัพอธรรมของมันพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ให้แก่กองทัพพลังปวงชนอันเกรียงไกร ภายใต้การนำของจอมยุทธโผงผางผู้เด็ดเดี่ยว ในมหายุทธขั้นแตกหักวันที่ 23 เดือน 12 สร้างความเจ็บแ้ค้นให้กับมันอย่างแสนสาหัส จนถึงกับกระอักโลหิตออกมาลิ่มแล้วลิ่มเล่า จำต้องเร้นกายออกจากยุทธภพด้วยความอดสู

ค่ำคืนนี้แม้ไร้ดวงเดือน อาศัยแต่เพียงแสงดาวอันริบหรี่ ยังอาจมองเห็นเงาตะคุ่มๆของประมุขเฒ่า ลุกขึ้นมานั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือข้างหน้าต่าง หลังของมันงองุ้มลงจนเกือบชนชอบโต๊ะ ประหนึ่งโครงสร้างที่ผุพังใกล้ยุบราบลงเต็มที เส้นผมที่เคยดกดำ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ฟันที่หลุดร่วงจนหมดปาก ยังทำให้ริมฝีปากยุบเข้าไปเนื่องจากไร้สิ่งค้ำยัน

คอของมันเอียงไปด้านข้าง เป็นผลจากการถูกเพลงเตะอันรุนแรงจนเส้นเอ็นขาดเมื่อวัยหนุ่ม นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของบุรุษผู้นี้ ที่ชินตาผู้คนยิ่งนัก เวลาดึกสงัดเช่นนี้ สมควรเป็นเวลาที่ผู้อาวุโสต้องพักผ่อนอย่างยิ่ง แต่เฒ่าอธรรมกลับต้องมานั่งครุ่นคิด จมปลักอยู่กับความร้อนรุ่ม ด้วยแรงแค้นไฟริษยา

แสงเทียนอันริบหรี่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เปรียบได้กับวัยของมันที่ล่วงเลยจนเฉียดเข้าเก้าสิบขวบปี เพียงแรงลมเล็กน้อยยังอาจปัดเป่า ให้แสงเทียนแห่งชีวิตของมันดับมอดลงอย่างง่ายดาย ความตายย่อมนับว่าอยู่ไม่ไกลแล้ว อเวจียังอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือถึง แต่กิเลสตัณหา ความโลภหลง มิเคยสร่างซาลงตามสังขารอันโรยรา

ความคิดคำนึงผุดขึ้นมาในสมองอันอ่อนล้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้อนหลังไปหลายสิบปีก่อน เมื่อครั้งที่มันถูกขับไล่ลงจากตำแหน่งเจ้ายุทธภพ ผู้คนต่างรุกไล่มันจนมิอาจรับมือ ต้องเปล่งวาจาว่า "ข้าเพียงพอแล้ว" เพื่อรักษาหน้ามันไว้ยามที่ก้าวลงจากตำแหน่ง มิให้บอบช้ำจนเกินไป หวังเพียงว่าวันข้างหน้ายังอาจกลับมาผงาดได้อีกครา

คาดไม่ถึง จอมยุทธเจ้าสำราญชักไช่ ผู้ที่ก้าวขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากมันนั้น กลับลุ่มลึกสุดหยั่งคาด ถึงกับยกย่องให้มันเป็น "ยุทธบุรุษ" ป่าวประกาศให้เหล่าชาวยุทธเคารพบูชา เบื้องหน้าเชิดชูเกียรติอย่างสูงส่ง ยากที่จะมีผู้ใดในแผ่นดินเสมอเหมือน แต่เบื้องหลังกลับซ่อนรังสีอำมะหิตสุดลึกล้ำ

ที่แท้แล้ว กลับเป็นแผน"ยกคนขึ้นหิ้ง"อันแยบยล หมายกลบฝังให้จอมยุทธเฒ่าหายออกไปจากยุทธภพ มิอาจย่างกรายกลับมาได้จนชั่วชีวิต เนื่องเพราะประมุขพรรคเผ่าไทผู้ปราดเปรื่อง ย่อมเล็งเห็นแล้วว่า ขุนศึกเฒ่าผู้นี้โหดเหี้ยมยิ่งนัก แม้ยังขืนปล่อยให้โลดแล่นต่อไปในยุทธภพ ภายภาคหน้าจักก่อเกิดภยันตรายใหญ่หลวงต่อเหล่าชาวยุทธ

ยังมีมือสังหารใดที่น่าครั่นคร้ามไปกว่า นักฆ่าที่ซ่อนมีดไว้ในใจ ภายนอกดูเยือกเย็น ใบหน้ายิ้มแย้ม อิ่มเอิบไปด้วยความสุข สุ้มเสียงเจรจาเนิบนาบ ดั่งนักพรตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม แต่ภายในนั้นกลับพร้อมปลิดชีพได้ทุกเมื่อ โดยที่เหยื่อไม่ทันระวังตัว ยุทธภพจึงต่างเรียกขานด้วยความหวาดหวั่น "นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา"

อำนาจนั้นช่างหอมหวานนัก เมื่อได้ลิ้มลองแล้วยากยิ่งนักที่ผู้ใดยังอาจตัดใจ ขุนศึกเฒ่าจอมโหดไหนเลยยอมวางมือง่ายดาย ด้านหนึ่งมันปลาบปลื้มยิ่งนัก ที่มีผู้คนมากราบไหว้ นับว่าได้ส่งเสริมบารมีให้มันอย่างยิ่ง อีกด้านหนึ่งกลับลอบฝึกพลังหัตถ์ล่องหนอย่างตั้งใจ จวบจนบรรลุถึงขั้นสุดยอด

ขุนศึกเฒ่าค่อยๆยกมืออันหยาบกร้านขึ้นมาตรงหน้าู แสงเทียนแม้ริบหรี่ยังเพียงพอให้มองเห็น แผลเป็นพุพองตะปุ่มตะป่ำ อันเป็นร่องรอยจากการใช้งาน มาอย่างหนักหน่วงและยาวนาน แท้จริงแล้ว หัตถ์ล่องหนคู่นี้มิใช่หรือ คือหัตถาครองพิภพ ที่สร้างอำนาจให้มันมา ต่อเนื่องยาวนานหลายสิบปี โดยที่มิมีผู้ใดระแคะระคาย

ใบหน้าอันเรียบเฉยแต่แฝงรอยแค้นอย่างลึกล้ำนั้น กลับแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น นี่นับว่าเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงหล่อเลี้ยงชีวิตของมันเอาไว้ ในท่ามกลางการศึกที่ร้อนระอุคลั่งอยู่ทุกคืนวัน ยังมีหัตถาคู่นี้ที่วางใจได้เสมอ.. แต่ทว่า.. มาถึงวันนี้.. เฮ่อ...

พลันดวงตาทั้งคู่กลับเบิกโพลงขึ้น แววตาอันขุ่นข้นนั้นฉายแววอาฆาตแค้นเจิดจ้า ผู้ใดพบเห็นมิอาจไม่เย็นยะเยือกเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ร่างงองุ้มสะท้านขึ้นมาคราหนึ่ง ลิ่มเลือดพลันทะลักออกมาจากมุมปาก ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นบูดเบี้ยว แหงนมองขึ้นเบื้องบน พลันเปล่งวาจาแหบพร่า เล็ดลอดไรฟันออกมาอย่างยากเย็น

"มันกับข้ามิอาจอยู่ร่วมปฐพี หากแม้นผืนดินยังมิกลบหน้า ข้าขอสาบานต่อฟ้า.. จักตามล่าล้างผลาญมันไปทั่วพิภพ.. มิตาย มิยอมเลิกรา.."

