Wednesday, January 30, 2008

เห็นลุงหมักรับราชโองการแล้ว น้ำตามันพาลจะไหล

หลังหย่าขาดจากข่าวจอตู้ีมาหลายร้อยวัน นับตั้งแต่วันที่พวกกกบฏประกาศยึดประเทศของเราเป็นต้นมา วันนี้นับเป็นวันแรกที่กลับมานั่งเฝ้าจออีกครั้ง ก็แหม..ลุงหมักของเรา รับราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 แห่งประเทศไทยทั้งที จะพลาดได้ยังไง

นั่งดูอย่างใจจดใจจ่อตั้งแต่บ่ายคล้อยจนคล้อยเย็น มาได้ทำพิธีเอาตอนเกือบหกโมง พอได้เห็นลุงหมักทำพิธีเปิดกรวย เท่านั้นแหละ มันเหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่อก น้ำตาเจ้ากรรมก็เอ่อท้นขึ้นมาคลอเบ้า พาลจะไหลออกมาซะให้ได้

แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ไม่ใช่น้ำตาที่หลั่งออกมาด้วยความคับแค้นใจเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา นึกในใจว่าเออหนอ เราก็มาถึงวันนี้จนได้เหมือนกันเนาะ แล้วก็อดไม่ได้ต้องสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด หัวใจพองโตด้วยความภาคภูมิ

ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานว่า นี่นับเป็นครั้งแรก ที่ประชาชนรากหญ้าอย่างพวกเรา ได้เป็นคนปั้นนายกฯด้วยสองมือของพวกเราเอง

พูดได้เต็มปากเต็มคำเลยแหละว่า ลุงหมักคือนายกฯที่พวกเราปั้นมากับมือโดยแท้จริง ไม่ใช่แค่ไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเหมือนปกติ แต่ต้องรวมพลังกันต่อสู้อย่างยิบตา ต้องทุ่มเททั้งชีวิต แรงกายแรงใจ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เข้าต่อสู้เผชิญหน้ากับพวกกบฏประชาธิปไตย

ต่อสู้ยืดเยื้อกันมาเป็นปีๆด้วยสองมือเปล่า และหัวใจอันทระนง เสียเลือดไปก็หลายหยด เสียน้ำตาไปอีกไม่รู้ว่าเท่าไหร่ สู้ไปก็กังวลไป มองไปข้างหน้ามีแต่ความมืดมน ผ่านด่านนี้แล้วด่านหน้าก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง ผ่านไปกี่ด่านต่อกี่ด่าน ก็ยังไม่รู้ว่ายังมีอีกกี่ด่านรออยู่ข้างหน้า

เหมือนการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด เต็มไปด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง ได้แต่ปลอบประโลมกันเอง ให้มีแรงใจที่จะต่อสู้ฟันฝ่าต่อไป ไม่มีใครรู้ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่าเราต้องสู้ สู้ และสู้อย่างเดียว หลังจากนั้นก็สุดแล้วแต่ฟ้าจะลิขิต

ยังจำได้ว่า พวกเราต้องต่อสู้อย่างเดียวดาย โดยไร้ผู้นำมานานเกือบปี กว่าที่ลุงหมักจะประกาศเข้ามาถือธงให้พวกเรา นับเป็นการเข้ามาที่ถูกที่ถูกเวลาอย่างยิ่ง ทำให้พวกเราฮึกเหิมขึ้นมาเต็มที่ เหมือนสายฝนพร่างพรมลงมา รากหญ้าที่เหี่ยวเฉาก็พลันระบัดใบขึ้นมาอีกครั้ง

และลุงหมักก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง การต่อสู้อันมีลุงหมักเป็นผู้นำทัพ ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างเหลือเชื่อ ทุกคนมอบความไว้วางใจให้ลุงหมัก เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเราก็ไม่หวั่นไหว เพราะมั่นใจว่าลุงหมักจะจัดการคลี่คลายให้ได้จนหมด

และผลสุดท้ายก็พิสูจน์แล้วว่าสวรรค์ยังมีตา ทำให้พวกเราได้มีวันนี้จนได้ วันที่ลุงหมักได้รับโปรดเกล้าฯเป็นนายกฯ คือวันประกาศชัยชนะของพวกเรา เป็นชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย ที่มีเหนือฝ่ายเผด็จการ

ถึงแม้ว่าจะยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญ นับจากนี้ไปก็เหลือแต่เพียงว่า เราจะรักษาชัยชนะอันหอมหวานนี้ไว้ได้อย่างไร และเราจะต่อยอดให้เป็นชัยชนะที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดได้แค่ไหน

ฟ้าหลังฝนช่างสดใสมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก สิ่งสกปรกชั่วร้ายถูกสายฝนชะหายไปจนเกลี้ยง หายใจหายคอก็เต็มปอด มองไปทางไหนมันสดใสซาบซ่า พี่น้องเราก็ยิ้มแย้มแจ่มใส หันไปทางไหนก็มีแต่รอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เราไม่ได้เห็นมากว่าปี

จริงอยู่ว่าเชื้อชั่วมันไม่เคยตาย ข้อนี้พวกข้าก็เตือนกันเองอยู่เสมอ ขอให้ลุงวางใจได้ ลุงก็ทำหน้าที่ของลุงไป พวกข้าก็ยังทำหน้าที่ของพวกข้าต่อไป ลุงรุกไปข้างหน้า พวกข้าจะคอยระวังหลังให้ ไม่ต้องเป็นห่วง พิงหลังมาได้เลย ไม่ต้องกลัวหงายเก๋ง

ทางด้านการเมือง ลุงก็คงต้องรับบทโต้โผใหญ่ซะเอง ใครเล่นการเมืองมาลุงก็เล่นการเมืองกลับไป ให้มันสมน้ำสมเนื้อ พอสมควรแก่เหตุ ทางด้านเศรษฐกิจก็ให้คุณมิ่งกะหมอเลี๊ยบจัดการไป พวกใต้ดินกับมือที่มองไม่เห็น คงต้องพึ่งดร.เฉลิม ซีไอเอของเราจัดการ

พวกสื่อเลวๆมันต้องเจอพวกข้า ลุงอย่าไปด่าพวกมัน จะเสียผู้ใหญ่ซะเปล่าๆ ไว้เป็นธุระให้พวกข้าด่าเอง เวิร์คกว่ากันเยอะ เรียกว่าการเมืองภาคประชาชน เอาไว้ปราบพวกกุ๊ยข้างถนนโดยเฉพาะ รู้ๆกันอยู่ว่าพวกมันไม่ปล่อยให้ลุงได้ฮันนีมูนแน่ ยังไม่ทันไรพวกมันก็เริ่มตุ๊ยท้องอย่างเอาเป็นเอาตายกันแล้ว

โลกเรานี่มันก็ประหลาด ขนาดว่าลุงประกาศจบชีวิตการเมืองในตำแหน่งส.ว.แล้วเชียว พวกมันยังหาเรื่องป่วน จนสุดท้ายลุงเลยต้องมาจบชีวิตการเมืองในตำแหน่งนายกฯ เล่นเอาพวกอิจฉาตาร้อน แทบจะชักตาตั้งตายไปต่อหน้าต่อตา

วันก่อนเห็นพวกมันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวลอย่างน่าสมเพช คร่ำครวญว่าหากรู้สักนิดว่าจะเป็นอย่างนี้ จ้างให้วันนั้นพวกมันก็จะไม่ไปไล่น้าแม้วให้โง่

วาสนาคนเรานี่มันก็แปลก คนไม่อยากได้ใคร่ดี จู่ๆบุญก็หล่นทับตีนบวม แต่ทีคนที่มันอยากได้กลับไม่ให้เป็น ขนาดว่าลงทุนดิ้นรนจะเป็นจะตาย เอามันทุกท่า ขอนายกฯม.7 ก็แล้ว บอยคอตเลือกตั้งก็แล้ว สุมหัวกับพวกกุ๊ยป่วนประเทศก็เอา

ทำประเทศชาติเสียหายวินาศสันตะโร ยอมเป็นลูกไล่ให้ทหาร รับความอนุเคราะห์ทุกอย่าง โกงมันทุกท่าเท่าที่จะทำได้ ไม่เคยคิดอายฟ้าอายดิน แต่สุดท้ายก็...แห้ว...

สุดท้ายนี้ก็ขอถือโอกาสแสดงความยินดีกับตำแหน่งนายกฯของลุงอย่างเป็นทางการ เมื่อเป็นนายกฯแล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งใหม่ให้ได้โดยเร็วนะลุง ก่อนอื่นคงต้องหัดพูดจาภาษาดอกไม้ เป็นนิวหมักให้อึ้งกิมกี่กันไปเลย

อีกอย่าง ลุงจะ้ไปหิ้วตะกร้าทำกะเปิ้บกะป้าบอยู่แถวตลาดอตก. เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนา พลาดท่าพลาดทาง เดี๋ยวพวกมันส่องเอาละเป็นเรื่องแน่ ยิ่งพวกมันยังทำใจไม่ได้อยู่ด้วย ใครจะไปรู้ว่าจะบ้าเลือดเอาเมื่อไหร่

วันก่อนเห็นเฒ่ายุทธแกซ้อมยิงหนังสติ๊ก ท่าทางขึงขังเหมือนพวกเด็กเหลือขอ แล้วก็อดเป็นห่วงลุงไม่ได้ ถ้ายังไง ช่วงนี้ไปไหนมาไหน ลุงใส่หมวกกันน็อคไว้ก่อนจะดีกว่า ข้าว่านะ เผื่อเหลือเผื่อขาดไว้หน่อยก็ดี

แต่เอ...ตั้งแต่หันมาเห่อลุงหมักนี่ พวกเราชักจะลืมๆน้าแม้วไปแล้วนะนี่ ไม่รู้ว่าแกจะน้อยใจหรือเปล่า...

วโรทาห์: 30 ม.ค. 51

Friday, January 25, 2008

สู้เค้า ชินจัง..ซูเนโอะจัง.. อย่ายอมแพ้นะ!

