Friday, February 29, 2008

ปฏิบัติการผ่านรก..เด็ดหัวแม้ว

คืนวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ณ.เกสต์เฮ้าส์ลี้ลับริมฝั่งเจ้าพระยา แถวท่าพระอาทิตย์ อาแป๊ะร่างอ้วนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เอนหลังพิงพนักเก้าอี้วางตัวตามสบาย.. ด้วยรูปทรงศีรษะที่อวบกลม และทรงผมที่สั้นเกรียน ทำให้เหมือนเอาหัวหมูไปตั้งอยู่บนบ่า.. ห่างออกไปทางซ้ายมือ เป็นบุรุษร่างอ้วนดำยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำงานทำการอะไร

"โทนี่" อาแป๊ะเอ่ยเรียกชื่อชายที่ยืนตัวตรงอยู่เบื้องหน้า ด้วยโทนเสียงทุ้มนุ่มลึก ตามแบบฉบับเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้

"ครับผม" บุรุษผู้นั้นขานรับด้วยท่าทีกระตือรือล้น ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นเอกลักษณ์ฟันหลอชัดเจน เขาคือเจ้าของฉายาเพชฌฆาตหน้าหยก ลุงฟันหลอ ผู้ที่ชมชอบให้เรียกตนเองว่า โทนี่หลอ แต่คนทั่วไปที่พบเห็น มักนึกว่าเป็นคนต่างด้าวหนีเข้าเมือง มาหาบเต้าฮวยขายแถวเยาวราช

"ฟังให้ดี" อาแป๊ะหัวหมูเริ่มบทหว่านล้อม "พรุ่งนี้เราจะเก็บอ้ายแม้ว ทันทีที่มันเหยียบสุวรรณภูมิ นับว่าเป็นโอกาสสำคัญที่สุดในชีวิตของนาย ที่จะได้ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ อย่างหาที่สุดไม่ได้ แถมยังจะไ้ด้เงินอีกก้อนโต ใช้ไปทั้งชาติก็ไม่หมด" ประโยคหลังเล่นเอาลุงโทนี่ถึงกับหูผึ่ง

"ได้เลยครับเจ้านาย คนอย่างโทนี่.. พร้อมที่จะพลีชีพเพื่อชาติเสมอ กู้ชาติยังทำมาแล้ว" ว่าไปนั่น.. ชายแก่ออกอาการฮึกเหิมสุดๆ จนอดไม่ได้ที่จะปากพล่อยตามนิสัยอันถาวร "สั่งมาได้เลยเจ้านาย... จะให้ผมทำอะไรครับ?"

"ระดับนาย มันต้องระเบิดพลีชีพ" คำพูดสั้นๆ ห้วนๆ แต่เล่นเอาลุงฟันหลอถึงกับหัวหมุนติ้ว

"เอ่อ..ผมลืมบอกไปว่า..ว่า พอดีพรุ่งนี้ไม่ว่าง ต้องพากิ๊กไปฝากท้องครับ เจ้านาย" ลุงแกพยายามนึกอะไรได้ก็พูดออกไป ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอด

"อ้ะ! ไม่เป็นไร ผมล้อเล่น" อาแป๊ะจอมกะล่อนเปลี่ยนเรื่องทันที "ความจริงเราจะใช้สไนเปอร์ 3 กระบอกซุ่มยิง นายแค่ไปเป็นคนชี้เป้าก็พอ"

"ครับ ผมก็ล้อเล่น" ลุงฟันหลอก็ทันเกมส์ "ความจริงพรุ่งนี้ผมว่าง พร้อมปฏิบัติหน้าที่ครับ!"

----------------------------------------------------------

เช้าตรู่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ณ.สนามบินแห่งชาติสุวรรณภูมิ รถตู้สีดำมะเมื่อมจอดซุ่มอยู่ในที่ลับตา แต่เป็นจุดที่สามารถมองเห็นอาคารที่พักผู้โดยสารได้อย่างชัดเจน มองไปไกลลิบๆ เห็นชาวบ้านที่มาคอยต้อนรับอดีตนายกฯ จับกลุ่มกันอยู่เป็นหย่อมๆ กระจายไปทั่ว

เจ้าอ้วนดำนั่งส่องกล้องสังเกตุการณ์อยู่ในที่นั่งคนขับ ส่วนอาแป๊ะยืนอยู่ข้างรถ เขาสวมชุดแจ็คเก็ตหนังสีดำที่คิดว่าดูเท่ห์ที่สุด แถมยังคาดแว่นตาเก๋ไก๋สีดำมืด ถ้าคว่ำหน้าคุดคู้ลงกับพื้น ใครๆก็ต้องเข้าใจว่าเป็นหมูหันที่แก่ไฟจนไหม้เกรียม

ห่างออกไป 3 ก้าวเบื้องหน้าของเขา ลุงฟันหลอยืนยิ้มเผล่อยู่อย่างอารมณ์ดี วันนี้ก็เหมือนทุกครั้งที่ออกปฏิบัติการที่ต้องเต็มยศ เสื้อยืดกางเกงยาว พร้อมกับริสต์แบนด์สีเหลือง ห้อยคอด้วยเหรียญจตุคามฯขนาดเท่ากระด้ง และที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาดคือผ้าโพกหัว ผิดกันแต่ว่า ครั้งนี้ข้อความเปลี่ยนไปเป็น "ทักษิณ..สู้..สู้"