"มิตายยยยยย มิยอมเลิกราาาาาาาาา"

=======================

วโรทาห์ 23 มี.ค. 51

Wednesday, March 19, 2008

อาณาจักรผีสิง..วิญญาณอาฆาต

เขย่าขวัญสั่นประสาทนั่งไม่ติดเก้าอี้ไปตามๆกัน เวรกรรมจริงๆ ประชาชีในประเทศผีสิง ไทยแลนด์ แลนด์ออฟโกสต์แห่งนี้ หลังจากเกิดสึนามิมาแล้วก็มีแต่เรื่องซวยๆ ตามมาไม่ได้หยุดได้หย่อน โดยเฉพาะหนังผีเขย่าขวัญนี่ว่ากันเป็นขบวนๆ ยังกับรถไฟเรือด

หัวขบวนสุดแสบต้องยกให้ "พันธมารสะท้านโลกันตร์" หนังฟอร์มยักษ์ ที่ฮือฮากันมากเมื่อ 3 ปีก่อน ทุ่มทุนสร้างโดยเสี่ยใหญ่ใจถึง ประชัยโปรดั๊กชั่น วอดวายไป 400 ล้าน ขายตั๋วไม่ได้ซักใบ เลยต้องระเห็จไปฉายกลางแปลง แต่หลังจากปักหลักฉายอยู่ที่สวนลุมฯเกือบปี เห็นท่าว่าจะไม่รุ่งเลยออกเดินสาย ฉายดะตั้งแต่สนามหลวง พารากอน ไปจนยันลานพระรูป

เดินสายเขย่าขวัญชาวบ้านไม่เว้นแต่ละวัน จนแทบประสาทเสียไปตามๆกัน ยังดีว่ามีฉากฮามาคั่นกลาง เป็นฉากพังประตูทำเนียบ ที่ตั้งใจสร้างมาเป็นไฮไลท์ของเรื่องโดยเฉพาะ ฉากนี้ฉากเดียวก็ส่งดาราให้แจ้งเกิดไปหลายคน ที่เด่นๆเห็นจะเป็นลุงกล้าหน้าหนวดกับลุงหัวล้านจอมโขก ที่เชือดเฉือนบทบาทกันอย่างถึงพริกถึงขิง เพื่อชิงดาราแสดงนำฝ่ายชาย

หะแรก ใครๆก็ว่าลุงกล้าน่าจะเข้าวิน เอาแค่ฉากโกยเถอะโยมฉากเดียวก็ฮาขาด เลือดรักชาติมันพุ่งพล่าน เค้าพาเดินไปไหนลุงกล้าก็เดินตาม ดึกๆดื่นๆยังไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง คึกซะไม่มี แต่พอเห็นพรรคพวกเข้าไปพังประตูทำเนียบเท่านั้นแหละ ลมมันจะใส่ซะให้ได้

ลุงแกร้องฮิบฮ๋ายแล้ว พร้อมกับหันหลังตั้งท่า ใส่เท้าหมาโกยหน้าตั้งไม่คิดชีวิต พริบตาเดียวก็มุดเข้าบ้านไปนอนคลุมโปง ทำยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตื่นเช้ามายังฟอร์มจัด ทำเป็นเหรอหรา ไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อคืนลุงนอนอยู่ที่บ้านเฉยๆ โบ๋เบ๋..โบ๋เบ๋.. เล่นเอาคนดูฮาตรึม

ผิดกับลุงหัวล้านที่ใจถึงกว่ากันเยอะ มืออาชีพกว่ากันแยะ แหกด่านมะขามเตี้ย พังประตูทำเนียบเข้าไปจนได้ เลยเจอตำรวจซิว มือชั้นนี้มีหรือจะเล่นง่าย วิ่งไปเอาหัวโขกโต๊ะซะเลือดอาบ กะจะมั่วนิ่มว่าตำรวจตีกบาล พวกสื่อทั้งหลายก็เตรียมตั้งท่า เงื้อง่ากำลังจะประโคม

ดีว่าเค้าดักทางไว้แล้ว เลยถ่ายวิดิโอไว้เสร็จสรรพ เอามาเปิดให้ดูล้างตา เล่นเอาลุงหัวล้านนั่งเอ๋อพูดไม่ออก เสียค่าโง่ไปหลายอัฐ หัวแตกฟรี แอนตาซิลไม่จ่าย แต่ถึงยังไงฉากนี้ก็ส่งให้แกเฉือนเข้าป้าย รับรางวัลตุ๊กตาทองไปอย่างนิ่มๆ ปล่อยลุงกล้าให้นั่งเลียแผลอยู่แผล็บๆ

หนังเรื่องนี้เป็นมินิซีรี่ส์เรื่องยาว ฉายกันข้ามปี แต่ช่วงหลังๆมีหนังตลกเบาสมอง ทะลุกลางป้องออกมาเสริมตลาด เรื่อง "ม.7 เด็ดสะระตี่" ที่อำนวยการสร้างโดย ค่ายเก่าเล่ายี่ห้อ ประชาทิแป้กฟิล์ม เป็นหนังกุ๊กกิ๊กเบาสมองขำกลิ้ง ฮากันโรงแตก เรตติ้งพุ่งกระฉูด เลยได้ฉายยืดเยื้ออยู่หลายเดือน ก่อนที่จะถูกตะเพิดจนเก็บฉากแทบไม่ทัน

โดนแค่นี้มีหรือจะเข็ด ถอดโปรแกรมเปลี่ยนมาเป็น "บอยคอตรัก นักเลือกตั้ง" แต่มุขแป้กตามฟอร์ม โดนด่าตรึม แต่ก็ไม่เสียหลาย เพราะอย่างน้อยก็ได้กรุยทางให้หนังบู๊วายป่วงได้ลงโรง นำร่องมาโดย "ตุลาการพิฆาต" ที่เล่นเอาเหวอกันไปทั้งบาง ร้องถามกันให้แซ่ด มันมาไงวะ หลังจากนั้นก็ได้เรื่อง ถึงเวลาของตัวจริงเสียงจริง แอ่น แอ๊น..

"2549 อันธพาลเผาเมือง" หนังอภิมหายักษ์ทุ่มทุนสร้าง รับประกันคุณภาพโดย มือล่องหนโปรโมชั่น สยองขวัญสั่นประสาท ในระบบทีเอ็ชเอ๊กซ์ เก๊กซิม ดอลบี้สเตอรีโอ เซอร์ราวนด์ซาวด์ คนขวัญอ่อนนี่ถึงกับฉี่ราด ขนาดว่าประชัยโปรดั๊กชั่นต้องม้วนเสื่อ ประชาทิแป้กฟิล์มต้องรีบเก็บฉาก หลีกทางให้แต่โดยดี หลบไปเป็นกองเชียร์อยู่ข้างหลัง เพราะว่าเป็นหนังของกากี่นั้ง

ยึดโรงฉายบังคับคนดูทั่วประเทศ ไม่ต้องแบ่งให้ใคร เบ็ดเสร็จฉายไป 16 เดือน โกยกำไรเข้ากระเป๋าไปเหนาะๆนับหมื่นล้าน พร้อมเครื่องบินรบอีกฝูงใหญ่ แต่ก็ล้างผลาญเงินทุนไปหลายแสนล้าน ว่ากันว่ามีโอกาสทะลุหลักล้านล้านถ้านับกันให้ดีๆ แต่ไม่ต้องวอรี่เพราะมีสปอนเซอร์ ประชาชนเตรียมใช้หนี้กันรากเลือด ไม่รู้ว่าอีกกี่ชั่วโคตรจะใช้หมด

พอหนังจะลาโรงก็ผ่องถ่ายไปให้ประชาทิแป้กฟิล์ม ที่ขยันผลิตหนังโหลยโท่ยออกมาไม่หยุดหย่อน ตั้งแต่ "พิฆาตประชาชน ประชาชนต้องตายก่อน" ตามมาด้วย "สยองขวัญ 24 ชั่วโมง" และอื่นๆอีกเยอะแยะ แต่แป้กหมดเลยจำไม่ได้ จนมานิ่งอยู่ที่ "99 วันฝังทั้งเป็น" ที่วาดฝันกันว่า เรตติ้งจะวิ่งกระฉูด โกยเงินกันไม่รู้เรื่อง

ที่ไหนได้ แพ้ "ประชานิยมที่รัก" ของค่ายพปช.ฟิล์มหลุดลุ่ย แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม เข็นเรื่องใหม่ออกมาฉายแข่ง "เงานายกฯ วิญญาณพยาบาท" สื่อทุกค่ายช่วยกันโปรโมทอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แป้กอีกตามเคย หลังๆชักจะไปไม่เป็นเลยออกลูกมั่ว แต่ยังยึดแนวหนังผีสยองขวัญเหมือนเดิม

ชาวบ้านใจหายใจคว่ำ ประสาทจะกินตาย ขายข้าวแกงไป มือสั่นไป คอยเงี่ยหูฟังเสียงว่ามันจะมาไม้ไหนอีก แล้วก็ไม่ผิดหวัง ตามกันมาเป็นระลอกๆ ไล่ตั้งแต่ "คตส.ฟ้องปลิดวิญญาณ" ตัวแสดงไม่ต้องไปพูดถึง รูปลักษณ์สั่นประสาทกันทุกตัว ตามมาด้วย "กกต.เชือดแล้วยุบ" นี่ก็สยองพอกัน แล้วไหนยังจะ "รถดับเพลิงผีสิง"อีก โอย..แค่พูดถึงยัง บรื๋อออ...