แปลกแฮะ หลายวันมานี่ จู่ๆเสียงหมาเห่าในซอยบ้านเราก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังเห่า ยังหอนกันคับซอย เห่าเช้า เห่ากลางวัน เห่าเย็น แถมบางวันยังเห่ารอบดึกมิดไนท์อีกต่างหาก ชาวบ้านชาวช่องไม่ต้องได้เป็นอันทำมาหากินกันแล้ว

ต้องบอกไว้ก่อน ว่าหมาในซอยนี้มันเยอะจริงๆ เรียกว่ายั้วเยี้ยยังกับแมลงสาบ ไม่รู้มาจากไหนต่อไหน มามั่วอยู่กันจนประชากรหมาพอๆกับประชากรคน แล้วสัญชาติหมานี่ ถ้าไม่เห่าก็ไม่ใช่หมาิ เห่าได้เห่าดี เห่าไทยเห่าแขก เห่าไม่บันยะบันยัง อยู่ว่างๆเห็นใบตองแห้งไหวๆ เห่าซ้อมลูกคอก็เอา

ธรรมชาติของหมามันก็แปลก อย่าได้้มีตัวไหนเห่านำขึ้นมาเชียว ตัวอื่นเป็นไม่ยอมน้อยหน้า เห่ารับกันทั้งซอยเสียงให้ขรมไปหมด โดยไม่ต้องแหกปากถามก่อน ว่าเค้าเห่าเรื่องอะไรกัน หรือว่ามันจะถามแล้ว เราฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่อาจทราบได้ ยอมรับว่าฟังภาษาหมาไม่เป็น

ยามปกติก็ไม่ได้มีเรื่องมีราวอะไรกัน หมามันก็อยู่ส่วนหมา คนก็อยู่ส่วนคน แต่ที่มันดันมาเป็นเรื่องเอาจนได้ ก็เพราะอาแป๊ะขายหนังสือพิมพ์ปากซอยนั่นแหละตัวดี ไม่รู้ไปผิดเส้นอะไรกับท่านมัคทายกฯเข้า จู่ๆก็ลุกขึ้นมาเห่านำ จนหมาทั้งซอยเห่ารับกันเป็นพรวน

เห่ากันมา 2 ปีกว่าไม่ยอมเลิกรา การค้าการขายเจ๊งราพณาสูรหมด เพราะลูกค้าไม่กล้าเข้าร้าน กลัวหมามันกัดเอา ชาวบ้านอดอยากปากแห้ง จนแทบจะกินแกลบอยู่รอมร่อ เพิ่งจะมาซาลงได้ก็เมื่อปีกลาย ปลายๆปี แต่ที่สงบลงได้จริงๆ เพิ่งไม่กี่วันมานี้เอง

เห็นเค้าว่าที่มันเงียบเสียงลงได้ ก็เพราะหัวโจก 2 ตัวโดนเทศบาลซิวไป ไม่รู้ว่าเอาไปปล่อยถึงไหน ยังหาร่องรอยไม่เจอ พวกลูกกะโล่เลยวงแตก มุดหนีหายเข้าไปนอนเลียแผลในซอกในหลืบ เลิกเห่าเป็นปลิดทิ้ง ชาวบ้านค่อยยิ้มโล่งอกกันได้หน่อยนึง

แต่เสียงครางหงิงๆน่ะยังมี แถมเมื่อวันก่อนยังไม่วายมีพวกหลงฝูง นัดกันไปเห่าหอนเย้ยฟ้าท้าดิน กลางดึกกลางดื่นอยู่หลายตัว หนวกหูจนอยากลุกขึ้นไปไล่เตะเอา แต่ก็สงสารไม่อยากทำ เวลานี้อะไรยอมได้ก็ยอมมันไป ต้องให้พวกมันได้ระบายกันบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวอกแตกตายกันยกฝูง จะเป็นบาปเปล่าๆ

อ้าว...ว่าจะคุยเรื่องชินจังกะซูเนโอะจัง ไหงเตลิดไปพูดเรื่องหมาซะยาวเหยียดได้ก็ไม่รู้...

เรื่องที่จะพูดนี่ ก็ไม่ใช่อะไรหรอก นับถือน้ำใจแก พวกเดียวกันป่านนี้เตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว บางคนไม่หนี แต่กลับหลังหันเอาหน้าด้านๆก็มี แต่ไม่ใช่ชินจังกับซูเนโอะจัง

สองหน่อสองมุมที่ว่า ยังปักหลัก ยืนโซ้ยแลกหมัด ชนิดไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย ไม่ถอดใจง่ายๆ ทำเอาฝ่ายตรงข้ามขยาดไปตามๆกัน

ถ้าพูดถึงฝีไม้ลายมือแล้ว ชั่วโมงนี้ต้องถือว่าทั้งคู่นี่เทียบชั้นกูรูได้เลย ท่าทางหรือน้ำ้้เสียงก็ให้หมด ยิ่งถ้าพูดถึงน้ำอดน้ำทนแล้ว ต้องถือว่าอย่างหนา ห้าห่วงเรียกพี่ ด่าเท่าไหร่ไม่มีสะเทือน

คู่หูคู่ฮาจากค่ายหัวเหม่ง ช่วยกันพายช่วยกันงัด ปึ้ดจ้ำปึ้ดๆ อยู่ที่ทีวีช่อง 3 สลึงมาหลายปี คนหนึ่งอยู่เที่ยง คนหนึ่งอยู่เย็น ช่วยกันสับช่วยกันโขก ฝ่ายพปช.อย่างเมามัน เรียกว่าเพื่อบ้านเพื่อเมืองแล้ว ไม่เคยมีคำว่าท้อจริงๆ

เรื่องของเรื่องก็ต้องโทษชาวบ้านนั่นแหละตัวดี ทำไม๊ถึงได้โง่ดักโง่ดานกันถึงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ก่อนหย่อนบัตรก็อุตส่าห์จ้ำจี้จ้ำไช จนปากจะฉีกไปถึงใบหู ว่าให้เลือกคนดีเข้าสภา อย่าขายสิทธิอย่าิขายเสียง

ใบ้กันโจ๋งครึ่มให้เลือกปชป.ดื้อๆก็ทำมาแล้ว ยังไปเลือกพปช.ซะถล่มทะลาย เออเอาก๊ะมัน โง่กันไม่บันยะบันยังจริงๆ ล่าสุดนี่เอาอีกและ บอกให้เลือกบัญญัติเป็นประธานที่เคารพ ก็ดั๊นไปเลือกยุทธตู้เย็น เออ..เอาเข้าไป เตือนเท่าไหร่ไม่รู้ฟัง

จะให้ต้องปากเปียกปากแฉะีกันไปถึงไหน บอกว่าคนคนนี้ชอบยิงตู้เย็น หลายปีก่อนก็ไปกระหน่ำยิงซะตู้เย็นพรุนตายคาที่ เป็นคดีสะเทือนขวัญ สื่อมวลชนแทบจะตายตามไปซะให้ได้

คนอย่างนี้อ้ะนะมาเป็นประธานสภาฯ แล้วถ้าเกิดคุ้มดีคุ้มร้ายขึ้นมา ไปยิงตู้เย็นรัฐสภาเข้าอีก ไม่ฉิ๊บหายกันไปทั้งประเทศเหรอครับ ท่านผู้ชม

นั่นก็เรื่องนึง นี่เอาอีกและ จะให้สมัครเป็นนายกฯอีก โอยจะบ้าตาย มันม่ายด้าย.. ปากไวก็ปานนั้น ขืนมาเป็นนายกฯสิ จะได้ถูกลาวแซงหน้าเอา ดูสิ นายกฯลาว เขมร พม่า เค้าพูดเพราะๆทั้งนั้น บ้านเมืองเค้าถึงได้เจริญก้าวหน้าซะปานนั้น

นี่แสดงว่ายังไม่เข็ดกัน คงจำกันได้ สมัยคุณทักษิณน่ะ วันดีคืนดีก็ไปด่าว่้าโจรกระจอก เออแน่ะ โจรมันก็อยู่ของมันดีๆ นอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น โดนด่าซะขนาดนั้น เป็นใครใครจะยอม ท่านโจรที่เคารพเลยโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง ลากปืนออกมายิงชาวบ้านรายวัน จนป่านนี้ยังไม่ยอมเลิกรา

เห็นพวกท่านตรากตรำทำงานกันอย่างนี้ ก็ให้ละอายใจเหลือเกิน ประชาชนอย่างเราๆ ก็ไม่รู้จะช่วยชาติได้ยังไง เพราะไม่มีสื่ออยู่ในมือ ได้แต่ส่งใจไปเชียร์คนทำงานเพื่อบ้านเพื่อเมือง

สู้เค้า ชินจัง..ซูเนโอะจัง.. อย่ายอมแพ้นะ!

วโรทาห์: 25 ม.ค. 51

Wednesday, January 23, 2008

ลาก่อน คมช. ชาติหน้าพบกันใหม่...

ว้า...พริบตาเดียวแท้ๆ คมช.ก็ไปซะแล้ว สดๆร้อนๆเช้าวันนี้ วันที่ 22 ม.ค.2551 คมช.ประชุมสุมหัวกันนัดสุดท้าย ประกาศยุติบทบาทอย่างเป็นทางการ ไปคราวนี้ ไปแล้วไปลับไม่กลับมาให้เห็นหน้าอีก แหม..เห็นกันอยู่หลัดๆ ด่วนไปซะและ

วันเวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน รู้สึกเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานหยกๆ ไม่รู้ผีเข้าอะไร จู่ๆอาบังรักชาติจนสุดอดกลั้น ชวนน้องพรั่งลากรถถังออกมาก๋าอยู่กลางเหมืองหลวง ฝรั่งเกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเห็น ชะแว๊ปหายเข้าโรงแรมแทบไม่ทัน

แต่คนไทยสายพันธุ์แมลงสาบ ตื่นเต้นยินดียังกับถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งชุดใหญ่ ยิ่งคนหัวโตแห่งท่าพระอาทิตย์ด้วยแล้ว ขานั้นถึงกับปาดเหงื่อ เป่าปากเฟี้ยว โล่งอกไปที สุมหัวก่อม็อบกันมาข้ามปี งบแทบเกลี้ยง ถ้าบังไม่มาช่วยเห็นทีต้องซี้แหงแก๋

ผลัดกันรุกผลัดกันรับ คราวนี้ก็ถึงทีข้าบ้าง พวกเราเลยได้ออกไปทำการเมืองภาคประชาชน เย้วๆกันที่สนามหลวงแทนที่พวกพันธมาร ที่แพ็คกระเป๋ากลับบ้านไป เพราะปฎิบัติหน้าที่สำเร็จลุล่วง เรียบร้อยโรงเรียนโจร

ความเสียวนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นึกถึงวันที่ไปเย้วๆอยู่หน้าบก.ทบ. แม๊...มันได้อารมณ์อย่าบอกใคร พวกถือปืนกลเบา ยืนจังก้ายังกะอยู่ในแบกแดด เห็นแล้วมันเสียวท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก พอมันขยับตัวทีไร ต้องตั้งท่าเตรียมโกยไว้ก่อนเผื่อเหนียว

ที่ว่าเสียวน่ะ ไม่ใช่ว่ากลัวมันยิงเอา แต่กลัวมันทำปืนลั่นใส่ต่างหาก ไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่.. แต่ละคนหน้าตาบ้องแบ๊๊ว ไม่รู้ว่าฝึกกันมาได้ที่รึยัง เราเลยไม่ค่อยกล้าเสียงดังเท่าไหร่ กลัวว่าพลาดท่าพลาดทาง มันตกใจทำปืนลั่นขึ้นมาละเป็นได้ซวยไม่เลิกแน่

แต่ที่เป็นไฮไลท์ของงานต้องยกให้ มหกรรมกีฬาสี่เสามาราธอน ครั้งที่ 1 โดยคมช.เป็นโ้ต้โผใหญ่ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฏาคม 2550 สนุกสนานเฮฮาถึงใจพระเดชพระคุณ ชนิดที่ว่าลืมไม่ลงไปจนวันตาย

เริ่มจากตอนบ่ายเป็นมหกรรมเดินวิ่งการกุศล เริ่มต้นออกจากท้องสนามหลวง ไปสิ้นสุดที่บ้านพักคนชราสี่เสาเทเวศน์ ระหว่างทางมีคั่นรายการเล็กน้อย ด้วยกีฬายกน้ำหนัก เป็นรายการสามัคคียกรถสูบส้วม เอาไปคว่ำทิ้งข้างทาง หลังจากนั้นจึงเดินต่อไปจนถึงปลายทางที่สี่เสา

รายการต่อมาเป็นการร้องเพลงเชียร์ โดยนักร้องประสานเสียงจำเป็น เพลงสดุดีบรรพชนสี่เสาชุดใหญ่ พร้อมหางเครื่องเชียร์ลีดเดอร์ครบชุดอลังการ เสียงดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณ กรอกใส่หูผู้เฒ่าในบ้านพักคนชรา ซาบซึ้งจนควันออกหู

ที่ว่ามานั่นแค่เรียกน้ำย่อย ของจริงอยู่ช่วงดึกหลังสี่ทุ่ม สี่เสาเค้าจัดให้ เป็นมหกรรมกีฬามหาระทึก รายการวิ่งป่าราบ ผลัด 4 คูณ 100เมตรผสม ชาย หญิง เด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา ชิงตั๋วเครื่องบินไปกลับกรุงเทพฯ-ห้องกรง พร้อมที่พักฟรี 7 คืน 8 วัน ไม่พอยังต่อได้อีกไม่อั้น มีอาหารเลี้ยง 3 มื้ออีกต่างหาก

พอนักกีฬาแตกฮือกระจายเป็นวงกว้างยังกะผึ้งแตกรัง ก็เป็นสัญญาณว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ คนหลังวิ่งมาล้มลงแล้วคนหน้าค่อยวิ่งต่อ

ความสนุกสนานอยู่ที่ มีกรรมการถือกระบองวิ่งไล่หวด อย่างเอาเป็นเอาตาย นักกีฬาเลยต้องใส่กันเต็มที่ สปีดวิ่งกันสุดชีวิต สับขายังกับจักรผัน เรียกว่าถึงขั้นใส่เท้าสุนัขกันเลยทีเดียว

เท่านั้นยังตื่นเต้นไม่พอ เลยมีอิฐบินมาร่วมสนุก อันนี้มาเอง ทางคณะกรรมการยอมรับว่าไม่รู้เรื่อง แหม...มันปลิวว่อน เฉี่ยวซ้ายเฉี่ยวขวา เฟี๊ยวฟ๊าวยังกับอยู่ในสนามรบ ทำให้นักกีฬาต้องวิ่งซิกแซกสลับฟันปลาเพื่อหลบหลีก ลดความเสี่ยงที่อิฐจะโดนกบาลไปได้หลายขีด

กีฬามันๆอย่างนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้เป็นอันขาดคือแกสน้ำตา อันนี้สมนาคุณจากวีรบุรุษนาเก๊ เห็นว่าจัดให้ไปร้อยกว่าลูก กลัวว่าจะแจกจ่ายกันไม่ทั่วถึง โอย..สะใจวัยรุ่นอย่าบอกใคร เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ เพิ่งได้มาเจอตัวจริงเสียงจริงก็วันนี้ น้ำตางี้ไหลพรากๆ เป็นเผาเต่า แซบอีหลี ดีคักๆ แหล่มจริงๆ

นักกีฬาที่หลบไม่พ้น ถึงกับหัวร้างข้างแตกเลือดอาบไปก็ไม่น้อย บ้างก็ถึงกับสลบเหมือดต้องหามวิ่งเอาเพื่อทำเวลา นักกีฬาหญิงที่เรี่ยวแรงน้อยหน่อย วิ่งหนีไม่ไหว ก็ยังมีออปชั่นพิเศษ ให้ยกมือไหว้ขอชีวิตได้ ตามประเพณีอันดีงามแบบไทยๆ

หลังการแข่งขันจบลง นักกีฬาที่ชนะเลิศต่างแสดงสปิริต ไม่มีผู้ใดประสงค์รับรางวัล ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ต้องออกหมายเรียก ขนาดว่ามีนักวิ่งลมกรดที่ฝีเท้าจัดจ้าน เข้าข่ายได้รับรางวัลเป็นกะตั้ก แต่ที่ไปรายงานตัวรับรางวัล กลับมีเพียงไม่กี่คน

เท่าที่จำได้ก็มีจตุพร ณัฐวุฒิ จักรภพ และที่ขาดไม่ได้คืออ.มานิตย์ ขานี้แม้จะอาวุโสแล้ว แต่ยังแรงไม่แผ่ว แต่ตอนไปรับรางวัลกลับบ้อลัก ทำให้ลำบากเจ้าหน้าที่ ต้องหามไปทั้งเก้าอี้

มหกรรมกีฬาแห่งชาติอันยิ่งใหญ่อย่างนี้ นานปีมีหน สมัยก่อนเห็นว่าจัดบ่อย 3ปี 5 ปีก็เอาซะครั้งนึง มาหลังๆนี่ชักห่างไป เหลือแค่ 15 ปีครั้ง หมายความว่า ท่านที่พลาดโอกาสทองอันนี้ไป ก็ต้องรอเหงือกแห้งอีก 15 ปี ไม่รู้ว่ายมบาลจะถามหาซะก่อนหรือเปล่า

สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เราเลยได้วีรบุรุษบินฟรีมาประะดับวงการ ก่อนจากยังมีแก่ใจเซ็นทิ้งทวนให้เอไอเอสอีกหนึ่งจึ๊ก กลัวว่าคนใหม่มาจะเซ็นไม่เป็น

ดาวรุ่งอีกดวงที่มาแรงยังกับผีพุ่งใต้ เป็นที่ติดตาตรึงใจด่ากันไม่เสร็จ ย่อมหนีไม่พ้นโฆษกไก่อู พ.อ.สรรเสริญ ผู้ให้กำเนิด นับจากนี้ไปนับว่าอนาคตรุ่งริ่ง น่าจับตามอง

ต้องขอขอบคุณคมช.ที่อุตส่าห์ลำบากตรากตรำ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจัดการแข่งขันให้ประชาชนอย่างเราๆ ได้เอ๊กเซอร์ไซส์เพื่อสุขภาพกัน คาดไม่ถึงว่างานนี้ มีประชาชนเข้าร่วมถึงครึ่งค่อนประเทศ เล่นเอาอาบังตาเหลือก เสียผู้เสียคนไป

หลังจบงานนี้ พวกเราเลยเป็นงานกันขึ้นเยอะ คราวหน้าเจอกันใหม่ รับรองสนุกถึงกึ๋นแน่นอน แต่ยังไงก็แล้วแต่ ในที่สุด คณะกรรมการชุดนี้ก็แตกกระสานซ่านเซ็น สัญจรไพรกันไปตามระเบียบ บางคนหลงไปถึงดูไบ ยังหาทางกลับไม่เจอ จนแล้วจนรอด

ประชาชนอย่างเราๆ ก็ไม่มีอะไรจะให้เป็นของฝาก แทนคำร่ำลา นอกจากคำว่า...

ลาก่อน คมช. ชาติหน้าพบกันใหม่...

วโรทาห์: 22 ม.ค. 51

Sunday, January 20, 2008

ไล่แม้วไป ได้หมักมา... โอ๊ยจะบ้าตาย !!!

แมลงสาบสะอื้น... ละครซีรี่ส์ย้อนยุคดึกดำบรรพ์ จากประเทศสารขัณฑ์ ฉายมาอย่างต่อเนื่อง 61 ปี ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ยิ่งดูยิ่งมัน ตัวแสดงก็เล่นได้สมบทบาท เชือดเฉือนกวนโอ๊ยกันสุดฤทธิ์สุดเดช จนคนดูอิน.. ด่าซะระงมไปทั้งบาง

เริ่มต้นตอนใหม่ล่าสุดสดๆร้อนๆ พระเอกรับประทานแห้วเข้าไปเข่งใหญ่ ร้องเป็นหมาถูกน้ำร้อนลวก นี่แค่เรียกน้ำย่อยชิมลางกันเบาะๆ ยังมีฉากชิงรักหักสวาทกันอีกพะเรอเกวียน ขอเชิญแฟนๆติดตามอย่างใกล้ชิด อย่าได้กะพริบตาเป็นอันขาด ถ้าไม่อยากพลาดช็อตสำคัญ

หันมาที่เรื่องจริงกันบ้าง... 18 ม.ค. 51 กลายเป็นวันที่ต้องจารึึกไว้ในประวัติศาสตร์ เมื่อมีพวกแพ้ไม่เป็น หาเรื่องไปฟ้องศาลให้ยุบพปช.ซะงั้น เล่นเอาลุ้นกันตัวโก่งตัวงอ ยุบ..ไม่ยุบ ยุบ..ไม่ยุบ สวิงสวายท้องผูกกันไปทั้งวัน