"เอ้า.. นายถือธงนี่ แล้วมั่วเข้าไปในกลุ่มพวกมันที่มารอรับอ้ายแม้ว" อาแป๊ะยื่นธงด้ามยาวที่มีข้อความ "คิดถึง ทักษิณ" ให้ลุงฟันหลอรับไป "อย่าลืม.. ลุยเข้าไปให้ถึงตัวอ้ายแม้ว แล้วชูธงขึ้น ที่เหลือนอกนั้นเป็นหน้าที่ของสไนเปอร์"

"ได้ครับ เจ้านาย" ลุงฟันหลอรับธงได้ก็ตั้งท่าจะออกวิ่งไปหากลุ่มคนข้างหน้า

"เดี๋ยวก่อน" อาแป๊ะออกปากยั้งไว้ แล้วยื่นเข็มขัดผ้าเส้นใหญ่ให้ เป็นเข็มขัดกระเป๋าคาดพุง แบบที่แม่ค้าตามตลาดนัดชอบใช้

"ใส่อะไรไว้ครับเจ้านาย หนักอึ้งเลย" โทนี่หลอถาม หลังจากที่รับเข็มขัดมาถือไว้

"เงิน.. เงินเป็นฟ่อน มันเป็นเงินค่าจ้างของนาย นายเอาคาดติดพุงไว้ ทำงานเสร็จแล้ว นายรีบหนีไปเลย อย่ากลับมาอีก เงินนี้เพียงพอที่จะใช้เลี้ยงนายไปได้ตลอดชาติ แถมด้วยกิ๊กอีก 3 คน"

คำพูดของอาแป๊ะ ทำเอาลุงถึงกับตาเคลิ้มลอย เอากระเป๋าคาดเอวโดยไม่รอช้า แบงค์พันที่หนักขนาดนั้น ตีเป็นตัวเงินแล้ว หัวสมองของโทนี่ก็โอเวอร์โฟลว์ คิดไม่ออกว่ามันเท่าไหร่

"อีกอย่าง.." อาแป๊ะสำทับอีก "อย่าลืมว่า เข็มขัดนี้ใช้เป็นสัญญลักษณ์ให้พวกเราสังเกตุได้ด้วย เพราะฉะนั้นระหว่างทำงานห้ามถอดออกโดยเด็ดขาด และห้ามเปิดออกดูจนกว่างานจะเสร็จตามเป้าหมาย เข้าใจไม๊"

"เข้าใจครับเจ้านาย" ลุงฟันหลอตอบอย่างลิงโลด พร้อมใช้มือตบกระเป๋าที่เอวเบาๆอย่าทะนุถนอม

"งั้นไปได้ อย่าลืมว่า งานนี้ต้องเนี้ยบ ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด" พูดพร้อมกับตบไหล่ลุงแก่ เหมือนที่เคยตบไหล่หัวหน้าพรรคการเ้มืองที่มาสวามิภักดิ์

"เอ้อ.. เดี๋ยวก่อนครับเจ้านาย" จู่ๆลุงฟันหลอก็ออกอาการลังเล หน้าซีด เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ทำเอาอาแป๊ะใจแป้ว

"อะไรอีกล่ะ กลัวหรือไง... จะมาเปลี่ยนใจตอนนี้ไม่ได้นะโว้ย"

"เปล่าครับ ผมปวดท้องขี้ เจ้านายอนุญาตให้ผมไปขี้ก่อนได้ไม๊ครับ" คำตอบของลุง ทำให้อาแป๊ะถึงกับเป่าปากออกมาอย่างโล่งอก

"คนจะขี้ หมาจะเยี่ยว ใครจะไปห้ามได้ เออ.. ยังมีเวลาถมเถ โน่นที่ไซท์คนงานโน่น รีบไปรีบมา" อาแป๊ะพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ด้านหลัง ห่างออกไปไม่ไกลมาก ซึ่งเป็นที่พักคนงานที่มาซ่อมรันเวย์

โทนี่หลอมองตามมืออาแป๊ะไป สายตาล็อคเป้าได้อย่างรวดเร็ว เท้าก็เริ่มทำงานทันที มือหนึ่งถือธง มือหนึ่งกุมดาก ขณะที่วิ่งทำลายสถิติโลก ตรงไปยังห้องเล็กๆเพิงหมาแหงน ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ท้าทายสายตากลางทุ่งโล่ง ใกล้กับที่พักคนงาน

หลังจากที่ลุงฟันหลอเผ่นแน่บไปแล้ว เจ้าอ้วนดำจึงค่อยย้ายก้นออกจากที่นั่งคนขับ เอารีโมทมายื่นให้เจ้านายหัวหมู

"เอ็งยัดดินปืนเข้าไปในกระเป๋านั่นเท่าไหร่วะ หนักชิบเป๋ง" อาแป๊ะกระซิบถาม เหมือนกลัวลุงฟันหลอได้ยิน

"ไม่ต้องถามว่าเท่าไหร่ บอกได้แค่ว่า..เพียบ เรียกว่าบึ้มปุ๊บ อ้ายแม้วก็ไปเกิดใหม่ปั๊บเลยแหละ จ้าวนาย คริ คริ" เจ้าอ้วนจอมโม้ คุยฟุ้ง

"จริงเหรอ.. เกิดใหม่ทันทีเลยเหรอ คริ คริ" อาแป๊ะพูดอย่างสะใจ แล้วหันมาลูบคลำรีโมทอย่างทะนุถนอม "แล้วรีโมทนี่ เอ็งแน่ใจนะว่าใช้การได้แน่ อย่าลืมนะโว้ย งานนี้ต้องเนี้ยบ ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด"