ล่าสุดนี่ก็เข็นกันออกมาจนได้ "สปิริต ออฟ ลอร์ดแมร์" แปลเป็นไทยว่า "ผู้ว่าฯหลอก วิญญาณหลอน" ตั้งใจว่าจะเอามาพลีชีพ ลากลุงหมักพระเอกประจำค่ายพปช.ฟิล์มให้ลงนรกไปด้วยกัน ค่าที่เรตติ้งลุงแกกำลังไต่เพดาน ยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ จากรายการ "คุยไปด่าไป" ทุกเช้าวันอาทิตย์.. แต่ผู้ว่าก็ผิดคิวจนเกือบจะเข้าคุก ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เชื่อใครไม่เชื่อไปเชื่อลุงเทือก

ประชาชีก็ได้แต่เก๊กซิม อยากดูหนังรักโรแมนติก "ประชานิยมที่รัก" แทบตาย แต่ก็ยังไม่วายมีมารผจญ ขยันส่งหนังผีออกมาหลอกหลอนกันอยู่ได้ ไม่เว้นแต่ละวัน ล่าสุดนี่เอาอีกแล้ว "พันธมารสะท้านโลกันตร์ เอปปิโสดทู" ตอน"อเวจีสั่ง นรกเมิน" ฟื้นคืนชีพมาหลอกหลอนเอาอีกจนได้..ซิน่า

โฆษณากันใหญ่โต มีโปรแกรมจะลงโรง 28 มีนานี้ซะด้วย แต่คราวนี้เห็นทีท่าว่าจะฝืด แค่เปิดตัวชาวบ้านก็ก่นด่าไปถึงบรรพบุรุษ ตัวแสดงก็ไม่ค่อยจะขานรับ โดนชักดาบงวดก่อน ยังซึมจ๋อยไม่หาย นายทุนก็เค้าแป๋เปิดแน่บไปแล้ว เลยบ่อจี๊กะว่าจะปักหลักฉายที่วิกท่าพระจันทร์ แต่เพียงโรงเดียว ไม่มีเดินสาย ซึ่งวิกนี้หลังๆก็โหลยโท่ย ฉายหนังมั่วจนถูกด่าเปิง

ก็ต้องมาลุ้นกันว่า "ประชานิยมที่รัก ภาคสอง" ที่มีลุงหมักแสดงนำ จะไปกันได้ซักกี่น้ำ จะฝ่ากระแสหนังผีไปได้ถึงแค่ไหน เพราะมันเขย่าขวัญกันเหลือเกิน ว่ากันตามจริงแล้ว หนังน่ะมันก็ไม่เท่าไหร่หรอก เพราะสร้างกันจนหมดมุขแล้ว แต่พวกสื่อนี่แหละตัวแสบ ใส่เอ็ฟเฟ็คท์กันไฟแล่บ สยองขวัญจนเกินเหตุ

ถ้าหนังของประชาทิแป้กไม่ได้ลงโรงนี่ มันจะเป็นจะตายกันให้ได้ ต้องช่วยกันเขย่าขวัญคนดู ให้เลิกดูค่ายอื่นแล้วหันมาดูค่ายมัน ไม่งั้นมันก็จะเข็นหนังผีออกมาประชัน ให้คนดูกลัวจนต้องยอมแพ้ หนังไม่มีอะไรน่ากลัว มันก็ใส่เอฟเฟ็คท์ ลงซาวด์ซะจนเว่อร์ ยังกับฟ้าจะถล่มดินจะทลายซะให้ได้ คนดูแทบจะชักตาตั้งตายทั้งๆที่มันไม่มีอะไร

ยายเมี้ยนนั่งทอดกล้วยแขกไป สายตาก็คอยสอดส่ายเหลียวซ้ายแลขวา ระวังหน้าระแวงหลัง เริ่มเกิดอาการประสาทหลอน แต่ยังมีกะใจ ปลุกปลอบขวัญลูกค้า ซึ่งก็ประสาทพอกัน..

อย่าไปยอมให้มัน.. ทนนั่งอกสั่นขวัญแขวนกันไปอย่างนี้แหละ เดี๋ยวก็ชินเอง.. แกว่างั้น

วโรทาห์: 18 มี.ค. 51

Monday, March 17, 2008

เกลียดทักษิณอย่างไรให้มีความสุข

จั่วหัวครั้งนี้ออกจะแหวกแนวไปไม่หน่อย ใครเห็นก็ต้องทักว่า วโรทาห์ไม่บ้าก็คงกินยาผิดซอง ถ้าอยากจะดุอยากจะด่าก็ขอให้อดใจไว้ก่อน อดทนอ่านให้จบ รับรองว่าจะเปลี่ยนใจ ได้สาระบันเทิงครบครัน นำไปใช้ปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน พาให้แฮปปี้กันถ้วนหน้า ทั้งคนเกลียดทักษิณก็สบายตัว คนรักทักษิณก็เลยพลอยสบายใจ

ว่าแล้วก็เข้าเรื่อง ที่ว่าเกลียดทักษิณอย่างไรให้มีความสุขนั่น อย่ามาเดาซะให้ยาก เดามั่วยังไงก็ไม่มีทางถูก แล้วบทความนี้ก็เป็นเชิงวิชาการซะด้วย ไม่มีทางเขียนชุ่ยๆกำปั้นทุบดิน ว่าให้เลิกเกลียดทักษิณซะก็สิ้นเรื่อง คิดได้แค่นั้นมันก็ไม่ใช่วโรทาห์ ก็คนมันจะเกลียด พูดให้ตายยังไงมันก็เกลียด ว่าแล้วก็จงเกลียดกันต่อไป

เมื่อห้ามไม่ได้ก็เลยต้องตามใจ เกลียดได้เกลียดไปไม่มีใครว่า เพียงแต่ว่าเห็นแล้วมันให้เศร้าใจ ผัวเมียเคยรักใคร่ยังต้องแยกจากกัน เพราะว่าเกลียดทักษิณ ผัวรักเมียเกลียด ผัวเกลียดเมียรัก แล้วมันจะอยู่กันยังไง บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่ใช่ว่าเพราะทักษิณ แต่เพราะความเกลียดทักษิณมันพาให้เป็นไป

พอคนมันเกลียดกัน อะไรๆมันก็ขัดใจไปหมด อุตส่าห์เกลียดแทบตาย แต่เจ้าตัวยังมาลอยชาย แถมยังมากราบธรณีให้เจ็บกระดองใจ ทุกข์แทบตาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไฟเกลียดมันรุมเร้า ไฟริษยาก็เข้าแทรก เสียแรงเป็นชาวพุทธ สาเหตุแห่งทุกข์พระพุทธองค์ก็ทรงสอน ระงับที่เหตุได้ ความทุกข์ก็มลาย

เรื่องของเรื่องก็ดันไปเชื่ออรหันต์อรเห กับพวกศาสดาผู้รู้แถมด้วยกูรูทั้งหลาย ทำเป็นรู้ธรรมแต่ดันมาพูดมั่ว คิดได้ยังไงว่าสาเหตุแห่งทุกข์คือทักษิณ เด็ดหัวทักษิณซะ เหตุก็ระงับ คิดได้อย่างนี้ก็เวรกรรม คนเรารึก็ดันไปเชื่อ เลยเครียดซะแทบตาย ทำไปทำมา คนรักก็ตีจาก แต่มะเร็งดันมาถามหา กะว่าจะเสียบแทน

เจ้าความเกลียดนี่ละตัวแสบ มันจะบงการให้เราไปทำโน่นทำนี่ เอาให้มันสะใจ แต่ถึงรู้แล้วไซร้ อยากจะขจัดความเกลียดออกไป มันก็ยังเสียดาย กลัวว่าความรักจะเข้ามาเสียบแทน เพราะฉะนั้นก็ให้มันอยู่ต่อไปอย่างนั้นแหละ เพียงแต่จะทำยังไง ไม่ให้มันมาทำร้ายเรา