จะไม่ให้ลุ้นได้ยังไง ก็ข่าวลือหนาหูทั้งวันว่ามันเอาแน่ ประมวลเหตุการณ์ดูหรือก็เข้าทางไปซะหมด บักเทือกหมอดูผีบอก ออกอาการมั่นอกมั่นใจซะเต็มประดา ว่างานนี้ได้ตั้งรัฐบาลแน่ ของอย่างนี้ไว้ใจได้ซะเมื่อไหร่ ขนาดใบเหลืองกกต.ว่าลับนักลับหนา มันยังเดาซะถูกเผง

ยังมีเฒ่ายุทธอีก ขานี้ร้อยวันพันปีไม่พูดไม่จา พอพูดออกมาทีลมแทบใส่ คงกลัวคนจะหาว่าใบ้ พอนักข่าวชงคำถามเรื่องความวุ่นวายหลังศาลมีคำวินิจฉัยให้ ก็ยกซดพรวดบอกว่า ให้เคารพกฎหมาย อย่าใช้กฎหมู่ เอาละวา...ตีความได้ว่า มีโอกาสได้ใช้กฎหมู่กันละโว้ย

จะว่าไปแล้วก็พอกันทั้งคนถามคนตอบนั่นแหละ คนถามก็ช่างซักช่างถาม คนตอบก็ยังกะผีเจาะปาก แทนที่จะอ้อมๆไปว่า ไม่มีน่า... วุ่นวงวุ่นวายอะไรกัน แค่นี้มันก็จบเรื่อง นี่เล่นรับมุกกันเป็นตุเป็นตะ ยังกะกลัวว่าชาวบ้านจะสบายใจกันเกินไปซะงั้น

ยิ่งข่าวล่ามาเร็วบอกว่ามีเลื่อน ไปตัดสินกันตอน 6 โมงเย็น แค่นั้นแหละ ใจไปกองอยู่ที่ตาตุ่มเลย ไม่ต้องเดากันแล้ว ผู้สันทัดกรณีฟันธงเปรี้ยงไม่ต้องกลัวธงหักว่ายุบชัวร์ ตัวอย่างก็มีให้เห็น เมื่อวานหยกๆ โรคเลื่อนแบบนี้แหละ เสร็จแล้วก็ไม่คุ้มครองไอทีวี

ย้อนไปอีกวันคือวันก่อน เจ้ากรมกร๊วก ก็ถือฤกษ์งามยามดี 6 โมงเย็น ส่งแฟ็กซ์ไปแจ้งปิดไอทีวี เล่นเอาวงแตก พนักงานต้องรีบพรวดพราด เก็บข้าวของออกจากสถานี ยังกับหนีไฟ

นึกแล้วก็ขำ ก่อนนี้ ถ้าเรื่องไหนขึ้นสู่ศาลละก็เป็นอันสบายใจได้ กลับบ้านนอนตีพุงจิบเบียร์รอฟังคำตัดสินได้เลย มาเดี๋ยวนี้กลับตรงข้าม พอบอกว่าเรื่องไปถึงศาลแล้ว เท่านั้นแหละ สะดุ้งแปดตลบ ท้องใส้ปั่นป่วน วิงเวียน สวิงสวาย หัวใจสั่น ไม่รู้ว่าเพราะอะไร

คนเป็นงานหน่อยก็รีบนอนพักผ่อนเอาแรง กะว่าตื่นมาเย็นๆได้เวลา ฤกษ์งามยามดีี ตัดสินเสร็จปุ๊บ ก็ออกไปรวมพลกันที่สวนมิสกวันปั๊บ พร้อมแล้วก็เคลื่อนทัพ ไปเยี่ยมคนแก่ที่บ้านพักคนชราแถวเทเวศน์โลด

เรียกว่าชั่วโมงนี้ เกิดอะไรไม่ชอบมาพากลขึ้นในบ้านในเมือง ลากคอป๋ามาปล้ำตีเข่าไว้ก่อน โอกาสเล่นถูกตัวมีสูงปรี๊ด แต่ถ้าเกิดผิดฝาผิดตัว พลาดพลั้งประการใดก็ขออภัย วันหน้าจะมาแก้ตัวใหม่ เอิ๊ก..เอิ๊ก..

สรุปสุดท้าย ไม่มีอะไรในกอไผ่ ยกฟ้องเรียบวุธ ป๋าเลยรอดตัวไป พลพรรคพปช.ก็เฮฮาปาร์ตี้ ยิ้มง่ายถ่ายคล่อง ฉลองกันไม่เสร็จ แต่พอหันไปทางแมลงสาบ อุ..แม่เจ้า ราวฟ้ากับเหว ยังกับพ่นดีดีทีเข้าไปในรูแมลงสาบ ออกมาชักดิ้นชักงอตัวแดงเถือกเกลื่อนไปหมด ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวลอย่างน่าเวทนา บรื๋อออ...

ย่องไปดูยามในเว็บ.มาเนเจอร์ เข้าชม 41 คน โพสต์ไป 200 กว่าความเห็น แหกปากด่าคนตัดสินเช็ดเม็ด หาว่าทำไมไม่บอกแต่แรกว่าผิดศาล จะได้ไปซะให้ถูกศาล เรียกว่ามาในแนวตัดพ้อ.. ไม่รักทำไมบอก มาเขี่ยให้อยากแล้วก็จากไป อารมณ์ค้างหมด

ที่หนักหน่อยก็ด่าโขมงโฉงเฉง หาว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง ฉิ๊บหายแล้วประเทศไทย ล่มจมแหงแก๋ ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศกันแล้ว.. ถึงวันนี้ไม่รู้ไปกันหรือยัง แต่ล่าสุดยามใหญ่ให้ไปจองศาลาไว้ แล้วประกาศก้อง...

ด้วยศักดิ์ศรีของยาม ย่อมไม่สมควรตายอย่างน่าอนาถ ภายใต้เงื้อมมือของศัตรู... พ่อแม่พี่น้อง เรามาฆ่าตัวตายหมู่กัน ให้สมศักดิ์ศรียามเผาแผ่นดิน... ชะแว๊ป... ยามหายหัวเกลี้ยง

และแล้ว พันธมารก็งัวเงียตื่นขึ้นมา สบัดหัว 18 ตลบ แล้วนั่งกุมขมับ... คุ้มไม๊วะเนี่ย ลงทุนไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง สุดท้าย...

ยุบไทยรักไทยไป ได้พลังประชาชนมา...

ไล่แม้วไป ได้หมักมา... โอ๊ยจะบ้าตาย !!!

วโรทาห์์: 20 ม.ค. 51

Thursday, January 17, 2008

ลุงหมักข้า... ใครอย่าแตะ!!!

เฮ่ย..พักนี้ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไรกัน ป่วนได้ป่วนดี ไม่ต้องเป็นอันทำมาหากินกันแล้ว กำลังอารมณ์บ่จอย ร่ำๆจะล่อป้าเห็ดอยู่แหล่่มิแหล่ โทษฐานที่ชักใบแดงใส่พปช.ของข้า มือเป็นระวิง หันมาอีกทีอ้าว! พวกเวรตะไล ถือโอกาสช่วงชุลมุน แอบมั่วกัดลุงหมักของข้ากันหนุบหนับๆ

เรื่องของเรื่อง ก็ไอ้สื่อชั่วอย่างมติโจร กับสื่อโจรอย่างเนชั่ว มันรวมหัวกันลุกขึ้นมาก่อกรรมทำเข็ญ อีกแล้วครับท่าน ไม่รู้โคตรเหง้าเหล่ากอมัน ไปแค้นฝังหุ่นกับลุงหมักมาแต่ชาติปางไหน ถึงได้ตามจิกตามกัดไม่เลิก

นี่ก็เต้าข่าวกันโจ๋งครึ่ม กะเสียบสกัดลุงหมักไม่ให้เป็นนายกฯ อย่างเอาเป็นเอาตาย เห็นแล้วไม่ได้กลัวหรอกนะ แต่มันรำคาญว่ะ

เลยขอประกาศไว้ณ.ที่นี้ ให้พวกเอ็งจำใส่กะโหลกหนาๆไว้เลยว่า พวกข้าอนุมัติ เป็นปกาศิตคนจนแล้ว ให้ลุงหมักเป็นนายกฯแต่เพียงผู้เดียว โนแคนดิเดทบ้าบออะไรทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องมาเสี้ยม ไม่ต้องมายุ ใครขืนมาทำอะไรลุงหมักของพวกข้า งานนี้มีเคือง น้าทักเองแกก็รู้ดี ยังไงแกก็ไม่ขัดพวกข้าอยู่แล้ว อีกอย่างพปช.นี่มันก็เป็นพรรคของพวกข้า ใช่ว่าเป็นพรรคของน้าทักแกซะเมื่อไหร่

ก็ลุงหมักคนนี้ไม่ใช่หรือ ที่นำทัพพวกข้าปราบกบฏซะอยู่หมัด ลงว่าร่วมหัวจมท้าย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ต่อสู้ด้วยกันมาซะขนาดนี้ จู่ๆเสร็จศึกจะมาถีบหัวส่งกัน นั่นมันนิสัยของพวกเอ็ง ไม่ใช่พวกข้า

แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างสมานฉันท์ด้วย หน็อย! มาหาว่าปากลุงหมักไม่สมานฉันท์ เฮ้ย! ที่พวกข้าเลือกลุงหมักกันถล่มทะลายนี่ ยังไม่สำเหนียกกันอีกเหรอ ว่าพวกข้าไม่ต้องการสมานฉันท์ คำๆนี้พวกข้าลืมไปตั้งแต่ 19 กันยา 49 แล้ว ขอใหู้รู้ไว้ด้วย

หน็อยแน่... พอเพลี่ยงพล้ำขึ้นมาละ พร่ำหาสมานฉันท์กันปากสั่นเชียวนะเมิง แล้วตอนที่ไล่บี้พวกข้า ทุบเอาๆล่อซะจนพวกข้าเลือดอาบแดงเถือก แถมยังออกสื่อด่าซ้ำอีกต่างหาก ไม่เห็นมีหมาตัวไหนเห่าคำว่าสมานฉันท์ซักตัว

แล้วว่าก็ว่านะ ตอนที่พวกข้าเสียเปรียบแทบเอาตัวไม่รอด ก็ยังไม่เคยร่ำร้องขอสมานฉันท์กับพวกแกเลย นับประสาอะไรกับตอนนี้ แต้มต่ออยู่ในมือพวกข้าเห็นๆ แล้วจะไปสมานฉันท์ทำแป๊ะอะไร