"อ๋าย.. มือชั้นไหนแล้ว ระดับอ้วนดำ มีหรือไม่ชัวร์" เจ้าอ้วนดำออกอาการหลงตัวเองสุดๆ กระชากรีโมทไปจากมือเจ้านายด้วยความลืมตัว "ไม่เชื่อจะลองให้ดู"

"ยะ.." อาแป๊ะออกปากจะห้าม แต่สายไปเสียแล้ว

"บึ้ม.." เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว จนรถสะเทือนไปทั้งคัน ห้องส้วมที่ไซท์คนงานแหลกเป็นจุณ ธง "คิดถึง ทักษิณ" กระเด็นมาร่วงลงตรงหน้าอาแป๊ะหัวหมู

"เย้.. เห็นไม๊ มันเวิร์ค..." เจ้าอ้วนดำแหกปากลั่นด้วยความสะใจ

อาแป๊ะยืนตัวแข็งทื่อ หัวหมุนติ้วๆ สายตาพร่าพราย เหมือนโดนรัตนพล ส.วรพินธุ์ เตะผ่าหมากแล้วชกเบ้าตาอีก 10 หมัด โลกหยุดหมุนไปพักใหญ่ กว่าจะฟื้นคืนสติได้

อาแป๊ะจ้องหน้าเจ้าอ้วนดำอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ พร้อมกับแหกปากจนสุดเสียง ดังกึกก้องและยาวนาน

"ไ.อ้.. บ้า.. เอ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"

วโรทาห์: 29 ก.พ. 51

Sunday, February 24, 2008

ปชป. ช่วยกลับมาลากใส้ 6 ตุลาต่อ..กำลังลุ้นมันๆเชียว

ว้า...วัยรุ่นเซ็ง เห็นข่าวเจ้าจ้อนจอมป้ายสีแห่งพรรคอมาตยาธิปัติย์ ประกาศยุติการลากใส้ 6 ตุลาอย่างเป็นทางการแล้ว บอกตรงๆว่า..เซ็งจริงๆ ก็แหม..กำลังเข้าไคลฯอยู่เชียว ดั๊นมาถอดใจซะดื้อๆ เสียแรงลุ้นอยู่ตั้งนาน ด้วยความสอดรู้สอดเห็น อยากรู้ว่าใครหนอ..มันสั่งฆ่าประชาชน

หะแรกก็ทำเป็นขึงขัง ทำท่าจะเป็นจะตาย เข้าปล้ำคลุกวงใน กะโน้มคอลุงหมักลงมาขอโทษให้ได้ เรื่องที่แกบอกว่าเห็นคนตายแค่คนเดียว ราวกับว่าถ้าแกเห็นคนตายหลายคนแล้ว ชาวบ้านจะอิ่มท้องอย่างนั้นแหละ

พูดถึงเรื่องขอโทษขอโพยทีไร อดไม่ได้ที่จะต้องนึกถึงบุรุษผู้เชื่องช้าแต่กัดเจ็บ ตอนนั้นดันมั่วนิ่มไปงุบงิบเซ็นต์แต่งตั้งถนอม พอชาวบ้านจับได้คาหนังคาเขาเลยเป็นเรื่อง ลุกขึ้นมาจี้ให้ขอโทษ ขนาดนั้นแกยังดื้อตาใส เอาหัวชนฝาว่าไม่ผิด ทำไมต้องขอโทษ พอถูกรุกหนักเข้าถึงยอมเอ่ยว่าเสียใจแต่ไม่ขอโทษ แต่ชาวบ้านก็ยังไม่ยอมอยู่ดี

ตอนนั้นยังอุตส่าห์มีอาจารย์แถวท่าพระจันทร์นี่แหละออกมาช่วยแถ บอกว่าเสียใจหรือขอโทษมันก็เหมือนกันแหละ เออ.. ก็ถ้ามันเหมือนกันก็ขอโทษเขาไปซะสิ จะมายักกะสายยืนกระต่ายขาเดียวว่าเสียใจอยู่ทำไม ให้มันขุ่นใจกันเปล่าๆ

ถ้าแน่จริงต้องอย่างลุงหมักของข้า ไม่เสียใจและไม่ขอโทษ ก็งานนี้แกไม่ผิดจริงๆ จะมาแถให้ยอมรับผิดไปได้ยังไง พอลุงแกไม่ยอมเข้าจริงๆ เลยต้องตกกะไดพลอยโจน จำใจหันไปขุดเรื่องอดีตอย่างแกนๆ ทั้งๆที่เสียวสันหลังแทบตาย สุดท้ายก็เกือบได้เรื่อง

โธ่เ๊อ๊ย...เห็นหางแพล็มๆออกมาแล้วเชียว กำลังลุ้นให้จับหางลากออกมา ให้เห็นกันโจ๋งครึ่มทั้งตัวเป็นๆ อยากรู้จริงๆว่าหน้าตาจะน่ารักน่าชังซักขนาดไหน ใจคอจะลากต่ออีกซักนี๊ดดด.. ก็ไม่ได้ เล่นปล่อยให้อารมณ์ค้างเฉย

ที่มันกลับตาลปัตรไปได้ถึงขนาดนี้ เห็นเค้าว่าประดาบแห่งไฮ-ทักษิณนั่นแหละทำเสียเรื่อง อยู่ดีไม่ว่าดีไม่มีใครไปเชิญซักหน่อย ดันมาช่วยขุดอย่างเอาเป็นเอาตาย ขุดไม่บันยะบันยัง ขุดจนไปจ๊ะเอ๋กับกระดูกบรรพบุรุษของแมลงสาบเข้า เลยวงแตก เสียงลูกอีช่างขุดร้องอิ๊บ..หาย แล้วทิ้งจอบทิ้งเสียมเผ่นหนีกันอุตลุต กระเจิดกระเจิงกันไปคนละทิศละทาง