ทางแก้มันก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อนอะไร แค่ว่า ถ้าเกลียดใครก็แผ่เมตตาให้เค้าไป.. เอ้าพูดหมาๆ พูดง่ายแต่ทำยาก ก็ค่อยๆทำกันไป ก่อนนอนหรือตื่นตอนเช้าหาที่เหมาะๆ นั่งลงทำใจให้สงบ ภาวนาในใจหรือออกเสียงก็ได้อย่าให้ใครได้ยิน เดี๋ยวเค้าจะหาว่าบ้า ท่องว่า "ขอให้ทักษิณจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด" ท่องซ้ำท่องซาก วันละ 5-10 นาทีก็พอ อย่าให้มันมากไป เดี๋ยวมันเป็นสุขจริงๆแล้วจะเสียใจ ทำให้ได้ทุกวัน รับรองว่าเห็นผล

อ้ะ! อย่ามาหาว่าพูดชุ่ยๆหรือจำขี้ปากใครมาคุย มือระดับนี้ไม่ลองไม่รู้ ต้องลองให้รู้แน่ แล้วจึงกล้ามาเผยแผ่ให้รู้กันทั่วไป ก็เจ้าเพื่อนเราเองมันหักหลังจนแทบล้มละลาย เกลียดมันจนไม่เผาผี ถ้าเจอที่ไหนอยากจะโดดเตะก้านคอซะให้หนำใจ เกลียดมันจนเข้าใส้แต่มันก็ยังลอยชาย แต่ตัวเราซินานไปๆมันเครียดจนแทบจะวางวาย เห็นเค้าได้ดี แล้วเราจะบ้าตาย ต้องเห็นเค้าฉิบหายนั่นแหละเราถึงจะยินดี

กินไม่ได้นอนไม่หลับ เลยเอาธรรมะเข้าขย่ม เดชะบุญได้อาจารย์ดีบอกให้แผ่เมตตา เรามันหมดท่าก็เลยต้องลองดู แรกๆก็ฝืนใจแต่ทำไปๆก็อยู่ตัว แผ่ไปแทบตายเพื่อนเราก็ไม่เห็นมันจะได้ดี แต่เราซิกลับสบายใจ พอทำใจได้แหมมันสบายตัว ถ้าเพื่อนชั่วจะได้ดีเราเองก็ไม่เสียใจ ถ้าเกิดมันประสบเหตุร้ายเราก็ไม่ยินดี เวรกรรมก็ไม่มีต่อกัน ทุกวันนี้ก็ยังเกลียดมัน แต่เกลียดอย่างมีสติแหม..เกลียดแล้วมันสบายใจ

อานิสงค์ของการแผ่เมตตานั้น ท่านว่ามันมหาศาลนัก ยิ่งกว่าไปทำบุญร้อยวัดกันเลยทีเดียว ขนาดว่าเรามันเป็นคนแข็งกระด้าง ไม่ค่อยจะมีเมตตาต่อสัตว์โลก นอกจากสัตว์ 2 เท้า 2 เขาเอ๊าะๆ ก็ยังอุตส่าห์แผ่กว้างไพศาล ลามปามเมตตาไปถึงสัตว์อื่นทั่วไปไม่เลือกหน้า มันเป็นของมันไปเองโดยไม่จำเป็นต้องไปบังคับขู่เข็ญ

เห็นอกเห็นใจกันไปหมด หมูหมากาไก่ไม่มีละเว้น เคยไล่ตีหมาก็เลิกตี พลอยให้หมาที่มันคอยจะไล่เห่าเราก็เลยเลิกไล่ อยู่ร่วมโลกกับหมาได้อย่างมีความสุข ทำสัญญาสงบศึกกันโดยปริยาย เจอหน้าก็ทักทายกันธรรมดา ไม่มีการแฮ่ใส่กันอีกต่อไป นั่น.. มันไปถึงขนาดนั้น

เรื่องซวยๆที่เคยหมั่นแวะเวียนมาหาไม่ได้ว่างเว้น ก็เริ่มจะห่างหาย เรื่องเฮงๆก็เริ่มรู้จักแวะมาทักทาย การค้าการขาย เจรจาพาทีก็เข้าหูลูกค้า ซื้อง่ายขายคล่อง เรื่องที่เคยว่ายาก ก็กลับคล่องปรื๋อไปหมด นอกเหนือจากนี้ยังมีของแถม อ็อปชั่นตามมาอีกเต็มเพียบ เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ จารนัยไม่หมด

แต่ถ้ายังรู้สึกว่าไม่น่าวางใจ เผลอเมื่อไหร่กลัวว่าทักษิณจะทำลายชาติ ก็ยิ่งต้องเร่งแผ่เมตตาให้เค้าไป แผ่ให้มากๆเพื่อให้เค้าเปลี่ยนแปลง เลิกความตั้งใจที่จะทำลายชาติ หันมาช่วยกันฟื้นฟูประเทศไทย แต่ถ้าปะเหมาะเคราะห์ร้าย ชาติมันจะพังทลายไปต่อหน้า ก็คงถึงคราที่มันจะเป็นไป ใครห้ามก็คงไม่อยู่ แล้วเรื่องอะไรจะมาให้เราแบกไว้คนเดียว

เมื่อแนะนำฝ่ายเกลียดทักษิณไปแล้ว ก็ต้องหันมาแนะฝ่ายรักทักษิณบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง วิธีการก็เหมือนกัน นึกขึ้นได้ว่าเกลียดใครก็แผ่เมตตาให้ไป ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตร หรือว่าพลพรรคประชาธิปัตย์ก็จัดให้ เกลียดใครก็แผ่ให้ไป เกลียดมากแผ่มาก เกลียดน้อยแผ่น้อย ตามสัดส่วนอย่าให้น้อยหน้ากัน แผ่เฉลี่ยๆกันไป

ถ้าทำได้ทั้งสองฝ่ายรับรองว่าประเทศชาติต้องไปโลด เรื่องนองเลือดก็ไม่ต้องมาพูดกัน พวกปฏิวัติก็ไม่มีเหตุมาอ้าง พวกยืมมือฆ่าคนก็ปลุกกระแสไม่ขึ้น จะรักใครเกลียดใครก็ทำไปอย่างมีสติ ต่างคนต่างสบายใจว่าไม่มีใครมั่วนิ่ม รักใครก็ไม่ได้รักอย่างบ้าคลั่ง เกลียดใครก็ไม่ได้เกลียดอย่างบ้าเลือด พลอยให้ตัวเองและคนรอบข้างต่างสบายอกสบายใจ

เอ้า..ถ้าใครไม่เชื่อก็ไปลองทำดู เกิดว่าได้ผลก็ขอให้บอกต่อๆกันไป ไม่ต้องมาแท้งค์กิ้วหรือว่าขอบใจ แต่ถ้าไม่ได้ผลก็ขอให้บอกมา

จะส่งรูปไปให้เหยียบหน้า.. ท้าให้เหยียบกันตามสบาย

วโรทาห์: 17 มี.ค. 51

Wednesday, March 12, 2008

ไดโนเสาร์พันธุ์แถ...

อินเทรนด์ซะไม่มี.. พลันที่ลุงมีชัยออกมาประกาศตัวเป็นไดโนเสาร์ องค์การอนามัยโลกก็เด้งเชือกออกมาขานรับ ประกาศการค้นพบ โรคระบาดชนิดใหม่ในประเทศไทย
เป็นโรคใหม่เอี่ยมถอดด้ามชื่อเก๋ไม่เบา ไดโนเสาร์ซินโดรม

หัสเดิมเริ่มแรก องค์การอนามัยโลก ตรวจพบความผิดสังเกตุในหมู่คนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ค่อนข้างมีการศึกษา รวมทั้งพวกที่มีศักดิ์สูงกว่าใครในประเทศนี้ ที่นานไปนานไปชักจะคุยกับชาวบ้านไม่รู้เรื่อง จึงจัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเข้ามาทำวิจัยร่วมกับผู้เชี่ยวชาญฝ่ายไทย

ตั้งวงวิจัยไฮโลว์ ซอกแซกไปซอกแซกมาจนได้เรื่อง พบว่าอุปนิสัยของคนไทยกลุ่มนี้ ค่อนข้างก้าวร้าว ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ความคิดความอ่านก็ตีบตัน คิดไปข้างหน้าไม่เป็น คิดได้แต่ถอยหลัง เกียร์เดินหน้าไม่มี มีแต่เกียร์ถอยกับเกียร์แถไปข้างๆ พฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ วนเวียนซ้ำๆซากๆอยู่แต่เรื่องเก่าๆ