แล้วก็ไม่ต้องมาขู่ปฏิวัติด้วย มาถึงวันนี้ไม่มีใครกลัวใครหรอก มันเลยจุดที่กลัวมาตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว มีแต่พวกเอ็งนั่นแหละที่กลัว เพราะกอดสมบัติไว้เยอะ แต่พวกข้าจนกรอบเป็นข้าวเกรียบ อยู่ตัวกันหมดแล้ว เลยกลัวซะที่ไหน

ดีเหมือนกัน ให้มันจลาจลซะ จะได้ปล้นพวกแกกินให้สิ้นเรื่องสิ้นราว หน้าไหนที่ขูดรีดชาวบ้านไปเก็บงำไว้เยอะๆ ระวังตัวกันไว้ให้ดีก็แล้วกัน ที่ยัดๆกันเข้าไปจะตามทวงคืนซะให้หมด พวกอีแอบทั้งหลาย ก็จะได้ลากคอออกมาประจานกันใหหน้าม้านไปเลย

ไหนๆทิ้งไว้คาราคาซัง วันหน้ามันก็ต้องรบกันอยู่ดี ก็เอามันซะเลยตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ เอากันตอนที่พวกข้ายังมีชีวิตอยู่นี่แหละ ล่อกันให้ประชาชนชนะเด็ดขาดไปซะที

อย่าให้ต้องยืดเยื้อไปถึงลูกหลานให้มันด่าเอาในวันหน้า ในเมื่อมันพูดกันไม่รู้เรื่อง จะเอาแต่ได้กัน ก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีกแล้ว

เอาไม๊หละ มาเล่นเผาบ้านเผาเมืองกัน มาดูว่าใครจะเผาได้เหี้ยนเต้กว่ากัน ใครจะฉิ๊บหายหนักกว่ากัน

ไอ้พวกแมงสาบก็เหมือนกัน อย่ามาซ่านให้มากนัก เห็นแล้วมันทุเรศลูกตา ต่อให้พวกแกเขย่าต้นยังไง ลูกไม้ก็ไม่หล่นใส่ปากได้หรอก ทรยศประชาชนซะขนาดนี้ เลียแข้งเผด็จการซะขนาดนั้น เป็นอันว่าไม่ต้องมาเผาผีกันแล้ว มีลูกสอนลูกมีหลานสอนหลาน ห้ามคบแมงสาบเด็ดขาด

สรุปว่า ลุงหมักตั้งรัฐบาลไป ไม่ต้องไปกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่รับข้อต่อรองใดๆทั้งสิ้น รวบรวมได้กี่พรรคกี่เสียงก็เอา อยู่ได้กี่วันก็เท่านั้น เรื่องมากนักก็ยุบสภาไป เดี๋ยวพวกข้าไปเลือกกลับมาใหม่ ไม่ต้องห่วง โนพร็อมแพร็ม ไม่มีปัญหา

ติ๊งต่างว่าเกิดซวยจัด จับพลัดจับผลูแมงสาบได้ 300 เสียงขึ้น ก็ให้มันตั้งรัฐบาลให้หายอยากซะ บ้านเมืองจะได้สงบ วาระประชาชนก็จะได้เป็นจริงซะที ชาวบ้านเขาคอยอยู่ ก๊ากกก... ขอโทษ มันกลั้นไม่อยู่จริงๆ

เอาเป็นว่า พวกใครก็พวกมัน ใครอยากทำอะไรก็ทำ แต่...

ลุงหมักข้า... ใครอย่าแตะ!!! ...นะโว้ย

วโรทาห์: 17 ม.ค. 2550

Saturday, January 12, 2008

ไชโย...ในที่สุดมาร์คก็ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ เย้ๆๆๆ...

ในกระบวนชุมชนคนมักกะสัน ที่ฝันใฝ่ไขว่คว้าอยากเป็นนายกฯด้วยกันแล้ว ดช.มาร์คนับว่าอาการหนักกว่าเพื่อน ด้วยความที่เป็นเด็กดันทุรังสูงมาแต่กำเนิด แถมยังมีแบ็คดีอย่างชีปะขาวแขนด้วนคอยอุ้มชู

อันว่าชีปะขาวเฒ่าผู้นี้ ดีกรีก็ใช่ย่อย ตำแหน่งผู้มีบารมีนอกกฎหมาย ย่อมเพียงพอที่จะเป็นหลักประกันว่าไม่ธรรมดา แถมพกด้วยฉายา ตาปะขาวแขนเดียวที่ชาวบ้านตั้งให้ ตั้งแต่เห็นมือข้างซ้ายของแกหายไป ก็ใช่ว่าเหตุบังเอิญ

เพียงแต่ว่ามีน้อยคนที่จะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ตาปะขาวแกไม่ได้แขนด้วนซักหน่อย แต่เป็นเพราะแกตั้งใจฝึกวิชาจนได้ฌานแก่กล้า ทำให้มือซ้ายที่แสนสกปรกหายไป กลายเป็นมือที่มองไม่เห็น เหมาะแก่การล้วงควักยิ่งนัก

ด้วยความที่ขาดการเอาใจใส่อบรมสั่งสอนจากบุพการี ทำให้มาร์คเติบโตมาเป็นเด็กที่ไม่ค่อยรู้จักผิดชอบชั่วดี แถมยังมีความทะเยอทะยานสูงจนทะลักขีดจำกัด เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนายกฯมา ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เมื่ออุแว้ออกมา ก็ร่ำร้องแต่จะเป็นนายกฯ

จึงไม่แปลกที่วันเด็กปีนี้ มาร์คจะดีใจจนเนื้อเต้น เหตุเพราะตาปะขาวให้สัญญาว่า จะพาไปนั่งเก้าอี้นายกฯที่มาร์คใฝ่ฝันมานาน ลุงเทือกผู้เป็นพี่เลี้ยงประจำตัว จึงต้องตื่นแต่เช้า พามาร์คไปยืนรอคุณตาที่หน้าบ้าน

ระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น ลุงเทือกก็หวนนึกไปถึงวีรกรรมอันน่าตบกะโหลกของเจ้ามาร์ค ตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนชั้นประถม 1 โรงเรียนอ๊อกสะฝอดวิทยา

วันนั้นลุงเทือกพามาร์คไปส่งให้ครูประจำชั้นแล้ว ก็หลบไปหาที่นั่งรอ เพราะเห็นว่าเป็นวันแรกก็เลยจะอยู่ดูเหตุการณ์ ไปจนยันเลิกเรียน แล้วรับกลับบ้านเลยทีเดียว

พอเข้าห้องเรียน หลังจากที่ทำการปฐมนิเทศถึงเรื่องต่างๆที่ควรรู้เสร็จแล้ว ก่อนที่จะเข้าบทเรียน ครูก็บอกทุกคนว่า ระหว่างที่นั่งเรียนอยู่ ถ้าใครปวดปัสสาวะ หรืออุจจาระก็ให้ยกมือขึ้น เมื่อทุกคนเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว ครูจึงเริ่มการสอนต่อไป

เรียนอยู่ได้ตั้งนานไม่มีเรื่อง พอพักเที่ยง ครูพานักเรียนชักแถวไปกินข้าวในโรงอาหารเท่านั้นแหละ เรื่องก็มา ครูประจำชั้นวิ่งหน้าตาตื่นมาตามลุงเทือกไปเคลียร์ เล่นเอาลุงแกใจหายวาบ

พอไปถึงที่เกิดเหตุ ลุงเทือกก็ลมแทบใส่ ประเมินสถานการณ์แล้ว รู้สึกว่าจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้เยอะ ตาที่โปนอยู่แล้ว จึงแทบจะถลนออกมานอกเบ้าตา

เจ้ามาร์คยืนร้องไห้ขี้มูกโป่ง อุจจาระเรี่ยราดเต็มกางเกง ทั้งครูทั้งนักเรียนแตกฮือ หนีเอาตัวรอดไปคนละทิศละทาง ยืนสังเกตุการณ์อยู่ห่างๆ ให้พ้นรัศมีของกลิ่น ไม่กงไม่กินกันแล้วข้าวปลา ทำให้ในรัศมี 20 เมตร ไม่มีแม้แต่หมาซักตัวเดียว

สภาพโดยทั่วไป เหมือนสถานที่เกิดเหตุบึ้มนราธิวาส ลุงเทือกอายผู้คนจนหน้าแดง แต่ไม่มีใครเห็นเพราะหน้าแกดำจัด คว้าข้อมือเจ้ามาร์คได้ ก็ฉุดกระชากพาวิ่งเรี่ยราดไปทางห้องน้ำ พอลับตาผู้คนก็เริ่มต้นกระบวนการเฉ่งปี๋ทันที

"บ้าเอ๊ย จะขี้ทำไมไม่หาห้องน้ำ!" ลุงเทือกโวยวายด้วยภาษาลูกทุ่ง

"ก็ ก็คุงคูบอกว่า... ถ้าปวกอุกจาระให้ยกมือขึ้ง" ดช.มาร์คตอบกลั้วเสียงสะอึกสะอื้น

"แล้วทำไมไม่ยก!" ลุงเทือกตวาดเสียงดังจนเจ้ามาร์คสะดุ้ง

"ยกแล้ว..." เจ้ามาร์คขึ้นเสียงเถียงให้ลั่น "มาร์คยกตั้งหลายที มังก็ไม่หายปวก... เลยรากออกมาเลย แง..." เถียงเสร็จก็แหกปากร้องจ้าสนั่นหวั่นไหว

"ไม่ต้องมาร้อง... ตูต่างหากทีู่ควรจะร้อง..." ลุงเทือกก็ไม่ลดราวาศอก "แล้วปวดท้องขี้บ้านแกเรอะ! ยกมือแล้วหายปวด... เวรเอ๊ย... ทำไมโง่นักวะ"

"ก็คุงคูบอกอ้า!" เจ้าเด็กดื้อยังแหกปากเถียงคำไม่ตกฟาก

"แน้...ยังจาเถียงอีก เดี๋ยวปั๊ด...เหนี่ยว" พูดขาดคำปุ๊บ มือก็ทำหน้าที่ปั๊บโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอสมองสั่งการ เพราะลุงแกปากว่ามือถึงอยู่แล้ว