อีกบางเสียงก็เสริมว่า เหตุผลอีกอย่างคือ บรรพบุรุษของพวกมันได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัส เพราะถูกชาวบ้านก่นด่าจนแทบเสียผี เลยมาเข้าฝันด่าลูกหลานซะเสียคน ก็ชาวบ้านเค้ากำลังเดือดร้อนไม่มีจะกิน มันยังดันมาขุดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ แทนที่จะมาสนใจปากท้องชาวบ้าน

พอจุดกระแสไม่ติด ลากน้าหมักไปลงนรกไม่ได้ แถมตัวเองจะลงนรกไปซะเอง เลยเบนเข็มมันดื้อๆ ตั้งท่าจะมาป่วนน้ามิ่งแทน เอาละวา.. ชักจะเป็นห่วงน้ามิ่งขึ้นมาตะหงิดๆแล้วซิเรา ยิ่งนิ่มๆติ๋มๆพูดจาไม่ค่อยเป็นเหมือนชาวบ้านเขาซะด้วย

เสียดายจริงๆ ที่ฝ่ายเราก็ซื่อบื้อ ดันออกมาผสมโรงช่วยพวกมัน อัดลุงหมักไปซะหลายดอก ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าพวกมันไม่ได้เจ็บร้อนแทนพวก 6 ตุลาซะหน่อย แค่จะหาเรื่องถล่มน้าหมักให้เสียรังวัด เผื่อฝันลมๆแล้งๆจะเป็นจริง ครม.เงาได้เป็นครม.คนซะที

ธรรมชาติของพวกนี้ ปากมันว่างได้ซะเมื่อไหร่ ถ้าพวกเราฉลาดซะหน่อย รู้ว่าเรื่องนี้มันไม่ระคายผิวอยู่แล้ว ก็ควรจะปล่อยให้มันกัดต่อไปเรื่อยๆ พอให้หายคันปาก จะได้ไม่แส่ไปหาเรื่องอื่นต่อ ลุงหมักก็จะได้มีเวลามาทำงานทำการ แก้ปัญหาปากท้องให้ชาวบ้านได้มีอยู่มีกิน

เรื่องเจ้าวันนั่นก็อีก ไม่รู้จะอะไรกันนักกันหนา ดันเป็นพวกเรามาล่อกันเอง เปิดโอกาสให้พวกมันผสมโรงเข้ามาป่วน ทำเนียนเป็นพวกเราเข้ามาด่า แต่แปลกอยู่อย่าง งานนี้พรรคโบราณขอบาย ไม่ยักกะมาช่วยป่วน ไม่รู้ว่า เห็นเป็นเรื่องเล็ก หรือว่ากลัวพ่อเจ้าวันกันแน่

สังเกตุให้ดี เที่ยวนี้มาแปลก บันไดสู่มท.1ของน้าเหลิม ทำไม๊มันโรยด้วยกลีบกุหลาบซะขนาดนั้น ไม่มียี้ไม่มีป่วนจากครม.เงา ดูมันเกรงๆกันอยู่ในที นี่ถ้าไม่ใช่ว่าถูกน้าเหลิมกำกล่องดวงใจเข้าให้ ก็คงอยู่ที่ศักดิ์ศรีมันข่มกัน

ไม่รู้ว่า เทพเทือก ไปทำอะไรไว้ ทำไมต้องเกรงใจ ดร.เฉลิม อยู่บำรุง...

วโรทาห์: 24 ก.พ. 51

Friday, February 15, 2008

ลุงหมักระวัง! แก๊งค์เฒ่าแว้น... มันปาหินใส่รถ !!!

จะบ้าตาย...อุตส่าห์ส่งเสียลุงหมักขึ้นรถดิบดี จนขับแล่นปู๊นๆออกจากสถานีเรียบร้อย กะว่าเสร็จงานแล้ว จะปลีกวิเวกไปพักผ่อนซักหน่อย ที่ไหนได้...เหลียวไปดูอีกที ลุงหมักกำลังพะบู๊ รับมือกับพวกมารอยู่พัลวันพัลเก.. เลยต้องกลับมาลุ้นตาตั้งกันต่อ

จะอะไรซะอีกล่ะ! ก็พวกเฒ่าแว้น แก๊งค์ข้างถนนน่ะสิ มันตั้งหน้าตั้งตาระดมปาหินเข้าใส่รถลุงหมักแบบไม่ยั้ง ได้อิฐปาอิฐได้หินปาหิน พลางตะโกนสมานฉันท์ๆอยู่ไม่ขาดปาก เพื่อปิดทางไม่ให้ลุงหมักได้ต่อสู้

นึกไม่ถึงว่าหัวเรือใหญ่ของแก๊งค์เฒ่าแว้น กลับกลายเป็นพวกสื่อไปซะฉิบ แค่คุณจักรภพบอกว่าจะเข้าไปจัดระเบียบพวกปาหินเท่านั้นแหละ ยังไม่ทันได้ทำอะไรด้วยซ้ำ โอย.. จะเป็นจะตาย ร้องแรกแหกกระเฌอยังกะญาติเสีย หาว่าไปแทรกแซงแก๊งค์พวกมัน อ้างว่าพวกมันมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะปาหิน.. ว่าไปโน่น