พอเอ๊กซเรย์สมองเอามาตีแผ่ก็ถึงกับหงายผลึ่ง นักวิจัยต่างตกตะลึงตึงๆ เมื่อพบว่าท่านๆทั้งหลายดันสมองฝ่อ เหลือไว้ใช้งานอยู่แค่ซีกเดียว จึงออกอาการประหลาดเหมือนไดโนเสาร์พันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ไดโนเสาร์พันธุ์แถ

ที่ได้ชื่ออย่างนี้มันต้องมีที่มา ข่าวเขาว่าไดโนเสาร์พันธุ์ที่ว่า มีชีวิตอยู่เมื่อราว 500 ล้านปีก่อน ใช้ชีวิตร่อนเร่พเนจรอยู่แถวสุวรรณภูมินี่แหละิ นับเป็นไดโนเสาร์รุ่นแรกๆด้วยซ้ำ ที่สูญพันธุ์เพราะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมไม่ได้

ไม่ใช่สิ ความจริงจะว่าปรับตัวไม่ได้ก็ไม่ถูก ที่ถูก ต้องบอกว่ามันไม่ยอมปรับตัวซะละมากกว่า แถมยังดันโง่จะไปปรับสภาพแวดล้อมให้เข้ากับตัวมัน ปรับไม่ได้ก็ยังดื้อ พยายามจะปรับอยู่นั่นแหละ สุดท้ายก็เลยชิบผายกันยกฝูง

สาเหตุที่มันกลายเป็นไดโนเสาร์หัวดื้อ เขาว่าเป็นเพราะมันดันมีสมองซีกเดียว ปัญหาก็เลยตามมาเพียบ จะคิดจะอ่านอะไรก็คิดได้แค่ตื้นๆ มองปัญหาได้แค่ด้านเดียว มองอีกด้านก็ไม่เป็น เอาแค่มองให้เป็นกลางๆก็ยังไม่ได้ เลยทำให้มันหลงตัวเอง แถมดื้อด้านชะมัด เหมือนคนแก่หัวดื้อยังไงยังงั้น

เท่านั้นยังไม่พอ การมีสมองซีกเดียวนี่มันยุ่งหลาย การทรงตัวก็ไม่สมดุลย์ เวลาเดินมันเดินตรงๆได้ซะเมื่อไหร่ ต้องแถออกไปทางข้างๆคูๆ แต่ยังโชคดีที่แถได้ทั้งซ้ายทั้งขวา เกิดศัตรูมาทางขวามันก็จะแถไปทางซ้าย ถ้าไปดักทางซ้ายมันจะแถมาทางขวา จับไม่ได้ไล่ไม่จน ศัตรูตามธรรมชาติได้แต่ยืนงงไม่รู้จะทำยังไง

ถ้ามันแถแล้วยอมรับว่าตัวเองแถก็ยังพอทน นี่ยังสัปดนหาว่าคนอื่นแถ ความที่แถจนเป็นนิสัย พอเห็นคนอื่นเดินตรงๆมันก็เลยเง็งๆ ภาพที่มันเห็นคือคนอื่นเคลื่อนที่ไปข้างๆ แต่พวกมันเคลื่อนที่ไปตรงๆ เลยสรุปเอาดื้อๆว่าพวกมันซึ่งมีเพียงไม่กี่ตัวเดินตรง แต่สัตว์อื่นทั้งโลกเดินแถ

พูดให้ตายมันก็ไม่ฟัง ดันทุรังว่าพวกมันถูก ขนาดว่าแถไปชนชาวบ้านเขา ก็ยังกล่าวหาว่าเขาแถมาชนมัน เลยมีเรื่องมีราวกับเขาอยู่เป็นประจำ กลายเป็นสัตว์ก้าวร้าว ไม่ค่อยใช้สมอง เพราะว่าแม้จะตัวใหญ่แต่ขนาดสมองเท่าหัวแม่มือ เลยคิดอะไรไม่ค่อยจะทันเขา

เมื่อเนื้อสมองมีน้อย ถ้าจะใช้เหตุผลมาสู้เขาก็มีหวังแพ้ยันเต เลยชอบใช้กำลังเข้าหักหาญ แต่เวรกรรมเจ้าสมองซีกเดียว ก็ดันมาสร้างปัญหาเวลาต่อสู้ จะสู้กับใครซึ่งๆหน้าก็ไม่ได้ เลยต้องเอาสีข้างเข้าถู ถูไปถูมาจนสีข้างถลอกปอกเปิก หนังหนาสีข้างด้านไปเป็นแถบๆ

ลักษณะแปลกประหลาดอีกอย่าง ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ห้ามลอกเลียนแบบ คือถ้าเกิดตัวผู้มีอารมณ์โรแมนติก อยากจะผสมพันธุ์ จนตัวสั่นหัวคลอน มันจะกู่ก้องร้องหาตัวเมียด้วยเสียงร้องประหลาดว่า คูนาทาม ๆ ๆ ถ้าตัวเมียก็อยากพอกัน มันจะขานรับว่า จารีทามๆๆ ส่งซิกแค่นี้ก็เป็นอันว่ารู้เรื่อง

จึงไม่แปลกที่พอถึงฤดูผสมพันธุ์ ตัวผู้กับตัวเมียจะกู่ร้องคูนาทาม จารีธรรม ประสานเสียงกันเซ็งแซ่ แล้วค่อยๆจูงมือกันหายเข้าไปในถ้ำม่านรูดเป็นคู่ๆ เบาสบายไปทั้งตัวผู้ตัวเมีย แต่หลังๆชักจะมั่วๆ เพศเดียวกัน ยังมาผสมพันธุ์กัน ทั้งตัวเมียตัวผู้จึงร้องได้ทั้ง คูนาทาม จารีทาม

และก็เจ้าเสียงร้องประหลาดนี่เอง ที่เป็นกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จ พอผู้เชี่ยวชาญฝรั่งได้ยินเสียงผู้ป่วยพล่าม คุณธรรม จริยธรรม วันละ 3 เวลาหลังอาหาร เลยถึงบางอ้อ ขูดลิ้นไปตรวจดีเอ็นเอก็โป๊ะเช๊ะใช่เลย พิมพ์เดียวกับไดโนเสาร์พันธุ์แถเด๊ะๆ ยังกับสืบสายเลือดกันมา

รู้ทั้งรู้แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไง องค์การอนามัยโลกก็ยังปวดเฮ่ด ไม่มีทางรักษา ได้แต่ทำพิธีสาปแช่งให้พวกมันรีบๆตายๆกันไปซะ เพราะส่วนใหญ่ก็แก่งั่ก แต่ยังตายยากตายเย็น ระหว่างนี้ก็ได้แต่ควบคุมการระบาดของโรค ไม่ให้ลุกลามไปติดชาวโลก เดี๋ยวจะพากันซวยไปทั้งแกแล็กซี่

ควันหลงจากวงประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ ผู้เขี่ยวชาญฝ่ายไทยยังไม่ปักใจว่าจะเป็นโรคไดโนเสาร์ซินโดรม แต่เสนอว่ามันน่าจะเป็นกาขาวซินโดรมซะละมากกว่า เถียงกันไปเถียงกันมา เหตุผลทางวิชาการชักจะเอาไม่อยู่ จากถกเถียงเลยกลายเป็นถกแถ ฝรั่งชักจะเริ่มยัวะเลยขึ้นเสียงแหว

"กาขาวบ้านแกสิ ไม่มีปีก" อ้าว..พูดยังงี้ก็สวย เรื่องอย่างนี้มีหรือพี่ไทยจะยอมใครง่ายๆ เลยตอกกลับไปว่า

"แล้วไดโนเสาร์บ้านแกเหรอ ไม่มีหาง" แต่เที่ยวนี้ท่าจะกินกันไม่ลง ฝรั่งก็พอเป็นงาน เลยสวนกลับมาอีกว่า

"วิวัฒนาการทำให้หางมันหดหายไปเว้ย แบบลูกอ๊อดไง"

ผู้ร่วมสัมมนาฟังผู้เชี่ยวชาญแถกันแล้วก็ได้แต่ส่ายหัว นึกในใจว่าเอาซะแล้ว เห็นทีว่าพวกท่านจะติดโรคไดโนเสาร์เข้าไปเต็มตัว ดูดู๋ฤทธิ์เดชของมัน

พอติดเชื้อเข้าไป แม้แต่ฝรั่งยังแถเป็น

วโรทาห์: 12 มี.ค.51

Monday, March 10, 2008

เสียงครวญจากแป๊ะ...