เจอบ้องหูเข้าไปเต็มๆ ดช.มาร์คถึงกับหูดับไปชั่วคราว เลยไม่รู้จะเถียงยังไงต่อ

"ครูเขาหมายถึงถ้าปวดอยู่ในห้อง ให้ยกมือขออนุญาตไปห้องน้ำโว้ย... โอยๆ... เมื่อไหร่มันจะหายโง่วะนี่" ระหว่างทำความสะอาด ปากก็พร่ำเทศนาไม่หยุด

"ยังมีหน้ามาสะเออะอยากเป็นนายกฯ... ท่าจะบ้า โง่ยังงี้เรียนได้ถึงม.7 ก็หรูแล้ว..." ยิ่งนึกยิ่งโมโห เลยเงื้อมือกะจะเหนี่ยวให้เต็มที่อีกซักฉาด

"มาแว้วๆๆ" เสียงเจ้ามาร์คตะโกนลั่นยังกะเจ๊กตื่นไฟ เล่นเอาลุงเทือกสะดุ้งตื่นจากภวังค์ รีบลดมือที่กำลังจะทำงานลงอย่างรวดเร็ว

ไกลออกไปในถนน ปรากฎรถถังโบราณสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ทั้งเก่าทั้งผุ คลานงกๆเงิ่นๆมาแต่ไกล แล่นดังกึงกังๆ เสียงเหมือนรถบดถนน ทำเอาแผ่นดินบริเวณนั้น สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด

รถยังจอดไม่สนิท สองลุงหลานที่รอจังหวะอยู่แล้ว ก็พากันปีนขึ้นไปบนหลังคา คล่องแคล่วยังกะลิงปีนต้นมะพร้าว ลุงเทือกทิ้งตัวลงไปในช่องโดยสาร แต่เจ้ามาร์คกลับงอแงไม่ยอมลง มันชอบยืนเต๊ะจุ๊ยอยู่บนหลังคามากกว่า

ภายในรถถัง เห็นทหารแขกหน้าดำอยู่ในที่นั่งคนขับ หน้าตาทึ่มๆแต่กลับดูกรุ้มกริ่ม ลักษณะออกไปในแนวเจ้าชู้ เมียหนึ่งไม่พอต้องสามถึงจะตามตำรา ด้านหลังของเขามีตาแก่คนหนึ่ง นั่งปากจู๋หัวขาวโพลนคอยกำกับอยู่

เป็นที่รู้กันว่าลำพังเจ้าแขกตาขาวผู้นี้คนเดียว มันไม่กล้าขับรถถังออกมาแน่ ขึ้นชื่อว่าเรื่องกลัวตายแล้ว มันไม่เคยเป็นสองรองใคร ตาปะขาวจึงต้องมานั่งกำกับบท ให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด

แต่คนทั่วไปดูไม่ออก เพราะแกนั่งปากจู๋ทำหน้าตาย ไม่รู้ไม่ชี้ โชว์ให้เห็นมือข้างขวา วางราบบนหน้าขาอย่างสงบเสงี่ยม ใครจะนึกว่า ยังมีมือสกปรกข้างซ้ายที่มองไม่เห็น ล้วงควักอยู่พัลวัน

ระหว่างนั้น พวกปัญญาอ่อนก็เอาดอกไม้มาให้กำลังใจ พร้อมกับเต๊ะจุ๊ยถ่ายรูปคู่กับรถถัง ที่หนักกว่านั้นก็เอาโคโยตี้มาเต้นยั่วสวาท โดยหารู้ไมู่้ว่าตาปะขาวนั้น ไร้อารมณ์กับอิสตรีเพศโดยสิ้นเชิง

พอรถตั้งท่าจะออก เจ้ามาร์คก็ตะโกนลั่น "เดี๋ยวก่อนๆ มาร์คปวดอุกจาระ" ว่าแล้วก็เผ่นพรวดลงจากรถ วิ่งเอามือกุมดากหายเข้าไปในบ้าน ครู่ใหญ่ๆจึงวิ่งปรื๋อกลับออกมาอย่างอารมณ์ดี แล้วปีนกลับขึ้นไปบนรถถังอย่างเดิม

อริยาบททั้งหมดของเจ้าเด็กดื้อ ไม่ได้รอดพ้นไปจากสายตาของชายทั้งสามในรถ ที่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก

"มันเป็นยังงี้แหละ...ประจำ.. พูดจนปากเปียกปากแฉะและ... ออกรถไปเถอะ... ไม่ต้องไปสนใจมัน" เมื่อลุงเทือกเอ่ยปาก ทหารแขกจึงหันไปเคี่ยวเข็น เจ้ารถถังบุโรทั่งให้ออกเดินทาง ในขณะที่ตาเฒ่ายังคงนั่งเตี๋ยมเตี้ยม เหมือนใสซื่อซะเต็มประดา

เจ้ามาร์คกระโดดโลดเต้นบนหลังคารถไปตลอดทาง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่แตกตื่นมาดูกัน ยังกะไม่เคยเห็นคน ยิ่งสาวๆด้วยแล้ว พวกหล่อนถึงกับกรี๊ดสนั่นไปตามๆกัน แต่ละคนหน้าแดงเป็นผลสตรอเบอรี่สุก

เห็นผู้คนชี้ไม้ชี้มือมาที่มัน บรรดาสาวๆก็สะกิดแม่ บอกกล่าวกันให้หันมาดู เจ้าเด็กเมื่อวานซืนก็ยิ่งคึกคัก ยังกะโด๊ปยาบ้ามาล็อตใหญ่ แหกปากตะโกนพล่ามตลอดเวลา ไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ไม่ได้สนใจว่าใครจะฟังรู้เรื่องไม่รู้เรื่อง

"มาร์คเป็นคนดีที่ซู๊ด... คนอื่นเลว คนอื่นชั่ว... ภาระประชาชน.. ประชาชนต้องตายก่อน.. 99 วันเผาจริงจริ๊ง แบร๊ๆๆๆๆ.."

เมื่อถึงทำเนียบฯ อาศัยว่าได้แบ็คดี เจ้าทหารหน้าดำเลยขับรถถังตลุยเข้าไปส่งถึงข้างใน อย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม พอรถจอด เจ้าเด็กโง่ก็โดดเหย็งลงมา แล้วคุยฟุ้ง

"ลุงๆ เห็นไม๊ล่า.. สาวๆกรี๊ดมาร์คกันใหญ่เลย เพราะมาร์ครูปหล่อไง ฮ่าๆๆๆ"

"เอ็งแน่ใจเหรอ... ว่าเค้ากรี๊ดเอ็งที่รูปหล่อ" ลุงเทือกทำหน้าเย้ยหยัน

"แน่ใจสิ... ไม่งั้นเค้าจะกรี๊ดทำไม... ฮ่าๆๆ"

"เค้ากรี๊ดเอ็งไม่ได้นุ่งกางเกง! ก๊ากกก" ลุงตาโปนกระแทกเสียงด้วยความสะใจ พร้อมกับชี้มือไปที่เป้าของมาร์ค แล้วปล่อยป๊ากอย่างสุดกลั้น

เจ้ามาร์คใจหายวาบรีบก้มลงสำรวจเบื้องล่าง พอเห็นน้องชายสุดที่รักผงกหัวขึ้นมาทักทาย ก็แทบหงายเก๋ง... ยังกะถูกชกเข้าที่เบ้าตาอย่างจัง หน้าที่ว่าด้านๆยังชาไปทั้งแถบ

"แอ๊.. มาร์คลืมกางเกงไว้ในส้วมอีกแว้ว.. มาร์คแก้ผ้ามาตลอดทางเยย.. แง๊..ทำไมลุงเทือกไม่บอกมาร์ค" ลงท้ายยังแหกปากต่อว่าลุงเทือกอีก

"ถ้าบอกแล้วเอ็งจะฟังไม๊!" ลุงแกก็สวนเอามั่ง

"ไม่ฟัง!" ถ้าไม่ต่อปากต่อคำก็ไม่ใช่มาร์ค

"ก็นั่นนะสิ แล้วข้าจะบอกไปทำไม..." ว่าแล้วลุงเทือกก็ล้วงเอากางเกงตัวใหม่ ที่แกต้องสำรองไว้ในย่ามตลอด มาใส่ให้เจ้ามาร์ค แล้วอุ้มไปห้องนายกฯ

ที่ประตูห้องมีเจ้าหน้าที่สาววัยเกษียนมายืนรออยู่แล้ว เป็นสตรีรูปร่างตุ้ยนุ้ยเหมือนถังเบียร์ต่อขา แต่งหน้าซะเข้มเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยความชรา แต่กลับไปเน้นร่องรอยนางมารร้าย เด่นชัดจนดูน่าขนพองสยองเกล้า

หล่อนรับช่วงอุ้มเจ้ามาร์คไปจากลุงเทือก แล้วเอาขึ้นขี่คอวิ่งตื๋อหายเข้าไปในห้องอย่างเร่งด่วน

ที่เก้าอี้นายกฯ มีดช.หมักยืนรออยู่คิวแรก แต่ถูกเจ้าหน้าที่กอดรัดฟัดเหวี่ยง สกัดกั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางเสียงโห่ฮาป่าของคนดู ปล่อยให้หญิงอ้วนแบกเจ้ามาร์ค แซงคิวไปวางแหมะบนเก้าอี้หน้าตาเฉย ทำเอาคนดูเซ็งไปตามๆกัน

เมื่อฝันเป็นจริง เจ้ามาร์คถึงกับเก็บอาการไม่อยู่ ทำท่าลิงโลดสุดฤทธิ์สุดเดช

"ไชโย...ในที่สุดมาร์คก็ได้นั่งเก้าอี้นายกฯ เย้ๆๆๆ..." มันชูมือขึ้นสุดๆเพื่อประกาศชับชนะ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งจนแทบตกเก้าอี้ เมื่อลุงเทือกแหกปากโวยวายลั่นห้อง

"เฮ้ยๆ.. อย่าทำบ้าๆบนนั้นนะโว้ย นั่นมันเก้าอี้นายกฯ.. ไปขี้ในส้วมไป๊.." โวยจบก็รีบอุ้มเจ้ามาร์คเผ่นแน่บไปหาห้องน้ำทันที

เจ้ามาร์คได้แต่ทำหน้าเหรอหรา หันกลับมามอง... ตาละห้อย

ปล่อยให้ดช.หมักขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้นายกฯอย่างสง่าผ่าเผย ตามสิทธิอันชอบธรรม... ซะที เฮ้อ!