ว่าแล้วเฒ่าเจิมก็ปาอิฐใส่คุณจักรภพซะหนึ่งดอก ดีว่าก้อนไม่ใหญ่ แต่ก็เล่นเอาหัวปูดไปเหมือนกัน จริงๆเลยน้า...เจ้าเฒ่าพวกนี้มันเกิดมากวนจริงๆ ทีตอนพวกกบฎมาปล้นปล้นเมือง เหยียบหัวประชาชนอยู่ปีกว่า พวกมันกลับนั่งอมสากเฉย คำน้อยยังไม่เคยเอ่ยให้พวกโจรเจ็บช้ำน้ำใจ

แต่พอพวกโจรถอยฉากออกไป บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยเท่านั้นแหละ ดาหน้าออกมาพ่นกันจ๋อยๆ ยังกะรู้มากซะเต็มประดา แหกปากโอดโอยว่าถูกเหยียบย่ำ ไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่รู้ว่ามันเอาอวัยวะส่วนไหนของร่างกายคิด

ดูแล้วท่าวงจรอุบาทว์จะกลับมาเป็นแน่แท้ เหมือนย้อนไปตอนปี 48 เปี๊ยบ ครั้งนั้นก็แก๊งค์บ้า่นี่แหละที่ระดมปาหินใส่น้าทักจนเสียศูนย์ แล้วยังลามปาม ไปลากพวกโจรมาปล้นบ้านผลาญเมืองซะป่นปี้ ชีช้ำกันไปทุกหย่อมหญ้า

ทำเป็นเล่นไป แรกๆก็ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องชิวๆ แค่คนแก่ระบายอารมณ์เล็กๆน้อยๆ ปาก้อนกรวดก้อนดินเข้าใส่ เจ็บๆคันๆพอจั๊กกะจี้ อย่างเก่งก็หัวโน ที่ไหนได้ พอจังหวะเหมาะๆ พวกไปเจอหินก้อนใหญ่ยักษ์เข้า เท่านั้นแหละได้เรื่อง

เห็นแก่ๆอย่างนั้นเถอะ มีหัวคิดกันซะที่ไหน รู้ทั้งรู้ว่ามันอันตราย ด้วยความที่แรงริษยาเกาะกินหัวใจ จนกลายเป็นอวิชชา พาให้หน้ามืดตามัว วิงเวียนศีรษะ พวกสามัคคีกันขึ้นมายกก้อนหินทุ่มใ่ส่รถโครมเบ้อเริ่ม.. เรียบร้อย ทั้งน้าทักทั้งประชาชนผู้โดยสารตายเรียบ แต่พวกมันกลับดีใจกันยกใหญ่

นี่เอาอีกแล้ว พอประชาชนฟื้นขึ้นมาจะเดินทางต่อซักหน่อย พวกมันก็เข้าแย่งจะขับรถ ก็ประชาชนเขาไม่เอาพวกมัน เขาอยากได้ลุงหมัก จึงไปเลือกกันถล่มทะลาย แทนที่พวกมันจะสำนึก กลับพาลหาว่าประชาชนโง่เง่า แถมยังแว้งไปกัดลุงหมักเข้าอีกแน่ะ

ดีว่าลุงหมักก็นักมวยเก่าพอรู้ทางกัน เลยผ่อนหนักเป็นเบาไปได้หลายขีด แค่แกเปรยๆว่าลูกเรือแกขี้เหร่นิดหน่อย เท่านั้นแหละ ดีใจกันจนเนื้อเต้น เหมือนเจอหยดน้ำกลางทะเลทราย โดดใส่ยังกะเจอทะเลสาบ สรรเสริญลุงหมักกันยกใหญ่

แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ คนมันเคยเหยียบย่ำเค้าไว้มาก หลงผยองลำพองตนว่าเหนือกว่าชาวบ้าน พอพ่ายแพ้มายับเยินก็รับไม่ได้ แถมกลัวถูกเช็คบิลจนขวัญหนีดีฝ่อกันไปทั้งก๊วน เจอลุงหมักสับขาหลอกเข้าหน่อยก็หลงทิศหลงทาง เข้าป่าออกทะเลกันเป็นทิวแถว กว่าจะตั้งลำได้ก็เตลิดไปไกลโข

แต่ว่าก็ว่าเถอะ ถึงจะเชื่อมือลุงหมักว่าเก๋าเกมส์ขนาดไหน แต่ในใจลึกๆก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ก็พวกแก๊งค์นี้มันธรรมดาซะที่ไหน โหดก็เท่านั้นเลวก็เท่านั้น แถมยังยึดครองสื่อซะเกือบเรียบ แล้วปากแต่ละตัวก็เหลือรับ ประชาชนที่ไม่รู้เท่าทัน ก็หลงตกเป็นเหยื่อไปได้ง่ายๆ

เห็นแล้วก็เหนื่อย ดูท่าพวกมันจะเล่นไม่เลิกจริงๆ ขืนพวกเราหน่อมแน้มอยู่อย่างนี้ พวกมันเอาตายแน่ เพราะแต่ละตัวโหดๆทั้งนั้น ไม่อยู่ในศีลในธรรม ไม่เคารพกฎกติกามารยาทอะไรทั้งนั้น ขอให้มันชนะเป็นใช้ได้