เข้าเป้า ต้องบอกว่าเข้าเป้า อุตส่าห์เอาธรรมะนำหน้า ต่อสู้เพื่อบ้านเพื่อเมือง เก็บหอมออมริบมาหลายปี เบาะๆก็ได้มาแล้ว 3 คดี ยืนพื้นไว้ก่อน 6 ปี ตุนไว้ในกระเป๋าเรียบร้อย นี่ยังไม่นับที่จ่อรอคิวอยู่อีกเป็นกะตั้ก ถ้าไม่คิดอะไรมาก ลุ้นให้ได้อีกซัก 2 คดี ขอแค่สี่ซ้าห้าปี แป๊ะก็สบายแฮ

ว่างเมื่อไหร่เดินตัวปลิวเข้าคุก ไปนั่งกินนอนกิน ตีซะีว่าขี้หมูขี้หมาต้องมี 10 ปีขึ้น โผล่หัวกลับออกมาอีกทีก็แก่งั่ก ยิ่งกว่าลุงหมักตอนนี้ซะอีก ถึงตอนนั้นไม่ต้องไปพูดกันแล้วเรื่องกู้ช่งกู้ชาติ งกๆเงิ่นๆคอยลุ้นไม่ให้ลื่นหกล้ม หัวฟาดคอห่านตายคาส้วม เอาแค่นี้ก็ขี้คร้านจะมีเรื่องให้ได้ลุ้นได้เสียวกันทุกวี่ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์

ภาระเพื่อบ้านเพื่อเมือง ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จำได้ไม๊พี่น้อง แป๊ะเคยหลุดปากไปว่า ตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง ก็เป็นที่น่ายินดีที่สุดในโลกว่า จะได้สมพรปากกันในไม่ช้านี้ เสียแต่ว่าก่อนตายมันมีดิ้น นอนพะงาบๆ จะตายมิตายแหล่ อยากจะเจ๊งแทบตายมันก็ไม่ยอมเจ๊ง ทรมานทรกรรม เหมือนหมาแมวถูกรถทับ ดิ้นกระแด่วๆอยู่กลางถนน

พักนี้ไม่รู้เป็นไง ปากน่ะมันยังกล้าอยู่ แต่ขามันสั่นๆ ใจมันหวิวๆชอบกล นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ตื่นมากลางดึกเหงื่อกาฬแตกพลั่กๆ เปียกไปทั้งตัวยังกับลูกหมาตกน้ำ เป็นอย่างนี้ทุกคืนไม่ได้เว้นวาง เพิ่งรู้ซึ้งนี่แหละว่าหมูที่ถูกส่งโรงเชือดน่ะ มันรู้สึกยังไง

นึกถึงสมัยก่อนตอนที่เป็นออร์กาไนเซอร์ จัดม็อบหลอกคนมาไล่ทั๊กกี้ ชัวร์ออกอย่างนั้น ใครจะไปรู้ว่ามันจะเป็นอย่างนี้ กะว่าขู่ซะทีสองที ก็ขี้คร้านจะรี่มาเจรจาต้าอ้วย หน็อย..ไม่นึกว่ามันจะไม่สน ปล่อยให้ตากแดดตากฝนแทบตาย ตกกะไดพลอยโจนแทบจะรากเลือด

ทีแรกแป๊ะก็กะว่าจะกู้ชาติเอามาใช้หนี้ กู้ไปกู้มาเล่้นเอาหนี้ท่วม ก็ม็อบพวกนี้มันมาให้ฟรีๆซะเมื่อไหร่ล่ะ ไหนจะค่ารถเทียวไล้เทียวขื่อ รับส่งกันถึงที่ ไหนจะน้ำท่าอาหารกล่อง ยังต้องรองกล่องโฟมด้วยแบงค์500อีกหนึ่งใบ ไม่งั้นมันฝืดคอ เจี๊ยะโบ่ยเลาะ แปลว่ากระเดือกไม่ลง พาลให้คิดถึงบ้านไม่อยากจะม็อบต่อ

ดีว่าแป๊ะไหวพริบเยี่ยม เลยพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ขายเสื้อสู้ๆกะผ้าโพกหัวกู้ชาติ ผสมกับที่หลอกต้มคนมาซื้อหุ้นทีวี แล้วตลบหลังซ้ำอีกกระทอก หลอกให้กลับมาซื้อสมาชิก ไปกลับฟาด 2 เด้ง ล่อซะพุงปลิ้น ขนาดนั้น ยังร่อแร่ๆรายได้ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย

ยังดีว่าได้เด็กอนุบาล หลงมาให้หลอกต่อ ล่อซะ 400 ล้าน เลยพอตู๊กันไปได้ หักกลบลบหนี้ คิดสะระตะ หลงจ้งเก๋าเจ้ง ยังขาดทุนกำไรอีกนิดหน่อย พอดีปฏิวัติได้ก็โล่งอก นึกว่าจะพ้นเคราะห์พ้นโศกกันซะที ปิดบัญชีล่อกำไรสบายบรื๋อ ที่ไหนได้ มันกินกันเช็ด ไม่แบ่งแป๊ะซักแดงเดียว

เจ้าเปยกะเจ้าบังนี่มันก็ยอดแสบ ล่อกันพุงกาง พอถึงเวลาเช็คบิล มันดำน้ำหนีกันไปดื้อๆ ทิ้งแป๊ะซื่อบื้อ ให้นั่งล้างชามใช้หนี้อยู่คนเดียว กินก็กินเยอะกว่าเค้า ถึงเวลาจ่ายยังมาทำงี่เง่า คอยดูเถอะ เจอเมื่อไหร่ แป๊ะจะนาบก้านคอซะให้หายแค้น

ที่ออกมาขู่ว่าจะปลุกม็อบกันน่ะ แป๊ะก็พูดไปยังงั้นเองแหละ รู้ๆกันอยู่ ขืนปลุกไปตอนนี้ก็รังแต่เชิญผีให้มาหลอกซะเปล่าๆ แต่มาคิดอีกที จะไม่ทำก็ไม่ได้ ไฟมันไหม้ลามติดก้นเข้ามาทุกทีๆ ทั๊กกี้เข้ามาป้วนเปี้ยนอย่างนี้ ไว้ใจได้ซะที่ไหน

เหมือนปล่อยเสือเข้าป่า ฝูงค่างอย่างแป๊ะก็หนาวขี้ จะโดนงาบวันไหนยังไม่รู้อนาคต จะนั่งนอนยืนเดินก็เสียวสันหลังวาบๆ ถ้าไม่ปลุกม็อบมาป้องกันตัว ก็ไม่รู้จะอยู่กันยังไง ทำเค้าไว้มาก ถึงเวลาเอาคืนมันก็ต้องสยองเป็นธรรมดา แต่ยังไม่รู้ว่าเป่านกหวีดเที่ยวนี้ จะมียามย้ายก้นมากันซักกี่คน

ไม่ต้องดูอื่นไกล สมัยที่นปก.จัดม็อบเย้วๆกันอยู่ที่สนามหลวง คนไม่รู้มาจากไหน มืดฟ้ามัวดินเต็มพรึ่ดไปหมด แป๊ะก็กลัวว่าจะเสียเค เลยมาระดมพลที่ลานพระรูป กะว่าจะโชว์พาวล้างตากันซักหน่อย หน็อย..ที่ตั้งกว้้าง มันมากันกะหร็อมกะแหร็ม มองไปแล้วโล่งเตียนยังกะหัวเจ้าคุณปัจจนึกพินาศ

เอ้า..ไม่ว่ากัน แป๊ะก็แก้เกมส์ เอาใหม่ ย้ายมาจัดสวนลุมฯ เอาที่แคบๆหน่อยจะได้ดูว่าคนแน่นๆ แถมยังมั่วนิ่มนับเอาคนที่มาวิ่งออกกำลังกายรวมเข้าไปได้อีกต่างหาก ถึงเวลาจริงๆ โอย..จะบ้าตาย ทอดผ้าป่า คนยังจะมาเยอะซะกว่าอีก ขนาดว่าไอซีทีหัวเหม่งขนคนใส่รถบัสมาเกือบสิบคัน มันมาคันละ 3 คนรวมคนขับกับเด็กติดรถ