วโรทาห์: 12 ม.ค. 2551

Monday, January 7, 2008

ปู๊นๆ... รถด่วนขบวนสุดท้าย จะออกแล้ว

หลังจากที่ผ่านการต่อสู้กับพวกเผด็จการมาอย่างทรหด เสียเลือดเสียเนื้อ เสียน้ำตากันไปหลายปี๊บ ยังไม่รวมกับที่เสียความรู้สึกไปอีกหลายกระบุง รถด่วนสายประชาธิปไตย ตั้งท่าจะแล่นปู๊นๆออกจากสถานีอยู่รอมร่อ

พูดแล้วก็ไม่น่าเชื่อ บ้านนี้เมืองนี้ เรื่องไม่เป็นเรื่องมันยังทำให้เป็นเรื่องจนได้ จู่ๆพอบ้านเมืองกำลังจะสงบ ความเชื่อมั่นกำลังจะหวนคืนมา มันก็เอาอีกละ ป่วนกันเละเทะ้

พวกด้านนี่มันด้านจนเหลือขอจริงๆ แพ้แล้วยังไม่รู้จักว่าแพ้ จะตะแบงเอาให้ได้ สงสัยปริญญาอ๊อกสะฝอดนี่มันไปตื้อเค้ามา เอาด้านเข้าว่า เอาหนาเข้าชน พอเค้าเหลือทน ก็เลยให้มา

ถ้าว่ากันตามสิทธิแล้ว รถไฟคันนี้ มันก็ต้องให้ลุงหมักเค้าขับไป เสียงเค้าตั้ง 233 ตัวเองแค่ 165 ทิ้งกันไม่เห็นฝุ่น ต้องเอาใจช่วยลุงเค้าให้รีบรวบรวมลูกเรือให้ได้เกินครึ่ง จะได้ออกรถซะที ก่อนที่ชาวบ้านจะยืนตายซากกันซะหมด

ที่ไหนได้ นอกจากมันจะไม่ช่วยกันแล้ว ยังออกลูกตุกติก เจ้าเด็กอย่างหนานั่น ถึงกับลงไปตีแปลง แหกปากร้องลั่น ไม่ยอมๆ หนูจาขับๆ แงๆๆ... ด่าก็แล้วว่าก็แล้วมันยังไม่ฟื้น ฝ่ายกองเชียร์ก็เชียร์เย้วๆ ทั้งๆที่มันผิดทำนองคลองธรรมยังงั้นแหละ

ยิ่งเจ้าพี่เลี้ยงหน้าดำตาโปนนั่นยิ่งแล้ว ระหว่างที่ลุงหมักกำลังปัดกวาดอยู่บนรถ มันก็เดินไปรอบๆ เขย่าทางโน้นทีทางนี้ที กะให้ลุงเค้าเวียนหัวจะได้ยกธงขาว เล่นมันดื้อๆอย่างนี้แหละ

หันมาทางเจ้าเตี้ย... นี่ก็ลวดลายจัดเลื้อเกิน ยิ่งมาเข้าคู่กับเจ้าชาละวันหน้าปุนี่ยิ่งแล้ว กลายเป็นคู่หูคู่ฮา ขาป่วนอีกคู่ แต่ขานี้ยังเบาหน่อย ยังไม่ด้านพอ วันนั้นทำแหยมว่าอยากขับเอง พอเจอสวนเข้าให้ก็ถอย เปลี่ยนมาขอแค่เกาะขบวนไปก็พอ

แต่ขึ้นชื่อว่ามังกรอ้ะนะ ลวดลายเล็กๆน้อยๆมันต้องมี จะทำกระดี๊กระด๊าไปเกาะขบวนเลย ก็เสียหน้าตายโหง อีกอย่างผู้ใหญ่ที่นับถือกันมา 30 ปี ก็เหล่ตาเขียวปั้ดอยู่ แค่ไปผูกเสี่ยวที่อีสานหน่อยเดียว ยังได้เรื่อง มันฮัลโหลตามจิกถึงบ้าน

เห็นเจ้าเตี้ยควงคู่เจ้าชาละวัน เลียบๆเคียงๆยึกๆยักๆ ยียวนดีนัก ลุงหมักรวบรวมลูกเรือได้ 254 คน ก็ทำท่าจะออกรถ พอเปิดหวูดรถไฟปู๊นเดียวแท้ๆ เจ้าเตี้ยถึงกับตาเหลือกเผ่นแผล็วขึ้นรถแทบไม่ทัน

เจ้าชาละวันที่เดินหูกางหางชี้ทะล่อทะแล่อยู่ด้วยกัน หันหาเจ้าเตี้ยให้เลิ่กลั่ก เห็นอีกทีโน่น นั่งปร๋อ กวักมือเรียกหยอยๆอยู่บนรถ ฝีมือรุดหน้าจนเกินเยียวยา เรื่องอย่างนี้มันต้องไว สัญชาตญาณล้วนๆ ไม่ต้องรอสมองส่วนกลางทำงานให้เสียจังหวะ

@@@@@

อะไรเอ่ยโกงแล้วยังแพ้ ก็แมงสาบนั่นไง ถะๆๆๆถูกต้อง... พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ป๋าก็ได้แต่นั่งเซ็งเป็นนกถึดทือ ไอ่มาร์คนะไอ่มาร์ค อุ้มเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น เข็นเท่าไหร่ก็ไม่ไป อุตส่าห์ปฏิวัติมาปีกว่า ทำบ้านเมืองเสียหาย เจ๊งบ๊งวินาศสันตะโรจนเหลือแต่ซาก สุดท้ายก็โบ๋เบ๋

สู้กับใครยังพอทำเนา สู้กับประชาชนนี่มันปวดเฮดจริงๆ เครือข่ายมันแทรกซึมเข้าไปทุกรูขุมขน แม้แต่หน่วยทหารก็ไม่มีเว้น ขนาดเอกสารลับแท้ๆ มันยังล้วงเอาไปตีแผ่ซะ กลายเป็นเอกสารโจ๋งครึ่ม ฉีกหน้าอาบังให้ได้อาย ดีว่าหน้ายังหนา เลยพอเอาตัวรอดไปได้

บุรีรัมย์โมเดลที่ว่าแน่ๆก็โหลยโท่ย เจ๊งยกจังหวัด สู้ต้องกทม.โมเดลก็ไม่ได้ วิธีการก็เรียบง่าย ภูมิปัญญาชาวบ้านล้วนๆ ยกหิ่บหนีโลด แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ปชป.เข้าวินถล่มทะลาย ปิ๊ลักจัดห้าย รับประกันซ่อมฟรี โกงษะดวกโยธิน

นึกว่าพลังเงียบที่ไหน ที่แท้ก็พลังย่องเงียบ เปลี่ยนบัตรเป็นกะตั้ก สรุปว่าตีนแมวอยากได้ปิ๊สิดเป็นนายกฯ ชาวกทม.ก็ได้แต่นั่งงง แต่คณะกรรมการโกงเลือกตั้ง ยังดื้อตาใส ทำหน้าบ้องแบ๊ว ไม่รู้ไม่ชี้

โกงแล้วยังแพ้กราวรูด มือที่มองไม่เห็นก็ต้องทำงานหนัก เที่ยวล้วงเที่ยวควักให้พัลวัน เล่นเอาเสียวซ่านกันไปทั้งบาง นี่ถ้าเล่นกันถึงขั้นใช้มือที่อยู่ใต้กางเกงเมื่อไหร่ ก็ตัวใครตัวมัน

ถูกล้วงมากๆ กกต.เลยต้องออกโรง ควักใบเหลืองใบแดง ร่อนไปทางพปช.ยังกะห่าฝน เจ้ากรรม... รองเท้าก็ลอยกลับมาให้ว่อน จนหลบแทบไม่ทัน ที่น่าเจ็บใจมันมาเป็นข้างไม่มาเป็นคู่ สุดท้ายต้องเพลาๆมือไว้ เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย

สมน้ำหน้า มันก็น่าจะโดนซะมั่งคณะกรรมโกงชุดนี้ มีอย่างที่ไหน เรื่องร้องเรียนพรรคอื่นมันทิ้งลงถังขยะหมด ทีเรื่องร้องเรียนพปช.มันโดดตะครุบแทบไม่ทัน ไปยืนฟังหาเสียงมันยังจะให้ใบแดง เหลือแหล่จริงๆ

จะว่าไปมันก็ทำตัวเองทั้งนั้น ก็เล่นโกงเลือกตั้งมั่วซั่ว จนทิ้งหลักฐานเต็มไปหมด ขืนทิ้งไว้เป็นได้เจอคุก เลยต้องเ็ข็นปชป.เข้าไปเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้เรียบร้อยก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง มันเลยต้องเล่นกันทุกท่า ไม่งั้นก็เจ๊งหมดตัว

แต่เอาเถอะ จะเอาไงก็เอากัน ถ้าไม่กลัวคุกกลัวตะรางกันแล้ว ก็ไม่รู้จะว่าไง ก็ได้แต่ให้กำลังใจลุงหมัก ให้ยืนซดกับมันยาวๆไปเลย ถ้าเหลือบ่ากว่าแรงนัก จะเรียกกองหนุนเมื่อไหร่ก็บอก รากหญ้าเราเตรียมพร้อมอยู่แล้วเป็นล้านๆ

ล่อกับมันเลยลุงหมัก... อย่ายอมแพ้นะ...

สู้เค้า ทาเคชิ !!!

วโรทาห์: 6 ม.ค. 2551

Wednesday, January 2, 2008

เผลอไปเที่ยวปีใหม่แป๊บเดียว กกต.ก็แผลงฤทธิ์

ก่อนอื่นขอกล่าวคำอำลาปี 2550 ปีที่ชีวิตบัดซบแสนขมขื่น พร้อมกับต้อนรับปีใหม่ 2551 ที่ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย แต่อย่างน้อยยังมีหวังว่าจะไม่ต้องเผาจริง หากพปช.ได้ตั้งรัฐบาล

และตามประเพณีอันดีงาม ก็ต้องสวัสดีเพื่อนพ้องน้องพี่ คุณลุงคุณป้า คุณตาคุณยาย ปีเก่าผ่านไปปีใหม่ก็เข้ามา เมียเก่าไม่ไปเมียใหม่เลยไม่ยอมมา ต้องปรึกษาอาบัง จะทำยังไง จึงจะได้สามเมีย...