อีกอย่างพวกนี้มันประท้วงเป็นอาชีพ ถ้าจะเล่นกันข้างถนน พวกเราเสียเปรียบมันเต็มประตู เพราะพวกมันมีเงินเดือนกิน ระหว่างออกมาเย้วๆข้างถนน แถมถ้าผลงานเข้าตากรรมการ ยังมีโบนัสพิเศษอีกต่างหาก ผิดกับพวกเรา ไปประท้วงทีครอบครัวจะอดตายเอา

จึงขอให้กำลังใจลุงหมักให้กล้าๆหน่อย ไม่ต้องไปกลัวพวกมัน เล่นกับพวกนี้มันต้องโหด เหยียบได้เป็นเหยียบ ฆ่าได้เป็นฆ่า อย่าไปหลงคาถาสมานฉันท์ของพวกมัน เพราะพวกมันก็ไม่เคยคิดที่จะสมานฉันท์กับพวกเราอยู่แล้ว

ก่อนนี้ลุงหมักก็เคยเตือนน้าทักไม่ใช่เหรอ ว่าช้างตัวใหญ่มโหฬาร ถูกมดตัวน้อยตัวนิดรุมสกรัมยังล้มทั้งยืน แต่นี่มันไม่ใช่มดแล้วนะลุง พวกแก่เฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น ลุงต้องอย่าเปิดที่ว่างให้พวกมันเล่นได้เป็นอันขาด

อย่างที่อีริคสันบอกนั่นไง จะสยบแมนยูฯได้มันต้องวิ่งสู้ฟัด เคล็ดลับคือต้องวิ่งเข้าใส่อย่างเดียว อย่าให้แมนยูฯเล่นบอลได้ เมื่อเจ้าโด้สับขาไม่ออกเท่านั้นแหละ ไปไม่เป็นกันทั้งทีม แพ้แมนซิฯราบคาบ เซียนใหญ่เซียนน้อยหงายท้องกันระนาว

ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน มันบอกจะให้เวลาลุงทำงาน 6 เดือนหรือกี่เดือนก็ช่างมัน อยู่ที่พวกข้าจะตัดสิน เอาเป็นว่า พวกข้าให้เวลาลุงไม่เกิน 4 ปีแน่นอน ลุงก็ทำงานไปให้เต็มที่ จัดระเบียบให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ต้องไปพะว้าพะวงอะไรทั้งนั้น

พวกข้าขอเป็นกรรมการให้คะแนนอยู่ห่างๆ ถึงเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าผลงานออกมาดี พวกข้าก็จะเลือกกลับเข้ามาใหม่.. ถือว่าสอบผ่าน

แต่ถ้าทำแล้วไม่ได้เรื่อง ระวังตัวให้ดีก็แล้วกัน พวกข้าจะเลือกกลับมาอีก.. ให้มาสอบซ่อม.. ซะให้เข็ด ฮา....

วโรทาห์: 15 ก.พ. 51

Friday, February 1, 2008

ลาก่อนลุงยุทธ... แล้วอย่ากลับมาอีกหละ !!!

เป็นอันว่าเก็บฉากลาโรงไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับจำอวดคณะขิงแก่พาเพลิน ที่เปิดการแสดงเก็บเงินมาปีครึ่ง เล่นเอาคนดูกระเป๋าฉีกไปตามๆกัน ดีที่ยังไม่ทำให้แกลบขึ้นราคา เลยยังได้พอประทังชีวิตไปวันๆ

ย้อนกลับไปตอนเปิดวิกใหม่ๆ แหม..ออกแขกกันซะใหญ่โต ไม่รู้หน้าไหนสะเออะออกหน้ามารับรองว่า ยกมือไหว้ได้สนิทใจ เรารึก็เดาแทบตายว่าใครหว่าที่ไหว้ได้สนิทใจ นึกไปนึกมาตั้งนานถึงได้ถึงบางอ้อ อ้าวเวร มันจะไปเอาหลวงพ่อคูณมาเป็นนายกฯซะแล้ว

พอเปิดม่านออกมา อะจึ๋ย..นึกว่าใคร ลุงยุทธนี่เอง เดินตัวตรงแหน็วยังกับหุ่นยนต์ ออกมาจากหลังโรง แม่ยกขานรับกันเจี๊ยวจ๊าว ไฮซ้อนั่งดูข่าวการปล่อยตัวทางทีวี ถึงกับน้ำตาซึม ยกมือไหว้ทีวีเพื่อทดสอบ แล้วก็ต้องสะดุ้งแทบตกเก้าอี้ เมื่อมีเสียงร้องลั่นมาจากในครัว

"คุณนายขา..แมลงสาบ" พอหันขวับไปดู กลายเป็นคุณแจ๋ว กำลังตั้งหน้าตั้งตากระหน่ำตีแมลงสาบอย่างเอาเป็นเอาตาย จึงได้แต่กัดฟันกรอด แล้วคำรามอยู่ในลำคอว่า

"ร้องเข้ากับบรรยากาศเชียวนะเมิง"

ลุงแกมาถึงก็ท่องบ่นคุณธรรมจริยธรรมจ๋อยๆ ไปตามเรื่องตามราวของแก เพราะทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็น แต่พอใครทักว่าแก่เท่านั้นแหละแกสวนโครม บอกถึงแก่ก็แก่ขิงโว้ย ยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด มีไรเปล่า

พอเริ่มงานจริง หยิบจับอะไรไม่เป็นซักอย่าง พวกเลยอำเอา พาไปไหว้โจรเฉย ปะเหลาะหน่อยว่าเป็นการแสดงความกล้าหาญ เดี๋ยวโจรมันก็ให้อภัยเองแหละ แกก็ตาลุกตาโปนตั้งแต่นั้นมา