แล้วพูดก็พูดนะ เรื่องปลุกม็อบนี่มันไม่ใช่ปลุกเซ็กซ์ซะเมื่อไหร่ แค่นึกว่าจะต้องไปนอนข้างถนนอีก ก็เซ็งเป็ดแล้ว เคยแต่กินอิ่มนอนอุ่น เคียงข้างสาวๆ ขาวๆเอ๊าะๆ กลับต้องมานอนกลางดินกินกลางคอนกรีต เคียงข้างคนอาบน้ำ 5 ขัน นึกเอาแล้วกันว่ามันจะเซ็งขนาดไหน

แล้วไหนยังจะต้องคิดพล็อตเรื่องใหม่ๆมาด่าให้ได้ทุกวัน จะไปคิดยังไงไหว แล้วนี่มันด่าลุงหมักนะไม่ใช่ทั๊กกี้ ร้อยวันพันปี แกเคยให้ด่าฟรีซะเมื่อไหร่ ด่าไปแต่ละทีอย่าหวังว่าจะไม่มีด่าสวน สวนแต่ละดอกแทบจะรากเลือด คนถูกด่าไม่เป็นบ้าก็เสียคน เรื่องจะให้ด่าข้างเดียวแบบทั๊กกี้นี่ ฝันไปเหอะ

อีกอย่างแค่คดีความทุกวันนี้ แป๊ะก็รับเละอยู่แล้ว ถ้าขืนไปด่ามั่วเหมือนเมื่อก่อน เขาเรียกว่าทำผิดซ้ำซ้อน ไม่รู้จักเข็ดหลาบ เจอฟ้องวันละคดีก็เน่าแล้ว ตีซะว่าคดีละ 2-3 ปี แป๊ะก็แก่ตายคาคุกกันพอดี ถ้ายังไงเหลือไว้ให้ได้สูดอากาศบริสุทธิ์นอกคุก อีกซักเฮือกก่อนตายก็ยังดี

วันก่อนลองเซิร์ฟๆโยนหินถามทางไปหน่อย แค่นั้นละได้เรื่อง ได้ก้อนอิฐตอบรับกลับมาเป็นชุด หลบแทบไม่ทัน เสียงตอบรับก็อื้ออึง ด่ากันเช็ดจนชักจะขยาด ทำไปทำมาเห็นทีท่าว่าจะจนมุม หลบซ้ายก็เจอหมา หลบขวาก็เจอเจ้าหนี้ ไม่ตายวันนี้แล้วจะไปตายวันไหน อนิจจาวาสนาแป๊ะ งานนี้คงเน่าแน่ ทะล่อทะแล่ไปๆมาๆ..

ยามเฝ้าแผ่นดิน เห็นท่าจะกลายเป็นยามเฝ้าคุก...

วโรทาห์ 9 มี.ค. 51

Wednesday, March 5, 2008

รากหญ้าเล่นเว็บบอร์ด...คนมีการศึกษาเล่นSMS

ไม่ได้จะมาว่ากล่าว หรือว่าเสียดสีให้ชีช้ำระกำทรวง เพียงแต่ว่ามันน่าสงสัย ก็เลยติดใจต้องมาแอบเมาท์ เห็นใครเขาว่าคนที่เลือกปชป.เป็นคนมีการศึกษาดี ส่วนชาวรากหญ้าการศึกษาริบหรี่ถึงได้ไปเลือกพปช. ฟังแล้วมันให้จั๊กกะจี้จั๊กกะเดียม คนที่พูดมันไม่เหนียมกันเลยหรือไง

ก็ที่เห็นกันทนโท่ ไม่ได้โม้ไม่ได้คุย เว็บบอร์ดการเมืองทั้งหลายนั่นไง เว้นให้มาแนเจ้อร์เว็บเดียว ที่เมาปชป.จนหัวทิ่มบ่อ นอกนั้นร้อยทั้งร้อย เชียร์พปช.กันสุดลิ่มทิ่มประตู มันเป็นจั่งซี่ จะให้หมายความว่าจังได๋

จะตอบให้ก็ได้ ว่าที่เห็นเชียร์พปช.อยู่ในเว็บบอร์ดกันลึ่มๆนี่ มันก็รากหญ้าท้างน้าน ใช่ว่าคนมีการศึกษาซะเมื่อไหร่ บ้านเราเมืองเรามันพัฒนาไปไกล รากหญ้าเล่นคอมฯกันตรึม นึกไปนึกมา บ๊ะ มันครึ้มไม่เบา

หันไปทางพลพรรคปชป.กันบ้าง เสียงลือเสียงเล่าอ้าง ว่าการศึกษาสูงปรี๊ด ปริญญาตรีนี่ขั้นต่ำ ไล่ไปถึงปริญญาโท ปริญญาเอกยังแทบจะเดินชนกันตาย ครูบาอาจารย์ วิศวกร นายแพทย์ จานเล็กจานใหญ่ ยันศาสตราจารย์ เชียร์ปชป.กันเย้วๆ

แต่วันดีคืนดี เคยเห็นท่านผู้มีการศึกษา ทะเล่อทะล่าผ่าเข้าไปในโลกไซเบอร์ ไปยืนเซ่อเหมือน กวางหลงฝูง.. กวาง.. นะ ต้องอ่านว่ากวาง อย่ามาง้างให้เป็นอย่างอื่น เห็นแล้วก็ให้เวทนา มาโพสต์ข้อความกู่ร้องเรียกหาพรรคพวก ยังกะหาแอ่งน้ำในทะเลทราย

“ยู้ฮูวว์ มีใครรู้บ้าง เว็บบอร์ดที่เชียร์ปชป.อยู่ที่ไหน ทำไมผมหาไม่เจอ” โพสต์ไปแทบตายไม่มีใครมาตอบ เห็นแต่เลียบๆเคียงๆเข้ามา ทำท่าเหนียมๆแล้วโพสต์ไปว่า“ผมก็หาอยู่เหมือนกัน ถ้าเจอแล้วบอกด้วย” โอ้..วังเวงหนอ วังเวง

แปลกแต่จริง ไม่ได้อิงนิยาย ผู้มีการศึกษาที่ว่ามานั้นไซร้ ไม่มีใครเล่นคอมฯ วันๆนั่งจ่อมอยู่หน้าจอทีวี ตั้งใจเอาดีทางส่ง SMS ชัยโรงเกลือว่ามา ป้าอ้วนโรงงานก็ว่าไป เล่นกันได้เล่นกันดี เล่นกันทุกวี่ทุกวัน ขยันเชียร์แต่ปชป. ดูข่าวช่องไหนก็ไม่วายต้องเห็น ตัววิ่งปรู๊ดปร๊าดอยู่ใต้จอ จ้อแต่เชียร์อภิสิทธิ์

นึกแล้วก็ให้น้อยใจในวาสนา เรามันรากหญ้าได้แต่นั่งหน้าคอมฯ อยากส่ง SMS ใจจะขาดแต่ก็จนใจ เท็คโนโลยี่สุดล้ำนำสมัย ใครจะไปตามทัน เลยต้องหันมาเล่นอินเตอร์เน็ต ถึงมันจะโลว์เท็คไปนิด แต่ก็ยังพอใช้ได้ ถึงจะไม่ทันใจ แต่ก็ยังพอทน

คนจนอย่างเราใครเขาจะมาสนใจ อยากเผยอหน้าไปเลือกปชป.บ้าง มันก็สูงสุดเอื้อม พรรคเขามันศักดินา พวกรากหญ้าอย่ามาสะเออะ เชอะ..เจ้าพวกโลว์โซ จนก็จนโง่ก็โง่ ยังมาโชว์พาว ใครเขาเอาเงินมาฟาดหัว ก็ขายทั้งตัวขายทั้งใจ ยอมตนไปรับใช้พวกนายทุน จะไปไหนก็ไป อย่ามาให้เห็นหน้า ผู้ดีอย่างข้า มันเหม็นสาบคนจน

ศักดินาหนอศักดินา จะไม่ง้อพวกข้าก็ให้มันรู้ไป ถึงบุญหนักศักดิ์ใหญ่ จะหนียังไงก็ไม่พ้นรากหญ้า จะขึ้นช้างลงม้าก็ยังเจอรากหญ้าอยู่ร่ำไป ทั้งรถเมล์แท็กซี่คนขี่มอร์ไซค์ เด็กเสิร์ฟคนใช้ มันก็พวกข้า จะดุจะด่าก็ขอให้เกรงใจ ไม่งั้นมีภัยอย่ามาโทษข้า