ย้อนหลังไปก่อนวันหยุดยาวเที่ยวปีใหม่ พวกเราก็ได้แฮปปี้เอ็นดิ้งกันถ้วนหน้า เมื่อได้ชมมวยเฮฟวี่เวทส่งท้ายปีเก่า ถูกคู่ถูกเวลา ยังติดตาตรึงใจไม่รู้หาย โดยเฉพาะช็อตเด็ดที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

ป๋าหมัก นอมินียิม วาดลวดลายหนุมานถวายแหวน ส่งอัปเปอร์คัทขวาเข้าปลายคาง เตี้ยน้อย ปลาไหลยิมเต็มๆ เป็นเคล็ดวิชามวยไทย ที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ สดๆร้อนๆ ตั้งชื่อซะเท่ห์ว่า แหงนมองหน้าอกผมหน่อย

เจอเข้าไปหมัดเดียวแท้ๆ ร่างเตี้ยม่อต้อถึงกับหงายเก๋งไม่เป็นท่า ตีแปลงลงไปแถกเหงือก ชักแหง่กๆยังกับคางคกถูกทุบหัว ปล่อยให้กรรมการนับถึงแปด รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา ทรงกายตั้งบ่เที่ยง เช็คดู
ความดันพุ่งปรี๊ด ต้องรีบเรียกหารถพยาบาล ส่งโรงหมอรามาฯด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋า

ถึงโรงพยาบาลยังทำนอนหงายอ้าปากหวอ ตาเหลือกตาค้างกลัวไม่สมจริง พนักงานเปลเลยพาลเข้าใจผิด คิดว่าตาแป๊ะถูกรถทับตาย เลยรีบเข็นเข้าห้องดับจิตโดยด่วน เล่นเอาเจ้าเตี้ยถึงกับตาเหลือกจริงๆ ลุกพรวดพราดจากเตียงโวยวายลั่นยังกะงิ้วหลงโรง

เรื่องชักจะไปกันใหญ่ พนักงานเห็นเจ้าเตี้ยเด้งดึ๋งขึ้นมาออกงิ้ว เลยขาสั่นพั่บๆ ขนหัวตั้ง นึกว่าผีหลอกกลางวันแสกๆ ทิ้งเตียงโกยแน่บเอาตัวรอด ไม่ยอมเหลียวหลัง สุดท้ายเตี้ยน้อยต้องเดินไปเช็คอินแอ๊ดมิดเอง นี่แหละน้า
... เล่นไม่เข้าเรื่อง

ถ้าใครคิดว่าการที่ป๋าหมักไปสอยเจ้าเตี้ย จนถึงล้มหมอนนอนเสื่อ จะทำให้เตี้ยโป้งหมักชนิดไม่เผาผีกันแล้วละก็ แสดงว่ายังเด็กไม่ประสีประสา นับประสาอะไรด่าเตี่ยยังเฉยๆ เรื่องแค่นี้ถือว่าจิ๊บจ๊อย ขอกันกินยังมากกว่าเป็นไหนๆ

กลเม็ดตื้นๆเซียนการเมืองเค้ารู้ทางกันดี กระบวนท่าเข้าโรงพยาบาลนี่ จัดว่าเป็นท่าพื้นฐาน เบสิคๆเรียกว่า กลเม็ดให้ท่าชวนมาต้าอ้วย

อยู่ข้างนอกมันประเจิดประเจ้อ ไปมาหาสู่ก็แสนจะลำบาก ตาสับปะรดคอยจ้อง หัวไม่วางหางไม่เว้น ปากหอยปากปูก็หมายปอง จ้องจะเอาไปเม้าท์กันให้มันปาก สู้หาที่คุยกันเงียบๆในโรงพยาบาล ใครมาเยี่ยมไข้ก็ไม่แปลก ไปมาหาสู่ก็ไม่ประดักประเดิด

ป๋าหมักนั่งหัวร่อหึหึ ดีดลูกคิดรางแก้วก๊อกแก๊กๆไปมา
2 ตลบ แล้วก็ให้น้าเรืองหิ้วกระเช้าไปคารวะศพ เอ๊ยเยี่ยมไข้ เล่นเอาเจ้าเตี้ยดีใจจนแทบบ้า ระริกระรี้เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ปิดประตูห้องคุยกันกระหนุงกระหนิง

จู่จี๋ดู๋ดี๋กันสองต่อสองแป๊บเดียวก็ได้เรื่อง ปิดจ๊อบเรียบร้อย ส่งแขกที่ลากลับแล้ว ก็แขวนป้ายห้ามเยี่ยมห้ามประกัน กระโดดขึ้นเตียง นอนเกาพุง กระดิกหัวแม่เท้าเล่นอย่างสบายใจ ซักพักก็ได้เรื่องความรู้สึกเดิมๆมันกลับมาอีกแล้ว

มันเสียวแปล๊บๆเหมือนมีมือที่มองไม่เห็น มาไต่กระดื๊บๆอยู่แถวไข่ดันอีกแล้ว เห็นท่าจะไม่ได้การ พอตกเย็นเตี้ยน้อยเลยเผ่นแผล็วกลับสุพรรณบ้านเรา จะชั่วจะดียังไง ให้ป้าแจ่มเฝ้าไข่เอ๊ยเฝ้าไข้ ยังอุ่นใจกว่าเป็นกอง

หันมาทางกกต
.บ้าง ขานี้ก็ขยันขันแข็งผิดผู้ผิดคน มีอย่างที่ไหน ปีใหม่ทั้งทีไม่เที่ยวไม่เตร่ อยู่ทำโอทีรับจ๊อบพิเศษ ฉวยจังหวะกองเชียร์เผลอ แอบสอยไข่แดงเจ้าห้อยหน้าตาเฉย เหนาะๆล็อตแรกล่อไปทำออเดิฟซะ 3 หน่อ เล่นเอาหมอเลี๊ยบกับน้าเหลิมเต้นผาง

งานนี้เห็นเค้าว่าผู้ใหญ่ที่นับถือกันมา 30 ปี ขอมาตั้งนานนมแล้ว แต่ที่มันยังค้างๆคาๆ ก็เพราะน้าสมชัยดันไม่รับมุก ทั้งๆที่คนอื่นเค้าเด้งรับกันดึ๋งดั๋งๆ หันรีหันขวางเห็นน้าชัย นายตำรวจติดตามพณฯลิ้มอยู่ว่างๆ นั่งตบยุงเป๊าะแป๊ะๆ

สาเหตุก็เพราะเจ้านายหยุดรับจ๊อบ เตรียมแพ็คกระเป๋าจ่อคิวเข้าทำปริญญาลาดยาว ผู้ใหญ่ได้ทีเลยออกไอเดียเก๋ไก๋ ขอแรงน้าชัยมาช่วยชงเรื่อง ทำบายพาสข้ามหัวน้าสมชัย เตะโด่งไปให้ป้าสดสวยเข้าชาร์จ แค่นี้ก็ผ่านฉลุยโกงษะดวกโยธิน

ขึ้นชื่อว่าศิษย์ก้นกุฏิทิดลิ้ม มีหรือจะทำให้ผู้ใหญ่ผิดหวัง คนมันกำลังอยาก คึกคักยังกับโด๊ปไวอากร้า รับลูกได้ก็วางยาวไปหน้ากรอบเขตโทษทันที แม่นยังกับเท้าชั่งทอง ลูกไปรอตรงหน้าป้าสดสวย ที่วิ่งทำทางตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ย โขยกเข้าหาลูกอย่างไม่คิดชีวิต

จังหวะเหน่งๆอย่างนี้มีหรือจะพลาด ป้าแกกดซะเต็มข้อ ล่อซะเต็มเหนี่ยว ซัลโวตามน้ำไปเต็มๆ ลูกพุ่งวาบเข้าไปตุงตาข่ายอย่างหมดจดงดงาม ชนิดที่ผู้รักษาประตูซึ่งถูกมัดมือมัดเท้าไว้เรียบร้อย ได้แต่มองตาละห้อย เรียกว่าเซฟด้วยสายตา

โชว์ฝีมือฉกาจฉกรรจ์เข้าตากรรมการซะขนาดนี้ ท่าทางอนาคตน้าชัยจะไปได้ไกล ไปได้สวย ขี้หมูขี้หมา ต่อให้พลาดท่ายังไง ลาดยาวก็ต้องได้ เรียกว่าีโอกาสตามไปรับใช้เจ้านาย ใสแจ๋วยังกับตาตั๊กกะแตน

หันไปทางลุงปิ๊ชาต ถามว่าเหตุใดไม่ใช้บริการน้าสมชัย ลุงแกก็ได้แต่แบ๊ะๆ อ้อแอ้ๆ พูดได้คำเดียวว่าหนูไม่รู้ เอ้า... ขืนเล่นมั่วซั่วยังงี้ ท่าจะมีลุ้นกันยาว ใครจะรุ่งใครจะร่วง ใครจะสุขหรือใครจะคุก คงได้รู้กันอีกไม่นานเกินรอ

แถมท้ายด้วยราคาต่อรองป๋าหมักเป็นนายกฯ เค้าวางกันไว้ที่ 100 บาทจ่าย 75 บาท โต๊ะไหนรับบ้างก็ไปหาต่อหารองกันเอาเอง แต่ที่น่าแปลกใจ ฝั่งหนูมาร์คเป็นนายกฯนี่ไหงไม่มีราคา

ถ้าใจรักจริงๆก็คงต้องไปหาโต๊ะน้าเทือกเอา เห็นว่าเปิดราคาไว้ที่ 100 บาทเอาขี้หมากองเดียว มาร์คไม่ได้เป็นนายกฯ อ้าว! แล้วเปิดทำไม... เอาเป็นว่าใครอยากรองกี่กอง ก็เชิญตามอัธยาศัย รองมากได้มาก รองน้อยได้น้อย

จับพลัดจับผลู บ้านเมือง
เกิดอาเพศ ซวยระยำหมา หนูมาร์คดันได้เป็นนายกฯขึ้นมา ก็ไปรับเงิน 100 บาทได้ที่น้าเทือก แต่ถ้าหนูมาร์คเกิดรับประทานแห้วไปตามคาด ก็เอาขี้หมาไปปาหัวน้าเทือกได้เลย ฮ่าๆๆๆๆ

วโรทาห์
: 1 .. 2551