ในเมื่อกล้าแหกตา แกก็กล้าเชื่อ ดั้นด้นลงใต้ไปไหว้โจรปะหลกๆ แถมเงินให้อีกหลายอัฐ แต่ไม่ใช่เงินแกนะ เงินภาษีประชาชนเราๆนี่แหละ โจรรับเงินเสร็จก็ออกมายิงชาวบ้านต่อ เล่นเอาลุงแกพูดไม่ออก ได้แต่ทำหน้ามึนไปวันๆ ไม่พูดถึงเรื่องโจรใต้อีกเลย

สไตล์การทำงานลอกแบบมาจากชวน-ปากกระแจะเด๊ะ ซึ่งก็ก็อปมาจากซือแป๋เฒ่าอีกต่อนึง คืองานการไม่ทำ ใช้วิชาตัวเบาลอยตัวเหนือปัญหาลูกเดียว ลูกน้องขิงเลยได้โอกาสออกงิ้วกันสนุกสนาน เจี๊ยวจ๊าวยังกับลิงศาลพระกาฬ

แรกๆเลย หมอหัวล้านดูเหมือนจะมาแรงที่สุด โห..ฟิตจัดยังกับโด็ปยาบ้ามาล็อตใหญ่ สั่งร้านค้าเก็บบุหรี่ซุกหมด เหล้ายาห้ามโฆษณาตลอด 24 ชั่วโมง กะว่าจะทำเป็นเมืองคุณธรรมว่างั้นเหอะ สุดท้ายเจอชาวบ้านเฉ่งซะ เป๋ไปทั้งหัวหน้าลูกน้อง เลยเงียบไปได้พักใหญ่ แต่อย่าหวังว่าจะเข็ด

เห็นอีกที โน่น.. ไปเย้วๆอยู่กับพวกประเทศยากจนแถวอาฟริกา ตะโกนด่าร้านขายยาเหย็งๆ ขู่กรรโชกจะเอายาเอดส์ฟรี ให้เหตุผลว่าไทยก็เป็นประเทศยากจนเหมียนกัน เล่นเอาคนไทยอายม้วน จากที่เคยเดินยืดอกสมัยน้าแม้ว กลายเป็นต้องมาเอาหน้ามุดดินสมัยลุงยุทธไปฉิบ

ถ้าแค่นี้ว่าเจ๋ง แสดงว่ายังไม่รู้อะไร ที่เข้าตากรรมการจริงๆ ต้องยกให้ขิงอุ๋ย ขานี้ตีนต้นแรงอย่าบอกใคร มาถึงก็แย็บซ้ายแย็บขวาอุตลุด ไม่ให้โอกาสฝ่ายตรงข้า่มได้ตั้งตัวติด เป็นนักมวยอันตรายประเภทไฟ้เต้อร์ แขนขายาวแล้วแถมยังหมัดหนักยังกับตะลุมพุก

เคยพลาดไปโดนหน้าลุงยุทธจังๆก็หลายครั้ง แต่ยังทำอะไรแกไม่ได้ ด้วยความที่หน้าแกทนเหลือหลาย จนกระทั่งมาเจอหมัดเด็ดล่าสุด เล่นเอาลุงยุทธถึงกับก้นเตี้ย แทบร่วงลงไปกองกับพื้น ดีว่าสื่อไม่ตามน้ำ ไม่งั้นคงได้เรียกปอเต๊กตึ้งมาเก็บศพ

เรื่องของเรื่อง น้าอุ๋ยแกกลัวน้อยหน้าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เลยคลอดโปรเจ็คท์ใหญ่ 30% สำรองทุกบาท เท่านั้นแหละได้เรื่อง หุ้นทุกตัวพุ่งปรี๊ด หัวทิ่มดิ่งเหว แดงเถือกทั้งกระดาน นักเล่นหุ้นเผ่นอ้าว หนีตายกันอุตลุด พอตั้งตัวได้ก็หันมาสรรเสริญบรรพบุรุษ เรียงแถวหน้ากระดานไม่เว้นหัวหงอกหัวดำ

เจอหมัดนี้เข้าไปเต็มๆ ทำให้ขิงเฒ่าเหลืออด ออกโรงมาจวกน้าอุ๋ยให้น้อยๆหน่อย แถมทิ้งท้ายว่า ถ้าอุ๋ยจะอยู่เฉยๆมั่ง พี่ก็จะไม่ว่าอุ๋ยเป็นง่อยหรอกนะ เออ..พูดงี้ค่อยสบายใจหน่อย ขิงอุ๋ยเลยจัดการเข้าเกียร์ว่าง ตามแบบอย่างอันดีงามของขิงอื่นๆเขา

เจอลูกบื้อ เข้าเกียร์ว่างตลอดของสารพัดขิง อาบังก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ได้แต่นั่งงงเต็ก เหมือนขับรถที่ไม่มีพวงมาลัย เกียร์ก็ไม่ต้องหา เบรคก็โบ๋เบ๋ เหยียบวืดๆ มีแต่แตรให้อย่างเดียว บังเลยได้แต่กดแตรปิ๊นๆข่มขวัญชาวบ้านไปเรื่อย แต่รถมันจะหยุดมันจะไป หรือเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา มันก็เรื่องของรถ บังไม่เกี่ยว