ถ้าอดไม่ได้ อยากจะด่าก็ให้ดูหน้าดูหลัง ไม่งั้นหน้าจะพังอย่างอาอี๊วรรณกับอาซ้อสด วันหยุดทั้งทีเลยจรลีเข้าสปา ให้คุณหมอนวด นวดหน้าให้มันหายยับ สองซ้อคู่ซี้แฟนพันธุ์แท้ปชป. เจอกันทีไรเป็นได้มันหยด ขึ้นเตียงนวดได้ก็เริ่มเม้าท์เริ่มจ้อ จ้อได้จ้อดียังกะผีเจาะปาก จ้อกันมากๆระวังปากจะขึ้นฝี

เรื่องที่เป็นสิริมงคลอย่าได้หวังว่าจะหลุดออกจากปาก อะไรจะมันเท่าด่าพปช.ล่อไปยันรากหญ้า ด่าไปนวดไปโอ๊ยสบายตัว ด่าเช็ดด่ามั่วมันสบายใจ กว่าจะรู้ตัวว่าหมอนวดนั้นหนาคือรากหญ้าตัวจริง มันก็สายไป โดนไปชุดใหญ่ เผ่นแน่บออกจากห้องแทบไม่ทัน

สองซ้อจอมด่าโกยกันหน้าตั้ง กว่าจะพ้นรัศมีทำการได้ก็ตับแลบ ยืนหอบแฮ่กๆจนตัวโยน หอบไปบ่นไปอยู่กันสองคน คุณน้องคะคุณน้องขา แหมใครจะไปรู้ได้ เห็นหน้ายิ้มๆ เห็นเว้าซื่อๆ นึกว่าไม่มีหัวใจ เห็นนวดได้นวดดีแหมมันยิ่งถูกใจ..

นวดหน้านวดไหล่ไล่ไปยันฝ่าเท้า กำลังเม้าท์มันๆ ไหง..

มันเอาฝ่าเท้าขึ้นมานวดหน้า ???

วโรทาห์: 5 มี.ค. 51

Monday, March 3, 2008

มหาบุรุษคืนถิ่น...

พลันที่นกยักษ์ร่อนลงสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ บุรุษผู้นิราศร้างรอนแรมยังแดนไกล ย่างเท้าลงเหยียบบนพื้นธรณีแห่งสยามประเทศ นั่นคือสัญญาณว่า การเดินทางอันยาวไกลได้สิ้นสุดลงแล้ว ปวงชนณ.ที่นั้นต่างเปล่งเสียงแซ่ซ้องต้อนรับ มหาบุรุษคืนถิ่น

ท่ามกลางสายตานับล้านล้านคู่ ที่เฝ้าจับจ้องมองดูอย่างชื่นชม บุรุษผู้มาดมั่นทระนง ทรุดร่างลงบนพื้นพสุธา ซบหน้าลงสู่ดิน มือทั้งสองสนิทแนบกับพื้นปฐพี ซึมซับไออุ่นแห่งพระแม่ธรณีที่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์

ไฉนเลย สาธุชนผู้มีดวงจิตอันประเสริฐ ยังอาจฝืนทนสะกดกลั้นความรู้สึก มิให้อัสสุชลท้นเอ่อสู่ขอบตา จนไหลบ่าลงอาบแก้ม.. ภาพอันน่าประทับใจนี้ จักเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจผู้คน ไปตราบชั่วกาลนาน

เจ้าผู้เป็นมหาบุรุษในดวงใจของปวงชนเอย วันนี้มิใช่หรือ คือวันที่ปวงชนเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน แม้นับไปแล้ว กาลเวลาผันผ่านเพียงชั่วสิบเจ็ดเดือนเพ็ญ แต่ความเจ็บปวดรวดร้าว กลับทำให้รู้สึกดั่งว่ามันยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์

ภูผาอันหนักอึ้งที่กดทับอยู่บนอกมาแรมปี ถูกเคลื่อนย้ายออกไปโดยพลัน ในที่สุด ปวงชนก็ได้สูดหายใจอย่างโล่งอก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา บ่งบอกถึงความปีติที่มิอาจเปรียบเปรย ความรู้สึกผิดต่อเจ้าได้มลายไปจนสิ้น

ครอบครัวอันแสนอบอุ่นที่กระจัดพลัดพรายไป ก็ได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้า นับแต่นี้ไป ภายใต้อ้อมกอดแห่งปวงชน คงมิมีสิ่งใดบังอาจมาพรากพวกเจ้าออกจากกันแล้ว นอกจากความตาย

กาลเวลาผันแปร สรรพสิ่งย่อมเปลี่ยนผัน เจ้าจงอย่าได้คิดน้อยใจไปเลย แม้ว่าวันนั้น เจ้าได้จากบ้านจากเมืองไป ด้วยภารกิจผู้นำของชาติ ใครเลยคาดคิดว่า เมื่อเจ้ากลับมา เหตุการณ์กลับพลิกผัน จากจอมคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นผู้ต้องหา

แม้กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม วันที่เจ้าจากไป เจ้านั้นเป็นเพียงนายกฯผู้เป็นที่รักใคร่ของปวงชน แต่มาวันนี้ ปวงชนมารอต้อนรับเจ้ากลับสู่มาตุภูมิ ในฐานะมหาบุรุษในดวงใจของพวกเขา ตำแหน่งนี้มิมีใครแต่งตั้ง แต่เกิดขึ้นเองในจิตใจของผู้คน แม้มีเงินตรามากมายเพียงใดยังมิอาจซื้อหา

วิกฤติย่อมนำพาโอกาสอันยิ่งใหญ่มาด้วยเสมอ แม้วิกฤติครั้งนี้จะรั้งเจ้ามิให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่อีกด้านหนึ่งยังคงยับยั้งเจ้าไว้ มิให้เดินต่อไปในทางที่ผิด หาไม่แล้ว เจ้าคงยังชุบเลี้ยงอสรพิษไว้ข้างกาย รอวันเติบใหญ่มาผลาญพร่า คร่าชีวิตของตนเอง

หากมิใช่มีวิกฤติแล้ว ไหนเลยเจ้ายังอาจรู้ได้ว่า ผู้ใดคือศัตรูในร่างมิตร ที่คอยคิดทำลายล้างเมื่อสบโอกาส ยิ่งมิอาจรู้ได้ว่า ใครคือมิตรแท้ในยามยาก ผู้ยอมอุทิศชีวิตเพื่อสหาย มิเคยครั่นคร้่ามต่อภยันตราย มีสุขร่วมเสพย์ มีทุกข์ร่วมต้าน

มหาบุรุษเอย เพื่อความสุขของปวงชน เจ้าได้เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว หากแม้นเวลานี้เจ้าต้องการพักผ่อน ย่อมนับว่าเป็นเรื่องที่สมควร นับแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าจงอุทิศเวลาให้แก่ครอบครัวของเจ้า ชดเชยในสิ่งที่พวกเขาต้องขาดหายไป ตอบแทนที่พวกเขาต้องลำบากเพื่อเจ้ามามากแล้ว

เจ้าจงอย่าได้คิดห่วงถึงปวงชนอีกเลย เพราะการช่วยเหลือของเจ้า บัดนี้ปวงชนได้ตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเขาสามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตนเอง เพื่อเดินไปข้างหน้าอย่างทระนงองอาจ แม้จะรักอาลัยต่อเจ้าเพียงใด พวกเขาคงมิอาจเรียกร้องจากเจ้าให้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

ปวงชนมิอาจเหนื่อยล้า หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เมื่อลุกขึ้นมาแล้ว พวกเขาคงต้องก้าวเดินต่อไปมิอาจหยุดยั้ง เสรีภาพเบื้องหน้าคือสิ่งที่ต้องไขว่คว้ามาให้จงได้ แม้อาจไม่ทันให้พวกเขาได้ใช้ แต่ผลที่ได้คงตกทอดแก่ลูกหลาน

มหาบุรุษเอย ไม่ว่าวันข้างหน้า เราจะได้กลับมาต่อสู้เคียงข้างกันอีกหรือไม่ก็ตาม แต่จงระลึกไว้เสมอว่า เจ้าได้กลายเป็นตำนานการต่อสู้ของเราไปแล้ว นามของเจ้าจักประทับอยู่ในความทรงจำของปวงชน ตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน นามที่จะถูกจารึกไว้จนชั่วนิรันดร์...

มหาบุรุษทักษิณ...

วโรทาห์: 28 ก.พ. 51