แต่เดี๋ยวก่อน ถ้าใครจะประนามว่าลุงยุทธไม่มีผลงาน เห็นว่าไม่น่าจะยุติธรรมกะแกนัก ดังที่นักปราชญ์ว่าไว้ การไม่ทำงานก็คือการทำงาน ในบางสถานการณ์ไม่ทำงานซะ ยังจะดีกว่ากันเยอะเลย

ก็ลองคิดดูสิ ถ้าลุงยุทธเกิดฟิตจัดขึ้นมา ไล่บี้ขั้วอำนาจเก่าแบบหน้ามืดตามัว อย่างที่พวกมารมันต้องการละก้อ บ้านเมืองไม่เละเป็นโจ๊กเรอะ ป่านนี้ประเทศไทยคงเกิดสงครามกลางเมืองไปเรียบร้อย สถานการณ์เลวร้ายบานไม่หุบ แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง

แล้วอีกอย่าง ว่าก็ว่านะ ให้เทวดามาบริหารก็ท่าจะไม่รอด เพื่อนเล่นห้ามประชานิยม ห้ามสานต่อนโยบายเดิม ห้ามคบหาต่างชาติ ห้ามประชาชนจับจ่ายใช้สอย ท่องไว้อย่างเดียว พอเพียงๆๆๆ โห..ถ้าเศรษฐกิจเดินได้ก็แปลกแล้วแหละ

แล้วถ้าสมมติเล่นๆนะ เกิดซวยๆขึ้นมา ลุงยุทธฝีมือไร้เทียมทาน บริหารประเทศไปโลด ติดลมบนฉิวๆ คงดูไม่จืดแน่ เผด็จการเป็นได้ผยองไม่เลิก เพราะเป็นประเทศเดียวที่พิสูจน์ได้ว่า เผด็จการดีกว่าประชาธิปไตย ทำให้ชาวบ้านอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน ก็ตัวใครตัวมัน เผด็จการจงเจริญ

สุดท้ายกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมตามสนอง ผู้ที่มีส่วนในการโค่นล้มประชาธิปไตย ก็เริ่มมีอันเป็นไปทีละคนสองคน ลุงยุทธเองก็ไม่มีข้อยกเว้น อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องมาเสีย 2 เด้ง ฝ่ายประชาธิปไตยก็เกลียด ฝ่ายเผด็จการก็ชัง

เอ้า... ที่แล้วมาก็แล้วกันไป ใครก่อกรรมก็รับกันเอาเอง ดูอย่างอาบังตอนนี้ก็แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ลื่นไหลมุดรูหนีลูกเดียว คนอื่นๆก็แตกกระสานซ่านเซ็น ตอนนี้สื่อต้องออกหน้ามารับไม้ต่อจากเผด็จการ แต่คงยื้อได้อีกไม่นานหรอก สื่อก็สื่อเหอะ เดี๋ยวได้เจ๊งกันอีกฝูงใหญ่เป็นแน่แท้ ทำมาล้อเล่นกับพลังประชาชน

ที่พูดมาทั้งหมดก็ไม่ใช่ว่าจะมายกย่องเชิดชูขิงเฒ่าหรอกนะ เพราะส่วนเสียแกก็อื้อซ่า อย่างเรื่องด่าน้าแม้วนี่แกด่าได้ด่าดี ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ขนาดว่าตระเวณไปด่าให้ต่างชาติฟังก็เอา เห็นเขายิ้มแหยๆ ลุงแกนึกว่าเค้าเห็นด้วยเลยใส่ฉอดๆๆ ไม่มียั้ง

หารู้ไม่ว่า ลับหลังเค้าไปคุยกันว่าตานี่ท่าจะบ้า มาด่าพวกตัวเองให้เราฟัง บ้านมันใครจะโกงใคร ดีชั่วยังไงมันเกี่ยวอะไรกะตูวะ นี่แหละน้าคนเรา อยู่แต่ในกะลามาชั่วชีวิต แหกตากันเองมาตลอด พอออกไปสังคมข้างนอก ทำสะเหร่อยังไม่รู้จักว่าน่าอาย

เอาเถอะ.. ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ถือซะว่าลุงยุทธแกรักษาการนายกฯ ไว้ให้ลุงหมักก็แล้วกัน ถือว่าชั่วก็มี ดีก็ไม่น้อย เอาเป็นว่าหยวนๆเจ๊ากันไปแล้วกัน แต่วันหน้าวันหลังอย่าหวนมาอีกล่ะ

ควันหลงจากวันส่งมอบงาน ลุงยุทธถือแฟ้มเอกสารไปส่งมอบให้ลุงหมักถึงโต๊ะทำงานนายกฯ ลุงหมักที่กำลังฟิตก็เปิดแฟ้มออกดูทันที แต่แล้วก็ต้องผงะหงาย

"เฮ้ย เอกสารหายไปไหนหมด" ลุงหมักตกใจร้องลั่น แต่ลุงยุทธกลับนั่งยิ้มเฉย ไม่ได้แสดงสีหน้าอาการแปลกใจแม้แต่น้อย

"มีแค่นั้นแหละพี่" แกตอบด้วยเสียงราบเรียบ

"กระดาษเปล่าๆ แผ่นเดียวนี่อ่ะ่นะ" ลุงหมักถามย้ำให้แน่ใจอีกที ลุงแกเลยยิ้มเจื่อนๆเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าโขมยช็อคโกแล็ตในตู้เย็นไปกิน แล้วสารภาพเสียงอ่อยๆว่า

"ครับพี่.. ผมไม่ได้ทำอะไรเลยพี่...แฮ่ะๆ..."

วโรทาห์: 1 ก.พ. 51